รีวิวฉบับที่ 1005 สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้จะพาชมตึกเสร็จของโครงการ Centric Huai Khwang Station กันค่ะ ซึ่งโครงการนี้มีจุดเด่นที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT ห้วยขวาง มีระยะห่างประมาณ 120 ม. ทางเข้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษกเลยค่ะ ถ้าต้องการเรียกแท็กซี่ก็สะดวกสบาย จะเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินก็ไม่เปลี่ยว ตอนนี้ตัวโครงการชั้นล่างๆเริ่มสร้างเสร็จไปแล้ว และจะเสร็จทั้งหมดภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ทันกับมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน ที่จะหมดเขต 28 เมษานี้แล้วนะคะ ไปเจาะลึกรายละเอียดกันเลยค่ะ
สำหรับโครงการนี้ Mr.Oe เคยทำรีวิวเอาไว้ในช่วง Presale นะคะ คลิกที่นี่
Fact @ 2 Febuary 2016
- Centric Huai Khwang Station (เซ็นทริค ห้วยขวาง สเตชั่น)
- บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) – SC Asset
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ห้วยขวาง
- คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 674 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 42 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 287 คันคิดเป็น 42 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-2-91 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2556
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เมษายน 2559
- 1 Bedroom 26.1-39.4 ตร.ม. จำนวน 568 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 49.8-61.3 ตร.ม. จำนวน 95 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.68 ล้านบาท
- Duplex 47.4-88.4 ตร.ม. จำนวน 11 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 8.19 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 141,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด 126,900 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 1749
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.780289, 100.574021
ที่ตั้งของโครงการ Centric Huai Khwang Station ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รัชดาภิเษก ตัวโครงการอยู่ฝั่งขาเข้าเมืองมุ่งหน้าพระราม 9 จึงสามารถเข้าโครงการจากถนนรัชดาภิเษกได้เลย ไม่ต้องเข้าซอยค่ะ มีสถานีรถไฟใต้ดินห้วยขวาง อยู่ห่างจากโครงการ 120 เมตร บริเวณโดยรอบมี Hypermarket อย่าง Big C, Tesco Lotus สาขาพระราม 9 รวมไปถึงโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กม. ค่ะ
ทำเลโครงการตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกช่วงพระราม 9 – ลาดพร้าว ซึ่งถนนรัชดาภิเษกเป็นวงแหวนรอบในของกรุงเทพมหานครที่เชื่อมที่อยู่อาศัยกับย่านแหล่งงานต่างๆไว้ โดยผ่านย่านแหล่งงานอย่าง พระราม 3 อโศกมนตรี เพชรบุรี พระราม 9 ลาดพร้าว วิภาวดีรังสิต ประชาชื่น เชื่อมไปยังย่านที่อยู่อาศัยในเขตบางกรวย ท่าพระ จึงเป็นเส้นทางที่มีผู้ใช้งานเยอะ เส้นนี้จึงเป็นที่รู้กันว่ารถติดขนาดไหน แต่ถ้าใครไม่อยากเจอรถติด ก็ได้มีตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าใต้ดินค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีห้วยขวางค่ะ การเดินไปยังสถานีค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่รัชดาเลย จึงสามารถเดินบนฟุตบาทริมถนนใหญ่ได้เลยค่ะ ไม่ได้ต้องเดินในซอยเปลี่ยวแต่อย่างใด สิ่งที่ต้องระวังในการเดินคือพี่วินที่ชอบขับมอเตอร์ไซค์บนฟุตบาท เดินๆก็ฟังเสียงมอเตอร์ไซค์ด้วยนะคะ ระวังโดนเฉี่ยวค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางได้โดยผ่านถนนรัชดา ถ้าต้องการเข้าเมืองไปยังถนนพระราม 9 ถนนอโศกมนตรี ก็สามารถวิ่งตรงไปได้เลย ส่วนถ้าจะออกนอกเมืองก็ทำได้ไม่ยากโดยใช้เส้นรัชดาภิเษก มากลับรถตรงสี่แยกรัชดาห้วยขวางจากโครงการประมาณ 500 ม. แล้ววิ่งตรงผ่านแยกสุทธิสารก็จะเจอสี่แยกรัชดาลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปห้าแยกลาดพร้าว เลี้ยวขวาไปบางกะปิ หรือจะตรงไปก็ออกถนนพหลโยธิน และวิภาวดีรังสิต ถ้าจะไปรามคำแหง หรือเหม่งจ๋าย ก็วิ่งเข้าซอย รัชดา 14 ได้ ซอยนี้ลัดไปได้หลากหลายนะคะ จะไปลาดพร้าว เลียบทางด่วนรามอินทรา รามคำแหง ทาวน์อินทาวน์ ไปได้หมด หรือถ้าต้องการเดินทางไปบางนาก็สามารถใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยกลับรถตรงสี่แยกรัชดาห้วยขวาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุทธิสารวินิจฉัย เพื่อตัดเข้าถนนวิภาวดีรังสิต ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถขึ้นทางด่วนไปได้สะดวกแล้วค่ะ แต่อย่าลืมเผื่อเวลารถติดในการเดินทางนะคะ
ด้วยทำเลของโครงการนับว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลยค่ะ เนื่องจากเป็นย่านออฟฟิต และมหาวิทยาลัย ทำให้มีคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น คึกคัก จะพบคอนโดมิเนียม และอพาร์ทเม้นท์จำนวนมาก จึงทำให้เกิด Hypermarket และ Shopping Center หลายแห่งเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัย หากชอบบรรยากาศแบบศูนย์การค้า ก็จะมีอย่าง Central พระราม 9, Central ลาดพร้าว เป็นต้น แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดิน ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปนะคะ
หากชอบบรรยากาศแบบตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร แผงลอย ย่านนี้ก็มีอีกเช่นกัน อยู่ในระยะเดินไปได้ แต่ต้องขยันเดินนิดนึง อย่างตลาดห้วยขวางก็เป็นตลาดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในย่านนี้ เพราะเป็นตลาดที่มีสินค้าครบถ้วน ตั้งอยู่บนถนนประชาสงเคราะห์ ถัดจากศาลพระพิฆเนศ ตลาดนี้เปิดช่วงเย็นๆนะคะ มีทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า กินอิ่มแล้วมาช้อปปิ้งเพลินๆตอนกลางคืนก็โอเลยค่ะ ส่วนเวลากลางวันลองเข้ามาที่ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญนะคะ มีร้านขายอาหารจำนวนมากในซอยนี้ ซึ่งวันนี้ก็จะพาเข้าไปดูบรรยากาศในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญกันด้วยค่ะ แต่ก่อนไปเรามารู้จักที่ตั้งโครงการกันก่อนนะคะ
ทำเลที่ตั้งโครงการติดริมถนนใหญ่รัชดา ห่างสถานีห้วยขวาง 120 ม.
การเข้าถึงโครงการถ้ามาโดยรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีห้วยขวางให้ใช้ทางออก 1 ออกจากสถานีมาแล้วหันไปทางขวาจะเห็นยอดตึกของโครงการ Centric เลยค่ะ วันนี้ก็จะเดินตามยอดตึกไปค่ะ ส่วนโครงการด้านข้างที่ติดกับสถานีเลยคือ คอนโด Life รัชดา-ห้วยขวางค่ะ
มองเลยไปอีกฟากของถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญจะเห็นคอนโด Ideo รัชดา-ห้วยขวาง สถานีนี้มีลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ด้วยค่ะ
หัวมุมสี่แยกมีพี่วิน วินขนาดใหญ่ รถสามล้อ และรถสองแถวคอยให้บริการ รถสองแถวมีให้บริการ 2 สายนะคะคือ จากตลาดห้วยขวางไปรามคำแหง และจากห้วยขวางไปโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญค่ะ
ต่อไป..จะพาเดินไปโครงการนะคะ จากสถานีรถไฟใต้ดินห้วยขวาง ฟุตบาททางเดินกว้าง เดินสะดวก ฟุตบาทช่วงหน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน(พื้นที่ที่ไฮไลท์สีแดง) มีเหล็กกั้นไม่ให้พี่วินขับขึ้นมาบนฟุตบาท จึงไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ขับขึ้นมานะคะ
ถัดจากสถานี เป็นโชว์รูม Honda ค่ะ
หน้าโชว์รูม Honda มีพี่วินอีกวินนะคะ อัตราการให้บริการตามนี้เลยค่ะ ถ้าใครจะไปเซ็นทรัลพระราม9 แล้วรีบก็นั่งพี่วินไปได้ สนนราคาอยู่ที่ 50 บาท แต่ถ้ารีบก็นั่ง MRT ไป 2 สถานี ราคา 19 บาท ราคาไม่ต่างกันเท่าไหร่นะคะ
ถึงโครงการแล้วค่ะ ไม่ไกลเลยนะคะ แต่เนื่องจากซอยในละแวกนี้เชื่อมต่อถึงกันหมด ก่อนที่จะเข้าไปดูโครงการ ขอพาไปดูเส้นทางลัดด้านหลังโครงการกันก่อนนะคะ
เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้มีเส้นทางลัดเยอะ เราจะมาดูสรุปเส้นทางลัดด้านหลังโครงการก่อนนะคะ จากโครงการเข้าสู่ถนนรัชดาภิเษก ให้มุ่งหน้าไปทางแยกรัชดา – ห้วยขวาง แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกเพื่อเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ถนนเส้นนี้เองเป็นถนนที่เชื่อมไปยังเส้นทางต่างๆได้มากมาย ดังนี้ จากถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญหากเลี้ยวขวาจะเข้าถนนประชาอุทิศซึ่งสามารถทะลุไปยังถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และถนนพระราม 9 หากเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ 13 ตรงเข้าซอย 20 มิถุนา สามารถทะลุไปยังถนนสุทธิสารวินิจฉัยได้ และจากถนนสุทธิสารวินิจฉัยนี้ยังสามารถทะลุไปยังถนนลาดพร้าวได้ด้วยค่ะ
สำหรับเส้นทางในแผนที่นี้จะพาไปชมบรรยากาศในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญกันนะคะ เส้นสีส้มเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่สามารถวนหาของกินรอบโครงการได้ ส่วนเส้นสีเขียวเป็นทางที่จะพาไปดูเพิ่มอีกนิด เพราะได้ข่าวว่ามีร้านอาหารน่าสนใจอยู่ค่ะ เส้นทางเริ่มต้นจากโครงการ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ แล้ววนออกซอยรัชดา 18 เพื่อกลับมาโครงการนะคะ
ออกจากโครงการตอนเที่ยง รถเริ่มติดที่แยกรัชดา – ห้วยขวาง จะปาดลงอุโมงค์ก็ไม่ได้ เพราะทางเข้าออกโครงการเลยทางลงอุโมงค์ไปแล้ว ทำให้การใช้รถยนต์เข้าออกโครงการต้องติดสัญญาณไฟแดงที่แยกค่ะ ถนนหน้าโครงการเหลือเลนให้รถวิ่งแค่ 2 เลน เลนหนึ่งเป็นเลนกลับรถ จึงเหลือเลนเดียวสำหรับคนที่จะไปทั้งพระราม9, ประชาราษฎร์บำเพ็ญ และประชาสงเคราะห์
สรุปช่องทางจราจรด้านหน้าโครงการให้นะคะ เลนซ้ายสุดสำหรับตรงไป,เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการหรือเลี้ยวขวาไปถนนประชาสงเคราะห์นะคะ เลนถัดไปสำหรับกลับรถ และ 2 เลนทางขวา จะลงอุโมงค์ไปพระราม 9 ค่ะ
ถึงแยกก็เลี้ยวซ้ายที่แยก เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญกันค่ะ
เป็นซอยที่มีร้านค้าขายของชำ ร้านอาหารทั้งข้าว และก๋วยเตี๋ยว คลีนิค โรงแรม อพาร์ทเม้นท์ต่างๆมากมาย และเป็นทางลัดไปถนนประชาอุทิศ ถนนประดิษมนูญธรรม ไปเลียบด่วนรามอินทราได้ค่ะ
ผ่านซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 7 ตรงไปก่อนค่ะ ถ้าเลี้ยวซอยนี้จะเป็นซอยที่ไปทะลุรัชดา 14 ข้าง mansion 7 ได้ค่ะ สองข้างทางที่ผ่านมานี้ก็จะเจอร้านนวดแผนไทย ร้านทำผม ร้านขายยา อีกมากมายนะคะ
ซอยนี้เป็นถนน 3 เลนนะคะ ไป 1 กลับ 2 เลนถนนไม่กว้าง แต่เลนกลางจะมีการเปลี่ยนให้วิ่งไปหรือกลับ แล้วแต่ว่าทางตำรวจต้องการจะระบายรถฝั่งไหนมากกว่ากันค่ะ
สามแยก เลี้ยวซ้ายนะคะ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปถนนประชาอุทิศค่ะ
ผ่าน Lotus Express เตรียมเลี้ยวขวาค่ะ หรือถ้าต้องการกลับโครงการเลยก็สามารถตรงไปได้ค่ะ
ขับตามทางมา จะผ่านไนซ์ แมนชั่นค่ะ
เข้าเขตโรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญแล้ว ขับช้าๆระวังเด็กค่ะ ชิดขวาเตรียมเลี้ยวเข้าซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 24 ค่ะ หรือถ้าต้องการกลับโครงการก็ตรงไปค่ะ
ซอยนี้เป็นซอยที่มีร้านอาหารให้เลือกหลายร้านนะคะ
มีทั้งร้านตึกแถวและร้านรถเข็น ทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้
มีร้านขายข้าว ก๋วยเตี๋ยว ร้านขายยา ที่จอดรถในซอยนี้จะจอดกันข้างทางนะคะ หาที่จอดค่อนข้างยากค่ะ เพราะมีรถมาจอดกันเยอะ
ซึ่งวันนี้เราเลือกมาแล้วค่ะ ร้านสุชินเป็ดย่าง จัดไป 2 จานเลยค่ะ อิอิ
จานที่ 1 หมูกรอบอร่อยมากค่ะ หนังกรอบ มันน้อย… จานที่ 2 เป็ดหนังกรอบอร่อยเหมือนกันค่ะ
หลังจากกินกันเสร็จแล้วเราก็หาทางวนกลับไปโครงการกันต่อนะคะ โดยออกมาจากซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 24 ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อกลับโครงการค่ะ หรือถ้ายังไม่อิ่มก็ขับหาร้านอร่อยต่อไปค่ะ ซอยนี้ร้านอาหารเยอะค่ะ
ขับตามทางมาเรื่อยๆ จะมาออกซอยรัชดา 18 นะคะ ก็เลี้ยวซ้ายออกสู่ถนนรัชดาภิเษกค่ะ
ถนนรัชดาภิเษกช่วงเที่ยงรถยังไม่ติดนะคะ ติดเฉพาะตามสี่แยกค่ะ ถ้าต้องการวิ่งไปพระราม 9 ก็ลงอุโมงค์ได้เลยค่ะ สบายๆ
มาดูรอบๆโครงการกันนะคะ โครงการ Centric Huai Khwang Station นี้จะมีที่ตั้งแตกต่างจากโครงการ Life รัชดา-ห้วยขวาง และโครงการ Ideo รัชดา-ห้วยขวางตรงที่ทั้งสองโครงการนั้นอยู่ติดแยกและใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมากแบบเดินไม่กี่ก้าว แต่ทางเข้าออกโครงการจะอยู่ในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ แต่ที่ตั้งของ Centric Huai Khwang Station ต้องเดินถัดจากสถานีมาหน่อย และอยู่ริมถนนรัชดาภิเษกค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับ Mansion 7 เป็นร้านอาหารและผับบาร์ เปิดในตอนกลางคืน ถัดออกไปหน่อยมีคอนโด Life รัชดาภิเษก สูง 35 และ 36 ชั้น ตั้งบังวิวด้านเหนืออยู่ แต่ไม่ได้อยู่ประชิด
- ทิศตะวันออก ติดกับอพาร์ทเม้นท์ 10 ชั้น (ห่างกับโครงการประมาณ 30 ม.)
- ทิศใต้ ติดกับ โชว์รูม Honda ถัดออกไปมีคอนโดสูงอย่าง Life รัชดา-ห้วยขวาง 22 ชั้น และ Ideo รัชดา-ห้วยขวาง 19 ชั้น
- ทิศตะวันตก ติดกับถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นตึกแถวสูง 4 ชั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Showroom Honda ~ 20 ม.
- ตลาดห้วยขวาง ~ 270 ม.
- อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ ~ 750 ม.
- Big C รัชดาภิเษก ~ 1.4 ม.
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ~ 1.7 กม.
- ตลาดนัดรถไฟรัชดา ~ 2 กม.
- อาคารเอไอเอ แคปปิตอล ~ 1.9 กม.
- อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ~ 2 กม.
- อาคารทรู ทาวเวอร์ ~ 2.2 กม.
- Tesco Lotus รัชดาภิเษก ~ 2.5 กม.
- Central Plaza พระราม9 ~ 2.8 กม.
- ฟอร์จูนทาวน์ ~ 2.8 กม.
- อาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ ~ 2.9 กม.
- โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 3.7 กม.
- โรงพยาบาลพระราม9 ~ 4.1 กม.
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ Centric Huai Khwang Station เป็นคอนโด High Rise 31 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 674 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต บนพื้นที่ 3-2-91 ไร่เศษ รูปทรงอาคารเป็นตัว L หันหน้าโครงการออกถนนรัชดาภิเษก สีของอาคารถูกคุมให้เป็น Earth tone ให้ความรู้สึกเรียบหรู ไม่ฉูดฉาด ตัวอาคารจัดวางแบบเต็มพื้นที่ จะมีเพียงส่วนด้านหน้าอาคารที่ติดกับถนนรัชดาภิเษกที่จะเว้นเป็นพื้นที่สีเขียวมากกว่าด้านอื่นๆ เนื่องจากเป็นด้านที่โดนระยะถอยร่นจากถนนรัชดาตามกฎหมาย เป็นข้อดีที่ทำให้ด้านหน้าโครงการดูกว้างมากขึ้น ชั้นจอดรถจะมี 4 ชั้นมีที่จอดรถทั้งหมด 287 คัน คิดเป็น 42 % สำหรับFacilitiesส่วนกลางจะกระจายตัวกันอยู่ตามชั้นต่างๆ ประกอบด้วยชั้น 1 เป็นชั้น Lobby และห้องจดหมาย ซึ่งมีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็นห้องสมุด ส่วนชั้น 5 จะเป็นมีสระว่ายน้ำ ห้อง Fitness และสวนหย่อมขนาดพอพักผ่อนหย่อนใจได้ ชั้น 18 มีสวนลอยฟ้า เชื่อมไปชั้น 19 มีสวนเล็กๆ มุม Private อีก 2 สวน ปัจจุบันโครงการชั้นล่างๆเริ่มสร้างเสร็จไปแล้ว และจะเสร็จทั้งหมดภายในเดือนเมษายนนี้ค่ะ
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Centric Huai Khwang Station มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนรัชดาภิเษก พื้นที่ดินเป็นรูปตัว L รูปทรงอาคารก็สร้างตามรูปร่างของแปลงที่ดินเช่นกัน โครงการมีอาคารเดียวแต่ความสูงทั้งอาคารไม่เท่ากัน แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่ด้านล่างเป็น Lobby มีความสูง 31 ชั้น ส่วนฝั่งที่ด้านล่างเป็นเป็นที่จอดรถ มีความสูง 21 ชั้น โครงการได้แยกทางเข้าออกของรถยนต์ และคนเดินไว้อย่างชัดเจน ส่วนทางเข้าออกอาคารมีเยอะมากเลยค่ะทั้งหมด 4 จุด เปิดให้เข้าออกปกติ 3 จุด ส่วนอีกจุดหนึ่งเป็นประตูที่จะเปิดใช้งานเฉพาะเวลาฉุกเฉิน ดังนี้ค่ะ
- ทางเข้าอาคารด้านหน้าซึ่งใกล้กับทางเข้าออกของคนเดิน ——————>ใช้ Key Card ในการเข้า
- ทางเข้าอาคารที่ติดกับ Drop-off สำหรับวนรถเพื่อส่งลูกบ้านเข้าอาคาร —>ไม่ต้องใช้ Key Card ในการเข้า
- ทางเข้าจากที่จอดรถ ————————————————————>ใช้ Key Card ในการเข้า
- ทางเข้าจากด้านข้างอาคารทางทิศใต้ —————————————–>เป็นประตูที่จะเปิดในเวลาฉุกเฉินเท่านั้นค่ะ
ภายในอาคารจะมี Lobby 2 ตำแหน่ง เพื่อแจกคนไปยังโถงลิฟท์ด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร ซึ่งลิฟท์ด้านหน้ามีจำนวน 2 ตัวให้บริการชั้น 1-31 และลิฟท์ด้านหลังมีจำนวน 2 ตัวให้บริการชั้น 1-22 อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 169 : 1 ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะนะคะ
ทางเข้าโครงการสำหรับคนเดินเข้า จะค่อยๆถูกยกระดับขึ้นเป็นขั้นๆ เพื่อให้เท่ากับระดับที่ดินในโครงการที่สูงขึ้นจากระดับถนน เพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันน้ำไหลเข้าโครงการได้ในระดับนึงที่ฝนตกหนักและระบายน้ำไม่ทัน ประตูนี้ไม่ต้องใช้ Key Card นะคะสามารถเดินเข้าโครงการได้เลย
ทางเข้าโครงการสำหรับรถยนต์ ก็ถูกยกพื้นสูงขึ้นจากระดับถนนเช่นกัน และตามแผนของโครงการ ทางเข้าจะมีการติดตั้งไม้กระดกและใช้ระบบเข้าออกแบบ Key Card นะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ติดตั้งนะคะ
เมื่อเข้ามาในโครงการรถยนต์จะถูกบังคับให้ตรงไปตามทางเพื่อเข้าสู่ส่วนที่เป็น Drop-Off ส่วนทางเข้าอาคารจากมุมนี้จะมี 2 ตำแหน่งคือ ทางเข้าด้านหน้าซึ่งจะสะดวกสำหรับคนที่นั่ง MRT มาเพราะเป็นทางเข้าที่ใกล้ที่สุด และทางเข้าด้านข้างที่ติดกับ Drop-Off สะดวกในการรับ-ส่ง ลูกบ้านจากรถยนต์ค่ะ
ส่วนนี้เป็นบริเวณหน้า Drop Off ของโครงการ เพื่อใช้รับ-ส่งลูกบ้าน ส่วนที่จอดรถในอาคารจะต้องเลี้ยวซ้ายไปค่ะ
ทางเข้า Lobby ที่ติดกับ Drop-Off ค่ะ
ถนนเพื่อไปยังที่จอดรถภายในอาคารถูกยกสูงขึ้นอีกเพื่อให้เป็นระดับเดียวกับระดับอาคาร ทางเดินรถรอบอาคาร เป็นแบบเดินรถทางเดียวค่ะ การวนรถจะวนขวาทางเดียวนะคะ
ขวามือเป็นทางเข้าลานจอดรถ ถ้าตรงไปจะเป็นทางวนรอบโครงการเพื่อไปที่จอดรถด้านหลังอาคาร หรือไปทางออกค่ะ
ทางเข้าลานจอดรถ เป็นระบบไม้กั้น ผ่านไม้กั้นด้วย Key Card นะคะ
ลานจอดรถ สูงประมาณ 2.3 ม. มีช่องจอดรถ 287 คัน คิดเป็น 42 % ไม่รวมซ้อนคันค่ะ
ทางขึ้นลงที่จอดรถ ต้องระวังนิดนึงนะคะ เนื่องจากทางออกที่จอดรถอยู่ทางขวา ทำให้ทางขึ้นทางลงตัดกันค่ะ
ด้านหลังอาคาร เป็นทางเดินรถรอบโครงการค่ะ ส่วนฝั่งริมกำแพงยังสามารถจอดรถได้ในกรณีที่จอดรถในอาคารเต็มแล้วนะคะ
ด้านข้างของอาคารอีกด้านหนึ่ง ถ้าตรงไปก็จะวนไปเจอด้านหน้าโครงการค่ะ
กลับมาที่ด้านหน้า บริเวณทางคนเดินเข้าโครงการแล้วค่ะ
หันขวามาก็จะเจอทางเข้าอาคาร ที่ใกล้กับประตูคนเดินเข้า สองฝั่งของทางเดินเข้าเป็นร้านค้านะคะ มี 3 ร้านค่ะ ซึ่งร้านค้าตอนนี้ยังไม่เปิดนะคะ มีแผนว่า 2 ร้านอาจจะเป็น 7-11 หรือ Family Mart และอีกร้านเป็นร้านซักอบรีดค่ะ
เดินเข้ามาจะพบประตูทางเข้าอาคารค่ะ ตรงนี้เป็นจุดที่เริ่มใช้ Key Card นะคะ ทางเข้านี้จึงเป็นทางเข้าสำหรับลูกบ้านเท่านั้น ถ้าเป็นแขกของลูกบ้านต้องเข้าทางประตูที่ติดกับ Drop-Off ซึ่งไม่ต้องใช้ Key Card ค่ะ
จากทางเข้าอาคาร ตรงไปเป็น Lobby หลัก นะคะ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นโถงลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังส่วนของห้องพัก ส่วนขวามือจะเป็นบันไดขึ้นไปยังห้องสมุดค่ะ
เราเลี้ยวเข้ามาที่โถงลิฟท์ส่วนแรกกันก่อน ตรงนี้ต้องใช้ Key Card เพื่อเข้าโถงลิฟท์อีกชั้นหนึ่งค่ะ โถงลิฟท์อาคารนี้จะมี 2 ตำแหน่ง ตำแหน่งละ 2 ตัว อีกตำแหน่งหนึ่งจะอยู่ด้านในค่ะ ความแตกต่างคือโถงด้านหน้านี้ให้บริการชั้น 1-31 จำนวน 2 ตัว ส่วนโถงด้านในให้บริการชั้น 1-21 จำนวน 2 ตัว มีอัตราส่วนลิฟท์โดยรวม 169 : 1 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมากในคอนโดระดับเดียวกัน ทำให้ช่วงเวลาเร่งด่วนต้องเผื่อเวลารอลิฟท์กันนิดหนึ่งค่ะ
หน้าตาของโถงลิฟท์ ดูหรูหราดีค่ะ มีCCTV ในโถงลิฟท์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
ถ้าไม่เลี้ยวเข้าโถงลิฟท์ เดินตรงมาจะเข้าสู่ Lobby หลักค่ะ ด้านขวาที่เป็นบันไดคือทางขึ้นห้องสมุดนะคะ เราจะตรงไปดูส่วน Lobby ให้ครบก่อนแล้วค่อยขึ้นไปดูห้องสมุดกันนะคะ
ส่วนของ Lobby จะมีเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อนะคะ และส่วนนี้ก็จะเชื่อมกับประตูทางเข้าจาก Drop-Off เช่นกันค่ะ
บรรยากาศ Lobby ของอาคาร เป็นโถง Double Floor (ฝ้าเพดานสูง) ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง โอ่โถง มีจัดชุดที่นั่งรับแขก ในมุมต่างๆ ไว้รับรองค่ะ ด้านซ้ายมือจะมีห้องจดหมายของลูกบ้านส่วนหนึ่งค่ะ ถ้าตรงไปจะเข้าสู่โถงรับแขกด้านในอีกตำแหน่งหนึ่งค่ะ
ห้องจดหมายของลูกบ้านค่ะ ที่นี่จะมีห้องจดหมาย 2 ห้องนะคะ อีกห้องหนึ่งจะอยู่ใกล้โถงรับแขกด้านในค่ะ
เดินตรงเข้ามา เพื่อเข้าสู่โถงรับแขกด้านใน ตรงจุดนี้มีโมเดลของโครงการวางไว้ให้ดูด้วย
บรรยากาศของโถงรับแขกด้านในค่ะ ขวามือเป็นประตูที่เปิดเฉพาะเวลาฉุกเฉิน ซึ่งปกติจะถูกล็อกไว้ ส่วนซ้ายมือเป็นห้องจดหมายของลูกบ้านอีกห้องหนึ่งค่ะ ถ้าเดินตรงเข้าไปด้านในจะมีประตูเชื่อมกับที่จอดรถนะคะ
เดินผ่านโถงรับแขกเข้ามาด้านในอีกนิด ซ้ายมือเป็นทางเข้าอาคารอีกตำแหน่งหนึ่งซึ่งจะเชื่อมต่อกับที่จอดรถ ส่วนขวามือเป็นสำนักงานนิติบุคคลค่ะ
และด้านในสุดจะมีห้องน้ำแยกหญิง ชาย ไว้รับรองค่ะ
ต่อไปคือห้องจดหมายที่อยู่ฝั่งขวาของโถงรับแขกด้านใน ภายในห้องจดหมายถูกแบ่งตู้ไว้เป็นช่องๆ และด้านซ้ายของห้องจดหมายมีประตูเพื่อเข้าโถงลิฟต์อีกตำแหน่งนะคะ
ประตูเข้าโถงลิฟท์ด้านใน เป็นระบบ access card เช่นกันค่ะ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ผู้ที่ไม่มีบัตรจะขึ้นไปชั้นห้องพักไม่ได้ค่ะ Key Card ที่นี่เป็นแบบล็อกชั้นนะคะ ขึ้นได้เฉพาะชั้นที่อยู่อาศัย และชั้น ส่วนกลางคือชั้น 5 และชั้น 18 ค่ะ
บรรยากาศโถงลิฟท์ด้านใน เราจะพาไปชมชั้น 2 กันต่อเลยค่ะ
ชั้นที่ 2 ส่วนด้านหน้าโครงการเป็นห้องสมุดค่ะ สามารถขึ้นบันได้มาจากชั้นล่าง หรือขึ้นลิฟท์ที่โถงลิฟท์1 มาก็ได้ ด้านในของห้องห้องสมุด จะมีส่วนที่เป็นพื้นที่ระเบียงเงียบสงบ สามารถไปนั่งอ่านหนังสือได้ค่ะ ส่วนพื้นที่ที่เหลือในชั้นจะเป็นที่จอดรถค่ะ
ต่อไปจะพาขึ้นไปชมห้องสมุดที่ชั้น 2 นะคะ
ห้องสมุดเข้าด้วยระบบ Key Card นะคะ
บรรยากาศภายในห้องสมุด เป็นห้องที่มีฝ้าสูง ดูโปร่งโล่ง โครงการเตรียมอุปกรณ์เสริมเป็นที่วาง Laptop เตรียมไว้ให้ในตู้นะคะ
นี่คือหน้าตาของที่วาง Laptop เพื่อป้องกันการวาง Laptop บนตักแล้วร้อนขานะคะ ถ้าไม่ชอบนั่งทำงานบนโต๊ะ ก็สามารถเอาที่วาง Laptop ไปนั่งทำงานในมุมอื่นๆได้ค่ะ
ภายในห้องจัดโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งอ่านหนังสือในมุมต่างๆ ตรงกลางเป็นชั้นวางหนังสือแบบวงกลมสามารถเก็บหนังสือได้เยอะเลยค่ะ
ใต้โต๊ะทำงานมีให้บริการปลั๊กไฟไว้ด้วย สามารถเสียบปลั๊กไฟ เล่น Laptop นั่งทำงานได้สบายเลยค่ะ
ถ้าชอบแบบ Open air ก็ออกมานั่งข้างนอกได้นะ มีส่วนยก Step สำหรับนั่งไว้ให้ค่ะ
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่จอดรถนะคะ และสามารถเข้าอาคารได้โดยใช้ลิฟท์ที่โถงลิฟท์ 2 ค่ะ
ชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่เริ่มมีส่วนของห้องพัก ซึ่งมีห้องพักไม่มากจำนวน 9 ห้อง ทำให้ชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและสามารถเดินเข้าจากที่จอดรถได้เลยไม่ต้องเข้าลิฟท์ค่ะ ห้องพักในชั้นนี้จะอยู่โซนหน้าของตึก เป็นห้องทิศเหนือและใต้ แต่ถ้าเปิดหน้าต่างรับลมในชั้นนี้ อาจจะมีมลภาวะทางอากาศและทางเสียงรบกวนนะคะ เพราะอยู่ด้านหน้าอาคารใกล้ถนนรัชดาค่ะ ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นที่จอดรถค่ะ
ที่ชั้น 5 เป็นชั้นที่มีส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 4 x 38 ม. Fitness และสวนลอยฟ้าของโครงการซึ่งมีขนาดพอจะพักผ่อนหย่อนใจได้ ทางเข้าสระว่ายน้ำอยู่ใกล้โถงลิฟท์ 2 นะคะ ซึ่งตำแหน่งโถงลิฟท์ทั้ง 2 ตัวจะค่อนมาทางด้านล่างทำให้ห่างจากอีกฝั่งพอสมควร ดังนั้นห้องริมทางด้านทิศเหนือจะต้องเดินไกลหน่อยนะคะ ในส่วนของห้องพักบนชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 41 ห้อง การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว L ส่วนห้องพักมี 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอนที่เป็นห้องพักส่วนใหญ่ จำนวน 36 ห้อง และ 2 ห้องนอน จำนวน 5 ห้อง เป็นห้องมุมของอาคารมีทั้งทิศเหนือและทิศใต้
ทางเข้าพื้นที่ส่วนกลางจาก Corridor ค่ะ
เข้ามาในพื้นที่ส่วนกลางจะพบห้อง Fitness และ Sauna อยู่ทางขวามือนะคะ ซึ่งบนห้อง Fitness นี้ยังมีสวนลอยฟ้าอยู่ด้านบนด้วยค่ะ ส่วนสระว่ายน้ำต้องเดินเข้าไปด้านใน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นค่ะ
สระว่ายน้ำ 1 สระ เป็นระบบเกลือ ขนาด 4 x 38 เมตร แคบไปนิด แต่ก็ว่ายได้ยาวๆนะคะ
พื้นที่รอบสระว่ายน้ำถูกออกแบบไว้อย่างละเอียดนะคะ มีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นรอบสระหลายมุมทีเดียวค่ะ
บันไดตรงกลางเป็นทางขึ้นสู่พื้นที่นั่งเล่นริมสระน้ำนะคะ สำหรับลูกบ้านที่มาว่ายน้ำต้องไปล้างตัวที่ด้านในก่อนลงสระ ให้เดินขึ้นบันไดไปค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นห้องพักที่ติดกับสระน้ำ จะถูกกั้นพื้นที่ระหว่างสระว่ายน้ำและห้องพักด้วยไม้พุ่ม ทำให้ห้องพักในส่วนที่ติดกับสระนี้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน ดูจะเหมาะสมกับห้องริมสระนะคะ เนื่องจากไม่มีระเบียง ทำให้ไม่ต้องระวังคนปีนระเบียงเข้าห้องเลยค่ะ
พื้นที่ริมสระ มีขนาดพอเดินสวนกันได้ และมีเก้าอี้ริมสระเตรียมไว้ให้นั่งพักผ่อนค่ะ
พื้นที่ริมสระมี CCTV เพื่อช่วยระวังความปลอดภัยให้ลูกบ้านที่มาใช้บริการสระน้ำกันนะคะ
ล้างตัวก่อนลงสระนะคะ จุดล้างตัวจะดูไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นอพาร์ทเม้นท์ รีบล้างตัวลงสระดีกว่าค่ะ
ด้านข้างที่ล้างตัว มีที่นั่งเล็กๆให้นั่งเล่นข้างสระอีกมุมนะคะ
บรรยากาศสระว่ายน้ำ ร่มรื่นน่าว่ายมากค่ะเพราะมีการออกแบบพื้นที่ริมสระให้เป็นไม้ยืนต้นทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งภายในสระน้ำก็มีการออกแบบเช่นกันให้มีพื้นที่นั่งชิวตามจุดต่างๆหลายจุด ไปชมจุดต่างๆกันค่ะ
ขอบสระเป็นทั้งบันไดทางลง และขอบสำหรับนอนลอยตัวในน้ำได้ ออกแบบไว้ละเอียดมากเลยนะคะ แต่มันติดตรงรู้สึกเหมือนมีสายตาจากอพาร์ทเม้นท์ฝั่งตรงข้ามนี่สิ ถ้าไม่เขินก็ลุยเลยค่ะ
จุดนั่งชิวในสระอีกจุดนะคะ ถ้าไม่ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็มานั่งชิวตามขอบสระได้ค่ะ
สระว่ายน้ำมี 2 ระดับนะคะ ลึก 0.4 เมตร และลึก 1.2 เมตร เอาไว้นอนแช่น้ำและเอาไว้ว่ายน้ำ ตามลำดับค่ะ
เดินกลับมาที่ทางเข้าจะเจอห้อง Fitness เป็นห้องกระจกริมสระค่ะ ทางเข้าต้องเดินขึ้นบันไดไปนะคะ
ซ้ายมือเป็นประตูเข้าห้อง Fitness ถ้าตรงไปเป็นห้องน้ำและห้อง Sauna ถ้าเดินขึ้นบันไดไปเป็นสวนบนหลังคาห้อง Fitness ค่ะ
วิวจากห้อง Fitness ค่ะ มีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 ชิ้น
ทางเข้าห้องน้ำมีตู้ล็อกเกอร์อยู่ด้านหน้าค่ะ
ขนาดล็อกเกอร์พอจะใส่เสื้อผ้า อุปกรณ์เล็กๆน้อยๆได้
ภายในห้องน้ำมีอ่างล้างมือ โถปัสสาวะ ห้องส้วม ห้องอาบน้ำ และห้อง sauna ไว้พร้อมค่ะ มีจำนวนห้องน้ำและห้องอาบน้ำอย่างละห้องค่ะ
บรรยากาศภายในห้องสุขาและห้องอาบน้ำค่ะ
ด้านในสุดมีห้อง Sauna นั่งได้ประมาณ 4-5 คนค่ะ
ออกจากห้องน้ำมาที่ชั้นดาดฟ้า (บนห้อง Fitness) ยังมีสวนลอยฟ้าอีกด้วยนะคะ กลางคืน ขึ้นมารับลม นั่งเล่นจิบไวน์บนนี้ก็ไม่เลวทีเดียว
จากสวนลอยฟ้าจะได้วิวสระว่ายน้ำด้านล่างค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 6-17 ขึ้นไป จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นนะคะ โครงการนี้เก็บรายละเอียดในการออกแบบดีนะคะ หลบประตู 3 แพร่งของห้องพักอาศัยไว้หมดเลย ทิศเหนือและใต้อาจถูกบังวิวบ้างนะคะจากคอนโด Life และ Ideo แต่ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด โดยทิศเหนือจะโดนบังวิวจาก Life ทุกชั้นนะคะ ส่วนทิศใต้จะโดนบังวิวจนถึงชั้น 22 ค่ะ สำหรับทิศตะวันออกตรงหัวมุมด้านบน มีบางส่วนติดกับอพาร์ทเมนต์ 10 ชั้นค่ะ ตึกนี้ระยะประชิดเลย ทำให้เสียวิวและเสีย privacy ด้วยค่ะ ถ้าชอบทิศนี้ ห้องตรงมุมด้านบน จะต้องเลือกห้องที่สูงกว่าชั้น 8 ไว้นะคะ ส่วนทิศตะวันตกไม่มีตึกสูงบังวิวค่ะ แต่เป็นด้านที่ติดถนนรัชดา ถ้าเป็นชั้นล่างๆเวลาเปิดกระจกอาจจะมีเสียงและฝุ่นเข้ามาในห้องพักได้นะคะ
- ชั้น 6-11 จะมีจำนวนห้องทั้งชั้นที่ 42 ห้องต่อชั้น เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 37 ห้อง และแบบ 2 ห้องนอน 5 ห้อง
- ชั้น 12-15 จะมีจำนวนห้องทั้งชั้นที่ 40 ห้องต่อชั้น เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 37 ห้อง และแบบ 2 ห้องนอน 3 ห้อง
- ชั้น 16-17 จะมีจำนวนห้องลดลงมาที่ 31 ห้องต่อชั้น เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 23 ห้อง และแบบ 2 ห้องนอน 8 ห้อง
ที่ชั้น 18 ขึ้นไปเป็นชั้นที่มีการจัดเรียงห้องพักมีทั้งแบบ Double Corridor และแบบ Single Corridor ส่วนที่เป็น Single Corridor จะมีห้องด้านเดียวนะคะ อีกด้านหนึ่งของทางเดินจะเป็นกระจกที่มองออกไปเห็นสวนลอยฟ้า ซึ่งสวนลอยฟ้านี้มีสวนเล็กๆบนชั้น 19 แอบไว้อีก 2 ตำแหน่งค่ะ
สวยลอยฟ้าในชั้น 18 เป็นสวนแนวยาว มีต้นไม้ทั้ง 2 ฝั่งทางเดิน พื้นทางเดินเป็น slope สลับทางเดินตรงนะคะ จึงไม่ใช่เส้นทาง jogging track น่าจะเอาไว้เปลี่ยนบรรยากาศจากในห้องมารับความร่มรื่นจากสวนค่ะ
สวนในชั้น 18 นี้จะไม่เห็นวิวนะคะ เนื่องจากต้นไม้บัง ถ้าต้องการรับวิว ต้องขึ้นบันไดไปชั้น 19 ค่ะ
ทางขึ้นไปรับวิวที่ชั้น 19 มีทางขึ้นทั้ง 2 มุมของสวนนะคะ มุมในภาพนี้เป็นทางขึ้นไปชมวิวฝั่งทิศใต้ของอาคารนะคะ ถ้าอยากเห็นท้องฟ้าโล่งๆ ตึกไม่สูงมากไกลๆ ก็มองไปทางทิศตะวันออกค่ะ
ที่ชั้น 19 การจัดเรียงห้องเหมือนแบบชั้น 18 เลยค่ะ ต่างกันตรงที่ไม่มีสวนลอยฟ้าแนวยาวแล้วนะคะ จะเหลือสวนลอยฟ้าสองสวนเล็ก เป็นสวนส่วนกลางที่สูงที่สุดในอาคารแล้วนะคะ ขึ้นมาชมวิวบนนี้ก็ได้ ได้ Privacy ดีค่ะ แต่ถ้าจะมาดูวิวต้องขึ้นมาจากชั้น 18 นะคะ
ที่ชั้น 20-21 มีการจัดผังคล้ายกับชั้น 18-19 นะคะคือมีทางเดินแบบ Single Corridor ความแตกต่างคือเป็นชั้นที่มีห้อง Duplex จำนวน 11 ห้อง จากจำนวนห้องในชั้นนี้ทั้งหมด 22 ห้อง ส่วนชั้น 21 ผังเหมือนชั้น 20 เลยค่ะเพราะเป็นห้อง Duplex กับชั้น 20 แต่จำนวนห้องลดลงเหลือ 21 ห้องคะ วิวชั้นนี้เปิดโล่ง แต่ทิศเหนือและใต้ยังเจอ Life บังวิวเช่นเคยค่ะ
ที่ชั้น 22 เหลือเพื่อนร่วมชั้นเพียง 9 ห้องเท่านั้น จึงเป็นชั้นที่มี Privacy สูงมากค่ะ เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 7 ห้อง และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้อง (ห้องมุม) นะคะ ห้องชั้น 22-31 จะเหลือลิฟท์แค่ 2 ตัวที่โถงลิฟท์ 1 เท่านั้นนะคะที่ขึ้นมาถึง 
ที่ชั้น 23-25 ผังเหมือนกับชั้น 22 เลยนะคะ ลิฟท์เหลือ 2 ตัวโดยขึ้นที่โถงลิฟท์ 1 ตำแหน่งเดียวเหมือนกัน ส่วนวิวทางทิศใต้พ้นคอนโด Life และ Ideo แล้วนะคะ
ที่ชั้น 26-28 ผังเหมือนกับชั้น 23-25 เลยนะคะ แต่เหลือห้องพักอยู่ 7 ห้องค่ะ เป็นแบบ 1 ห้องนอน 5 ห้อง และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องค่ะ
ที่ชั้น 29-31 ผังเหมือนชั้น 26-28 เลยค่ะ แต่ห้องพักจะเหลือ 5 ห้องเท่านั้น เป็นแบบ 1 ห้องนอน 3 ห้อง และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องค่ะ ต่อไปจะพาขึ้นมาชมวิวและอาคารรอบๆโครงการกันค่ะ
ทิศเหนือ จะเห็นอาคารที่ติดกันคือ Mansion 7 อาคารรอบๆส่วนใหญ่เป็นอาคารที่มีความสูงไม่เกิน 10 ชั้น ที่เห็นจะโดดเด่นมาก ตั้งตระหง่านบังวิวอยู่ก็คืออาคาร Life@ รัชดา ซึ่งมีความสูง 35 และ 36 ชั้นค่ะ รูปนี้ถ่ายจากสวนที่ชั้น 18 นะคะ
ทิศตะวันออก ก็เช่นกันค่ะสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นอาคารส่วนใหญ่สูงไม่เกิน 10 ชั้น ส่วนอาคารที่เห็นอยู่ใกล้ที่สุดนี้คือ อพาร์ทเม้นท์ 10 ชั้นที่อยู่ประชิดกับโครงการ ถ้าวิวไกลๆก็โล่งๆค่ะ
อยากให้เห็นระยะห่างกันนิดหนึ่งค่ะ ด้านขวามือ คืออพาร์ทเม้นท์ 10 ชั้นที่อยู่ประชิดโครงการ ห่างกันเพียงถนนซอยกั้น ระยะประมาณ 30 ม.ค่ะ จากรูป ห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกในมุมนี้ก็จะไม่ได้รับวิวที่โปร่ง รวมถึงจะเสีย Privacy ค่ะ
ทิศใต้ มีตึกที่บังวิว 2 ตึกเลยค่ะ คือ Life และ Ideo ทั้ง 2 ตึกสูง 22 ชั้นและ 19 ชั้น ตามลำดับ ถ้าต้องการให้วิวพ้นทั้ง 2 ตึกนี้ก็ต้องเลือกชั้น 23 ขึ้นไปนะคะ
ทิศตะวันตก ไม่มีตึกสูงบังวิวในระยะประชิดค่ะ เพราะติดกับถนนรัชดา ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถว 4 ชั้น แม้จะไม่มีตึกสูงบังวิว แต่หากเปิดหน้าต่างอาจได้รับมลภาวะฝุ่นและเสียงจากถนนได้นะคะ ถ้าชอบวิวนี้ก็ต้องเลือกห้องที่สูงขึ้นมาหน่อยนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- ร้านค้า 3 ร้าน
- Steam
- Library
- สวนรอบโครงการที่ชั้น 5 ชั้น 18 และ 19
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 38 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.4 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 5 x 8 เมตร ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัวต่ออาคาร อัตราส่วนลิฟท์โดยรวม 169 : 1 ให้บริการชั้น 1-21 = 2 ตัว และให้บริการชั้น 1-31=2 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 287 คันคิดเป็น 42 % รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 55 %
- ระบบ CCTV / Access Card
- ระบบสัญญาณ Wireless ที่โถง Lobby ชั้น 1
Product Walkthrough
ห้องตัวอย่างมี 3 ห้องนะคะ คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 26 และ 31 ตร.ม. ส่วนแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 48 ตร.ม.ขึ้นไป วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างแบบ 31 และ 57 ตร.ม.นะคะ
แบบ 1 ห้องนอน size นี้จะขนาดคร่าวๆประมาณ 31.7-32 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น และ 1 ห้องครัว ระยะพื้นถึงฝ้าในห้องสูง 2.6 ม.นะคะ จะดูโปร่งกว่าห้องทั่วไปอยู่หน่อย ทำให้ภาพห้องที่เก็บมาฝากกันนี้จะเป็นภาพแนวตั้งมากนิดนึงนะคะ การขายเป็นการขายแบบ fully furnish พร้อมติดตั้งแอร์ค่ะ ผังห้องแบบนี้แปลกตรงไม่มีระเบียงค่ะ ถ้าเทียบกับคอนโดย่านนี้ ในระดับราคาใกล้ๆกัน ส่วนใหญ่จะมีระเบียงนะคะ แต่ก็มีข้อดีที่จะได้พื้นที่ใช้สอยในห้องเพิ่มขึ้นแทน หน้าต่างมีขนาดไม่เต็มผนัง เพราะผนังครึ่งหนึ่งถูกเอาไปบังพื้นที่คอมเพรสเซอร์แอร์ อาจจะทำให้ห้องดูอึดอัดไปนิด เพราะได้รับแสงธรรมชาติน้อยค่ะ การออกแบบที่ไม่เหมือนโครงการอื่นคือมีช่องสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์โดยเฉพาะ (ส่วนใหญ่จะรวมกับพื้นที่ระเบียง) ซึ่งอยู่ด้านนอกระหว่างห้องนอนและห้องครัว (Pantry) โดยมีบานหน้าต่างเปิดให้ออกไปดูแลรักษาคอมเพรสเซอร์แอร์ค่ะ
รูปแบบประตูหน้าห้อง ขนาดกว้าง 0.9ม. สูง 2.2 ม. เป็นบานประตูไม้อัดยางกรุลามิเนตด้านหน้าและด้านหลังค่ะ ที่เปิดประตูไม่ได้เป็น Digital Door Lock แต่เป็นแบบคันโยกใหญ่และแข็งแรงดี มี Door Stopper ติดไว้ให้ที่พื้นเรียบร้อย ไม่ต้องกลัวเปิดประตูชนตู้ค่ะ ด้านหน้าห้องมีป้ายบอกเลขห้องไว้เรียบร้อยด้วยดีไซน์ Modern ค่ะ
เปิดประตูเข้ามาเจอส่วนนั่งเล่น มองเลยไปห้องกระจกเป็นห้องครัว ขวามือเป็นห้องนอนค่ะ
มองกลับไปยังหน้าห้อง กำแพงห้องทาสีขาวสะอาดตา มีชั้นวางทีวี ตู้เก็บของ built-in ไว้ให้ ระยะดูทีวีประมาณ 1.8 ม. ค่ะ ใส่ทีวีขนาด 40 นิ้วก็พอแล้ว
ข้างโซฟาทั้ง 2 ข้าง มีพื้นที่เหลือให้สำหรับวางโต๊ะ หรือตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ จะเลื่อนโซฟาไปชิดข้างใดข้างหนึ่งแล้วหาโต๊ะทำงานมาตั้งก็เพิ่มส่วนใช้งานในห้องได้อีก หรือซื้อโซฟาตัวยาวขึ้นมาวางแทนก็ดีไม่น้อยเลย ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวามีเดินปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้แล้วนะคะ
หน้าตาปลั๊กไฟ ก็ปกตินะคะ ยี่ห้อ Siemens ค่ะ
ส่วนของชั้นวางทีวีทั้งหมด ติดกับประตูทางเข้าห้องนอนนะคะ ซึ่ง Built-in เต็มพื้นที่ดีค่ะ ตัวตู้เค้าออกแบบพื้นที่ด้านล่างให้โล่งไว้สามารถเอาไว้เก็บรองเท้าได้นะคะ
ตู้ใต้ชั้นวางทีวีเป็นลิ้นชัก 2 ตู้ ไม่มี Soft Close ปิดเบาๆนะคะ ส่วนตู้ที่ติดกับประตูเป็นตู้ใส่รองเท้าค่ะ ใส่ได้ประมาณ 6 คู่ค่ะ ถ้าไม่พอก็อาจทำตู้ฝั่งเดียวกับโซฟาเพิ่มก็ได้ค่ะ
ตู้ลอยด้านบนเป็นตู้ใส่ Breaker ไฟ
ต่อไปเป็นห้องครัวนะคะ จะถูกกั้นแยกกับส่วนนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ค่ะ
เป็นประตูไม่มีที่ล็อกนะคะ แค่ไว้กันควัน กันกลิ่นเข้าห้องนั่งเล่นเท่านั้นค่ะ
รางประตูสูงขึ้นมาจากพื้น เวลาเดินระวังสะดุดนะคะ
การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว ชุดครัวแบบตัว I นะคะคือจัดเป็นเส้นตรงทางเดียว ฝั่งตรงจข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะขนาดนี้ถ้าทานพร้อมกัน 2 คน พอจะวางกับข้าวได้สัก 2 อย่าง เวลาเลือกซื้อจานเข้าคอนโดก็อย่าเลือกจานแบบปีกกว้างมานะคะ มันจะกินที่ค่ะ
พื้นที่โดยรอบโต๊ะอาหารที่เหลือพอให้เดินได้ทีละคน แต่ห้องแบบนี้อยู่กันไม่เกิน 2 คน ก็พอดีๆค่ะ
ต่อไปมาดูฝั่งเคาน์เตอร์ครัวกันนะคะ เริ่มกันที่ด้านซ้ายสุดเป็นที่วางตู้เย็น ตู้เย็นที่จัดให้ดูเป็นตู้ขนาด 7.5 คิวนะคะ แต่ก็ยังเหลือพื้นที่ 2 ฝั่งตู้เย็น หมายความว่าถ้าต้องการตู้เย็นที่ใหญ่กว่านี้ก็สามารถขยายได้ แต่ต้องลองวัดพื้นที่กันให้แน่นอนค่ะเดี๋ยวจะวางไม่ได้
ถัดจากตู้เย็นมา เป็นเคาน์เตอร์ครัวแบ่งออกเป็น 3 ช่อง ช่องแรกเป็นเตา ถัดมาเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร และสุดท้ายเป็นซิ้งค์ล้างจานค่ะ การจัดวางลำดับแปลกๆนิดหน่อยนะ น่าจะจัดตามลำดับของการทำครัว คือล้าง เตรียม และปรุงอาหาร Top ของชุดครัวเป็นหินสังเคราะห์ด้านล่างเป็นลิ้นชัก 2 ตู้ และชั้นวางไมโครเวฟ มีช่องใส่เครื่องซักผ้า อย่างที่จัดไว้ให้ดูขนาด 7.5 กิโล ถ้าเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีระบบซักแห้งก็ดีนะคะ เพราะห้องแบบนี้ไม่มีระเบียงค่ะ ทำให้ไม่มีที่ตากผ้า ตู้ถัดไปเป็นตู้เก็บของใต้ซิ้งค์ล้างจานแบบบานเปิด ตู้ทั้งหมดไม่เป็น soft close นะคะ เปิดปิดต้องเบามือค่ะ
เตาไฟฟ้าที่ให้เป็นของ Teka หรือเทียบเท่านะคะ มีทั้ง Hob & Hood นะคะ เครื่องดูดควันเป็นระบบดูดควันไปด้านนอก ทำให้กลิ่นและควันไม่วนเวียนอยู่ในห้องค่ะ
ซิ้งค์ล้างจานขนาดตามในรูปนะคะ ขนาดพอจะล้างหม้อ ล้างกระทะ ใบไม่ใหญ่มากได้พอสมควร ซิ้งค์ล้างจานเป็นหลุมที่มีความลึกกว่าตัวหม้อพอสมควร ทำให้เวลาล้างน้ำไม่ค่อยกระเด็นเลอะเทอะค่ะ ก็อกน้ำพร้อมอ่างล้างจานของ Teka หรือเทียบเท่านะคะ
ข้อดีของชุดครัวนี้คือ มีพื้นที่ให้วางของเพิ่มด้านหลังซิ้งค์ได้อีกค่ะ รวมถึงมีปลั๊กไฟเดินไว้ให้ ก็สามารถใช้เสียบกาน้ำร้อน หรือเครื่องชงกาแฟได้สะดวกค่ะ
มาดูตู้ด้านบนกันบ้าง เป็นตู้เปิด 2 ตู้ และตู้วางของแบบไม่มีบานปิด 1 ตู้
หน้าต่างห้องครัวมีมาให้ชุดนึงเป็นบานติดตายผสมกับบางกระทุ้ง หน้าต่างบานที่เปิดได้มีเพียงบานบนขวาบานเดียวนะคะ
ระยะที่เปิดได้ประมาณนี้นะคะ พอลมเข้าได้ แต่คนมุดเข้าไม่ได้ค่ะ
มีขอบยาง seal ไว้เรียบร้อยนะคะ กันเสียงเข้าได้ดีค่ะ
ด้านข้างๆกระจกมีประตูเล็กๆ สำหรับเข้าไปดูแลรักษาคอมเพรสเซอร์แอร์ ตัวประตูเป็นบานกระจกแบบฝ้าขุ่น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวแก่ลูกบ้านมากขึ้นค่ะ
มือจับขนาดพอดีมือดีค่ะ
เปิดประตูออกมาจะเจอคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 ตัว สำหรับแบบ 1 ห้องนอน ตรงกลางทำราวตากผ้าไว้
ขนาดของราวตากผ้าไม่ใหญ่ค่ะ ประมาณ 30 เซนติเมตรเท่านั้น
ขอบประตูปิดส่วนของทีวางคอมเพรสเซอร์แอร์ จะมีขอบยาง seal ไว้ ซึ่งก็ใช้กันเสียงได้ดี เมื่อปิดประตูก็ไม่ได้ยินเสียงคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำงานเลย
ดาวไลท์ในห้องครัวให้มา 2 ดวง ซึงเพียงพอกับห้องครัวขนาดนี้นะคะ และได้ติดตั้งเครื่องจับความร้อน และควัน รวมถึง Sprinkler ดับเพลิง ไว้ในห้องด้วย
ต่อไปมาดูห้องนอนกันค่ะ เริ่มจากบานประตูเป็นบาน HDF ซึ่งคุณภาพดีกว่าประตูไม้อัด สามารถทนความชื้นได้ดี แต่ก็สู้ไม้จริงไม่ได้นะคะ หน้าบานทำสีขาวธรรมดาไม่ได้ปิดผิวเป็นลายไม้ มีขนาด 0.8 x 2 ม. ส่วนลูกบิดประตูหน้าตาบ้านๆธรรมดา
ระหว่างพื้นห้องนั่งเล่นและพื้นห้องนอน เป็นระดับเดียวกันนะคะ จบขอบด้วยตัวจบสำเร็จรูปเพื่อแบ่งโซนห้องชัดเจนดีค่ะ
ภายในห้องนอนเตียงที่จัดไว้ขนาด Queen size ซึ่งยังเหลือที่รอบๆเตียงให้สามารถเดินได้
ปลายเตียง เหลือพื้นที่น้อยเกินไปที่จะตั้งตู้วางทีวี ต้องติดเป็นทีวีแขวนผนัง
ระยะรอบเตียงฝั่งติดหน้าต่าง พอที่จะเดินเข้าไปเปิดปิดม่านได้เท่านั้น
ด้านล่างเตียงมี function ลิ้นชักเก็บของ แนะนำว่าอย่าเก็บของหนักเพราะลิ้นชักจะเปิดออกยาก
ถ้าต้องการเก็บพวกหนังสือ จะมีชั้นวางของแอบไว้หลังหัวเตียง ซึ่งถ้าไม่ได้หาโต๊ะหัวเตียงมาตั้งแทนโคมไฟในมุมนี้ ก็สามารถใช้ตู้หลังหัวเตียง เป็นที่วางโทรศัพท์ได้ ซึ่งก็มีปลั๊กไฟเดินสายมารอไว้แล้ว
หน้าต่างในห้องนอนขนาดไม่ใหญ่ ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ระดับราคานี้ จะให้หน้าต่างเต็มผนังห้องนอน เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องนอนได้ มีบานเปิดได้ 1 บานเป็นบานกระทุ้ง เหมือนหน้าต่างในห้องครัวนะคะ
หันกลับมายังอีกฝั่งหนึ่งของห้องนอน ตรงข้ามกับประตูทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นตู้บานเปิด 2 ฝั่ง บานหนึ่งเป็นกระจกเงา ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และใช้ในการส่องดูความเรียบร้อยในการแต่งตัว มีมุมว่างๆเล็กๆหน้าห้องน้ำ พอจะซื้อโต๊ะเครื่องแป้งมาตั้ง หรือทำเป็นราวแขวนผ้าเช็ดตัวก็ยังได้
ภายในตู้เสื้อผ้า เก็บรายละเอียดค่อนข้างดี คือมีทั้งราวแขวนเสื้อ ราวแขวนกางเกง และราวสำหรับแขวนชุดเดรสยาว หรือชุดสูทยาวแบบนักสืบ มีลิ้นชักเก็บของ 2 ชั้นที่ด้านล่าง และชั้นวางของด้านบน บานพับตู้เสื้อผ้าไม่มี soft close นะคะ เปิดปิดระวังอีกเช่นเคย
แอร์ที่ติดให้เป็นแอร์ติดผนัง ยี่ห้อ Daikin หรือเทียบเท่า ซึ่งจะติดให้ในห้องนอนและห้องนั่งเล่นนะคะ
ดาวไลท์ในห้องนอนจำนวน 3 ดวงค่ะ พร้อมเครื่องตรวจจับความร้อนและควัน รวมถึงมีระบบ Sprinkler ด้วยค่ะ
ถัดไปเป็นห้องน้ำนะคะ บานประตูเป็นวัสดุ HDF เช่นเดียวกับประตูห้องนอน มีขนาด 0.7 x 2 ม. เป็นประตูบานทึบทั้งบาน ไม่มีช่องเปิดระบายอากาศนะคะ ลูกบิดหน้าตาบ้านๆธรรมดาเหมือนของประตูห้องนอนค่ะ
พื้นห้องน้ำและห้องนอนแยกจากกันอย่างชัดเจน ด้วยธรณีประตูที่ยกพื้นขึ้นมา กันไม่ให้น้ำจากในห้องน้ำไหลเข้าห้องนอนนะคะ ซึ่งจุดเป็นส่วนที่ทำได้ดีค่ะ ถ้าหากกั้นไว้ไม่ดีจะทำให้เกิดปัญหาพื้นไม้ลามิเนตในห้องนอนบวมได้นะคะ
ภายในห้องน้ำจัดสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้าไว้เรียบร้อยนะคะ
อ่างล้างหน้าของ Cotto ขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่ค่อยลึกค่ะ เวลาล้างหน้าน้ำกระเด็นแน่ค่ะ ลองหาพรมเช็ดเท้ามาวางที่พื้นเพื่อไม่ให้พื้นเปียกนะ ด้านข้างอ่างล้างหน้าพอจะมีพื้นที่เหลือให้วางของใช้ โฟมล้างหน้าบนตู้ได้
ผนังข้างขวาอ่างล้างหน้ามีติดตั้งปลั๊กไฟไว้นะคะ มีฝาปิดเรียบร้อยเพื่อกันน้ำเข้าจะเป็นอันตรายได้ ปลั๊กไฟในห้องน้ำนี้ไว้ใช้สำหรับเสียบที่โกนหนวดไฟฟ้า หรือไดร์เป่าผมก็ได้ค่ะ
ตู้ใต้อ่างของ Cotto หรือเทียบเท่านะคะ วัสดุเป็นไม้MDF ใช้ไปนานๆความชื้นอาจทำให้ตู้บวมได้นะคะ ตู้เป็นแบบบานเปิด 2 ฝั่งและต้องปิดเบาๆอีกเช่นเคยค่ะ ตรงนี้ก็เก็บผ้าชิ้นเล็กๆได้เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมบำรุงด้วยนะคะ
สุขภัณฑ์ของ Cotto แบบ 2 ชิ้น ขนาดไม่ใหญ่ พื้นที่ระหว่างเคาน์เตอร์กับกำแพงพอนั่งได้อยู่ไม่ถึงกับอึดอัดค่ะ มาพร้อมอุปกรณ์ประกอบครบเซ็ทนะคะ ได้แก่ แกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำของ VRH หรือเทียบเท่า และที่ฉีดน้ำ หน้าตาปกติธรรมดานะคะ
พื้นและผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ทำให้ทำความสะอาดง่ายนะคะ และยังมีพื้นที่ว่างตรงหัวมุมห้องพอจะวางตู้วางพวกตะกร้าผ้าภายในห้องน้ำได้
ภายในห้องน้ำแยกโซนเปียกและแห้งไว้ ด้วยฉากกั้นอาบน้ำค่ะ
ฉากกั้นเป็นฉาก 3 บานนะคะ ซึ่งมีข้อดีที่เวลาเปิดสุดจะสามารถเปิดได้กว้างกว่าแบบ 2 บานค่ะ
ฝักบัวติดผนังไว้ให้ พร้อมจัดเตรียมระบบเพื่อการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ขนาดไม่เกิน 3,500 W ไว้มุมบนขวา
ขนาดของฝักบัว ถือได้ขนาดถนัดมือดี แต่หัวฝักบัวไม่ใหญ่ค่ะ ข้างๆกันคือที่เปิดฝักบัว ขนาดถนัดมือดีเช่นกันค่ะ
พัดลมระบายอากาศของ Panasonic หรือเทียบเท่า ถูกติดตั้งไว้ให้ เนื่องจากห้องน้ำแบบนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศค่ะ ไฟในห้องห้องน้ำก็เป็นดาวไลท์อีกเช่นกันค่ะ
ส่วนห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอน มีพื้นที่ห้องขนาด 57.6 – 58 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่นซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับโซนกินข้าวและระเบียง ทุกห้องถูกกั้นเป็นสัดส่วนทำให้โดยรวมดูดีติดที่ระเบียงจะมีขนาดเล็กสักหน่อย ห้องนี้ถึงจะเป็นห้องหัวมุมหน้ากว้างทำให้ได้ช่องแสงเยอะกว่าห้องทั่วไป แต่จะไม่ได้เน้นแบบบรรยากาศแบบห้องโล่งๆเพราะ มีส่วนครัวและห้องน้ำคั่นตรงกลาง ห้องน้ำที่อยู่ติดห้องนั่งเล่นจะไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ
จากประตูห้องเปิดเข้ามาจะพบส่วนของ Living นะคะ มีโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้าไปเป็นชุดโซฟา สำหรับนั่งเล่น ดูทีวีค่ะ
มองกลับไปยังประตูจะพบว่าส่วนด้านหน้าห้องเป็นส่วนทานข้าว และอีกมุมหนึ่งหน้าประตูเป็นตู้ Built-in ไว้สำหรับเก็บรองเท้า และเก็บของต่างๆ
นี่คือ ตู้ที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้นะคะ ตู้ด้านล่างเป็นตู้รองเท้าน่าจะทำตู้มาให้เต็มผนังเลยนะคะเสียดายพื้นที่ใช้สอยที่น่าจะใช้ได้เต็มพื้นที่ ส่วนด้านบนมีชั้นวางของติดผนังอีก 2 ชั้น และตู้ลอยด้านบนที่ใส่ Breaker ไฟไว้ค่ะ
พื้นที่รอบโต๊ะทานข้าว เหลือพื้นที่ไว้พอสมควรเลยค่ะ ทำให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งทานข้าวได้อย่างสบายๆ แถมยังสามารถวางตู้หนังสือหรือชั้นวางของเพิ่มก็ได้ หรือใครอยากจะทำตู้เก็บของแบบ Built-in ก็ได้นะคะ
ชุดโซฟานั่งเล่น มีระยะดูทีวีประมาณ 2.5 เมตร ใส่ทีวีขนาดพอเหมาะที่ 52 นิ้วค่ะ
ชั้นวางทีวี Built-in ตรงนี้เล็กมากค่ะ ถ้าเทียบกับขนาดของผนัง ถือว่าให้ตู้มาเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับคอนโดในย่านนี้ ซึ่งลูกบ้านก็สามารถไปหาตู้มาตั้งเพิ่ม ตามรูปแบบและ function ที่ถูกใจได้เลยค่ะ
โซฟาเป็นโซฟาผ้านะคะ หนานุ่มดีค่ะ ซึ่งพื้นที่ข้างโซฟายังเหลือนะคะ จะเปลี่ยนเป็นโซฟาใหญ่ขึ้น หรือซื้อโต๊ะข้างโซฟาก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
ระเบียงของห้อง จะอยู่ด้านข้างห้องนั่งเล่นค่ะ ประตูเป็นบานเลื่อนกระจกเพื่อรับแสงธรรมชาติค่ะ
ตัวล็อกบานเลื่อนเป็นแบบฝังมากับบานประตูนะคะ ถ้าห้องพักอยู่ชั้นไม่สูงหรืออยู่ติดพื้นที่ส่วนกลาง แนะนำติดตัวล็อกแบบก้นหอยเพิ่ม ก็ทำให้ปลอดภัยขึ้นค่ะ ส่วนขอบประตูเก็บงานละเอียดดีค่ะ มีขอบสักหลาดดักฝุ่นและแมลงที่จะเล็ดลอดเข้าขอบประตูมาด้วย
พื้นระหว่างภายในห้องพัก และระเบียง ถูกกั้นด้วยธรณีประตู ยกสูงเพื่อกันน้ำนะคะ
พื้นระเบียงด้านนอกปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ทำให้ดูแลรักษาง่าย เพราะเป็นพื้นที่ที่อาจเปียกน้ำค่ะ
ขนาดระเบียงไม่กว้างเท่าไหร่นะคะ กว้างประมาณ 80 ซม. สามารถตากผ้าได้ 1 ราวเล็กๆ
ด้านข้างของระเบียงเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์นะคะ แบบห้อง 2 ห้องนอน มีแอร์ 3 ตัวค่ะ ทางเข้าสำหรับดูแลรักษาคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ได้เข้าจากทางระเบียงนะคะ ต้องเข้าจากทางห้องครัว เหมือนแบบ 1 ห้องนอนค่ะ
มองกลับไปยังมุมประตูนะคะ ส่วน Living จะเป็นส่วนที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แยกได้เป็นส่วนทานข้าว และส่วนนั่งเล่น ซึ่งส่วนนี้ติดกับระเบียง ทำให้ได้รับแสงจากนอกอาคารและเห็นวิวด้านนอกนะคะ ส่วนทางแยกด้านซ้ายมือ เป็นโถงที่จะเชื่อมห้องต่างๆ ซึ่งไว้อธิบายต่อไปค่ะ
มาต่อกันที่โถงทางเดินที่เชื่อมห้องต่างๆภายในนะคะ ซ้ายมือห้องแรกเป็นห้องครัว ถัดไปจากห้องครัวเป็นห้องนอนใหญ่ มีห้องน้ำในตัวค่ะ ส่วนห้องที่อยู่ตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก ซึ่งต้องใช้ห้องน้ำกับส่วนกลางนะคะ และห้องทางขวามือเป็นห้องน้ำค่ะ ทุกห้องมีประตูปิดแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนนะคะ
มาดูห้องครัวก่อนค่ะ ประตูเป็นบานเลื่อนกระจก วัสดุเหมือนแบบ 1 ห้องนอนเลยค่ะ
พื้นแยกระหว่างโถงกับห้องครัว ถูกกั้นชัดเจนด้วยรางประตูบานเลื่อน ประตูไม่ได้กว้างมาก ถ้าเดินปกติก็สบายๆ แต่ถ้าถือของในมือแล้วรีบเดินเลี้ยวไปห้องนั่งเล่นอาจจะชนกับบานประตูนะคะ
การจัดวางผังของเคาน์เตอร์ครัว เหมือนกับแบบ 1 ห้องนอนเลยค่ะ ต่างกันที่ขนาดของห้องครัว แบบนี้จะไม่ได้มีโต๊ะทานข้าวภายในห้องครัวทำให้สามารถใช้พื้นที่ในการทำครัวได้สะดวกกว่า
อุปกรณ์ที่ให้และขนาด counter เหมือนแบบ 1 ห้องนอน ต่างกันที่ไม่มีที่วางของด้านหลังซิงค์ล้างจานแล้วค่ะ
ตู้ลอยด้านบนมีขนาดและจำนวนเหมือนกัน รวมทั้งระบบดูดอากาศก็เป็นแบบระบายออกด้านนอกเหมือนกัน
หน้าต่างภายในห้องครัวมีขนาดเล็กทำให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องครัวน้อย อาจต้องเปิดไฟช่วยถ้าแสงไม่พอนะคะ ส่วนตัวบานเป็นแบบติดตายผสมกับบางกระทุ้งสามารถเปิดบานบนได้เพียงบานเดียว ซึ่งช่วยในการระบายกลิ่นออกจากห้องครัว ลักษณะบานที่เปิดได้เป็นบานกระทุ้งซึ่งเหมาะสำหรับตึกสูงคือช่องที่เปิดได้ไม่กว้างมากทำให้ไม่ต้องกลัวพลัดตกจากอาคารค่ะ
บรรยากาศห้องน้ำส่วนกลางของแบบ 2 ห้องนอน ขนาดไม่เล็กจนเกินไป และสามารถติดกระจกได้เต็มผนังซึ่งจะช่วยให้ห้องน้ำดูใหญ่ขึ้นไม่อึกอัดค่ะ
มีแยกส่วนเปียกแห้งภายในห้องน้ำ ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ส่วนอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมือนแบบ 1 ห้องนอน
มาชมห้องนอนเล็กกันค่ะ ใส่ได้แค่เตียงเดี่ยว และตู้เสื้อผ้านะคะ
พื้นที่ระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้า ไม่เหลือให้ตั้งอะไรเพิ่มนะคะ เว้นไว้สำหรับเปิดตู้เสื้อผ้าค่ะ ส่วนปลายเตียงก็ไม่สามารถติดตั้งชั้นวางทีวีได้ ต้องใช้ทีวีแบบแขวนเท่านั้นค่ะ
พื้นที่ระหว่างเตียงกับหน้าต่าง มีขนาดที่ตั้งโต๊ะหัวเตียงได้ และพอเดินเข้าไปเปิดปิดม่านได้ค่ะ
หน้าต่างขนาดครึ่งหนึ่งของผนังห้องเท่านั้นนะคะ ทำให้ได้แสงธรรมชาติน้อยค่ะ
ให้เห็นภาพอีกซักมุมนะคะ ไล่ตั้งแต่หน้าต่าง โต๊ะหัวเตียง เตียงนอนเดี่ยว พื้นที่ข้างเตียงสำหรับเปิดตู้เสื้อผ้า แต่ตู้เสื้อผ้า ก็เต็มแล้วค่ะ
ต่อมาจะพามาชมห้องนอนใหญ่เป็นห้องสุดท้ายกันค่ะ เข้ามาจะเจอห้องน้ำก่อนนะคะ ถ้าเดินเข้าไปถึงจะเป็นส่วนของเตียงนอนค่ะ
การจัดวางห้องมีการแบ่งส่วนเปียกแห้งด้วยฉากกั้น และสุขภัณฑ์เหมือนห้องน้ำในแบบ 1 ห้องนอนเลยนะคะ แต่ห้องนี้จะพิเศษที่มีหน้าต่างระบายอากาศนะคะ
หน้าต่างจะติดอยู่กับฝักบัวอาบน้ำเลย ถ้ารู้สึกว่า Sexy เกินไปก็ติดม่าน หรือสติ๊กเกอร์แบบฝ้าติดกระจกก็ดีค่ะ
พื้นแยกส่วนเปียกแห้งด้วยการก่อคอนกรีตขึ้นมา ปิดหน้าด้วยกระเบื้องเซรามิค และวางฉากกั้นอาบน้ำบนธรณีอีกทีซึ่งมีข้อดีคือถ้าระบายน้ำไม่ทันน้ำก็ไม่ล้นออกมาด้านนอกง่ายๆค่ะ
ด้านในห้องนอนมีพื้นที่ข้างเตียงที่พอจะวางโต๊ะเขียนหนังสือได้ อย่างในห้องตัวอย่างความกว้างของโต๊ะประมาณ 40 เซนติเมตร แต่ถ้าอยากวางโต๊ะลึก 60 ซม.พร้อมเก้าอี้ทำงานก็ยังพอได้อยู่นะคะแต่บรรยากาศจะแน่นๆหน่อย หรือจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมที่นั่งแบบสตูลก็ได้ค่ะ ถัดเข้าไปจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ค่ะ
เตียงนอนจัดไว้ให้ขนาด Queen size นะคะ
ปลายเตียงมีระยะไม่พอตั้งตู้วางทีวีนะคะ ต้องใช้แบบติดผนังค่ะ
ระยะข้างเตียงฝั่งริมหน้าต่างพอเดินเข้าออกได้ซึ่งจะตั้งโต๊ะหัวเตียงตัวเล็กๆก็ได้ แต่ทางโครงการก็ได้ Built-in หัวเตียงให้มีชั้นวางของไว้แล้วด้วยค่ะ
ชั้นวางของบนหัวเตียง เป็นชั้นวางของ 4 ชั้นไม่มีฝาปิดนะคะ สามารถใช้แทนโต๊ะหัวเตียงได้ค่ะ
หน้าต่างในห้องนอนเป็น Bay Window ทำให้มีช่องให้ดูวิวทิวทัศน์ได้กว้างขึ้นนะคะ แต่เสียดายบานไม่ใหญ่เต็มผนังทำให้แสงจากภายนอกเข้ามาได้น้อย โดยมีบานที่เปิดได้บานเดียวเป็นแบบบานกระทุ้งซึ่งก็เหมือนหน้าต่างในห้องอื่นๆค่ะ
ตู้เสื้อผ้าเหมือนในห้องนอนเล็กเลยค่ะ ส่วนมุมข้างตู้เสื้อผ้านั้นไม่สามารถวางอะไรลงไปได้นะคะเพราะเป็นระยะสำหรับเปิดประตูตู้ไม่อย่างนั้นจะเปิดประตูตู้ไม่ได้ค่ะ
เปิดประตูตู้มาก็เต็มพื้นที่พอดีค่ะ ภายในตู้เสื้อผ้าก็เป็นแบบเดียวกับตู้ภายในแบบ 1 ห้องนอนนะคะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 2 February 2016
- 2 Bedroom ชั้น 4 ห้อง 042B34 เนื้อที่ 59.44 ตร.ม. (ห้องมุม) ราคา 7.546 ล้านบาท หรือ 126,952 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom ชั้น 6 ห้อง 062B19 เนื้อที่ 49.76 ตร.ม. (ห้องมุม) ราคา 6.678 ล้านบาท หรือ 134,204 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom ชั้น 19 ห้อง 192B34 เนื้อที่ 59.44 ตร.ม. (ห้องมุม) ราคา 8.663 ล้านบาท หรือ 145,744 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 5 ห้อง 051B17 เนื้อที่ 32.68 ตร.ม. ราคา 4.524 ล้านบาท หรือ 138,433 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 5 ห้อง 051B37 เนื้อที่ 32.00 ตร.ม. ราคา 4.375 ล้านบาท หรือ 136,719 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 5 ห้อง 051B06 เนื้อที่ 32.00 ตร.ม. (ห้องติดสระว่ายน้ำ) ราคา 4.710 ล้านบาท หรือ 147,188 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 6 ห้อง 061B09 เนื้อที่ 32.00 ตร.ม. (ห้องวิวสระว่ายน้ำ) ราคา 4.726 ล้านบาท หรือ 147,688 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 6 ห้อง 061B29 เนื้อที่ 32.25 ตร.ม. ราคา 4.219 ล้านบาท หรือ 130,822 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 6 ห้อง 061B31 เนื้อที่ 32.07 ตร.ม. ราคา 4.305 ล้านบาท หรือ 134,238 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 20 ห้อง 201B18 เนื้อที่ 27.67 ตร.ม. (ห้องมุม) ราคา 4.051 ล้านบาท หรือ 146,404 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 20 ห้อง 201B39 เนื้อที่ 33.30 ตร.ม. (ห้องมุม) ราคา 4.978 ล้านบาท หรือ 149,489 บาท/ตร.ม.
- Duplex ชั้น 20 ห้อง 201B29 เนื้อที่ 59.29 ตร.ม. ราคา 8.185 ล้านบาท หรือ 138,050 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished เข้าอยู่ได้เลย พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood ระบบระบายอากาศสู่ภายนอก
- จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท สำหรับห้อง 1 Bedroom
- จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 100,000 บาท สำหรับห้อง 2 Bedroom
- ปัจจุบันโครงการสร้างแล้วเสร็จ พร้อมโอนฯ
- ค่ากองทุน 550 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
- ส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท โปรโมชั่นนี้ ถึง 29 ก.พ. 59
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Centric Huai Khwang Station ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่รัชดา ใกล้แยกห้วยขวางนะคะ เป็นย่านที่มีทั้งออฟฟิต และอพาร์ทเม้นท์จำนวนมาก จึงมีความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการ ตอนกลางวันก็จะมีร้านขายของกินเยอะในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ ตอนเย็นมีตลาดห้วยขวาง ซึ่งมีร้านอาหาร ร้านขายของมากมายแต่ต้องขยันเดินนิดหนึ่ง ถ้าชอบแนวศูนย์การค้า หรือ Hypermarket ก็มีใกล้ๆ อยู่ในเส้นรัชดา อย่างเซ็นทรัลพระราม 9 เอสพลานาด Big C เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่จะต้องขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไป ไม่ได้อยู่ในระยะเดินค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์สะดวกมากเพราะใกล้สถานีห้วยขวาง ในระยะที่เดินได้สบาย เพียง 120 ม. อีกทั้งอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้เดินกลับคอนโดตอนกลางคืนก็ไม่เปลี่ยว เพราะไม่ต้องเข้าซอย สำหรับรถสาธารณะก็มีให้เลือกมากมายจะโบก Taxi หน้าโครงการก็หาไม่ยากเพราะติดถนนใหญ่ Taxi ผ่านเยอะ สำหรับป้ายรถเมล์ก็ให้เดินย้อนไปทางลาดพร้าวหน่อย ตรงแยกห้วยขวางก็มีทั้งรถกะป๊อ รถสองแถว และพี่วินคอยให้บริการอยู่
ส่วนการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว มีระยะในการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญในเมืองไม่ไกล หรือหากต้องการออกนอกเมืองไปขึ้นทางด่วนก็ไปขึ้นตรงดินแดงได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีซอย ทางลัดในย่านนี้อยู่มากไม่ว่าจะไปทะลุลาดพร้าว เลียบด่วนรามอินทราหรือพระราม9 ก็ได้หมด ที่น่าเสียดายคือการจราจรบนถนนรัชดาติดขัดทั้งเช้าและเย็น และที่ตั้งโครงการอยู่เลยทางลงอุโมงค์มาแล้ว ไปไหนมาไหนจึงต้องติดไฟแดงที่แยกตลอด
โครงการนี้ตั้งราคาขายอยู่ในระดับ high class นะคะ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 141,000 ตร.ม. ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อนช่วงที่เปิดตัวถือว่าให้มาน้อยไปแต่พอมาเทียบกับราคา ณ ปัจจุบันแล้วถือว่าให้มากลางๆนะคะ แต่ก็ต้องบอกอีกว่าราคาแบบนี้ยังมีตัวเลือกให้เลือกอีกเยอะพอสมควรเลยค่ะ พื้นได้เป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. พื้นส่วนครัวเป็นหินสังเคราะห์ ผนังได้เป็นฉาบเรียบทาสี ฝ้าสูง 2.6 ม. ตรงนี้ถือว่าได้ห้องที่โปร่งกว่าปกติหน่อย ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทั้ง เตียงนอน ตู้เสื้อผ้าทุกห้องนอน ตู้รองเท้า ชั้นวางทีวี โต๊ะรับประทานอาหาร ชุดครัว Hob & Hood และ Sink ล้างจานของ Teka สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Cotto
การออกแบบ ตัวโครงการเป็นรูปตัว L สร้างเต็มที่ดินโครงการ 3-2-91 ไร่ ห้องพักส่วนใหญ่ของอาคารเป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 26-31 ตารางเมตร ทำให้จำนวนห้องต่อชั้นค่อนข้างมากถึง 42 ชั้นต่อห้องหลายชั้นทีเดียว มีลิฟท์เพียง 4 ตัว ที่อัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ย 169:1 จากจำนวนยูนิตทั้งหมด 674 ยูนิตและสูงสุดที่ 42 ยูนิตต่อ 1 ชั้น ซึ่งถือว่ามีอัตราส่วนลิฟท์ที่หนาแน่นมากทีเดียวนะคะ ความหนาแน่นระดับนี้มีข้อดีที่ทำให้ราคาห้องดูน่าสนใจคือราคาอยู่ที่ 3 ล้านกว่า ในทำเลดีแบบนี้ค่ะ การออกแบบผังส่วนกลางค่อนข้างจะใส่ใจรายละเอียด เช่น ผังชั้นล่างจะมีทางเข้าได้หลายทางแต่ก็สะดวกสำหรับผู้อยู่อาศัยจริง ส่วนผังชั้นที่อยู่อาศัยบางชั้นจะได้ทางเดินแบบ Single Corridor ด้วย (มีห้องพักด้านเดียว)
การออกแบบ ภายในห้องพักทำออกมาได้แปลกดีในแบบ 1 ห้องนอน คือพื้นที่สามารถใช้สอยได้จริงทุกห้องแต่ไม่มีระเบียงมาให้ในบางแบบ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้อยู่อาศัยว่าในชีวิตประจำวันจำเป็นต้องมีระเบียงรึเปล่า บางแบบที่มีระเบียง ก็มีขนาดเล็กพอตากผ้าได้นิดเดียว จึงไม่เหมาะกับลูกบ้านที่ใช้คอนโดเป็นที่อยู่อาศัยหลัก จะเหมาะกับผู้ที่มีบ้านแล้วนำเสื้อผ้ากลับไปซักในวันเสาร์อาทิตย์ เข้ามาอยู่ในเมืองในช่วงวันทำงาน ถ้าใช้เป็นที่อยู่หลักแล้วไม่มีระเบียงคงจะลำบากเพราะไม่มีที่ตากผ้า จะต้องใช้ร้านซักรีดตลอดค่ะ
สุดท้ายคือเรื่องของส่วนกลางที่จัดมาให้ค่อนข้างหลากหลาย คือ ชั้น 2 มีห้องสมุด ชั้น 5 มีสระว่ายน้ำ Fitness สวนลอยฟ้า รวมถึงมีสวนที่ชั้น 18และ 19 ด้วย ฟังก์ชันต่างๆของส่วนกลางก็มีเล็กบ้างใหญ่บ้างเคล้ากันไป แต่จำนวนที่เยอะและมีฟังก์ชันหลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้มาก เช่น ห้องสมุดใหญ่โตโอ่โถง ที่มีปลั๊กไฟให้บริการสำหรับนั่งทำงานได้สะดวก แต่สระว่ายน้ำ Fitness จะมีขนาดเล็กไปหน่อยถ้าเทียบกับจำนวนห้องของลูกบ้านที่มีจำนวนมากขนาดนี้นะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 141,000 บาท/ตร.ม., 2 Feb 2016
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลดีค่ะ แต่ราคาระดับนี้ยังมีตัวเลือกเยอะอยู่นะคะ
- เดินทางด้วยรถ 7.0/10 – การเดินทางสะดวก แต่รถค่อนข้างติดและที่จอดรถให้มาน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – สะดวกค่ะ ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเดินได้สบายๆ
- วัสดุ 6.75/10 – มีการพัฒนาในบางจุดให้ดีขึ้น
- แบบ 7.0/10 – พื้นที่ในห้องต่างๆสามารถใช้งานได้จริง ตัดคะแนนตรงไม่มีพื้นที่ระเบียง และช่องแสงค่อนข้างน้อยค่ะ
- สาธารณูปโภค 6.75/10 – ให้มาหลากหลายฟังก์ชันและหลายตำแหน่ง แต่ขนาดยังค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- HIGH CLASS
- 7.19 / 10.00
BOTTOM LINE
Centric Huai Khwang Station เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพร้อมเข้าอยู่ในเมืองย่านรัชดา ทำงานในที่ที่ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก ไม่ต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่มากและไม่จำเป็นต้องใช้ระเบียง ใช้เพื่ออยู่อาศัยในเมืองในช่วงวันทำงาน และจะกลับบ้านในวันหยุด ยอมจ่ายแพงเพื่อได้ของ Brand name มีงบประมาณระดับ 3 ล้านปลายๆ ถึง 8 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 26,000 – 58,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )
