รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.201 – รีวิวคอนโด U Delight @ตลาดพลู สเตชั่น
3 เมษายน 2016
สวัสดีค่ะ มิตรรักแฟนเว็บ….รีวิวฉบับที่ 1035 ฝนขอแวะกลับมาอัพเดทตึกเสร็จแล้วในย่านสถานีรถไฟฟ้าตลาดพลูกับโครงการ U Delight @ ตลาดพลู สเตชั่น ตึกคู่สร้างเสร็จ จาก แกรนด์ ยู ตั้งอยู่เยื้องกับห้างสรรพสินค้าดังย่านฝั่งธนฯอย่าง The Mall ท่าพระใครที่อยากเห็นโครงการนี้สร้างเสร็จและมีความน่าสนใจอย่างไร มาดูพร้อมๆกันกับฝนค่ะ
Fact @ 02 Feb 2016
- U Delight @Talat Phlu Station (ยูดีไลท์ แอท ตลาดพลู สเตชั่น)
- บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี
- คอนโดHigh Rise 2 อาาร อาคาร A สูง 34 ชั้น อาคาร B สูง 27 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิตเหมือนกันทั้ง 2 อาคาร
- จำนวน ห้องพัก 973 ยูนิต + 3 ร้านค้า ตึก A = 548 Units, ตึก B = 425 units
- ที่จอดรถ 410 คันคิดเป็น 42.1% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่จอดรถจักรยานยนต์ 81 คัน
- ที่ดินประมาณ 5-3-72 ไร่ ( 5 ไร่ 3 งาน 72 ตารางวา)
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มีนาคม 2559
- 1 Bedroom 30 – 45.5 ตารางเมตร เริ่มต้นที่ราคา 2,034,000 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 51 – 72 ตารางเมตร ราคา 5,107,413 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2,034,000 ล้านบาท ( ณ วันที่ 02 ก.พ. 2016 )
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 82,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-652-4000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think Of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.709858, 100.479432
แผนที่จากโครงการค่ะ ฝนคงไม่ต้องพูดร่ายยาวมากมาย Mr.Oe ของเราทำไว้อยู่แล้ว คลิกเข้าไปดูได้ที่นี่ค่ะ
ในตัวของทำเลที่ตั้งโครงการภาพรวมจากวันที่เปิดตัวโครงการมีความเปลี่ยนแปลงในด้านการเติบโตของพื้นที่อยู่มากค่ะ ถึงแม้รถไฟฟ้าจะเข้าถึงพื้นที่นี้มาได้ซักพัก แต่ก็ยังสามารถเติบโตได้เรื่อยๆ จริงๆแล้วทำเลนั้นตั้งอยู่ตรงช่วงถนนรัชดาฯระหว่างแยกมไหสวรรย์และแยกรัชดาฯตัดราชพฤกษ์ ในเรื่องของการเดินทางด้วยรถยนต์เรียกว่าไม่ไกลเมือง แต่ติดขัดมาก มาก เพราะแยกมไหสวรรย์นั้นมีการทำอุโมงค์ลอดที่ทำอึดมากแถมเป็นโรคเลื่อนส่งผลกระทบมาหลายปี เห็นใจคนย่านนี้ที่ต้อเดินทางด้วยรถยนต์เป็นอย่างมาก อีกทั้งเส้นรัชดาฯ เชื่อมมาจากสะพานพระราม 3 ทำเลไม่ไกลจากสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม จะสังเกตว่ามีรถบรรทุก รถ 6 ล้อใหญ่ขับเป็นทางผ่าน มักจะเกิดการชะลอตัวสะสมอยู่เนืองๆ หากใครที่ขับเลยโครงการไป ณ จุดที่บริเวณกลับรถอาจจะต้องวนไปแถวสถานีรถไฟตลาดพลูตรงถนนเทอดไท เพราะบริเวณแยกรัชดาฯตัดราชพฤกษ์ ไม่อนุญาตให้กลับรถ (แต่จะมีคนลักไก่เรื่อยๆ) และวนผ่านแยกมไหสวรรย์ อ้อ…ที่เห็นจะขาดไม่ได้ก็คือทางด่วนค่ะ แต่ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดเช่น สาทร หรือพระราม 3 นั้น ล้านแต่ต้องข้ามสะพานข้ามแม่น้ำทั้งสิ้นค่ะ คือไม่ไกลแต่อาจจะติดเท่านั้นเอง
ตัวที่ตั้งนั้นข้อดีที่เป็นจุดเด่นคือ การที่ชิ้นที่ดินที่ยาวจากถนนใหญ่ติดไปถนนซอย ที่มีเพียงโครงการนี้ในย่านนี้ที่มีลักษณะพิเศษ
ถนนรัชดาฯที่เป็นหนึ่งในส่วนของถนนวงแหวนรอบใน หลายๆท่านคลทราบดีถึงความสำคัญของเส้นนี้ค่ะ ที่จะสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้ไม่ยาก หากเลือกใช้ช่วงเวลาที่ถูกต้องรถจะติดน้อยมากค่ะ ซึ่งหากใครเป็นหนุ่มสาวย่านนี้ จะทราบดีว่า ซอยเทอดไท 33 เป็นซอยที่ทะลุไปได้หลายที่ เช่น ถนนวุฒากาศ ด้วยความที่ใช้คำว่าซอย…แต่ใช้ว่าจะแคบและแย่…..ซอยเทอดไท 33 เป็นที่ตั้งของวัด , โรงเรียน , ชุมชน กระจายกันอย่างหนาแน่น นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์ในแง่การอยู่อาศัยสูงมากเป็นทุนเดิม …แต่ปัจจุบัน ยังไม่สามารถเปิดให้เข้าออกด้านหลังซอยเทอดไท 33 ได้นะคะ หวังว่าจะได้ใช้งานเพื่อลูกบ้านจะได้สะดวกมากขึ้นในเร็ววัน
ภาพมุมสูงเมื่อมองมาจากแยกราชพฤกษ์ตัดกับถนนรัชดาฯจะเห็นว่าคอนโดมิเนียมในย่านนี้ ถึงแม้จะมีจำนวนเริ่มจะหนาแน่นขึ้นทุกที แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก เนื่องจากห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดรวมความเจริญมายาวนานอย่างเดอะมอลล์ท่าพระ และการเข้าถึงของรถไฟฟ้า ทำให้แถวนี้มีความอุดมสมบูรณ์ในแง่การอยู่อาศัยเป็นทุนเดิม ขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีที่ผ่านมา
มองเข้ามาใกล้ๆกันบ้างนะคะ ลักษณะทางกายภาพของซอยที่คั่นกลางระหว่างถนนรัชดาฯกับซอยเทอดไท 33 แต่ละซอยนั้นมีแนวค่อนข้างตรง กว้าง รถสามารถเข้าออกสวนทางกันได้ ใช้เป็นซอยลัดสะดวก และแนวคลองระบายน้ำที่ขนานไปด้วยกันค่ะ เชื่อมระหว่างคอลงบางสะแกและคลองบางน้ำชน ตัวอาคารในย่านนี้ในซอยรัชดาฯทั้งหลายเกือบทั้งหมดเป็นตึกแถว สูงประมาณ 4-5 ชั้นแล้วแต่ต่อเติม แต่หากกระเถิบเข้ามาในซอยเทอดไท 33 แล้ว จะเห็นทั้งห้องแถวไม้ผสมปูน 2-3 ชั้น , บ้านเดี่ยวมีเนื้อที่รอบๆ โดยมาจะอยู่ใกล้ๆวัดแสดงถึงชุมชนด้านในอาศัยในย่านนี้อยู่ก่อนแล้วนั่นเอง
ตัวอาคารนั้นโดนแบ่งออกเป็น 2 Tower เพื่อนหลบมุมเพื่อนบ้านติดกันอย่าง The Parkland โดยระยะหลบนี่เรียกได้ว่าคิดไว้พอดี๊พอดี ตัวชิ้นที่ดินหัวไปทางทิศเหนือใต้ค่ะ
สำหรับเส้นทางที่จะพาทุกคนผ่านไปนั้นเรียกว่าเป็นเส้นทางหลักๆที่อยู่ริมถนนรัชดาฯค่ะ ประมาณ 600 เมตร
เริ่มที่สถานี BTS ตลาดพลู ออกทางออกที่ 3
เมื่อเดินลงมาผ่านทางเท้าบริเวณทางออกที่ 3 จะเห็นโครงการน้องใหม่ของย่านนี้ที่เปิดตัวไปไม่นานอยู่ด้านขวามือ Whizdom สเตชั่นรัชดาท่าพระ สังเกตว่าทางเท้าบริเวณนี้กว้างและเดินได้สะดวกสบาย
ในช่วงเวลาหลัง 4 ทุ่มไปนั้นความคึกคักของย่านจะลดน้อยลงค่ะ ดังนั้นการระมัดระวังตัวในทุกๆที่เพื่อความปลอดภัยก็ไม่เสียหายนะ
บางช่วงของทางเท้าเลยจากทางออกสถานีมา จะอยู่ๆก็ไม่มีเสาไฟซะงั้น แต่เลยไปหน่อยก็จะสว่างแล้วค่ะ
ห้างที่เป็นใจกลางของย่านนี้ คิดดูว่ามีสะพานลอยเชื่อมเข้าห้างมาตั้งนานแล้ว เรียกได้ไม่อายปากว่าศูนย์กลางความเจริญของย่านนี้ The Mall ท่าพระ ที่มีครบมากๆตั้งแต่ซุปเปอร์ ร้านอาหาร ธนาคาร โรงภาพยนตร์ อยู่มายาวนานเกือบ 30 ปี เป็น The Mall แรกเลยก็ว่าได้ที่มีสวนน้ำ! ช่วงนั้นคือต้องมา ว่ายกันมันส์สุดๆ (ดักแก่มากๆ) ณ ปัจจุบันไม่มีสวนน้ำแล้วนะคะ
ป้ายรถเมล์บริเวณตีนสะพานลอย คึกคักท้างงวัน คนใช้บริการเยอะมาก รถสาธารณะนี่มีให้เลือกแบบครบ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปใหญ่ แถมไปได้หลายทางด้วยนะ
ยิ่งช่วงเลิกงานนะ คนเยอะม๊ากจริงๆ
ฝั่งตรงกันข้ามกับ The Mall ท่าพระ ในตอนเช้า สาย บ่าย เรียกว่าเป็นที่ฝากท้องสำหรับกับข้าวถุงต่างๆ โดยเฉพาะช่วงฟ้ามืด คึกคักสุดๆ อืม….เรียกว่าไม่อ้วนไม่ได้แล้ว
เรียกว่ากินกั้นเช้าจนค่ำเลยค่ะ
ไทยช่วยไทยพลาซ่า เป็นเต้นท์ขนาดใหญ่แบ่งเป็นซอยย่อยเล็กๆ ด้านในมีขายอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์มากมาย และอุปกรณ์เสริมสวยลานด้านหน้าในตอนกลางคืนเป็นลานขายของขนาดย่อมๆค่ะ มีที่จอดรถด้านใน
ภาพบรรยากาศตอนฟ้ามืด มีร้านค้าออกมาตั้งแผงแน่นลาน
เลยมาคือซอยรัชดาฯ 15 หรือซอยติวเตอร์ ที่เป็นชื่อของสถาบันกวดวิชาที่ตั้งอยู่กลางซอยนี้ ที่เชื่อมไปซอยเทอดไท 33 ได้ค่ะ ชื่อเก่าก่อนเข้าวงการคือซอยล้อมสมบูรณ์ จุดเด่นของถนนซอยแถวนี้ค่ะ คือ เป็นซอยตรงๆที่ขนาบด้วยห้องแถว และซอยเหล่านี้สามารถใช้เข้าออกเป็นทางลัดในการเดินทางได้สะดวกมากๆ
อีกจุดนึงที่เรียกว่าเดินไม่ทันจะเหนื่อยแล้วเจอนั้นก็คือพี่วิน มีกันแทบทุกปากซอย กลางซอย ท้ายซอย แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ได้เป็นอย่างดี
เห็นไหมคะว่า พี่วินเนี่ยมีให้เรียกใช้ได้เกือบทั้งวัน
โอ๊ะๆ ขอบอกว่าก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาลือชา ซอย 13 เจ้านี้อร่อยมั่กๆ เปิดมานานแต่ว่าบางทีป้าแกก็ไม่เปิด พิกัดอยู่บริเวณปากซอย 13 ค่ะ
ไหนๆใครได้กลิ่นบ้าง สนนราคาอยู่ 50 บาทจ้ะ ชามนี้
ซอยรัชดาฯ13 หรือซอยวัดบางสะแกใน ตามชื่อเลยเมื่อตรงเข้าไปผ่านซอยเทอดไท 33 จะเจอสี่แยกที่ตรงเข้าสู่วัดบางสะแกในและโรงเรียนวัดบางสะแกในได้ ในส่วนของรถยนต์ยังลัดเลาะไปออกถนนวุฒากาศที่ซอยวุฒากาศ 43 ได้อีก ไม่ต้องนับพี่วินนะ ไปได้หลายทางค่ะ
ถัดมาไม่ไกลแค่ 1 ซอยมีตลาดของใช้และอาหารที่เปิดช่วงเย็นๆ คือตลาดซอย 13 (เลยซอย 13 มานิดนึง)
กลางคืนคึกคัก
ฝั่งตรงกันข้ามนั้นอีกหนึ่งโครงการที่เข้ามาเปิดหน้าที่ดินบริเวณนี้เช่นกัน ศุภาลัย ลอฟท์ ตลาดพลู
ติดๆกันคือตึกแถวที่ขายอุปกรณ์ IT … Digital Bestbuy ชอบมีของมาเซลล์บ่อยๆ
สำหรับถนนช่วงนี้มีปั๊มน้ำมัน 1 ปั๊มค่ะ คือปั๊ม Shell ด้านในมีร้านกาแฟ D’o ro
เลยไปไม่ไกลเป็นปั๊มแก๊ส
โครงการ The Parkland รัชดา-ท่าพระอาคารสูง 29 ชั้นของ นารายณ์ เปิดตัวเมื่อปี 2007 เป็นศิษย์ผู้พี่อยู่อยู่ใกล้ๆกัน ก่อนถึงโครงการ U delight @ ตลาดพลู สเตชั่น ไม่ไกลมาก โดยหน้าที่ดินของโครงการนี้จะแคบกว่าด้านในคล้ายๆรูปตัว L
โดยจะมี Car Care และ ร้านอาหารเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณหน้าที่ดินระหว่าง 2 โครงการ
แต่สิ่งที่แบ่งระหว่าง 2 โครงการนี้จริงๆคือแนวคลองระบายน้ำค่ะ ที่เป็นอีกหนึ่ลักษณะเด่นของย่านนี้ที่มีคลองระบายน้ำยาวเชื่อมถนนรัชดาฯและเทอดไท 33 เข้าด้วยกันค่ะ ลักษณะเหมือนถนนซอยที่ฝนได้กล่าวมาเลย โดยจะมีทางเท้ายาวเดินไปมาได้ ซึ่งจะเชื่อมไปทางคลองบางสะแกและคลองบางน้ำชน ส่วนสีของน้ำในแนวระบายนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสายเลย ส่วนใหญ่สีคล้ายๆน้ำใบบัวบกข้นๆ
ด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนรัชดาค่ะ จะเห็นชื่อโครงการใหญ่ชัดเจนและมีการปาดทางเข้าเททับด้วยยางมะตอยกับทางเท้าที่ปรับระดับไว้เรียบร้อยเลยทีเดียว
เลยตัวโครงการมาจะเป็นซอยรัชดาฯ 11 ค่ะ จะคล้ายๆกันกันคือสิ่งปลูกสร้างเป็นห้องแถว ประกอบการค้าสูง 4-5 ชั้น ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ ข้อดีของตึกแถวที่อยู่บริเวณหน้าปากซอยติดถนนรัชดาฯคือ พื้นที่สำหรับจอดรถด้านหน้าค่ะ ไม่มีรถจอดเกะกะริมฟุตบาทเท่าไหร่ เพราะแถวๆนี้พอมีรถจอดข้างทางจะทำให้รถค่อนข้างติด เนื่องจากการชะลอตัวจากการลงสะพานและเข้าซอย
อย่างที่บอกเลย ซอยจะเป็นลักษณะตรงๆยาวเชื่อมถนนรัชดาฯเข้าซอยเทอดไท 33 เข้าด้วยกัน
กิจการที่เป็นที่นิยมในสมัย 10-20 ปีก่อนหน้าแถวนี้คือ เต้นท์รถค่ะ โดยเฉพาะใกล้แยกมไหสวรรย์ ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่แต่ส่วนมากย้ายไปตั้งตามถนนวงแหวนรอบนอกกันซะมากแล้ว
มองย้อนกลับไปทาง BTS ตลาดพลูจะพบว่าเมื่อเลย The Mall ท่าพระมาแล้วมีโครงการที่ขึ้นเสร็จพร้อมอยู่ให้เลือกหลายโครงการค่ะ แม้ระยะจะไกลจากสถานี แต่ยังนับเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
มองไปอีกฝั่งเป็นทางขึ้นสะพานพระราม 3 ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใกล้ที่สุด แต่ก็ติดสุดๆเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงนี้ที่การทำอุโมงค์ลอดแยกมไหสวรรย์ไม่มีทีท่าจะเสร็จซะที ชาวบ้านก็ได้แต่ทนกันไป
สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จักคาเฟ่แล้ว แต่ต้นกำเหนิดของตลกหลายๆคณะก็แจ้งเกิดกันใน “ตลกคาเฟ่” นี่แหละค่ะ โดยเฉพาะย่านท่าพระ-ตลาดพลู บนถนนรัชดาฯในสมัย 10-20 ปีก่อนนั้น เทียบกันแล้วก็น้องๆพระราม 9 เลยนับเป็นสถานบันเทิงของฝั่งธนฯเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ปัจจุบันจะปิดตัวกันลงไปหมดแล้ว และ กรุงธนคาเฟ่ เป็นที่สุดท้ายที่ได้ปิดตัวลงเมื่อ 2556 และเปลี่ยนเป็น กรุงธนคอมเพล็กซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ตามยุคสมัยค่ะ
ฝั่งตรงกันข้ามกันกับโครงการแบบเดินข้ามสะพานลอยมาได้ไม่ทันเหนื่อย มีโครงการ Brick Park ปากซอยใช้บุญมี หรือซอยรัชดาฯ 8 มี Max Valu เปิด 24 ชั่วโมงและร้านกาแฟ Cafe’ Baan 59 น่ารักๆ อยู่
บรรยากาศภายในร้านเท่ห์ๆ มีทั้งเครื่องดื่มและขนมค่ะ เจ้าของร้านเป็นชาวเกาหลีที่พูดไทยได้
มองไปจะเห็นว่าตรงกันข้ามกับโครงการเป๊ะๆเลย
อีกเส้นทางหนึ่งนับว่าโดดเด่นไม่แพ้กันกับการเดินมาทางถนนรัชดาฯคือ ซอยเทอดไท 33 อย่าประเมินคำว่าซอยแล้วจะด้อยกว่าถนนใหญ่นะคะ ซอยนี้อุดมสมบูรณ์สุดๆและยังมีความโดดเด่นในแง่การลัดเลาะช่วงเวลารถติดโดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์เป็นอย่างมาก ซึ่งน่าจะเป็นซอยที่ทางโครงการจะนำ Shuttle service มาให้บริเวณตรงนี้เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกบ้าน จะเห็นว่าระยะจากรถไฟฟ้ามานั้นประมาณ 500 เมตร จากทางออกที่ 2 ของ BTS ตลาดพลูค่ะ
มองจาก BTS ตลาดพลูมองไปก็จะเห็นซอยเทอดไท 33 ซ้ายมือคือ Casa Condo 1 เป็นอาคาร Low rise 2 อาคารค่ะ และขวามือคือ Casa Condo 2 เป็นอาคาร High rise
จากสถานีมองไปก็เห็นตึกสีน้ำตาลๆนั่นแหละ
บริเวณทางออกที่ 2 จะมีพี่วินคอยให้เรียกใช้บริการอยู่
ค่าตัวพี่วิน
บริเวณใต้สะพานข้ามแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ หลายๆคนนำรถมาจอดข้างทาง โดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์ มีคนมาใช้บริการรถไฟฟ้าสถานีเยอะ
ด้านนี้คือซอยเทอดไท 33 ที่มุ่งหน้าออกไปถนนเทอดไทได้
อีกด้านคือซอยเทอดไท 33 ที่มุ่งหน้าเค้าโครงการค่ะ เราค่อยๆเริ่มเดินจากตรงนี้ไป
ถามว่าเดินไกลไหม ไม่ไกลเลยแต่อาจจะเดินยากนิดนึง เพราะไม่มีทางเท้าและต้องคอยหลบรถในช่วงแคบๆ แต่ในซอยนี้มีร้านสะดวกซื้อเป็นระยะๆนะคะ Tesco Lotus Express 24 hr.
เลยไปนิดเดียว 7-11
ในซอยนี้หาของทานสะด๊วกสะดวกค่ะ มีให้เลือกแบบสบายท้องสบายเป๋า
มองออกไปที่ถนนรัชดาฯ อันนี้ซอยติวเตอร์ ซอยตรงๆยาวๆ
เดินมาได้ประมาณ 500 เมตรก็เจอแล้วค่ะ โครงการ U Delight @ ตลาดพลู สเตชั่น
ในซอยนี้นอกจากวิน มีรถสองแถวให้บริการด้วยนะเดินทางไม่ลำบาก
*ณ วันที่ 18 มีนาคม 2556 ทางเข้าออกด้านซอยเทอดไท 33 ยังไม่สามารถเปิดให้ลูกบ้านใช้ได้ค่ะ โดยทางนิติฯอยู่ระหว่างการขอเปิดใช้ทางเข้าออก จะเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาต
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Max value ~260 ม. (ข้ามสะพานลอย)
- ไทยช่วยไทยพลาซ่า ~ 400 ม. (เดิน)
- The Mall ท่าพระ ~ 500 ม.
- BTS ตลาดพลู ทางออก 3 ~ 600 ม.
- BRT ราชพฤกษ์ ~ 900 ม.
- โรงเรียนวัดบางสะแกนอก ~ 1.0 กม. (ระยะขับรถและกลับรถ)
- โรงเรียนจินดามณี ~ 1.2 กม. (ระยะขับรถและกลับรถ)
- โรงพยาบาลเยาวรักษ์ ~ 1.5 กม.
- ย่านตลาดพลู ~ 1.6 กม.
- โรงพยาบาลทหารเรือ ~ 2.9 กม. (ระยะขับรถและกลับรถ)
โครงการ U Delight @ ตลาดพลู สเตชั่น เป็นโครงการของ Grand U ที่เรียกได้ว่าขยับเข้ามาใกล้รถไฟฟ้าค่ะ ปกติถ้าใครเป็นแฟนของ Grand U โครงการส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าค่ะ อย่างที่ทราบกันก่อนหน้า ตึกของโครงการนั้นออกแบบมาเพื่อหลบเพื่อนบ้านอย่าง The Parkland รัชดา-ท่าพระ ออกเป็น 2 อาคารที่มีชั้น Podium หรือที่จอดรถและสระเป็นตัวเชื่อมทั้งสองอาคารเข้าด้วยกัน จากมุมมองที่ฝนถ่ายมามองจากทางแยกมไหสวรรย์นะคะ
หากถามว่าหลบกันพ้นไหม เอ้าดูจากอีกมุมนึงกันอันนี้มองจากสะพานทางเชื่อมเข้า The Mall ท่าพระ ก็เรียกว่าพอดีๆช่องเลยค่ะ
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันของโครงการค่ะ ตัวที่ดินนั้นเชื่อมระหว่างถนนรัชดาฯและซอยเทอดไท 33 ทำให้จุดเด่นของโครงการนี้ที่ถึงแม้ว่าจะไกลจากบีทีเอสกว่าเพื่อนบ้านก่อนหน้า เนื่องจากซอยเทอดไท 33 นั้นมีความอุดมสมบูรณ์สูงมากและยังลัดเลาะไปได้อีก หากสามารถดำเนินการเปิดใช้ได้ จะทำให้โครงการนี้น่าสนใจเพิ่มในระแวกเดียวกันค่ะ
ส่วนหน้าของโครงการที่ติดกับถนนรัชดาฯนั้น จะเข้ามาพบกับ Lobby ของอาคาร A และถัดเข้ามาเป็นส่วนของ Lobby ของอาคาร B ซึ่งในชั้นนี้เป็น Facilities ของโครงการทั้งหมดค่ะ โดยสามารถใช้ร่วมกันได้ ประกอบด้วยห้องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ , ห้องนิติฯ , จุดจอดจักรยาน , สวน , ที่จอดรถ และ 7-11 สำหรับในช่วงก่อนหน้านี้ ร้าน 7-11 ไม่ได้อยู่ใต้อาคาร B นะคะ จะอยู่ตรงจุดที่ติดกับซอยเทอดไท 33 ค่ะ แต่ปัจจุบันติดเรื่องทางเข้าออกบริเวณซอยเทอดไท 33 จึงมีการปรับเปลี่ยนให้ร้าน 7-11 มาอยู่จุดนี้แทน ยังนับว่าสะดวกกับลูกบ้านเหมือนเดิมค่ะ
นอกจากนี้ตัว Lobby ของอาคาร A และ B นั้นมีการใช้งานที่ไม่ต่างกัน ประกอบด้วยที่นั่งพัก เคาน์เตอร์ติดต่อสอบถาม ห้องอเนกประสงค์แบบห้องประชุม และตู้จดหมายค่ะ
Floor Plan ชั้น 2-4 ซึ่งตรงกลางระหว่างตึก A และ B จะเป็นที่จอดรถ ส่วนพักอาศัยเริ่มจากชั้นสองทั้งสองตึก จะมีห้องแปลกๆแทรกอยู่ในนี้คือห้องสีฟ้าๆ A15 และ B03 ที่เรียกว่าไปแปะอยู่กับส่วนจอดรถเลย
มามะเริ่มที่หน้าโครงการเลย ชื่อของโครงการนั้นมีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดและเป็นภาษาไทยอ่านง่าย
ทางเข้าจากถนนรัชดาฯค่ะ เป็นทางเข้าออกขนาดใหญ่ จะเห็นป้ายเรียกแท๊กซี่เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านเตรียมไว้ให้เลย
ติดตั้งไม้กระดกและใช้ระบบเข้าออกแบบ Key Card พร้อมกล้อง CCTV
ด้านในซ้ายมือเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิค่ะ
อาคารที่ใกล้กับฝั่งถนนรัชดาฯคือ อาคาร A สามารถเดินจากทางเข้าตรงไปยัง Lobby ได้เลย และมีจุดจอดรถกลางแจ้งสำหรับผู้มาเยี่ยมรอบๆ
สวนที่ปรับระดับเนินดินขึ้นไป สามารถออกมาเดินเล่นชิวๆได้แต่ไม่ใช่สวนสำหรับออกกำลังกายค่ะ มองออกมาจาก Lobby A ก็จะเห็นสวนนี้
ทางเดินรถรอบโครงการนั้นสามารถสวนกันได้ไปกลับรอบที่ดินค่ะ ด้านขวามือตรงระแนงไม้เป็นทางเดินใต้อาคาร
สำหรับด้านทิศใต้นั้น ติดกับด้านหลังของตึกแถวซอยรัชดาฯ 11 เป็นตึกแถวสูง 4-5 ชั้น ห้องในชั้น 2-6 ด้านนี้จะเห็นวิวของตึกแถวอยู่นะคะ จะเห็นว่ามีการตีช่องไว้สำหรับจอดรอบอาคารเผื่อในกรณีที่จอดรถเต็ม ซึ่งโครงการนี้มีที่จอดรถ ประมาณ 410 คันในช่องจอด
ด้านทิศเหนือใกล้กับเพื่อนบ้านอย่าง The Parkland
เชคระยะกันซักหน่อย โครงการนี้มีห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 2 ค่ะ ซึ่งเป็นชั้นจอดรถ
ทางขึ้นที่จอดรถจำกัดรถสูงไม่เกิน 2.10 เมตร เมื่อมาจากถนนรัชดาฯวนขวาผ่าน Lobby A เข้าที่จอดรถได้ค่ะ โดยใช้ Key card ครั้งเดียวคือตอนเข้าจากประตูใหญ่
ทางขึ้นที่จอดรถ
ลานจอดรถ สูงประมาณ 2.3 ม. มีช่องจอดรถ 410 คัน คิดเป็น 42.1 % ไม่รวมซ้อนคันค่ะ
โครงการนี้มีหม้อแปลงไฟฟ้าสองลูกอยู่บริเวณด้านในโครงการติดริมรั้วด้านทิศเหนือ
ทางใต้อาคารที่เดินจากทางเข้าเชื่อมไปยังอาคาร A และ B ได้
ห้องน้ำในชั้น 1 อาจจะน้อยไปหน่อย มี 2 ห้องน้ำและ 2 อ่างล้างมือค่ะ อยู่ตรงกันข้ามกับห้องซักผ้า
ห้องน้ำ 2 ห้อง
ห้องซักผ้าหยอดเหรียญมี 5 ตู้และเก้าอี้นั่งรอ มุมนี้ดูสบายๆน่ารักดีค่ะ อยู่ใกล้กับ Lobby A มากกว่า Lobby B
มีทั้งหมด 5 ตู้นะคะ เลือกตามปริมาณผ้าเลย
ที่จอดรถรถจักรยานมีประมาณ 81 คันค่ะ ซึ่งในอนาคตน่าจะมีที่ล็อคหรือแบ่งช่องเอาไว้ให้ด้วย
7-11 ที่ขยับเข้ามาจะอยู่ใต้อาคาร B ใกล้กันกับสำนักงานขายค่ะ
ลานจอดรถด้านใกล้กับซอยเทอดไท 33 จะมีขนาดใหญ่กว่าด้านถนนรัชาดาฯอยู่เยอะค่ะ ห้องที่เห็นด้านหน้านั้นเคยมีแผนที่จะเป็น 7-11 ค่ะ จะเห็นว่ามีทางเข้าออกทั้งรถเข้าและคนเดินเตรียมรอวันเปิดไว้แล้ว ก็หวังว่าจะได้ใช้งานเร็ววัน
ตึกแถวด้านหลังซอยรัชดาฯ 11 จะเห็นส่วนสูงของอาคารชัดเจนค่ะ
มองย้อนกลับไปจะเห็นว่าสีของอาคารออกมาไม่ต่างกับโมเดลและภาพจำลอง
มาที่ด้านซอยเทอดไท 33 บ้าง จะเห็นว่าออกแบบออกมาเหมือนด้านถนนรัชดาฯเลย
ประตูทางเข้าออกรถ ยังมีประตูรั้วกั้นอยู่ค่ะ
สำหรับทางเข้าของ Lobby A และ B คือไม่ต่างกันนะคะ ฝนขอรวบพูดทีเดียวเลยเนอะ ด้านหน้าทางเข้าจะมีระเบียงซึ่งมีม้านั่งเล่นไว้นั่งชิวๆ และเก้าอี้โยก ที่เป็นจุดเด่นของ Lobby คือหน้าต่างที่เปิดรอบด้าน ลมโกรกดีค่ะ และแสงธรรมชาติก็เข้ามาหลายทางแต่ไม่ร้อนเพราะมีอาคารข้างๆบังอยู่
การตกแต่งด้านในเน้นโทนสีแบบเอิร์ธโทนค่ะ มีที่นั่งกระจายกันประมาณ 3-4 ชุด
ห้องอเนกประสงค์ที่มีการแบ่งออกเป็นสัดเป็นส่วนเรียบร้อย โต๊ะพร้อม กระดานพร้อม ประชุมสิครับรออะไร
จาก Lobby เชื่อมไปโถงลิฟท์ก็มีมุมนั่งพักกระจายเป็นจุดๆ
ก่อนเข้าไปสู่โถงลิฟท์นั้นต้องใช้ Key card ก่อนเข้าค่ะ มีการตกแต่งแบบใช้ระแนงไม้โปร่งบังสายตาและช่วยในการระบายอากาศ
บอร์ดประชาสัมพันธ์ด้านขวามือเอาไว้ติดป้ายแจ้งลูกบ้าน แต่การเปลี่ยนกระดาษไม้คอร์กแบบปักหมุดนั้นค่อนข้างลำบากเพราะเจ้ากระดานอยู่หลังกระจกไปอีก สงสัยต้องตั้งป้ายแยกหรือติดบนกระจกนี่แทน หลังจากติ๊ดบัตรเข้ามาจะเห็นประตูหนีไฟบานคู่นี้ ไม่ต้องสงสัย ตรงเข้าไปเลยค่ะ ด้านในเป็นลิฟท์ ซึ่งเห็นแบบนี้เป็นประตูกันไฟเนื่องจาก 1 ลิฟท์ 3 ตัวเป็นลิฟท์ดับเพลิงค่ะ ทางโครงการแจ้งว่าพอลูกบ้านอยู่กันแล้วประตูบานนี้จะเปิดไว้ตลอด ดูแล้วไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการกันไฟเลย
ด้านเข้ามามีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัวค่ะ
และส่วนตู้จดหมายนั้นถัดเข้ามาอีกที
ที่เห็นจะแตกต่างระหว่างอาคาร A และ B ก็ตรงตู้จดหมายค่ะ ที่ของอาคาร A จะมีอยู่ก่อนประตูกันไฟและด้านในโถงลิฟท์
ที่เหลือด้านใน (หรือเข้าใจง่ายๆคือกระจายไว้ ในและนอก)
ตัวลิฟท์ภายในมีการตกแต่งในโทนสีเดียวกันค่ะ ด้านนึงมีกระจก
และอีกด้านมีบอร์ดติดประกาศ อันนี้มีกุญแจสำหรับบานเปิดปิด สะดวกใช้งานค่ะ
ลิฟท์ที่นี่ใช้ระบบล็อคชั้น เดี๋ยวเราจะมาดูที่ชั้นส่วนกลางกันค่ะ
Floor Plan ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้น Facility จะมีห้องแปลกๆอีกเช่นเคยคือ A11-13-14-15 ส่วนตึก B คือ B03-04-05-07 ซึ่งเป็นห้องติดสวน ฝนวงเส้นประไว้ให้ จะได้ระเบียงพิเศษ ทั้งโครงการมี 8 ห้อง ซึ่งห้อง A11 และ B07 (ห้องสีชมพู) จะมีระเบียงติดสระ ห้องที่อยู่ชั้นนี้ จะได้ความสะดวกในการเดินมาใช้ Facility แต่ ก็จะต้องแลกกับความพลุกพล่านวุ่นวายจากเพื่อนบ้านที่มาใช้งานชั้นนี้เช่นกัน ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปดูว่าหน้าตาของห้องนี้เป็นลักษณะไหนค่ะ
ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 5 กันต่อ จะเห็นว่าประตูกันไฟจากหน้าลิฟท์ออกสู่ทางเดินด้านนอก จะใช้แบบนี้ในทุกๆชั้นนะคะ
ป้ายบอกเลขชั้นและผังบอกทางหนีไฟ
หน้าตาของปุ่มกดลิฟท์ค่ะเป็นแบบนี้ทุกชั้น
อีกด้านของประตู ซึ่งงานไม่เรียบร้อยเลยค่ะ เป็นแบบนี้เกือบทุกชั้นเลย
จากส่วนกลางจะมีประตูที่ต้องผ่านด้วย Key card ค่ะ ป้องกันอีกชั้นหนึ่งสำหรับลูกบ้านชั้นนี้
ประตูระแนงไม้โปร่งที่กรองแสงและเงาก่อนเข้าสู่ส่วนสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำของที่นี่ขนาด 5×30 เมตร อาจจะแคบไปสำหรับการว่ายหลายๆช่องค่ะ
แต่ไม่ได้ยาว 30 เมตรเป๊ะๆนะคะ สังเกตดีๆจะมีส่วนตื้นๆลดหลั่นลงไปด้วย ถามว่าเด็กเล็กๆเล่นได้ไหม ได้ค่ะ แต่ต้องมีผู้ใหญ่ดูแลหน่อยเพราะมีจุดต่างระดับอยู่ที่ไม่มีขอบกั้น
ลูกเล่นการตกแต่งน่ารักๆนำเตียงอาบแดดมาไว้ตรงสระน้ำที่ไม่ลึก วิวที่มองออกไปนั้นจะเป็นแนวต้นไม้ที่ปลูกไว้บังสายตาจากอาคารตึกแถวข้างเคียงที่เท่าๆกับระดับดาดฟ้าของเค้า
มองกลับไปอีกด้านของสระว่ายน้ำจะมีเปลนั่งเล่นชิวๆอยู่
จุดล้างตัวก่อนลงสระว่ายน้ำ มีฝักบัว 2 ฝัก
ในส่วนของไฟจะเป็นแบบหลังเต่าแบบนี้ฝังลงไปในดินให้ดูกลืนไปกับพื้นผิว
สำหรับห้องที่อยู่ติดสวนในชั้นนี้นั้นบริเวณระเบียงสามารถเดินเชื่อมมายังสระว่ายน้ำได้เลย มีการใช้ต้นไม้เป็นตัวกรองความวุ่นวายและเสียงรบกวน
ประตูทางเข้าออกจากห้องสู่ส่วนกลางบริเวณสระว่ายน้ำจะล็อคจากด้านในตัวห้องค่ะ มีแบบนี้เหมือนกันทั้งสองอาคาร A และ B
ส่วนของห้องสมุดและฟิตเนสอยู่แยกกันค่ะ ทำออกมาเป็น 2 อาคารเล็กๆ
อาคารสีน้ำตาลที่เห็นคือ ห้องสมุดค่ะ ชั้นล่างเป็นแบบ Open air ข้างบนติดแอร์
มีกระถางที่ก่อขึ้นมาเพื่อปลูกสมุนไพรไทย ผักสวนครัวเล็กๆ น่ารักดีค่ะ มีชื่อของแต่ละต้นบอกอยู่ ไหนๆก็ไหนๆใส่สรรพคุณและวิธีใช้ลงไปจะเก๋มากๆ
มาดูห้องสมุดกันค่ะ ด้านล่างมีเก้าอี้นั่งเอาไว้ทอดบรรยากาศไปทางสระว่ายน้ำ โปร่งๆ
บันไดขึ้นสู่ชั้นบนของห้องสมุดค่ะ
ห้องนี้เป็นห้องแอร์
มองวิวสระว่ายน้ำ คิดว่าติดม่านซักหน่อยน่าจะสบาย
ส่วนอาคารสีน้ำเงินคือฟิตเนสจะอยู่ชั้นบนส่วนข้างล่างเป็นส่วนอาบน้ำ ซาวนา และล้อคเกอร์แบ่งชาย หญิง
มาที่ห้องอาบน้ำและซาวน่าค่ะ แบ่งชาย หญิงแยกกัน
ด้านในมีทั้งซาวน่าและสตีม
จัดเตรียมตู้ล็อคเกอร์ให้ พร้อมห้องน้ำและห้องอาบน้ำ
ฝั่งทางห้องหนุ่มๆก็ไม่ต่างกันค่ะ มีการออกแบบให้แสงผ่านเข้าและยังระบายอากาศได้ด้วย
ขึ้นมาชั้นบนที่ห้องออกกำลังกายค่ะ เป็นห้องที่มีกระจกรอบด้าน เรียกว่าโปร่งเลยทีเดียว
ขนาดห้องและเครื่องเล่นจัดว่าน้อยไปนิดกับจำนวนลูกบ้านค่ะ
แต่บรรยากาศก็ดี วิ่งเพลินๆได้
ส่วนอีกด้านนั้นจะเจอะเพื่อนบ้านพอดีๆ ส่งยิ้มซักหน่อยก็ได้นะคะ
นอกจากนี้มีมุมศาลาอีก 2 จุด แต่น่าจะนั่งได้ช่วงเช้าตรู่หรือเย็นย่ำเพราะแดดอาจจะร้อน ไม่มีหลังคา
Floor Plan ชั้น 6-26 ซึ่งเป็นชั้นหลัก ตึก A และ B จะเหมือนกัน คือการวางลิฟท์เป็นตัว L นะ มีลิฟท์ โดยสาร 3 ตัว ต่อตึก อัตราส่วนลิฟท์โดยสารตึก A = 183 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว ถือว่าแน่น และต้องรอลิฟท์นานในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ส่วนตึก B = 142 ห้อง ต่อลิฟท์ 1 ตัว ดีกว่าตึก A แต่ก็ยังค่อนข้างแน่นค่ะ และยังต้องใช้เป็นลิฟท์ Service ด้วย
ตึก B จะมีแค่ 27 ชั้นนะคะ ส่วนตึก A จะเป็นผังเดียวกันไปหมดเลย ชั้นนี้ของตึก B จะมีความหนาแน่นน้อยที่สุดค่ะ จำนวน 13 ห้อง
ส่วนของชั้นพักอาศัยนั้นจะมีจุดแยกขยะอยู่บริเวณโถงลิฟท์ค่ะ และขยะเปียกต่างๆจะให้ทิ้งห้องด้านใน
โดยแยกตามประเภท
กระดาษต่างๆ ซึ่งใส่ใจสิ่งแวดล้อมดีค่ะ
สำหรับทางเดินในชั้นเป็นกระเบื้องสีขาวปูขนาด 30 เซนติเมตรค่ะ มีช่องแสงที่ปลายทางเดินทั้งสองข้าง ระบายอากาศได้ดี
ส่งท้ายของพื้นที่ส่วนกลางด้วยวิวจากชั้น 27 ค่ะ 🙂
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby แยกอาคาร และ 7-11
- สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 5×30 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนหย่อมรอบโครงการและที่ชั้น 5
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมเฉลี่ยทั้งโครงการ 162 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 183:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 142:1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ ในช่องจอดประมาณ 42.1% เก็บค่าจอดรถเดือนละ 300 บาทต่อคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดทำไว้ในอาคารที่เสร็จแล้วจะเป็น Type เดียวกันกับที่เคยอยู่ที่สำนักงานขายนะคะ โดยอยู่ที่ตึก B ชั้น 6 ทั้งสองห้องค่ะ ณ ปัจจุบันห้องที่ขายแบบเฟอร์ต้องซื้อในชั้นต่ำกว่า 12A นะคะ ใครชอบเฟอร์พอดีๆก็ลองหาตำแหน่งห้องว่างดู 🙂
ห้องแรกคือขนาด 30 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เป็นห้องเดียวกันกับตอนสำนักงานขายนี่แหละเพียงแต่ยกมาใส่ในตึก จุดเด่นของผังนี้คือเรื่องพื้นที่และ Function การใช้งานมาก ห้องนั่งเล่นจัดพื้นที่แนวยาวให้ได้ระยะดูทีวีสบายตา และมีพื้นที่วางตู้ ครัวต่อเนื่องกับระเบียง มีประตูปิดมิดชิด จัดทำกับข้าวได้สบายๆ ระบายอากาศออกทางระเบียงได้ แต่พื้นที่ครัวบังคับให้ต้องแยก Pantry เป็นสองด้าน มาที่ห้องนอนได้ Bay Window ดูวิวจากบนเตียงได้ และเพิ่มพื้นที่ช่องแสงธรรมชาติ เงื่อนไขการขายมีทั้งแบบ Fully Fitted ให้ครัว และส่วนสุขภัณฑ์นะและ Full Fur ครับชุดแบบในห้องตัวอย่าง ซึ่งเป็นชุดเฟอร์ ที่ออกแบบมาให้จัดวางลงห้องได้พอดี๊พอดี ห้องของที่นี่จะสูงต่างกัน 3 ระดับค่ะ เพดานห้องนอน และห้องครัว 2.4 m. เพดานห้องนั่งเล่น 2.6 m. และเพดานห้องน้ำ 2.2 m.
บานประตูแผ่นใยไม้อัดแข็ง ทาสีขาวพร้อมกับมือจับแบบก้านโยกและมีตาแมวให้ค่ะ
ด้านในเมื่อเข้ามาจะพบส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นและทานอาหาร แต่ละห้องออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน ห้องนั่งเล่นดูกว้าง เพราะได้พื้นที่เยอะสุด ถัดไปห้องครัว และซ้ายมือเป็นห้องนอน พื้นห้อง เป็นลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. ตัวจบตรงธรณีประตู ก็ลามิเนต
ระยะดูทีวีระดับ 3 เมตร วางทีวี 50 นิ้ว คือสามารถนั่งทานอาหารและนั่งเล่นดูทีวีไปพร้อมๆกันได้
ห้องนี้เป็นส่วนนั่งเล่นและทานอาหาร เพดานสูง 2.6 m. ทางเลือกใช้โคมไฟแบบติดลอยแบบนี้ค่ะ อืม…ฝนว่าดวงเดียวจะน้อยไปหน่อยค่ะ หากไม่ได้แสงธรรมชาติเข้าช่วย หรือใช้โคมไฟตั้งโต๊ะช่วยเพิ่มแสงสว่างได้ค่ะ
ชิ้นเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าเป็นตู้เก็บรองเท้าที่ยกขึ้นสูงจากพื้น จะเห็นว่าบานเป็นบานกระจกสามารถเชคดูความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ บานมีมือจับหยิบสะดวกค่ะ ในส่วนชี่นที่สูงๆนั้นสาวๆตัวเล็กแนะนำให้เอาเก้าอี้มาต่อ แล้วเก็บไว้ใต้ชั้นก็ได้ ไม่มีปัญหา
สวิตช์ ปลั๊กต่างๆ เป็นหน้ากากสีขาวของ Panasonic มาตรฐาน
มาที่ห้องน้ำค่ะ ในห้องชุดนี้จะมีห้องน้ำห้องเดียวพร้อมห้องอาบน้ำ
สุขภัณฑ์ American standard มีที่แขวนผ้าเช็ดตัวเหนือโถฯ
สายชำระมีนำ้หนักถนัดมือค่ะ แต่สำหรับคุณผู้ชายอาจจะเล็กไปหน่อย
อ่างล้างมือ เป็นอ่างอะครีลิคค่ะ ขนาดใช้งานได้สบาย ซ้ายขวามีที่กางข้อศอกได้เต็มที่
ส่วนของห้องอาบน้ำค่ะ แยกเปียก และแห้งออก มีการเปลี่ยนสเปคของบานประตูจากเดิมที่เป็นบานอะครีลิคเลื่อน 3 ตอน เป็นบานเลื่อนกระจกเทมเปอร์ค่ะ มีมือจับประตูจับถนัดมือ ด้านในให้ ฝักบัวของ VRH และที่วางสบู่
ขนาดกว้างประมาณ 1.4 x 0.9 m. ขนาดประมาณนี้ก็กลางๆค่ะไม่เล็กไม่ใหญ่ มียกธรณีขึ้นมาเพื่อกันน้ำซึมออกมา
ออกมาที่ห้องนั่งเล่นกันค่ะ ตัวโซฟาสีเทาตัวนี้นั่งได้ 2 คน ยืดแข้งยืดขายาวๆได้ โต๊ะกลางนี่….น่าจะเป็นที่วางขาน่าจะดีกว่านะคะ เพราะบุนวมนุ่มๆแบบนี้วางน้ำอาจจะหกได้
โต๊ะทานข้าวอเนกประสงค์ ออกแบบมาให้นั่งทานข้าวได้ ขนาดโต๊ะทานอาหารนั้นสามารถวางทานได้สองคนกำลังพอดี ข้าวคนละจาน กับข้าวซัก 2 อย่าง พอได้ๆ หรือจัดเป็นที่ทำงานก็ได้นะ แต่นั่งนานไปก็อาจจะมีเมื่อยบ้าง
ชั้นล่างของเจ้าเก้าอี้เนี่ย มีลิ้นชักเก็บของสูง ต่ำ เก็บของได้หลายประเภทค่ะ
มาที่ชั้นวางทีวีก็มีลิ้นชักเช่นกันค่ะ ชั้นวางทีวียาว 120 เซนติเมตร ด้านบนมีชั้นเก็บของติดผนังวางของตกแต่งได้
อันนี้จะตื้นไปนิดนึง ใส่พวกซีดี แผ่นเล่นต่างๆ
ข้อดีของการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่โครงการคิดมาให้แล้วคือระยะต่างๆนี่พอดีมากๆ แต่ไม่ฟิตจนขยับเขยื้อนไม่ได้
บานประตูที่แบ่งส่วนครัวเป็นบาน 3 พับ ทำให้ครัวนี้กลายเป็นครัวปิด
จากห้องนั่งเล่นมีธรณียกสูงขึ้นมา เดินก็ยกขากันหน่อยนะคะ ระวังสะดุด
พื้นที่ในครัวค่ะ แบ่ง Pantry เป็นสองฝั่งค่ะ อ่างล้างจานและตู้เย็น อีกด้านเป็นเตาและพื้นที่เก็บของ
อ่างล้างจาน วางคู่ตู้เย็น ตำแหน่งวางถูกต้อง เปิดตู้เย็นเอาของมาล้างง่าย มีกรุกระเบื้องที่ผนังให้แล้ว อ่างล้างจานหลุมเดียวของ Hafele กว้าง 80 เซนติเมตร ด้านบนมีที่แขวนของใช้
Pantry อีกด้าน จะเป็นเตาค่ะ แต่เป็นเตาลอยตัวนะ และที่วางไมโครเวฟ ตรงนี้สเปคเปลี่ยนไปจากเดิมค่ะ เพราะของเดิมได้เตาเซรามิคฝังพร้อมกับที่ดูดควัน
ส่วนของท่อแอร์นั้นเดินผ่านห้องครัวลอยแบบนี้ มีไฟส่องสว่างให้ดวงนึง
ครัวติดกับระเบียงซักล้างค่ะ ขนาดประมาณ 1.0×1.85 m.
ตรงราวระเบียงมีติดที่แขวนผ้าให้ด้วยนะ
คอมเพรสเซอแอร์ เป่าออกนอกอาคารค่ะ
ด้านล่างของคอมเพรสเซอแอร์ วางเครื่องซักผ้าได้ มีงานระบบเตรียมให้หมดแล้ว
มาที่ห้องนอนค่ะ ขนาดวางเตียง Queen size และยังมีที่เหลือเดินรอบๆห้องได้ วางเฟอร์นิเจอร์ได้
ผนังหน้าต่าง ไม่ได้กระจกถึงพื้น แต่มีหน้าต่างเข้ามุมด้วยนะ ปลายเตียง มีพื้นที่ติดทีวีปลายเตียงได้
ธรณีทางเข้าห้องนอนเป็น PVC ไม่สูงมากค่ะ
มุมมองรอบๆ ส่วนหัวเตียง จะมีโต๊ะอเนกประสงค์ ตู้เสื้อผ้า เป็นบานเลื่อนค่ะ
ภายในห้องมีโคมไฟ 2 ดวงค่ะ บริเวณหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและเตียง
ชุดโต๊ะเครื่องแป้งชุดนี้ใครซื้อแบบ Fully Furnished ชุดนี้เรียกว่าขนาดพอเหมาะกับห้องค่ะ
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 51.5 ตารางเมตร จัดเป็นสัดส่วน มีห้องนอนใหญ่และเล็ก ห้องนี้มีจุดเด่นก็ยังคงเป็นเรื่องการจัดวาง Function ค่ะ เริ่มจากห้องน้ำ ที่สามารถแยก ใช้ได้ 3 คนพร้อมกันในช่วงโมงเร่งด่วนสุดๆและไม่ขัดเขิน เพราะแต่ละส่วนมีประตูแยกของตัวเองมิดชิด ส่วน Living Area เป็นพื้นที่แนวกว้าง สามารถทำกิจกรรมเล่นเกมส์ หรืออื่นๆกันได้อีกทั้งวันไหนเพื่อนมาเยอะก็จับเชื่อมส่วนรับประทานอาหาร วางติดหน้าต่างรับวิวและแสงธรรมชาติ ตรงมุมนี้ก็มี Bay Window อีก ส่วนนี้ออกแบบให้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ ด้านติดหน้าต่างเป็นเก้าอี้ยาว มีเบาะนุ่มๆ สามารถดัดแปลงเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ นั่งสอนการบ้าน หรือนั่งทำงานดูลูกๆเล่นเกมส์ได้ สบายๆ ห้องครัวเลยดูเล็กไปเมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยส่วนอื่นๆของห้องค่ะ การจัดวางเป็นรูปตัว L ติดกับระเบียงซักล้าง ห้องนอนเล็กออกแบบมาดี โดยเฉพาะกับเด็กมีโต๊ะทำการบ้านปลายเตียง รับแสงธรรมชาติ และมีหน้าต่างสองด้าน เวลาเปิดพร้อมกัน จะได้ลมพัดผ่าน ขณะทำการบ้าน ห้องนี้ปลายเตียงไม่เหมาะวางทีวี
ส่วน Living Area คือพื้นที่ตรงกลาง ด้านขวาฝั่งหลังโซฟา จะเป็นห้องนอน 2 ห้อง ส่วนด้านซ้ายฝั่งทีวี จะเป็นห้องน้ำ ครัว และระเบียง วางโซฟาขนาดนั่งได้ 2-3 คนสบายๆหรือใครอยากนอนเหยียดรอคุณผู้ชายกลับบ้านก็ได้ ด้านหลังเป็นโต๊ะรับประทานอาหารได้อีก 4-6 ที่นั่ง ระยะดูทีวี ราวๆ 3 เมตรเช่นกัน ถ้าเอาทีวีแขวนผนังยิ่งไกลได้อีก
ตู้เก็บรองเท้าน่าจะเพียงพอสำหรับห้องพักขนาดนี้ และบนตู้สามารถวางของกระจุกระจิกได้ หรือกวาดเก็บเศษจากกระเป๋ามาใส่โหล โยนกุญแจ ส่วนมากก็กองๆไว้แถวๆนี้
ส่วนชั้นวางโทรทัศน์มีลิ้นชัก 3 อันข้างล่างแต่ตื้นค่ะ และงานประกอบสำหรับห้องนี้ไม่เรียบร้อย
ไฟในส่วนนี้เป็นแบบติดลอยจ้า ให้มา 2 ดวง
ทางเข้าห้องน้ำ อยู่ด้านหน้า เข้าออกจากส่วน Living Area มีอยู่ห้องเดียวนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่ผังห้องขนาด 2 นอนเนี่ยจะได้ อย่างน้อยก็ 2 น้ำบ้าง แต่ที่นี่ปรับพื้นที่ใช้งานให้ใหญ่และเติมการใช้งานของห้องน้ำที่สามารถใช้พร้อมกันได้ เข้าห้องน้ำมา จะเจอส่วนอ่างล้างหน้าด้านซ้าย
ส่วนด้านขวา จะกั้นประตูแยกเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ และ Shower box ที่มีการปรับสเปคของบานประตูให้ดีขึ้นค่ะ เป็นกระจกฝ้าเทมเปอร์
เวลาเปิดมาจะมีทั้งเปิดเข้าและเปิดออก
สำหรับบานที่เปิดออกที่เป็นห้องน้ำเนี่ย เวลาเปิดมันจะป๊ะกับประตูห้องน้ำเป๊ะๆเลย ติด Door stoper กันซักหน่อยเถอะ
ห้องน้ำนั้นสุขภัณฑ์มาตรฐานค่ะ VRH
ที่วางสบู่ก้อนที่โครงการให้มาติดตั้งได้ชนกันบานประตูเทมเปอร์….อีกเช่นกัน ติดกันกระแทกหน่อยจะได้ไม่หวาดเสียวค่ะ สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ใช่สบู่ก่อนแล้วซื้อชั้นวางเข้ามุมเพื่อมาตั้งขวดสบู่ ครีมต่างๆได้นะ อันนี้วางแล้วมันชอบกลิ้ง
ก่อขอบปูนปิดกระเบื้องมาให้เรียบร้อย แต่ขอบอาจจะต่ำไปนิดถ้าวันท่อตันอาจจะระบายน้ำไม่ทัน
ตัวอ่างล้างมือเป็นอ่างอะครีลิคค่ะ มีมุมเก็บข้าวของ ผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์ทางความสะอาดได้
ส่วนนั่งทานอาหารดันไปไว้ติดผนังกระจก ใกล้กับครัวโต๊ะทานอาหาร ทำมาเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไปด้วย ระดับฝ้าจะลดลงมาอีกประมาณ 20 เซนติเมตร
มีด้านที่ติด Bay window ด้วยค่ะ มาไปที่ห้องครัวกันเนอะ
ประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมสีธรรมชาติค่ะ พื้นที่ครัวเชื่อมกับระเบียงซักร้าน ทำครัวปิดได้ชิวๆ ธรณีกรุด้วยกระเบื้องค่ะ ขนาดกว้าง เหยียบไปเลยหรือเดินข้ามก็ได้
ด้านในพื้นที่ Pantry ตัว L พื้นที่ขนาดนี้เหมาะสำหรับผู้ปฎิบัติการ 1 ท่าน
อุปกรณ์ใช้ยี่ห้อเดียวกัน ซิงค์ของ Hafele รวมทั้งก๊อกน้ำ กรุกระเบื้องที่ผนังมาให้เรียบร้อย
ชั้นเก็บของข้างล่าง
เตาไฟฟ้าเซรามิค และที่ดูดควันไม่มีให้นะคะ เป็นหาเตาไฟฟ้าลอยตัวมาเสียบแทน ตรงนี้อาจจะแคบไปสำหรับการออกลวดลายปรุงอาหาร
ชั้นอื่นๆที่เก็บของในครัว
บานจับได้ค่ะ มีบากมุม ไม่ได้ติดตั้ง Soft Close
ระเบียงซักล้างขนาด 1.0×2.0 m. พื้นที่ขนาดนี้น่าจะตากผ้าได้เยอะกว่าแบบ 1 ห้องนอน
ที่วางคอมแอร์ และเครื่องซักผ้า
ราวระเบียงกันตกติดที่แขวนผ้ามาให้ในตัว
มาที่ห้องนอนเล็กกันต่อค่ะ วางเตียงเล็ก 3.5 ฟุตให้ดู ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า
ใต้เตียงมีลิ้นชักเก็บของ
โต๊ะข้างเตียงที่ปิดหน้าบานมาไว้เปิดเก็บของได้เพิ่ม ดูเรียบร้อย
ปลายเตียงวางโต๊ะทำการบ้านไว้ มีหน้าต่างสามบาน รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และเวลาเปิด จะได้ลมธรรมชาติ พัดผ่าน
มองกลับไปที่ประตูห้อง มีจุดที่ไว้ตั้งชั้นวางของชิดผนังได้
อีกด้านของโต๊ะทำงาน มีหน้าต่างบานเปิด
เอาไว้ออกไปดูแลคอมแอร์นี่ แต่แคบไปสำหรับผู้ชายตัวใหญ่ค่ะ
ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนเล็กค่ะ
ส่องวิวออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นแบบนี้ค่ะ ด้านหลังของตึกแถวซอยรัชดาฯ 11
ห้องนอนใหญ่ วางเตียงขนาด king size สบาย
พื้นที่หัวเตียง วางโต๊ะอเนกประสงค์ไว้ตัวนึง เอาไว้ใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับสาวๆก็ได้นะคะ หากใครจะหามาแทน ตรงนี้พื้นที่ประมาณ 1.2 m. ค่ะ
ปลายเตียงเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวี จะเห็นว่านอนดูเอียงๆไปหน่อย ใครชอบนอนดูสบายๆอาจจะสลับตำแหน่งภายหลังได้ค่ะ
ชั้นวางทีวีในห้องนอนเปิดออกมาสามารถใส่ของได้พอสมควรเลยนะคะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 02 Febuary 2016
- A-0601 ชั้น 6 อาคาร A 1BR-Couple ราคา 2,357,000.00 ขนาด 30.21 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 78,020 บาท
- A-2305 ชั้น 23 อาคาร A 1BR-Couple ราคา 2,485,000.00 ขนาด 30.42 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 81,690 บาท
- B-0604 ชั้น 6 อาคาร B 1BR-Couple ราคา 3,356,000.00 ขนาด 30.05 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 111,680 บาท
- B-1917 ชั้น 19 อาคาร B 1BR-Couple ราคา 2,437,000.00 ขนาด 30.21 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 80,669 บาท
- B-2614 ชั้น 26 อาคาร B 1BR-Couple ราคา 2,523,000.00 ขนาด 30.03 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 84,015 บาท
- B-2013 ชั้น 20 อาคาร B 1BR-Couple ราคา 2,516,000.00 ขนาด 30.43 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 82,681 บาท
- B-0503 ชั้น 5 อาคาร B 1BR-CoupleG ราคา 4,461,000.00 ขนาด 42.74 ตร.ม. ราคาต่อตาราเมตร 104,375 บาท
- Fully Fitted ตั้งแต่ชั้น 12A ขึ้นไป และ Fully Furnished ตั้งแต่ชั้น 12A ลงมา
- เพดานสูง 2.2 , 2.4 และ 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- เตาไฟฟ้าลอยตัว
- จอง 40,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
- ค่าจอดรถยนต์ คันละ 300 บาท มอเตอร์ไซค์ 50 บาท ต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ฝนขออนุญาตยกบางส่วนของ Mr.Oe และนำมาเพิ่มเติมตรงนี้ค่ะ
“U Delight @ตลาดพลู สเตชั่น เป็นโครงการของ Grand U ที่นานๆ จะโผล่มาเกาะใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้นะครับ ตัวทำเลโครงการนี้ ต้องบอกว่าทำมาสำหรับคนฝั่งธนหรือคนคุ้นเคยพื้นที่โซนนี้ ด้านหน้าติดถนนหลักอย่างรัชดาภิเษก เดินไป The Mall ได้ ส่วนด้านหลังติดถนนเทอดไทย 33 ซึ่งเดินไปสถานีรถไฟฟ้า BTS ตลาดพลูได้ ในย่านนี้ มีที่ดินให้ทำแบบนี้ยากอยู่นะ เพราะเป็นตึกแถวไปหมดแล้ว เหลือที่แปลงนี้ที่ด้านหน้าเป็นปั๊มด้านหลังเป็นบ้าน พอทุ่มซื้อมารวมกัน ก็ได้เป็นที่ยาวๆลากไปเชื่อมสองถนนได้แบบนี้แล… แต่ทำเลที่ีแปลงนี้ ก็ไม่ใช่ว่าดีไปหมด เพราะดันติดติกสูง Parkland ทำให้โครงการต้องหั่นตึกมาแบบเว้นพื้นที่ตรงกลางไว้แบบนี้ เพื่อตัดปัญหาห้องบังวิวกันระยะประชิด ซึ่งเสียพื้นที่ขายไปเยอะ และแน่นอน ต้นทุนต่อตารางเมตรมันเพิ่มขึ้น เราเลยเห็นเขาทำราคาออกมาที่ระดับนี้”
– ณ ปัจจุบันการเข้าออกของซอยเทอดไท 33 ยังไม่สามารถระบุได้ค่ะ ว่าจะเปิดใช้งานได้ไหมและเมื่อไหร่ ซึ่งฝนขอให้คะแนนบนพื้นฐานข้อมูล ณ ปัจจุบันค่ะ
“สภาพแวดล้อมของโครงการ จัดอยู่ในระดับที่เรียกว่า โล่งๆ ตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไปแล้วนะครับ รอบด้านไม่มีที่รกร้างเปลี่ยว หน้าติดถนนหลังติดถนน ด้านข้างด้านหนึ่งติดคลองระบายน้ำ ที่มีทางสัญจร โครงการคงต้องดูแลเรื่องกำแพงและ Security หน่อย … บ้านเรือนย่านนี้ ส่วนมากเกือบทั้งหมดเป็นอาคารพาณิชย์นะครับ ดังนั้นจะมีการทำค้าขายเล็กๆน้อยๆอยู่ทั่วไป ความอุดมสมบูรณ์และร้านค้าเลยเยอะมาก มีตั้งแต่ร้านชำอาแปะดั้งเดิม ร้านกาแฟ ร้านทำผม ร้านล้างรถ รถเข็นขายอาหาร ร้านอาหาร ตลาด และห้างอย่าง The Mall ท่าพระ … ถ้าคุณเป็นคนขยันเดิน หรือมีจักรยานคันเล็กๆติดห้อง ชุมชนย่านนี้ ถือว่า อุดมสมบูรณ์แบบครบเครื่องเลยทีเดียวเชียวนะจะบอกให้
การเดินทางโดยรถส่วนตัว ถือว่าสะดวกสำหรับคนใช้ชีวิตย่านนี้ แต่ถ้าต้องเดินทางทำงานโดยข้ามสะพานไปอีกฝั่งละก็ .. การใช้รถจะกลายเป็นความลำบากในชีวิตมิใช่น้อย ด้วยคอขวดรถติดตามสะพานในเวลาเช้าและเย็น จะช่วยกันบั่นทอนสุขภาพจิตและกระเพาะปัสสาวะแบบสะสมทบต้นทบดอก ส่วนวันหยุดหรือเวลากลางวันที่มนุษย์เงินเดือนเขาไม่ได้เดินทางกัน ก็โล่งสบายดีอยู่ ดังนั้นถ้าเรารู้ตัวว่า เราไม่ได้เดินทางเหมือนชาวบ้านเขา เช่น เป็นอาเฮียที่ตื่นไปทำงานกี่โมงก็ได้ หรือเข้างานช้ากว่าเขาได้ หรือไม่ได้เดินทางเข้าเมือง หรือเดินทางสวนกับชาวบ้าน … การใช้รถส่วนตัว ก็เป็นทางเลือกที่ดีอยู่นะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือเป็นจุดเด่น แม้ว่าโครงการ จะไม่ได้อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าเหมือนเพื่อนบ้านที่มากันก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก ระยะ 500 เมตร คนขยันเดินหน่อย คงจะเดินกันชิลครับ ส่วนคนขี้เกียจ ก็นั่งพี่วินนะ สิบบาท นอกจากรถไฟฟ้า สามารถเดินออกด้านหลัง นั่ง Taxi หรือ พี่วินออกทางลัดลัดเลาะหลบหนีรถติดได้ ส่วนการเดินทางปกติใช้ถนนรัชดาภิเษก ก็ได้ครบทั้ง รถเมล์ และ BRT อยู่แล้ว นอกจากนี้ เขามี Shuttle Service ให้ เป็นรถตู้ 2 คัน ซึ่งเก็บเงินนะครับ 15 บาท แฟร์สำหรับคนที่เขาไม่ได้ใช้ จะได้ไม่ไปเบียดบังค่าส่วนกลาง ”
– ในส่วนของ Shuttle Service ทางโครงการจะมีจัดรถให้แต่เนื่องจากเส้นทางการเดินทางยังไม่ได้สรุปเพราะคาดว่าจะใช้ทางเข้าออกของซอยเทอดไท 33
” โครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่ลักษณะนี้ จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องความปลอดภัย และความสะดวกในการเดินทาง สำหรับคนไม่ใช้รถ เพราะไม่ต้องเดินเข้าซอยเปลี่ยว และตอนเรียก Taxi ก็ใช้ รปภ เรียกเข้ามาในโครงการที่มี ทีวีวงจรปิดช่วยบันทึก การเดินทางออกจากโครงการ จึงเรียก Taxi ง่าย สะดวก และปลอดภัย อันเป็นหัวใจที่สำคัญในการอยู่คอนโด อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนมักจะลืมคิดไป
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มา ถ้าไปดูโครงการ U Delight อื่นๆ จะพบว่า มัน Spec เดียวกันเลย … แต่ๆๆๆ โครงการรุ่นพี่เหล่านั้น ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร ถูกกว่านี้พอสมควร แถมนี่ไม่ได้ Fully Furnished ถ้าอยากได้ ต้องจ่ายเพิ่ม จึงดูไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไรนะสำหรับส่วนของวัสดุเมื่อเทียบกับราคา นี่ยังไม่ได้เอาไปเทียบกับเพื่อนบ้านแถวนี้ในระดับราคาใกล้เคียงกันนะ Spec ของที่ได้ แบบ Fully Fitted ไม่ใช่ Full Fur ถือว่า พอจะคุ้มสำหรับห้องที่ราคาไม่เกิน 80,000 บาทต่อตารางเมตรครับ ”
– วัสดุอุปกรณ์ที่ให้มานั้น เช่น เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันถูกปรับลดลง อีกทั้งเตาไฟฟ้าที่ได้แบบเตาเซรามิคกับที่ดูดควัน เปลี่ยนเป็นเตาลอยตัวแทน แต่ที่ปรับให้ดีขึ้นคือประตูในห้องน้ำค่ะที่เป็นบานเทมเปอร์ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางนั้น แอบติดตรงที่การติดตั้งวัสดุหลายๆอย่างที่ยังไม่เรียบร้อยค่ะ รวมถึงรูปแบบของประตูกันไฟด้วยในส่วนของโถงลิฟท์ทั้งการออกแบบและติดตั้งที่จับยึดบานประตู
“การออกแบบ ต้องยอมเขาตรง กล้าหั่นตึกลดพื้นที่ขายเพื่อให้ได้โครงการที่ไม่บังวิวกันกับเพื่อนบ้าน และจัดวางตัว Lay Out มาค่อนข้างดี ไม่หนาแน่น ตัวห้องยกเอาหนึ่งในแบบห้องที่ดีที่สุดของ Grand U มาวางไว้ที่นี่ ซึ่งค่อนข้างลงรายละเอียดในการออกแบบดีครับ เป็นจุดเด่นของเขา … การออกแบบอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณา คือเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบมา Fit พอดีกับห้อง น่าเสียดายที่ต้องเสียตังค์เพิ่ม
สาธารณูปโภค จัดมาดีนะ ยกมาไว้ที่ชั้น 5 และมีพื้นที่เยอะระดับ 1 ไร่ ไม่นับพวก Facility บนดินและร้านค้า ที่เตรียมมาให้ลูกบ้านสะดวกขึ้น … สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับ Facility คือ ที่จอดรถที่ได้มา 45% ในช่องจอด นับรวมที่จอดรอบๆตึกแล้ว แปลว่าที่จอดในตึกในร่ม มีแค่ระดับไม่ถึง 40% เท่านั้น และอัตราส่วนลิฟท์ของตึก A จะหนาแน่นไปหน่อย”
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 85,000 บาทต่อตารางเมตร, 02 Feb 2016
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลครบเครื่องดีสำหรับย่านนี้ ห่างสถานีไปหน่อย แต่อุดมสมบูรณ์มาก
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกใช้ได้ แต่รถติดเป็นเวลา และที่จอดรถน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – สะดวกครบเครื่องดีมากโดยเฉพาะคนขยันเดิน
- วัสดุ 6.8/10 – หลายๆอย่างถูกปรับลดลงจากเดิม และมีเพิ่มเติมขึ้นบ้าง โดยรวมการเก็บงานก่อสร้างต้องใช้เวลาพอควร
- แบบ 8.5 /10 – ออกแบบมาดี โดยเฉพาะห้อง และการหั่นตึกที่ได้คะแนนพิเศษไป
- สาธารณูปโภค 8.0/10 – ดีหลายอย่างและน่าใช้ แต่มีจุดด้อยตรงลิฟท์ และความสะดวกที่จอดรถ
- MAIN CLASS
- 7.58 / 10.00
BOTTOM LINE
U Delight @ตลาดพลู สเตชั่น เหมาะสำหรับคนที่หาบ้านย่านฝั่งธนที่ไม่ใช้รถ หรือคนใช้รถที่เดินทางไม่เหมือนคนทั่วไป มองหาโครงการที่มีความอุดมสมบูรณ์รายรอบเยอะในระยะเดิน เป็นคนมีนิสัยซื้อของมองหาฟังค์ชั่นที่ชอบ ดูหน้าคนขาย พลิกดูป้ายรับประกัน มากกว่ารื้อหาของที่ราคาถูกที่สุดในห้าง มีงบประมาณระดับ 2.2 – 5.0 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 15,000 – 35,000 บาท
ถ้าชอบกด LIKE ถ้าใช่กด SHARE 🙂
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )