AP Thailand ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้พันธกิจ ‘EMPOWER LIVING’ ที่มุ่งเติมเต็มทุกเป้าหมายของชีวิต ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมาย ตอกย้ำผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง ด้วยจุดยืน ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’ เหนือกว่าด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการออกแบบพื้นที่ พร้อมเชื่อมต่อทุกเรื่องราวของทุกเจเนอเรชั่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ HYBRID LIVING บ้านเพื่อการใช้ชีวิตแบบไฮบริดที่ลงตัว เดินหน้าเปิดพรีเซล 6 บ้านเดี่ยวใหม่ สวนกระแสตลาดฯ สร้างไม่ทันขาย 2 วันกวาดยอดขายกว่า 1,000 ล้าน สร้างนิวไฮครั้งใหม่ยอดขายแนวราบรวม 8 เดือนกว่า 18,400 ล้านบาท จากยอดขายรวมที่ทำได้ 21,420 ล้านบาท อุ่นใจด้วยสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุนมากกว่า 49,330 ล้านบาท โดย 12,010 ล้านบาท มาจากสินค้าแนวราบที่รับรู้ทั้งหมดในปีนี้
นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของบมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “เอพี ไทยแลนด์เริ่มต้นธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2547 กว่า 15 ปีของการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง วันนี้บริษัทฯ พัฒนาบ้านเดี่ยวมาแล้วกว่า 80 โครงการ มูลค่าเกือบ 100,000 ล้านบาท กับแบบบ้านที่มีมากกว่า 50 โมเดล ส่งผลให้วันนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวเอพีเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากรายได้หลักพันล้านสู่หลักหมื่นล้านในปี 2562 ที่มากถึง 10,227 ล้านบาท พร้อมวันนี้บ้านเดี่ยวเอพี ยังถือครองส่วนแบ่งตลาด (Market Share) มากสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนยูนิตที่ขายได้มากสุดในตลาดบ้านเดี่ยวในเมืองและปริมณฑล (รอบปี 2015-1H 2020) กับจุดยืนที่ว่า ‘บ้านเดี่ยวเอพี คือ บ้านที่เข้าใจชีวิต’ ซึ่งถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญที่ส่งผลให้บ้านเดี่ยวเอพีประสบความสำเร็จในวันนี้และในอนาคต ผ่าน 3 แบรนด์คุณภาพ ได้แก่ THE PALAZZO คฤหาสน์หรูในเซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี่ ราคา 25-60 ล้านบาทขึ้นไป THE CITY บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่เซ็กเมนต์ไฮเอนด์ ราคา 9-25 ล้านบาท และ CENTRO บ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์นสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวเซ็กเมนต์กลางบน ราคา 4.5-12 ล้านบาท”
“การที่เอพีสามารถครองอันดับหนึ่งสินค้าบ้านเดี่ยวในเมืองได้นั้น ส่วนสำคัญมาจากวิธีคิดในการทำงาน ภายใต้ค่านิยม Put People First คือการมองคนให้เป็นคน เข้าใจความต้องการ และรับฟังความคิดของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 ค่านิยมของเอพีภายใต้พันธกิจใหญ่ EMPOWER LIVING กับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ทุกพื้นที่ภายในโครงการบ้านเดี่ยวของเอพี สอดรับกับความต้องการและเชื่อมต่อทุกเรื่องราวชีวิตของลูกค้าในแต่ละเจเนอเรชั่นได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ที่สุด” นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวเสริม
นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ในปัจจุบันความท้าทายของการพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยวมาถึงจุดที่ยกระดับไปมากกว่า เรื่องของทำเลที่ตั้ง และเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน หัวใจของการออกแบบพัฒนาโครงการในวันนี้และในอนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์ต้องกลับมาทำการบ้านในการออกแบบพื้นที่มากขึ้น รวมถึงการเข้าใจอินไซต์ของการใช้พื้นที่ที่แตกต่างกันของทุกสมาชิกในครอบครัว เพราะถ้าเราถอดรหัสความต้องการในการใช้พื้นที่จริงๆ ของบ้านหลังหนึ่งแล้วนั้น เราจะพบว่าทั้งเพศ วัย ไลฟ์สไตล์ ความต้องการพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนรวมภายในบ้านหนึ่งหลัง มีรายละเอียดที่การออกแบบจะต้องเข้าไปตอบโจทย์ และสร้างคอมมูนิตี้เกิดขึ้น ตลอดจนเพิ่มฟังก์ชันส่วนกลาง พื้นที่สีเขียวในโครงการ ความปลอดภัย และสังคมที่ดีในภาพใหญ่ให้เกิดขึ้นไปในขณะเดียวกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สร้างให้บ้านเดี่ยวเอพีมีความแตกต่างและนำมาสู่ความสำเร็จ รวมถึงการต่อยอดจุดยืน ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’ ไปสู่การผสานเทคโนโลยีเข้ากับการอยู่อาศัยจนเกิดเป็นแนวคิด HYBRID LIVING นวัตกรรมบ้านที่เข้าใจการใช้ชีวิตแบบไฮบริด ผ่าน 4 แกนสำคัญ ได้แก่
- Cost-saving – นวัตกรรมเพื่อส่วนรวมกับพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับการทำกิจกรรมแบบจัดเต็มของคนทุกวัย โดยไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่าย ด้วยคลับเฮ้าส์พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power system) ทำงานผ่านระบบโซล่าเซลล์ที่อยู่ในส่วนบนของหลังคาคลับเฮ้าส์
- Security – นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยกับระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะภายในบ้าน ดูแลสมาชิกทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว แจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมส่งเสียงไซเรนเตือนผู้บุกรุก กล้อง IP Camera ที่สามารถ Live Stream ภาพ เพื่อดูแลทุกสมาชิกครอบครัว ระบบ Digital Door Lock เปิด-ปิดประตูหน้าบ้านผ่าน Application พร้อม ระบบ Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวสำหรับแขกคนพิเศษ หรือปุ่มเรียกฉุกเฉินสำหรับยามคับขันสร้างความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยทุกวัย
- Comfort – นวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบายกับระบบสั่งการอัจฉริยะ Smart Home Gateway และ Security Module ภายในบ้านผ่านการเชื่อมต่อกับ ระบบควบคุมไฟแสงสว่าง (Lighting Control) ที่ทำงานควบคู่กับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Sensor) ดูแลสนามหญ้าอย่างมือโปร หรือการควบคุมเครื่องปรับอากาศไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้าน เป็นต้น
- Community – นวัตกรรมที่ดูแลคอมมูนิตี้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Katsan Platform ผู้ช่วยคุ้มกันอัจฉริยะ อีกขั้นแห่งความอุ่นใจในการอยู่อาศัยภายในสังคมคุณภาพ ซึ่งจะทำหน้าที่คัดสรรบุคคล ที่จะเข้ามาภายในโครงการ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการอยู่อาศัย เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12-13 กันยายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดพรีเซลบ้านเดี่ยว 6 โครงการใหม่ ได้แก่
- THE CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 2 ราคา 29.9-37 ล้านบาท
- THE CITY พระราม 2-พุทธบูชา ราคา 9-15 ล้านบาท
- THE CITY พระราม 9-รามคำแหง ราคา 11-25 ล้านบาท
- THE PALAZZO ปิ่นเกล้า ราคา 35-60 ล้านบาท
- CENTRO พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา ราคา 7.9-15 ล้านบาท
- CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก 2 ราคา 7.59-11 ล้านบาท
ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดหมาย ประสบความสำเร็จสวนกระแสข่าวตลาดอสังหาฯ ถดถอย โดย 2 วันบริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้าน โดยในบางโครงการสามารถปิดการขายได้หมด ตลอดจนบางโครงการบริษัทไม่สามารถสร้างบ้านได้ทันการขาย ซึ่งสะท้อนได้ถึงภาพกำลังซื้อในตลาดระดับบนยังคงมีอยู่ ตลอดจนความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อบ้านเดี่ยวเครือเอพี
สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2563 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวม 8 เดือนกว่า 21,420 ล้านบาท จากเป้ายอดขายที่ 33,500 ล้านบาท โดย 18,400 ล้านบาทมาจากสินค้ากลุ่มแนวราบ คิดเป็น 82% ของเป้ายอดขายแนวราบทั้งปีที่ 22,500 ล้านบาท โตขึ้น 15% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้รวม 100% JV มากถึง 19,960 ล้านบาท ด้านสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,330 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 12,010 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 37,320 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้อีกประมาณ 9,008 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
ในไตรมาส 4 กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวเตรียมเปิดตัวโครงการอีกจำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 1,800 ล้านบาท ได้แก่ THE CITY บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา มูลค่า 890 ล้านบาท และโครงการย่านสาธุประดิษฐ์ 1 มูลค่า 910 ล้านบาท รวมทั้งปีกลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่า 20,430 ล้านบาท