รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.332 – รีวิวคอนโด U Delight รัชวิภา
24 สิงหาคม 2017
รีวิวฉบับที่ 1303 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่กับโครงการ U Delight รัชวิภา คอนโด High Rise บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามวัดเสมียนนารี และรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต สถานีวัดเสมียนนารี จาก Grand Unity ที่มาในแนวความคิด Urban Ecology Condo ที่ให้ความสำคัญธรรมชาติ ด้วยการจัด Landscape กว่า 2 ไร่ เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศโครงการพร้อมกันเลยค่ะ
Fact @ 02 March 2017
- U Delight Ratchavibha (ยู ดีไลท์ รัชวิภา)
- บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามวัดเสมียนนารี เขตจตุจักร
- คอนโด High Rise 23 ชั้น 875 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 45 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 345 คันคิดเป็น 39.5 % รวมซ้อนคัน 49%
- ที่ดินประมาณ 6-0-69 ไร่
- แล้วเสร็จพร้อมโอน : มีนาคม 2017
- 1 Bedroom : ขนาด 30.4 – 52 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
- 2 Bedrooms : ขนาด 51.5 – 66.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
- ราคาห้องเริ่มต้น (ปัจจุบัน) 2.99 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 98,000 – 110,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-652-4000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.838466, 100.557843
โครงการ U Delight รัชวิภา ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้าเมือง มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดเสมียนนารีและสถานีรถไฟฟ้าวัดเสมียนนารี ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคตค่ะ จาก Graphic Map ด้านบนจะเห็นว่าจากทำเลโครงการในระยะ 5 กิโลเมตรที่ขับรถได้ง่าย มีแหล่ง Shopping Place, Working Space (อาคารสำนักงาน), Resting Park (สวนสาธารณะ) พอสมควรและในระยะ 10 กิโลเมตรก็มีช่องทางการคมนาคม (Altanative Routing) หลากหลายให้เดินทางค่ะ
ทำเลโครงการ U Delight รัชวิภา ตั้งอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิต ที่เป็นถนนขนาดใหญ่แบบซูเปอร์ไฮเวย์ ซึ่งจัดเป็นถนนสายหลักในการเดินทางเข้าเมืองของคนแถบปริมณฑลฝั่งเหนือแถบย่านรังสิต ปทุมธานี ดังนั้นถนนเส้นนี้จะเป็นถนนที่มีรถเยอะทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลเลยไปถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ และเป็นเส้นทางผ่านเข้า-ออกเมืองมากกว่าเป็นถนนที่มีชุมชนพักอาศัยอยู่ ทำให้สภาพแวดล้อมของถนนเส้นนี้จะไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์หรือคึกคักเทียบเท่าระดับชุมชนที่สามารถเดินหาของกินได้ง่ายนะคะ แต่จุดเด่นของทำเลจะเน้นไปที่การเดินทางเข้าเมืองไปยังแหล่งความอุดมสมบูรณ์แถบรัชวิภา – ห้าแยกลาดพร้าว ที่มีอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าต่างๆ ได้สะดวก ดังนั้นการเดินทางของโครงการนี้ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกสุดสำหรับปัจจุบันที่รถไฟฟ้าสายสีแดงยังไม่เปิดให้ใช้บริการ
นอกจากนี้ใครที่เน้นเดินทางด้วยทางด่วนนั้นก็มี 2 ทางด่วนให้เลือกในการเดินทางทั้ง Tollway ไปดินแดง – พระราม 9 ซึ่งตรงมาเรื่อยๆ ก่อนถึงห้าแยกลาดพร้าวก็สามารถขึ้นด่วนได้เลย และทางด่วนศรีรัช ก็เดินทางไม่ยากสามารถเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเษกบริเวณแยกต่างระดับรัชวิภา เข้าแยกประชานุกูลและขึ้นทางด่วนได้เลย ระยะทางประมาณ 4 กม. ไม่ไกลมากสำหรับระยะทางขับรถ
ถึงแม้ความอุดมสมบูรณ์ระยะเดินในรัศมีไม่เกิน 600 เมตรนั้นจะไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์มากนัก แต่ในระยะที่ขับรถได้ง่าย ประมาณ 5-7 กิโลเมตรนั้นถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียวนะคะ โดยจะแบ่งเป็นย่านๆ ได้ 4 โซน ที่ขับรถจากโครงการได้สะดวก
- โซนห้าแยกลาดพร้าว เป็นย่านที่เดินทางจากโครงการได้ง่ายสุด แค่ขับตรงมาประมาณ 2.5 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว โดยบริเวณนี้เด่นๆ เลยคือ เซ็นทรัลลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ รวมไปถึงร้านค้าตึกแถวริมถนนมากมายที่มาตั้งอยู่ใกล้ห้างด้วย
- โซนรัชโยธิน-รัชดาภิเษก เป็นอีกย่านที่เดินทางง่ายเช่นกัน และเป็นย่านที่ค่อนข้างคึกคักทีเดียวเพราะอยู่ใกล้อาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง SCB และตึกช้าง เลยไปถึงบริเวณถนนรัชดาภิเษกใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งเป็นทำเลที่มีทั้งอาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัยและยังมีซอยลัดหลักๆ สามารถไปทะลุเข้าถนนลาดพร้าววังหินได้อย่างซอยรัชดา 32 เผื่อใครเบื่ออาหารในห้างก็ไปกินอาหารร้านดังๆ บนถนนลาดพร้าววังหินกันได้นะคะ ระยะขับรถก็ประมาณ 5-6 กิโลเมตร
- โซนวัดเสมียนนารี-ประชาชื่น เป็นแหล่งชุมชนดั้งเดิมที่มีร้านค้าและแหล่งความอุดมสมบูรณ์ใหญ่ อย่างตลาดประชานิเวศน์ และบองมาเช่ รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆ บนถนนประชาชื่นให้เลือกกินได้ด้วยนะคะ ซึ่งจริงๆแล้วโซนนี้อยู่ตรงข้ามกับโครงการนะคะ แต่ไม่จัดว่าอยู่ในระยะเดินเท่าไหร่นะ ด้วยทางเดินสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้ามและเดินข้ามคลองไปอีกทีค่อนข้างไกลและร้อน รวมทั้งในช่วงกลางคืนก็ค่อนข้างเปลี่ยวเหมือนกัน ดังนั้นขับรถแล้วไปกลับรถที่แยกรัชวิภาจะสะดวกกว่าค่ะ แต่ในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดให้ใช้บริการแล้ว ก็อาจจะทำให้บรรยากาศระหว่างทางคึกคักมากขึ้นได้ เพราะมีคนมาใช้บริการรถไฟฟ้ากันต่อเนื่อง เมื่อมีบรรยากาศคึกคักมากขึ้นการเดินข้ามฝั่งมาก็อาจจะน่าเดินมากขึ้นไปด้วย
- โซนงามวงศ์วาน เป็นย่านที่ไกลจากโครงการมากหน่อยและรถค่อนข้างติดพอสมควร แต่ก็เป็นอีกย่านที่มีความคึกคักเช่นเดียวกัน แหล่งความอุดมสมบูรณ์จะอยู่ใกล้กับแยกพงษ์เพชร ที่มีทั้งตลาดพงษ์เพชร The Mall งามวงศ์วาน และ Big C
ในอนาคตฝั่งตรงข้ามโครงการจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงตัดผ่านบนทำเลนี้ โดยสถานีที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีวัดเสมียนนารี โดยตั้งอยู่เยื้องๆ ฝั่งตรงข้ามโครงการเลยค่ะ ซึ่งสายสีแดงนี้ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างนะคะ แต่เห็นตัวสถานีเป็นรูปเป็นร่างแล้วพอสมควรเลยนะคะ อดใจรอกันอีกหน่อยก็จะได้ใช้รถไฟฟ้าเพื่อไปต่อเข้าเมืองได้เลย โดยจะมีจุด Interchange ตรงสถานีบางซื่อค่ะ ส่วนอีกรถไฟฟ้าอีกสายนึงที่อยู่ด้านหลังโครงการบนถนนพหลโยธิน ก็คือรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต เป็นรถไฟฟ้าสายตรงเข้าเมืองได้เลย ใครไม่อยากไปต่อรถไฟฟ้ารอบสายเพื่อเข้าเมือง แถวสยาม อโศก ชิดลม ก็สามารถโบกพี่วินหรือเรียกแท็กซี่ไปขึ้นสถานีเสนานิคม หรือรัชโยธินได้นะคะ ระยะห่างจากโครงการก็ประมาณ 2-3 กิโลเมตร และสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเช่นเดียวกันนะคะ อดใจรอกันไปก่อนนะ
ส่วนการเดินทางโดยรถสาธารณะทั่วไปถือว่าสะดวกเพราะทำเลโครงการอยู่ติดถนนใหญ่เลย ทำให้เดินขึ้นรถเมล์ โบกพี่แท็กซี่ หรือพี่วินได้ไม่ยากและไม่เปลี่ยว เหมือนโครงการที่อยู่ในซอย และนอกจากนี้ทางโครงการก็มีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง BTS หมอชิตเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านมากขึ้น
ซูมเข้ามาอีกหน่อย เพื่อให้เห็นภาพเส้นทางการเดินจากหน้าโครงการจากไปยังสถานีรถไฟฟ้าวัดเสมียนนารีง่ายขึ้นอีกหน่อยค่ะ สำหรับที่ตั้งสถานีรถไฟฟ้าวัดเสมียนนารีนี้จะอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามโครงการบนถนนกำแพงเพชร 6 ซึ่งเราต้องเดินออกมาจากโครงการเลี้ยวขวาแล้วข้ามสะพานลอย จากนั้นเดินเรียบถนนกำแพงเพชร 6 ไปขึ้นสถานีค่ะ ระยะทางรวมประมาณ 600 ม. ถึงเลยระยะเดินได้สบายๆ ไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับไกลมากนะ
สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นจากถนนลาดพร้าว บริเวณใกล้ห้าแยกลาดพร้าว จากนั้นขับตรงขึ้นไปบนถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกรัชวิภา แยกวัดเสมียนนารี และแยกที่ตัดกับถนนงามวงศ์วาน เพื่อไปกลับรถบริเวณช่วงเลยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาแล้ว จากนั้นตรงมาเรื่อยๆ ถึงแยกวัดเสมียนนารีจะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ
บนถนนลาดพร้าวช่วงใกล้ห้าแยกลาดพร้าวจะมีห้างดัง 2 ห้างอยู่ฝั่งตรงข้ามกันคือ Union Mall และเซ็นทรัลลาดพร้าว มีสะพานเชื่อมให้เดินถึงกันได้ด้วยนะคะ ย่านนี้ค่อนข้างคึกคักมากในช่วงกลางวันและกลางคืน นอกจากห้างใหญ่แล้วแหล่งอาหารการกินก็อยู่บริเวณต้นๆ ลาดพร้าวซอย 1 ส่วนตอนกลางคืนย่านนี้จัดเป็นย่านดังสำหรับคนทำงานที่มานั่งชิลสังสรรค์กัน เพราะตรงนี้มีร้านผับ ร้านบาร์ให้เลือกหลายร้านมาก
ถึงห้าแยกลาดพร้าวซึ่งเป็นแยกสำคัญทีเดียวนะคะ เพราะเป็นแยกที่ตัดกับถนนหลัก 3 สายด้วยกัน ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนลาดพร้าวและวิภาวดีรังสิตค่ะ
บริเวณนี้จะค่อนข้างงงนิดนึงว่าเลี้ยวทางไหนนะ แต่เราจะตามป้ายเขียวที่เขียนว่าดอนเมืองไป เพื่อเข้าไปยังถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งมุ่งหน้าไปทางดอนเมืองกัน
จากนั้นเราก็จะเข้าทางยกระดับอุตราภิมุข และขับตรงมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปทางดอนเมือง ประมาณ 5 กิโลเมตรจากห้าแยกลาดพร้าวก็จะเห็นป้ายบอกสะพานกลับรถ ให้เบี่ยงออกแล้วกลับรถกันเลยค่ะ
เมื่อกลับรถมาแล้วขับมาอีกหน่อยจะเห็นโรงพยาบวิภาวดีทางซ้ายมือค่ะ จริงๆแล้วโรงพยาบาลนี้อยู่ไม่ไกลจากโครงการนะ แต่ถ้าออกจากโครงการแล้วมาโรงพยาบาลนี้จะต้องไปกลับรถสองรอบนี่สิที่ทำให้ไกล ทำให้โรงพยาบาลเมโยที่อยู่ฝั่งถนนพหลโยธินเดินทางง่ายกว่า
ผ่านโรงพยาบวิภาวดีมาประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงหน้าทางเข้าโครงการแล้วค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงกาขนาบข้างไปด้วยโชว์รูมและโรงรถของ Nissan และ Chevrolet มีด้านหลังโครงการที่เป็นบ้านพักอาศัยสูงประมาณ 1-3 ชั้น โดยรอบค่อนข้างเงียบสงบพอสมควรค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงพยาบาลวิภาวดี ~1 กม.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ~1.7 กม.
- Major รัชโยธิน ~2.1 กม.
- เซ็นทรัลลาดพร้าว ~2.5 กม.
- โรงเรียนหอวัง ~2.6 กม.
- อาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ~2.4 กม.
- วัดเสมียนนารี ~2.7 กม. (รวมระยะกลับรถ)
- ตึกช้าง ~3.1 กม.
- ตลาดบองมาเช่ ~3.2 กม. (รวมระยะกลับรถ)
- โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ประชาชื่น ~3.4 กม.
- ยูเนี่ยนมอลล์ ~3.6 กม.
- โรงพยาบาลเมโย ~4 กม.
- โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ~4.9 กม.
โครงการ U Delight รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 875 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต บนเนื้อที่ดินประมาณ 6 ไร่เศษ โครงการนี้ Grand Unity ได้ชูจุดเด่นในเรื่องของ Urban Ecology Condo โดยเน้นพื้นที่สีเขียวที่ให้ความร่มรื่นกับโครงการ และเน้นพืชพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมบ้านเรา เพื่อให้สามารถดูแลรักษาได้ง่าย ด้วยความที่สภาพแวดล้อมด้านนอกของโครงการติดถนนใหญ่ การที่จัดพื้นที่สีเขียวให้ 2 ไร่ ก็ช่วยเป็น Buffer ในการกรองมลภาวะทางฝุ่น และเสียงได้ในระดับนึง นอกจากนี้ยังสร้างบรรยากาศภายในให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่มีพื้นที่สวนล้อมรอบได้ดีเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ดูเหมือน Grand Unity เค้าค่อนข้างทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว จากที่เห็นในหลายๆ โครงการแบรนด์ U Delight ที่ผ่านมาค่ะ
มาดู Master Plan โครงการกันก่อนนะคะ ลักษณะแปลนโครงการเป็นแบบหน้าแคบลึก ยาวไปสุดซอยด้านใน จากหน้าโครงการที่ติดกับถนนวิภาวดีรังสิตลึกเข้ามาประมาณ 100 ม. จะเริ่มเป็นตัวอาคารนะคะ ที่เค้าเซตตัวอาคารมาด้านหลังขนาดนี้นอกจากเรื่องกฎหมาย Set Back แล้ว ก็เพื่อให้ทางเข้าผ่านพื้นที่สวนที่มีต้นไม้และพืชผักสวนครัวเล็กๆ รายล้อมถนน เสมือนเป็นพื้นที่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ดีก่อนเข้ามาถึงจุด Drop Off หน้าโครงการ
ส่วนพื้นที่ด้านข้างของอาคารนั้นเค้าก็ทำเป็นพื้นที่สวนและ Bicycle Lane ให้มาเดินเล่นสูดอากาศและขี่จักรยานได้ ซึ่งสวนในฝั่งนี้จัดเป็นตำแหน่งดีทีเดียวในช่วงบ่ายๆ แดดแรงๆ ยังไม่ร้อนและสามารถใช้งานสวนได้ในช่วงกลางวัน เพราะได้ร่มเงาของอาคารบังให้มิดเลย
และการออกแบบทางเข้าโครงการสไตล์ U Delight ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ คือการทำ Corridor แบบ Semi-Outdoor ยาวๆ ผ่านสวน ผ่านร้านค้า 6 ร้านด้านข้าง ก่อนจะเข้าถึงตัว Lobby ด้านใน เพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสบรรยากาศของสวนของบ้านตัวเองด้วย เพราะถ้า Lobby อยู่ติดกับ Drop Off เลย ด้วยลักษณะนิสัยของคนแล้วเราจะเดินเข้า Lobby เลยทันทีไม่ได้สัมผัสบรรยากาศสวนด้านข้างแน่ๆ
ถัดเข้ามาในส่วนของ Lobby ก็มีฝั่งนึงที่ออกแบบให้หันเข้าหาสวนด้านข้างสามารถชมวิวเสพบรรยากาศสวนได้ด้วย จัดเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ U Delight ที่มักจะนำ Lobby หรือ Lounge อยู่ติดกับวิวเด่นๆ ของโครงการ อย่างโครงการนี้เค้าเน้นเรื่องของพื้นที่สวนที่ให้มาถึง 2 ไร่ ก็นำ Lobby ที่สามารถชมวิวสวนได้ หรือยกตัวอย่างโครงการก่อนหน้าอย่าง U Delight พระราม 3 ที่นำ Lounge ไปด้านหลังโครงการเพื่อชมวิวและเสพบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น
เริ่มต้นกันจากหน้าถนนวิภาวดีรังสิตกันเลยนะคะ ก่อนจะเข้าทางเข้าโครงการนั้นจะเป็นสะพานข้ามคลองระบายน้ำเล็กๆ แบบนี้ก่อน
ข้ามมาแล้วก็จะเห็นถนนทางเดินที่ติดกับคลองระบายน้ำแบบนี้ยาวไปถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวได้เลยนะคะ และอีกฝั่งนึงก็ยาวไปถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เลย ซึ่งใครที่รักสุขภาพชอบออกกำลังกายนี่สามารถขี่จักรยานยาวๆ ได้เลย ไม่ต้องออกไปขี่บนถนนใหญ่ที่ค่อนข้างอันตรายเพราะรถใหญ่วิ่งกันควั่กไขว่
ตรงเข้ามาภายในโครงการ กั้นด้วยไม้กระดกอัตโนมัติ ใช้ Key Card Access เข้า-ออกสะดวก ด้านข้างมีป้อมยามพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัย 24 ชม. ในส่วนของถนนโครงการปูด้วย Concrete Stamp ตลอดแนวถนนไปถึงจุด Drop Off เลย ดูสวยงามดีทีเดียวเลยค่ะ
ผ่านทางเข้ามาแล้วทางฝั่งขวามือ ที่เป็นอาคารเล็กๆ กำลังก่อสร้างนี้ เค้าจะทำเป็นห้องออฟฟิศ สำหรับเป็นที่ประชุมลูกบ้านหรือจัดงานต่างๆ ค่ะ ต่อไปเมื่อขายหมดปิดโครงการแล้วพื้นที่นี้ก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลของนิติบุคคลต่อไปว่าจะจัดพื้นที่ส่วนนี้ทำอะไร
สำหรับทางเข้าโครงการส่วนทางเดินรถนั้นก็เลาะตามถนนเลยในฝั่งขวามือ ส่วนเราจะพาไปเดินเล่นพื้นที่สวนหย่อมหน้าโครงการกันค่ะ
บรรยากาศภายในสวนหย่อม ร่มรื่นดีทีเดียว เพราะมีต้นไม้ยืนต้นปลูกริมทางเดินเรื่อยๆเลยค่ะ ส่วนทางเดินนี้เค้าก็ทำให้มีทางเดินขึ้นลง และเลี้ยวไปมา เพื่อให้มีระยะทางเดินมากขึ้นหน่อย จะได้ใช้เวลาในการชมสวนมากขึ้นด้วย
สุดทางก่อนจะเจอส่วน Drop Off เค้าปลูกเป็น Organic Farm ให้ค่ะ โดยพืชพันธุ์ที่นำมาปลูกนี้เป็นผักสวนครัวที่สามารถกินได้นะ
สำหรับทางเดินนั้นจะเชื่อมจากสวนหน้าอาคารยาวมาถึง Drop Off และเลยไปยังสวนด้านข้างตัวอาคารเลย เดี๋ยวเราพาไปเดินรอบอาคารกันค่ะ
จากพื้นที่กลางแจ้งเมื่อกี้ เราเดินมายังสวนข้างอาคารกันต่อ แต่จะเห็นว่าตรงนี้ดูร่มมากเลย และอีกอย่างคือลมโกรกมาก เย็นสบายดีค่ะ ตอนที่ไปถ่ายนี่ช่วงบ่ายโมงเลยนะที่แดดกำลังแรงดีทีเดียว แต่ไม่รู้สึกร้อนเลยสำหรับบริเวณนี้
ด้วยความที่เค้าวางอาคารให้ช่วงบังแดดพื้นที่ส่วนนี้ และด้วยความสูงอาคารก็ทำให้พื้นที่สวนนี้กลายเป็นช่องลมด้วย
เดินถัดมาอีกหน่อยก็จะเห็น Lobby โครงการแล้วค่ะ แต่เรายังไม่เข้านะ เดี๋ยวเราเดินรอบๆ ไปดูสวนและพื้นที่จอดรถด้านหลังกันก่อนค่ะ
ตลอดทางเดินเค้าปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ตลอดทางเลย ซึ่งนอกจากให้ความร่มเงาแล้วก็ช่วยบังสายตาจากอาคารข้างเคียงได้เหมือนกันนะคะ
หันมาอีกฝั่งเป็นด้านข้างของ Lobby ที่เค้าตั้งใจให้ลูกบ้านสามารถชมวิวสวนจากภายใน Lobby ได้
ถัดจาก Lobby ก็มีทาง Bicycle Lane ยาวๆ ไปเรื่อยๆค่ะ ส่วนด้านข้างอาคารก็ปลูกต้นไม้ให้ตลอดทางเช่นเดียวกัน
มีพื้นที่ Outdoor Exercise ขนาดย่อมๆ วางเครื่องเล่นให้ 2 เครื่อง ส่วนบริเวณพื้นนั้นปูเป็นพื้นยางที่มีความนุ่มเล็กน้อย ช่วยลดการกระแทกได้ระดับนึง
ถัดมาฝั่งด้านข้างอาคาร ตรงข้ามกับฝั่งสวนนั้น จัดเป็นพื้นที่จอดรถตลอดข้างทาง
ตรงออกไปจะไปเจอส่วน Drop Off และทางเข้า-ออกโครงการค่ะ ส่วนด้านขวาจะเป็นทางเข้า-ออกที่จอดรถในอาคาร
เข้ามาภายในส่วนที่จอดรถด้านหลัง ฝั่งซ้ายมือนั้นจะเป็นทางเข้า Lobby จากส่วนที่จอดรถนะคะ
ภายในที่จอดรถทำออกมาได้สะอาด สว่างและมีขนาดช่องจอดมาตรฐาน ส่วนจำนวนที่จอดรถทั้งโครงการนี้ได้ทั้งหมด 345 คัน และเมื่อรวมซ้อนคันได้ประมาณ 430 คัน คิดเป็น 49% ซึ่งก็ถือว่าให้มาค่อนข้างน้อยนะคะ กับโครงการที่ใช้รถยนต์ในเดินทางเป็นหลัก
กลับมาที่บริเวณทางเข้า Lobby จากที่จอดรถกันนะคะ ในฝั่งซ้ายมือนี้เค้าจัดให้เป็นพื้นที่ซักรีด (Laundry)
ด้านในวางเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญประมาณ 5 เครื่อง เครื่องอบผ้าอีก 2 เครื่อง
และเช่นเดิมของ U Delight ที่มักจะตกแต่งพื้นที่แทบทุกส่วนแม้กระทั่ง Laundry ด้วยเช่นกัน ถึงไม่ได้มากมายนักแต่ก็ดูสวยงามดีนะคะ
อีกฝั่งให้ตู้กดน้ำมาด้วย ให้ลูกบ้านลงมาหยอดเหรียญซื้อน้ำกันได้เลย
กลับมาที่จุด Drop Off เช่นเดิม บริเวณพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นแบบ Semi-Outdoor คืออยู่ในที่ร่มแต่ไม่ได้อยู่ในห้องปิดแล้วเปิดแอร์นะคะ อย่างที่บอกว่าเค้าตั้งใจออกแบบเป็นทางเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก่อนถึง Lobby เพื่อให้เสพบรรยากาศสวนด้านข้าง
ในฝั่งขวามือนั้นจัดให้มีร้านค้าทั้งหมด 6 ร้านด้วยกันค่ะ และตั้งใจจะให้มีร้านสะดวกซื้อ 1 ร้านด้วย เพื่อความสะดวกของลูกบ้าน
ด้านข้างทางเดินวางชุดโต๊ะเก้าอี้แบบ Outdoor ให้แบบนี้ บรรยากาศน่านั่งดีทีเดียวค่ะ ใครเบื่อๆ ห้องแต่ไม่อยากออกไปไหนไกลก็มานั่งเล่นเพลินๆ ชิลๆ ได้
เข้ามาภายในส่วน Lobby ตกแต่งมาเรียบง่ายดูโปร่งโล่ง โอ่โถง เพราะได้ประตูกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ซึ่งประตูนี้จะเป็นประตูบานหมุนทุกบานนะคะ ทำให้สามารถเปิดได้หมดเลยทุกบาน ไม่เหมือนกับประตูบานเลื่อน ทำให้พื้นที่ Lobby ส่วนนี้สามารถเป็นได้ทั้งพื้นที่ Indoor เปิดแอร์ หรือพื้นที่แบบ Semi-Outdoor ให้ลมพัดผ่านเข้ามาชิลๆ ได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งวันไหนอากาศดีๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ได้นะ ประหยัดค่าส่วนกลางไปด้วย
ถัดมาจะมีห้อง Mail Box และทางออกไปยังที่จอดรถและ Laundry ได้ ส่วนประตูฝั่งขวาสุดนั้นจะออกไปยังด้านนอกอาคารค่ะ
บรรยากาศห้อง Mail Box มีการตกแต่งด้วยโคมระย้าและซ่อนไฟบริเวณหลังตู้จดหมายด้วยนะคะ ดูสวยงาม
มาที่อีกฝั่งของส่วน Lobby เหมือนกัน บริเวณนี้เค้าลด Step ขั้นบันไดลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ระดับพื้นเสมอกับพื้นที่ภายนอก ทำให้เวลาเข้า-ออกไปยังสวนภายนอกสะดวกขึ้น และฝั่งนี้ก็ให้ประตูบานหมุนสูงจากพื้นถึงฝ้าเช่นเดียวกัน ในฝั่งนี้จะ Take View สวนได้ดีมากและมีลมเย็นพัดเข้ามาได้ดี เพราะด้านนอกเป็นช่องลมอย่างที่พาไปชมกัน
สำหรับโซน Lobby ฝั่งนี้จัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ให้ 2 ชุด
ด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนนิติบุคคลค่ะ ซึ่งปัจจุบันยังจัดเป็น Office ของทาง Grand Unity อยู่
เข้ามาในส่วนโถงลิฟต์โดยสารตรงนี้ต้องสแกนบัตรเข้ามาก่อนนะ สำหรับลิฟต์โดยสารที่นี่ให้มาทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 218.75 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นพอสมควรนะคะ
ลิฟต์ที่นี่จะได้เป็น Proxy Lift หรือลิฟต์ล็อกชั้นทั้งหมด ซึ่งลูกบ้านจะสามารถขึ้น-ลงในชั้น Lobby, Facilities และชั้นพักอาศัยของตัวเองได้เท่านั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านมากขึ้น
สำหรับชั้น 2 ที่จะเป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมดค่ะ
ชั้น 3-5 เป็นชั้นเริ่มมีห้องพักอาศัยแล้วแต่ไม่เต็ม Floor ครึ่งหน้าอาคารที่หันไปทางฝั่งทิศตะวันตกนั้นจะเป็นห้องพักอาศัย และด้านหลังอาคารฝั่งทิศตะวันออกเป็นส่วนที่จอดรถ ทำให้ชั้นนี้มีจำนวนยูนิตไม่มากประมาณ 22 ยูนิต ซึ่งข้อดีก็คือมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้น Typical Floor Plan แต่ก็แลกมากับชั้นที่ไม่ได้สูงมากนักวิวที่ได้ก็จะไม่ได้หวือหวามาก และสำหรับฝั่งทิศใต้ฝั่งหน้าอาคารจะอยู่ใกล้กับอาคารสูง 7 ชั้นของโชว์รูมรถ Chevrolet ซึ่งอาจจะโดนบางวิวได้
ขึ้นมาชั้น 6 เป็นชั้นเริ่มต้นพักอาศัยแบบเต็มชั้น และเป็นชั้นที่มี Facilities ด้วยนะคะ สำหรับแปลนชั้นนี้ มีอยู่ 4 ประเด็นที่จะพูดถึงขึ้น คือห้องฝั่งทิศเหนือโครงการช่วงด้านหลังๆ อาคารนั้นจะอยู่ใกล้กับอาคารสูง 7 ชั้น ทำให้ห้องฝั่งนี้ถูบล็อกวิวในระยะใกล้ไปหลายห้อง อีกประเด็นคือเฉพาะแปลนชั้นนี้จะเป็นแปลนที่มี Double Access จากโถงลิฟต์โดยสาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ เพราะเป็นชั้นที่คึกคักมากกว่าชั้นอื่นๆ เนื่องจากเป็นชั้น Facilities ค่ะ
ในส่วนของห้องพักอาศัยชั้นนี้มีห้องที่พิเศษอยู่ บริเวณล้อมรอบสระว่ายน้ำนี่แหละค่ะ คือเป็นห้องที่ออกแบบมาสไตล์ Resort เน้นระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถออกมานั่งเล่นชมวิวสระได้ มีพื้นที่จัดสวนของตัวเอง และมีประตูทางเข้า-ออกจากระเบียงห้องตัวเองไปยังพื้นที่ส่วนกลางได้เลยไม่ต้องไปออกโถงลิฟต์เหมือนคนอื่นๆ เรียกว่าเป็นห้องที่เข้าถึง Facilities ง่ายมาก เหมาะกับคนที่ชอบใช้ Facilities หรือชอบมานั่งพักผ่อนชมวิวสระว่ายน้ำ และก็ต้องชอบความคึกคักด้วยนะ
และส่วน Facilities หลักทั้งหมดจะรวมอยู่ในชั้นนี้เลยค่ะ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, Sunken Seat, Lounge, Fitness และห้องน้ำแยกหญิงชายที่มี Steam & Sauna ด้านในด้วย โดยรวมถือว่าให้มาครบครัน น่าใช้งาน
จากโถงลิฟต์ชั้น 6 รูปแรกเป็นประตูทางเข้า-ออกที่ต้องสแกนบัตรผ่านสำหรับลูกบ้านที่พักอาศัยในชั้นนี้โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกับลูกบ้านในชั้นนี้ เนื่องจากเป็นชั้นที่ลูกบ้านทุกๆ ชั้นลงมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางกันได้ ส่วนอีกฝั่งเป็นประตูออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางค่ะ เดี๋ยวเราไปดูพร้อมกันเลย
ออกจากประตูมาจะมีบันไดเล็กๆ ลดระดับลงไป ด้านข้างก็ทำเป็นทางลาดให้ด้วย
ลงมาจะเป็นทางเดินเชื่อมยาวไปถึงด้านในสุดค่ะ ด้านข้างปลูกต้นไม้ดูร่มรื่นและสร้างบรรยากาศได้ดี ส่วนฝั่งซ้ายของภาพนั้นจะเป็นห้องพักอาศัยที่ติดกับสระว่ายน้ำค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าห้องพักแบบพิเศษของโครงการนี้ก็คือห้องที่อยู่ติดกับ Facilities นี่เองค่ะ จะมีเพียง 12 ยูนิตในชั้นนี้เท่านั้นนะ จะเห็นว่าห้องนี้มีประตูเข้า-ออกมายังส่วนทางเดินติดริมสระได้เลย และตัวห้องเองก็ยกระดับขึ้นสูงกว่าพื้นทางเดินเล็กน้อยเพื่อให้บริเวณระเบียงและภายในห้องสามารถดูวิวสระได้ง่ายขึ้น ส่วนระเบียงของห้องนี้ก็ได้ระเบียงขนาดใหญ่ และใช้ได้จริงไม่มี Compressor แอร์มาวางบนระเบียงให้เสียบรรยากาศ โดยการนำ Compressor ลงมาเก็บด้านล่างแทน ดูสะอาดตาดีด้วยนะคะ แต่อาจจะ Maintenance ยากหน่อย
มาดูสระว่ายน้ำกันบ้าง สำหรับโซนสระว่ายน้ำนี้มีการจัดวางที่น่าสนใจอยู่นะคะ ปกติเราจะเห็นว่าสระเด็กและสระผู้ใหญ่นั้นมักจะเชื่อมติดกันเลย แค่ก่อผนังขึ้นมากั้นเล็กน้อย แต่ก็ยังข้ามไปมากันได้อยู่ ซึ่งก็อาจจะอันตรายกับเด็กเล็กได้เหมือนกัน หรือบางที่แยกสระเด็กและสระผู้ใหญ่ออกจากกันเลย ก็อาจจะดูไม่ทันสมัยไปแล้ว และก็ทำให้สระดูเล็กลงด้วย ซึ่งโครงการนี้ออกแบบมาได้น่าสนใจตรงที่ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแยกระหว่างสระเด็กและผู้ใหญ่เลย และยังทำให้พื้นที่นั่งเล่นนี้เป็นเสมือนกับ Sunken Seat ขนาดใหญ่ไปด้วยในตัว
พื้นที่นั่งเล่นจะลดสเต็ปบันไดลงไปเล็กน้อย มีเบาะให้นอนเล่นชมวิวสระเพลินๆ
ด้านข้างมีจุดล้างตัวให้
สำหรับสระว่ายน้ำเป็นสระกลางแจ้ง ระบบเกลือ มีขนาด 6 x 20 ม. ถือว่ามีขนาดพอสมควร สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้ ด้านข้างวาง Day Bed ให้นอนเล่นชิลๆ ได้ในช่วงเช้า-เย็น ส่วนใครอยากอาบแดดละก็ มาตอนกลางวันเลย ผิวแทนแน่นอน 555
ถัดจากสระว่ายน้ำมาจะเจอทางเดินลาดลงไปส่วน Fitness และ Lounge ซึ่งด้านข้างของทางลาดนั้นจะมีที่นั่งแบบ Sunken Seat ขนาดเล็กๆ ล้อมรอบด้วยสระไล่ระดับลงมาจากทางลาดค่ะ
หันกลับขึ้นไปจะเป็นประมาณนี้ เป็นการจัด Landscape ได้น่าสนใจทีเดียว
ลงทางลาดมาด้านซ้ายเป็น Lounge และด้านขวามือเป็นห้อง Fitness ค่ะ สำหรับทั้ง 2 ห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้กระจกบานใหญ่ทีเดียวทำให้ตัวห้องภายในดูโปร่งโล่ง
ภายในห้อง Lounge จัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ไว้ให้ 2 ชุดด้วยกันและมีชุดเก้าอี้โซฟาอีก 1 ชุด ให้ลูกบ้านได้มานั่งเล่นกันชิลๆ ได้ เผื่อใครเบื่อทำงานอยู่ห้อง หรือวันหยุดขี้เกียจแต่งตัวขับรถออกนอกบ้านก็มาพักผ่อนบริเวณนี้ได้นะคะ
ในส่วนห้อง Fitness ได้เครื่องออกกำลังกายทั้งหมด 5 เครื่อง มีมุมเวทเทรนนิ่งให้
ถัดจากห้อง Fitness จะเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิงค่ะ
ภายในห้องน้ำมี Lockers ให้สำหรับเก็บของ มีห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ และห้อง Steam & Sauna ด้วยนะคะ
ภายในห้องอาบน้ำและห้องน้ำ
ขึ้นมาที่ชั้น 7-23 เป็นชั้น Typical Floor Plan ลักษณะการวางแปลนเป็นรูปตัว S ล้อมรอบ Facilities ไว้ ทำให้ห้องในชั้นล่างๆ ตั้งแต่ 6 – 10 ในทิศใต้นี้ได้วิวสระว่ายน้ำได้ดี แทนที่กับวิวมุมสูงชั้นบนๆ ส่วนใหญ่โครงการนี้จะเน้นห้องขนาด 1 Bedroom 30 ตร.ม. โดยจัดให้อยู่ตรงกลางและวางห้อง Type อื่นๆ ทั้ง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นจาก 30 ตร.ม. มาหน่อยไปจนถึงห้อง 2 Bedrooms เป็นห้องมุมทั้งหมดค่ะ
ขึ้นมาดูบรรยากาศบนชั้น Typical Floor กันบ้างนะคะ สำหรับส่วนโถงลิฟต์ก็จะดูเรียบง่ายลงมาจากชั้น Lobby และชั้น Facilities
ทางเดินภายในโถงมีความกว้างระดับที่เดินได้ง่าย สุดท้ายได้หน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาได้ดี ไม่ต้องเปลืองไฟโถงทางเดินมากนักค่ะ
เดี๋ยวเรามาดูวิวจากชั้นบนตึกจริงกันเลย ว่าจะได้วิวแบบไหนบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะเลือกวิวไหนก็สามารถมองวิวระยะไกลได้หมดเลย เพราะไม่มีตึกสูงมาบังในระยะประชิดนะคะ ขึ้นอยู่กับใครให้ความสำคัญกับเรื่องวิว ทิศทางลมแดด หรือตำแหน่ง Type ห้องที่ต้องการด้วย
เริ่มจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันก่อนเลย วิวทิศนี้จะหันไปทางดอนเมืองซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบไม่มีตึกสูงมากนัก วิวที่ได้เลยสามารถมองเห็นได้ไกลสุดสายตา
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้วิวใกล้เคียงกับวิวที่หันไปทางดอนเมืองนะคะ สำหรับวิวนี้ส่วนใหญ่ก็รายล้อมไปด้วยอาคารแนวราบเช่นเดียวกัน ซึ่งจะหันไปทางพหลโยธิน-ลาดพร้าวค่ะ ส่วนจุดเด่นของทิศนี้คือเรื่องของแดดที่ไม่โดนแดดร้อนช่วงบ่ายตรงๆ รวมทั้งเป็นทิศของลมด้วยค่ะ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นทิศเด่นสุดในเรื่องวิว เพราะหันไปทางฝั่งรัชดาภิเษก – ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นแหล่งย่านธุรกิจ มีอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม High Rise ค่อนข้างเยอะ ทำให้ทิศนี้ได้วิวแบบ City View ในระยะไกลๆ แม้จะเป็นทิศที่ดีสุดในเรื่องของวิวนะคะ แต่ก็เป็นทิศที่โดนแดดช่วงบ่ายๆ พอสมควรนะ
ทิศสุดท้ายคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ หันหน้าไปทางประชาชื่น ทิศนี้อยู่ใกล้กับถนนวิภาวดีรังสิต ในช่วงกลางคืนก็ได้แสงสีจากไฟถนนและรถบนถนนยาวๆ ไกลสุดสายตา ใครชอบวิวที่ไม่หยุดนิ่งทิศนี้ก็น่าสนใจนะ แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องของเสียงและมลภาวะจากถนนด้วยที่จะได้รับมากกว่าทิศอื่นๆ นะ ซึ่งยังดีที่ตัวอาคารร่นมาแล้ว 100 ม. ทำให้ห้องในทิศนี้ไม่ถึงขนาดใกล้ชิดกับถนนใหญ่จนเกินไปค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 20 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ 2 ไร่
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์ 218.75 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 345 คันคิดเป็น 39.5 % และรวมซ้อนคันคิดเป็น 49%
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักอาศัยของโครงการมีให้เลือกทั้งหมด 12 Type ด้วยกันโดยแบ่งเป็น ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.4 – 52 ตร.ม. และห้อง 2 Bedrooms 51.5 – 66.5 ตร.ม. แต่ละ Type ห้องจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างน่าสนใจค่ะ แต่ที่เป็น 1 ใน Hilight โครงการคือห้องในชั้น 6 ฝั่งที่หันหน้าไปทางสระว่ายน้ำ ซึ่งเค้าจะใช้ชื่อ Type ต่อท้ายด้วย Garden ลักษณะจะเป็นห้องที่ได้อารมณ์ Resort เพราะงานออกแบบที่ให้ความสำคัญในส่วนพื้นที่ระเบียงส่วนที่ติดกับสระว่ายน้ำ สามารถจัดส่วนระเบียงนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวและเสพบรรยากาศสระว่ายได้ดี มีพื้นที่จัดสวนส่วนตัวของตัวเองได้ความร่มรื่นเหมือนมีพื้นที่สวนเล็กๆ คล้ายกับอยู่บ้านที่มีพื้นที่ด้านข้าง รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงส่วน Facilities ได้ง่ายไม่ต้องไปผ่านโถงทางเข้าเหมือนห้องอื่นๆ ด้วยค่ะ
ในส่วนรูปแบบการขายของโครงการจะขายแบบ Fully Furnished เหมือนโครงการ U Delight ทุกตัวนะคะ ด้วยสไตล์ Furniture ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของ U Delight เน้นโทนสี Earth Tone และไม้เป็นหลัก รวมทั้ง Built-in ตู้เสื้อผ้าให้ครบ พร้อมแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งข้อดีของการได้ Fully Furnished จาก Grand Unity นี้คือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาได้ลงตัวกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง เพราะมีการออกแบบสำหรับ Layout ห้องนั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งหากต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์มาวางเองอาจจะค่อนข้างลำบากในการเลือกไซส์ที่พอดี นอกจากจะเปลี่ยนเป็นงาน Built-in ทั้งหมดซึ่งก็มีราคาสูงตามไปด้วยนะคะ
- Furniture ทุกชิ้นทั้งแบบลอยตัวและแบบ Built-in
- เครื่องปรับอากาศ
- ชุดสุขภัณฑ์
- Pantry
สำหรับห้องพักอาศัยจำนวนมากที่สุดของที่นี่คือ 1 Bedroom Type Couple ขนาด 30.5 ตร.ม.ค่ะ เป็นขนาดห้องที่อยู่กันประมาณ 1-2 คนกำลังดี จุดเด่นของห้องนี้คือส่วนห้องนอนที่ได้กระจกเข้ามุม สามารถมองวิวจากห้องได้กว้างขึ้นและได้รับแสงธรรมชาติภายนอกได้ดี ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่ง รวมทั้งเป็น Layout ห้องที่เหมาะกับคนที่ชอบครัวเป็นสัดส่วน เพราะได้เป็นครัวปิดชัดเจน ติดกับระเบียงด้านนอก แต่ก็แลกมากับส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในไม่ได้วิวจากภายนอก
เริ่มจากประตูหน้าห้องกันค่ะ มือจับใช้แบบก้านโยกปกติ
พื้นภายในเป็นพื้นลามิเนตสีเข้มจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป
เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารกันก่อนนะคะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ด้านในของตัวห้องไม่ติดกับหน้าต่างด้านนอก แต่ยังดูไม่มืดทึบนะ เพราะได้แสงสว่างธรรมชาติที่ลอดผ่านประตูบานเลื่อนในส่วนครัวมาได้อยู่ค่ะ ในส่วนของห้องมาตรฐานนั้นจะได้ผนังเป็นแบบฉาบเรียบสีขาวปกติไม่มี Wallpaper หรือ Built ผนังตกแต่งให้นะ ส่วนนอกนั้นเหมือนกับห้องตัวอย่างเลย
หันมาทางฝั่งที่ติดกับครัวจะเป็นส่วนโซฟาและชุดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหาร มีความกว้างประมาณ 3 ม. แบ่งเป็นส่วนนั่งเล่นที่วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ กับชุดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหาร ที่ด้านในจะให้เป็นที่นั่งโซฟาขนาดกะทัดรัดที่ด้านล่างมีลิ้นชักไว้สำหรับเก็บของได้ด้วยค่ะ โทนสีนั้นจะออกเรียบๆ เป็นสีพื้นที่สามารถไป Match เข้ากับสีอื่นๆ ได้ง่าย เผื่อลูกบ้านที่มีความชอบแตกต่างกัน
ส่วนระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟานั้นมีความกว้างประมาณ 3.3 ม. สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้ถึง 50″ – 60″ เลย
หันมาฝั่งตรงข้ามกันบ้าง ด้านซ้ายได้เป็นตู้ Built-in วางรองเท้า ตรงกลางเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และโต๊ะวางทีวีค่ะ
สำหรับตู้เก็บรองเท้า Built-in ที่ได้นี้จัดมาให้สูงถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้ภายในจุรองเท้าหรือข้าวของได้พอสมควรค่ะ ส่วนหน้าบานนั้นเค้าก็กรุกระจกเงามาให้ด้วย สำหรับเช็คหน้าตาและทรงผม ความเรียบร้อยต่างๆ ก่อนออกจากห้องได้
ส่วนโต๊ะวางทีวีได้ขนาดกะทัดรัด ด้านล่างมีลิ้นชักไว้สำหรับเก็บได้พอสมควร
ห้องน้ำเป็นประตูแบบเปิดออกนะคะ เวลาเปิดหลายคนอาจจะไม่ชินเพราะเรามักจะเคยชินกับการเปิดประตูเข้าเสียมากกว่า แต่ด้วยพื้นที่ภายในห้องน้ำไม่ได้กว้างมากนักและก็จะไปติดกับสุขภัณฑ์ การเปิดประตูออกก็ดูจะเหมาะสมสุด ส่วนธรณีประตูห้องน้ำยกขึ้นมาสูงระดับนึงกรุด้วยกระเบื้องเรียบร้อย ภายในได้กระเบื้องเซรามิกมาตรฐาน ขนาด 30×30 ซม.
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนเรียบร้อย สำหรับส่วนแห้งนั้นจะวางสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือคนละทางกัน สำหรับห้องนี้ได้พื้นที่อ่างล้างมือค่อนข้างใหญ่นะคะ
ส่วนพื้นที่โถสุขภัณฑ์นั้นกว้างประมาณ 1.1 ม. ถือว่ากว้างโอเคเลย นั่งได้สบายๆ ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างโถเล็กน้อยให้วางถังขยะได้ ส่วนด้านบนโถแขวนราวตากผ้าให้ด้วย
อ่างล้างมือใช้วัสดุเป็นไฟเบอร์อะคลิลิก ขนาดกว้างพอสมควรเลยค่ะ ด้านข้างและด้านล่างของอ่างก็มีพื้นที่ให้วางของได้ด้วย
เทียบจากมือแล้วกว้างประมาณนี้ มีพื้นที่ให้ใช้งานได้ง่าย
ฝั่งพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจก เป็นประตูแบบบานเลื่อน
พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.8 x 1.55 ม. ถือว่าเป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆ ไม่เล็กพอดีตัว
ฝักบัวสายอ่อนจาก VRH ด้านข้างให้ที่วางสบู่มาด้วย
ที่จับและตัวฝักบัวมีน้ำหนักดี แข็งแรง ส่วนหัวฝักบัวขนาดไม่ใหญ่มากนัก
มาดูห้องครัวกันต่อนะคะ สำหรับห้องครัวนั้นจะได้ประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นระหว่างครัวและห้องนั่งเล่น ใช้วัสดุเป็น Poly Carbonate จะมีลักษณะขาวขุ่น และน้ำหนักเบากว่ากระจกพอสมควร
พื้นห้องครัวปูเป็นกระเบื้องเซรามิกเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดค่ะ ส่วนความกว้างของทางเดินนี้อยู่ที่ประมาณ 0.9 ม. เป็นระยะที่เดินได้หรือจะทำกับข้าวในครัวก็ยังสะดวกอยู่นะคะ
ฝั่งซ้ายมือของห้องครัวจัดเป็นส่วน Pantry ให้ค่ะ ซึ่งในห้องจริงนั้นจะได้เฉพาะ Pantry เลยจริงๆ ไม่มีตู้ Built-in ชั้นบนและไม่มี Hob&Hood ให้นะคะ ดูเหมาะจะเป็นพื้นที่จัดเตรียมของกินหรือซื้อกับข้าวมากินบนห้องเสียมากกว่า แต่ใครที่ชอบทำกับข้าวแบบจริงจังและมองหาเตามาติดตั้งเองก็มีความยุ่งยากพอสมควรนะ ง่ายที่สุดเลยคือเอาเตาไฟฟ้ามาวาง ส่วน Hood จริงๆ สามารถเจาะผนังแล้วต่อท่ออกด้านนอกได้ ซึ่งก็ต้องเลือกช่างที่มีฝีมือและความเนี้ยบหน่อย และอย่าลืมกรุกระเบื้องผนังด้วยนะคะ จะได้ทำความสะอาดพวกคราบน้ำมันหรือคราบอาหารได้ง่าย
สเป็คของ Pantry นั้นค่อนข้างมาตรฐาน ท็อปเป็น Particle ปิดผิวด้วย ลามิเนต ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักและชั้นเก็บของให้พอสมควรค่ะ
อีกฝั่งทำเป็น Sink ล้างจานและพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น
Sink ขนาดกะทัดรัด พร้อมที่พักจานด้านข้าง และผนังที่กรุกระเบื้องมาให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเรียบร้อย
ถัดมาเป็นระเบียงซักล้างที่ติดกับครัวนะคะ สำหรับประตูบานเลื่อนนี้จะได้เป็นประตูบานกระจกแบบ 3 ตอนแล้ว ซึ่งช่วยกันเสียงจากภายนอกได้ดีทีเดียว ด้วย Fitting ที่แข็งแรงและมีผ้าสักหลาดบุทำให้การปิดประตูแนบได้สนิทดี ซึ่งสำหรับโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่ต่างๆ และอย่างโครงการนี้ก็ติดกับถนนวิภาวดีรังสิต ถนนขนาดใหญ่มากและมีทั้งรถเล็กรถใหญ่วิ่งกันตลอด การมี fitting บานประตูที่สามารถกันเสียงได้ดีนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะช่วยลดเสียงรบกวนเข้าไปในห้องได้ดีทีเดียวค่ะ
ในส่วนระเบียงซักล้างนั้นกว้างประมาณ 1.8 x 1 ม. วางเครื่องซักผ้าไปก็ยังเหลือพื้นที่เล็กน้อยให้ซักล้างได้ค่ะ แต่สำหรับโครงการนี้นั้นเค้าก็มีพื้นที่ Laundry ให้ด้านล่างด้วยนะ ใครที่ไม่ซีเรียสว่าต้องใช้เครื่องซักล้างส่วนตัวก็ลงไปหยอดเหรียญซักผ้าได้ ก็จะได้พื้นที่ระเบียงสำหรับตากผ้าและซักล้างมากขึ้นด้วย
รวากันตกของที่นี่เค้าไม่ได้มีไว้สำหรับกันตกอย่างเดียวนะ เค้าออกแบบให้เป็นราวแขวนเสื้อผ้าได้ด้วย ถึงไม่ได้ใหญ่หรือเยอะอะไรแต่ก็สามารถใช้งานได้จริง ถือเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นถึงความใส่ใจในการอยู่อาศัยของลูกบ้านอยู่เหมือนกัน
ส่วน Compressor แอร์แขวนขึ้นไว้ด้านบน เป่าลมร้อนมาด้านข้าง แต่ยังดีที่เค้าติดกริลให้เรียบร้อย ทำให้พื้นที่ระเบียงไม่โดนลมร้อนแบบตรงๆ ค่ะ
เข้ามาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ สำหรับห้องนอนนี้มีขนาดประมาณ 3.2 x 3 ม. และได้บานหน้าต่าง กระจกเข้ามุมขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนี้ดูโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้จะได้แบบ Built-in ครบทั้งชุด เหลือแต่ฟูกเตียง 5 ฟุต ที่ลูกบ้านต้องซื้อมาเองเท่านั้น
หัวเตียงด้านหลังมีไฟด้วยนะ สำหรับเปิดไฟเบาๆ ตอนกลางคืน เผื่อใครชอบลุกขึ้นเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ ไม่ต้องเปิดไฟห้องจ้า รบกวนคุณแฟนที่นอนข้างๆ หรือใครที่ชอบนอนเล่นมือถือตอนกลางคืนก็ไม่เสียสายตามากนัก ส่วนโต๊ะที่ติดกับเตียงนั้นก็เป็นชุดเดียวกับหัวเตียงด้านหลังเลย เป็นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัด สำหรับสาวๆ แต่ไม่ได้เก้าอี้ลอยตัวนะคะ ต้องซื้อมาวางเอง
ดูจากห้องมาตรฐานจะเห็นว่ามีบานกระจกเงาและชั้นวางของด้านข้างให้ด้วยนะ
ด้านล่างเตียงก็มีลิ้นชักไว้เก็บของได้ด้วยค่ะ ส่วนรอบๆ เตียงนั้นมีพื้นที่ทางเดินทุกด้าน และเป็นระยะที่เดินได้ง่าย
หันมาทางปลายเตียงจะเห็นว่าด้านซ้ายเป็นกระจกเข้ามุม ซึ่งถ้านอนอยู่บนเตียงเราก็สามารถเห็นวิวจากทิศปลายเตียงเหมือนกัน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ด้านนี้จะได้ชั้นวางทีวีที่ด้านล่างมีชั้นวางด้านในให้เก็บของได้ และราวแขวนเสื้อผ้าด้วยค่ะ ส่วนตำแหน่งแอร์ด้านบนนั้นเป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะวางอยู่ที่ปลายเตียงเลยอาจจะหนาวได้ ปกติตำแหน่งที่เหมาะสมควรจะอยู่ฝั่งด้านข้างเตียงมากกว่านะคะ
มาฝั่งเดียวกับประตูห้องนอน มีตู้เสื้อผ้า Built-in ให้สูงถึงฝ้าเพดาน โดยตู้เสื้อผ้านี้จะได้เป็นบานเลื่อนทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ เพื่อจะได้ไม่ไปกินพื้นที่ทางเดินและพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้งด้วย ภายในตู้เสื้อผ้ามีลิ้นชักสำหรับเก็บเสื้อผ้าเล็กๆ ราวแขวนเสื้อผ้าและชั้นวางของด้านบนค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 02 March 2017
- 1 Bedroom Couple ชั้น 16 เนื้อที่ 30.50 ตร.ม. ราคา 3.14 ล้านบาท หรือ 102,950 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Couple ชั้น 18 เนื้อที่ 31 ตร.ม. ราคา 3.14 ล้านบาท หรือ 102,950 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Big Closet ชั้น 14 เนื้อที่ 39.94 ตร.ม. ราคา 4.17 ล้านบาท หรือ 104,406 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- Kitchen & Sink
