รีวิวฉบับที่ 1692 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมตึกเสร็จของแสนสิริตัวนึงที่มีชื่อว่า เดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 กัน โครงการนี้เป็นตึกสูงที่อยู่ติดถนนพระรามเก้าเลย ใกล้หัวมุมสี่แยกรามคำแหง – พระรามเก้า และใกล้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์สถานีรามคำแหงเพียง 700 เมตร หรือจะขับรถไปโซนทองหล่อ เอกมัยก็สะดวกประมาณ 4 กม. ตัวโครงการเป็น High Rise ที่เน้นพื้นที่สีเขียว และมีส่วนกลางที่ทำออกมาสวยงามเลยค่ะ เราไปติดตามกันดีกว่าค่ะว่าโครงการนี้เมื่อสร้างเสร็จเเล้วจะออกมาเป็นอย่างไรกัน
Fact @ 27 September 2018
- เดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 (THE BASE Garden – Rama 9)
- บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางกะปิ แขวงหัวหมาก
- คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 639 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 4 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 254 คัน หรือประมาณ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-2-39 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : September 2016
- ปัจจุบันสร้างเสร็จเเล้ว
- 1 Bedroom 26.5 – 34.75 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 49.75 – 55 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ120,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1685
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.746599, 100.606064
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
เดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 ตั้งอยู่ติดถนนพระราม 9 ใกล้กับแยกรามคำแหง และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีรามคำแหงประมาณ 700 ม. ซึ่งสามารถใช้เดินทางเข้าเมืองไปยัง BTS พญาไทหรือออกเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ บนถนนพระราม 9 ที่ใกล้กับโครงการก็จะมี Community Mall อย่าง The Nine พระราม 9 ตั้งอยู่ และถ้าเลยไปยังถนนรามคำแหง เส้นนี้ก็จะมีความอุดมสมบูรณ์อย่าง Foodland และเดอะมอลล์รามอยู่ใกล้ๆกับโครงการค่ะ
ก่อนหน้านี้เราเคยทำรีวิวทำเลของโครงการนี้ไปเเล้ว สามารถเข้าไปอ่าน รีวิวพาชมทำเล The Base Garden พระราม 9 : “คลิกที่นี่” และสามารถเข้าไปอ่าน รีวิวห้องตัวอย่าง The Base Garden พระราม 9 : “คลิกที่นี่”
ในรีวิวนี้เราอยากจะอัพเดทสภาพเเวดล้อมโดยรอบให้เล็กน้อยนะคะ สำหรับคนที่อยู่เเถวรามคำแหงช่วงนี้ก็จะต้องอดทนรถติดหน่อย เนื่องจากเเถวนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางการก่อสร้างเเนวรถไฟฟ้าสายสีส้มที่กำลังก่อสร้างอยู่เลยค่ะ ดังนั้นบนถนนรามคำแหงก็จะมีการปิดถนนบางเลนเป็นช่วงๆไปตลอดทั้งเส้นเลย หรือถ้าเป็นตอนกลางคืน บริเวณหน้า Foodland ก็จะปิดถนนไปจนเหลือฝั่งละ 1 เลนเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ก็หลีกเลี่ยงก็ดีนะคะ
ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการ เนื่องมาจากการแผนการสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอีกนั่นเเหละค่ะ ทำให้จากที่เราเคยรีวิวมาว่าบริเวณรามคำแหงตอนต้น จะมีห้างสรรพสินค้าเเละโรงภาพยนตร์อย่าง เดอะมอลล์ 2,3 และเมเจอร์ รามคำแหงอยู่ แต่ในปัจจุบัน เดอะมอลล์ 2 ฝั่งขาเข้า ได้ปิดทุบทิ้งเตรียมสร้างใหม่เรียบร้อยเเล้วนะคะ เป็นการสร้างใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมให้เจริญทัดเทียมรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คร่าวๆว่าสถานีจะอยู่หน้าห้างกันเลย ส่วนเมเจอร์ รามคำแหงนั้น ก็ได้ปิดให้บริการไปก่อนหน้านั้นเเล้ว ดังนั้นในตอนนี้ ช่วงรามคำแหงตอนต้น ความอุดมสมบูรณ์ก็จะมีอยู่ฝั่งขาออก คือ Foodland ข้างๆ Foodland จะมี KFC Drive Thru เปิด 24 ชม. และเดอะมอลล์ 3 ที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ ถ้าเลยมาหน่อยก็จะมี Hyper Market อย่าง Big-C และโรงหนัง Major Hollywood (ที่เน้นหนังMass พากษ์ไทยค่ะ)
ส่วนเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นบริเวณนี้นะคะ หลักๆที่อยู่ใกล้กับโครงการเราเลยก็จะเป็นรถไฟฟ้า Airport Link ที่ใช้เดินทางเชื่อมต่อจากตัวเมืองอย่างพญาไท ไปสู่สุวรรณภูมิ โดยจะห่างจากโครงการเราประมาณ 700 เมตร ส่วนในอนาคตนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ้งเป็นสายที่จะเชื่อมกรุงเทพจากฝั่งตะวันออกไปสู่ฝั่งตะวันตก คือจากมีนบุรีไปยังตลิ่งชันเลยค่ะ สถานีที่ใกล้กับโครงการเราที่สุดก็จะเป็นสถานีรามคำแหง 12 ที่อยู่หน้าเดอะมอลล์รามคำแหงเลย โดยรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้จะไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอีกทีที่สถานีลำสาลี ซึ่งสายสีเหลืองนี้จะเป็นสายที่ใช้เดินทางจากลาดพร้าวไปยังสำโรงได้ค่ะ คาดว่าเมื่อสร้างเสร็จก็จะช่วยบรรเทาระยะเวลาการเดินทางต่างๆของคนเเถวนี้ไปอีกเยอะเลยนะคะ
เรามาลองดูสภาพเเวดล้อมรอบๆโครงการในปัจจุบันกันดีกว่านะคะ
- ทิศเหนือ เป็นถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นถนนใหญ่ที่ติดกับทางเข้าโครงการเลย เเละจะมีเส้นทางด่วนศรีรัชที่ลอยอยู่บนถนนพระราม 9 พอดี ส่วนฝั่งตรงข้ามถนนไปก็จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise Metris พระราม 9 – รามคำแหงค่ะ
- ทิศตะวันออก ที่ติดโครงการเลยจะเป็นมัสยิดนูรุ้ลอิบาดะห์ ถัดไปเป็นผืนที่ดินเปล่าของคนอื่นที่ดูจากรูปแปลงและขนาดสามารถขึ้นตึกสูงได้เหมือนกันค่ะ
- ทิศใต้ เป็นชุมชุนอยู่อาศัยและคลองเขมร
- ทิศตะวันตก ที่ติดกันจะเป็น Show Room รถ Porsche ชื่อว่า 911 Assistant ค่ะ
ทิศตะวันออก ติดกับมัสยิดนูรุ้ลอิบาดะห์ มีซอยเล็กๆเป็นทางเข้ามัสยิดอีกทีค่ะ
ทิศตะวันตก ติดกับ Show Room รถ 911 Assistant
ทิศเหนือ หน้าโครงการเเสนสิริได้ปรับทัศนียภาพด้วยการทำเป็นสวนหินและพื้นที่สีเขียวก่อนเข้าโครงการ
มองจากถนนพระราม 9 เข้าไป ตัวอาคารก็จะถูก Set Back เข้าไประดับนึง ไม่ได้ติดกับถนนโดยตรงค่ะ
สี่แยกรามคำแหงตัดกับถนนพระราม 9 มีทางด่วนศรีรัชตัดผ่านด้านบน สี่เเยกนี้มีทางม้าลายสามารถรอสัญญาณจราจรเพื่อเดินข้ามไปได้ค่ะ แต่มักไม่ค่อยเห็นคนเดินข้ามเท่าไหร่นักค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- สภาสถาปนิก ~ 200 ม.
- Foodland ~ 500 ม.
- KFC ~ 550 ม.
- ARL รามคำแหง + A Link ~ 700 ม.
- UM Tower ~ 700 ม.
- โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ~ 740 ม.
- The Mall รามฯ ~ 820 ม.
- Big C ~ 1.3 กม.
- Major Hollywood ~ 1.55 กม.
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 1.6 กม.
- โรงเรียนสาธิตรามคำแหง ~ 1.9 กม.
- สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ~ 2.6 กม.
- The Nine พระราม 9 ~ 2.8 กม.
- โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 3.2 กม.
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 3.4 กม.
- RCA ~ 3.7 กม.
- Show DC ~ 3.8 กม.
- The Commons ทองหล่อ ~ 3.8 กม.
- J-Avenue ~ 3.9 กม.
โครงการ เดอะ เบส การ์เด้น – พระราม9 เป็นโครงการประเภท High Rise สูง 36 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ประกอบไปด้วยห้องทั้งหมด 639 ยูนิต กับอีก 1 ร้านค้า บนพื้นที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ โครงการนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด Garden Of Creation หรือ สวนพักผ่อน โดยเราจะเห็นได้ชัดจากสวนหน้าโครงการและ Facility ที่รวมกันเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ค่ะ โดยพื้นที่ส่วนกลางจะประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Kid’s pool, Fitness, Tree House, Lawn , Lobby, Multi-purpose area, และ pocket garden โดยพื้นที่ชั้น 2-4 จะถูกวางไว้ให้เป็นพื้นที่จอดรถ ส่วนชั้น 5 เป็นต้นไปจนถึงชั้น 36 จะเป็นพื้นที่ชั้นพักอาศัยค่ะ ถ้าเราดูภายนอกอาคาร เราจะเห็นห้องบางยูนิตที่ยื่นออกมาจากระนาบอาคารนะคะ แปลว่าจะมีห้องบางยูนิตและบางชั้นที่ Random เป็นห้องที่ได้หน้าต่างเเบบ Bay Window ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายของโครงการนี้เลยค่ะ
จากผังรวมของโครงการเราจะเห็นได้ว่าโครงการของเราจะมีทางเข้า-ออกติดกับถนนพระราม 9 เลย โดยจะสร้างบรรยากาศและมุมมองทางเข้าบ้านให้ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น ทางเข้าออกของโครงการนั้นจะมีทางเดียว รถวิ่งสวนกันเป็น Two way ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปทั่วทั้งโครงการค่ะ พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ของส่วนกลางเเละที่จอดรถ โดยจะมีส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนสแยกออกมาจากตัวอาคารหลัก ตั้งอยู่ด้านหน้า ส่วนภายในอาคารจะเป็นพื้นที่ประเภท Lobby , Multi Purpose Area เป็นต้น ในโครงการ เดอะเบส การ์เด้น พระราม 9 นี้ จะมีบริการพิเศษเพิ่มเติมที่มีชื่อว่า Smart Move และ iBOX ให้มาด้วย (เดี๋ยวเราจะอธิบายละเอียดๆต่อไปนะคะ) การใช้งานพื้นที่ส่วนกลางและเข้าไปโถงลิฟต์จะต้องใช้ Keycard เพื่อเข้าถึงเท่านั้น เป็นการสร้างความเป็นส่วนตัวและช่วยเรื่องการรักษาความปลอดภัยอีกขั้นนึงให้กับลูกบ้านค่ะ
พื้นที่ชั้นล่างหลักๆจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการเเละพื้นที่จอดรถค่ะ โดยโครงการนี้มีที่จอดรถชั้นล่าง 129 คัน และที่จอดรถบนอาคารชั้น 2-4 อีก 125 คัน รวมเป็น 254 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 40% และมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง พนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. กล้อง CCTV ตามจุดต่างๆทั่วอาคาร เดี๋ยวเราจะพาไปดูโครงการจริงกันเลยดีกว่าค่ะ
ด้านหน้าทางเข้าโครงการเป็นพื้นที่ของ กพท. ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาทางด่วนศรีรัชฝั่งเข้าเมือง ตัวโครงการจริงจะอยู่ลึกเข้าไปประมาณ 30 เมตร แต่ทางแสนสิริได้ขออนุญาตทาง กพท. ช่วยออกแบบเเละตกแต่งภูมิทัศน์ทางเข้าโครงการ ให้กลายเป็นสวนย่อมๆ ทำให้คนขับรถผ่านหรือเดินผ่านไปผ่านมามีทัศนียภาพที่สวยงาม และช่วยส่งเสริมทางเข้าโครงการเเสนสิริ ให้ดูร่มรื่น สมกับคอนเซ็ปต์ Garden ของโครงการนี้อีกด้วยค่ะ
จากสวนด้านหน้าที่จัดตกแต่งไว้เเล้ว ทางขวามือจะเป็นทางเข้าโครงการค่ะ ตัวโครงการนี้มีทางเข้า – ออกอยู่ทางเดียวนะคะ บริเวณทางเข้าจะใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Key Card Access โดยมีไม้กั้นกระดกและรปภ.คอย Control รถเข้าออกอยู่ทางด้านหน้า ส่วนป้อม รปภ.จะอยู่ทางขวามือค่ะ ตัวรั้วด้านหน้าโครงการตรงนี้มีชื่อเรียกด้วยค่ะ เรียกว่า The Windy Wall คือจะมีการบิดแผงประดับไปเป็นจังหวะ สลับวัสดุด้วยกระจกเงาบางส่วน ทำให้เกิดการสะท้อนธรรมชาติไปมา สร้าง Movement หรือการเคลื่อนไหว เหมือนมีลมพัดผ่านหน้าโครงการค่ะ
ส่วนทางซ้ายมือของทางเข้าจะมีประตูเข้า-ออกสำหรับคนเดินเท้าอยู่เช่นกัน โดยจะต้องใช้ Key Card Access เช่นกันนะคะ
บริเวณทางเข้าโครงการจะใช้ Key Card Access และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บริเวณทางเข้าค่ะ
ตรงเข้ามาเราจะเจอกับส่วนที่เป็น Drop Off อยู่ทางซ้ายมือนะคะ ตรงนี้จะไม่มีหลังคาปกคลุม ส่วนทางเดินเท้าก็จะตรงเข้ามาจากหน้าโครงการเลย และมีมุมนั่งพักผ่อนอยู่ใกล้ๆกับส่วน Drop Off ค่ะ
ข้างๆกับส่วน Drop Off จะมีรั้วกั้นส่วน Facilities ของโครงการกับส่วนที่เป็น Public Space อยู่ รั้วนี้จะปิดตายนะคะ หากต้องการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางต้องเข้าจากด้านในอาคารเท่านั้นค่ะ
ในส่วนของ Lobby หลักจะอยู่หัวมุมของอาคารตรงนี้เลย แต่เดี๋ยวเราจะพาไปดูรอบๆอาคารเเละที่จอดรถก่อนนะคะ แล้วถึงจะไปดูพื้นที่ส่วนกลางกัน
สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง จะมีที่จอดรถบนอาคารทั้งหมด 4 ชั้น และที่จอดรถชั้นล่าง (Ground Floor)อยู่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร อัตราส่วนที่จอดรถจะอยู่ที่ประมาณ 40% หรือ 254 คัน(ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
จากทางเข้าตรงเข้ามาทางขวามือก่อนจะถึงทางเข้าที่จอดรถชั้น 1 จะมีพื้นที่ส่วนของ “Smart Move” และ EV Charger ไว้ให้ ส่วนของ EV Charger นั้นสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้จุดละ 2 คัน โดยระยะเวลาในการชาร์จทางโครงการจะให้ 2-3 ชม.ต่อคัน ตรงนี้จะมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ โดยก่อนการใช้เราก็จะเอา Keycard ของเราไปแตะที่ตัวเครื่องก่อน เพื่อบันทึกเลขที่ Unit ที่มาให้บริการ หลังจากนั้นก็สามารถเอาหัวชาร์จไฟมาชาร์จได้ทันทีเลยค่ะ
ในส่วนของ Smart MOVE จะเป็นโครงการเกี่ยวกับ Car Sharing ลูกค้าสามารถเช่ารถไปใช้ได้ค่ะ โดยระยะเวลาในการใช้งานนั้น จะสามารถใช้ได้ 30 นาทีถึง 4 ชม.ต่อครั้ง โดยในโครงการนี้จะมีรถ BMWi3 และ Hyundai ICONIQ ไว้ให้บริการ และในช่วงนี้ มีโปรแกรมให้ลูกบ้านจองรถใช้ฟรี เดือนละ 16 ช.ม. ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธ.ค. นี้ค่ะ
ตรงเข้ามาจะมีทางขึ้นลานจอดรถบนอาคารนะคะ หรือถ้าตรงไปจะเป็นพื้นที่จอดรถรอบๆอาคารค่ะ
ที่จอดรถบนอาคารจะเป็นที่จอดรถที่ Split ไปทีละครึ่งชั้น ทำให้เวลาเราขับรถจะไม่ต้องเลี้ยวบนทางที่ชันมากๆ พื้นที่แต่ละชั้นจะเป็นอาคารเปิดโล่ง มีไฟติดตั้งไว้ให้ และมีลิฟต์โดยสารอยู่ตรงกลางระหว่างชั้นค่ะ
จากที่จอดรถก็จะมีทางเข้าไปยังลิฟต์โดยสารของอาคารเลย โดยการเข้าออกลิฟต์นั้นจะต้องใช้ Keycard เพื่อ เข้ามายังพื้นที่ส่วนที่เป็นลิฟต์โดยสารค่ะ ลิฟต์โดยสารของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 3 ตัว สามารถขึ้นลงได้ทุกชั้น โดยอัตราส่วนของลิฟต์โดยสารต่อห้องพักอาศัยจะอยู่ที่ 1:160 ถือว่าสูงอยู่เหมือนกันนะคะ
มาดูที่จอดรถรอบๆอาคารกันบ้าง สามารถจอดได้ทั้งสองฝั่งเลยค่ะ เป็นเเบบช่องจอดด้วยไม่ใช่แบบจอดแปะข้างรั้ว ถือว่าเยอะพอสมควรเลย เหมาะสำหรับคนที่เน้นความสะดวก หรือคนที่กลางวันใช้รถ มาจอดเฉพาะตอนกลางคืนก็ไม่ร้อนมากค่ะ
อีกฝั่งนึงของอาคารก็จะมีที่จอดรถใต้อาคารเหมือนกันนะคะ แต่ตรงนี้ทางเข้าจะเเยกออกจากกัน ไม่เชื่อมกัน เเละมีที่จอดอยู่แค่ชั้นเดียวไม่เยอะค่ะ ส่วนจากลานจอดรถฝั่งนี้ก็มีทางที่สามารถเดินเข้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางหน้าอาคารได้โดยตรงเลย อาจจะต้องรอดูอีกทีว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยอะไรยังไงบ้าง เพื่อไม่ให้คนนอกเข้ามายังพื้นที่ส่วนกลางได้โดยตรงค่ะ
กลับมายังทางเข้าหลักของโครงการกันนะคะ ทางเข้าโครงการจะอยู่ด้านหน้าเลยใกล้กับจุด Drop Off โดยการออกแบบหน้าตาของชั้นล่างจะเน้นความโปร่งของพื้นที่ที่เป็น Double Volume สูงมากกว่า 6 เมตร พื้นที่ชั้นล่างตรงนี้จึงถูกออกแบบด้วยกระจกใสทั้งแนวผนังเลยค่ะ
จากทางเข้า ไปทางขวามือจะเป็นพื้นที่ Lobby หลักของโครงการเเละห้อง Mail Room บริเวณนี้คนนอกหรือเเขกที่มาหาสามารถนั่งรอได้นะคะ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า Multi Purpose Area โดยการเข้าถึงพื้นที่ส่วนนี้จะต้องใช้ Keycard เข้า-ออกเท่านั้น และยังเป็นทางที่ใช้เดินเชื่อมต่อมายังส่วนสระว่ายน้ำและฟิตเนสด้านหน้าได้ค่ะ
ส่วน Lobby ของโครงการที่อยู่ทางขวามือ จะมีมุมที่เป็นโซฟาเซาะเข้าไปตรงตามแนวผนังเพื่อนั่งพักผ่อนแบบนี้
