King Wai Group กลุ่มทุนจีน ที่เริ่มเข้ามาจับตลาดอสังหาในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2556 ด้วยการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Keppel Thai Properties ที่เคยพัฒนาบ้านเดี่ยว Villa Arcadia ศรีนครินทร์
ปัจจุบันมี Landbank ในมือมากกว่า 5,000 ไร่ กระจายอยู่ในกรุงเทพ และพื้นที่ EEC ล่าสุดได้ฤกษ์เปิดคอนโดโครงการแรก S 61 by KWG มูลค่า 1,600 ลบ.
S 61 by KWG เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร จำนวน 126 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7.69 ลบ. หรือประมาณ 192,000 บาท/ ตร.ม.
สำหรับแผนการลงทุนในกทม. King Wai Group ได้วางไว้คร่าวๆ อีก 3 โครงการ คือคอนโดในซ. สุขุมวิท 31 คอนโดบนถ.พระรามสี่ และบ้านเดี่ยวแถววัชรพล
นอกจากนี้ ยังมี 2 Mega Project ซึ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์–ยูส โดยแห่งแรก คือโครงการ AEC อยู่ที่บนพื้นที่ 1,997 ไร่ ของ ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งเป้าให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัย ศูนย์ดูแลสุขภาพ ศูนย์รองรับผู้สูงอายุ พื้นที่สันทนาการและการท่องเที่ยว รวมถึงศูนย์กระจายสินค้า
ส่วนอีกหนึ่งโปรเจ็กต์คือโครงการ NVV ตั้งอยู่ที่ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ 1,526 ไร่ ภายในโครงการจะมีที่อยู่อาศัย สถาบันการศึกษา และคอมมิวนิตี้ไลฟ์สไตล์ ผ่านแนวคิดหลักในการเป็นพื้นที่ เพื่อการศึกษาและเป็นที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายครบครัน และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร
King Wai Group มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมชื่อเสียงในธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปีในประเทศจีนและฮ่องกง โดยเริ่มขยายธุรกิจออกนอกประเทศหลังการปรับใช้นโยบาย “Belt and Road Initiative” (BRI) ของรัฐบาลจีนทางกลุ่มเล็งเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวอีกทั้งยังเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศที่พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางและประตูสู่การทำธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต โดย Mega Project ที่ถูกกล่าวถึงที่สุดคือ “King Wai City Oasis” ซึ่งตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้และเทียนจินมีพื้นที่ใช้สอยรวมกันมากกว่า 1.8 ล้านตารางเมตร และได้รับการรับรองจากศูนย์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กระทรวงปกป้องสิ่งแวดล้อม แห่งชาติจีน ให้เป็น “ที่อยู่อาศัยที่เป็นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” และ “อาคาร Low-Carbon Building” นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Bauhinia Valley ในเขตเป่าซาน มหานครเซี่ยงไฮ้ อันเป็นผลงานชิ้นเอกของ คิง ไว กรุ๊ป ในด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ มุ่งเน้นการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม นวัตกรรมและเทคโนโลยี เชื่อมโยงแบรนด์ระดับโลกสร้างฐานอุตสาหกรรมของอนาคต