รีวิวฉบับที่ 1199 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จในย่านบางนา-อุดมสุข กับโครงการ Dolce อุดมสุข จาก Sirayos Group ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 ห่างจาก BTS อุดมสุขประมาณ 700 เมตร สามารถเข้าออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิท อุดมสุข และบางนา-ตราด โครงการเป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น มีจุดเด่นตรงที่ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆกันเลยค่า 🙂

 

Fact @  20 October, 2016

  • Dolce Udomsuk (โดว์เช่ อุดมสุข)
  • Sirayos Co.,Ltd.
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร 79 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ  30 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
  • ที่ดินประมาณ 0-3-11 ไร่
  • 1 Bedroom  ขนาดเริ่มต้น 31  ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 67  ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 90,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 85,000 – 96,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • โทร  : 02-399-2220-1

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.676142,100.612407

%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad-1

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการนะคะ

โครงการ Dolce อุดมสุข ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 โดยตัวโครงการอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 103/2  ประมาณ 400 เมตร และจากหน้าปากซอยถึงบันได BTS อุดมสุข ที่ใกล้ที่สุดประมาณ  300 เมตร รวมระยะทางจากโครงการถึง BTS อุดมสุข ประมาณ 700 เมตร โดยระยะนี้สามารถเดินได้ไม่ลำบากนักค่ะ เนื่องจากระหว่างทางก็มีร้านอาหารของกินและบ้านคนอยู่ตลอดทาง อาจจะมีกลางคืนที่เงียบไปบ้าง ก็สามารถใช้บริการพี่วินจากหน้าโครงการไป BTS อุดมสุขได้ในราคา 10 บาท

หากมองภาพรวมสภาพแวดล้อมในทำเลอุดมสุขเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่อยู่กันมานาน คนอยู่อาศัยเยอะ มีความอุดมสมบูรณ์สูง ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยในซอยเล็กซอยน้อย มีตึกแถวอาคารพาณิชย์ริมถนนที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร มีตลาดอุดมสุขเป็นตลาดใหญ่ที่แทรกตัวในชุมชน มี Community Mall เล็กๆ เช่น One  Udomsuk อยู่ในซอยอุดมสุข 1 ดังนั้นเรื่องอาหารการกินบนถนนนี้เรียกว่าหาง่าย ฝากท้องกันได้สบาย สลับกินร้านนู่นนี้ได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ ด้วยความที่ทำเลนี้ใกล้รถไฟฟ้าและมีความอุดมสมบูรณ์สูง  ย่านอุดมสุขวันนี้จึงมีคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise มารองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และอีกไม่นานจะมี Big Project อย่าง The Bangkok Mall ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ  1 กิโลเมตร ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มความคึกคักและเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินในย่านนี้มากขึ้นทีเดียว

ถ้าโฟกัสสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการในซอยอุดมสุข 103/2 ก็จะเงียบสงบลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับบรรยากาศบนถนนอุดมสุข ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย ตึกแถว ร้านรับซื้อของเก่าสลับกับอพาร์ทเม้นท์ มีร้านขายอาหารรถเข็น ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และร้านร้านของชำให้ไปซื้อของกันได้ใกล้ๆ เขยิบออกมาหน่อยก็จะมี Family Mart หน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2 ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 400 เมตร และจากโครงการสามารถเดินลัดออกทางซอยอุดมสุข 12  เพื่อไปซื้อของกินช่วงต้นซอยอุดมสุขได้ค่ะ

o3d98ced71zjBD54CS3-o
มาทำความรู้จัก The Bangkok Mall กันสักหน่อย 🙂
The Bangkok Mall เป็นโครงการระดับแฟล็กชิป ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป บนพื้นที่ 100 ไร่ พื้นที่โครงการ 650,000 ตารางเมตร หน้าโครงการกว้าง 1 กิโลเมตร งบลงทุน 20,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะเป็น The Grand Metropolis of the Mall Group พร้อมให้บริการต้นปี 2017 หรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า การมาของห้างนี้จะทำให้มูลค่าที่ดินทำเลโซนนี้สูงขึ้นและเจริญเติบโตขึ้นได้อีกเยอะค่ะ ซึ่งที่นี่จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร ไปได้สะดวกมากส่วนห้างใหญ่ๆที่มีอยู่แล้วในโซนนี้จะเกาะตัวกันอยู่บนถนนเส้น บางนา – ตราด แทบทั้งหมดเลยค่ะ ไล่ไปตั้งแต่เซ็นทรัลบางนาและบิ๊กซี ไปจนถึง Index Livingmall, Lotus, Mega Bangna และ Ikea

Map Dolceคลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกเมืองไปแยกบางนาและจังหวัดสมุทรปราการสามารถเข้าออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิท ถนนอุดมสุข และถนนบางนา-ตราด โดย

  • จากถนนสุขุมวิท สามารถใช้เข้าโครงการได้ทางซอยสุขุมวิท 103/2 ตรงมาเรื่อยๆประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ
  • จากถนนบางนา-ตราด สามารถเข้าโครงการได้ทางซอยบางนา-ตราด 1 มาทะลุซอยอุดมสุข 18  เพื่อมายังโครงการได้
  • จากถนนอุดมสุข สามารถเข้าได้จากซอยอุดมสุข 18 หรือจะใช้ทางลัดที่ซอยอุดมสุข 12 เพื่อมายังโครงการก็ได้

หากใครต้องการใช้ทางด่วนก็สามารถใช้ทางด่วนตรงถนนสรรพวุธที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตรได้ค่ะ ตัวโครงการอยู่ใกล้กับถนนบางนา และ Bitec บางนา ที่มีการจัดงานใหญ่ๆหรือมีงานรับปริญญากันอยู่เรื่อยๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องรถติดอยู่บ้าง แต่ก็มีการรับปริญญาปีละไม่กี่ครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงไม่บ่อยนักค่ะ

Mapเข้าเมือง Dolce

สำหรับใครที่ต้องการเข้าเมืองก็มีเส้นทางใกล้ๆให้เลือกได้ 2 เส้นทาง

  • เส้นทางที่ 1 จากที่ตั้งโครงการ ให้ไปทะลุซอยอุดมสุข 18 เพื่อออกถนนอุดมสุข จากนั้นเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเรื่อยๆจนถึงแยกอุดมสุข ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิทแล้ววิ่งตรงไปเรื่อยๆเพื่อเข้าเมืองค่ะ
  • เส้นทางที่ 2 ให้ไปทะลุซอยสุขุมวิท 103/1 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทเพื่อไปกลับรถช่วงซอยสุขุมวิท 68 เพื่อเข้าเมืองค่ะ

Mapเดินทางไป Dolce

การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจาก BTS อุดมสุข ประตูที่ 3  ผ่านแยกอุดมสุข เดินตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยอุดมสุข 103/2 ดูบรรยากาศภายในซอยไปประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ

เราเริ่มจาก BTS อุดมสุข เมื่อสแกนบัตรออกแล้วให้ใช้ประตูที่ 3 ออกทางซ้ายมือ

แอบมองลงมาจาก BTS จะเห็นแยกอุดมสุขและถนนสุขุมวิทในช่วงเช้าวันธรรมดา มีปริมาณรถค่อนข้างเยอะแต่ไม่ถึงกับหนาแน่นค่ะ

ลงมาจาก BTS อุดมสุข จะเป็นตึกแถวที่มีของกิน ของใช้ค่อนข้างหลากหลาย บรรยากาศคึกคัก

พื้นที่ใต้รถไฟฟ้า ทางขวามือจะเป็นที่จอดจักรยาน ส่วนทางซ้ายมือจะมีร้านแผงลอยเล็กๆวางขายของกันเรื่อยๆตลอดทาง

ใกล้ๆกันมีคลีนิคทันตกรรม อุดมสุข

ห้างทองแสงเพชร

ช่วงใกล้แยกอุดมสุข จะมีร้านดอกกาแฟชุมพร ขายเบเกอรี่ ขนมปัง กาแฟสด รวมทั้งให้คำปรึกษาเรื่องการเปิดร้านกาแฟ พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์การชงกาแฟด้วย

ติดกันเป็นร้านผลไม้และนมสดปั่น อยู่บริเวณหัวมุมปากซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุข หากเดินเข้าไปภายในซอยอุดมสุขจะมีตลาดอุดมสุข ร้านอาหาร รวมทั้งของกินของใช้ให้เลือกหลากหลาย

ตอนนี้เรามาอยู่ที่แยกอุดมสุข บริเวณหน้าปากซอยอุดมสุข มองไปปากซอยฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านขายยาและร้านทอง Aurora เดี๋ยวเราจะเดินข้ามทางม้าลายเพื่อไปตรงร้านทองฝั่งตรงข้ามกัน

พอข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่ง เลยร้านทอง Aurora มา 1 คูหา จะเป็นโรงรับจำนำประชานุบาล ฟุตบาทบริเวณนี้ค่อนข้างกว้าง เดินสบายๆ ทางขวามือมีจุดจอดจักรยานด้วย

ใกล้ๆกันมีร้านแสงสุขชัย รับซื้อรางวัล เลขท้าย ถัดไปเป็นร้านขายยา ไทย-จีนเภสัช ร้านอัดรูป โรงรับจำนำ และร้านทองทวีชัย 2 ตามลำดับ

ใกลๆกันมี 7/11 และโรงรับจำนำอีกที่อยู่ติดกัน

เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านนวดแผนโบราณ มองตรงไปเป็นป้ายรถเมล์ โดยรถประจำทางที่ผ่านป้ายนี้คือ สาย 2, 2ส, 23, 25, 38ร, 45, 45ส, 48ร, 116ร, 132ร, 180, 508, 511, 511ส, 544ร, 545ร

เดินมาอีกนิดจะเจอซอยสุขุมวิท 103/1 ช่วงต้นซอยจะมีร้าน ธนกิจ ขายอุปกรณ์การช่าง

ไม่ไกลกันจะมีร้านขายของชำ ร้านขายยาและขายเครื่องดื่มอยู่ทางซ้ายมือ มองตรงไปเป็นสะพานลอยสามารถข้ามไปโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ได้

เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านเกื้อกูลเฟอร์นิเจอร์

ถัดมาจะเป็น Family Mart ที่อยู่ต้นซอยสุขุมวิท 103/2 แล้วค่ะ

บริเวณถนนหน้าซอยสุขุมวิท 103/2 จะมีทางม้าลายข้ามไปขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าซอยได้ ค่าบริการไปยังโครงการประมาณ 10 บาท ค่ะ

ซอยสุขุมวิท 103/2 เป็นถนน 2  เลน บรรยากาศสองข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัยสลับกับตึกแถว 2-4 ชั้น และมีร้านอาหารรถเข็นตั้งขายอยู่เป็นช่วงๆ

อย่างตรงนี้มีอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านล่างมีร้านอาหารตามสั่ง และศูนย์บริการ Philips

มีบ้านพักอาศัย 2 ชั้น สลับกับที่ดินว่างเปล่า บรรยากาศในซอยเงียบสงบ

มีร้านขายของชำเล็กๆเผื่อใครอยากมาซื้อขนมหรือของใช้เล็กๆน้อยๆ

เราเดินมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางตรงไปสามารถไปทะลุบางนา-ตราด และอุดมสุขได้ ซอยนี้จึงเป็นทางลัดที่นิยมใช้ลัดระหว่างสุขุมวิท-บางนา-อุดมสุข ทำให้มีรถวิ่งเข้า-ออกตลอดทั้งวัน

ระหว่างทางเราจะเจอร้านรถเข็นจำพวกร้านส้มตำ ร้านลูกชิ้น ตั้งอยู่เป็นช่วงๆ

เดินตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอโครงการ Dolce อุดมสุข แล้วค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการนะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบ อย่างบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ตึกแถว และร้านรับซื้อของเก่า โดยตัวอาคารจะอยู่บริเวณหัวมุมติดกับซอยสุขุมวิท 103/2 โดย

  • ทางทิศเหนือ ติดกับ ซอยสุขุมวิท 103/2 ที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกแถว 2-3 ชั้น ห้องพักอาศัยที่อยู่ทางทิศนี้ตั้งแต่ชั้น  4 ขึ้นไปจะไม่มีอาคารมาบังวิวค่ะ
  • ทางทิศตะวันออก ติดกับ ซอยสุขุมวิท 103/2 ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านรับซื้อของเก่า บ้านพักอาศัย 2 ชั้น และซอยเล็กๆที่สามารถไปทะลุซอยอุดมสุข 18  ได้
  • ทางทิศตะวันตก ติดกับ อาคาร 1 ชั้นที่เป็นที่ดินของบุคคลอื่น และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทางทิศใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น

ตัวโครงการจะติดกับอาคาร 1 ชั้น ที่มีเครื่องซักผ้าและตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ด้านหน้ามีร้านส้มตำร้านอาหารรถเข็น และยังมีวินมอเตอร์ไซค์ที่สามารถนั่งไปขึ้น BTS ได้ในราคา 10 บาท ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นตึกแถว 3 ชั้น และซอยที่สามารถไปทะลุถนนอุดมสุขได้

ภายในซอยจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าปากซอยอีก 1 จุด  ตรงไปเรื่อยๆอีกประมาณ 70 เมตร จะเป็นโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมป์ และเรายังสามารถใช้ซอยนี้เป็นทางเดินไปทะลุซอยอุดมสุข 12 เพื่อไปยังถนนอุดมสุขได้ด้วย

เลี้ยวขวามาจะเจอร้านรับซื้อของเก่าอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ

ติดกับร้านรับซื้อของเก่าจะเป็นซอยเล็กๆที่สามารถไปทะลุถนนสุขุมวิท และถนนบางนา-ตราดได้

บรรยากาศภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัย  1-3 ชั้น ที่มีรถจอดอยู่ริมทางค่อนข้างเยอะ

เราเดินต่อไปอีกหน่อยจะเจอบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ที่มีตู้ซักผ้าหยอดเหรียญไว้ให้บริการ มองตรงไปจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นแทบทั้งหมด บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • FamilyMart ~ 400 เมตร
  • Bangkok Mall ~ 1 กิโลเมตร
  • Central Bangna ~ 3 กิโลเมตร
  • Big C Bangna ~ 3.2 กิโลเมตร
  • Berkeley international school ~ 1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 3.7 กิโลเมตร

 

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Dolce-8

โครงการ Dolce อุดมสุข เป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น มีห้องพักจำนวน 79 ยูนิต ออกแบบมาในสไตล์ Modern Italian  ตัวโครงการอยู่ติดซอยสุขุมวิท 103/2 บนที่ดินแปลงมุม ทางขวามือเป็นฝั่งที่มาจากถนนสุขุมวิท ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นทางที่มาจากถนนบางนา-ตราด และอุดมสุข

โดยทางเข้าโครงการจะมี  2 จุด คือประตูที่ 1 เป็นทางเดินเข้า ส่วนประตูที่ 2 เป็นทางรถเข้า ซึ่งกั้นด้วยรั้วกั้นไม้กระดก เข้า-ออกโดยการสแกนคีย์การ์ด รั้วตรงมุมถนนมีการหักมุมเพื่อให้รถที่วิ่งไปมาตรงช่วงหัวโค้งสามารถมองเห็นกันได้ง่าย โดยโครงการใช้รั้วทึบสลับกับรั้วโปร่ง และปลูกต้นไม้เป็น Green wall เพิ่มความร่มรื่นให้โครงการ และสร้างความ Privacy ให้คนที่อยู่ในอาคารได้ดี

ตัว Facade อาคารใช้โทนสีเทา-น้ำตาล และใช้กระจกบานใหญ่ บรรยากาศภายในห้องพักจึงโปร่ง แสงธรรมชาติเข้าดี และสามารถมองเห็นวิวได้จากห้องพัก

มาดู Plan ชั้น 1 กันบ้าง จะเห็นว่าผืนที่ดินของอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีทางเข้าหลักๆ 2 ทาง คือเดินเข้าทาง Lobby โดยตรงและทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร ผ่านป้อม รปภ. ที่กั้นด้วยรั้วกั้นไม้กระดก เข้า-ออก โดยการใช้ Keycard Access โครงการมีที่จอดรถให้ 30 คัน หรือคิดเป็น 40 % และมี Shuttle Bus รับ-ส่ง ไปยังหน้าซอยสุขุมวิท 103/2 ซึ่งสามารถเดินไปต่อ BTS อุดมสุขได้ในระยะ 300 เมตร

ส่วน Lobby ของโครงการ จะประกอบด้วยห้องนิติบุคคล พื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือ ที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำด้านนอกได้ โดยสระว่ายน้ำมีขนาดประมาณ 3.3 x 13 เมตร ข้างๆสระว่ายน้ำมีที่ล้างตัวและห้องน้ำแยกชาย – หญิง ให้เรียบร้อย โครงการให้ลิฟต์มา 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 40 : 1 ถือว่าหนาแน่นน้อยดีค่ะ

ทางเข้า Lobby ออกแบบมาตามแบบฉบับ Itatian Style ที่ใช้ประตูทรงสูง แต่มีการลดทอนรายละเอียดให้เรียบง่าย ด้วยการใช้วงกบเรียบๆที่ทำมาจากหินอิตาลี  ผสมกันออกมาเป็นสไตล์ Modern Italian นอกจากนี้ การปลูกไม้พุ่มทรงสูงยังเพิ่มความร่มรื่นให้มุมนี้ได้มาก การเข้าประตู Lobby จะต้องใช้ Keycard Access เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

ด้านบนเป็นตัวสแกนคีย์การ์ด เราสามารถเข้าโครงการโดยการเตะบัตรตรงนี้ได้เลยค่ะ ส่วนด้านล่างเป็นปุ่มกดที่อยู่ด้านในเพื่อเปิดประตูออกจาก Lobby

เมื่อเปิดประตูมาจะเจอโถง Double Volume ด้านล่างเป็น Lobby โครงการ ส่วนด้านบนจะมองเห็นห้อง Fitness ที่อยู่ชั้น 2

ภายใน Lobby ใช้การตกแต่งเป็นโทนสีน้ำตาล-ครีม-ดำ มองตรงไปเป็นโถงลิฟต์ ทางขวามือเป็นทางออกไปยังสระว่ายน้ำ ส่วนทางซ้ายมือเป็นทางเข้า-ออก ลานจอดรถค่ะ

ประตูเข้า-ออก ลานจอดรถจะใช้ Keycard Access เหมือนประตูแรกที่เราเข้ามา ทางซ้ายมือเป็นสำนักงานนิติบุคคล

ออกมาที่ลานจอดรถใต้อาคาร สามารถจอดรถได้จำนวน 30 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 40%

 

ทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ Double Volume ที่มีฝ้าเพดานสูง อาคารทางฝั่งนี้จึงดูโปร่งโล่งดี รั้วอาคารด้านในปลูกไม้พุ่มเพิ่มความร่มรื่น ส่วนด้านนอกเป็นเหล็กโปร่งสีดำเมื่อมองไปทางขวามือจะเห็นว่าพื้นที่ Double Volume นี้จะช่วยให้แสงเข้าทางเดินอาคารในชั้น 2 ด้วย ด้านล่างเป็นที่จอด Shuttle Service ที่โครงการมีไว้ให้บริการลูกบ้านค่ะ

ตัว Shuttle Service ของโครงการเป็นรถกอล์ฟ จุผู้โดยสารประมาณ 5 ที่นั่ง โดยจะวิ่งรับ-ส่งบริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2 (ตรง Family Mart ) ซึ่งเราสามารถเดินต่อไปขึ้น BTS ได้ในระยะทางประมาณ 300  เมตร

โดยโถงพื้นที่ Double Voulume นี้ นอกจากจะช่วยให้ห้องดูโปร่งแล้ว ยังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดีในตอนกลางวันด้วย จากโถงนี้สามารถมองขึ้นไปเห็นห้อง Fitness ที่ชั้นสองได้ด้วยค่ะ จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาไปดูสระว่ายน้ำข้างนอกกันนะคะ

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นระบบเกลือ มีขนาดประมาณ 3.3 x 13 เมตร รอบๆสระมีการปลูกต้นไม้เป็น Green Wall ที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่นและยังช่วยสร้างความ Privacy ให้กับคนที่กำลังว่ายน้ำด้วย เนื่องจากพื้นที่รอบข้างติดกับถนนซอยซึ่งมีรถผ่านไปมาตลอดทั้งวัน การปลูกต้นไม้พุ่มสูงช่วยแบบนี้จึงเป็น Buffer ที่ดีมากค่ะ

ข้างๆสระว่ายน้ำจะมีที่ล้างตัวให้ 1 จุด

ขณะว่ายน้ำอยู่ก็จะได้มุมมองประมาณนี้ มองตรงไปเราจะเห็นพื้นของห้อง Fitness ที่ชั้น 2 ยื่นออกมาบนสระว่ายน้ำด้วย ซึ่งมีข้อดีตรงคนที่เล่น Fitness อยู่ที่ชั้น 2 ก็จะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ ในขณะที่พื้นที่ใต้ Finess จะกลายเป็น Semi-outdoor ช่วยหลบแดดให้คนที่ว่ายน้ำอยู่ในระดับนึง แต่ข้อเสียก็คือคนที่เล่น Fitness และว่ายน้ำอยู่จะมองเห็นกันไปมาสบตากันปิ๊งๆ อาจจะไม่โอเคสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว

ห้องน้ำ copy

ข้างๆสระจะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้

ภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชั่นครบทั้งอ่างล้างหน้าที่จะติดกระจกเงามาให้ในอนาคต จุดวางโถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำ

ถัดไปเป็นพื้นที่โถงลิฟต์ ทางซ้ายมือเป็นตู้จดหมายของห้องพักทั้ง 79 ยูนิต ส่วนทางขวามือเป็นลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว คิดเป็นอัตรส่วนประมาณ 40 : 1  ถือว่าหนาแน่นน้อยมาก ขึ้นลงลิฟต์กันได้สบายๆไม่ต้องแย่งกันเลย

ภายในลิฟต์ค่อนข้างกว้าง บรรจุคนได้ประมาณ 13 คน หรือรับน้ำหนักได้ประมาณ 1000 กิโลกรัม โดยประตูลิฟต์จะมีเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหว หากมีใครเดินผ่านตรงประตูลิฟต์ประตูจะเปิดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญกาการโดนประตูลิฟต์หนีบได้ค่ะ

plan2

ชั้น 2 จะเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องฟิตเนสอยู่ โดยชั้นนี้จะมียูนิตที่พักอาศัยอยู่ด้วยทั้งหมด 10 ยูนิตค่ะ ข้อดีของห้องพักในชั้นนี้ คือ คนอยู่จะรู้สึกเหมือนมีฟิตเนสเป็นของตัวเอง เพราะไม่ต้องขึ้น-ลงลิฟท์มาใช้งาน เปิดประตูออกจากบ้าน เดินไปใช้งานห้องฟิตเนสได้เลย ความหนาแน่นของยูนิตก็ต่ำกว่าชั้นอื่นค่ะ  แต่ก็จะมีข้อเสียคือจะเจอเสียงรบกวนจากพื้นที่ส่วนกลางและเสียความเป็นส่วนตัวของโถงทางเดินไป   แต่จากการจัดผังจะเห็นว่ามีข้อดีคือมีส่วนเว้นช่องระหว่างยูนิตที่พักอาศัยและโถงลิฟต์อยู่ ซึ่งจะช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นที่ส่วนกลางและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้พอสมควรเลยค่ะ

ตัวตึกวางตามแนวทิศตะวันออกตะวันตกค่ะ  ตรงนี้เลือกห้องทิศตะวันออกได้เปรียบกว่าทิศตะวันตกเห็นๆ ห้องบริเวณทิศตะวันออก ( ห้อง 4 – 8 ) จะได้รับแดดเช้าที่ไม่จัดมาก รวมทั้งได้รับลมในปริมาณที่เหมาะสมที่พัดมาทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ และการที่อยู่ฝั่งติดถนน ในระยะยาวต่อให้มีโครงการขึ้นมายังไง ก็ยังมีส่วนเว้นระหว่างตึกเพิ่มในส่วนถนนอยู่ดีค่ะ  ขณะที่ห้องฝั่งตะวันตก (ห้อง 9 – 12A) จะเป็นห้องส่วนที่ได้รับแดดช่วงบ่าย ซึ่งร้อนกว่าและไม่ค่อยมีลมค่ะ ข้อดีคือตอนนี้หันหน้าไปทางฝั่งบ้าน 1 – 2 ชั้น ซึ่งชั้น 3 ขึ้นไปก็จะมีมุมมองที่มองไปได้ไกลและมีความเป็นส่วนตัวอยู่ แต่ถ้ามองในอนาคตที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีโครงการต่างๆผุดขึ้นมา จึงมีความเสี่ยงเรื่องถูกบล็อควิวมากกว่าทิศตะวันออกที่ติดถนนใหญ่

ขึ้นมาที่ชั้น 2 มองตรงไปจะเป็นโถง Double Volume ที่มองลงไปเห็น Lobby ได้ ทางซ้ายมือเป็นประตูบันไดหนีไฟ

บันไดหนีไฟของโครงการค่อนข้างกว้าง และมีหน้าต่างสูง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดีมากค่ะ

ออกจากบันไดหนีไฟมา เราจะพาไปดูห้อง Fitness กันต่อ โดยระหว่างทางเดินไปก็จะมองเห็นทั้ง Lobby ด้านล่าง Fitness และเห็นสระว่ายน้ำด้านล่างได้ด้วย เชื่อว่าพออยู่ไปนานๆ ลูกบ้านทั้ง 79 ยูนิตน่าจะรู้จักกันหมดนะ เพราะเดินไปไหนก็เจอกัน 🙂

เข้ามาในห้อง Fitness ขนาด 9.5 x 3.65 เมตร บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่อง บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่ง เป็นกระจกใสล้อมรอบ และมีกระจกเงาเป็นบางช่วงให้สามารถส่องดูหุ่นตัวเองขณะออกกำลังกายได้ ทางขวามือเป็นพื้นที่ Double Voulume สามารถมองลงไปเห็นประตูทางเข้า Lobby ได้

บรรยากาศโดยรวมของห้อง fitness จะเป็นแบบนี้ค่ะ มองตรงไปจะเป็นหน้าต่างกระจกทรงสูงโดยรอบ สามารถมองเห็นวิวรอบข้างได้ ส่วนทางซ้ายมือจะสามารถมองไปเห็น Lobby  ได้

เมื่ออยู่บนเครื่องเล่นก็จะได้มุมมองประมาณนี้ สามารถเห็น Lobby ได้จากมุมสูง

ข้างๆกันเป็นส่วนที่ยื่นออกมาเหนือสระว่ายน้ำ ที่ผนังโดยรอบติดตั้งหน้าต่างทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน มีข้อดีตรงที่ได้ช่องเปิดกว้าง ช่วยให้เห็นวิวได้รอบ แสงสว่างเข้าดี และสำหรับคนที่ไม่อยากออกกำลังกายในห้องแอร์ก็สามารถเปิดหน้าต่างออกมารับลมได้ โดยโครงการติดตั้งราวกระจกนิรภัยด้านในเพื่อกันตกให้ด้วย เป็น Detail ที่น่าสนใจและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกบ้านดีค่ะ

ออกมาจาก Fitness จะเจอโถงทางเดินไปยังห้องพักอาศัยชั้น 2

ระหว่างทางเดินจะเป็นผนังกระจกเต็มบานที่มองลงไปเห็นที่จอดรถด้านล่างได้ จริงๆแล้วที่ว่างตรงนี้สามารถสร้างห้องพักอาศัยได้ 1  ห้องเลย แต่โครงการเว้นช่องว่างไว้ตรงประตูเข้า-ออกห้องพักอาศัยพอดี ซึ่งมีผลดีตรงที่เป็นการแยกโซน Facilities กับโซนพักอาศัยชัดเจน ห้องที่อยู่ในชั้นนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความ Privacy และเสียงที่มารบกวนค่ะ โดยการเข้าออกประตูนี้จะใช้ Keycard Access เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

เข้ามาภายในโซนพักอาศัยชั้น 2 โถงทางเดินเป็น Double Corridor มีหน้าต่างที่ปลายทางเดินของอาคารช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี

plan 3-6

ชั้น 3 – 6 ใช้ผังแบบเดียวกันค่ะ การจัดผังเหมือนๆกับชั้น 2 รวมถึงเรื่องทิศลมทิศแดดและมุมมองนะคะ ส่วนที่ต่างออกไปคือจะมีความหนาแน่นของยูนิตมากกว่าคือ 14  ยูนิตต่อชั้นและไม่มีห้องฟิตเนส จุดที่ควรระวังเพิ่มในการเลือกห้องคืออยู่ใกล้โถงลิฟต์เพราะจะต้องเจอกับเสียงรบกวนจากการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางค่ะ

Plan 7

 

ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะมีบันไดหนีไฟอยู่ทางซ้ายมือ มองตรงไปจะมี Court ที่โครงการเจาะให้ช่องแสงลงมาจากชั้นดาดฟ้า ทำให้ภายในอาคารสว่างขึ้น

มองขึ้นไปด้านบนจะเป็นช่องสูงขึ้นไปถึงชั้น 7

โดยด้านบนจะเป็นหลังคา Sky Light ให้แสงลงมาที่อาคาร และมีช่องลมเล็กๆให้อากาศไหลเวียนภายในอาคารด้วย

โถงทางเดินภายในอาคารทุกชั้นจะเหมือนกันคือเป็น Double Corridor และมีหน้าต่างที่สุดทางเดินให้แสงธรรมชาติเข้าค่ะ

มาดูวิวจากชั้นดาดฟ้าของอาคารกันบ้าง วิวทางทิศใต้ จะเป็นวิวฝั่งบางนา, แบริ่ง เราจะเห็นกลุ่มอาคารของคอนโด The Sky สูง 22-26 ชั้น จำนวน 5 อาคาร ที่ว่างทางซ้ายมือเป็นพื้นที่ของ Bangkok Mall ในอนาคต

วิวทางทิศตะวันตก จะเห็นวิวฝั่งถนนสุขุมวิท รอบโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ มองไปไกลๆจะเห็นแนวเส้นรถไฟฟ้า BTS ค่ะ

วิวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเห็นซอยสุขุมวิท 103/2 ทั้งเส้น รอบข้างๆจะเป็นอาคารบ้านพักอาศัย ส่วนตึกหลังคาสีฟ้าใกล้ๆนี้เป็นอาคารเรียน 4 ชั้น ของโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมป์ค่ะ

วิวทางทิศเหนือ จะเป็นวิวฝั่งอุดมสุข, ปุณณวิถี, อ่อนนุช เข้าไปในตัวเมือง รอบข้างเป็นอาคารบ้านพักอาศัย ตึกแถว และเขยิบออกไปหน่อยจะเห็นคอนโดที่เกาะอยู่บนถนนอุดมสุข ปุณณวิถี อ่อนนุช

วิวทางทิศตะวันออก จะเห็นที่พักอาศัยแนวราบที่เป็นบ้าน 2 ชั้น ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ซะเป็นส่วนใหญ่ วิวฝั่งนี้ค่อนข้างโล่ง ไม่มีตึกสูงในระยะประชิด

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 13 x 3.3 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย ขนาด 9.5 x 3.65 เมตร บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • Lobby + Library แบบเพดานสูง
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 40 : 1
  • ที่จอดรถ 30 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 

 


Product Walkthrough

ห้องพักในโครงการจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished โดยห้องพักของโครงการประกอบด้วย

  • 1 Bedroom  ขนาดเริ่มต้น 31  ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 67  ตารางเมตร

โดยห้องที่เราจะพาไปดูในวันนี้เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร โดยจะมีการเปรียบเทียบห้องตัวอย่างและห้องมาตรฐานของจริงมาให้ดู เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นนะคะ

 

Dolce 29

ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 31.21 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร จุดเด่นของห้องนี้คือการจัดฟังก์ชั่นให้โซน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาอยู่ด้านในติดกับผนังโถงทางเดิน และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไปอยู่ด้านที่มีช่องเปิดทำให้ห้องนี้ดูโปร่งโล่งและ Take View ได้เต็มที่ในส่วนพักผ่อน

เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัวเปิดที่โครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัว ตู้วางเครื่องซักผ้า และตู้เย็นที่มีความสูงถึงฝ้าเพดานมาให้ ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียง ขณะอยู่ในห้องก็สามารถมองไปเห็นวิวหรือบรรยากาศข้างนอกได้ ติดกันเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้ที่หน้าห้องน้ำ จึงสะดวกกับการใช้งาน เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลย ภายในห้องนอนมีหน้าต่างเต็มผนังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศได้ดี พื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อยหากใครชอบดูทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นทีวีติดผนังค่ะ จะได้เหลือทางเดินปลายเตียง โดยรวมแล้วห้องนี้มีการจัดฟังก์ชั่นที่ครบ ได้ห้องฝ้าเพดานสูงพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่เก็บของได้เยอะดี เหมาะกับการอยู่อาศัยประมาณ 1-2 คนค่ะ

สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : ครัว Built-in ที่มีเตาและที่ดูดควันให้, ตู้วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า, ตู้วางทีวี, โซฟา, โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว, เตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ

เริ่มจากทางเข้าห้องเป็นประตูสำเร็จรูปบานไม้อัดผิวลามิเนตลายไม้ขนาดใหญ่กว่าประตูปกตินิดหน่อยคือ 0.9 x 2.1 เมตร พร้อมตาแมวและติดตั้ง Digital Door lock มาให้ ข้างประตูจะมีป้ายหมายเลขห้องโทนสีน้ำตาล-ส้ม-ขาว มาให้ทุกห้องค่ะ

Digital Door Lock ของ Haffele ใช้การสแกนคีย์การ์ดเมื่อเข้า-ออกห้อง มือจับเป็นสแตนเลสก้านโยกใช้ง่าย

เข้ามาในห้อง ส่วนแรกที่เราจะเจอคือครัวเปิดที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นและระเบียง ซึ่งครัวเปิดแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ห้องกว้าง แต่ข้อเสียของครัวเปิดแบบนี้คือเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะตลบอบอวนไปทั่วห้อง แต่เราก็สามารถกั้นห้องเพื่อทำเป็นครัวปิดได้ค่ะ

มองย้อนกลับไปจะเห็นพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมด ขนาดประมาณ 1.80 x 2.85 เมตร โดยโครงการติดตั้งประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่างแต่ของจริงจะไม่ได้ให้นะคะ ซึ่งเราจะเห็นว่าพอมีประตูกั้นแล้วห้องก็ดูแคบลงทันที แต่ในณะเดียวกันพื้นที่กลับเป็นสัดส่วนมากขึ้น แถมยังช่วยให้ไม่มีกลิ่นลอยไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้องขณะทำอาหารด้วย เหมาะกับคนที่ชอบทำครัวหนักหรือทำอาหารบ่อยๆ ทางขวามือเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L  ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่โครงการ Built-in มาให้สูงถึงฝ้าเพดานแบบนี้เลย เดี๋ยวเราไปดูกันทีละส่วนนะคะ

พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำเงา ทำความสะอาดได้ง่ายดี มีการปิดรอยต่อด้วยคิ้วไม้ลามิเนตเรียบร้อย

ครัว Built-in รูปตัว L ที่โครงการติดตั้งมาให้เป็นของ Hafele หน้าบานปิดตู้ผิวลามิเนตลายไม้สีอ่อน  ด้านบนเป็นตู้สูงถึงฝ้าเพดานสามารถเก็บของได้เยอะดี

ตู้ครัวด้านที่ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้ยาวจรดฝ้าเพดาน ด้านบนเป็นตู้ซ่อนเมนบอร์ดไฟและสามารถใส่ของได้จิปาถะ ด้านล่างเป็นตู้รองเท้า สามารถเก็บรองเท้าได้ประมาณ 4 คู่

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าแบบฝ้าหน้า โดยด้านบนจะมีตู้ใส่ของให้สูงถึงฝ้าเพดานเลย สามารถเก็บของได้เยอะดี อย่างตู้ด้านบนตู้เย็น เราก็สามารถวางอาหารแห้ง มาม่า เครื่องปรุงรส หรืออุปกรณ์ครัวได้ ส่วนตู้ด้านบนเครื่องซักผ้าก็สามารถสามารถวางอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มได้ เป็นต้น

ถัดไปเป็น Living room ขนาดประมาณ 3.50 x 2.85 เมตร สามารถจัดฟังก์ชั่นเป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารได้ โดยเมื่อเปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงจะเห็นว่าผนังห้องจริงจะเป็นปูนฉาบเรียบทาสีขาว พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ให้จะประกอบด้วยแอร์ขนาด 12,000 BTU โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง โซฟา และตู้วางทีวี โดยห้องนี้มีระยะดูทีวีประมาณ 2.55 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 56″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ

โครงการให้โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง เป็นสีไม้มะฮอกกานีเข้าชุดกัน และโซฟาสีเบจไม่มีที่วางแขน ขนาด 2 ที่นั่งโดยเมื่อเปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงให้ดูจะเห็นว่าเมื่อเราตกแต่งห้องเป็นอีกสไตล์ ก็จะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปเลย โดยห้องตัวอย่างจะมีฉากกั้นห้องอยู่ทางขวามือของโต๊ะรับประทานอาหาร พร้อมมีโซฟาขนาบอยู่ทางซ้ายมืออีก อาจจะอึดอัดไปหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ๆ ทางแก้ง่ายๆเลยก็คือไหนๆเราก็ได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาแล้ว หากพื้นที่ตรงไหนแคบเกินไป เราก็สามารถโยกย้าย ปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้ไม่ยากค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตู้วางทีวีที่โครงการ Built-in เฉพาะตู้ด้านล่างมาให้ โดยเราสามารถติดตั้งชั้นวางของด้านบนแบบห้องตัวอย่างเพิ่มเติมได้นะคะ แต่แนะนำให้ทำตู้ที่มีหน้าบานปิดดีกว่า เวลาฝุ่นเกาะจะได้ทำความสะอาดง่ายๆ

ถัดไปเป็นทางออกระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ จากในห้องสามารถนั่งมองวิวข้างนอกได้สบายๆ

ระเบียงห้องมีขนาด 2.85 x 0.7 เมตร พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีการลดระดับพื้นลงจากพื้นห้องเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลจากระเบียงเข้าห้องนอน และที่พื้นระเบียงทางซ้ายมือก็มีการเซาะร่องอีกชั้นเพื่อให้น้ำไหลลงท่อน้ำได้สะดวก น้ำจะได้ไม่ขังที่ระเบียง

ห้องนี้อยู่ที่ชั้น 4 ทางทิศใต้ วิวที่ได้จะเป็นบ้านพักอาศัยและตึกแถวซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนขนาดประมาณ 2.75 x 6  เมตร โดยแบ่งพื้นที่เป็นส่วนห้องนอน Walk-in Closet และห้องน้ำ โดยโครงการจะ  Built-in เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ พร้อมแอร์ขนาด 12,000 BTU มาให้

เปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริง จะเห็นว่าของจริงจะมีผนังห้องเป็นปูนฉาบเรียบทาสีขาว พื้นห้องเป็นลามิเนตลายไม้ โดยโครงการให้เตียงพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งมาให้แบบนี้เลย

เตียง Queen size ขนาด 5  ฟุตไ่ม่รวมฟูก

ที่ผนังปลายเตียงมีการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบเคเบิลทีวีไว้ให้ สามารถนำทีวีมาติดตั้งได้เลย โดยแนะนำให้เป็นทีวีแบบแขวนผนังนะคะ เนื่องจากพื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างน้อย หากนำตู้วางทีวีมาวางปลายเตียงอีกจะทำให้ไม่มีพื้นที่เดิน

ถัดไปเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำที่โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้แบบนี้ ถ้าอยู่กันสองคนก็สามารถแยกตู้คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายได้เลย (ตู้ใหญ่กว่าคงไม่ต้องบอกว่าเป็นของใคร อิอิ 🙂 )โดยข้อดีของการวางตู้เสื้อผ้ามาให้ในตำแหน่งนี้คือสะดวก เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย ทางขวามือเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง พอแต่งตัวเสร็จสาวๆก็จะได้นั่งแต่งหน้าได้สะดวก แถมในเวลาที่ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวก็เปลี่ยนเป็นโต๊ะเขียนหนังสือหรือนั่งทำงานได้สบายๆ

แต่เนื่องจากตู้นี้มีความสูงถึงฝ้าเพดาน คือ 2.85  เมตร โดยเฉพาะราวแขวนผ้าชั้นบนนี่ก็สูง 2 เมตรเข้าไปแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาเวลาหยิบผ้าสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ โครงการจึงทำราวแขวนมา 2 ชั้น โดยราวสูงจะมี Puller มาให้ ใช้งานง่ายดี เป็นฟังก์ชั่นที่เก็บรายละเอียดได้ดีและตอบโจทย์การใช้งานมากๆเลย ชอบบ

ข้างๆกันเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กและโต๊ะเครื่องแป้งให้มาตามนี้เลยค่ะ

มือจับตู้เสื้อผ้าประมาณนี้

ถัดไปเป็นประตูห้องน้ำแบบสำเร็จรูปลายไม้ มือจับเป็นแบบสแตนเลสหัวกลม

บานประตูด้านในห้องน้ำติดตั้งราวแขวนผ้า พร้อม Door Stop มาให้ด้วย

พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องแกรนิตโตสีครีมผิวด้าน มีการลดระดับพื้นห้องน้ำลงเพื่อกันน้ำในห้องน้ำไหลออกมาเปียกลามิเนตในห้องนอน

สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำให้ของ American Standard อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัวรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ท๊อปเคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำยื่นไปเป็น Low wall ที่ผนังด้านหลังโถสุขภัณฑ์ให้สามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้  โดยเมื่อเปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงให้ดูจะเห็นว่าไม่ได้มีการ Built-in ชั้นวางของด้านบนมาให้นะคะ แต่สำหรับใครที่มีของเยอะๆก็เหมาะกับการมีชั้นวางของแบบนี้แต่แนะนำให้ทำหน้าบานปิดจะได้ดูเรียบร้อย

ซูมหน้าตาสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ดูใกล้ๆ

พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.6 x 0.8  เมตร ขนาดกำลังดี ที่พื้นมีการยกธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลไปสู่ส่วนแห้ง

มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้และมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งแสงสว่างกำลังดี

Dolce 43

มาดูผังห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ ห้อง 1 Bedroom แบบ A3 ขนาด 33.55 ตารางเมตร เหมาะการอยู่อาศัย 1-2 คน พื้นที่ใช้สอยของห้องนี้ค่อนข้างครบและเป็นสัดส่วนดี เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเราจะเจอกับ Living room ที่จัดฟังก์ชั่นเป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับระเบียงและห้องครัวที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน สามารถ Built-in ฉากกั้นครัวเพื่อทำเป็นครัวปิดเพิ่มได้ ติดกันเป็นห้องนอนที่มี  Walk-in Closet และห้องน้ำให้ในตัว

Dolce 44

 

ถัดไปเป็นห้อง 2 Bedroom แบบ A4 ขนาด 66.76 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอโถงขนาดใหญ่ทีประกอบด้วยครัวเปิดที่ Built-in ชุดครัวมาให้เรียบร้อย ข้างๆกันสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง และส่วนนั่งเล่นที่มีโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะวางทีวี ข้างๆกันเป็นระเบียง ดังนั้นจึงสามารถนั่งมองวิวโปร่งๆจากห้องนั่งเล่นได้เลย ติดกันเป็นห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยห้องน้ำนี้สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือจากทางห้องนอนเล็กและห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องนอนใหญ่ที่สามารถวางเตียง King Size ได้สบายๆ ภายในห้องมีระเบียงและมีห้องน้ำในตัวพร้อมพื้นที่ Walk-in Closed เป็นห้องที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน สะดวกสบาย  เหมาะกับครอบครัวเล็กหรือผู้อยู่อาศัยประมาณ 3-4 คน

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 October, 2016

  • 1 Bedroom  Type A1_4 ชั้น 3 ห้อง 10 เนื้อที่ 31.08 ตร.ม. ราคา 2,774,696 บาท หรือ 89,276 บาท/ตร.ม. (ส่วนลด 70,000 บาท เหลือ 2,704,696 บาท หรือ 87,024 บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom  Type A1_1 ชั้น 5 ห้อง 4 เนื้อที่ 31.21 ตร.ม. ราคา 3,023,182 บาท หรือ 96,866 บาท/ตร.ม. (ส่วนลด 70,000 บาท เหลือ 2,953,182  บาท หรือ 94,623  บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom  Type A1_1 ชั้น 7 ห้อง 12 เนื้อที่ 31.21 ตร.ม. ราคา 3,092,712 บาท หรือ 99,094 บาท/ตร.ม. (ส่วนลด 70,000 บาท เหลือ 3,022,712 บาท หรือ 96,851 บาท/ตร.ม.)

 

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ส่งหน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2
  • จอง 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 100,000 บาท
  • ค่ากองทุน 700 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

Dolce อุดมสุข เหมาะกับคนที่ชอบคอนโดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ยอมเขยิบเข้ามาในซอยหน่อยแต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและได้ราคาเบาลงมากว่าคอนโดติดถนนใหญ่ ชอบห้องที่มีฝ้าเพดานสูงและมีพื้นที่เก็บของได้เยอะ สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยไม่ต้องซื้อของเพิ่ม เป็นคนทำงานหรือใช้ชีวิตในย่านบางนา-อุดมสุข เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้ง่าย สามารถเชื่อมต่อถนนสุขุมวิท อุดมสุข บางนา-ตราด และใช้ทางด่วนได้สะดวก ในขณะเดียวกันคนที่ทำงานในเมืองก็สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มายังโครงการได้ เช่น คนที่ทำงานอยู่อโศกก็ใช้เวลาประมาณ 14 นาที หรือคนที่ทำงานอยู่เพลินจิตก็ใช้เวลาประมาณ 18 นาที โดยโครงการมีรถกอล์ฟรับ-ส่งที่หน้าปากซอย ในอนาคตมีห้างใหญ่ชื่อ The Bangkok Mall ในเครือ The Mall ที่กำลังก่อสร้าง อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร จะมาช่วยเพิ่มความสบายและเพิ่มมูลค่าให้โครงการได้อีกเยอะ

ทำเลของโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 ซึ่งสภาพแวดล้อมรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย ตึกแถว มีโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมป์ใกล้ๆ อาหารการกินในระยะเดินก็จะมีร้านรถเข็นที่มีอยู่ภายในซอย หรือจะมาที่ family Mart หน้าปากซอยก็ได้ ซึ่งความอุดมสมบูรณ์หลักๆจะอิงอยู่บนถนนอุดมสุข ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หลากหลาย มีตลาดอุดมสุข ที่เป็นตลาดใหญ่ให้ซื้อของเข้าห้องได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าก็จะมีอยู่บนเส้นบางนา-ตราด ตั้งแต่เซ็นทรัลบางนาและบิ๊กซี ไปจนถึง Index Livingmall, Lotus, Mega Bangna และ Ikea

การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถเข้า-ออกได้ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนอุดมสุข และถนนบางนา-ตราด สามารถใช้ทางด่วนได้ทั้ง 2 ฝั่งคือทางด่วนบูรพาวิถีและวงแหวนรอบนอก โครงการตั้งอยู่ฝั่งขาออกเมืองไปทางสมุทรปราการใกล้แยกบางนา ที่มี Bitec บางนาอยู่ อยู่ใกล้  Bitec แบบนี้ก็มีดีมีเสียค่ะ คือถ้าวันไหนมีจัดงานใหญ่ๆที่ Bitec หรือรับปริญญา อาจจะมีปัญหาเรื่องรถติดอยู่บ้าง แต่ก็มีการรับปริญญาปีละไม่กี่ครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงไม่บ่อยนัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ โครงการห่างจาก BTS สถานีอุดมสุขประมาณ 700 เมตร ซึ่งโครงการก็มีรถกอล์ฟรับ-ส่งที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2  ไว้ให้บริการ ช่วยลดระยะเดินไป BTS อุดมสุขได้ เหลือ 300 เมตร นอกจากนี้ยังมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ติดกับรั้วโครงการ ที่ราคาค่าโดยสารไป BTS อุดมสุข 10 บาทเท่านั้น

วัสดุของโครงการให้มาค่อนข้างดีและลงตัวกับพื้นที่ใช้งาน โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และลอยตัว โดยมีจุดเด่นตรงที่ตู้เก็บของต่างๆ อย่างเช่นตู้ครัว ตู้เสื้อผ้า ตู้ใส่เครื่องซักผ้า/ตู้เย็น ที่ Built-in มาให้สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้มีพื้นที่เก็บของในแนวตั้งค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตู้เสื้อผ้าที่มี Puller มาให้ สามารถดึงราวตากผ้าลงมาได้ ถือว่าเป็น Detail พิเศษที่โครงการใส่ใจรายละเอียดดี ส่วนวัสดุอื่นๆอย่างพื้นก็มีการปูกระเบื้องแกรนิตโต้ในส่วนที่เปื้อนได้ง่าย เพื่อจะได้สะดวกในการทำความสะอาดเช่น พื้นครัว พื้นห้องน้ำ และระเบียง ส่วนพื้นห้องนอนและห้องนั่งเล่นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร อุปกรณ์และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ของ American Standard พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอื่นๆก็ให้มาครบทั้งเตียง 5  ฟุต โซฟา และโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว โดยรวมให้มาค่อนข้างครบและใส่ใจรายละเอียดดี

การออกแบบโครงการบนพื้นที่ 3 งานเศษๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ยูนิตพักอาศัยเพียง 79 ยูนิต ถือว่าอยู่กันสบายๆไม่อึดอัด มีลิฟต์ให้มา 2 ตัวที่อัตราส่วน 40 : 1 ถือว่าหนาแน่นตำ่มาก ไม่ต้องเบียดเสียดกันในช่วงเวลาเร่งรีบ จุดเด่นของคอนโด Low Rise แห่งนี้คือตัวที่ดินของโครงการสามารถทำคอนโด 8 ชั้นได้แต่โครงการเลือกที่จะทำ 7 ชั้น และให้ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร แล้วขายแบบ Fully Furnished

โดยห้องพักอาศัยจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ที่มีทั้งหมด 78 ห้อง และมีห้องแบบ  1 Bedroom เพียงห้องเดียวในโครงการ ซึ่งเน้นกลุ่มคนทำงานที่พักอาศัย 1-2 คน ชอบห้องพักอาศัยแบบมีเฟอร์นิเจอร์ครบและลงตัว สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของเข้าห้องเพิ่มอีก และต้องการที่เก็บของเยอะๆ ซึ่งถือว่าโครงการทำการบ้านมาได้ดีในเรื่องการ Built-in เฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้สามารถพักอาศัยได้สบาย และใช้งานพื้นที่แนวตั้งได้คุ้มค่า

Facilities ของโครงการให้มาครบทั้งสระว่ายน้ำ Fitness Lobby+Library แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็สมส่วนสำหรับ 79 ยูนิต ที่สามารถใช้งานกันได้สบายๆ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 90,000 บาท/ตร.ม.,20 October, 2016

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 ห่างจาก BTS อุดมสุขประมาณ 700 เมตร
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สามารถเข้า-ออกได้จากถนนสุขุมวิท อุดมสุข และบางนา-ตราด ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ห่างจากรถไฟฟ้า 700 เมตร มี Shuttle Bus ส่งหน้าซอยสุขุมวิท 103/2 และมีพี่วินอยู่ติดกับรั้วโครงการ
  • วัสดุ 7.75/10 –ขายแบบ Fully Furnished ให้วัสดุมาค่อนข้างดี
  • แบบ  8/10 – ฟังก์ชั่นห้องครบและลงตัว ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ช่วยให้สามารถใช้งานพื้นที่แนวตั้งได้คุ้มค่า
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบ ความหนาแน่นต่ำ ไม่ต้องแย่งกันใช้

  • MAIN CLASS
  • 7.46 / 10.00

BOTTOM LINE

Dolce อุดมสุข เหมาะกับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตในย่านบางนา-อุดมสุข ชอบ Product ที่เป็นห้องใหญ่ฝ้าเพดานสูง มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ชอบโครงการที่มี Facilities ครบ แต่ไม่เน้นใช้งานมาก ชอบโครงการที่มีความหนาแน่นต่ำในทำเลที่เงียบสงบ มีงบประมาณระดับ 2.6 – 3.5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,200 – 24,500 บาท/เดือน 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )