LPN คาดรายได้ 7 เดือนทะลุหมื่นล้าน โดดเด่นสุดเดือน ก.ค.ทำยอดโอนกรรมสิทธิ์กว่า 3,000 ลบ. จากเป้าหมาย 5,000 ลบ. มั่นใจ Backlog ในมือ 18,700 ลบ. รองรับรายได้อนาคต คาดครึ่งปีหลังยอดขาย-รายได้เติบโตต่อเนื่องจากแผนงานขายเสริมคนมีบ้านง่าย เตรียมเปิดใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ลบ.
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)(LPN) เปิดผยว่า ผลการดำเนินงาน 7 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทสร้างรายได้จาการโอนกรรมสิทธิ์ได้กว่า 10,000 ล้านบาท จาก 4 โครงการไฮไลท์ ได้แก่ ลุมพินี เพลส สุขสวัสดิ์-พระราม 2 , ลุมพินี เพลส ศรีนครินทร์ หัวหมาก-สเตชั่น, ลุมพินี พาร์ค รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน และลุมพินี พาร์ค พระราม 9-รัชดา คิดเป็นกว่า 60% จากเป้ารายได้โอนกรรมสิทธิ์ทั้งปี 16,000 ล้านบาท
โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาเพียง 1 เดือน บริษัทสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้สูงถึง 3,000 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโครงการ เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกค้ามีบ้านหลังแรกในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย (Affordable Price) ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งการเลือกทำเลเชิงกลยุทธ์ คุณค่าผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด L.P.N.Design พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีตามกลยุทธ์ “ชุนชนน่าอยู่” จึงทำให้บริษัทสร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ
และบริษัทยังคงมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) สูงถึง 18,700 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2558 ประมาณ 8,700 ล้านบาท และปี 2559 ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทได้ทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องภายใน 5 เดือนที่แล้ว อีก 2 โครงการ คือ ลุมพินี วิลล์ อ่อนนุช-ลาดกระบัง 2 และลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 1) ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมในปีนี้ให้เป็นไปตามแผนงานอย่างแน่นอน
ด้านภาพรวมครึ่งปีหลัง 2558 นี้ LPN คาดว่าการแข่งขันทางด้านการตลาดจะสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ทันที หากโครงการที่เลือกไว้แล้วมีกิจกรรมส่งเสริมการขายที่น่าพึงพอใจ ดังนั้น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในแต่ละโครงการจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญหลักแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความพร้อมทางด้านการเงิน เพื่อนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยของตนเองในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
LPN เชื่อว่าหลังจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวกลับมา ผลจากการแข่งขันของผู้ประกอบการ จะสามารถตอบโจทย์และสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้โอกาสการแข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทจึงเตรียมเปิดตัวงานขายอีก 5 โครงการใหม่ บนทำเลที่มากศักยภาพ คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท