รีวิวฉบับที่ 1199 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จในย่านบางนา-อุดมสุข กับโครงการ Dolce อุดมสุข จาก Sirayos Group ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 ห่างจาก BTS อุดมสุขประมาณ 700 เมตร สามารถเข้าออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิท อุดมสุข และบางนา-ตราด โครงการเป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น มีจุดเด่นตรงที่ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆกันเลยค่า 🙂
Fact @ 20 October, 2016
- Dolce Udomsuk (โดว์เช่ อุดมสุข)
- Sirayos Co.,Ltd.
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร 79 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 30 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
- ที่ดินประมาณ 0-3-11 ไร่
- 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 31 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 67 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 90,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 85,000 – 96,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-399-2220-1
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.676142,100.612407
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Dolce อุดมสุข ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 โดยตัวโครงการอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 103/2 ประมาณ 400 เมตร และจากหน้าปากซอยถึงบันได BTS อุดมสุข ที่ใกล้ที่สุดประมาณ 300 เมตร รวมระยะทางจากโครงการถึง BTS อุดมสุข ประมาณ 700 เมตร โดยระยะนี้สามารถเดินได้ไม่ลำบากนักค่ะ เนื่องจากระหว่างทางก็มีร้านอาหารของกินและบ้านคนอยู่ตลอดทาง อาจจะมีกลางคืนที่เงียบไปบ้าง ก็สามารถใช้บริการพี่วินจากหน้าโครงการไป BTS อุดมสุขได้ในราคา 10 บาท
หากมองภาพรวมสภาพแวดล้อมในทำเลอุดมสุขเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่อยู่กันมานาน คนอยู่อาศัยเยอะ มีความอุดมสมบูรณ์สูง ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยในซอยเล็กซอยน้อย มีตึกแถวอาคารพาณิชย์ริมถนนที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร มีตลาดอุดมสุขเป็นตลาดใหญ่ที่แทรกตัวในชุมชน มี Community Mall เล็กๆ เช่น One Udomsuk อยู่ในซอยอุดมสุข 1 ดังนั้นเรื่องอาหารการกินบนถนนนี้เรียกว่าหาง่าย ฝากท้องกันได้สบาย สลับกินร้านนู่นนี้ได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ ด้วยความที่ทำเลนี้ใกล้รถไฟฟ้าและมีความอุดมสมบูรณ์สูง ย่านอุดมสุขวันนี้จึงมีคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise มารองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และอีกไม่นานจะมี Big Project อย่าง The Bangkok Mall ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มความคึกคักและเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินในย่านนี้มากขึ้นทีเดียว
ถ้าโฟกัสสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการในซอยอุดมสุข 103/2 ก็จะเงียบสงบลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับบรรยากาศบนถนนอุดมสุข ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย ตึกแถว ร้านรับซื้อของเก่าสลับกับอพาร์ทเม้นท์ มีร้านขายอาหารรถเข็น ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และร้านร้านของชำให้ไปซื้อของกันได้ใกล้ๆ เขยิบออกมาหน่อยก็จะมี Family Mart หน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2 ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 400 เมตร และจากโครงการสามารถเดินลัดออกทางซอยอุดมสุข 12 เพื่อไปซื้อของกินช่วงต้นซอยอุดมสุขได้ค่ะ
มาทำความรู้จัก The Bangkok Mall กันสักหน่อย 🙂
The Bangkok Mall เป็นโครงการระดับแฟล็กชิป ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป บนพื้นที่ 100 ไร่ พื้นที่โครงการ 650,000 ตารางเมตร หน้าโครงการกว้าง 1 กิโลเมตร งบลงทุน 20,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะเป็น The Grand Metropolis of the Mall Group พร้อมให้บริการต้นปี 2017 หรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า การมาของห้างนี้จะทำให้มูลค่าที่ดินทำเลโซนนี้สูงขึ้นและเจริญเติบโตขึ้นได้อีกเยอะค่ะ ซึ่งที่นี่จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร ไปได้สะดวกมากส่วนห้างใหญ่ๆที่มีอยู่แล้วในโซนนี้จะเกาะตัวกันอยู่บนถนนเส้น บางนา – ตราด แทบทั้งหมดเลยค่ะ ไล่ไปตั้งแต่เซ็นทรัลบางนาและบิ๊กซี ไปจนถึง Index Livingmall, Lotus, Mega Bangna และ Ikea
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกเมืองไปแยกบางนาและจังหวัดสมุทรปราการสามารถเข้าออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิท ถนนอุดมสุข และถนนบางนา-ตราด โดย
- จากถนนสุขุมวิท สามารถใช้เข้าโครงการได้ทางซอยสุขุมวิท 103/2 ตรงมาเรื่อยๆประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ
- จากถนนบางนา-ตราด สามารถเข้าโครงการได้ทางซอยบางนา-ตราด 1 มาทะลุซอยอุดมสุข 18 เพื่อมายังโครงการได้
- จากถนนอุดมสุข สามารถเข้าได้จากซอยอุดมสุข 18 หรือจะใช้ทางลัดที่ซอยอุดมสุข 12 เพื่อมายังโครงการก็ได้
หากใครต้องการใช้ทางด่วนก็สามารถใช้ทางด่วนตรงถนนสรรพวุธที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตรได้ค่ะ ตัวโครงการอยู่ใกล้กับถนนบางนา และ Bitec บางนา ที่มีการจัดงานใหญ่ๆหรือมีงานรับปริญญากันอยู่เรื่อยๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องรถติดอยู่บ้าง แต่ก็มีการรับปริญญาปีละไม่กี่ครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงไม่บ่อยนักค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการเข้าเมืองก็มีเส้นทางใกล้ๆให้เลือกได้ 2 เส้นทาง
- เส้นทางที่ 1 จากที่ตั้งโครงการ ให้ไปทะลุซอยอุดมสุข 18 เพื่อออกถนนอุดมสุข จากนั้นเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเรื่อยๆจนถึงแยกอุดมสุข ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิทแล้ววิ่งตรงไปเรื่อยๆเพื่อเข้าเมืองค่ะ
- เส้นทางที่ 2 ให้ไปทะลุซอยสุขุมวิท 103/1 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทเพื่อไปกลับรถช่วงซอยสุขุมวิท 68 เพื่อเข้าเมืองค่ะ
การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจาก BTS อุดมสุข ประตูที่ 3 ผ่านแยกอุดมสุข เดินตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยอุดมสุข 103/2 ดูบรรยากาศภายในซอยไปประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ
เราเริ่มจาก BTS อุดมสุข เมื่อสแกนบัตรออกแล้วให้ใช้ประตูที่ 3 ออกทางซ้ายมือ
แอบมองลงมาจาก BTS จะเห็นแยกอุดมสุขและถนนสุขุมวิทในช่วงเช้าวันธรรมดา มีปริมาณรถค่อนข้างเยอะแต่ไม่ถึงกับหนาแน่นค่ะ
ลงมาจาก BTS อุดมสุข จะเป็นตึกแถวที่มีของกิน ของใช้ค่อนข้างหลากหลาย บรรยากาศคึกคัก
พื้นที่ใต้รถไฟฟ้า ทางขวามือจะเป็นที่จอดจักรยาน ส่วนทางซ้ายมือจะมีร้านแผงลอยเล็กๆวางขายของกันเรื่อยๆตลอดทาง
ใกล้ๆกันมีคลีนิคทันตกรรม อุดมสุข
ห้างทองแสงเพชร
ช่วงใกล้แยกอุดมสุข จะมีร้านดอกกาแฟชุมพร ขายเบเกอรี่ ขนมปัง กาแฟสด รวมทั้งให้คำปรึกษาเรื่องการเปิดร้านกาแฟ พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์การชงกาแฟด้วย
ติดกันเป็นร้านผลไม้และนมสดปั่น อยู่บริเวณหัวมุมปากซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุข หากเดินเข้าไปภายในซอยอุดมสุขจะมีตลาดอุดมสุข ร้านอาหาร รวมทั้งของกินของใช้ให้เลือกหลากหลาย
ตอนนี้เรามาอยู่ที่แยกอุดมสุข บริเวณหน้าปากซอยอุดมสุข มองไปปากซอยฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านขายยาและร้านทอง Aurora เดี๋ยวเราจะเดินข้ามทางม้าลายเพื่อไปตรงร้านทองฝั่งตรงข้ามกัน
พอข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่ง เลยร้านทอง Aurora มา 1 คูหา จะเป็นโรงรับจำนำประชานุบาล ฟุตบาทบริเวณนี้ค่อนข้างกว้าง เดินสบายๆ ทางขวามือมีจุดจอดจักรยานด้วย
ใกล้ๆกันมีร้านแสงสุขชัย รับซื้อรางวัล เลขท้าย ถัดไปเป็นร้านขายยา ไทย-จีนเภสัช ร้านอัดรูป โรงรับจำนำ และร้านทองทวีชัย 2 ตามลำดับ
ใกลๆกันมี 7/11 และโรงรับจำนำอีกที่อยู่ติดกัน
เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านนวดแผนโบราณ มองตรงไปเป็นป้ายรถเมล์ โดยรถประจำทางที่ผ่านป้ายนี้คือ สาย 2, 2ส, 23, 25, 38ร, 45, 45ส, 48ร, 116ร, 132ร, 180, 508, 511, 511ส, 544ร, 545ร
เดินมาอีกนิดจะเจอซอยสุขุมวิท 103/1 ช่วงต้นซอยจะมีร้าน ธนกิจ ขายอุปกรณ์การช่าง
ไม่ไกลกันจะมีร้านขายของชำ ร้านขายยาและขายเครื่องดื่มอยู่ทางซ้ายมือ มองตรงไปเป็นสะพานลอยสามารถข้ามไปโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ได้
เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านเกื้อกูลเฟอร์นิเจอร์
ถัดมาจะเป็น Family Mart ที่อยู่ต้นซอยสุขุมวิท 103/2 แล้วค่ะ
บริเวณถนนหน้าซอยสุขุมวิท 103/2 จะมีทางม้าลายข้ามไปขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าซอยได้ ค่าบริการไปยังโครงการประมาณ 10 บาท ค่ะ
ซอยสุขุมวิท 103/2 เป็นถนน 2 เลน บรรยากาศสองข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัยสลับกับตึกแถว 2-4 ชั้น และมีร้านอาหารรถเข็นตั้งขายอยู่เป็นช่วงๆ
อย่างตรงนี้มีอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านล่างมีร้านอาหารตามสั่ง และศูนย์บริการ Philips
มีบ้านพักอาศัย 2 ชั้น สลับกับที่ดินว่างเปล่า บรรยากาศในซอยเงียบสงบ
มีร้านขายของชำเล็กๆเผื่อใครอยากมาซื้อขนมหรือของใช้เล็กๆน้อยๆ
เราเดินมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางตรงไปสามารถไปทะลุบางนา-ตราด และอุดมสุขได้ ซอยนี้จึงเป็นทางลัดที่นิยมใช้ลัดระหว่างสุขุมวิท-บางนา-อุดมสุข ทำให้มีรถวิ่งเข้า-ออกตลอดทั้งวัน
ระหว่างทางเราจะเจอร้านรถเข็นจำพวกร้านส้มตำ ร้านลูกชิ้น ตั้งอยู่เป็นช่วงๆ
เดินตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอโครงการ Dolce อุดมสุข แล้วค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบ อย่างบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ตึกแถว และร้านรับซื้อของเก่า โดยตัวอาคารจะอยู่บริเวณหัวมุมติดกับซอยสุขุมวิท 103/2 โดย
- ทางทิศเหนือ ติดกับ ซอยสุขุมวิท 103/2 ที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกแถว 2-3 ชั้น ห้องพักอาศัยที่อยู่ทางทิศนี้ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปจะไม่มีอาคารมาบังวิวค่ะ
- ทางทิศตะวันออก ติดกับ ซอยสุขุมวิท 103/2 ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านรับซื้อของเก่า บ้านพักอาศัย 2 ชั้น และซอยเล็กๆที่สามารถไปทะลุซอยอุดมสุข 18 ได้
- ทางทิศตะวันตก ติดกับ อาคาร 1 ชั้นที่เป็นที่ดินของบุคคลอื่น และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
- ทางทิศใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น
ตัวโครงการจะติดกับอาคาร 1 ชั้น ที่มีเครื่องซักผ้าและตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ด้านหน้ามีร้านส้มตำร้านอาหารรถเข็น และยังมีวินมอเตอร์ไซค์ที่สามารถนั่งไปขึ้น BTS ได้ในราคา 10 บาท ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นตึกแถว 3 ชั้น และซอยที่สามารถไปทะลุถนนอุดมสุขได้
ภายในซอยจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าปากซอยอีก 1 จุด ตรงไปเรื่อยๆอีกประมาณ 70 เมตร จะเป็นโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมป์ และเรายังสามารถใช้ซอยนี้เป็นทางเดินไปทะลุซอยอุดมสุข 12 เพื่อไปยังถนนอุดมสุขได้ด้วย
เลี้ยวขวามาจะเจอร้านรับซื้อของเก่าอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ
ติดกับร้านรับซื้อของเก่าจะเป็นซอยเล็กๆที่สามารถไปทะลุถนนสุขุมวิท และถนนบางนา-ตราดได้
บรรยากาศภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัย 1-3 ชั้น ที่มีรถจอดอยู่ริมทางค่อนข้างเยอะ
เราเดินต่อไปอีกหน่อยจะเจอบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ที่มีตู้ซักผ้าหยอดเหรียญไว้ให้บริการ มองตรงไปจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นแทบทั้งหมด บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- FamilyMart ~ 400 เมตร
- Bangkok Mall ~ 1 กิโลเมตร
- Central Bangna ~ 3 กิโลเมตร
- Big C Bangna ~ 3.2 กิโลเมตร
- Berkeley international school ~ 1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 3.7 กิโลเมตร
โครงการ Dolce อุดมสุข เป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น มีห้องพักจำนวน 79 ยูนิต ออกแบบมาในสไตล์ Modern Italian ตัวโครงการอยู่ติดซอยสุขุมวิท 103/2 บนที่ดินแปลงมุม ทางขวามือเป็นฝั่งที่มาจากถนนสุขุมวิท ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นทางที่มาจากถนนบางนา-ตราด และอุดมสุข
โดยทางเข้าโครงการจะมี 2 จุด คือประตูที่ 1 เป็นทางเดินเข้า ส่วนประตูที่ 2 เป็นทางรถเข้า ซึ่งกั้นด้วยรั้วกั้นไม้กระดก เข้า-ออกโดยการสแกนคีย์การ์ด รั้วตรงมุมถนนมีการหักมุมเพื่อให้รถที่วิ่งไปมาตรงช่วงหัวโค้งสามารถมองเห็นกันได้ง่าย โดยโครงการใช้รั้วทึบสลับกับรั้วโปร่ง และปลูกต้นไม้เป็น Green wall เพิ่มความร่มรื่นให้โครงการ และสร้างความ Privacy ให้คนที่อยู่ในอาคารได้ดี
ตัว Facade อาคารใช้โทนสีเทา-น้ำตาล และใช้กระจกบานใหญ่ บรรยากาศภายในห้องพักจึงโปร่ง แสงธรรมชาติเข้าดี และสามารถมองเห็นวิวได้จากห้องพัก
มาดู Plan ชั้น 1 กันบ้าง จะเห็นว่าผืนที่ดินของอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีทางเข้าหลักๆ 2 ทาง คือเดินเข้าทาง Lobby โดยตรงและทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร ผ่านป้อม รปภ. ที่กั้นด้วยรั้วกั้นไม้กระดก เข้า-ออก โดยการใช้ Keycard Access โครงการมีที่จอดรถให้ 30 คัน หรือคิดเป็น 40 % และมี Shuttle Bus รับ-ส่ง ไปยังหน้าซอยสุขุมวิท 103/2 ซึ่งสามารถเดินไปต่อ BTS อุดมสุขได้ในระยะ 300 เมตร
ส่วน Lobby ของโครงการ จะประกอบด้วยห้องนิติบุคคล พื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือ ที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำด้านนอกได้ โดยสระว่ายน้ำมีขนาดประมาณ 3.3 x 13 เมตร ข้างๆสระว่ายน้ำมีที่ล้างตัวและห้องน้ำแยกชาย – หญิง ให้เรียบร้อย โครงการให้ลิฟต์มา 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 40 : 1 ถือว่าหนาแน่นน้อยดีค่ะ
ทางเข้า Lobby ออกแบบมาตามแบบฉบับ Itatian Style ที่ใช้ประตูทรงสูง แต่มีการลดทอนรายละเอียดให้เรียบง่าย ด้วยการใช้วงกบเรียบๆที่ทำมาจากหินอิตาลี ผสมกันออกมาเป็นสไตล์ Modern Italian นอกจากนี้ การปลูกไม้พุ่มทรงสูงยังเพิ่มความร่มรื่นให้มุมนี้ได้มาก การเข้าประตู Lobby จะต้องใช้ Keycard Access เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน
ด้านบนเป็นตัวสแกนคีย์การ์ด เราสามารถเข้าโครงการโดยการเตะบัตรตรงนี้ได้เลยค่ะ ส่วนด้านล่างเป็นปุ่มกดที่อยู่ด้านในเพื่อเปิดประตูออกจาก Lobby
เมื่อเปิดประตูมาจะเจอโถง Double Volume ด้านล่างเป็น Lobby โครงการ ส่วนด้านบนจะมองเห็นห้อง Fitness ที่อยู่ชั้น 2
ภายใน Lobby ใช้การตกแต่งเป็นโทนสีน้ำตาล-ครีม-ดำ มองตรงไปเป็นโถงลิฟต์ ทางขวามือเป็นทางออกไปยังสระว่ายน้ำ ส่วนทางซ้ายมือเป็นทางเข้า-ออก ลานจอดรถค่ะ
ประตูเข้า-ออก ลานจอดรถจะใช้ Keycard Access เหมือนประตูแรกที่เราเข้ามา ทางซ้ายมือเป็นสำนักงานนิติบุคคล
ออกมาที่ลานจอดรถใต้อาคาร สามารถจอดรถได้จำนวน 30 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 40%
ทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ Double Volume ที่มีฝ้าเพดานสูง อาคารทางฝั่งนี้จึงดูโปร่งโล่งดี รั้วอาคารด้านในปลูกไม้พุ่มเพิ่มความร่มรื่น ส่วนด้านนอกเป็นเหล็กโปร่งสีดำเมื่อมองไปทางขวามือจะเห็นว่าพื้นที่ Double Volume นี้จะช่วยให้แสงเข้าทางเดินอาคารในชั้น 2 ด้วย ด้านล่างเป็นที่จอด Shuttle Service ที่โครงการมีไว้ให้บริการลูกบ้านค่ะ
ตัว Shuttle Service ของโครงการเป็นรถกอล์ฟ จุผู้โดยสารประมาณ 5 ที่นั่ง โดยจะวิ่งรับ-ส่งบริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2 (ตรง Family Mart ) ซึ่งเราสามารถเดินต่อไปขึ้น BTS ได้ในระยะทางประมาณ 300 เมตร
โดยโถงพื้นที่ Double Voulume นี้ นอกจากจะช่วยให้ห้องดูโปร่งแล้ว ยังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดีในตอนกลางวันด้วย จากโถงนี้สามารถมองขึ้นไปเห็นห้อง Fitness ที่ชั้นสองได้ด้วยค่ะ จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาไปดูสระว่ายน้ำข้างนอกกันนะคะ
ข้างๆสระว่ายน้ำจะมีที่ล้างตัวให้ 1 จุด
ขณะว่ายน้ำอยู่ก็จะได้มุมมองประมาณนี้ มองตรงไปเราจะเห็นพื้นของห้อง Fitness ที่ชั้น 2 ยื่นออกมาบนสระว่ายน้ำด้วย ซึ่งมีข้อดีตรงคนที่เล่น Fitness อยู่ที่ชั้น 2 ก็จะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ ในขณะที่พื้นที่ใต้ Finess จะกลายเป็น Semi-outdoor ช่วยหลบแดดให้คนที่ว่ายน้ำอยู่ในระดับนึง แต่ข้อเสียก็คือคนที่เล่น Fitness และว่ายน้ำอยู่จะมองเห็นกันไปมาสบตากันปิ๊งๆ อาจจะไม่โอเคสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว
ข้างๆสระจะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้
ภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชั่นครบทั้งอ่างล้างหน้าที่จะติดกระจกเงามาให้ในอนาคต จุดวางโถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำ
ถัดไปเป็นพื้นที่โถงลิฟต์ ทางซ้ายมือเป็นตู้จดหมายของห้องพักทั้ง 79 ยูนิต ส่วนทางขวามือเป็นลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว คิดเป็นอัตรส่วนประมาณ 40 : 1 ถือว่าหนาแน่นน้อยมาก ขึ้นลงลิฟต์กันได้สบายๆไม่ต้องแย่งกันเลย
ภายในลิฟต์ค่อนข้างกว้าง บรรจุคนได้ประมาณ 13 คน หรือรับน้ำหนักได้ประมาณ 1000 กิโลกรัม โดยประตูลิฟต์จะมีเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหว หากมีใครเดินผ่านตรงประตูลิฟต์ประตูจะเปิดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปัญกาการโดนประตูลิฟต์หนีบได้ค่ะ
ชั้น 2 จะเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องฟิตเนสอยู่ โดยชั้นนี้จะมียูนิตที่พักอาศัยอยู่ด้วยทั้งหมด 10 ยูนิตค่ะ ข้อดีของห้องพักในชั้นนี้ คือ คนอยู่จะรู้สึกเหมือนมีฟิตเนสเป็นของตัวเอง เพราะไม่ต้องขึ้น-ลงลิฟท์มาใช้งาน เปิดประตูออกจากบ้าน เดินไปใช้งานห้องฟิตเนสได้เลย ความหนาแน่นของยูนิตก็ต่ำกว่าชั้นอื่นค่ะ แต่ก็จะมีข้อเสียคือจะเจอเสียงรบกวนจากพื้นที่ส่วนกลางและเสียความเป็นส่วนตัวของโถงทางเดินไป แต่จากการจัดผังจะเห็นว่ามีข้อดีคือมีส่วนเว้นช่องระหว่างยูนิตที่พักอาศัยและโถงลิฟต์อยู่ ซึ่งจะช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นที่ส่วนกลางและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้พอสมควรเลยค่ะ
ตัวตึกวางตามแนวทิศตะวันออกตะวันตกค่ะ ตรงนี้เลือกห้องทิศตะวันออกได้เปรียบกว่าทิศตะวันตกเห็นๆ ห้องบริเวณทิศตะวันออก ( ห้อง 4 – 8 ) จะได้รับแดดเช้าที่ไม่จัดมาก รวมทั้งได้รับลมในปริมาณที่เหมาะสมที่พัดมาทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ และการที่อยู่ฝั่งติดถนน ในระยะยาวต่อให้มีโครงการขึ้นมายังไง ก็ยังมีส่วนเว้นระหว่างตึกเพิ่มในส่วนถนนอยู่ดีค่ะ ขณะที่ห้องฝั่งตะวันตก (ห้อง 9 – 12A) จะเป็นห้องส่วนที่ได้รับแดดช่วงบ่าย ซึ่งร้อนกว่าและไม่ค่อยมีลมค่ะ ข้อดีคือตอนนี้หันหน้าไปทางฝั่งบ้าน 1 – 2 ชั้น ซึ่งชั้น 3 ขึ้นไปก็จะมีมุมมองที่มองไปได้ไกลและมีความเป็นส่วนตัวอยู่ แต่ถ้ามองในอนาคตที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีโครงการต่างๆผุดขึ้นมา จึงมีความเสี่ยงเรื่องถูกบล็อควิวมากกว่าทิศตะวันออกที่ติดถนนใหญ่
ขึ้นมาที่ชั้น 2 มองตรงไปจะเป็นโถง Double Volume ที่มองลงไปเห็น Lobby ได้ ทางซ้ายมือเป็นประตูบันไดหนีไฟ
บันไดหนีไฟของโครงการค่อนข้างกว้าง และมีหน้าต่างสูง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดีมากค่ะ
เข้ามาในห้อง Fitness ขนาด 9.5 x 3.65 เมตร บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่อง บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่ง เป็นกระจกใสล้อมรอบ และมีกระจกเงาเป็นบางช่วงให้สามารถส่องดูหุ่นตัวเองขณะออกกำลังกายได้ ทางขวามือเป็นพื้นที่ Double Voulume สามารถมองลงไปเห็นประตูทางเข้า Lobby ได้
เมื่ออยู่บนเครื่องเล่นก็จะได้มุมมองประมาณนี้ สามารถเห็น Lobby ได้จากมุมสูง
ข้างๆกันเป็นส่วนที่ยื่นออกมาเหนือสระว่ายน้ำ ที่ผนังโดยรอบติดตั้งหน้าต่างทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน มีข้อดีตรงที่ได้ช่องเปิดกว้าง ช่วยให้เห็นวิวได้รอบ แสงสว่างเข้าดี และสำหรับคนที่ไม่อยากออกกำลังกายในห้องแอร์ก็สามารถเปิดหน้าต่างออกมารับลมได้ โดยโครงการติดตั้งราวกระจกนิรภัยด้านในเพื่อกันตกให้ด้วย เป็น Detail ที่น่าสนใจและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกบ้านดีค่ะ
ออกมาจาก Fitness จะเจอโถงทางเดินไปยังห้องพักอาศัยชั้น 2
ระหว่างทางเดินจะเป็นผนังกระจกเต็มบานที่มองลงไปเห็นที่จอดรถด้านล่างได้ จริงๆแล้วที่ว่างตรงนี้สามารถสร้างห้องพักอาศัยได้ 1 ห้องเลย แต่โครงการเว้นช่องว่างไว้ตรงประตูเข้า-ออกห้องพักอาศัยพอดี ซึ่งมีผลดีตรงที่เป็นการแยกโซน Facilities กับโซนพักอาศัยชัดเจน ห้องที่อยู่ในชั้นนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความ Privacy และเสียงที่มารบกวนค่ะ โดยการเข้าออกประตูนี้จะใช้ Keycard Access เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน
เข้ามาภายในโซนพักอาศัยชั้น 2 โถงทางเดินเป็น Double Corridor มีหน้าต่างที่ปลายทางเดินของอาคารช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี
ชั้น 3 – 6 ใช้ผังแบบเดียวกันค่ะ การจัดผังเหมือนๆกับชั้น 2 รวมถึงเรื่องทิศลมทิศแดดและมุมมองนะคะ ส่วนที่ต่างออกไปคือจะมีความหนาแน่นของยูนิตมากกว่าคือ 14 ยูนิตต่อชั้นและไม่มีห้องฟิตเนส จุดที่ควรระวังเพิ่มในการเลือกห้องคืออยู่ใกล้โถงลิฟต์เพราะจะต้องเจอกับเสียงรบกวนจากการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะมีบันไดหนีไฟอยู่ทางซ้ายมือ มองตรงไปจะมี Court ที่โครงการเจาะให้ช่องแสงลงมาจากชั้นดาดฟ้า ทำให้ภายในอาคารสว่างขึ้น
มองขึ้นไปด้านบนจะเป็นช่องสูงขึ้นไปถึงชั้น 7
โดยด้านบนจะเป็นหลังคา Sky Light ให้แสงลงมาที่อาคาร และมีช่องลมเล็กๆให้อากาศไหลเวียนภายในอาคารด้วย
โถงทางเดินภายในอาคารทุกชั้นจะเหมือนกันคือเป็น Double Corridor และมีหน้าต่างที่สุดทางเดินให้แสงธรรมชาติเข้าค่ะ
มาดูวิวจากชั้นดาดฟ้าของอาคารกันบ้าง วิวทางทิศใต้ จะเป็นวิวฝั่งบางนา, แบริ่ง เราจะเห็นกลุ่มอาคารของคอนโด The Sky สูง 22-26 ชั้น จำนวน 5 อาคาร ที่ว่างทางซ้ายมือเป็นพื้นที่ของ Bangkok Mall ในอนาคต
วิวทางทิศตะวันตก จะเห็นวิวฝั่งถนนสุขุมวิท รอบโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ มองไปไกลๆจะเห็นแนวเส้นรถไฟฟ้า BTS ค่ะ
วิวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเห็นซอยสุขุมวิท 103/2 ทั้งเส้น รอบข้างๆจะเป็นอาคารบ้านพักอาศัย ส่วนตึกหลังคาสีฟ้าใกล้ๆนี้เป็นอาคารเรียน 4 ชั้น ของโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมป์ค่ะ
วิวทางทิศเหนือ จะเป็นวิวฝั่งอุดมสุข, ปุณณวิถี, อ่อนนุช เข้าไปในตัวเมือง รอบข้างเป็นอาคารบ้านพักอาศัย ตึกแถว และเขยิบออกไปหน่อยจะเห็นคอนโดที่เกาะอยู่บนถนนอุดมสุข ปุณณวิถี อ่อนนุช
วิวทางทิศตะวันออก จะเห็นที่พักอาศัยแนวราบที่เป็นบ้าน 2 ชั้น ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ซะเป็นส่วนใหญ่ วิวฝั่งนี้ค่อนข้างโล่ง ไม่มีตึกสูงในระยะประชิด
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 13 x 3.3 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย ขนาด 9.5 x 3.65 เมตร บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Lobby + Library แบบเพดานสูง
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 40 : 1
- ที่จอดรถ 30 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 40%
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักในโครงการจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished โดยห้องพักของโครงการประกอบด้วย
- 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 31 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 67 ตารางเมตร
โดยห้องที่เราจะพาไปดูในวันนี้เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร โดยจะมีการเปรียบเทียบห้องตัวอย่างและห้องมาตรฐานของจริงมาให้ดู เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นนะคะ
ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 31.21 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร จุดเด่นของห้องนี้คือการจัดฟังก์ชั่นให้โซน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาอยู่ด้านในติดกับผนังโถงทางเดิน และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไปอยู่ด้านที่มีช่องเปิดทำให้ห้องนี้ดูโปร่งโล่งและ Take View ได้เต็มที่ในส่วนพักผ่อน
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัวเปิดที่โครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัว ตู้วางเครื่องซักผ้า และตู้เย็นที่มีความสูงถึงฝ้าเพดานมาให้ ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียง ขณะอยู่ในห้องก็สามารถมองไปเห็นวิวหรือบรรยากาศข้างนอกได้ ติดกันเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้ที่หน้าห้องน้ำ จึงสะดวกกับการใช้งาน เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลย ภายในห้องนอนมีหน้าต่างเต็มผนังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศได้ดี พื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อยหากใครชอบดูทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นทีวีติดผนังค่ะ จะได้เหลือทางเดินปลายเตียง โดยรวมแล้วห้องนี้มีการจัดฟังก์ชั่นที่ครบ ได้ห้องฝ้าเพดานสูงพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่เก็บของได้เยอะดี เหมาะกับการอยู่อาศัยประมาณ 1-2 คนค่ะ
สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : ครัว Built-in ที่มีเตาและที่ดูดควันให้, ตู้วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า, ตู้วางทีวี, โซฟา, โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว, เตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ
เริ่มจากทางเข้าห้องเป็นประตูสำเร็จรูปบานไม้อัดผิวลามิเนตลายไม้ขนาดใหญ่กว่าประตูปกตินิดหน่อยคือ 0.9 x 2.1 เมตร พร้อมตาแมวและติดตั้ง Digital Door lock มาให้ ข้างประตูจะมีป้ายหมายเลขห้องโทนสีน้ำตาล-ส้ม-ขาว มาให้ทุกห้องค่ะ
Digital Door Lock ของ Haffele ใช้การสแกนคีย์การ์ดเมื่อเข้า-ออกห้อง มือจับเป็นสแตนเลสก้านโยกใช้ง่าย
เข้ามาในห้อง ส่วนแรกที่เราจะเจอคือครัวเปิดที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นและระเบียง ซึ่งครัวเปิดแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ห้องกว้าง แต่ข้อเสียของครัวเปิดแบบนี้คือเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะตลบอบอวนไปทั่วห้อง แต่เราก็สามารถกั้นห้องเพื่อทำเป็นครัวปิดได้ค่ะ
มองย้อนกลับไปจะเห็นพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมด ขนาดประมาณ 1.80 x 2.85 เมตร โดยโครงการติดตั้งประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่างแต่ของจริงจะไม่ได้ให้นะคะ ซึ่งเราจะเห็นว่าพอมีประตูกั้นแล้วห้องก็ดูแคบลงทันที แต่ในณะเดียวกันพื้นที่กลับเป็นสัดส่วนมากขึ้น แถมยังช่วยให้ไม่มีกลิ่นลอยไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้องขณะทำอาหารด้วย เหมาะกับคนที่ชอบทำครัวหนักหรือทำอาหารบ่อยๆ ทางขวามือเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่โครงการ Built-in มาให้สูงถึงฝ้าเพดานแบบนี้เลย เดี๋ยวเราไปดูกันทีละส่วนนะคะ
พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำเงา ทำความสะอาดได้ง่ายดี มีการปิดรอยต่อด้วยคิ้วไม้ลามิเนตเรียบร้อย
ครัว Built-in รูปตัว L ที่โครงการติดตั้งมาให้เป็นของ Hafele หน้าบานปิดตู้ผิวลามิเนตลายไม้สีอ่อน ด้านบนเป็นตู้สูงถึงฝ้าเพดานสามารถเก็บของได้เยอะดี
ตู้ครัวด้านที่ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้ยาวจรดฝ้าเพดาน ด้านบนเป็นตู้ซ่อนเมนบอร์ดไฟและสามารถใส่ของได้จิปาถะ ด้านล่างเป็นตู้รองเท้า สามารถเก็บรองเท้าได้ประมาณ 4 คู่
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าแบบฝ้าหน้า โดยด้านบนจะมีตู้ใส่ของให้สูงถึงฝ้าเพดานเลย สามารถเก็บของได้เยอะดี อย่างตู้ด้านบนตู้เย็น เราก็สามารถวางอาหารแห้ง มาม่า เครื่องปรุงรส หรืออุปกรณ์ครัวได้ ส่วนตู้ด้านบนเครื่องซักผ้าก็สามารถสามารถวางอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มได้ เป็นต้น
ถัดไปเป็น Living room ขนาดประมาณ 3.50 x 2.85 เมตร สามารถจัดฟังก์ชั่นเป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารได้ โดยเมื่อเปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงจะเห็นว่าผนังห้องจริงจะเป็นปูนฉาบเรียบทาสีขาว พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ให้จะประกอบด้วยแอร์ขนาด 12,000 BTU โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง โซฟา และตู้วางทีวี โดยห้องนี้มีระยะดูทีวีประมาณ 2.55 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 56″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ
โครงการให้โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง เป็นสีไม้มะฮอกกานีเข้าชุดกัน และโซฟาสีเบจไม่มีที่วางแขน ขนาด 2 ที่นั่งโดยเมื่อเปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงให้ดูจะเห็นว่าเมื่อเราตกแต่งห้องเป็นอีกสไตล์ ก็จะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปเลย โดยห้องตัวอย่างจะมีฉากกั้นห้องอยู่ทางขวามือของโต๊ะรับประทานอาหาร พร้อมมีโซฟาขนาบอยู่ทางซ้ายมืออีก อาจจะอึดอัดไปหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ๆ ทางแก้ง่ายๆเลยก็คือไหนๆเราก็ได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาแล้ว หากพื้นที่ตรงไหนแคบเกินไป เราก็สามารถโยกย้าย ปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้ไม่ยากค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นตู้วางทีวีที่โครงการ Built-in เฉพาะตู้ด้านล่างมาให้ โดยเราสามารถติดตั้งชั้นวางของด้านบนแบบห้องตัวอย่างเพิ่มเติมได้นะคะ แต่แนะนำให้ทำตู้ที่มีหน้าบานปิดดีกว่า เวลาฝุ่นเกาะจะได้ทำความสะอาดง่ายๆ
ถัดไปเป็นทางออกระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ จากในห้องสามารถนั่งมองวิวข้างนอกได้สบายๆ
ระเบียงห้องมีขนาด 2.85 x 0.7 เมตร พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีการลดระดับพื้นลงจากพื้นห้องเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลจากระเบียงเข้าห้องนอน และที่พื้นระเบียงทางซ้ายมือก็มีการเซาะร่องอีกชั้นเพื่อให้น้ำไหลลงท่อน้ำได้สะดวก น้ำจะได้ไม่ขังที่ระเบียง
ห้องนี้อยู่ที่ชั้น 4 ทางทิศใต้ วิวที่ได้จะเป็นบ้านพักอาศัยและตึกแถวซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนขนาดประมาณ 2.75 x 6 เมตร โดยแบ่งพื้นที่เป็นส่วนห้องนอน Walk-in Closet และห้องน้ำ โดยโครงการจะ Built-in เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ พร้อมแอร์ขนาด 12,000 BTU มาให้
เปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริง จะเห็นว่าของจริงจะมีผนังห้องเป็นปูนฉาบเรียบทาสีขาว พื้นห้องเป็นลามิเนตลายไม้ โดยโครงการให้เตียงพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งมาให้แบบนี้เลย
เตียง Queen size ขนาด 5 ฟุตไ่ม่รวมฟูก
ที่ผนังปลายเตียงมีการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบเคเบิลทีวีไว้ให้ สามารถนำทีวีมาติดตั้งได้เลย โดยแนะนำให้เป็นทีวีแบบแขวนผนังนะคะ เนื่องจากพื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างน้อย หากนำตู้วางทีวีมาวางปลายเตียงอีกจะทำให้ไม่มีพื้นที่เดิน
ถัดไปเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำที่โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้แบบนี้ ถ้าอยู่กันสองคนก็สามารถแยกตู้คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายได้เลย (ตู้ใหญ่กว่าคงไม่ต้องบอกว่าเป็นของใคร อิอิ 🙂 )โดยข้อดีของการวางตู้เสื้อผ้ามาให้ในตำแหน่งนี้คือสะดวก เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย ทางขวามือเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง พอแต่งตัวเสร็จสาวๆก็จะได้นั่งแต่งหน้าได้สะดวก แถมในเวลาที่ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวก็เปลี่ยนเป็นโต๊ะเขียนหนังสือหรือนั่งทำงานได้สบายๆ
ข้างๆกันเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กและโต๊ะเครื่องแป้งให้มาตามนี้เลยค่ะ
มือจับตู้เสื้อผ้าประมาณนี้
ถัดไปเป็นประตูห้องน้ำแบบสำเร็จรูปลายไม้ มือจับเป็นแบบสแตนเลสหัวกลม
บานประตูด้านในห้องน้ำติดตั้งราวแขวนผ้า พร้อม Door Stop มาให้ด้วย
พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องแกรนิตโตสีครีมผิวด้าน มีการลดระดับพื้นห้องน้ำลงเพื่อกันน้ำในห้องน้ำไหลออกมาเปียกลามิเนตในห้องนอน
สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำให้ของ American Standard อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัวรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ท๊อปเคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำยื่นไปเป็น Low wall ที่ผนังด้านหลังโถสุขภัณฑ์ให้สามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้ โดยเมื่อเปรียบเทียบห้องตัวอย่างกับห้องมาตรฐานของจริงให้ดูจะเห็นว่าไม่ได้มีการ Built-in ชั้นวางของด้านบนมาให้นะคะ แต่สำหรับใครที่มีของเยอะๆก็เหมาะกับการมีชั้นวางของแบบนี้แต่แนะนำให้ทำหน้าบานปิดจะได้ดูเรียบร้อย
ซูมหน้าตาสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ดูใกล้ๆ
พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.6 x 0.8 เมตร ขนาดกำลังดี ที่พื้นมีการยกธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลไปสู่ส่วนแห้ง
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้และมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งแสงสว่างกำลังดี
มาดูผังห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ ห้อง 1 Bedroom แบบ A3 ขนาด 33.55 ตารางเมตร เหมาะการอยู่อาศัย 1-2 คน พื้นที่ใช้สอยของห้องนี้ค่อนข้างครบและเป็นสัดส่วนดี เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเราจะเจอกับ Living room ที่จัดฟังก์ชั่นเป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับระเบียงและห้องครัวที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน สามารถ Built-in ฉากกั้นครัวเพื่อทำเป็นครัวปิดเพิ่มได้ ติดกันเป็นห้องนอนที่มี Walk-in Closet และห้องน้ำให้ในตัว
ถัดไปเป็นห้อง 2 Bedroom แบบ A4 ขนาด 66.76 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอโถงขนาดใหญ่ทีประกอบด้วยครัวเปิดที่ Built-in ชุดครัวมาให้เรียบร้อย ข้างๆกันสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง และส่วนนั่งเล่นที่มีโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะวางทีวี ข้างๆกันเป็นระเบียง ดังนั้นจึงสามารถนั่งมองวิวโปร่งๆจากห้องนั่งเล่นได้เลย ติดกันเป็นห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยห้องน้ำนี้สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือจากทางห้องนอนเล็กและห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องนอนใหญ่ที่สามารถวางเตียง King Size ได้สบายๆ ภายในห้องมีระเบียงและมีห้องน้ำในตัวพร้อมพื้นที่ Walk-in Closed เป็นห้องที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน สะดวกสบาย เหมาะกับครอบครัวเล็กหรือผู้อยู่อาศัยประมาณ 3-4 คน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 October, 2016
- 1 Bedroom Type A1_4 ชั้น 3 ห้อง 10 เนื้อที่ 31.08 ตร.ม. ราคา 2,774,696 บาท หรือ 89,276 บาท/ตร.ม. (ส่วนลด 70,000 บาท เหลือ 2,704,696 บาท หรือ 87,024 บาท/ตร.ม.)
- 1 Bedroom Type A1_1 ชั้น 5 ห้อง 4 เนื้อที่ 31.21 ตร.ม. ราคา 3,023,182 บาท หรือ 96,866 บาท/ตร.ม. (ส่วนลด 70,000 บาท เหลือ 2,953,182 บาท หรือ 94,623 บาท/ตร.ม.)
- 1 Bedroom Type A1_1 ชั้น 7 ห้อง 12 เนื้อที่ 31.21 ตร.ม. ราคา 3,092,712 บาท หรือ 99,094 บาท/ตร.ม. (ส่วนลด 70,000 บาท เหลือ 3,022,712 บาท หรือ 96,851 บาท/ตร.ม.)
