Fico Corporation กางแผนลงทุนกว่า 4.1 พันล้านบาท ผุดบริษัทพลังงานและกลุ่มบริษัทมีเดียและเอนเตอร์เทนเมนท์ พร้อมเดินหน้าลุย 5 โครงการโรงแรมและที่พักอาศัยหรูใจกลางเมือง เตรียมโฟกัสขยายการลงทุนในยุโรป ประเดิมปีนี้ด้วยการเข้าซื้อ 2 โรงแรมดังในอังกฤษ ตั้งเป้าภายใน 3 ปีขยายพอร์ทในยุโรปอีก 150 ล้านยูโร
นายกฤษน์ ศรีชวาลาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารบริษัทในเครือ เผยในงานแถลงข่าว FICO CORPORATION PRESS CONFERENCE 2015 “ONE WORLD ONE VISION” เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558 ว่าฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภทอาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่น และบันเทิง โดยเป็นเจ้าของแบรนด์ดังมากกว่า 40 แบรนด์ในกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึง สินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศในปี 2558 นี้ ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น และบริษัทในเครือฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในธุรกิจเดิมของบริษัท ตลอดจนเปิดไลน์ธุรกิจใหม่เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ในงบประมาณกว่า 4.1 พันล้านบาทโดยแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศภายในปี 2560 ทั้งสิ้น มูลค่า 3.58 พันล้านบาท และในต่างประเทศอีกกว่า 15 ล้านยูโร (525 ล้านบาท) จากการควบ 2 โรงแรมในสหราชอาณาจักรในปีนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มพอร์ทยุโรปอีก 50 ล้านยูโร (1.75 พันล้านบาท ) ภายในปีนี้ และตั้งเป้าขยายการลงทุนเพิ่มพอร์ทในยุโรปอีก 150 ล้านยูโร (5.25 พันล้านบาท) ภายใน 3 ปี
แผนการลงทุนของ ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ในปี 2558 ประกอบด้วย
การเปิดบริษัท ฟิโก้ เมทเทิลส์แอนด์ ไมเนอร์รอลส์ จำกัด (FICO Metals & Minerals Co.,Ltd.)หรือ ฟิม่าในเดือนพฤษภาคม 2557 เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน โลหะและแร่ธาตุ ด้วยเม็ดเงินลงทุนเริ่มแรก 300 ล้านบาท และคาดว่ารายได้รวมของปีนี้อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ธุรกิจของฟิม่าในเบื้องต้นมุ่งเน้นไปที่การผลิตและจำหน่ายส่วนผสมเหล็กโลหะ ถ่านหินแอนทราไซต์ ถ่านหินพลังงานความร้อนเพื่อโรงไฟฟ้าและโรงปูน (bituminous coal) ถ่านโค้ก แร่ทองแดง แร่แมงกานีส เป็นต้น โดยได้จัดสร้างโรงงานถ่านหินแอนทราไซต์ที่มีกำลังการผลิต 72,000 MT ต่อปี ณ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยเริ่มการผลิตและจัดส่งถ่านหินแอนทราไซต์ไปยังบริษัทต่างๆ ในประเทศตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เป้าหมายระยะกลางของฟิม่าคือการเพิ่มกำลังการผลิตและส่งออกถ่านหินแอนทราไซต์ไปยังต่างประเทศ เช่น อินเดียและมาเลเซียส่วนเป้าหมายระยะยาวคือการขยายไปสู่ธุรกิจโภคภัณฑ์และวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมอื่นๆเป็นลำดับต่อไป
โครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศประกอบด้วย
โครงการที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2558
Metropolis อาคารสำนักงาน 21 ชั้น สไตล์ยุโรปคลาสสิคที่เน้นความหรูหราสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผนังหินอ่อน เพดานล็อบบี้สูง 10 เมตร เพดานชั้นอื่นสูง 3.3 เมตร ซึ่งจัดว่าสูงที่สุดในบรรดาอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอาคารมีพื้นที่รวม 26,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับร้านค้ารายย่อย 2 ชั้น ตั้งอยู่ในบริเวณ ดิเอ็มดิสทริค(The EM District) บนถนนสุขุมวิทใจกลางกรุงเทพฯติดสถานีรถไฟฟ้าBTS พร้อมพงษ์ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 1.3 พันล้านบาท
Residence Metropole บูติคเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์สำหรับลูกค้าระดับสูง ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นการลงทุนสร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์แห่งแรกของฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ในงบประมาณก่อสร้าง 400 ล้านบาทตัวอาคารทั้งภายนอกและภายในเป็นแบบนีโอคลาสสิคสมัยศตวรรษที่ 19 สไตล์ปารีสร่วมสมัย จำนวน117 ห้อง พร้อมฟิตเนส เซ็นเตอร์และสระว่ายน้ำออนเซ็นโครงการตั้งอยู่บนทำเลทองย่านทองหล่อ เดินทางสะดวกด้วยทางด่วนและรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ
โครงการที่เริ่มดำเนินการในปี 2558 และจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 และภายในปี 2560
- การปรับเปลี่ยนโรงแรม Le Fenix Sukhumvit (สุขุมวิท ซ.11)ให้เป็นโรงแรมบูติค งบประมาณ 70-80 ล้านบาท
- โครงการก่อสร้างโรงแรมบัดเจท (Budget Hotel) ในย่านสีลม (บริเวณข้างโรงแรมโนโวเทล สีลม)ในงบประมาณก่อสร้าง 500 ล้านบาท
- โครงการก่อสร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ย่านเอกมัยงบประมาณก่อสร้างประมาณ 1พันล้านบาท
การลงทุนในต่างประเทศ ในเดือน มิถุนายน ปี 2557 ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่นทุ่มเงินลงทุน 75 ล้านยูโร หรือประมาณ 3.32 พันล้านบาท (ตามอัตราค่าเงินแลกซื้อ ณ วันทำการซื้อ 44.3 บาท ต่อ 1 ยูโร) เพื่อซื้อโรงแรม 8 แห่งในเยอรมนีได้แก่
- Days Inn Berlin West
- Days Inn Dresden
- TRYP by Wyndham Leipzig North
- TRYP by Wyndham Bad Oldesloe
- TRYP by Wyndham Berlin City East
- Wyndham Garden Bad Malente Dieksee
- Ibis Erfurt Ost และ Ibis Gelsenkirchen ซึ่งปัจจุบัน มูลค่าของ 8 โรงแรมดังกล่าว ได้ขึ้นไปถึง 100 ล้านยูโรแล้ว
อีกทั้งในปีนี้ ฟิโก้ได้ทุ่มเงินลงทุนอีก 15 ล้านยูโร หรือประมาณ 525 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการโรงแรม 2 แห่งในสหราชอาณาจักร ได้แก่ The Lion Hotel, Shrewsbury และ The White Swan Hotel, Halifax พร้อมตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ของบริษัทฯ ในยุโรปอีก 50 ล้านยูโร (1.75 พันล้านบาท ) ภายในปี 2558 และขยายเพิ่มอีก 150 ล้านยูโร (5.25 พันล้านบาท) ภายใน 3 ปี