- จอง + ทำสัญญา 50,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ U Delight รัชวิภา เป็นคอนโด High Rise ตึกเสร็จพร้อมอยู่โครงการเดียวบนถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งเข้าเมืองไปทางห้าแยกลาดพร้าว ในโซนใกล้แยกรัชวิภา จัดเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่เน้นการเดินทางเข้าเมืองด้วยถนนวิภาวดีรังสิตและใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักจะสะดวกสุด ซึ่งเหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้แหล่งที่ทำงาน แถบรัชวิภา-ห้าแยกลาดพร้าว ที่มีอาคารสำนักงานมากมาย และอยู่ไม่ไกลจากศูนย์การค้าใหญ่ๆ ในระยะขับรถไปทำงาน ไปช็อปปิ้งได้สะดวก ซึ่งต้องยอมแลกกับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการในระยะเดินได้ที่ไม่ได้คึกคักมากนัก เพราะอยู่ติดกับถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เน้นเดินทางเข้า-ออกเมืองมากกว่า
การเดินทางโดยใช้รถ – สำหรับใครที่ทำงานอยู่แถบรัชวิภา ห้าแยกลาดพร้าว เลยไปถึงแถบการบินไทย ไทยรัฐ หรือจะไปช็อปปิ้งเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ บนห้าแยกลาดพร้าว นั้นจัดว่าสะดวกทีเดียวค่ะ ด้วยความที่ทำเลตั้งอยู่บนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้าทำให้ไม่เสียเวลาในการกลับรถไกล สำหรับช่วงเช้าไปทำงาน รวมทั้งอยู่ไม่ไกลกับทางด่วน 2 จุด คือทางด่วนศรีรัช และ Tollway ไปดินแดง-พระราม 9 แต่เสียดายตรงที่จอดรถที่ให้มาไม่มากเท่าไหร่เทียบกับทำเลที่ตั้งที่เหมาะกับการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก ซึ่งให้มาประมาณ 49% รวมซ้อนคัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – อีกไม่นานการเดินทางโดยไม่ใช้รถบนทำเลนี้จะสะดวกมากขึ้นด้วยระบบรถไฟฟ้าสายสีแดงที่วิ่งผ่านทำเลนี้ โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีวัดเสมียนนารี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเลยค่ะ ซึ่งเดินออกจากโครงการมาทางด้านขวาจะมีสะพานลอยข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ระยะทางจากหน้าโครงการถึงสถานีประมาณ 600 ม. เลยระยะเดินมาหน่อยและค่อนข้างเปลี่ยวไปหน่อยในช่วงกลางคืน สำหรับปัจจุบันนะคะ แต่ในอนาคตที่มีรถไฟฟ้าเข้าถึงย่านนี้คิดว่าน่าจะมีความคึกคักมากขึ้นในอนาคต ส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะทั่วไป อย่างรถเมล์ แท็กซี่ พี่วินนั้นจัดว่าสะดวกเลยค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ และนอกจากนี้ทางโครงการมี Shuttle Service รับ-ส่งไป BTS หมอชิตด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้ลูกบ้านมากขึ้น
การออกแบบโครงการ – ถือว่าจัดแปลนและวาง Landscape ออกมาได้ดี เน้นคอนเสป Urban Ecology Condo ที่ให้พื้นที่สีเขียวมาถึง 2 ไร่ หรือประมาณ 1/3 ของที่ดินโครงการทั้งหมด ทำให้สภาพแวดล้อมภายในโครงการค่อนข้างร่มรื่น การวาง Layout โครงการก็ช่วยส่งเสริมให้พื้นที่สีเขียวได้ใช้งานจริง สัมผัสได้จริง ด้วยการวางอาคารบังแสงแดดช่วงบ่ายให้กับสวน และทำให้บริเวณสวนเป็นช่องลมที่มีลมพัดผ่านได้ดี ทำให้ช่วงเวลากลางวันก็สามารถมาเดินเล่นสวนได้ด้วยค่ะ รวมทั้งการออกแบบทางเข้าโครงการในสไตล์ U Delight ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ คือการทำ Corridor แบบ Semi-Outdoor ยาวๆ ผ่านสวนด้านข้าง ก่อนจะเข้าถึงตัว Lobby ด้านใน เพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสบรรยากาศของสวนได้ทุกวัน
ส่วนเรื่องความหนาแน่นของโครงการนี้จัดว่ามีความหนาแน่นสูงอยู่เหมือนกัน โดยมีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 218.75 : 1 และจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 45 ยูนิตค่ะ ส่วนห้องพักอาศัยโครงการนี้จะเน้นห้องขนาด 30 ตร.ม. เป็นห้องส่วนใหญ่ การจัดวาง Layout ภายในเป็นสัดส่วนดี เน้นพื้นที่ห้องนอนที่ได้กระจกเข้ามุมและพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับฟังก์ชันอื่นๆในห้อง ได้ครัวปิดอยู่ติดกับระเบียงภายนอก สามารถทำอาหารหนักได้ แต่ก็แลกมากับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในที่จะไม่ได้วิวภายนอก ส่วนห้องออกแบบพิเศษของโครงการนี้นั้นจะมีอยู่เพียงไม่กี่ยูนิตที่ติดกับสระว่ายน้ำในชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ ที่ออกแบบมาในสไตล์ Resort ได้ระเบียงขนาดใหญ่เป็นเสมือนพื้นที่พักผ่อน Outdoor หันไปชมวิวสระว่ายน้ำ มีพื้นที่จัดสวนเล็กๆ ของตัวเองได้อารมณ์บ้านขนาดกะทัดรัดที่มีพื้นที่สวนส่วนตัว
วัสดุ – รูปแบบการขายของโครงการ U Delight จะขายแบบ Fully Furnished เหมือนโครงการ U Delight ทุกตัว ซึ่งสไตล์ Furniture ของ Grand Unity นี้จะค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ และเน้นโทนสีเรียบง่าย แบบ Earth Tone เพื่อให้ลูกบ้านสามารถตกแต่งห้องได้หลากหลายสไตล์ แค่ลงพร็อพ และ Wallpaper ที่ตามสไตล์ของตนเองก็สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้แตกต่างกันแล้ว และข้อดีของ Furniture จาก U Delight นี้คือได้ Furniture ที่ลงตัวกับ Layout ห้องนั้นๆ เพราะเค้าจะมีการออกแบบ Furniture มาโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ห้องได้เหมาะสม ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในเรื่องการขายแบบ Fully Furnished ของ U Delight
สาธารณูปโภค – เน้นไปที่พื้นที่สวนที่ได้มาถึง 2 ไร่ ซึ่งก็มีการวาง Landscape ไว้ได้สวยงามดี พร้อม Bicycle Lane ยาว 250 ม. ส่วนในชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักก็มีสาธารณูปโภคครบครันตามมาตรฐานและดูสวยงามน่าใช้ โดยได้สระว่ายน้ำระบบเกลือ 6 x 20 ม. ห้อง Lounge ห้อง Fitness และห้องน้ำแยกชาย/หญิง ที่มีทั้ง Steam & Sauna ครบครันค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 98,000 – 110,000 บาท/ตร.ม., 02 March 2017
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่เดินทางเข้าเมืองง่าย แต่บริเวณโดยรอบโครงการยังไม่มีความอุดมสมบูรณ์มากนัก
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เข้าเมืองไปทางแยกรัชวิภา ห้าแยกลาดพร้าวสะดวกมาก มีทางด่วน 2 จุด แต่ได้ที่จอดรถไม่มากเท่าไหร่ 49%
- ไม่ใช้รถ
- (ยังไม่มีรถไฟฟ้า) 6.5/10 – ไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่เรียกรถสาธาณะไม่ยากเพราะโครงการติดถนนใหญ่
- (มีรถไฟฟ้า) 7.5/10 – สถานีวัดเสมียนนารีอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ระยะเดินประมาณ 600 ม.
- MAIN CLASS
- 7.48 / 10.00 (ยังไม่มีรถไฟฟ้า)
- 7.63 / 10.00 (มีรถไฟฟ้า)
BOTTOM LINE
U Delight รัชวิภา เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนใหญ่ ย่านรัชวิภา เน้นเดินทางไปทำงานใกล้ย่านรัชวิภา และห้าแยกลาดพร้าว มีรถยนต์ส่วนตัว ชอบคอนโดสไตล์ Homy เข้าถึงธรรมชาติ ได้ Facilities ครบครันน่าใช้งาน ตัวโครงการเป็นตึกเสร็จพร้อมอยู่ ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ สามารถแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย มีงบประมาณ 3 – 7 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 21,000 – 56,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )