รีวิวฉบับที่ 1499  สวัสดีค่ะ 2 ปีผ่านไปช่างไวเหลือเกิน ตอนนี้โครงการ Ideo O2 ได้สร้างเสร็จเป็นเรียบร้อยแล้วนะคะ ตัวโครงการนี้จัดเป็นคอนโดมิเนียมที่ให้ Facilities มาจัดเต็มมากถึง 10 ไร่ อย่างสระว่ายน้ำยาวร่วม 200 ม. และยังมี Extrame Bike Lane ที่ทำออกมาให้ได้เล่นแบบจริงจังเลยทีเดียว มาจากแนวคิดที่ต้องการสร้างแหล่งออกซิเจนของคนเมืองนั่นเองค่ะ โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลย

 

Fact @ 18 December 2017

  • IDEO O2 (ไอดีโอ โอทู)
  • บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย บางนา จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอยสรรพาวุธ 1 ถนนสรรพาวุธ  เขตบางนา
  • คอนโด High Rise  33 – 34 ชั้น 3 อาคาร 1,559 ยูนิต และร้านค้า 10 ยูนิต
  • อาคาร A จำนวนห้องรวม 424 ยูนิต สูง 34 ชั้น ( แบ่งออกเป็นห้องชุดพักอาศัย 419 ยูนิต  ร้านค้า 9 ยูนิต )
  • อาคาร B จำนวนห้องรวม 580 ยูนิต สูง 34 ชั้น ( แบ่งออกเป็นห้องชุดพักอาศัย 579 ยูนิต  ร้านค้า 1 ยูนิต )
  • อาคาร C จำนวนห้องรวม 561 ยูนิต  สูง 33 ชั้น ไม่มีร้านค้า
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิตที่อาคาร C ชั้น 7 – 30
  • ที่จอดรถประมาณ 700 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 60%
  • ที่ดินประมาณ 14-1-51.2 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  มกราคม 2559
  • แล้วเสร็จ : ธันวาคม 2561
  • Studio 26 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom 32  ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 46-52 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 100,000 บาทต่อตารางเมตร
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS บางนา ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS บางนา
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 02-316-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.673218, 100.604592

จากแผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการ IDEO O2 ตั้งอยู่บนถนน สรรพาวุธ ข้างๆซอย สรรพาวุธ 1   สามารถใช้เดินทางเข้าเมืองหรือจังหวัดสมุทรปราการได้สะดวก ใกล้ทางด่วนโดยมีจุดขึ้นทางด่วนอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโครงการเลย รถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการที่สุดคือ BTS สถานีบางนา ตัวโครงการจะอยู่ห่างจากสถานีบางนาประมาณ 700 เมตร แต่สามารถใช้เส้นทางลัดโดยเดินเข้าซอย สรรพวุธ 1 ผ่านวัดบางนาในมาออกบริเวณใกล้ๆกับสถานี และในอนาคตทางโครงการจะมีสร้างทางออกด้านหลังเดินเลียบคลองมาออกบริเวณสถานีบางนาอีกเส้นทางหนึ่ง และนอกจากรถไฟฟ้า BTS แล้วในอนาคตยังมีแผนจะสร้างรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา บางนา – สุวรรณภูมิ  รถไฟฟ้าสายนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (อ่อนนุช-แบริ่ง) รับส่งผู้โดยสารจากสุขุมวิทรอบนอก วิ่งผ่านถนนบางนา-ตราด เข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยตามแผนมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2561 ค่ะ

Ideo o2_MAP Overall

การเข้าถึงโครงการหลักๆแล้วสามารถเข้าถึงได้โดยใช้ ถนน สรรพาวุธ กรณีเดินทางโดยใช้รถถือว่าสะดวกในระดับหนึ่งเลยเนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ ถนนสรรพาวุธเป็นถนนที่ตัดกับถนน บางนา – ตราด และ ถนนสุขุมวิท สามารถใช้ถนนสุขุมวิทเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก ขับไม่นานก็จะถึงโซนอ่อนนุช เอกมัยแล้ว หรือจะใช้ถนนสุขุมวิทวิ่งเข้าจังหวัดสมุทรปราการก็ได้  บริเวณฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโครงการเป็นทางขึ้นทางด่วน เราสามารถไปวนรถมาขึ้นทางด่วนได้สะดวก การจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน และ ช่วงที่ไบเทค บางนามีการจัดงานใหญ่ๆ ค่อนข้างจะหนาแน่น

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ เราก็สามารถเดินไปรถไฟฟ้าได้โดยโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานี บางนา ประมาณ 700 เมตร แต่ก็มีเส้นทางลัดไปออกบริเวณใกล้ๆสถานีก็จะช่วยร่นระยะทางได้มากพอสมควร  นอกเหนือจากรถไฟฟ้าแล้วบริเวณหน้าปากซอยสรรพาวุธ 1 จะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์มาคอยให้บริการอยู่ เดินออกมาจากโครงการก็ลงมาเรียกได้เลย  หรือจะเรียกแท็กซี่ , รถเมล์ก็ไม่ยากเพราะโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่  และบริเวณแยกบางนาก็เป็นแหล่งรวมของวินรถตู้ อยากจะไปไหนมาไหนก็สามารถไปใช้บริการได้

ตัวทำเลที่ตั้งของโครงการถึงแม้ว่าจะอยู่ออกมาทางนอกเมืองหน่อย แต่ก็เป็นทำเลที่เริ่มมีการพัฒนาและมีความเจริญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการจะยังคงเป็น ตึกแถว สลับกับบ้านพักอาศัย พักหลังๆเริ่มเห็นมีโครงการคอนโดมาขึ้นบางแล้ว  สำหรับเรื่องอาหารการกินข้างๆโครงการจะมีตลาดบางนาอยู่ มีร้านค้าและร้านอาหารอยู่เยอะพอสมควร   ส่วนศูนย์การค้าและแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ จะเกาะกลุ่มกันอยู่บนถนนบางนา – ตราดเป็นส่วนใหญ่ โดยศูนย์การค้าใหญ่ในของคนในละแวกนี้คือ เซ็นทรัล บางนา  และในอนาคตก็จะมี The Bangkok mall ศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ตั้งอยู่บริเวณแยกบางนา ซึ่งน่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปีหน้า ส่วนใกล้ๆโครงการในระยะที่เดินได้ก็มี The Coast Bangkok คอนโดที่มี Community mall เล็กๆอยู่ด้านล่าง มีร้านอาหารและร้านกาแฟ เราสามารถไปใช้บริการได้

Ideo o2_MAP จุดขึ้นทางด่วน

ทางขึ้นทางด่วนจะอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโครงการ  พอเราออกจากโครงกาแล้วสามารถกลับรถบริเวณหน้าโรงเรียน อรรถวิทย์มาขึ้นทางด่วนได้เลย

Ideo o2_MAP ลงด่วน2

จุดลงทางด่วนจะอยู่บริเวณแยกบางนา เราลงทางด่วนมาต้องไปกลับรถมาวนเข้าถนน สรรพาวุธเข้าสู่โครงการ

Ideo o2_MAP Route2

การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจากรถไฟฟ้า สถานีบางนา สถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดเดินมาเข้าโครงการ กินระยะทางประมาณ 700 เมตร

Ideo o2_MAP Route1

สำหรับเส้นทางลัดอื่นๆ จากรถไฟฟ้าสถานีบางนา สามารถเดินลัดโดยเข้าซอยวัดบางนาใน มาโผล่บริเวณซอย สรรพาวุธ 1 ข้างๆโครงการได้ โดยมีระยะทางประมาณ 400 – 500 เมตร

Ideo o2_MAP Route3

หรืออีกเส้นทางหนึ่งคือ เดินลัดจากคลองบางนามาเข้าทางเข้าออกด้านหลังโครงการ ในระยะทางประมาณ 350 เมตร

การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นจากทางด่วนเฉลิมมหานคร จากนั้นออกมาทางถนนสุขุมวิท แล้วเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกเพื่อเข้าถนนสรรพวุธ โดยเมื่อเลี้ยวเข้าถนนสรรพวุธแล้วให้เริ่มเบี่ยงซ้ายเลยนะคะ ตัวโครงการจะอยู่ติดกับซอยสรรพวุธ 1 ค่ะ

เริ่มต้นกันที่บริเวณทางออกที่ 17A เบี่ยงซ้ายเพื่อไปเข้าถนนบางนา

ออกจากทางด่วนมาแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทกันก่อนนะคะ

เมื่อออกมาที่ถนนสุขุมวิทแล้ว ให้เริ่มเบี่ยงขวาเพื่อเตรียมกลับรถมุ่งหน้าไปทางถนนสรรพวุธนะคะ

เมื่อกลับรถแล้ว วิ่งตรงมาเจอสี่แยกแรกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสรรพวุธ

เลี้ยวเข้าถนนสรรพวุธมาให้เริ่มเบี่ยงซ้ายเลยเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าโครงการนะคะ บริเวณนี้ต้องดูรถดีๆ หน่อยเพราะรถใหญ่ค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ และวินมอเตอร์ไซค์หน้าซอยสรรพวุธ 1 ก็เยอะมาก

ติดกับซอยสรรพวุธ 1 คือโครงการ Ideo O2 แล้วค่ะ

Ideo o2_MAP สภาพแวดล้อม

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ทางด้านหน้าจะติดกับถนนสรรพาวุธ ซึ่งเป็นถนน 6 เลน ถึงการจราจรไม่หนาแน่นเท่าถนนบางนาและถนนสุขุมวิท แต่ได้เวลากลางคืนจะมีรถใหญ่วิ่งผ่านซึ่งอาจจะมีเสียงรบกวนบ้าง ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นตึกแถว 2-3 ชั้นที่มีร้านค้าอยู่ด้านล่าง ส่วนทางด้านซ้ายจะติดกับซอย สรรพาวุธ 1 ซอยที่ใช้เดินลัดไป BTS ได้ ภายในซอยมีวัดบางนาในและ โรงเรียนวัดบางนาในตั้งอยู่ ถัดไปอีกจะมีคอนโด The Coast Bangkok สูงประมาณ 39 ชั้น ซึ่งจะเป็นวิวให้ห้องฝั่งทิศตะวันออก ส่วนทางฝั่งขวาจะติดกับโรงเรียน รุ่งเรืองวิทยา และ ที่ดินเปล่ารอการพัฒนาในอนาคต ด้านหลังโครงการติดกับคลองบางนา และ หมู่บ้านข้างเคียง

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น 

  • ตลาดบางนา ~  130 เมตร
  • โรงเรียน วัดบางนาใน ~  300 เมตร
  • วัดบางนาใน ~ 350 เมตร
  • The Coast Bangkok ~  400 เมตร
  • The Bangkok mall ~ 650 เมตร
  • BITEC บางนา ~  950 เมตร
  • โรงเรียน นานาชาติ Berkeley ~ 2.7 กิโลเมตร
  • สนามกอล์ฟ ราชนาวี บางนา ~  2.5 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus Express บางนา ~  3.9 กิโลเมตร
  • Big C บางนา  ~  4.1 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัล บางนา ~  4.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาล ไทยนครินทร์ ~  4.9 กิโลเมตร
  • Index Living mall บางนา ~ 6 กิโลเมตร
  • Paradise Park ~ 8 กิโลเมตร
  • สวนหลวง ร.9 ~  10.5 กิโลเมตร
  • Mega บางนา ~  11.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาล ปิยมินทร์ ~  11.7 กิโลเมตร
  • ซีคอนสแควร์ ~  12 กิโลเมตร
  • ตลาดนัดสวนรถไฟ ศรีนครินทร์ ~  12.5 กิโลเมตร
  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ~ 28.5 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

Ideo o2_ Masterplan

ด้วยขนาดโครงการที่มีขนาดใหญ่ เราจึงขออธิบายภาพรวมโครงการกันก่อนที่จะไปดูภายในโครงการกันนะคะ โครงการ Ideo O2 แบ่งออกเป็น 2 อาคาร 3 Tower โดยอาคาร A อยู่ติดกับถนนสรรพวุธ บริเวณด้านหน้าโครงการ มี Shop อยู่ด้านหน้าและภายในอาคาร ถัดมาคืออาคาร B และ C ซึ่งเป็นอาคารเดียวกันแต่แยกคนละ Tower นะคะ บริเวณหน้าอาคาร B และ C อยู่ติดกับ Facilities ทั้งหมด สามารถเข้าถึงส่วน Facilities ได้สะดวก แต่ก็จะแลกมากับระยะเดินจากหน้าโครงการไกลกว่าอาคาร A ที่อยู่ติดถนนสรรพวุธและร้านค้า ทำให้เวลาเดินทางมีความสะดวกมากกว่า ซึ่งทำให้อาคาร A และอาคาร B,C มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไปนะคะ

  • อาคาร A : ใกล้ถนนใหญ่ ใกล้ร้านค้า เน้นเดินทางเข้า-ออกสะดวก แลกมากับไม่ได้อยู่ติดกับ Facilities โครงการ
  • อาคาร B และ C : อยู่ใกล้ Facilities ใช้งานสะดวก มีความสงบกว่าอาคาร A ที่อยู่ติดกับถนนใหญ่ แต่ก็แลกมากับระยะทางเดินจากหน้าโครงการมายังอาคารค่อนข้างไกล

เริ่มจากด้านหน้าโครงการ บริเวณที่ติดถนนใหญ่สรรพวุธนั้นทางโครงการจะเปิดพื้นที่โล่ง อย่างที่เห็นเลยนะคะ เป็นสไตล์การจัดพื้นที่ของอนันดาอยู่แล้วเป็นปกติ เนื่องจากพื้นที่ด้านหน้าโครงการอนันดาจัดให้เป็นส่วน Commercial มีร้านค้าให้เช่า (ทางอนันดาเป็นผู้ให้เช่า) ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการระบุว่าจะเป็นร้านค้าไหนที่มาลง แต่ที่แน่ๆ มี Maxvalu tanjai ซึ่งมีการโคกันกับทางอนันดาอยู่แล้วที่มาลงค่ะ โดย Maxvalu อย่างที่รู้กันว่าเป็น Supermarket ที่เป็นตลอด 24 ชม.อยู่แล้ว ความสะดวกของลูกบ้านเลยคือเรื่องการกินการใช้ ที่แค่ลงจากอาคารมาก็ซื้อของได้เลย ไม่ต้องแวะห้าง หรือตลาดแต่อย่างใด พูดกันต่อในแง่ของการเปิดพื้นที่โล่งบริเวณด้านหน้าโครงการนี้ ก็เพื่อขายคนภายนอกด้วยส่วนนึง ไม่ใช่เพียงลูกบ้านในโครงการนะคะ ดังนั้นบริเวณด้านหน้าโครงการก็จะมีคนภายนอกที่เข้าถึงได้เช่นกัน ทำให้ความเป็นส่วนตัวบริเวณนี้จะไม่มีมากเท่าโครงการปิดอื่นๆ ด้วยเช่นกันค่ะ

บริเวณด้านหน้าโครงการ ทางโครงการจัดมาให้สวยงามและเรียบร้อยดีทีเดียวนะคะ โดยการเชื่อมพื้นที่ทางเดินโครงการกับฟุตบาทสาธารณะเลย ทำให้เดินได้ง่ายและโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ มีการจัด Landscape ส่วนนี้ให้ดูหวือหวาในสไตล์ Modern

เดินตรงมาอีกหน่อยเป็นทางเข้า-ออกโครงการแล้วนะคะ ซึ่งอยู่ริมสุดขอบเขตที่ดินโครงการ ทั้งนี้ก็เพราะเวลาเราวิ่งผ่านแยกบางนามาแล้วจะยังมีระยะให้เบี่ยงซ้ายเข้าโครงการ ไม่กระชั้นจนเกินไป

เข้ามาฝั่งซ้ายเป็นจุด Drop-Off ของอาคาร A นะคะ ลึกเข้าไปหน่อยฝั่งขวามือเป็นป้อมรปภ. แยกทางเข้า-ออก ซ้ายขวาเรียบร้อยค่ะ แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างเก็บงานของโครงการนะคะ ยังไม่แล้วเสร็จดีค่ะ โดยการเข้า-ออกจะใช้เป็นรั้วไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ ใช้ Keycard Access ผ่าน ส่วนวัสดุถนนใช้เป็น Concrete Stamp สวยงามเรียบร้อยดีค่ะ

ถัดจากป้อมรปภ.แล้ว เลี้ยวซ้ายก็จะเป็นทางเข้าที่จอดรถของอาคาร A เลยค่ะ ส่วนถนนตรงไปจะเป็นอาคาร BและC นะคะ โดยทั้ง 2 อาคารก็จะมีที่จอดรถแยกของตัวเองเช่นกัน เบื้องต้นการจอดรถจะยังไม่ได้มีการกำหนดกฎต่างๆ นะคะ เช่นแยกลูกบ้านอาคารไหนจอดได้แต่อาคารนั้น หรือลูกบ้านทั้งโครงการสามารถจอดอาคารไหนก็ได้ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับทางนิติบุคคลผู้บริหารโครงการต่อไปค่ะ

บรรยากาศภายในส่วนที่จอดรถ เรียบร้อยมีไฟส่องสว่างให้และดูโปร่งโล่ง พื้นถนนใช้เป็นคอนกรีตขัดมัน และขนาดช่องจอดมาตรฐานค่ะ สำหรับโครงการนี้ให้ที่จอดรถมาทั้งหมด 700 ช่องจอด คิดเป็นประมาณ 40% หากรวมจอดซ้อนคันจะอยู่ที่ 60% ถือว่าให้มามาตรฐานทั่วไป ไม่มากไม่น้อยนะคะ หักลบกับที่โครงการอยู่ติดถนนใหญ่เรียกรถได้ไม่ยากและไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก มีตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ หลากหลายก็น่าจะทำให้โครงการสามารถจอดรถได้เพียงพออยู่ค่ะ

ประกอบกับที่นี่มีบริการ Shuttle Service ให้ด้วยโดยจะใช้เป็นรถตู้ค่ะ จริงๆ จะมีบริการทั้งหมด 2 คันด้วยกัน รับ-ส่งสถานีรถไฟฟ้า แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นสถานีไหนนะคะ ทางโครงการจะให้ทางนิติบุคคลเป็นผู้กำหนด เนื่องจากตัวโครงการอยู่ระหว่างสถานีอุดมสุข และสถานีบางนา (แต่จะอยู่ใกล้กับสถานีบางนามากกว่า)

ถัดมาที่ถนนโครงการจะอยู่เพียงทางด้านขวามือติดขอบเขตที่ดิน โดยทำเป็น 2 เลนสวนทางกันค่ะ ยาวไปสุดที่อาคาร B และ C

ตลอดทางของถนนจะมีการทำฟุตบาท (ทางเท้า) ให้เดินได้ง่ายตลอดทางเช่นกันนะคะ รอบข้างรั้วและทางเดินปลูกต้นไม้ให้เพิ่มความร่มรื่นได้ระดับนึง

เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอส่วนของอาคาร B และ C แล้วนะคะ ก็เลี้ยวตามทางถนนไปเลยค่ะ

เลี้ยวมาทางอาคาร B และ C แล้วจะเห็นว่าด้านล่างของอาคาร (ส่วน Podium) ทำเป็นชั้นจอดรถ โดยสามารถจอดได้ทั้งบริเวณใต้อาคารหรือขึ้นไปจอดที่ชั้นจอดรถก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ละอาคารจะก็จะมีการทำจุด Drop-Off ไว้ให้สำหรับลูกบ้านมาจอดแล้ววางของหรือส่งผู้โดยสารได้สะดวกมากขึ้น อย่างอาคาร B จะอยู่ฝั่งซ้ายมือตามลูกศรภาพเลยค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆ ตลอดทางฝั่งซ้ายก็จะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนฝั่งขวาบริเวณรอบรั้วอาคารมีการปลูกต้นไม้ทั้งแบบไม้พุ่มและแบบต้นไม้ยืนต้นดูร่มรื่นมากขึ้น และช่วยบังสายตาจากภายนอกได้ดีอีกด้วยค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยเป็นทางเข้าส่วนอาคาร C โดยทั้งอาคาร C และ B จะทำประตูทางเข้าจากส่วนที่จอดรถเป็นแบบประตูบานเปิดขนาดใหญ่สีไม้ เข้าไปด้านในจะเป็นลักษณะแบบ Semi-Outdoor ค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนทางขึ้นที่จอดรถของอาคาร C นะคะ ด้านล่างจัดให้เป็นที่จอดรถใต้อาคารเช่นกัน มีทำที่จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ให้ด้วยค่ะ ส่วนชั้นจอดรถก็มีตั้งแต่ชั้น 2-5 เลยค่ะ

สุดทางเป็นทางตันนะคะ รถไม่สามารถวนไปอีกฝั่งได้ เนื่องจากช่วงปลายโครงการและอีกฝั่งของโครงการจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด แยกเป็นสัดส่วนกันเลยชัดเจน

เรากลับมาที่หน้าอาคาร A กันอีกรอบเพื่อไปดูภายในอาคาร A และส่วน Facilities กันก่อนจะเดินขึ้นอาคารดูภายในชั้นพักอาศัยของโครงการพร้อมทั้งวิวที่ได้จากโครงการกันในลำดับต่อมานะคะ

สำหรับบริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคาร A ออกแบบโดยใช้วัสดุกระจกใสสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเพื่อให้ภายในดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ

Ideo o2_ A1plan

ชั้นล่างของอาคาร A เป็นพื้นที่ของร้านค้า มีทั้งหมด 5 Shop โดยหนึ่งในนั้นเป็น Maxvalu Tanjai และในส่วนเดิมที่เคยเป็นสำนักงานขายจะแบ่งเป็นอีก 4 Shop บริเวณร้านค้าอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าลูกค้าร้านค้าที่เป็นคนภายนอกสามารถเข้ามาใช้งานได้เฉพาะส่วน Commercial นี้ ส่วนลูกบ้านเองจะต้องสแกนบัตรเข้าบริเวณโถงลิฟต์ค่ะ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวแก่ลูกบ้านอาคาร A มากขึ้น

ภายในส่วน Lobby วันที่ไปโครงการนั้นจะค่อนข้างคึกคัก เพราะมีบางส่วนของโครงการเริ่มมีการโอนกันแล้ว เราเลยจะเห็นทางโครงการวางชุดเก้าอี้ค่อนข้างแน่นพอสมควร เพียงรองรับลูกค้าให้เพียงพอนะคะ แต่จริงๆ ปกติจะวางโต๊ะและชุดโซฟาให้ตามเหมาะสมค่ะ

ส่วนด้านหลัง Lobby จะมีทั้ง Mail Box, ประตูทางขึ้นไปชั้น 2 และทางเข้าส่วนโถงลิฟต์โดยสารค่ะ

Ideo o2_ A2plan

ชั้น 2 ของอาคาร A เป็นพื้นที่ส่วนกลางโดยจะมีบางส่วน (สีน้ำตาลเข้ม) เป็นห้องงานระบบ มีห้องนิติบุคคล ห้องน้ำและห้อง Fitness ค่ะ ตรงไปด้านนอกเป็นพื้นที่ Outdoor เสมือนระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถเดินลงไปเชื่อมกับสระว่ายน้ำภายนอกได้

สำหรับชั้น 2 ของอาคารจะไม่ได้มีอะไรมากนักนะคะ เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมกับ Lobby ด้านล่าง บริเวณนี้แบ่งออกเป็นส่วนงานระบบ ห้องนิติบุคคล และฝั่งขวามือจะเป็น Fitness และห้องน้ำที่ไว้สำหรับต้อนรับลูกบ้านและแขกที่เข้ามาติดต่อโครงการค่ะ ตรงไปข้างนอกจะเป็นส่วนระเบียงที่มีบันไดเชื่อมไปยัง Facilities หลักของโครงการ

ภายในห้องน้ำตกแต่งได้สวยงามและดูสะอาดตาทีเดียวค่ะ มีอ่างล้างมือ พื้นที่แต่งตัว ล็อกเกอร์และห้องน้ำไว้บริการทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน

บรรยากาศภายในห้องน้ำ สะอาดและน่าใช้งาน ด้านล่างทำ Low Wall ให้วางของได้

ตรงข้ามกับห้องน้ำ เป็นห้องฟิตเนสของอาคาร A โดยหันหน้าไปทาง Facilities ภายนอก ได้วิวสระว่ายน้ำ บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยกระจกสีชาสะท้อนเห็นตัวเองได้ ติดตั้งเครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง และมีจัดโซนเวทเทรนนิ่งให้เรียบร้อย

ออกมาส่วนระเบียงภายนอก บริเวณพื้นปูด้วยหญ้าเทียม ราวกันตกเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นไปถึงส่วนสระว่ายน้ำได้

ด้านข้างจะมีบันไดลงมาด้านล่าง เดินไปทางสระว่ายน้ำได้เลยค่ะ

 

บริเวณด้านล่างของระเบียงนั้นปัจจุบันเป็นพื้นที่ว่าง ซึ่งตั้งใจออกแบบให้เป็นร้านค้าในอนาคตค่ะ

มาที่ส่วนสระว่ายน้ำลักษณะของสระจะเป็นแบบ Freeform นะคะ มีความยาวตั้งแต่ด้านหลังของอาคาร A ไปถึงสุดอาคาร C เลยทีเดียว มีความยาวของสระรวมประมาณ 200 ม. ด้วยกัน แต่ไม่ได้เป็นสระว่ายน้ำที่ว่ายได้ยาวตลอด 200 ม. นะคะ จะมีสลับกับสระน้ำตื้นด้วยส่วนนึงค่ะ

ลักษณะสระ Freeform นี้จะสลับระหว่างสระเด็ก พื้นที่วาง Day bed และสระผู้ใหญ่ ดูเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกัน และสวยงาม ไม่น่าเบื่อ

บริเวณสระผู้ใหญ่ที่อยู่ติดกับอาคาร A นี้จัดว่ามีความยาวพอสมควรเลยนะคะ สามารถว่ายออกกำลังกายได้ดีเลย และบริเวณสระนี้มีการยกระดับขึ้นมาพอสมควรจากถนนด้านข้าง รวมไปถึงมีการออกแบบผนังด้านข้างสระให้สูงขึ้นมาอีกด้วย จึงช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้บริเวณสระว่ายน้ำมากขึ้น

ด้านข้างสระนอกจากทำเป็นส่วนวาง Day Bed นอนอาบแดดชิลๆ แล้ว ยังมีพื้นที่นั่งเล่นริมสระแบบ Semi-Outdoor ให้ด้วยนะคะ โดยพื้นที่นั่งเล่นนี้จะวางชุดเก้าอี้แบบ Outdoor ให้ด้วยค่ะ โดยบริเวณสระว่ายน้ำหลังอาคาร A นี้จะมีพื้นที่นั่งเล่นทั้งหมด 2 จุดด้วยกันนะคะ วันที่ไปรีวิวโครงการบริเวณส่วนนี้ยังไม่ค่อยเรียบร้อยดี เลยถ่ายมาแบบระยะไกลให้ดูกันก่อนนะคะ

หันกลับหลังมาดูบริเวณสระว่ายน้ำที่เลยไปถึงอาคาร A จะเห็นว่าอาคาร A หันหน้าส่วนใหญ่ไป 2 ทิศด้วยกัน ฝั่งแรกคือด้านหน้าที่หันไปทางถนนสรรพวุธ และอีกฝั่งหันมาทางสระว่ายน้ำนี้ค่ะ ชั้นล่างๆ จะได้วิวเป็นสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการไปเต็มๆ

ถัดจากสระว่ายน้ำจะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังส่วนอาคาร B และ C นะคะ โดยตลอดทางจะมีบ่อน้ำตื้นพร้อมทั้งต้นไม้พุ่มและไม้ยืนต้นต่างๆ สร้างบรรยากาศให้ร่มรื่น

Ideo o2_ B-C1

ถัดมาที่โซนอาคาร B และ C สำหรับ Facilities จะแบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน คือโซน Indoor และโซน Outdoor นะคะ โดยโซน Outdoor จะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำที่แบ่งย่อยออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน สระแรกจะอยู่ใกล้กับอาคาร B และอีกสระอยู่ขนานกันไปกับอาคาร C เลยจากสระว่ายน้ำไปยังส่วนด้านหลังโครงการนั้นจะเป็นส่วน Jogging Track + Extrame Bike Lane

ถัดมาในส่วน Facilities Indoor ในอาคาร B และ C จะมีห้อง Meeting, Social Club, Fitness+Yoga room, Co-Working Space+Library ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันทั้ง 3 อาคาร ส่วนลูกบ้านที่อยู่อาคาร B และ C นี้จะมี Lobby ขนาดกะทัดรัดแยกให้ทั้ง 2 อาคาร พร้อมโถงลิฟต์ที่ต้องใช้บัตรสแกนผ่านเข้า เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นค่ะ

เดินมาจากทางเดินที่มีบ่อน้ำรอบข้างเมื่อสักครู่นี้ ก็จะเจอกับสระว่ายน้ำอีกสระที่อยู่ด้านข้างอาคาร B นะคะ โดยตัวสระนี้จะยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย จากบ่อน้ำ ลักษณะเป็นแบบสระน้ำล้น

ระหว่างทางเดินบรรยากาศดีทีเดียวค่ะ เพราะได้ความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และไอเย็นๆ จากสระว่ายน้ำด้านข้าง สระนี้จะมีความแตกต่างจากสระว่ายน้ำที่อยู่ใกล้กับอาคาร A อยู่เล็กน้อย ตรงที่เป็นสระใกล้กับทางเดิน ความเป็นส่วนตัวก็จะน้อยลงหน่อยจากสระแรกที่มีการยกสูงขึ้นและมีผนังด้านข้าง บังสายตาจากส่วนถนนได้ดี แต่ก็แลกมากับขนาดสระที่ยาวกว่านะคะ ใครที่เน้นว่ายน้ำออกกำลังกายจะเหมาะกับสระนี้เลยค่ะ เพราะเป็นสระที่มีความยาวมากสุดด้วย

ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นพื้นที่ Day Bed ด้านข้างสระและวางอยู่บนสระว่ายน้ำ เลยไปถึงด้านหลังสุดของภาพที่จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสระแบบ Semi-Outdoor เช่นเดียวกับสระว่ายน้ำแรกเลยค่ะ

ถัดมาเป็นพื้นที่สวนสลับกับทางเดิน จัดออกมาเป็นทางยาวเชื่อมไปถึงอาคาร B และ C โดยเราจะพาไปดู Facilities แบบ Indoor กันก่อนค่อยกลับมาส่วน Outdoor อีกทีนึงนะคะ

 

เริ่มจากบริเวณพื้นที่นั่งเล่น ชมวิวสระว่ายน้ำแบบ Outdoor ซึ่งบริเวณนี้ช่วงเช้าๆ เย็นๆ จะได้บรรยากาศดีมากๆ ซื้อของมานั่งกินชิลๆ ได้เลยค่ะ

ถัดมาฝั่งขวามือของพื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor นี้จะเป็นห้อง Meeting Room ไว้สำหรับลูกบ้านนัดประชุมลูกค้า คุยงานต่างๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกหาร้านนั่งคุยเลย แบบนี้เป็นทางการกว่าด้วยค่ะ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวไปดูกัน

ภายในห้อง Meeting เข้ามาจะเป็นโซนเดี่ยวโดยจัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบโต๊ะนั่งทำงานเดี่ยว และด้านในลึกสุดเป็นห้องประชุมแบบกลุ่ม โดยห้องประชุมนี้สามารถจุจำนวนคนได้ประมาณ 5-6 คนกำลังดีค่ะ มีประตูกั้นไว้เรียบร้อยเพื่อความเป็นส่วนตัว

ถัดมาอีกหน่อยเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมบรรยากาศ Facilities แบบ Outdoor โดยการตกแต่งจะค่อนข้างแหวกแนวและน่าสนใจดีค่ะ คือไม่ได้จัดให้เป็นห้องปิดชัดเจน แต่เป็นแบบ Semi-Outdoor ที่มีช่องเปิดอยู่บริเวณด้านหลังโซฟาให้ลมสามารถเข้ามาด้านในได้ ส่วนฝั่งขวาติดกันนั้นจะเป็น Shop ในอนาคตค่ะ

ภายในพื้นที่นั่งเล่นนี้จัดให้เป็นชุดโซฟายาวตลอดพื้นที่นั่งเล่น มีวางเก้าอี้โซฟาเพิ่มเติมให้ด้วย ชอบบรรยากาศที่จัดมาให้แบบ Semi-Outdoor ตรงที่มีเปิดโล่งด้านหลัง ด้านหน้าก็เป็นประตูบานเปิดที่สามารถเปิดชมวิวและให้ลมพัดเข้าจากทาง Facilities ด้านหน้าได้ และด้านบนติดตั้งพัดลมให้เพิ่มเติมด้วย ไม่ต้องกลัวร้อนเลย บริเวณนี้มานั่งเล่นช่วงเช้าๆ เย็นๆ จะชิลมากค่ะ

ถัดมาจะเป็นโถงเปิดโล่งขนาดใหญ่ เชื่อมยังส่วน Facilities ด้านนอกและพื้นที่ภายในอาคาร ฝั่งขวามือสุดเป็นทางเดินออกไปยังบริเวณที่จอดรถ ที่เราได้พาเดินรอบโครงการกันไปแล้วนะคะ และเป็นทางผ่านไปยังส่วน Mail Box ด้วยซึ่งปัจจุบัน Mail Box ยังอยู่ในระหว่างการเก็บงานเล็กน้อยค่ะ ถัดมาเป็นโถงลิฟต์โดยสารของลูกบ้านอาคาร B นะคะ บริเวณนี้ในอนาคตนั้นจะต้องสแกนบัตรก่อนเข้าสู่โถงลิฟต์ด้านในเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านอาคาร B ถัดมาจะเป็นห้อง Laundry ค่ะ ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการตกแต่งภายในเลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูนะคะ

ส่วนภายในโถงลิฟต์โดยสารตกแต่งเรียบร้อย สวยงามดีค่ะ โดยตัวลิฟต์โดยสารของอาคาร B นี้จะมีทั้งหมด 3 ตัว บวกกับลิฟต์ Service อีก 1 ตัว

ออกมายังสระว่ายน้ำ สระสุดท้ายที่ขนานไปกับอาคาร B และ C นะคะ

บริเวณสระว่ายน้ำส่วนนี้จะแยกกับสระก่อนหน้านี้ด้วยบ่อน้ำตื้นคั่นกลาง ทำให้การใช้งานจริงๆ จะแยกทั้งหมด 3 สระด้วยกัน ลูกบ้านสามารถเลือกเล่นได้ตามใจเลยค่ะ ใครสะดวกหรือใกล้กับสระไหนมากกว่าก็เลือกเล่นได้เลย ขนาดของสระทั้ง 3 สามารถว่ายออกกำลังกายได้ทั้งหมด เดี๋ยวเราพาเดินเลียบริมสระว่ายน้ำมากันต่อนะคะ

เดินเลียบมาสุดทางจะเห็นเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ที่จัดออกมาได้สวยงามทีเดียวค่ะ ลักษณะจะเป็นม้านั่งครึ่งวงกลมล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ตรงกลาง และอีกฝั่งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ มานั่งเล่นตรงนี้ได้บรรยากาศที่ชิลมาก

บริเวณม้านั่งที่ติดกับสระว่ายน้ำค่ะ มานั่งเล่นหย่อนขาชิลๆ ได้เลย

ถัดมาอีกหน่อยจากพื้นที่นั่งเล่นนั้นก็จะเป็นส่วนสระว่ายน้ำอย่างเดียวแล้วค่ะ โดยสุดทางใต้ Bike Lane ออกแบบให้เป็นสระว่ายน้ำเด็ก อยู่ในบริเวณที่ร่มพอดีเลยค่ะ

บรรยากาศบริเวณสระเด็กนะคะ จะอยู่ใกล้กับพื้นที่วาง Day Bed และติดกับทางเดิน ผู้ปกครองดูแลได้สะดวก ชอบตรงที่สระอยู่ในร่มด้วยทำให้สามารถพอน้องๆมาเล่นน้ำได้ทั้งวันเลย ตอนกลางวันก็ไม่ร้อนมาก

ลักษณะของอาคาร B และ C ห้องพักอาศัยจะเน้นหันไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตกเป็นหลัก ซึ่งห้องชั้นล่างๆ ในฝั่งทิศตะวันออกจะได้เปรียบห้องชั้นล่างๆ ฝั่งทิศตะวันตกอยู่ตรงที่ได้วิวจากสระว่ายน้ำด้วยนะคะ

ถัดมาในส่วน Indoor เลียบไปกับสระว่ายน้ำ จะมีทั้งหมด 3 ห้องด้วยกันคือ Social Club, Yoga Room และห้องฟิตเนส โดย Yoga Room จะเข้าจากทางห้องฟิตเนสนะคะ ซึ่งเราจะเริ่มพาไปยังห้อง Social Club กันก่อนจากนั้นไปส่วนห้องฟิตเนส และ Yoga Room ตามลำดับค่ะ

ภายใน Social Club จัดมาดูสวยงามทีเดียวค่ะ มีการเล่นฝ้าเพดาน พื้นและผนังให้สอดคล้องกัน ดูทันสมัย ภายในมีโต๊ะพลูทั้งหมด 2 โต๊ะ และตรงกลางเป็นโต๊ะโกล์

ด้านหลังจัดพื้นที่นั่งให้สำหรับใครจะยกโน๊ตบุ๊คมานั่งเล่นเกมส์ต่างๆ ได้ จะเห็นว่าบริเวณโต๊ะมีปลั๊กให้ครบทุกที่นั่งเล่นค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนห้องฟิตเนส ได้ขนาดใหญ่มากจริงๆ ภายในวางเครื่องออกกำลังกายให้ทั้งหมดกว่า 20 เครื่อง เล่นได้จุใจ เหมาะสมกับจำนวนยูนิตที่มีมากเช่นเดียวกัน โดยตัวเครื่องออกกำลังกายจะเน้นวางขนานไปกับกระจกเพื่อสามารถมองวิวภายนอกได้ดีค่ะ

บรรยากาศจากบริเวณเครื่องเล่นออกไปยังวิวด้านนอก โดยจะได้เป็นวิวสวนและสระว่ายน้ำภายนอกนะคะ

สุดทางเป็นห้อง Yoga Room ลักษณะเป็นห้องกระจกเงาทั้งหมด 3 ทิศเลย เพื่อให้สามารถเช็ตสรีระ การทำท่าทางที่ถูกต้องในการเล่นโยคะได้ ตัวห้องมีขนาดกะทัดรัดนะคะ จุคนที่เล่นโยคะได้มากสุดประมาณ 5-6 คน

ถัดมาที่โซนอาคาร C กันบ้างนะคะ จริงๆ ตัวอาคารนี้เชื่อมกันแต่พื้นที่ค่อนไปทางส่วนไหนก็จะขอระบุเป็นโซนๆ ไป เพื่อความเข้าใจตำแหน่งในผังมากยิ่งขึ้นนะคะ เนื่องจากตัวโครงการใหญ่มากจริงๆ โดยถัดจากห้องฟิตเนสมาแล้ว ฝั่งขวาสุดจะเป็นทางเดินเข้าไปยังห้องน้ำ และมีทางเดินทางในอาคารขนานไปกับทางเดินเลียบสระว่ายน้ำเช่นเดียวกัน แต่เป็นแบบพื้นที่ร่มไม่โดนแดดค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูในลำดับต่อไปนะคะ

ถัดจากห้องน้ำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ลักษณะการตกแต่งและจัดวางเฟอร์นิเจอร์จะเป็นแบบเดียวกับที่จัดบริเวณอาคาร B เลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าหน่อย และฝั่งซ้ายมือสุดคือห้อง Co-Working Space จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราพาเดินไปดูจากห้องน้ำ-พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor-Co-Working Space ตามลำดับนะคะ

เริ่มจากห้องน้ำแบ่งชาย-หญิงให้เรียบร้อยค่ะ

ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่ทีเดียว เพื่อรองรับกับจำนวนยูนิตที่มากเช่นกันนะคะ โดยประกอบไปด้วยส่วนอ่างล้างมือ Locker ห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ ภายในห้องน้ำนี้เราจะรู้สึกโปร่งโล่งและไม่มีกลิ่นอับเพราะทางโครงการออกแบบให้มีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบนสามารถระบายความชื้นต่างๆ ได้ดีเลยค่ะ

ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำตกแต่งเรียบง่ายและสะอาดสะอ้าน น่าใช้งานค่ะ

ถัดมาเรามาเดินบริเวณทางเดินในร่มอย่างที่อธิบายไปก่อนหน้านะคะ ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ค่ะ

บรรยากาศภายในจัดและตกแต่งเหมือนกับ พื้นที่นั่งเล่นของอาคาร B เลยค่ะ

เดินมาตามทางก่อนจะสุดทางจะเป็นห้อง Mail Box ของลูกบ้านอาคาร C ก่อนนะคะ จากนั้นสุดทางก่อนจะถึงห้อง Co-Working Space เป็นส่วนโถงลิฟต์ของอาคาร C นะคะ และเช่นเดียวกันคือเมื่อโครงการเสร็จเรียบร้อย โอนเรียบร้อยมีลูกบ้านเข้าอยู่บริเวณนี้จะมีจุดสแกนบัตร เช่นเดียวกับอาคาร A  และ B

ภายในโถงลิฟต์ตกแต่งสวยงาม ได้ฝ้าเพดานสูงด้วยค่ะ อาคาร C เองก็ได้ลิฟต์โดยสารจำนวน 3 ตัว พร้อมลิฟต์ Service 1 ตัว รวมทั้งหมดของอาคาร B และ C ที่มี Podium เชื่อมกัน จะมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งหมดอยู่ที่ 190:1 จัดว่ามีความหนาแน่นสูงพอสมควร ส่งผลให้อาจจะรอลิฟต์นานในช่วงเวลาเร่งด่วนนะคะ

ถัดมาฝั่งขวาเป็นทางเข้า-ออกของอาคาร C จากส่วนที่จอดรถ และห้องกระจกฝั่งขวานี้เป็นห้อง Co-Working Space ค่ะ

ภายในห้อง Co-Working Space จัดพื้นที่ออกมาได้ดีมาก สวยและน่าใช้งาน ฝั่งที่ติดกับกระจก เรียกว่าส่วน Library หรือจริงๆ เป็นพื้นที่อ่านหนังสือแบบเดี่ยว มีโต๊ะเดี่ยวให้นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ พร้อมยกฉากขึ้นมาเล็กน้อยกั้นเป็นสัดส่วน ไม่เสียสมาธิดีเลยค่ะ

ถัดมาเป็นโต๊ะทำงานกลุ่ม ไว้คุยงานหรือประชุมงานกันได้ และรูปล่างเป็นโซนอ่านหนังสือแบบเดี่ยวเช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนแรกที่เข้ามาในห้อง Co-Working Space ค่ะ

ฝั่งขวามือหรือด้านในโซนที่ไม่ได้ติดกับกระจกด้านนอก จัดสรรให้เป็นห้องประชุมแบบจริงจัง เป็นห้องปิดชัดเจน เป็นส่วนตัว มีทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน ประกอบด้วยห้องใหญ่ 1 ห้อง จุคนได้มากสุดถึง 12 คน และห้องเล็กอีก 2 ห้องจุคนได้ประมาณ 6 คนกำลังดี มีห้องนึงที่สามารถเชื่อมกันได้ระหว่างห้องประชุมเล็กกับห้องประชุมใหญ่ โดยกั้นด้วยประตูบานเฟี้ยมค่ะ เผื่อต้องการโต๊ะประชุมที่สามารถรองรับคนเข้าประชุมถึงประมาณ 20 คนได้

ถัดมาเป็นส่วนด้านหลังโครงการแล้วนะคะ เดี๋ยวเราเดินไปดูกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

รูปจากโดรนถ่ายภาพมุมสูงนะคะ จะเห็นว่าด้านหลังโครงการประกอบไปด้วย Extrame Bike Lane ยาวมาก สามารถใช้ออกกำลังกายได้จริงเลยค่ะ ถัดมาเป็นสนามเด็กเล่น สนามฟุตซอล พื้นที่เครื่องออกกำลังกายแบบ Outdoor และลานสเก็ตบอร์ด จัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ไม่ค่อยมีที่ไหนให้ได้ถึงขนาดนี้เลยนะคะ

บริเวณทางขึ้น Extrame Bike Lane มีจักรยานให้ยืมใช้ได้ด้วยนะคะ ตอนแรกว่าจะลองเล่นดูเสียดายที่คล้องโซ่ไว้ ^^

สำหรับทาง Bike Lane มีเส้นทางที่ยาวจริงๆ ค่ะ และมีทางลาดเอียง ส่วนโค้งพอสมควร ไม่ใช่เป็นทางตรงๆ อย่างเดียว จึงทำให้สามารถออกกำลังกายได้ รวมไปถึงไม่น่าเบื่อด้วย

ด้านล่างของ Bike Lane จัดเป็นสนามเด็กเล่นมีเครื่องเล่นแบบ Outdoor ให้อย่างชิงช้า สไลเดอร์ และราวบาร์ต่างๆ

ถัดมาเป็นส่วนสนามฟุตซอลบนหญ้าจริง มีประตูโกลให้ด้วย ใช้งานได้จริงเลยค่ะ จะนัดเพื่อนมาเล่นหรือเพื่อนร่วมโครงการออกกำลังกายช่วงเย็นๆ กันได้เลย

ติดกับสนามฟุตซอลเครื่องออกกำลังกายแบบกลางแจ้ง มีวางให้ทั้งหมดประมาณ 5 เครื่องเล่นด้วยกันค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนลานสเก็ตและประตูทางเข้า-ออกด้านหลังโครงการนะคะ โดยประตูจะเป็นประตูให้คนเดินเข้า-ออกเท่านั้นนะคะ รถไม่สามารถเข้าออกได้

ลานสเก็ตบอร์ดจัดมาให้ใหญ่พอสมควรเลยค่ะ สามารถมาเล่นมาซ้อมได้เต็มที่เลย จัดเป็นฟังก์ชันที่หาได้ยากในโครงการคอนโดมิเนียมทั่วไปนะคะ

ส่วนด้านหลังโครงการเลยจะติดกับถนนขนาดเล็กๆ เลียบคลองบางนานะคะ บริเวณนี้รถจะผ่านไม่ได้ แต่จะมีมอเตอร์ไซค์ จักรยานและคนเดินมากกว่า เพราะเป็นถนนที่สามารถลัดไปเข้าวัดและชุมชนด้านในได้ค่ะ

Ideo o2_ A3

หลังจากที่ดูพื้นที่ส่วนกลางเสร็จแล้ว เราจะกลับมาที่ส่วนชั้นพักอาศัยกันต่อนะคะ โดยเริ่มที่อาคาร A กันก่อน แล้วค่อยไล่ไปที่อาคาร B,C

สำหรับแปลนห้องพักอาศัย เริ่มตั้งแต่ชั้น 6-34 การวางผังห้องพักจะเหมือนกันหมดทุกชั้น โดยวางห้อง  2 ห้องนอน  53 ตารางเมตร (Type D1) ไว้ทางปีกขวาซึ่งเป็นทิศตะวันตก ซึ่งทิศนี้เป็นทิศที่รับแดดบ่ายจะร้อนหน่อยแต่ได้มีการออกแบบให้ช่องหน้าต่างส่วนใหญ่อยู่ทางด้านทิศเหนือและใต้ ทำให้เวลาแดดส่องเข้ามาจะไม่โดนห้องเต็มๆ และในชั้นสูงๆจะมองเห็นวิวบางกระเจ้าอีกด้วย ส่วนทางปีกซ้ายวางห้อง 1 ห้องนอน 46.2 ตารางเมตรเอาไว้ ทิศนี้จะได้วิวเป็นโครงการ The Coast Bangkok ตรงกลางของอาคารจะวางผังเป็นห้องStudio และ  1 ห้องนอน ซึ่งในชั้น 11,16,21,26,31 จะมีการแทรก Pocket Garden เอาไว้ และในชั้นบนๆ จะไม่มีห้องตามที่วงสีแดงๆเอาไว้ ลิฟต์โดยสารมี 2 ตัว Fireman ลิฟต์อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 209.5:1 ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนาแน่นเลยนะคะ

จากส่วนโถงลิฟต์ในส่วน Lobby โครงการ

 

ขึ้นมาที่ชั้นบนบริเวณโถงลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ไม่รวมลิฟต์ Service อีก 1 ตัว

บริเวณทางเดินกว้างขวางพอสมควรค่ะ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก ปลายทางเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งกระจกช่วยเรื่องธรรมชาติเข้ามาได้ดี รวมไปถึงสามารถระบายอากาศภายใน รับอากาศภายนอกเข้ามาได้ดี

ชอบตรงที่มีพื้นที่ตรงกลางของโถงทางเดินที่ให้พื้นที่ขนาดใหญ่ พร้อมช่องเปิดขนาดใหญ่ เพิ่มแสงสว่างเข้ามาในโถงได้ดีมากๆ เลยค่ะ ในบางชั้นส่วนนี้จะมี Pocket Garden ด้วยนะคะ ก็จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ดูได้สดชื่นสายตา

Ideo o2_ A4

ชั้น 34 มีเหลือเพียง 6 ยูนิต ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

Ideo o2_ B-C2-5

ชั้น 2-5 เป็นชั้นจอดรถ และบางส่วนของห้องพัก คนที่พักอยู่ชั้นนี้ข้อดีคือพอจอดรถแล้วเดินเข้าโครงการได้จากชั้นจอดรถไม่ต้องลงไปผ่าน Lobby แต่เนื่องจากเป็นชั้นที่ไม่สูงมากวิวที่เห็นก็จะเป็นวิวสวนและสระว่ายน้ำของโครงการ และ อาจจะมีลูกบ้านตึกนี้มาขึ้นลงลิฟต์บ่อยหน่อย

 

Ideo o2_ B2_2re2

ตั้งแต่ชั้น 7 – 30 จะเป็นส่วนของห้องพัก ส่วนมุมของอาคารจะวางห้อง 2 ห้องนอน ส่วนห้อง Studio และ 1 ห้องนอนจะอยู่ตรงกลาง มีลิฟต์อยู่ตรงกลางเพื่อให้ห้องที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่งใช้งานได้สะดวก ส่วนชั้นบนๆ เช่นชั้น 33 , 34 ก็จะมีการลดจำนวนห้องลงบางส่วน

Ideo o2_D1re2

สำหรับแปลนชั้นพักอาศัยของอาคาร C จะมีความหนาแน่นสูงที่สุด โดยมีจำนวนยูนิตเท่ากับ 21 ห้องต่อชั้น มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว Fireman ลิฟต์ 1  ตัว การวางแปลน วางห้อง 2 ห้องนอนไว้ตรงมุมอาคาร และ ห้องเล็กๆอยู่ตรงกลางคล้ายๆกับอาคาร A และ B ส่วนแปลนชั้นอื่นๆก็จะคล้ายๆกัน ต่างกันที่ในชั้นบนๆ จะไม่มีห้องบางตำแหน่ง

บรรยากาศภายในโถงลิฟต์ของอาคาร B และ C จะโปร่งโล่งมากกว่าอาคาร A หน่อยตรงที่ไม่มีลิฟต์ Service มาคั่นหน้าต่างบานเลื่อนกระจก ทำให้พื้นที่นี้มีแสงสว่างมากขึ้น ดูโปร่งโล่งมากกว่าค่ะ

เฉพาะชั้น 6 ที่เป็นชั้นสุดท้ายของ Podium จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่มีการจัด Landscape เป็นบ่อน้ำตื้น และพื้นที่สีเขียว (หญ้าเทียม)

สำหรับส่วนบ่อน้ำตื้นนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีนะคะ ถ้าเสร็จแล้วคงได้บรรยากาศที่สวยดีทีเดียวค่ะ

บริเวณหญ้าเทียมนี้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง รับลมและวิวได้เต็มที่มากๆ จริงๆ จะออกมานั่งเล่น ยืนชมวิวบริเวณนี้ก็ได้นะคะ

ถัดมาอีกฝั่ง เฉพาะฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกนี้จะมีห้องขนาดพิเศษที่ได้ระเบียงขนาดใหญ่ไว้ชมวิว หรือจะทำกิจกรรมต่างๆ ได้เลยเช่น บาร์บีคิว เป็นต้นนะคะ บริเวณนี้เมื่อเสร็จแล้วจะได้บรรยากาศดีมากเลยค่ะ เพราะมีการสร้างบรรยากาศด้วยบ่อน้ำตื้น และต้นไม้ขนาดใหญ่

ความยาวของทางเดินระเบียงนี้จะยาวเชื่อมทั้งอาคาร B และ C เลยค่ะ

ด้วยความที่เป็นชั้น 6 เองวิวจากระเบียงก้มมาเล็กน้อยก็จะได้วิวสระว่ายน้ำแล้วค่ะ

ส่วนวิวระยะไกลก็สามารถมองในระยะไกลได้ระดับนึงเลยค่ะ นอกจากส่วน Facilities แล้วก็จะเป็นวิวอาคารสูงและวัดที่อยู่ถัดไป

สำหรับวิวอาคาร A จะเน้นไปทางทิศเหนือ-ใต้นะคะ โดยทิศเหนือที่ได้จะเป็นวิวที่หันไปทางด่วน และฝั่งสุขุมวิทที่หันไปทางอุดมสุข บริเวณนี้ในตอนกลางคืนได้วิวไฟถนนทางด่วนและรถวิ่งค่อนข้างสวยเลยนะคะ รวมไปถึงข้อดีของทิศเหนือก็คือเรื่องของทิศทางแดดที่ไม่โดนแดดยามบ่าย ทำให้ห้องฝั่งนี้อบความร้อนช่วงบ่ายน้อยกว่าทิศอื่นๆ

สำหรับทิศใต้นี้จะหันไปทางย่านสำโรง สมุทรปราการ นะคะ โดยวิวที่ได้ส่วนใหญ่จะเป็นวิวเปิดโล่งมองไปไกลสุดสวยตาได้ และมีวิวอาคารสูงเพื่อนบ้านอยู่รอบๆ อย่าง The Coast Bangkok และอาคารเพื่อนบ้านในโครงการเดียวกันอย่าง อาคาร B และ C

สำหรับอาคาร B และ C วิวจากห้องพักอาศัยหลักๆ จะหันไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก โดยฝั่งทิศตะวันออกจะได้วิวอาคารสูงเป็นหลักนะคะ เด่นๆ เลยคือโครงการเพื่อนบ้านอย่าง The Coast Bangkok

ส่วนทิศตะวันตกจะเป็นทิศที่เด่นอีกทิศหนึ่งของโครงการ โดยเป็นวิวทอดยาวไปตามถนนสรรพวุธ มองเห็นวิวบางกระเจ้าและแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นวิวเบื้องหลัง สวยงามทีเดียวค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ 3 โซน ระบบเกลือ ยาวต่อเนื่อง 200 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 2 ห้อง ห้องแรกอยู่ที่ชั้น 2 อาคาร A , อีกห้องอยู่ชั้น 1 อาคาร B และ C
  • ห้องโยคะ
  • ห้องสมุด + Co-Working Space พร้อมฟรี WiFi
  • Social Club
  • Meeting room
  • ลานปั่นจักรยาน (Bike Track)
  • ลู่วิ่ง (Jogging Track)
  • ลานสเก็ต
  • สนามเด็กเล่น
  • สนามฟุตซอล
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 7 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 194.88 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 209.5:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B และ C  190:1
  • Service Lift 3 ตัว (รวม 3 โครงการ)
  • ที่จอดรถ 700 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 45 % รวมจอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 60%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Shuttle Service (สถานีขึ้นอยู่กับนิติบุคคล)


Product Walkthrough

ห้องโครงการมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายแบบอยู่ทีเดียวนะคะ มีทั้ง Studio, 1-2 Bedroom ตั้งแต่ 26-52 ตร.ม. การตกแต่งโครงการมาในรูปแบบ Fully Furnished มีให้ครบทุกอย่างเป็นมาตรฐาน ไม่รวมเครื่องไฟฟ้า ยกเว้นเครื่องปรับอากาศที่จะได้ตามมาตรฐานเช่นเดียวกันค่ะ

สำหรับวันนี้ห้องที่เราจะพาไปดูนี้คือห้อง Studio ขนาด 26 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 46 ตร.ม. โดยห้องตัวอย่าง Type อื่นๆ ที่เราเคยได้รีวิวไว้ช่วงเปิดตัวโครงการ ผู้อ่านสามารถ คลิกอ่านได้ที่นี่ค่ะ

ห้อง Studio แบบ A1 ขนาด 26.2 ตร.ม. จัดเป็นห้อง Studio ที่ได้ครัวปิดเป็นสัดส่วน ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นของห้องเลย ตัวห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่อาศัยคนเดียว มากสุด 2 คนค่ะ สามารถทำอาหารได้จริง และได้ฟังก์ชันครบครัน โดยเข้ามาในห้องจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่เตียงนอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด เพื่อให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ถัดมาอีกโซนจะเป็นโซนเซอร์วิส ซึ่งประกอบไปด้วยห้องครัว ห้องน้ำและระเบียงค่ะ การได้ห้องครัวเป็นสัดส่วนก็สามารถทำครัวได้ดี ไม่มีกลิ่นอาหารเข้ามาในโซนพื้นที่เตียงนอนและนั่งเล่นด้วยค่ะ

เริ่มต้นจากประตูหน้าห้องใช้เป็นประตู HDF ปิดผิวด้วยลามิเนต ขนาดประตูมีขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อย สามารถเปิดห้องได้กว้างมากขึ้นจากปกติ

ในทุกห้องจะได้ Digital Door Lock เป็นมาตรฐานจาก Samsung นะคะ โดยจะใช้ Card สแกนเข้าห้องได้เลย ส่วนมือจับเป็นแบบก้านโยกสแตนเลส

จากทางเข้าห้องปูด้วยกระเบื้องก่อนเป็นส่วนของธรณีประตู ซึ่งข้อดีเลยคือช่วยเรื่องฝุ่นเข้าจากโถงทางเดินได้ และมีความคงทนในการใช้งานมากกว่าขอบพื้นแบบไม้สำเร็จรูปมาตรฐาน

เข้ามาภายในตัวห้องจะโปร่งโล่งเลยค่ะ เพราะไม่มีประตูหรือผนังมากั้นตัวห้อง จึงค่อนข้างเป็นข้อดีของห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนัก ที่ทำตัวห้องเป็น Studio ที่จะได้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ห้องไม่ดูเล็กจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็จะเหมาะกับการอยู่อาศัยแบบคนเดียวมากกว่าอยู่หลายคนนะคะ เพราะแน่นอนว่าการไม่กั้นพื้นที่ต่างๆ นั้นหากอยู่หลายคนก็จะไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่ากับ การกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนเหมือนห้อง 1 Bedroom นะคะ

จากทางเข้าห้องมาจะเป็นโซนพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยค่ะ โดยบริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้จะมีระยะห่างระหว่างทีวีและชุดโซฟาอยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. ซึ่งสามารถวางทีวีขนาดประมาณ 32″ จะกำลังดีกับระยะสายตา

สำหรับชุดโซฟาจะได้เป็นขนาด Love Seat หรือ 2 ที่นั่ง ตัวโซฟาบุด้วยผ้าสีครีมสวยงามดีค่ะ มาพร้อมด้วยโต๊ะกลางขนาดกะทัดรัด วางของได้เล็กน้อย ที่ดีคือไม่เกะกะทางเดินมากนัก เหมาะสมกับขนาดห้องดีค่ะ

ส่วนฝั่งทีวีจะได้เฉพาะชั้นวางทีวีด้านล่างเท่านั้นนะคะ โดยจะเป็นชั้นพร้อมลิ้นชักด้วยล่างให้เก็บของภายในได้ ส่วนชั้นวางของด้านบนเป็นเพียงพร็อพตกแต่งนะคะ

ตรงกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอน จัดให้เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร หรือจริงๆ จะใช้เป็นพื้นที่ทำงานก็ได้นะคะ เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะแบบอเนกประสงค์ละกันค่ะ เพราะด้วยขนาดห้องที่มีพื้นที่ไม่มาก เฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะรับประทานอาหารนี้ก็สามารถใช้งานแบบ Multi-Function ไปในตัวได้

ชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ได้นี้ จะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ โดยให้ขนาดโต๊ะค่อนข้างใหญ่ สามารถใช้งานจริงได้เลย ส่วนระยะห่างของเก้าอี้และชุดโซฟานั้นมีไม่มากนักนะคะ การเลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกก็อาจจะลำบากเล็กน้อย

ถัดมาที่โซนเตียงนอนนะคะ บริเวณนี้จะได้วิวจากภายนอกได้ เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับหน้าต่างเลยค่ะ ตัวเตียงหันไปทางตู้เสื้อผ้านะคะ เพราะฉะนั้นห้องนี้จะเป็นห้องที่ไม่สามารถดูทีวีจากเตียงนอนได้นะคะ เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยที่กะทัดรัด

เตียงได้ขนาด 5 ฟุตกำลังดีเลยค่ะ รอบเตียงมีพื้นที่โดยรอบที่สามารถเดินได้ง่าย

ปลายเตียงแบ่งเป็น 3 ฟังก์ชันด้วยกัน เริ่มจากประตูบานเลื่อนกระจกที่กั้นระหว่างครัวไว้ ตรงกล้างเป็นชุด Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง มาพร้อมกับกระจกเงาทรงสูงและเก้าอี้สตูล ส่วนตู้เสื้อผ้าได้แบบ Built-in สูงถึงฝ้าเพดานเช่นกันค่ะ

ตู้เสื้อผ้าใช้เป็นแบบบานเปิดคู่ทำให้ไม่กินพื้นที่ทางเดินมากนัก เปิดมาแล้วยังมีพื้นที่ให้เดินได้เล็กน้อย ตรงกลางกรุกระจกเงาให้ส่องตัวเองได้เวลาแต่งตัวต่างๆ ภายในตู้เสื้อผ้าจัดสรรพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน สามารถจุเสื้อผ้าได้

สำหรับประตูบานเลื่อนที่จะเข้าไปยังส่วนครัวนี้ ได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ มีน้ำหนักและ Fitting ดีทีเดียวนะคะ ตัวรางเลื่อนยกขึ้นไปอยู่ด้านบนเพื่อที่สามารถเดินได้สบาย ไม่มีวงกบมากวนใจให้เดินสะดุดหรือเจ็บเท้า

ภายในห้องครัวแบ่งเป็นส่วนตู้เย็นและเคาน์เตอร์ครัว โดยเคาน์เตอร์ครัวนี้จะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ เป็นมาตรฐาน ส่วนตู้เย็นนี้จะไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ โดยจะเว้นเป็นพื้นที่ว่างไว้ให้ ลูกบ้านสามารถซื้อมาวางเองได้โดยขนาดตู้เย็นที่เหมาะกับพื้นที่จะอยู่ที่ประมาณ 11.3 คิวบิกฟุต

พื้นที่ทางเดินกว้างประมาณ 90 ซม. ถือว่าเดินได้ง่ายนะคะ ไม่แคบมาก

เคาน์เตอร์ครัวที่ได้มาตรฐานนี้ จะได้ทั้งเคาน์เตอร์ด้านล่างและชุดตู้ด้านบน ท็อปเป็น Particle เคลือบเมลามีน บานเปิดทั้งหมดปิดผิวด้วยลามิเนตเรียบร้อย ด้านบนให้เป็นชั้นวางของและไมโครเวฟนะคะ ใช้งานได้สะดวกดีค่ะ ส่วนผนังด้านหลังกรุกระเบื้องให้เรียบร้อยสามารถทำความสะอาดได้ดี และดูเรียบร้อย

เคาน์เตอร์ด้านล่างแบ่งเป็นชั้นวางของ ลิ้นชักวางช้อนส้อมและบานเปิดใต้อ่าง อีกฝั่งเป็นช่องว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้าขนาด 7 กิโลกรัมค่ะ

ชอบดีเทลของบานเปิดตรงด้านล่างอ่างที่ให้ถังขยะมาด้วย ไม่เกะกะพื้นที่ดีทีเดียว เหมาะกับห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่มากแบบนี้

Sink อ่างล้างมือหลุมเดียวพร้อมก็อกน้ำจาก MEX

ถัดมาที่ได้คือ Hob & Hood เป็นแบบเตาเซรามิก 2 หัวเตา จาก MEX เช่นกันค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนระเบียงซักล้างนะคะ ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพื่อสามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างมากขึ้น

ขนาดระเบียงถือว่าให้มาไม่น้อยเมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องทั้งหมด สามารถใช้งานได้จริง ส่วนนึงคือไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าบริเวณระเบียงแล้ว เนื่องจากสามารถวางไว้ที่ใต้เคาน์เตอร์ได้เลย ทำให้มีพื้นที่ตากผ้า หรือซักล้างมากขึ้นทีเดียวนะคะ

ด้านบนแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์แบบหันเข้าด้านข้าง ใครไม่ชอบลมร้อนก็สามารถติดกริลเบี่ยงลมร้อนไปด้านนอกได้ค่ะ

มาดูวิวจากห้องชั้น 12 ของอาคาร A ที่หันไปทางทิศใต้ จะได้วิวสระว่ายน้ำและอาคาร B,C แบบชัดเจนเลยค่ะ รวมทั้งวิวระยะไกลที่สามารถมองไปได้สุดลูกหูลูกตา ฝั่งนี้เลือกชั้น 10 ขึ้นไปก็ได้วิวดีแล้วค่ะ

กลับมาที่ห้องครัวกันต่อ เพื่อมาดูห้องน้ำอีกฝั่งของห้องครัวนะคะ ประตูห้องน้ำใช้เป็นประตูสำเร็จรูปทางสีมาตรฐาน มือจับเป็นกลอนลูกบิดทั่วไป

ภายในยกธรณีประตูเล็กน้อย พร้อมลดระดับพื้นห้องน้ำลงอีกหน่อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนมายังส่วนภายนอกได้ดี ภายในปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ด้านในแบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน โดยแยกส่วนเปียกและแห้งเรียบร้อยค่ะ

เข้ามาที่โซนแห้งกันก่อนนะคะ ฝั่งซ้ายเป็นโถสุขภัณฑ์จาก American Standard ส่วนฝั่งขวาเป็นอ่างล้างมือค่ะ

บริเวณอ่าวล้างมือจัดมาได้ดีทีเดียวนะคะ ด้านหลังกรุด้วยกระจกเงาเรียบร้อย ส่วนด้านข้างทำเป็นชั้นวางของให้ด้วย ถือว่าดีมากๆ เพราะในการใช้งานจริงบริเวณนี้จำเป็นต้องมีชั้นวางของหรือพื้นที่ในการวางของพอสมควรเลยค่ะ

มาที่อ่างล้างมือขนาดกำลังดีในการใช้งานนะคะ ด้านล่างก็มี Built-in ชั้นวางของให้สามารถวางของเล็กๆ น้อยๆ ได้เลยค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่อาบน้ำหรือโซนเปียก บริเวณนี้กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบเปิดเป็นมาตรฐาน กันน้ำกระเด็นออกไปยังโซนแห้งได้ดีเลยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำยกธรณีประตูขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมายังส่วนแห้งได้ดี ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดพอสมควรเลยนะคะ สามารถอาบน้ำได้สบายเลย โดยขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.5 x 0.9 ม.

ฝักบัวที่ได้พร้อมที่วางสบู่จาก American Standard เช่นเดียวกันค่ะ

ห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะพาไปดูคือห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom Type C1 โดยตำแหน่งของห้องนี้จะเป็นห้องมุมเป็นหลัก ข้อดีคือห้องนอนใหญ่นี้จะได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ การจัดวางฟังก์ชันภายในห้องนี้จัดมาได้เป็นสัดส่วนดีนะคะ แบ่งเป็นโซนชัดเจน เริ่มจากตรงกลางเป็นพื้นที่ Common Area ประกอบด้วย พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงภายนอก ได้วิวและแสงธรรมชาติดี ตัวระเบียงขนาดใหญ่ ใช้งานได้จริง จะทำเป็นระเบียงนั่งเล่นส่วนนึง อีกส่วนเป็นระเบียงซักล้างก็ยังได้ อีกโซนคือโซนเซอร์วิส ซึ่งประกอบไปด้วยห้องครัว และห้องน้ำ โดยการใช้งานห้องน้ำของแปลนนี้คือจะใช้ร่วมกันทั้งห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก และพื้นที่ส่วนกลาง เผื่อเวลาต้องต้อนรับแขกด้วย โดยรวมเหมาะกับการที่ต้องต้อนรับแขก เพราะไม่ต้องผ่านเข้าห้องนอนเหมือนห้องน้ำภายในห้องนอนนะคะ แต่ความสะดวกในการใช้งานจากห้องนอนก็จะยากกว่าตำแหน่งห้องน้ำในห้องนอน หรืออยู่ใกล้ๆ ห้องนอนมากกว่า

ส่วนห้องนอนใหญ่มีขนาดไม่มากนัก เมื่อเทียบกับตัวห้องทั้งหมด ส่วนใหญ่ห้องนี้จะเน้นไปที่พื้นที่ส่วนรวมมากกว่า แต่จุดเด่นเลยคือเป็นห้องที่ได้วิวทั้ง 2 ทิศ มองวิวจากมุมกว้างได้ดี แอบเสียดายที่หัวเตียงไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับกระจกจะได้นอนชมวิวได้ด้วย ส่วนห้องนอนเล็กแม้จะอยู่ด้านในติดโถงแต่ก็ได้แสงธรรมชาติและวิวจากภายนอกเช่นกัน คือข้อดีของห้องมุมอาคารค่ะ

เข้ามาภายในห้องเป็นพื้นที่ Common Area เริ่มจากพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นถัดมา บรรยากาศบริเวณนี้โปร่งโล่งเพราะได้แสงธรรมชาติจากส่วนระเบียงลอดผ่านเข้ามาจากประตูบานเลื่อนกระจกที่มีความสูงเกือบถึงฝ้าเพดาน

สำหรับพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถวางชุดโต๊ะและเก้าอี้ได้ทั้งหมด 4 ตัว ด้านหลังได้ชุดตู้ Built-in สำหรับเก็บของต่างๆ ได้พอสมควรเลยค่ะ รวมไปถึงเก็บรองเท้าด้วยนะคะ

ถัดมาด้านในเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น บริเวณนี้มีระยะทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.8 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 45″ กำลังดีค่ะ บริเวณนี้จะได้ชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับห้อง Studio ถัดมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 4 ตอน โดยใช้เปิดออกด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้พื้นที่ตรงกลางสามารถเปิดได้กว้างขวาง

ระเบียงของห้องนี้ซึ่งเป็นห้องมุม จึงได้ระเบียงแบบเข้ามุมด้วย สามารถมองวิวในระยะกว้างได้มากขึ้นด้วยนะคะ ส่วนขนาดของระเบียงจัดมาให้ใหญ่พอสมควรเลยค่ะ จะเอาเก้าอี้และโต๊ะขนาดเล็กๆ ไปนั่งเล่นจิบชาก็ได้นะคะ

ระเบียงนี้เชื่อมกับส่วนครัวด้วย โดยบริเวณครัวจะวางคอมเพรสเซอร์แอร์หันออกไปด้านนอกให้ ไม่ต้องติดกริลเบี่ยงทิศทางลมแล้ว

ถัดมาที่ห้องครัวกันก่อนค่ะ สำหรับทางเข้าห้องครัวจะเหมือนกับห้อง Studio เลยคือมีการกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เพื่อให้ครัวสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น จะทอด ปิ้ง ย่าง ผัด หรือประกอบอาหารอื่นๆ แบบหนักๆ ได้มากขึ้น โดยที่กลิ่นไม่ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง

 

ภายในครัวจัดฟังก์ชันเหมือนกับห้อง Studio นะคะ แต่จะมีแตกต่างตรงส่วนเคาน์เตอร์ครัวที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นจึงได้พื้นที่ส่วนลิ้นชักและที่เก็บของกว้างมากขึ้นค่ะ ในส่วนของสเป็ควัสดุทั้งหมดจะเหมือนกับชุดครัวของห้อง Studio นะคะ อย่างท็อปครัวเป็น Particle เคลือบเมลามีน Sink และ Hob&Hood จาก MEX

สำหรับความกว้างทางเดินถือว่าได้มากว้างเหมาะสมกับการใช้งานนะคะ อยู่ที่ประมาณ 0.9 ม. สุดทางเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนออกไปยังส่วนระเบียงด้านนอก

หันกลับมาที่ด้านหลังเป็นตำแหน่งของห้องน้ำเช่นเดียวกับห้อง Studio เลยค่ะ

ภายในแยกโซนเปียกและโซนแห้งไว้ให้เรียบร้อยเป็นสัดส่วน มีการยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยทั้งบริเวณหน้าประตูห้องน้ำและก่อนเข้าสู่พื้นที่อาบน้ำเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาได้ดีมากขึ้น

ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งด้วยฉากกั้นกระจกแบบบานเปิดเพื่อกันน้ำกระเด็นออกจากส่วนเปียกได้ดี สำหรับส่วนแห้งประกอบไปด้วยอ่างล้างมือ และโถสุขภัณฑ์ตามลำดับ ด้านหลังกรุด้วยกระจกเงาขนาดใหญ่สูงถึงฝ้าเพดานและจากผนังถึงอีกผนังนึง

ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้ของ American Standard โดยเหมือนกับห้อง Studio เลยค่ะ

ภายในห้องน้ำฝั่งซ้ายเซตพื้นที่เข้าไปเพื่อทำเป็นชั้นวางของ โดยใช้ฐานเป็นกระจกสวยงาม มีพื้นที่ให้วางของเยอะจุใจ ส่วนฝักบัวสายอ่อนก็จาก American Standard เช่นเดิมค่ะ

ถัดมาที่โซนห้องนอนกันต่อนะคะ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็ก ส่วนฝั่งขวามือเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ เดี๋ยวเราเข้าไปดูภายในห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ

ภายในห้องนอนเล็ก เข้ามาจะเป็นส่วนตู้เสื้อผ้าก่อน เข้าสู่พื้นที่เตียงนอนด้านใน เตียงที่ได้มาตรฐานจะเป็นเตียง Single Bed จึงมีพื้นที่เหลือในการจัดวางฟังก์ชันอื่นๆ ภายในห้องได้มากขึ้น

ฝั่งซ้ายมือของเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งและเก้าอี้สตูล ซึ่งจะได้เป็นเฟอร์นิเจอร์มาตรฐาน

ชอบดีเทลของเตียงที่ให้มาคือด้านล่างมีลิ้นชักให้ สามารถเก็บของได้ด้วยค่ะ

ถัดมาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างนะคะ สำหรับห้องนอนใหญ่นี้จะได้เตียงขนาด 5 ฟุต มีด้านที่ติดกับกระจกที่ไม่มีทางเดินด้านข้างเตียง นอกนั้นเดินได้รอบเตียงเลยค่ะ ส่วนบรรยากาศภายในห้องจัดว่าโปร่งโล่งจากหน้าต่างขนาดใหญ่และเป็นแบบเข้ามุม

ฝั่งซ้ายมือของเตียงให้ชุดตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้สตูล เช่นเดียวกับห้องนอนเล็กนะคะ

ชอบตรงกระจกเข้ามุมแบบนี้ ทำให้ได้วิวในระยะกว้างได้ดีเลยค่ะ ส่วนหน้าต่างก็เป็นหน้าต่างบานเลื่อนเปิดระบายอากาศได้ดี

ปลายเตียงเหลือพื้นที่พอสมควร จะแขวนทีวีก็ได้หรือจะวางชั้นวางทีวีก็ได้นะคะ แต่มีขนาดกะทัดรัดหน่อยจะได้เหลือพื้นที่ทางเดินให้เดินได้สบายมากขึ้น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 December 2017

  • อาคาร A

  • 1 Bedroom (B1) ห้อง A14-07 ชั้น 14 พื้นที่ใช้สอย 32.72 ตร.ม. ราคาพิเศษปัจจุบัน 3,589,970 บาท หรือ 109,717 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom (D1-1) ห้อง A29-14 ชั้น 29 พื้นที่ใช้สอย 53.1 ตร.ม. ราคาพิเศษปัจจุบัน 5,717,180 บาท หรือ 107,668 บาท/ตร.ม.

  • อาคาร B
    • 1 Bedroom (B1-2M) ห้อง B16-08 ชั้น 16 พื้นที่ใช้สอย 32.74 ตร.ม. ราคาพิเศษปัจจุบัน 3,312,550 บาท หรือ 101,177 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom (B2-1) ห้อง B11-02 ชั้น 11 พื้นที่ใช้สอย 32.78 ตร.ม. ราคาพิเศษปัจจุบัน 3,852,840 บาท หรือ 117,536 บาท/ตร.ม.

  • อาคาร C
    • Studio (A1-1M) ห้อง C10-01 ชั้น 10 พื้นที่ใช้สอย 26.57 ตร.ม. ราคาพิเศษปัจจุบัน 2,481,260 บาท หรือ 93,385 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom (B1) ห้อง C16-20 ชั้น 16 พื้นที่ใช้สอย 32.73 ตร.ม. ราคาพิเศษปัจจุบัน 3,361,050 บาท หรือ 102,690 บาท/ตร.ม.

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • Shuttle Bus ไปกลับ BTS
    • จอง + ทำสัญญา 10,000 บาท
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ IDEO O2 จัดเป็นโครงการที่โดดเด่นเรื่อง Facilities ที่ให้มาร่วม 10 ไร่ โดยมีฟังก์ชันแปลกๆ มากมายที่โครงการอื่นๆ ทั่วไปไม่มีให้ เช่น Extrame Bike Lane, สนามฟุตซอล, ลานสเก็ตบอร์ด และอื่นๆ ซึ่งคนที่เลือกโครงการนี้เหมาะกับคนที่ชอบใช้ Facilities เป็นหลัก และชอบบรรยากาศโครงการที่มีความคึกคัก เป็นกันเองและมีชีวิตชีวา เพราะตัวโครงการที่มีขนาดใหญ่ ยูนิตพอสมควร รวมไปถึงการจัดพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ รองรับลูกบ้านได้ลงมาใช้งานได้มากเช่นกัน ทำให้บริเวณพื้นที่ส่วนกลางจะมีความคึกคักพอสมควรเลย

    นอกจากนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ยังอยู่ในรัศมีของเส้นทาง BTS แม้จะเกาะมาแนวชานเมืองแล้วก็ตาม สำหรับใครที่มีงบไม่มากที่จะขยับเข้ามาเกาะรถไฟฟ้าในใจกลางเมือง ต้องการห้องพักอาศัยที่ตกแต่งครบ และได้ Facilities แบบจัดเต็มตัวโครงการนี้ก็ตอบโจทย์เช่นกันค่ะ โดยสามารถซื้อได้ในงบประมาณเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท (ปัจจุบัน)

    ทำเลของโครงการ IDEO O2 ตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธ ถนนที่ไปตัดกับถนนบางนา – ตราด และ ถนนสุขุมวิท ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่นอกเมืองหน่อยแต่ก็เป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสังเกตจาก โครงการน้อยใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งคอนโดใหม่ๆที่มาพร้อมกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง The Bangkok mall ที่อยู่บริเวณแยกบางนา เรื่องความอุดมสมบูรณ์โครงการอยู่ใกล้ตลาดบางนา เดินลงมาก็มีร้านอาหารราคาย่อมเยาให้หารับประทาน และ ใกล้ๆก็มีโครงการ The Coast Bangkok คอนโดที่มี Community mall มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟพอให้นั่งชิลๆได้อยู่ชั้นล่าง ส่วนศูนย์การค้าที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ก็มีเซ็นทรัลบางนาอยู่บนถนนบางนา – ตราด

    การเดินทางโดยใช้รถถือว่าค่อนข้างสะดวก สามารถใช้ถนนสุขุมวิทตรงไปเรื่อยๆไม่นานก็จะเข้าเมือง โซน อ่อนนุช เอกมัย หรือใช้เป็นเส้นทางเดินทางไปสู่จังหวัดสมุทรปราการได้ ตัวโครงการอยู่ใกล้ทางด่วนสามารถวนรถกลับมาขึ้นได้เลยซึ่งถือว่าเป็นข้อดี และยังสามารถใช้ซอย สรรพาวุธ 1 ลัดออกถนนสุขุมวิทได้ การเข้าถึงโครงการจะเข้าจากทางถนนสรรพาวุธเป็นหลักและโครงการยังมีการเปิดทางด้านหลังให้เดินลัดทางเดินข้างคลองออกไปได้ โดยทางเดินข้างๆคลองนี้ทางโครงการมีการสร้างให้ซึ่งทางนี้จะเดินลัดไปออกบริเวณใกล้ๆสถานีรถไฟฟ้าบางนาได้ด้วย

    การเดินทางโดยไม่ใช้ โครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางนาโดยห่างจากตัวสถานีประมาณ 700 เมตร และ ถ้าเดินลัดซอย สรรพาวุธ 1 ผ่านวัดบางนาในจะเหลือระยะทางเพียง 450-500 เมตร และอีกทางหนึ่งคือจะมีทางเดินเข้าออกเลียบคลองด้านหลังโครงการเดินไม่นานก็จะถึงสถานีรถไฟฟ้าบางนา อีกทั้งโครงการยังจะมี Shutter Bus ให้บริการรับ-ส่งไปยัง BTS แต่ตัวสถานีที่รับส่งต้องขึ้นอยู่กับนิติบุคคลอีกทีค่ะ ส่วนรถโดยสารอื่นๆ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่การเรียกรถโดยสารเช่น แท็กซี่ หรือรถเมล์จึงไม่ยาก หน้าโครงการมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่หลายจุด และบริเวณแยกบางนาก็มีวินรถตู้สำหรับเดินทางไปที่ต่างๆ ได้

    วัสดุที่โครงการให้เป็นไปตามมาตรฐานเหมาะสมกับราคา ไม่ถูกและไม่แพงมากเกินไป โดยตกแต่งมาให้แบบ Fully – Furnished แต่งครบพร้อมแพคกระเป๋าเข้าอยู่ พื้นห้องเป็นลามิเนต และพื้นห้องน้ำ+ระเบียงใช้กระเบื้องเซรามิก สุขภัณฑ์ต่างๆ จาก American Standard ส่วนชุดเฟอร์นิเจอร์ให้มาสวยงามดีค่ะ ฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.5 ม. เกินมาตรฐานมาเล็กน้อย

    การออกแบบถือว่าเป็นโครงการที่ออกแบบได้ดี ถึงแม้ว่าเป็นโครงการใหญ่ที่มีจำนวนยูนิตเยอะแต่สามารถวางผังให้ตัวโครงการไม่บังวิวกันเอง มีจุดเด่นในแต่ละอาคารต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกบ้าน ซึ่งเน้นให้ความสำคัญของตำแหน่งห้องที่แตกต่างกันไป

    • อาคาร A : ใกล้ถนนใหญ่ ใกล้ร้านค้า เน้นเดินทางเข้า-ออกสะดวก แลกมากับไม่ได้อยู่ติดกับ Facilities โครงการ
    • อาคาร B และ C : อยู่ใกล้ Facilities ใช้งานสะดวก มีความสงบกว่าอาคาร A ที่อยู่ติดกับถนนใหญ่ แต่ก็แลกมากับระยะทางเดินจากหน้าโครงการมายังอาคารค่อนข้างไกล

    ส่วนตัวห้องจัดมาได้ลงตัวดีทั้งแบบห้อง Studio และห้อง 2 Bedroom สำหรับห้อง Studio จัดเป็นห้องที่ทำออกมาได้น่าสนใจ ตรงที่เป็นห้อง Studio ที่ได้ครัวปิด ซึ่งในการใช้ชีวิตจริงของห้อง Studio เหมาะกับการได้ห้องเป็นครัวปิดมาก เพราะเดิมตัวห้องก็โปร่งโล่งไม่มีผนังมากั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนอยู่แล้ว หากไม่เป็นครัวปิด กลิ่นอาหารสามารถฟุ้งไปทั่วห้องได้ค่ะ ส่วนห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom นี้เป็นห้องที่เน้นพื้นที่ Common Area พอสมควร ให้พื้นที่นั่งเล่นเป็นศูนย์กลาง มีขนาดใหญ่ รวมไปถึงพื้นที่รับประทานอาหารด้วย ส่วนห้องนอนใหญ่จะเป็นห้องที่อยู่บริเวณมุมอาคาร ได้กระจกเข้ามุม เสียดายหน่อยตรงที่หัวเตียงหน้าจะหันฝั่งตรงข้ามกับกระจกเข้ามุมจะได้สามารถนอนชมวิวได้ ส่วนตำแหน่งห้องน้ำอยู่ติดกับห้องครัว เวลาจะใช้งานห้องน้ำจากห้องนอนทั้ง 2 ห้องก็จะไม่สะดวกเท่ากับอยู่ใกล้กับห้องนอนเลย

    สาธารณูปโภคจัดเป็นจุดเด่นของโครงการ และตอบโจทย์แนวความคิดโครงการที่ต้องการสร้างที่อยู่อาศัยแบบโอเอซิส กลางเมืองที่ให้ออกซิเจน หรือ O2 โดยมีพื้นที่ส่วนกลางร่วม 10 ไร่ ประกอบไปด้วยสวนหย่อมขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตารางเมตร สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 3 โซนยาว 200 เมตร ลู่วิ่ง สนามฟุตซอล เลนปั่นจักรยานเอ็กสตรีม ห้องสมุด Co-Working space และ ฟิตเนส 2 ห้องมีเครื่องเล่นรวม 20-30 เครื่อง Social Club และพื้นที่นั่งเล่นอีกหลายจุด เพื่อให้เพียงพอกับการใช้งานของลูกบ้านในโครงการที่มีพอสมควรเช่นกันค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 100,000 บาท/ตร.ม., 18 December 2017

    • ทำเล 7.5/10 – อยู่ติดถนนใหญ่ใกล้แยกบางนา ใกล้รถไฟฟ้า ติดตรงอยู่ใกล้วัด
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน มีซอยลัด
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ค่อนข้างสะดวกเพราะใกล้รถไฟฟ้า เรียกวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ง่าย แต่เดินกลางคืนไปรถไฟฟ้าจะเปลี่ยวหน่อย
    • วัสดุ 7.5/10 – ให้ครบพร้อมแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่ เฟอร์นิเจอร์โดยรวมให้มาโอเค
    • แบบ 8/10 – ออกแบบได้ดี ทั้งการวางผัง การดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางและแบบห้อง หักเรื่องความหนาแน่น
    • สาธารณูปโภค 9.5/10 – ให้มาเยอะมาก จัดได้สวยงามน่าใช้ และเพียงพอ เทียบกับราคาที่จ่าย

    • MAIN CLASS
    • 7.83 / 10.00

    BOTTOM LINE

    IDEO O2 เหมาะกับคนที่ชอบใช้ Facilities ต้องการโครงการที่ให้ Facilities มากและหลากหลาย เกาะอยู่ในรัศมีที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก เดินทางได้ไม่ยาก ใกล้ทางด่วน มีงบไม่มากที่จะอยู่โครงการขนาดใหญ่ Facilities เยอะในเมือง ยอมออกมาชานเมืองเพื่อให้ได้งบที่สามารถซื้อได้ โดยราคาอยู่ที่ 2.6 – 5.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,200 – 44,000 บาท/เดือน