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ส่งหน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2
- จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 100,000 บาท
- ค่ากองทุน 700 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Dolce อุดมสุข เหมาะกับคนที่ชอบคอนโดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ยอมเขยิบเข้ามาในซอยหน่อยแต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและได้ราคาเบาลงมากว่าคอนโดติดถนนใหญ่ ชอบห้องที่มีฝ้าเพดานสูงและมีพื้นที่เก็บของได้เยอะ สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยไม่ต้องซื้อของเพิ่ม เป็นคนทำงานหรือใช้ชีวิตในย่านบางนา-อุดมสุข เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้ง่าย สามารถเชื่อมต่อถนนสุขุมวิท อุดมสุข บางนา-ตราด และใช้ทางด่วนได้สะดวก ในขณะเดียวกันคนที่ทำงานในเมืองก็สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มายังโครงการได้ เช่น คนที่ทำงานอยู่อโศกก็ใช้เวลาประมาณ 14 นาที หรือคนที่ทำงานอยู่เพลินจิตก็ใช้เวลาประมาณ 18 นาที โดยโครงการมีรถกอล์ฟรับ-ส่งที่หน้าปากซอย ในอนาคตมีห้างใหญ่ชื่อ The Bangkok Mall ในเครือ The Mall ที่กำลังก่อสร้าง อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร จะมาช่วยเพิ่มความสบายและเพิ่มมูลค่าให้โครงการได้อีกเยอะ
ทำเลของโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 ซึ่งสภาพแวดล้อมรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย ตึกแถว มีโรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมป์ใกล้ๆ อาหารการกินในระยะเดินก็จะมีร้านรถเข็นที่มีอยู่ภายในซอย หรือจะมาที่ family Mart หน้าปากซอยก็ได้ ซึ่งความอุดมสมบูรณ์หลักๆจะอิงอยู่บนถนนอุดมสุข ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หลากหลาย มีตลาดอุดมสุข ที่เป็นตลาดใหญ่ให้ซื้อของเข้าห้องได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าก็จะมีอยู่บนเส้นบางนา-ตราด ตั้งแต่เซ็นทรัลบางนาและบิ๊กซี ไปจนถึง Index Livingmall, Lotus, Mega Bangna และ Ikea
การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถเข้า-ออกได้ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนอุดมสุข และถนนบางนา-ตราด สามารถใช้ทางด่วนได้ทั้ง 2 ฝั่งคือทางด่วนบูรพาวิถีและวงแหวนรอบนอก โครงการตั้งอยู่ฝั่งขาออกเมืองไปทางสมุทรปราการใกล้แยกบางนา ที่มี Bitec บางนาอยู่ อยู่ใกล้ Bitec แบบนี้ก็มีดีมีเสียค่ะ คือถ้าวันไหนมีจัดงานใหญ่ๆที่ Bitec หรือรับปริญญา อาจจะมีปัญหาเรื่องรถติดอยู่บ้าง แต่ก็มีการรับปริญญาปีละไม่กี่ครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงไม่บ่อยนัก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ โครงการห่างจาก BTS สถานีอุดมสุขประมาณ 700 เมตร ซึ่งโครงการก็มีรถกอล์ฟรับ-ส่งที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 103/2 ไว้ให้บริการ ช่วยลดระยะเดินไป BTS อุดมสุขได้ เหลือ 300 เมตร นอกจากนี้ยังมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ติดกับรั้วโครงการ ที่ราคาค่าโดยสารไป BTS อุดมสุข 10 บาทเท่านั้น
วัสดุของโครงการให้มาค่อนข้างดีและลงตัวกับพื้นที่ใช้งาน โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และลอยตัว โดยมีจุดเด่นตรงที่ตู้เก็บของต่างๆ อย่างเช่นตู้ครัว ตู้เสื้อผ้า ตู้ใส่เครื่องซักผ้า/ตู้เย็น ที่ Built-in มาให้สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้มีพื้นที่เก็บของในแนวตั้งค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตู้เสื้อผ้าที่มี Puller มาให้ สามารถดึงราวตากผ้าลงมาได้ ถือว่าเป็น Detail พิเศษที่โครงการใส่ใจรายละเอียดดี ส่วนวัสดุอื่นๆอย่างพื้นก็มีการปูกระเบื้องแกรนิตโต้ในส่วนที่เปื้อนได้ง่าย เพื่อจะได้สะดวกในการทำความสะอาดเช่น พื้นครัว พื้นห้องน้ำ และระเบียง ส่วนพื้นห้องนอนและห้องนั่งเล่นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร อุปกรณ์และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ของ American Standard พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอื่นๆก็ให้มาครบทั้งเตียง 5 ฟุต โซฟา และโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว โดยรวมให้มาค่อนข้างครบและใส่ใจรายละเอียดดี
การออกแบบโครงการบนพื้นที่ 3 งานเศษๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ยูนิตพักอาศัยเพียง 79 ยูนิต ถือว่าอยู่กันสบายๆไม่อึดอัด มีลิฟต์ให้มา 2 ตัวที่อัตราส่วน 40 : 1 ถือว่าหนาแน่นตำ่มาก ไม่ต้องเบียดเสียดกันในช่วงเวลาเร่งรีบ จุดเด่นของคอนโด Low Rise แห่งนี้คือตัวที่ดินของโครงการสามารถทำคอนโด 8 ชั้นได้แต่โครงการเลือกที่จะทำ 7 ชั้น และให้ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร แล้วขายแบบ Fully Furnished
โดยห้องพักอาศัยจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ที่มีทั้งหมด 78 ห้อง และมีห้องแบบ 1 Bedroom เพียงห้องเดียวในโครงการ ซึ่งเน้นกลุ่มคนทำงานที่พักอาศัย 1-2 คน ชอบห้องพักอาศัยแบบมีเฟอร์นิเจอร์ครบและลงตัว สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของเข้าห้องเพิ่มอีก และต้องการที่เก็บของเยอะๆ ซึ่งถือว่าโครงการทำการบ้านมาได้ดีในเรื่องการ Built-in เฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้สามารถพักอาศัยได้สบาย และใช้งานพื้นที่แนวตั้งได้คุ้มค่า
Facilities ของโครงการให้มาครบทั้งสระว่ายน้ำ Fitness Lobby+Library แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็สมส่วนสำหรับ 79 ยูนิต ที่สามารถใช้งานกันได้สบายๆ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 90,000 บาท/ตร.ม.,20 October, 2016
- ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยสุขุมวิท 103/2 ห่างจาก BTS อุดมสุขประมาณ 700 เมตร
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สามารถเข้า-ออกได้จากถนนสุขุมวิท อุดมสุข และบางนา-ตราด ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ห่างจากรถไฟฟ้า 700 เมตร มี Shuttle Bus ส่งหน้าซอยสุขุมวิท 103/2 และมีพี่วินอยู่ติดกับรั้วโครงการ
- วัสดุ 7.75/10 –ขายแบบ Fully Furnished ให้วัสดุมาค่อนข้างดี
- แบบ 8/10 – ฟังก์ชั่นห้องครบและลงตัว ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ช่วยให้สามารถใช้งานพื้นที่แนวตั้งได้คุ้มค่า
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบ ความหนาแน่นต่ำ ไม่ต้องแย่งกันใช้
- MAIN CLASS
- 7.46 / 10.00
BOTTOM LINE
Dolce อุดมสุข เหมาะกับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตในย่านบางนา-อุดมสุข ชอบ Product ที่เป็นห้องใหญ่ฝ้าเพดานสูง มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ชอบโครงการที่มี Facilities ครบ แต่ไม่เน้นใช้งานมาก ชอบโครงการที่มีความหนาแน่นต่ำในทำเลที่เงียบสงบ มีงบประมาณระดับ 2.6 – 3.5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,200 – 24,500 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )