Fact @ 11 May 2014
- Summer Hua Hin (ซัมเมอร์ หัวหิน)
- บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ถนนหนองแก-ตะเกียบ
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร 150 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 42 คันคิดเป็น 28%
- ที่ดินประมาณ 3-0-52.7 ไร่
- สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ปี 2557
- Studio ไม่มี
- 1 Bedroom 39 – 43.5 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms / Duplex 62 – 80.96 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ ไม่มี
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาเริ่มต้น (2014) 3.39 ล้านบาทหรือประมาณ 75,839 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 89,000 บาท
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ หัวหิน ได้ที่: มามีบ้านพักตากอากาศกันเถอะ หัวหิน เขาตะเกียบ-เขาเต่า
- http://www.sansiri.com
- โทร 1685
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 12.5305227,99.966695
แผนที่จากทางโครงการ ซัมเมอร์ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ เขาตะเกียบ-หนองแก ไม่ได้อยู่ติดชายหาดแต่อยู่ในระยะสามารเดินไปได้
หากใครยังไม่เคยไปหัวหินช่วงเขาตะเกียบ หรือยังไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ แนะนำให้อ่านบทความ มามีบ้านพักตากอากาศกันเถอะ หัวหิน เขาตะเกียบ-เขาเต่า กันก่อนนะครับ
Summer ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ถัดจากโรงแรม Amari และ My Resort โดยจะไม่ติดทะเล แต่สามารถเดินทะลุไปยังทะเลโดยอาศัยทางผ่านของโรงแรมแต่ละแห่งได้ เช่น Let’s Sea เป็นต้น เพื่อไปยังหาดเขาตะเกียบ
พอเอาแปลนเข้ามาเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียม ก็จะเห็นเป็นแบบนี้ ตัวตึกมี 1 อาคาร รูปร่างคล้ายๆกับตัว V โดยปีกทั้งสองข้างของตัว V จะล้อมสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางเอาไว้
- ฝั่งทิศเหนือแถบหนึ่งจะถูกบังโดยอาคารของคอนโดข้างเคียง – ฝั่งนี้จะอึดอัดหน่อยนะ บางจุดจะค่อนข้างประชิดมาก ไม่แนะนำ ยกเว้นว่าจะมาหัวหินแค่เปลี่ยนที่นอนเฉยๆ
- ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะมีบางส่วนที่เห็นภูเขา – ตรงนี้เห็นไม่ชัดเท่าไรเพราะว่าภูเขาจะต้องหันไปทางทิศตะวันตกตรงๆ … แต่ถ้าตะวันตกเต็มๆก็จะร้อนมาก
- ฝั่งทิศตะวันออกจะเห็นทะเลแต่จะต้องสูงเกินชั้น 5 ขึ้นไป – ถ้าเตี้ยกว่านี้ก็จะไม่เห็นทะเล จะได้วิวโรงแรมวรปุระแทน
- ฝั่งที่เหลือจะเป็นวิวภายในเห็นสระว่ายน้ำนะครับ – ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่วิวทะเล เลือกวิวสระว่ายน้ำภายในก็ถือว่าใช้ได้ครับ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
เอาผังออกจะได้เห็นตัวอาคารเต็มๆ ระยะทางจากประตูหลังของอาคาร เดินตรงๆทะลุไปถึงหาดเขาตะเกียบวัดได้ 200 กว่าเมตร
เรามาตั้งต้นกันที่ตัวเมืองหัวหินนะครับ บริเวณห้าง PURE Plaza ที่มี Chic Republic น่ะ
ถนนหัวหินนี้วิ่งง่ายครับ แต่รถค่อนข้างเยอะในเวลาวันเสาร์ ยิ่งเป็นช่วงที่ติดกับวันหยุดยาว อย่างที่ผมไปก็จะใกล้กับวันวิสาขบูชาที่เป็นวันอังคาร ก็จะทำให้มีคนหยุดวันจันทร์ที่เป็นฟันหลอ แล้วก็มาพักยาว 3-4 วันก็มี
พอเลยส่วนของตลาดฉัตรไชยและวัดหัวหินก็จะมาถึง Colonnade Mall … ตรงนี้ให้วิ่งตรงๆไปอีกครับ
ผ่าน Villa Market และ Market Village เพื่อไปทางเขาตะเกียบ … พอเลยจุดนี้การจราจรก็จะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว
จากแผนที่เราจะเห็นว่าเป็นทางขึ้นเขาตะเกียบ ซึ่งจะแยกจากถนนหลักไปที่ประจวบคีรีขันธ์ (ปราณบุรี) ให้เราตรงไปครับ
อย่าเข้าผิดเลนนะ ชิดซ้ายไว้ ไม่กลับรถ
ถ้าเห็น ibis Hotel ก็จะรู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว ตรงไปอีกนิดเดียว
เราจะผ่าน Amari Huahin ก่อน ตรงนี้มีทั้งโรงแรมและส่วนคอนโดพักตากอากาศ
ที่รั้วติดๆกัน กระจกสีฟ้าๆก็คือคอนโดมิเนียมข้างเคียง
แล้วก็จะมาถึง Summer Huahin ตามลำดับครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- เขาตะเกียบ
- Market Village
- ตลาดฉัตรไชย
- วังไกลกังวล
พอเข้าโครงการมาปุ๊ป ถัดจากป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ เราก็จะเห็นพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์และจักรยาน ทำเอาไว้ให้ลูกบ้านมาจอดโดยเฉพาะ ใครชอบพกจักรยานมาเที่ยวก็เหมาะเลยครับ
หน้าตาของอาคารที่นี่จะดูไม่เหมือนโรงแรม แต่จะออกเป็นแนวบ้าน ที่อยู่อาศัย เสียมากกว่า ดู Mood & Tone เรียบร้อยๆ หวานหน่อยๆสไตล์ Modern Colonial ครับ
วิวแรกที่จะให้ชมคือวิวภูเขาครับ ทิศตะวันตกของทำเลนี้เป็นภูเขาสวยๆ มองเห็นชัดเจนเวลาฟ้าเปิด แต่โครงการ Summer ไม่ได้ทำห้องเพื่อให้หันไปชมวิวภูเขานะครับ ดังนั้นจะเห็นได้เฉพาะห้องที่เฉียงๆ หรือมีหน้าต่างทางทิศตะวันตกเท่านั้น
หน้าตาโครงการ Summer Hua Hin จะค่อนข้างเรียบ สุภาพๆ แบบนี้ ไม่หวือหวา ไม่มีสีสัน … คือถ้าเอาป้ายโฆษณาโครงการสีฟ้า-ส้มนั้นออกไป ตึกก็จะเหลือแต่สีขาวกับเขียวเลยละครับ
เรามาดู Master Plan กันบ้าง … ที่ดินของ Summer หัวหิน เป็นรูปถุงเข้าไปจากถนนใหญ่แบบนี้ โดยตัวตึกมีเพียง 1 ตึก แต่จะแบ่งออกเป็น 3 Wings คั่นด้วยช่องแสง ให้มีช่องว่างแยกจากกัน ไม่ดูทึบและอึดอัดจนเกินไป
ตัวตึกมีทั้งสิ้น 150 ยูนิต เฉพาะห้อง 1 – 2 Bedrooms เท่านั้น โดยจะมีขนาดตั้งแต่ 39 – 74.5 ตารางเมตร และบางส่วนที่เป็น Duplex Room ครับ
จากในแปลน ฝั่งทิศเหนือจะเป็นฝั่งที่หันเข้าหาคอนโดข้างๆ มีระยะห่างอยู่พอควรแต่จะถูกบังวิวไป ยกเว้นชั้นล่างที่จะได้พื้นที่สวนรอบโครงการครับ
ชั้น G ของโครงการ Summer มีห้องที่เป็นลักษณะพิเศษโดยเฉพาะอยู่ 2 ประเภท คือห้องที่หันหน้าเข้าหาสวนที่ปลูกอยู่ตามริมรั้ว และห้องที่หันเข้าหาสระว่ายน้ำแบบเปิดประตูที่ระเบียงกระโดดลงสระได้
หน้าตาของห้องที่ติดกับสระจะเป็นแบบนี้ … เหมาะกับการมาพักผ่อน แต่ไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตตลอดเวลา ซึ่งก็ตรงกับคอนเซปท์ของโครงการ Summer หัวหิน ที่เป็นบ้านพักตากอากาศของคนกรุงครับ
ตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไปก็จะเป็นห้องพัก ซึ่งที่นี่ก็ดีอย่างตรงที่มีการเว้นช่องแสง ช่องลม ให้ตัวตึกดูโปร่งโล่ง ไม่เหมือนกับว่ายูนิตมาก แบ่งกรุ๊ปของห้องออกเป็น 3 โซน ซึ่งจริงๆแล้วก็มีอยู่ที่ 23 ยูนิตต่อ 1 ชั้น กับอัตราส่วนลิฟท์ 1:75 ซึ่งถือว่าไม่แออัดเลย ยิ่งเป็นบ้านพักตากอากาศที่คนอยู่ไม่เคยจะครบอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องห่วงนะครับ
ชั้น 6 และชั้น 7 จะมี 3 ยูนิตพิเศษ ที่เป็น Duplex อยู่ทางตะวันออกของตึก ซึ่งจะเป็นยูนิตที่เห็นทะเลอย่างชัดเจนนะครับ
เริ่มจากส่วนของ Lobby กันก่อนเลย
ทางซ้ายที่เข้าไปถึงก็จะเป็นห้องของนิติบุคคลนะครับ โดยตัว Lobby นั้นจะเป็นแบบ Open-Air เปิดโล่ง ซึ่งจะได้รับลมแบบสัมผัสได้เลย ด้วยความที่ตัวตึกเว้นช่องลมเอาไว้สองจุด จุดหนึ่งคือบริเวณ Lobby และอีกจุดหนึ่งคือช่องที่รับลมทะเลบริเวณทิศตะวันออก ทำให้ลมนั้นพัดไหลๆทั้งวัน ขนาดผมไปช่วงบ่าย 3-4 โมงเย็น ก็อากาศดีครับ
ลืมบอกไปว่าที่จอดรถด้านหน้าของโครงการมีทั้งสิ้น 42 คัน หรือคิดเป็น 28% ของที่ยูนิตทั้งหมด (ไม่รวมซ้อนคัน) ซึ่งถ้าเป็นช่วงหน้าเทศกาลใหญ่ๆก็อาจจะมีปัญหาได้ แต่ที่ผมมาในช่วงเทศกาลหยุดต่อเนื่องเล็กๆ จำนวนรถที่จอดก็มีประมาณที่เห็นนี่ละนะครับ
First Impression ความประทับใจแรกของโครงการที่เห็นเป็นภาพนี้ครับ … หลังจากที่เดินเข้ามาจาก Lobby เรียบๆแล้วพบกับความแตกต่างประมาณนี้ ผมถือว่าใช้ได้เลย เป็นการออกแบบที่ทำให้ภายในโดดเด่นกว่าภายนอกมากๆ พอเห็นครั้งแรกก็จะประทับใจด้วยความแตกต่างสูงๆ … โดยจุดที่เห็นเด่นๆก็คือพื้น ผนัง และกระจกที่จะเดินออกไปยังส่วนของสระว่ายน้ำครับ
ฝ้าเพดานสูงและผนังจุดที่เป็นหน้าตาโดดเด่นของ Summer หัวหิน
ก่อนที่เราจะเดินไปดูโซนสระว่ายน้ำนะครับ เรามาเดินดูส่วนกลางที่อยู่ในอาคารกันก่อน
ส่วนแรกเป็นจุดนั่งรับรองแขก มีโซฟาผ้าและพัดลมติดเพดาน แต่ฝ้าตรงส่วนนี้เตี้ยกว่าบริเวณโซฟาที่ผนังตกแต่งนะครับ
พอเราเดินผ่านจากโซฟาผ้าก็จะเดินมาถึงห้องฟิตเนส
อุปกรณ์มีไม่มาก เล่นได้พร้อมๆกัน 4-5 คน หันหน้าไปทางเรือนกระจก ได้วิวสวนข้างสระว่ายน้ำแบบนี้
เรือนกระจกเป็นจุดที่ยื่นออกมารับแดด โดยมีหลังคากระจกส่องแสงลงมาแบบนี้
มองจากด้านนอกหน้าตาแบบนี้ครับ ใช้เป็นทางเดินเชื่อมระหว่างล็อบบนี้กับห้องพักในเวลาที่ฝนตกได้
ย้อนกลับมาดูสระว่ายน้ำกันดีกว่า
สระว่ายน้ำของ Summer หัวหินจัดว่าใหญ่และครบเครื่อง เหมาะกับทั้งเด็กผู้ใหญ่ ที่จะมาว่ายน้ำพักผ่อนในวันหยุดนะครับ
สระว่ายน้ำมีส่วนลึกส่วนตื้นไม่เท่ากัน ส่วนตื้นจัดวางไว้ด้วยเก้าอี้อาบแดดตั้งอยู่กลางน้ำ ส่วนลึกอยู่ด้านในเอาไว้ว่ายน้ำเล่น
รอบสระว่ายน้ำเป็นสวนสาธารณะ เราสามารถเดินข้ามสะพานจากสระว่ายน้ำไปยังส่วนแห้งได้
เดินข้ามมาฝั่งนี้ก็จะเป็นส่วนแห้ง ที่ Blending เข้าไปกับส่วนของสระว่ายน้ำจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่นมีม้านั่งที่เว้าเข้าไปในสระว่ายน้ำโดยมีกรงสวยๆครอบอยู่แบบนี้ แต่กรงนี้ไม่กันแดดกันฝนนะครับ ต้องอาศัยเงาจากอาคารมาบังไว้
ม้านั่งทำด้วยปูนและทรายล้าง มีเบาะผ้าที่ทนแดดทนฝนสำหรับ Outdoor ตั้งไว้ โดยเว้นระยะส่วนหนึ่งจากสระว่ายน้ำไม่ได้ติดกัน ทำให้นั่งได้สะดวก ไม่ต้องกลัวเปียก
กลางสระว่ายน้ำเว้นที่เอาไว้ปลูกต้นไม้หลายๆจุด แต่จะปลูกในส่วนที่เป็นน้ำตื้น ทำให้ไม่ไปบังเส้นทางว่ายน้ำ
แนว Landscape ส่วนกลางทั้งหมดจะเป็น Free Form ทรงโค้งๆ ออกแบบให้ลื่นไหลไปตามกัน ทั้งสระว่ายน้ำ, สวนหิน, ทางเดิน และพุ่มไม้
พื้นทางเดินจะเป็นรูปทรงกลมบ้างรีบ้างต่อๆกัน เป็นทรายล้างบ้าง หญ้าบ้าง จัดออกมาได้ลงตัว รอบๆโรยหินไว้ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในรีสอร์ท
ที่นั่งข้างๆสระก็จะวางอยู่บนพื้นทรายล้างวงหนึ่งๆ ออกแบบมาให้ขนาดพอดีวาง
ส่วนของสวนจะร้อนหน่อยนะครับ เพราะเงาตึกบังไม่ถึง
เงาตึกยามบ่าย 3-4 โมงของหน้าร้อนเมืองไทยจะพาดลงมาได้แบบนี้ สระว่ายน้ำที่เป็นสระหลักจึงเปรียบเสมือนสระในร่ม ว่ายได้แม้ตอนกระทั่งแดดจ้าหนักๆ
ว่ายน้ำเสร็จก็มาอาบน้ำตรงนี้ ผมชอบที่อาบน้ำนะครับ ดีไซน์ออกแบบมาได้เก๋ดี
หน้าตาของโถงลิฟท์ดูสวยหรูขึ้น สาเหตุใหญ่ๆมาจากการกรุผนังลิฟท์ด้วยหินที่มีลายสวยงาม
เช่นเดียวกับการปูพื้นลิฟท์ด้วยหินประเภทเดียวกัน ก็ทำให้ลิฟท์ดูหรูหราขึ้น
เราจะเดินไปสำรวจพื้นที่บริเวณชั้น 4 กัน
บันไดหลักของโครงการ Summer นี้เปิดโล่งไว้ให้รับแสงและลมธรรมชาติ แตกต่างจากบันไดในคอนโดมิเนียมในเมืองที่จะต้องมีประตูเหล็กกันไว้เป็นทางหนีไฟ
นี่คือช่องลมที่เจาะผ่านไว้ทุกชั้น ช่วยลดความหนาแน่นของตึกและเพิ่มความโปร่ง โล่ง สบาย
ช่องระบายน้ำตรงนี้ทำเอาไว้เพื่อระบายน้ำฝนจากช่องลมเวลามีพายุมา ออกแบบเอาไว้รอบคอบดีครับ ไม่เช่นนั้นน้ำจะเจิ่งนองไปบนทางเดินไปทั่ว
มองจากช่องลมด้านบนลงไปจะเห็น พื้นที่ส่วนกลางเต็มๆ
ก่อนที่เราจะไปดูห้อง … ผมก็ต้องพาทุกท่านไปดูสิ่งที่สำคัญที่สุดของคอนโดตากอากาศที่หัวหินกันก่อนนะครับ นั่นก็คือ ทะเล!
เนื่องจากโครงการ Summer หัวหินไม่ได้ติดทะเล การเดินทางจึงต้องใช้รถกอล์ฟไปกับ รปภ.
ด้านหลังของโครงการ Summer จะติดกับโรงแรม Worabura ซึ่งเข้าไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
ด้านหลังของ Summer ในส่วนนี้จะมองข้ามไปยังทะเลได้ โดยยูนิตแปลกๆสามยูนิตที่อยู่บนชั้น 6-7 นั้นเป็นห้อง Sea View Duplex ครับ
เรานั่งรถกอล์ฟปุเรงๆกันไป เป็นระยะทางไกลพอควรเลย
สาเหตุหลักๆคือเราไม่สามารถนั่งรถลัดผ่านซอยข้างๆ โรงแรม Let’s Sea ได้ เพราะเป็นพื้นที่ทะลุไปยังชายหาดส่วนบุคคล
เราจึงต้องนั่งรถกอล์ฟมาค่อนข้างไกลจากประตูหลังของ Summer มายังชายหาด โดยใช้ถนนสาธารณะ
เข้าซอยนี้มาครับ
ตอนกลายก็จะถึงตรอกเล็กๆซึ่งเป็นทางลงทะเลได้
ช่วงนี้น้ำขึ้นแทบไม่เห็นหาดเลย
นี่คือแนวชายหาดบริเวณเขาตะเกียบ ถ้าน้ำลงหาดจะสวยกว่านี้เยอะครับ และภูเขาไกลๆที่ยื่นลงไปในทะเลนั่นแหละคือเขาตะเกียบ
มองกลับไปทางหัวหิน … เดี๋ยวเราไปต่อกันที่ห้องพักดีกว่า
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ Freeform แบ่งเป็นส่วนตื้นและส่วนลึก
- ห้องออกกำลังกาย มีเครื่องเล่นประมาณ 4-5 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 75:1
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถ 42 คัน คิดเป็น 28% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องแรกที่เราจะพาไปชมเป็นห้อง 2 Bedrooms วิวสระน้ำ อยู่ที่ชั้น 4 ขนาด 65.17 ตารางเมตร ราคาขาย 5,990,000 บาท หรือ 91,913 บาทต่อตารางเมตร
ห้องนี้ประกอบด้วยห้องนอนใหญ่ที่แยกออกไปเป็นสัดเป็นส่วน และห้องนอนเล็กที่สามารถเปิดบานเลื่อนมารวมกับห้องนั่งเล่น เพื่อสร้างพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้นได้
เดินเข้าไปเราจะมาถึงบริเวณกลางห้องก่อน … ห้องนี้จะพลิกจาก Unit Plan ด้านบนหน่อยนะครับ ตรงที่ห้องนอนเล็กจะอยู่ฝั่งซ้ายและห้องนอนใหญ่จะอยู่ฝั่งขวา
ส่วนแรกที่เราพบคือส่วนรับประทานอาหารและครัวเล็กๆ ซึ่งเป็นมุมเข้าไปแบบนี้ มีเอาไว้ให้ทำอาหารเบาๆสำหรับการมาพักผ่อนตากาอากศ
พื้นห้องจะใช้เป็นพื้นกระเบื้องไวนิล ทนแดด ทนฝน ทนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าลามิเนตทั่วไป
ท๊อปครัวเป็นหินสังเคราะห์สีดำ วางเตาไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 หัวไว้ให้ ผนังปูด้วยกระเบื้องสีขาว
ด้านบนมีเครื่องดูดควันไว้ให้พร้อม
ส่วนของครัวฝ้าเพดานจะดรอปลงไปนิดหนึ่ง คาดว่าอยู่ที่ 2.40 เมตร จากฝ้าเพดานทั่วไปที่ 2.60 เมตร
Highlight ของห้องนี้อยู่ที่มุมนี้ละครับ เป็นจุดต่อเชื่อมของห้องนั่งเล่นและห้องนอนเล็ก โดยโทนสีจัดมาเป็นโทนฟ้า-ส้ม ตัดกัน ใช้ได้เลย
บริเวณนี้เป็นจุดนั่งเล่นนั่งพักผ่อน ใครไม่ชอบโต๊ะเล็กๆสองตัว มองว่าสูงไปหรือเกะกะ ก็สามารถหาโต๊ะเตี้ยมาวางแทนก็ได้
ระยะดูทีวีแทบไม่ต้องห่วงว่าจะชิดไป มีแต่จะใส่ทีวีเครื่องเล็กไปจนมองไม่เห็นนั่นแหละ …
แอร์ของห้องนี้ให้มาเป็นแบบ Wall Type แขวนเพดาน 3 เครื่อง ติดตั้งที่ห้องนั่งเล่น, ห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ อย่างละเครื่องครับ
ห้องนอนเล็กจริงๆแล้วขนาดก็ไม่ได้เล็กนะ ใหญ่ทีเดียว นอนสบาย
บานเลื่อนเป็นบานจูง 3 ตอน สามารถเลื่อนเปิดปิดกันเป็นสัดส่วนได้
ฟิตติ้งติดตั้งโอเคนะครับ แต่เวลาเดินก็ต้องระวังนิดนึง เพราะรางที่พื้นจะนูนเหนือพื้นไวนิลขึ้นมาหน่อย ระดับไม่เท่ากัน
ห้องนี้เป็นห้องตกแต่งแล้ว เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นก็จะได้ไปทุกชิ้น ซึ่งผมมองว่าบางชิ้นมันโอเคแล้วก็จริงแต่สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้ เช่นตู้ทางซ้ายมือที่เป็นตู้ลอย ถ้าเราซื้อห้องเปล่ามาตี Built-in ก็จะได้ตู้ที่สวย ใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่ตลอดความสูงครับ
ห้องน้ำที่นี่ขนาดใช้ได้ ไม่เล็กไป วางอุปกรณ์อาบน้ำเป็นสัดส่วน
ภายในตกแต่งเรียบๆ เดินบัวตรงกลางทำให้ดูคลาสสิกนิดๆ เจาะกระเบื้องแผ่นหนึ่งทำช่องวางสบู่ไว้เก๋ๆ
ฝักบัวอาบน้ำสองระบบ Hand & Rain Shower
หัวก๊อกรูปกากบาท เป็นก๊อกผสมน้ำร้อน-นำ้เย็น
ที่น่าสังเกตอีกจุดคือเสาใต้ซิงก์น้ำ ที่ทำออกมามีดีไซน์สอดรับกับโครงการ
เราเดินออกไปยังระเบียงกันบ้าง
ส่วนแรกที่จะดูก็คือที่วางคอมพ์แอร์ ที่จัดเป็นสัดส่วนเรียบร้อย ไม่เกะกะ ตีกริลบังมิดให้ตึกสวยจากทั้งภายนอกและภายใน เดินเข้าไปดูแลรักษา Service ง่าย
ระเบียงได้เป็นระเบียงที่ยาว ขนาดไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป ใช้งานได้ดี สามารถตั้งเก้าอี้และโต๊ะกาแฟได้ หรือถ้าใครจะเอาเก้าอี้ยาวมาวางก็ยังสามารถทำได้ครับ
วิวที่มองลงไปก็จะได้แบบนี้ พักผ่อนชิลๆ
เปิดประตูเดินเข้ามาที่ Master Bedroom นะครับ จะเห็นว่าแต่งเอาไว้ได้เข้า Theme อีกแล้ว แต่เน้นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวทั้งหมด
แสงไฟช่วยเพิ่มมิติได้มาก แต่พอใช้เฟอร์ลอยตัวทั้งหมดก็จะเกิดความไม่พอดีขึ้น เช่นโต๊ะ Sideboard ใต้ทีวีด้านหลังนี้ มันเข้ามุมไม่ได้สนิทเป็นต้น
ห้องนอนใหญ่นี้มีห้องน้ำในตัวครับ
รายละเอียดห้องน้ำคล้ายๆเดิม ไม่ต้องพูดอะไรมาก
จุดที่แตกต่างคือที่นั่งอาบน้ำ ที่บางคนจะชอบมากโดยเฉพาะผู้ใหญ่จะชอบเป็นพิเศษ
จบกับห้องนี้ด้วยวิวสวยๆจากมุมห้องนอนใหญ่ครับ
อีกห้องที่เราอยากพาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom ติดสระ อยู่ที่ชั้น 1 ขนาด 40.75 ตารางเมตร ราคาขาย 4,190,000 บาท หรือ 102,822 บาทต่อตารางเมตร
ด้านหน้าห้องจะคล้ายๆแบบนี้
ห้องที่อยู่ชั้น 1 มีข้อดีคือเราจะไม่ต้องเดินขึ้นบันได ไม่ต้องขึ้นลิฟท์ แต่ก็มีข้อเสียเรื่องความปลอดภัยและความไม่เป็นส่วนตัว ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าเป็นคอนโดสำหรับการพักผ่อนตากอากาศชั่วครั้งชั่วคราว ข้อเสียที่มีก็จะลดทอนลงไปมาก กลายเป็นข้อดีเต็มตัวมาเสียอย่างนั้น ด้วยการมีทางเข้าออกไปยังส่วนกลางโดยตรง
พอเราเดินออกมาที่ระเบียง ก็สามารถเปิดประตู รั้วริมระเบียง เดินลงน้ำได้เลย
ห้องนั่งเล่นจะคล้ายๆเดิมแต่มีขนาดเล็กลง ซึ่งก็พอเพียงนะครับสำหรับการมาพักผ่อน 1 ครอบครัว ที่มีสมาชิก พ่อแม่ลูก 3-4 คน
เวลานั่งอยู่ด้านในก็จะเห็นวิวสระน้ำและสวนสบายตา โดดเด่นกว่าห้องด้านบนเสียอีกที่ต้องก้มลงไปจึงจะเห็นวิวสระ
ข้อเสียก็คงจะเป็นเรื่องพอเรามองเห็นเขา … เขาก็มองเห็นเราเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องหาผ้าม่านมาปิดไว้หน่อย
ห้องนอนจะเชื่อมกันด้วยบานจูง แปลนห้องคล้ายๆกับห้อง 2 Bedrooms ห้องที่แล้วแต่ตัด Master Bedroom ออกไป
ผู้ออกแบบก็เข้าใจนะครับว่าอาจจะขาดความเป็นส่วนตัว ห้องนอนจึงมีหน้าต่างบานเล็กๆที่สามารถปิดทึบได้เพราะเป็นหน้าต่างสองชั้น (ลองเลื่อนไปดูภาพด้านบนแล้วจะรู้)
ประกอบกับห้องนี้อยู่ปลายสุดของสระว่ายน้ำด้วย ความเป็นส่วนตัวจึงเสียไปไม่มาก จะมีก็แต่เรื่องเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวจากลูกเด็กเล็กแดงเวลาพามาว่ายน้ำ … ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความเพลิดเพลินของหลายๆคนครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 May 2014
- 1 Bedroom ติดสระ อยู่ที่ชั้น 1 ขนาด 40.75 ตารางเมตร ราคาขาย 4,190,000 บาท หรือ 102,822 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedrooms วิวสระน้ำ อยู่ที่ชั้น 4 ขนาด 65.17 ตารางเมตร ราคาขาย 5,990,000 บาท หรือ 91,913 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom ห้องธรรมดา ชั้น 2 ขนาด 44.70 ตารางเมตร ราคาขาย 3,390,000 บาท หรือ 75,839 บาทต่อตารางเมตร
- บริหารการเช่ารายเดือนโดย Plus
- ค่าเช่ารายเดือนสำหรับห้อง 1 Bedroom อยู่ที่ 30,000 – 35,000 บาท
- ค่าเช่ารายเดือนสำหรับห้อง 2 Bedrooms อยู่ที่ 40,000 – 45,000 บาท
- Fully Furnished / Fully Fitted
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- มี Kitchen & Sink
- มี Hob & Hood
- มีรถกอล์ฟไปกลับชายหาด
- คอนโดพร้อมโอน
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 48 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของ Summer หัวหิน นั้นสะดวกในการเดินทาง คืออยู่ติดถนนสายหลักบริเวณทางขึ้นเขาตะเกียบ แต่ไม่ใช่ที่ดินติดทะเลที่มีชายหาดอยู่ติดกับโครงการ หากต้องการจะไปยังชายหาดจะต้องเดินไปประมาณ 200 เมตร หรือใช้รถกอล์ฟนั่งไปประมาณ 5 นาที หากจะเรียกว่าลำบากไหมก็ตอบว่าไม่เท่าไร ดีกว่าคอนโดที่อยู่ตามตัวเมืองหัวหินที่เดินไปหาดแทบไม่ได้ แต่ก็ด้อยกว่าการไปพักตามโรงแรมติดทะเลหลายๆแห่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้าถามผมคงจะต้องดูที่ Lifestyle การใช้ชีวิตมากกว่า ว่าเรามาหัวหินเพราะอะไร อยากลงทะเลขนาดนั้นไหม หรือแค่เล่นน้ำสระ นอนกินลมชมวิว ตกเย็นไปตามร้านอาหาร เดินตลาด ก็เพียงพอแล้ว อันนี้เป็นคำถามที่ท่านผู้อ่านต้องตอบเองนะครับ
จุดแข็งของ Summer หัวหิน จะอยู่ที่ส่วนกลางซึ่งคล้ายๆกับสวนน้ำขนาดย่อม ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มตลาดครอบครัวโดยเฉพาะ ผมมั่นใจว่าถ้าใครมีลูกเล็กๆอายุไม่เกิน 12-13 คงจะสนุกสนานกับการเล่นน้ำที่นี่เป็นแน่ เพราะสระออกแบบมาในรูป Free Form มีทั้งโซนตื้นโซนลึก ต่อเชื่อมกันทั้งโครงการ ทั้งยังมีสะพานข้ามสระว่ายน้ำ ที่นั่งรอบสระที่ยื่นเว้าเข้าไปในตัวสระสามารถให้ผู้ปกครองนั่งเฝ้าได้อยู่ใกล้ๆ และการออกแบบแนวสระน้ำให้อยู่ใต้ร่มเงาของตึกในยามบ่ายทำให้ว่ายน้ำได้แบบไม่ต้องกลัวแดดกลัวดำ ส่วนนี้จัดเป็นข้อดีครับ ในขณะที่ส่วนกลางอื่นๆอย่าง Fitness หรือ Lobby นั้น มีไว้พอประมาณ ใช้งานพอได้แต่ไม่ได้เน้นความใหญ่เหมือนกับสระว่ายน้ำ คนที่ต้องการที่นั่งรับรองอลังการในห้องแอร์และฟิตเนสใหญ่ๆ ก็คงจะไม่ถูกใจครับ
ตัวห้องพักของ Summer ออกแบบมาดี เป็นแบบที่แสนสิริพัฒนาขึ้นมาเป็นบ้านตากอากาศและก็ยึดแบบห้องแบบนี้มาตลอดตั้งแต่โครงการบ้านแสนครามที่ชะอำเรื่อยมา เป็นการออกแบบให้พื้นที่ของห้องนอนและห้องนั่งเล่นสามารถต่อเชื่อมเป็นพื้นที่เดียวกันได้ เปิดโล่งด้วยความโปร่งของบานจูงสามตอนให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ปรับเปลี่ยนได้หลายแบบ กลางวันห้องนั่งเล่นก็เอาไว้ทำกิจกรรม กลางคืนก็อาจจะใส่เตียงเสริม หรือ แปลง Sofa Bed เป็นเตียงก็ได้ อีกทั้งห้องของบ้านพักตากอากาศนั้นเป็นบ้านที่ใช้สำหรับการอยู่อาศัยชั่วคราว พวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ไม่เข้าตาจึงสามารถละเลยข้ามไปได้บ้างครับ
ส่วนเรื่องราคานั้นจัดว่าเป็น Range ค่อนข้างกว้าง คือตั้งแต่ 76,000 บาทสำหรับห้องธรรมดา จนไปถึง 100,000 บาทต่อตารางเมตรสำหรับห้องริมสระ ในระดับราคาส่วนใหญ่ 3-6 ล้านบาท เรื่องนี้ผมคงจะฟันธงลงไปไม่ได้ว่าราคานี้แพงหรือไม่ และจะเลือกห้องไหนดี ก็ต้องแล้วแต่ Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยอีกเช่นเคย ว่าใครสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ขนาดไหน มองว่า Pool Access นั้นคุ้มค่าแค่ไหน ชอบมากไหม ซึ่งเป็นคุณค่าทางอารมณ์ของแต่ละคนแต่ละครอบครัวไปครับ
สุดท้ายคือเรื่องของค่าเช่า ที่ผมพึ่งจะได้รับอัพเดทมาจึงเอามาใส่นะครับ ว่าทาง Plus จะเป็นผู้บริหารจัดการดูแลผู้เช่าให้ ในวันที่เข้าไปรีวิวผมก็พบชาวต่างชาติ (ฝรั่งผมทอง) อยู่หลายคน เรตค่าเช่าจะเป็นระยะยาว รายเดือน โดย 1 ห้องนอนจะอยู่ที่ 30,000 – 35,000 บาทต่อเดือน และ 2 ห้องนอนจะอยู่ที่ 40,000 – 45,000 บาทต่อเดือน
Judgement
คอนโดตากอากาศไม่มีการพิจารณาคะแนนนะครับ
BOTTOM LINE
Summer หัวหิน เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบพักผ่อนที่หัวหิน อยากได้ห้องพักขนาดไม่เล็กมากจนเกินไป ราคาอยู่ในช่วง 3-6 ล้านบาท โดยที่ไม่เน้นเรื่องทะเลเท่าไร แต่ต้องการโครงการที่มีส่วนกลางใช้ได้ ไม่แออัดครับ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