กับส่วนที่จะเป็นชุดโซฟาแบบนี้ค่ะ พื้นที่ส่วนกลางชั้นล่างเนี่ย จะใช้คอนเซปต์ Combination between Nature and Urban ที่จะเน้นการออกแบบให้เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ภายในป่า หรือธรรมชาติ ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุในการออกแบบภายในก็จะเน้นที่เส้นสาย Freeform เลียนแบบธรรมชาติเช่นกัน โดยใช้เส้นนอนที่เปรียบเหมือนกิ่งก้านของต้นไม้ มาผสมผสานกับเส้นตั้ง ที่เปรียบเหมือนลำต้นของต้นไม้ ดังนั้นพื้นที่ชั้น 1 นี้ จะมีการออกแบบซุ้มไม้สูง เพื่อทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้ มีความรู้สึกเหมือนกับนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยพื้นที่ตรงนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 6.40ม พื้นและผนังบางส่วนจะปูหินด้วย Black Forest ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงโถงลิฟท์ต่อเนื่องกันไปค่ะ
ด้านบนของส่วนที่เป็น Lobby จะมี chandelier ตกแต่งด้วย ดูสวยงามดีค่ะ
ห้อง Mailroom เลือกใช้วัสดุพื้นเเละผนังด้วยหิน Black forest ตกแต่งผสมกับโทนสีน้ำตาลไม้ ดูหรูหราแต่ยังคงสื่อถึงธรรมชาติดีนะคะ ตรงกลางของห้องในอนาคตจะมี Island มาตั้งตรงกลางอีก 1 จุด เนื่องมาจากจำนวนช่องใส่จดหมายที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอกับจำนวนห้องพักทั้งหมดค่ะ
ภายในมีการเล่นเเสง indirect light random ไปตามช่องใส่จดหมายต่างๆ ทำให้ดูทันสมัย และมีสีสันขึ้นเยอะเลยนะคะ
เราจะพาไปดูส่วน Multi Purpose Room กับส่วนกลางด้านหน้าที่เป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนสกันต่อค่ะ อย่างที่บอกไปการที่จะเข้าไปใช้บริการพื้นที่ตรงนี้จะต้องใช้ Keycard ในการเข้า-ออกเท่านั้นค่ะ
ส่วนของ Multi Purpose Area จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน จัดเป็นชุดโซฟาบ้าง โต๊ะทำงานบ้าง ส่วนนี้จะมีความสูง 6.40 เมตร พื้นปูกระเบื้องลายหินของ Cotto Italia ผสมพื้นไม้ Engineer wood ผนัง feature wall เป็น Venice Brown ต่อลาย open book ดูสวยมาก น่าใช้งานจริงๆค่ะ
พื้นที่แต่ละส่วนจะแยกออกจากกันด้วยเสาที่ตกแต่งเป็นลาย open book นี้ และมีชั้นวางของเตี้ยๆ กั้นแยกส่วนกัน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นกัน เชื่อมต่อกันทางสายตาได้ค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้ เมื่อเรามานั่งใช้งานจะสามารถได้รับวิวพื้นที่ส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนสได้เต็มที่เลย
ผนังของพื้นที่ตรงกลาง จะมีการออกแบบที่พิเศษแตกต่างไป คือจะมีการเอาหิน venice brown ต่อลาย Open book มาใช้เป็นวัสดุ จากผนังไปถึงฝ้าเพดาน ต่อลายกันสวยงามแบบนี้ค่ะ รอยต่อของวัสดุก็จะใช้ไม้เป็นตัวจบวัสดุ ดีเทลงานของจริงเนี๊ยบกริบมากค่ะ ประทับใจเบาๆ
จากห้อง Multi Purpose Area เมื่อเดินออกมา เราจะเจอกับอาคารที่เป็นส่วนของฟิตเนสก่อนเลย โดยทางขวามือจะเป็นสระว่ายน้ำ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ที่จะมีห้องอาบน้ำและ Locker ให้บริการอยู่ด้านหลังแยกชาย-หญิงเรียบร้อยค่ะ
ตัวอาคารที่เป็นฟิตเนส เราจะเห็นดีเทลของการออกแบบ ฝั่งที่มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ จะมีดีเทลการยื่นคานตัวอาคารออกไปจากเเนวเสา แต่ไม่จรดพื้น ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูลอย และเมื่อมองจากภายนอกเข้ามาก็จะช่วยให้อาคารดูโปร่งขึ้นอีก ไม่ทึบตันค่ะ
เข้ามายังส่วนที่เป็นฟิตเนสกันก่อน ทางขวามือจะมีโซฟาข้างหน้าต่าง สามารถนั่งเล่น พูดคุยตรงนี้ได้ เป็นการนั่งพักผ่อนชมวิวสระว่ายน้ำจริงจังค่ะ
ส่วน Fitness มีการใช้เครื่องออกกำลังกายแบรนด์ Matrix และมีการเลือกใช้วัสดุปูพื้นกระเบื้องเป็นไวนิลลายไม้ ที่มีความทนทาน และรวมไปถึงการดูแลและทำความสะอาดง่าย มีผนังบางส่วนภายในห้องจะกรุด้วยหิน Parrisanso Oniciato ปูต่อลายกัน
สามารถเล่นฟิตเนสไป มองวิวสระว่ายน้ำไปด้วยได้นะคะ
จากทางเข้าเมื่อสักครู่ เราจะเดินไปยังส่วนห้องน้ำทางซ้ายมือกันนะคะ
ทางเข้าจะอยู่ทางด้านหลังของฟิตเนส แยกชาย-หญิงออกจากกัน ทางเดินรอบๆก็มีรั้วกั้นมิดชิด คนภายนอกไม่สามารถเห็นคนเดินไปมาบริเวณนี้ได้ค่ะ
มาดูที่ห้องน้ำชายกันก่อน ภายในห้องน้ำ ผนังจะปูด้วยโมเสก หินกาบ dark silver grey ช่วยทำให้ห้องดูเท่ห์และดิบมากขึ้น มี Locker ให้บริการด้วยค่ะ
นอกจาก Locker แล้วยังมีห้องสำหรับอาบน้ำเเละห้องส้วมเเยกโดยเฉพาะ ถึงแม้จะจำนวนห้องไม่มาก แต่ก็น่าใช้งานดีนะคะ
ส่วนห้องน้ำหญิงจะมีการใช้วัสดุตกแต่งภายในเหมือนกันนะคะ แต่จะมีอ่างล้างมือลดลงเหลือ 1 อ่าง แต่ห้องส้วมมากกว่าห้องผู้ชาย 1 ห้องค่ะ
ในห้องน้ำหญิงส่วนที่เป็น Locker และพื้นที่อาบน้ำจะแยกออกมาอีกฝั่งนึงทำให้คนที่ใช้ห้องสุขาก็สามารถเดินเข้าออกไปสบาย ไม่มีคนยืนบังคะ
พื้นที่ตรงหน้าฟิตเนสจะมีชื่อว่า The river and the waterfall fog มีการรวยกรวดล้าง บน Shape free form สร้างบรรยากาศเหมือนลำธาร หรือ ทางน้ำที่ไหลจากข้างบนเข้าสู่พื้นที่สวนชั้นล่างของโครงการ โดยสระว่ายน้ำ และสระเด็กตั้งสูงขึ้นจากพื้นดินเพื่อให้เกิดเสียงน้ำตกเล็กๆ และจะมีการเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยเครื่องพ่นไอน้ำ สร้างบรรยากาศให้พื้นที่ส่วนกลางตรงนี้ดูชุ่มฉ่ำ มีหมอกขึ้นตลอดความยาวสระ
เมื่อมองจากทางเข้าฟิตเนสเข้ามายังตัวอาคาร พื้นที่ส่วน Multi Purpose Area จะเป็นส่วนที่มี Double Volume ดูโปร่งโล่งมาก เเละสามารถเห็นวิวทั้งจากข้างใน ออกมายังข้างนอก และจากข้างนอก เข้าไปยังข้างในได้ด้วยค่ะ
จากตัวอาคาร เมื่อเดินมาสุดอีกฝั่ง จะเป็นตำเเหน่งของร้านค้า 1 ร้านนะคะ ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ได้สรุปไว้ ว่าจะเป็นร้านอะไร ทางเข้าออกของ Shop นี้นั้น จะต้องเดินออกมายังนอกอาคารก่อน ไม่ได้เชื่อมต่อกับส่วนที่เป็น Multi Purpose Area ค่ะ
เดินมาดูยังสระว่ายน้ำกันบ้าง สระว่ายน้ำจะมีรูปร่างที่ดูแอบ Freeform เล็กน้อย ฝั่งนึงเป็นทางเดินที่มีที่นั่ง – นอน อาบเเดดริมสระชิวๆได้ ส่วนอีกฝั่งนึงจะเป็นฝั่งที่เป็นน้ำล้นเเละมีสวน และสนามหญ้าเขียวๆ สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่น ตัวสระจะอยู่ตรงกลาง มีขนาด 24×5 เมตร และลึก 1.2 เมตร เป็นระบบน้ำเกลือค่ะ ตัวสระที่ออกแบบให้เป็นน้ำล้นฝั่งนึงนั้น นอกจากจะให้บรรยากาศดูชุ่มชื่น หมุนเวียนเเล้ว ยังช่วยให้เกิดเสียงน้ำไหล กลบเสียงรถราภายนอกได้ส่วนนึง แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริง คอนโดที่ติดถนนใหญ่ก็มักจะถูกรบกวนด้วยเสียงรถราเเน่นอนค่ะ ยิ่งพื้นที่ตรงนี้อยู่ตรงหน้าอาคารใกล้กับถนนมากที่สุดด้วย เสียงรถค่อนข้างดังเลยค่ะ แต่สำหรับในห้องพักหรือส่วนที่อยู่ภายในอาคารนั้น ทางโครงการเลือกกระจก Insulated มาใช้ ช่วยป้องกันเรื่องเสียงไปได้เยอะเลย
มุมมองต่างๆของพื้นที่ส่วนกลาง จะสามารถมองเชื่อมต่อกันได้หมด ภายในโครงการนี้จะมีสระว่ายน้ำเด็กให้มาด้วยพร้อมกัน Bubble Feature สร้างความสนุกสนานขณะใช้งานค่ะ
ที่ปลายสระข้างกับสระเด็กจะมี Pavilion เล็กๆไว้ สำหรับการนั่งพักผ่อนเล่นได้ค่ะ
บริเวณสนามหญ้าจะมีการนำเอาสิงสาราสัตว์มาตกแต่ง ในสนามหญ้านี้จะเป็นนกกระยาง เพิ่มบรรยากาศความเป็นสวนตามชื่อ THE BASE Gardenค่ะ
อีกหนึ่งจุดน่าสนุกก็คือ Tree house ที่เป็นจุดนำสายตา เมื่อมองออกมาจาก lobby สามารถเดินขึ้นไปได้ สร้างมุมมองใหม่ๆและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการออกแบบรั้วรอบๆส่วนนี้ด้วยเเนวต้นไม้ใหญ่ และเเนวต้นสน นอกจากจะช่วยสร้างมุมมองพื้นที่สีเขียวเเล้ว ยังช่วยกรองฝุ่นควัน มลภาวะต่างๆจากถนนที่จะเข้ามายังภายในโครงการได้ประมาณหนึ่งอีกด้วยค่ะ
ลองเดินขึ้นไปดูก็ถือว่าเเข็งเเรงรับน้ำหนักได้ดีในระดับนึงเลยนะคะ เเต่สำหรับผู้ปกครองลูกเล็กต้องดูเเลระมัดระวังหน่อยค่ะ ถึงเเม้จะสูงไม่มาก แต่ Tree House นี้ไม่มีราวกันตกมาให้ค่ะ
มุมมองแบบBird Eyes View เมื่อมองจากบน Tree House ลงมาค่ะ โดยรวมถือว่าส่วนกลางดูเรียบร้อย น่าใช้งานดีนะคะ และนี่ก็คือพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดที่มีบนชั้น 1 ค่ะ เดี๋ยวเราจะกลับเข้าไปภายในโครงการ กันอีกทีนะคะ
จากทางเข้าเดี๋ยวเราจะพาไปยังโถงลิฟท์กันนะคะ เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับทางเดินแบบนี้ ทางซ้ายมือจะเป็นห้องของนิติบุคคลค่ะ
เลยจากห้องนิติบุคคลไป จะเป็นทางออกไปยังที่จอดรถด้านข้างอาคาร(ที่เราพาไปวนดูเมื่อด้านบน) และมีห้องที่เหมือนจะเป็นห้อง Locker อยู่ถัดออกมาค่ะ ห้องนี้จะมีดู้เก็บพัสดุที่เรียกว่า iBox อยู่ค่ะ iBox คือ ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับพัสดุไปรษณีย์ให้กับลูกค้ายุคดิจิทัลที่พักอาศัยในโครงการ โดยวิธีการใช้งาน คือ
- ลงทะเบียนที่ http://ibox.thailandpost.co.th วิธีการรับพัสดุ
- แจ้งผู้ส่งให้จ่าหน้าถึง ตู้ Ibox เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9 สอดบัตรประชาชน
- รอรับ SMS จากไปรษณีย์
- มารับพัสดุโดยใช้บัตรประชาชนและรหัส OTP จากSMS ภายใน 48 ช.ม.
ดูง่ายมากใช่ไหมค่ะ iBox ถือเป็นการลดขั้นตอนในการทำงานของนิติบุคคล และทุกครั้งที่พัสดุมาส่งถึงตู้ iBox จะมีการแจ้งเตือนรหัส OTP ที่ใช้การเปิดตู้ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือของลูกบ้าน รวมถึงมีการแจ้งเตือนใน Home service application (รับพัสดุได้เฉพาะไปรณีย์ไทยเท่านั้น)
นอกจากนั้นห้องนี้ยังมีเครื่อง refund machine (เครื่องรีไซเคิลคืนขวดอัตโนมัติ) ให้ลูกบ้านสามารถเอาขวดพลาสติกมาทิ้งสนุกๆ ช่วยลดปริมาณขยะและสามารถสะสมคะแนนจากการรีไซเคิลขวดเพื่อนำไปเป็นส่วนลดร้านค้าต่างๆที่ร่วมกิจกรรมอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ในห้องน้ำชั้น Lobby ปูด้วยหิน Grey Emperador และ Black Marquinaทั้งพื้นและผนังด้วยค่ะ
ดูหรูหราไม่น้อยเลย
สุดทางเดินเลี้ยวซ้ายมาจะเป็นส่วนของโถงลิฟต์ค่ะ การจะเข้ามายังพื้นที่ส่วนนี้จะต้องใช้ Keycard ในการเข้าออกเท่านั้นนะคะ ลวดลายพื้นก็ต่อเนื่องมาตั้งแต่ Lobby เลย พื้นที่ตรงนี้มีการเล่นไป indirect light กับวัสดุที่มีคุณลักษณะเป็นเงาสะท้อน ดูดีเลยค่ะ
บรรยากาศการตกแต่งภายในลิฟต์ตัวพื้นก็จะใช้หินอ่อนอยู่ แต่ก็มีการคำนึงถึงเด็กเเละคนพิการอยู่เหมือนกัน เช่น ตำแหน่งแป้นกดลิฟต์จะมีสองจุด บริการคนพิการด้วย เเละมีการออกแบบกระดานเเปะข้อความ ประกาศต่างๆจากนิติบุคคล ก็จะถูกออกแบบให้มีเเปะบนกระดานไม้คอร์ก ที่มีดีไซน์สอดคล้องไปกับผนังลิฟต์ไว้ คิดเผื่อการใช้งานจริงดีค่ะ
ในส่วนของชั้นพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 5 นะคะ นอกจากนี้ที่ชั้นนี้ยังจะเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางไว้ให้บริการอีกชั้นนึงด้วยค่ะ โดยจะเรียกว่าเป็นสวนหย่อม 2 สวนเล็กๆ ด้านหน้ากับด้านหลัง ล้อไปกับอาคารที่มีการวางผังเป็นรูปตัว Z ค่ะ การวางตำเเหน่งห้องพักต่างๆนั้นจะค่อนข้างเหมือนกันไปทุกชั้น แต่จะมีแตกต่างกันตรงที่บางชั้นบางห้องจะได้เป็นห้องที่มี Bay Window ซึ่งตำแหน่งก็จะ Random ไปตามหน้าตาภายนอกของอาคาร การวางห้องพักในแต่ละชั้นจะวางห้อง 2 Bedroom ไว้ตรงหัวมุมตึก ด้านหน้าอาคารเป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นก็จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom วางสลับๆกันไป โดยการที่วางผังเป็นรูปตัว Z นั้นก็จะได้ข้อดีตรงที่ห้องพักก็จะไม่ประชันหน้ากันโดยตรง เเละช่วยสร้างมุมมองได้ทั้ง 2 ฝั่ง ด้านหน้าและด้านหลังของอาคารอีกด้วย โดยความหนาแน่นของห้องพักในแต่ละชั้นนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 20 ยูนิตต่อชั้น ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆนะคะ การเข้าถึงส่วนกลางของชั้น 5 นี้ ลูกบ้านทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ แต่ส่วนที่เป็นห้องพัก ก็จะต้องใช้ Keycard เพื่อ Access เข้าไปอีกทีเพื่อความปลอดภัยเเละความเป็นส่วนตัวของคนที่พักอาศัยชั้นนี้ ส่วนผู้อยู่อาศัยที่อยู่ชั้นนี้บางคนอาจจะคิดว่าคนที่มาใช้งานสวนส่วนกลางนั้นจะมองเข้ามาเห็นภายในห้องเรารึเปล่า ตรงนี้ทางโครงการก็ได้ออกแบบให้มีแนวต้นไม้มาบังสายตา และลดระดับสวนทางด้านหลังลงไปอีก ทำให้หายห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวเเละมุมมองไปได้เลยค่ะ
เราพาผู้อ่านขึ้นมายังชั้น 5 นะคะ ชั้นนี้จะเป็นชั้นแรกที่เริ่มต้นเป็นชั้นห้องพักอาศัย โดยชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เรียกว่า Pocket Garden อยู่ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนที่ด้านหน้าชื่อว่า The bird eyes view park และที่ด้านหลังชื่อว่า The worm eyes view park และอีกสิ่งหนึ่งที่โครงการนี้มีให้คือห้อง Laundry ที่อยู่ข้างๆประตูออกไปยัง Pocket Garden ด้านหน้าค่ะ (จากภาพ ประตูทางขวามือคือห้อง Laundry)
ในส่วนของผู้ที่พักอาศัยชั้นนี้นั้นก็จะมีประตูแยกออกไปให้อีกชั้นนึง มีการ Screen คนเข้า-ออก ด้วย Keycard Access สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่อยู่อาศัยชั้นนี้ค่ะ
The bird eyes view park (ด้านหน้า) จากสวนตรงนี้สามารถมองเห็นพื้นที่สวนชั้นล่างที่อยู่ด้านหน้าโครงการได้ มุมมองเหมือนเราเป็นนกมองลงไปนั่นเองค่ะ พื้นที่ตรงนี้จะถูกออกแบบให้เป็นทางเดิน Slope ลงไป เหมือนเราเดินภูเขาที่จะเลี้ยวไปมานั่นเอง
ห้องที่อยู่ชั้นนี้ ถึงเเม้จะระดับเดียวกันกับพื้นที่สวน แต่ก็จะมีแนวรั้วต้นไม้ และระยะที่คนเดินใช้งานภายนอกไม่ใกล้กับระเบียงห้องพัก ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้ผู้พักอาศัยที่ชั้นนี้ได้ค่ะ
มาดู Pocket Garden ทางด้านหลังบ้าง ตรงนี้จะมีชื่อว่า The worm eyes view park ที่ระดับทางเดินจะค่อยๆกดระดับพื้นที่ใช้งานให้ลดต่ำลงมาเรื่อยๆ และถูกโอบล้อมด้วยผนังอาคารเเละรั้วที่มีความสูงกว่า การกดระดับลงมายังช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวของห้องพักและสวนชั้นนี้อีกด้วย มุมมองจากส่วนนี้จะเน้นไปที่ช่องเปิดด้านบนที่เห็นท้องฟ้า
ส่วนซักล้างจะอยู่ใกล้กับโถงลิฟต์ ให้ความสะดวกสบาย ง่ายต่อการเข้าถึงพร้อมระบบการแจ้งเตือนผ่าน Home Service Application เมื่อเครื่องว่างและเสร็จสิ้นการซักผ้า ไม่ต้องเสียเวลาขึ้น-ลง รอรับเสื้อผ้าอีกต่อไปเลยค่ะ
ส่วนโถงทางเดินหน้าห้องพักนั้น โครงการนี้สุดทางเดินจะมีช่องเปิดที่สามารถใช้เป็นหน้าต่างระบายอากาศและรับเเสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามายังทางเดิน ช่วยให้ทางเดินสว่างมากขึ้นในช่วงเวลากลางวันได้
ทางเดินหน้าห้องพักจะมีช่องสำหรับงานระบบเอาไว้สำหรับความสะดวกในการซ่อมบำรุงค่ะ
710-FL copy
ในส่วนของชั้นพักอาศัยชั้น 6-36 การวางผังนั้นจะคล้ายๆกันทั้งหมดค่ะ ทั้งรูปแบบการวางตำแหน่งห้อง ที่จะเอาห้องเเบบ 2 Bedroomไว้ด้านหน้าหัวมุม ชั้นละ 2 ห้อง ส่วนนอกนั้นจะเป็นห้อง 1 Bedroom รูปแบบต่างๆ โดยแต่ละชั้นจะเเตกต่างกันที่บางห้องจะได้เป็นห้องแบบ Bay Window Random กันไปตามรูปด้านอาคารค่ะ ในส่วนทิศทางการวางตำแหน่งตัวห้องนั้น โดยส่วนมากห้องพักจะถูกวางไว้ตำแหน่งเหนือ-ใต้ ทำให้ภายในห้องพักได้รับลมพัดผ่านได้สะดวก
เรามาดูวิวรอบๆโครงการกันบ้างดีกว่า วันนี้เรามีวิวจากชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้น Facility กับวิวจากชั้นดาดฟ้ามาให้ดูกันค่ะ
ภาพวิวทิศตะวันตก จากชั้น 5 ของโครงการ จากชั้น 5 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัย โดยห้องทางฝั่งนี้ก็ยังไม่มีอาคารสูงขึ้นในระยะประชิดนะคะ
ภาพวิวทิศเหนือ จากชั้น 5 ของโครงการ หรือมองไปหน้าโครงการ จะเห็นทางด่วนศรีรัชอยู่ด้านหน้าพอดีค่ะ แต่ด้วยระยะ Set Back ของอาคาร ก็ยังถือว่าไม่กระชั้นนะคะ
ภาพวิวทิศตะวันออก จากชั้น 5 ของโครงการ จะเห็นหลังคาของมัสยิดข้างๆโครงการค่ะ
ภาพวิวทิศใต้ จากชั้น 5 ของโครงการ ส่วนมากเป็นที่พักอาศัยเเนวราบค่ะ
มาดูวิวจากชั้นดาดฟ้ากันบ้างนะคะ
ภาพวิวทิศเหนือ จากชั้นดาดฟ้าของโครงการ ตึกสูงที่อยู่ใกล้เคียงก็จะมี เดอะเบสพระราม 9 – รามคำแหงที่สูง 35 ชั้น ข้างๆที่กำลังก่อนสร้างก็จะเป็น Ideo New Rama 9 สูง 24 ชั้น และฝั่งตรงข้ามกับโครงการเลยจะเป็น Metris ที่กำลังก่อสร้างอยู่ซึ่งสูง 33 ชั้นค่ะ
ภาพวิวทิศตะวันออก จากชั้นดาดฟ้าของโครงการ มองไปเป็นถนนพระราม 9 และทางด่วนศรีรัช วิวทางฝั่งนี้ ณ ปัจจุบัน ยังคงเป็นที่อยู่อาศัยเเนวราบค่ะ ไม่มีอาคารสูงมาบล็อควิวเราเลย
ภาพวิวทิศใต้ จากชั้นดาดฟ้าของโครงการ
ภาพวิวทิศตะวันตก จากชั้นดาดฟ้าของโครงการ ฝั่งนี้มองไปจะเห็นสี่เเยกพระราม 9 ตัดกับรามคำแหง มีทางด่วนฉลองรัชตัดกับทางด่วนศรีรัช ตัดกันอีกทีด้านบน ดูแปลกตาดีนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำแบบ Freeform ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 5 x 23 เมตร ลึกประมาณ 1.2 เมตร แยกสระเด็กด้านข้าง
- ห้องออกกำลังกาย ขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์
- Lobby Double Volume
- Multi Purpose Area
- Retail Shop 1 ยูนิต (ยังไม่คอนเฟิร์มเป็นร้านค้าอะไร)
- สวนส่วนกลางและพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง และมี Tree House
- สวนบริเวณชั้น 5 สองสวนฝั่งด้านหน้า(ทิศเหนือ) และด้านหลัง(ทิศใต้)
- อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงพักคอยและชั้นสระว่ายน้ำ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ Access Card
- ที่จอดรถ 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว, Service Lift 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 160 : 1
- บริการพิเศษอื่น : Sansiri Family , Smart Move ,iBox
- ระบบ CCTV / Access Card
ในรีวิวนี้ เรามีห้องตัวอย่างมาให้ชมกัน 2 ห้องค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom Type 1BM-1 ตกแต่งเป็นโทนสีเข้ม ห้องผู้ชาย กับอีกห้องเป็นห้องแบบ 2 Bedroom Type 2A ตกแต่งสไตล์วินเทจเป็นห้องคู่รัก เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าภายในห้องวัสดุที่ให้มาพร้อมกับตัวโครงการจะมีอะไรบ้าง ตกแต่งเป็นอย่างไร การใช้สอย Space ต่างๆภายในห้องเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ค่ะ
เริ่มต้นกันที่ห้องแบบ 1 Bedroom Type 1BM-1 กันค่ะ ห้องนี้จะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 31.75 ตร.ม. ห้องนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างโอเคเลยนะคะ มีประตูกั้นแยกพื้นที่ส่วนต่างๆออกจากกัน และพื้นที่แต่ละส่วนมีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่แคบจนอึดอัดเกินไปค่ะ เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารก่อน โดยจัดพื้นที่การใช้งานได้ประมาณ 2 คน ถือว่าเหมาะกับการอยู่อาศัยของคนเมืองที่อยากได้ห้อง 1 ห้องนอน ส่วนห้องครัวเเยกออกมาใกล้กับระเบียง ทำให้ระบายอากาศได้ดี ครัวเป็นครัวปิด สามารถทำอาหารได้จริงจัง กลิ่นควันก็จะไม่ไหลเข้าห้องติดเฟอร์นิเจอร์ด้วย ส่วนห้องนอนจะอยู่ใกล้กับหน้าต่าง สามารถชมวิวด้านนอกได้ ปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและวางโต๊ะเพิ่มเติมได้ ซึ่งห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสามารถเปิดประตูเพื่อเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารได้ด้วย ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็หาม่านมาปิดเพิ่มเติมได้ ถ้าเราอยู่ในห้องนอนอยากเข้าห้องน้ำต้องเดินออกมาใช้บริเวณห้องครัวนะ แต่ถ้าเพื่อนมาหาจะเข้าห้องน้ำได้เลยโดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของเราค่ะถือว่าเป็นส่วนตัวดี
เริ่มจากป้ายเลขที่ห้องพักกันก่อนเลย จะใช้วัสดุไม้และ Texture หินมาออกแบบเป็นป้ายเลขที่ห้อง ให้กลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ ดูแปลกตาดีค่ะ เเละมีกริ่งห้องกดเรียกอยู่ด้านล่างเลยค่ะ
โครงการนี้ตัวประตูจะกรุด้วยลามิเนตค่ะ ให้ Digital Door Lock มาด้วยของ Samsung สามารถเข้าออกได้ด้วยการใส่ Password , Keycard และกุญแจได้
เมื่อเข้าห้องมา เราจะเจอกับส่วนนั่งเล่นพักผ่อนก่อนเลย ความสูงของห้องพักจากพื้นถึงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.55 เมตร พื้นจะให้เป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ ไฟจะได้ไฟดาวน์ไลท์ฝังฝ้า ห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้างเลย ดังนั้นเมื่อเราเข้ามาเราจะรู้สึกไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ อย่างพื้นที่นั่งเล่นตรงนี้ก็จะได้ความกว้างของห้องอยู่ที่ประมาณ 3.3 เมตรเลย
พื้นที่สำหรับวางโซฟาและพื้นที่ทานอาหารจะต่อเนื่องกันไป โดยความกว้างรวมจะอยู่ที่ประมาณ 3.5 เมตร ทำให้เราสามารถแบ่งพื้นที่วางโซฟาเเบบ 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ และสามารถจัดโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่งได้ด้วย
ภายในห้องตัวอย่างเลือกโซฟานอนแบบ 2-3 ที่นั่งมา เเละจัดโต๊ะทานอาหารเล็กๆไว้รวมกันกับชุดโซฟาเลย ทำให้ประหยัดพื้นที่รับประทานอาหารไป และสามารถนั่งทานอาหารได้มากกว่า 2 คนอีก ถือว่าเป็นไอเดียการจัดห้องที่ไม่เลวเลยค่ะ
การจัดวางเเบบนี้ทำให้เราสามารถวางโต๊ะข้างโซฟา จัดเป็นตู้โชว์หรือโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้ด้วยค่ะ
ส่วนอีกฝั่งนึงของโซฟาจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโทรทัศน์ โดยผนังนี้จะมีความกว้างถึง 2.3 เมตร เราสามารถทำ Built-in เป็นชั้นเก็บของเพิ่มเติมได้ สำหรับคนที่มีของเยอะๆนะคะ
เมื่อเราลองวัดระยะต่างๆมาดูเเล้ว อย่างในห้องตัวอย่างนี้ส่วนที่เเคบที่สุดคือเก้าอี้สตูล กับชั้นวางทีวีก็มีระยะห่างอยู่ที่ 80 ซม. ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่เดินสบายอยู่นะคะ
ถัดมาจะเป็นส่วนของห้องนอน โดยจะมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเปิด-ปิดเเยกส่วนออกจากกัน กันแอร์ไหล ช่วยประหยัดไฟตอนกลางคืน แต่ในเวลากลางวันก็จะได้รับเเสงสว่างจากภายนอกมายังพื้นที่ส่วนนั่งเล่นผักผ่อนได้ โดยตัว Frame ประตูกระจกบานเลื่อนนี้นั้นก็กว้างเต็มความกว้างเเละความสูงของผนังเลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือห้องรกอายแขกหรือเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมเยียน ก็สามารถติดม่านเพิ่มขึ้นได้นะคะ
ตัวประตูบานเลื่อนเมื่อเปิดสุดเนี่ยก็จะได้ระยะทางเดินอยู่ที่ 1.8 เมตรเลย กว้างขวางพอตัว
ภายในห้องนอนจะกว้างอยู่ 2.6 เมตร เราสามารถวางเตียงกว้าง 1.8-2 เมตรได้อยู่นะคะ
ในห้องตัวอย่างจะจัดวางเตียงกว้าง 1.8 เมตรไว้ ทำให้เหลือทางเดินข้างเตียงกับประตูอยู่ที่ประมาณ 60 ซม.
ระยะปลายเตียงก็จะสามารถวางเป็นโต๊ะเครื่องเเป้งและตู้เสื้อผ้าได้ โดยจะเหลือทางเดินหน้าตู้อยู่ที่ประมาณ 40-50 ซม. เเนะนำให้เลือกตู้เสื้อผ้าเเบบบานเลื่อนเเทนนะคะ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ส่วนข้างเตียงฝั่งที่ชิดกับหน้าต่างจะเหลือพื้นที่ประมาณ 30 ซม. หน้าต่างที่ได้ภายในห้องนอนก็จะได้แบบช่องเปิดสูงพื้นจรดฝ้าเพดานเลยทีเดียว ตัวหน้าต่างเป็นบานกระทุ้งช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกออกไปได้ในระดับนึงเลย
มองย้อนกลับเข้าไปดูห้องกว้างขวางพอสมควรเลยค่ะ ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีเข้มดูสวยเเปลกตาดีนะคะ
ถัดมาเราจะไปดูยังห้องครัวกันบ้างนะคะ ทางเข้า-ออกห้องครัวจะอยู่ตรงมุมระหว่างประตูห้องนอนกับชั้นวางทีวี โดยจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนซ่อนหลังผนังให้มา
ประตูทางเข้าครัวจะไม่มีรางล่างให้มานะคะ เดินสบายไม่มีสะดุด ส่วนห้องนอน ถึงเเม้ว่าจะมีรางล่าง เเต่ตัวรางจะถูกฝังอยู่ระดับเดียวกันกับพื้นพอดี ทำให้เวลาเดินก็ไม่สะดุดเช่นกันค่ะ
เข้ามาในส่วนห้องครัว ทางซ้ายมือเราจะเป็นห้องน้ำ ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องครัวค่ะ โดยที่พื้นครัวจะได้เป็นพื้นกระเบื้องไซส์ 30×30 ซม. ทางเดินครัวจะกว้างประมาณ 95 ซม. เดินใช้งาน 1 คนได้พอดีๆ ถ้าใช้งาน 2 คนก็อาจจะเเอบอึดอัดหน่อยค่ะ
ตัวเคาน์เตอร์ครัวให้มาค่อนข้างดีเลย คือ Top เคาน์เตอร์จะได้เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนลายหิน ไม่มีรอยต่อ หนา 12 มม. ห้องนี้เคาน์เตอร์ครัวจะกว้างประมาณ 1.5 เมตรนะคะ นอกจากนี้จะมีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันให้มาครบชุด
ช่องเก็บของต่างๆที่ Built-in มาให้ก็จะได้ตามนี้เลยค่ะ
อ่างล้างจานได้ของ MEX backsplash ของเคาน์เตอร์จะได้เป็นกระเบื้องสีดำด้วยค่ะ ง่ายต่อการทำความสะอาด
ชุดเตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันของ MEX เช่นกัน
จากส่วนครัวออกไปยังระเบียงจะมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนเปิด-ปิด มีธรณีประตูสูงหน่อย กันน้ำฝนเเละฝุ่นเข้ามายังภายในห้อง
ตัวระเบียงจะมีขนาดประมาณ 1×1.5 เมตร เมื่อจัดวางเครื่องซักผ้าไปก็จะเหลือทางเดินพอดีตัวใช้งานได้ค่ะ
ซึ่งฝั่งนึงจะถูกเอาไว้เป็นที่วาง Condensing Unit แอร์ด้านบน ถึงเเม้จะเป่าข้าง แต่ก็มีกริลติดให้เป่าออก ไม่ร้อนเกิน และทำให้มีพื้นที่ที่เราสามารถออกไปใช้งานได้นะคะ
ส่วนพื้นที่ด้านล่างจุดวาง Condensing Unit จะเป็นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ตรงนี้มีการเดินงานระบบต่างๆไว้ให้พร้อมเลย ความสูงจากพื้นถึงขอบล่างของชั้นวาง Condensing unit จะอยู่ที่ประมาณ 1.3 เมตร แนะนำให้เลือกเครื่องซักผ้าแบบฝาเปิดหน้านะคะ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน
เข้ามาดูยังห้องน้ำกันบ้าง ตัวห้องน้ำจะจัดวางแบบมาตรฐาน คือวางสุขภัณฑ์ชิดไปฝั่งนึงเเละทางเดินชิดอีกฝั่งนึง แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน
พื้นกระเบื้องจะได้เป็นกระเบื้องลายไม้ที่มีหน้ากว้าง 20 ซม. ทำให้ดูเหมือนไม้จริง ส่วนของผนังที่ตัดกันมีทั้งกระเบื้องผิวด้านสีดำและสีขาวสองฝั่งสลับกัน โดยจะมีการแยกพื้นที่ส่วนแห้งเเละพื้นที่ส่วนเปียกออกจากกัน โดนพื้นที่ส่วนแห้งของห้องนี้จะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.5×1.5 เมตร ใช้งานสบาย
อ่างล้างมือเป็นของ American Standard แบบเเขวนผนัง ทำให้ไม่มีพื้นที่เคาน์เตอร์ และไม่มีพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้เท่าไหร่
ทางโครงการจึงมีชุดกระจกเงาที่มีดีไซน์สามารถวางของได้เเบบนี้ให้มาค่ะ เเละมีปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้สำหรับใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไดร์เป่าผมได้ด้วย
ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็จะได้ของ American Standard เช่นกัน ให้มาพร้อมอุปกรณ์ที่วางกระดาษชำระ
มาดูที่ห้องอาบน้ำกันบ้าง ทางโครงการจะให้ฉากกั้นอาบน้ำมาเป็นบานเลื่อนกระจก วัสดุเป็นกรอบบานอลูมิเนียมสีดำ ตัวกระจกเป็น Tempered หนา 4 มม.ค่ะ บานเลื่อนเป็นบานเลื่อน 3 ตอน มีการเเบ่งลูกฟักเเนวตั้งดูมีดีไซน์ดีนะคะ
ส่วนนี้จะมีธรณีประตูขึ้นมา กันน้ำไหลย้อน อาบน้ำทีน้ำจะได้ไม่ไหลนองไปทั่วห้องน้ำค่ะ พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.2×0.8 เมตร หมุนตัวใช้งานสะดวกค่ะ
เราจะได้ชุดฝักบัวอาบน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นแบบนี้ค่ะ
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ American Standard จับถนัดมือ มีช่องตรงผนังเอาไว้ใส่อุปกรณ์อาบน้ำต่างๆได้ หรือใครจะติดชั้นวางเพิ่มก็ได้นะคะ
มาต่อกันที่ห้อง 2 Bedroom Type 2 A ดีกว่า ห้องนี้จะมีการตกแต่งที่ดู Vintage หน่อยๆ เป็นห้องคู่รัก ขนาดห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 53.5 ตร.ม. สามารถจัดพื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างลงตัวเลยค่ะ คือเมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนที่เป็นพื้นที่รับประทานอาหารก่อนเลย ต่อเนื่องไปกับส่วนที่เป็นพื้นที่นั่งเล่น โดยจะมีระเบียงที่สามารถใช้งานได้เต็มที่อยู่เต็มความกว้างของพื้นที่ห้องนั่งเล่น ห้อง Type นี้จะได้ห้องครัวเป็นเเบบปิดเป็นครัวที่มีเคาน์เตอร์ยาวเลยและมีระเบียงเเยกออกมาอีกที ระเบียงตรงนี้จะเป็นระเบียงที่วาง Condensing Unit ที่สำหรับห้องนี้จะให้แอร์มาทั้งหมด 3 ตัว วางพอดี ตรงข้ามกับครัวจะเป็นส่วนของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยห้องนอนใหญ่จะอยู่ที่มุมตึกพอดี ทำให้สามารถออกแบบให้หน้าต่างภายในห้องได้เป็นหน้าต่างแบบ Bay Window ส่วนห้องนอนเล็กก็ไม่ถึงกับว่าขนาดเล็กมาก ยังมีพื้นที่ใช้งานสะดวก โดยที่ห้องน้ำของ Type นี้จะมีอยู่ห้องเดียว ใช้งานรวมกันหมดนะคะ
มาดูที่ห้องตัวอย่างกันเลย โดยชนิดประตู ป้ายทางเข้า และกริ่งห้องก็จะได้เหมือนกันหมดทุกห้องในโครงการค่ะ
ตัวพื้นห้องจะถูกยกสูงขึ้นมาจากพื้นทางเดินเล็กน้อยค่ะ ช่วยให้ฝุ่นผงจากพื้นทางเดินเข้ามายังภายในตัวห้องได้ในระดับนึง
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนรับประทานอาหารก่อนเลย ต่อเนื่องไปกับพื้นที่นั่งเล่น เเละประตูเข้าห้องนอน 2 ห้องจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้าพอดีเลย พื้นที่ตรงนี้จะดูสว่างนะคะ เพราะเราจะได้ระเบียงขนาดใหญ่ด้วย ช่วยเรื่องเเสงสว่างเเละระบายอากาศ
ห้องตัวอย่างที่พาไปดูนั้นจะอยู่ที่ชั้น 6 ด้านหน้าอาคารพอดี คือจากสวนชั้น 5 ก็จะมีต้นไม้ที่สูงขึ้นมายังชั้นนี้ด้วย ทำให้จากห้องเราเนี่ย มองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียว บรรยากาศเหมือนบ้านเลยค่ะ
ห้องนี้จัดพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งไว้ตรงกับทางเข้าพอดี ถ้านับว่าฟังก์ชันไหนดูเกะกะทางเดินที่สุดก็อาจจะเป็นพื้นที่ตรงนี้นะคะ เเต่การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ตัดให้มุมมนๆ กับเก้าอี้ยาว เเทนเก้าอี้แบบมีพนักพิงก็จะช่วยให้ภายในห้องดูไม่อึดอัดค่ะ หรือเราจะเอาด้านเเคบของโต๊ะชิดผนังฝั่งห้องน้ำก็ได้นะคะ เพื่อที่จะได้เหลือพื้นที่ทางเดินกว้างขึ้นอีกค่ะ
ระยะทางเดินโดยรอบชุดทานอาหารในห้องตัวอย่างนั้นถือว่าใช้งานได้โอเคอยู่นะคะ ถ้าเลื่อนเก้าอี้เก็บขณะไม่ได้ใช้งาน ฝั่งที่ติดกับประตูจะเหลือทางเดินประมาณ 90 ซม. ฝั่งที่ติดกับห้องน้ำจะเหลือทางเดินอยู่ที่ประมาณ 50-60 ซม. ยังคงเป็นระยะที่เดินได้ค่ะ
ถัดมายังส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นกันบ้าง ตรงนี้จะดีอยู่อย่างที่พื้นที่ตรงนี้จะไม่มีทางเดินตัดผ่าน (นอกจากจะมีคนเดินไปยังระเบียง) ทำให้เมื่อเราใช้งานดูหนังอยู่ก็จะไม่มีใครเดินผ่านหน้าทีวีเพื่อเดินไปยังครัว ห้องน้ำ หรือห้องนอนได้ ระยะดูทีวีก็กว้างขวางอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร
พื้นที่สำหรับวางโซฟาจะกว้างประมาณ 2.35 เมตร สามารถเลือกวางโซฟาแบบ 3 ที่นั่งได้เลย
ตำแหน่งวางทีวีอยู่ฝั่งเดียวกับประตูทางเข้าห้องนอนพอดี เราจะวางทีวีเเบบเเขวนผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดิน หรือจะทำ Built-in เป็นชั้นวางของเต็มพื้นที่ผนังก็ได้นะคะ
จากห้องนี้ออกไปยังระเบียงจะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นอยู่ โดยกระจกที่อยู่ติดกับผนังภายนอกทางโครงการจะเลือกใช้เป็นกระจก Insulated ที่ช่วยกันความร้อนเเละเสียงได้ และจะติดกระจกชนิดนี้ให้ในทุกห้องนอน ทุกยูนิต คือถ้าเราเปิดประตูออกมาจะได้ยินเสียงวอแว และเสียงรถยนต์บนถนนชัดเจนเลย ยิ่งโครงการอยู่ติดกับทางด่วนด้วยเเล้ว แต่พอเราปิดประตูสนิทปุ๊ป ภายในห้องก็ถือว่าเงียบเลยค่ะ
พื้นที่ระเบียงจะถูกลดระดับลงมาจากห้องพัก กันฝุ่นเเละน้ำไหลเข้าห้องค่ะ
ห้องนี้จะได้ระเบียงที่กว้าง 1.1 และยาว 3 เมตรเลย สามารถใช้งานได้เต็มที่ จะเอาชุดโต๊ะเก้าอี้มาวางเพื่อนั่งเล่นพักผ่อนหรือชมวิวก็ได้
สามารถใช้งานได้เต็มที่ไม่มีไอร้อนจาก Condensing Unit แบบที่โครงการทั่วๆไปเจอ และภายนอกห้องบริเวณระเบียงจะติดไฟผนังไว้ให้เป็นไฟส่องสว่างค่ะ
มองย้อนกลับมาจากระเบียงนะคะ ทางซ้ายมือจะเป็นประตูไปยังครัวเเละประตูทางเข้าห้องหลัก ตรงไปสุดจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ส่วนทางขวามือจะเป็นทางเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ
ระยะจากโซฟาถึงชั้นวางทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรเลย เราสามารถวางโต๊ะกลางเล็กๆได้ ทางเดินกว้างขวางเดินสบายค่ะ
เดี๋ยวเราจะพาไปดูยังพื้นที่ส่วนครัวกันต่อนะคะ
ห้องครัวของแบบนี้จะได้เป็นครัวปิดนะคะ ประตูกั้นเป็นประตูบานเลื่อนซ่อนผนัง
รางเลื่อนอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างที่เเล้ว ภายในห้องครัวจะเปลี่ยนวัสดุพื้นจาก พื้นลามิเนต เป็นพื้นกระเบื้องค่ะ
ห้องนี้จะได้ครัวยาวเลย แค่ตัวเคาน์เตอร์ก็ยาว 2 เมตรแล้ว
ที่พิเศษของห้องนี้คือชุดครัวที่ Built-in มาให้จะมีชั้นวางรองเท้า วางร่ม เเขวนกุญแจให้มาเเบบนี้เลยค่ะ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในคอนโดพอสมควร เราไม่ต้องมาทำเพิ่มเองเลย
ทางเดินภายในครัวกว้าง 90 ซม.สามารถใช้งานได้สบายค่ะ แต่ถ้ามีคนเดินผ่านก็ต้องเอียงๆตัวหน่อยนะคะ ครัวปิดแบบนี้เราสามารถทำอาหารได้เต็มที่และสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศเพิ่มอีกทางได้ด้วย
มีประตูบานเลื่อนออกไปยังส่วนระเบียงเเยกอีกที พื้นที่ตรงนี้เป็นระเบียงเอาไว้สำหรับวาง Condensing Unit โดยเฉพาะค่ะ
วางได้ 3 ตัวพอดี เป่าข้างดังนั้นการออกมาใช้งานจะร้อนหน่อย แต่ก็มีติดตั้งกริลเบี่ยงลมร้อนไว้ให้เรียบร้อย
เหลือที่ยืนประมาณ 75 x 85 ซม. เป็นระยะพอที่จะยืน Service ได้พอดี
นอกจากนี้มีเดินงานระบบไฟฟ้าไว้ให้ มีหัวปลั๊กเตรียมไว้ ในกรณีที่ต้องการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบริเวณระเบียงค่ะ
พื้นที่ส่วนครัวจะมีการติดตั้งระบบ Fire detector ไว้ให้ด้วย
Built-in วัสดุก็จะได้เหมือนกันค่ะ มีหน้าบานตู้บนได้เป็นบานกระจะใสสีชา และสีดำ แล้วแต่ห้อง
Top เคาน์เตอร์เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนไร้รอยต่อ ชุดบานเลื่อนบานเปิดตู้ล่างกรุด้วยเมลามีน ทุกบาน Soft Close ค่ะ
ด้านหลังเคาน์เตอร์กรุผนังด้วยกระเบื้องเเกรนิตโต้สีตำ มีฟังก์ชันรางพร้อมที่เเขวนให้มาเเบบในภาพด้วย สามารถเเขวนเเก้วน้ำ หรือช้อนส้อมเมื่อล้างเสร็จไว้บนอ่างพอดี น้ำจะได้ไม่ไหลเลอะเทอะไปทั่วเคาน์เตอร์ค่ะ
ชุดเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันของMEX ค่ะ เป็นแบบ 2 หัวเหมาะกับการใช้งานในคอนโด
ออกมาจากห้องครัวเเล้วนะคะ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องน้ำกันก่อน เเล้วไปจบกันที่ห้องนอนค่ะ
ห้องน้ำของห้องนี้ก็จะได้สุขภัณฑ์เเละวัสดุเหมือนกันกับห้องที่เเล้วเลย เป็นสุขภัณฑ์ของ American Standard
ส่วนที่แตกต่างกันคือ ชุดกระจกเงาในห้องน้ำ จะเปิดออกมาได้และได้เป็นชั้นเก็บของเเบบนี้แทนค่ะ
เเละการวางเเนวฝักบัวอาบน้ำจะต่างออกมานะคะ คือจะหันตรงเข้าประตูเลย ถ้าปิดไม่สนิทส่วนแห้งก็จะเปียกๆหน่อย
แต่ก็จะได้ชั้นวางของบริเวณกำแพงที่ใหญ่ขึ้นค่ะ
สำหรับห้องนอนภายในห้อง 2 Bedroom นะคะ ประตูทางเข้าจะเป็นประตูทึบเลย เเยกออกจากพื้นที่ส่วนอื่นๆ ได้ความเป็นส่วนตัวเต็มที่ ได้มือจับก้านโยก และมีกุญแจไขเปิดปิดได้ค่ะ
เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อน ห้องนี้จะได้หน้าต่างฝั่งเดียวของห้องนะคะ ขนาดห้องจะอยู่ที่ประมาณ 2.65 x 3 เมตร
ในห้องตัวอย่างจะจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตกว้าง 1.50 เมตร ไว้ชิดกับหน้าต่างเลย ทำให้ได้พื้นที่ข้างๆวางตู้เสื้อผ้าเเบบนี้ และมีทางเดินเหลือ 1.7 เมตร เราสามารถจัดมุมทำงานหรือโต๊ะเครื่องเเป้งเพิ่มได้ตรงนี้นะคะ
หรือส่วนปลายเตียงก็จะทำเป็น Built-in ชั้นวางทีวีก็ได้ค่ะ พื้นที่ปลายเตียงไปจนสุดผนังเหลือทางเดินประมาณ 90 ซม.พอดี
มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับตู้เสื้อผ้าก่อนเลย ส่วนเตียงนอนจะอยู่ทางขวามือของเรา
ห้องนี้มีข้อดีตรงที่ได้หน้าต่างแบบ Bay Window และเปิดกว้างเต็มเเนวผนังฝั่งนึงไปเลย ทำให้ภายในห้องดูสว่างมาก
จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นวิวตรงสี่แยกรามคำแหงพอดี ไม่มีตึกสูงบัง ตึกที่เห็นก็จะอยู่ไกลออกไป เป็น The Base ตัวก่อนหน้าเราอีกที ระยะต่างๆก็ห่างไปมาก ไม่ติดเรื่องความเป็นส่วนตัวอะไรค่ะ
ห้องนี้เมื่อเราว่าเตียงแบบ King Size ลงไปแล้วถือว่าเหลือพื้นที่รอบๆกว้างขวางพอสมควรเลยค่ะ อย่างปลายเตียงในห้องตัวอย่างถึงชั้นวางทีวีก็เหลือทางเดินประมาณ 50 ซม. ทางเดินระหว่างเตียงกับหน้าต่างก็อยู่ที่ประมาณ 60 ซม. และระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้าก็อยู่ที่ประมาณ 1 เมตรเลยค่ะ
ถือว่าเป็นอีกห้องที่จัดออกมาได้พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าเลยนะคะ ดูแล้วสามารถอยู่กัน 2-3 คนสบายๆเลย
อีกหนึ่งรูปแบบห้องที่ทางโครงการขายอยู่คือห้องแบบ RFC (Rental for City) ที่ทำและออกแบบเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน มีทั้งหมด 26 ห้องในโครงการค่ะ RFC เป็นห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าขายมาพร้อมตัวห้องที่ตกแต่งเป็นสไตล์ต่างๆ โดยจะมีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวให้มาทั้งหมด 9 ชิ้น ได้แก่ เตียง, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะหัวเตียง, โต๊ะทานข้าว, เก้าอี้, ตู้เก็บของ, ตู้ลิ้นชัก Sideboard , โซฟา,โต๊ะรับแขก เตียงก็จะได้หมอน ผ้านวม ผ้าปูที่นอน มีม่านและพรอพแต่งห้อง เช่น กรอบรูป หมอน โคมไฟ แจกัน ให้มาพร้อมเลย เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการซื้อห้องไว้ปล่อยเช่า แต่ก็ยังต้องไปตามหาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาไว้ในห้องด้วย แต่สำหรับห้อง RFC คือซื้อเสร็จพร้อมปล่อยเช่าได้เลยค่ะ หรือใครจะซื้อเพื่ออยู่เองก็ได้นะคะ
ห้อง RFC ที่โครงการขายก็จะมี Theme ตกแต่งต่างๆ เช่น Pink Pastel , Minimal , Indigo เป็นต้นค่ะ โดยในรีวิวนี้เรามีตัวอย่างบรรยากาศห้องมาให้ดู 2 ห้องนะคะ ไปดูกันคร่าวๆกันนะคะว่าห้องที่เเต่งพร้อมขายจะได้หน้าตาประมาณไหนกัน
ห้องนี้เป็นห้อง Type 1E ตกแต่งด้วย Theme ชื่อว่า Stay Wild เน้นโทนสีเขียว
หน้าตาโซฟา เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็ได้ตามนี้เลยค่ะ
มีชุดโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง
ให้เตียงนอน หมอน ฟูก ผ้าปูที่นอนให้มาพร้อมเลยด้วย
ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี ผ้าม่านได้ตามนี้
ห้องน้ำได้ตามนี้ทั้งหมด รวมไปถึงเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยค่ะ
อีกห้องนึงที่พาไปดูเป็นห้อง 1BM-2 ตกแต่งด้วย Theme Indigo เน้นโทนสีฟ้าคราม เฟอร์นิเจอร์ได้เหมือนกันโทนสีเรียบๆ ซึ่งก็จะ Match กับสีผนังที่ตกแต่งตาม Theme ต่างๆ
ดีเทลโต๊ะกลางหน้าโซฟาสามารถยกขึ้นเก็บของได้
ปลายเตียงจะมีลิ้นชักสำหรับเก็บของด้วยนะคะ
Sideboard ข้างเตียงก็เป็นลิ้นชักเลื่อนออกมาเก็บของได้ 2 ชั้น
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 September 2018
- ราคาขายเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- โปรโมชัน ฟรีค่าส่วนกลาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- Fully Furnished / Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 20,000-40,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000-50,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
*โปรโมชัน ฟรี ทุกค่าใช้จ่ายวันโอนและเครื่องใช้ไฟฟ้า*
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – โครงการ เดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 ตั้งอยู่ติดถนนรามพระราม 9 ซึ่งเป็นถนนใหญ่ ใกล้กับสี่แยกรามคำแหง บริเวณนี้เป็นทำเลที่มีอาคารสำนักงานอยู่ค่อนข้างหนาเเน่น รวมไปถึง Home Office ตามตรอกซอกซอยในถนนพระราม 9 นอกจากนี้เป็นเเยกที่เริ่มมีคอนโดประเภท High Rise ขึ้นเยอะเเล้วนะคะ เพราะเป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก และใกล้กับเเนวรถไฟฟ้าสีส้มที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยความเจริญจากตัวเมืองอย่างพระราม 9 อโศก ทองหล่อ เอกมัย ถัดออกมาก็จะเป็นพื้นที่บริเวณนี้ ที่กำลังพัฒนามากขึ้น แต่ถ้าพูดถึงความอุดมสมบูรณ์เดิมที่มีอยู่ในละเเวกนี้ ก็จะเน้นหนักไปที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งถนนเส้นนั้นจะมีทั้งร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด และผู้คนอาศัยกันอยู่คับคั่ง หรือถ้าเป็นถนนพระราม 9 ทางฝั่งขาออกก็จะมี The Nine ที่เป็น Community Mall ใหญ่ ไม่ไกลจากโครงการตั้งอยู่ สามารถเดินทางไปใช้บริการได้สะดวกอยู่ค่ะ ส่วนทำเลนี้จริงๆเป็นย่านมุสลิมเก่าที่เป็นชุมชนอยู่กันมานาน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านเดี่ยวที่ไม่ได้จัดสรรอยู่กันตามซอยเล็กซอยน้อย ที่ติดริมถนนนั้นพอจะเห็นออฟฟิศขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมทั้งโชว์รูมรถยนต์เปิดกันให้เห็นอยู่ประปราย จะมีตึกใหญ่หน่อยก็อย่างตึก UM Tower ที่อยู่ใกล้ๆแยกคลองตัน เลยจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์ไปค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ – สำหรับโครงการนี้ถือว่าสะดวกสบายทีเดียวนะคะ เนื่องจากเป็นทำเลที่อยู่ฝั่งขาเข้าเมืองพอดี ตัวโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย สามารถเดินทางเชื่อมไปยังถนนหลักๆ ได้หลายสาย อย่าง ถนนพระราม 9 – ที่มุ่งหน้าไปยังดินแดงและอนุสาวรีย์ได้ , ถนนรามคำแหง – ที่ไปยังหัวหมาก บางกะปิ , ถนนเพชรบุรี หรือจากหน้าโครงการก็วิ่งเข้าเมืองไปยังเอกมัย ทองหล่อได้สบายๆ , ถนนพัฒนาการ – ออกไปยังนอกเมืองมุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์หรือสนามบินสุวรรณภูมิได้ , ถนนสุขุมวิท 71 – ออกไปยังพระโขนงอ่อนนุชได้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วน 2 เส้น คือ ห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช ประมาณ 1 กม. และจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ประมาณ 1.4 กม. ส่วนที่จอดรถนั้นอยู่ที่ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆค่อนไปทางน้อยนะคะ เเต่ถ้ารถไฟฟ้าเกิดขึ้นคนอยู่อาศัยส่วนหนึ่งอาจเลือกใช้รถบบขนส่งมวลชนเเทนรถยนต์ส่วนตัวค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – โครงการนี้ถือว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แต่ยังไม่ใช่ในระยะที่เดินสบายซักเท่าไหร่ เรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งท่าทางจะสะดวกกว่าค่ะ โดยรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นรถไฟฟ้า Airport Link สถานีรามคำแหง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 700 เมตร และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเกิดขึ้น สถานีราม 12 ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าเดอะมอลล์รามพอดี เป็นรถไฟฟ้าที่เชื่อมตะวันออกกับตะวันตกของกรุงเทพไว้ เดินทางจากตลิ่งชันมายังมีนบุรีได้เลยค่ะ ตัวเลือกอื่นๆก็จะมีเช่นรถเมล์ ซึ่งบริเวณถนนรามคำแหงเป็นเส้นที่มีรถเมล์ให้บริการหลายสายมาก เดินทางเข้าออกเมืองได้หลายเส้นทาง โดยป้ายรถเมล์ก็จะอยู่บนถนนรามคำแหงนะคะ ทางเดียวกับที่เดินไปแอร์พอร์ตลิ้งก์ และอีกเส้นทางคือการเดินทางทางน้ำด้วยเรือด่วนคลองแสนแสบซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 1.2 กม. ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดกับถนนเพชรบุรีใช้เดินทางไปยังผ่านฟ้าได้แบบไม่ต้องกลัวรถติด หรือถ้าสบายสุดก็เรียก Taxi หรือ Grab ก็ได้เลยค่ะ
วัสดุ – ที่ได้มาในห้องถือว่าตามมาตรฐานของราคาที่เฉลี่ยเเล้วสูงกว่าคอนโดย่านนี้ที่มีมาก่อนหน้านะคะ พื้นได้เป็นลามิเนต 8 มม. กระเบื้องห้องน้ำลายไม้ ผนังกับฝ้าเพดานได้ฉาบเรียบทาสีขาว ไฟดาวน์ไลท์ฝังฝ้าเพดาน ห้องแบบ 1 Bedroom ได้แอร์ 2 ตัว และห้องแบบ 2 Bedroom จะได้แอร์ 3 ตัว ครัวได้ครบชุด มีหน้าบานบนเป็นกระจกใส ล่างกรุด้วยเมลามีน ส่วน Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นกระเบื้องพอร์ชเลนขนาดใหญ่ไร้รอยต่อ ฉากกั้นภายในห้องน้ำให้มา สุขภัณฑ์ได้ของ American Standard และกระจกฉนวนความร้อน (Insulating Glass) ที่ให้มาทุกยูนิตกันช่วยความร้อนกันเสียงรบกวนจากภายนอกค่ะ
การออกแบบ – โครงการของเเสนสิริถือว่ามีการออกแบบที่มีสไตล์โดดเด่นไม่ธรรมดานะคะโครงการใช้โทนสีอาคารแดงอิฐเป็นหลัก มีการเซาะร่องดูละม้ายคล้าย Container ดูดิบเเปลกตา ตัวโครงการมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ อยู่ที่ 600 กว่ายูนิต ถ้าเทียบต่อชั้นก็อยู่ที่ประมาณ 20 ยูนิตต่อชั้น การวางตัว Tower อาคารเป็นรูปตัว Z ก็จะช่วยให้เกิดมุมมองที่เเตกต่าง ลดความหนาเเน่นดูน่าอึดอัดไปได้บ้าง ส่วนรูปแบบห้องพักอาศัยนั้นจะมีแค่แบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom แต่จะมี Type ย่อยออกไปหลากหลายแบบ ตามแต่ฟังก์ชั่นเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการต่างกันไปค่ะ แต่โดยรวมถือว่าออกแบบมาได้ดีคุ้มค่าพื้นที่ใช้สอย และมีบางห้องที่ได้ Bay Window ค่ะ
สาธารณูปโภค – ที่ให้มาจะมีอยู่ที่ชั้นล่างเเยกออกไปจากตัวอาคารเเละภายในอาคารชั้น 1 และชั้น 5 โดยเน้นไปที่สวนเเละพื้นที่พักผ่อน โดยรวมเมื่อสร้างเสร็จเเล้วออกมาสวยงามประทับใจเลยนะคะ ด้วยตัววัสดุเอย การออกแบบแสงสว่างต่างๆ Double Volume เอย ดูเเล้วหรูหรามากเลยทีเดียว สระว่ายน้ำที่อยู่ Outdoor หน้าอาคารอาจจะได้ยินเสียงรถบนถนนรบกวนบ้าง แต่ก็ออกแบบด้วยรูปทรง Freeform ขนาด 23×5 เมตร ลึก 1.2 เมตร มีสระเด็ก ฟิตเนส Tree House ให้เล่น โดยทุกส่วนสามารถมองเห็นกันต่อเนื่องกันทั้งหมด ภายในอาคารส่วนมากเป็น Double volume ที่ทำให้บรรยากาศส่วนกลางของอาคารดูโปร่ง โล่ง สบาย น่าใช้งาน นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษอย่างiBOX และ Smart MOVE ที่เพิ่มพิเศษให้กับลูกบ้านยุค Digital อีกด้วยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 120,000 บาท/ตร.ม., 27 September 2018
- ทำเล 7.25/10 – ติดถนนใหญ่ แต่ไม่ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินสบายเท่าไหร่ ต้องอาศัยรถในการเดินทางเล็กน้อย
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้า-ออกเมืองสะดวก ถนนเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง ไม่ไกลจากทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ระบบขนส่งมวลชนหลักๆจะอยู่บนเส้นรามคำแหง ต้องเดินเอาเล็กน้อย (ถ้ารถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดในบริการปรับเป็น 7.5 ได้)
- วัสดุ 8/10 – ให้มาค่อนข้างดีเหมาะสมตามระดับราคา
- แบบ 7.5/10 – มีแบบให้เลือก 1 Bedroom และ 2 Bedroom แต่มีแบบหลายหลาย จัดห้องออกมาค่อนข้างลงตัว
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – อยู่ชั้นล่างๆ ส่วนที่เป็น Outdoor ได้ยินเสียงรถราดังบ้าง แต่โดยรวมทำออกมาสวย น่าใช้งาน
- UPPER CLASS
- 7.51 / 10.00
BOTTOM LINE
เดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 เป็นคอนโดที่เพิ่งสร้างเสร็จ เหมาะกับคนที่กำลังหาคอนโดพร้อมอยู่ย่านพระราม 9 รามคำแหง อยากได้ห้องขนาดพอดีๆไม่เล็กเกินไป แบ่งเป็นสัดส่วน มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ครบครัน เชื่อมั่นในแบรนด์ของเเสนสิริ เน้นการเดินทางเข้าเมืองสะดวก มีงบประมาณ 3-7 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,000-49,000 บาทต่อเดือน