แสนสิริตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ และ “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” โชว์แนวคิด Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being มุ่งพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในด้านสุขภาพ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงใน Customer Insight ขึ้นแท่นสู่การเป็นผู้นำการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ที่ใส่ใจความเป็นอยู่ของลูกบ้าน
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เราพูดมาตลอดในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า การออกแบบที่อยู่อาศัยนั้น ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต พฤติกรรม และต้องตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะปัจจุบันที่เรากำลังถูกปัจจัยหลายๆ ด้าน เป็นตัว Disrupt ทำให้ต้องเร่งรัดและก้าวเข้าสู่ยุคการปรับเปลี่ยนการออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วฉับพลัน ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีใครเคยนึกถึง หรือมีประสบการณ์มาก่อน ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรคือแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ดังนั้นแต่ละองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวตามความแตกต่างกันไปในแต่บริบทของตนเอง สิ่งสำคัญ ที่ทำให้แสนสิริสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดระยะเวลา 36 ปีนั้นคือการที่แสนสิริได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การศึกษาและพัฒนาที่อยู่อาศัยบนพื้นฐานความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้า จนกระทั่งเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือ Customer Insight อย่างแท้จริงนำพาไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ บริการ และแบรนด์ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดรับและมีประสิทธิภาพสูงสุด จนส่งผลให้แสนสิริเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” โดยดูยอดขายรวมในปีนี้ ที่ทำได้ล่าสุด 22,000 ล้านบาท และความสำเร็จกว่า 53% มาจากยอดขายโครงการแนวราบ ซึ่งแสนสิริ ได้วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และเป็น Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายในระยะเวลา 3 ปี”
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แสนสิริสามารถครองใจลูกค้าอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คือ แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัย Sansiri For Greater Well-Being โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสุขภาพที่ดี ทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ และความสัมพันธ์ที่ดีของทุกคนในโครงการ ครอบคลุมทั้งหมดไว้ด้วยกัน โดยทุกองค์ประกอบเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกบ้าน สะท้อนสู่การเปิดตัวนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่นเป็นครั้งแรกในไทย (Dust-Free House) รวมถึงการปรับที่ดินทำเล “กรุงเทพกรีฑา” จำนวน 300 ไร่ สู่การเป็น “Well-Living Town for the Next Generation – เมืองคุณภาพสำหรับชีวิตแห่งอนาคต” ตลอดจนการสร้าง Sansiri Backyard (แสนสิริ แบคยาร์ด) คอมมูนิตี้สีเขียวในเมืองที่สร้างนิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา เป็นต้น
“แสนสิริไม่หยุดนิ่ง ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย สู่การเป็น แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน โดยในปีนี้เรายกระดับสู่แนวคิด “Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being” การพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในด้านสุขภาพและความปลอดภัย เติมเต็มความต้องการอยู่อาศัยยุคใหม่บนพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของทุกคนในครอบครัว มุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีควบคู่กัน ซึ่งมาจากการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ศึกษา (R&D) และวางแผนจากการมองเห็นและเข้าใจในพฤติกรรมการใช้ชีวิตและความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์ภาพรวมใหญ่ของโลกที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านความตื่นตัวในความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพ และการให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสะท้อนออกมาเป็นเรื่องProduct & Service ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เห็นถึง 4 เรื่องหลัก ที่จะเห็นได้ในโครงการบ้านและทาวน์โฮม ได้แก่ Touchless Society / HY(GIENE)Tech Sales Gallery / Work and Living More Efficiently / More Space & More Privacy experience
Touchless Society
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสนสิริได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในวงการอสังหาฯ ในการลดการสัมผัส (Touchless) เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงโครงการ ซึ่งลูกบ้านสามารถระบุรายละเอียดของผู้ที่จะมาติดต่อ เช่น เลขทะเบียนรถหรือเวลาที่จะเดินทางมาถึง ผ่าน Visitor Pass บน Sansiri Home Service Application ซึ่งจะมีการส่ง QR Code เพื่อให้ผู้มาติดต่อสามารถสแกนเข้า-ออกโครงการ ได้ด้วยตัวเองในรูปแบบ E-Stamp โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนสมาร์ทโฟน เพิ่มประสบการณ์ความสะดวกสบายแต่ยังคงอุ่นใจในระบบรักษาความปลอดภัย โดยปัจจุบันเริ่มเปิดใช้งานแล้วในโครงการบ้านเดี่ยว อาทิ โครงการบุราสิริ วงแหวน – อ่อนนุช โครงการบุราสิริ ปัญญาอินทรา และโครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์ – 345 โดยมุ่งพัฒนาต่อเนื่องสู่อีกอีก 36 โครงการนำร่อง และวางแผนจะขยายสู่ทุกโครงการแนวราบของแสนสิริในอนาคต
HY(GIENE)Tech Sales Gallery
บนพื้นที่สำนักงานขาย นับว่า แสนสิริ เป็น HY(GIENE)Tech Sales Gallery โดยได้ใช้เทคโนโลยีเพิ่มความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าผ่านช่องทาง Digital Marketing ด้วย Virtual Sales Gallery การดูบ้านตัวอย่างได้ทาง YouTube เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลผ่าน Line และ Facebook เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง นอกจากนี้ ในส่วนการเข้าเยี่ยมชมห้องตัวอย่างยังได้ยกระดับความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าเข้าชมโครงการด้วยความมั่นใจด้วยมาตรการ “Sansiri Care for All… เพราะเราห่วงใย” หรือบริการ Private Tour เพื่อให้ไม่ต้องปะปนกับผู้อื่น พร้อมทั้งมาตรการในการตรวจวัดอุณหภูมิ
การบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และการใช้ ตู้อบรองเท้า เพื่อฆ่าเชื้อผ่านการอาบรังสี UVC ก่อนนำมาบรรจุซองปิดสนิทเพื่อรอการใช้งานใหม่ในทุกครั้ง ทำให้มั่นใจได้ว่าสลิปเปอร์ทุกคู่ที่ลูกค้าสวมใส่นั้น สะอาดปลอดภัย และ ถังขยะปลอดเชื้ออัตโนมัติ เพื่อจัดเก็บหน้ากากอนามัยหรือมาสก์ที่ผ่านการใช้งานเรียบร้อยแล้วได้อย่างทันที
Work and Living More Efficiently
แสนสิริ ใส่ใจในพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งภายในและภายนอกบ้านในรูปแบบใหม่ๆ สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตของลูกบ้าน เพื่อตอบสนองทุกการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว ให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่การป้องกันความไม่สะอาดจากภายนอกสู่ภายในบ้าน เพิ่มความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ อาทิ พื้นที่วางรองเท้านอกบ้าน ปรับเป็นรูปแบบ Semi-Outdoor ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อน และไม่อับชื้น โดยไม่มีการนำรองเท้าเข้ามาวางภายในบ้าน เพื่อลดโอกาสนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวบ้าน สร้างอ่างล้างมือนอกบ้าน เพื่อสร้างการรักษาความสะอาดก่อนเข้าไปภายในตัวบ้าน รวมถึงพื้นที่ในตัวบ้าน ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ทั้งการเป็น Connecting Space เพื่อทุกคนในครอบครัว และ Working Space เพื่อรองรับการทำงานในรูปแบบ Work From Home ที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังร่วมกับผู้พัฒนาเครือข่ายเข้ามาสำรวจและติดตั้งเราท์เตอร์ (Router) และเครื่องขยายสัญญาณแบบ Mesh Wi-Fi เพื่อให้สามารถใช้ Wi-Fi ได้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ของตัวบ้าน
More Space & More Privacy experience
เพิ่มความปลอดภัยของ พื้นที่ส่วนกลาง ทั้งคลับเฮาส์, ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ โดยออกแบบให้มีขนาดใหญ่ โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ดีไซน์ที่เน้นความสวยงามตามแนวคิดการออกแบบของแต่ละโครงการ แต่ยังคงภายใต้มาตรการคุมเข้ม เรื่อง รักษาความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนมั่นใจในการเข้าใช้บริการของผู้ใช้บริการ ด้วยการดีไซน์แบบ Isolation Design การจัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีระยะปลอดภัย เพื่อที่ลุกบ้านได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ใช้พื้นที่มากขึ้นแต่ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น หรือ More Space & More Privacy experience อาทิ ระยะห่างของเครื่องออกกำลังกาย การจัดวางเก้าอี้นั่งใน Co-Working Space ที่เพิ่มพื้นที่ระยะห่างและมีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ ยังพัฒนา Automation Sensor ระบบอัตโนมัติภายในห้องน้ำ เพื่อลดและหลีกเลี่ยงการสัมผัส อาทิ ก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ เครื่องกดโฟมล้างมือ ถังขยะไฟฟ้า และชักโครกไฟฟ้า รวมถึงเครื่องพ่นละอองแอลกอฮอล์ติดตั้งในบริเวณโดยรอบ เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัย และความสบายใจในการใช้พื้นที่ส่วนกลางสำหรับทุกคน
“ซึ่งการพัฒนาด้วยแนวคิด Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being มุ่งพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย ภายใต้การพัฒนาด้าน Product และ Service ทั้ง 4 เรื่อง ได้แก่ Touchless Society / HY(GIENE)Tech sales gallery / Work and Living More Efficiently / More Space & More Privacy experience จะเป็นการพลิกเกมและการเซตมาตรฐานใหม่ให้วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหาความพอดีและลงตัวทั้งในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าการ “เปลี่ยน” ครั้งนี้ จะเป็น “ตัวจุดประกาย” ที่ทำให้คนเลือกซื้อบ้านแสนสิริ และก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมตามที่วางเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ แสนสิริ ได้วางเป้าหมายโครงการแนวราบในปีนี้อยู่ที่ 17,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายโครงการบ้านเดี่ยว 13,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขายทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 4,400 ล้านบาท” นายอาณัติ กล่าวสรุป