Raimon Land ก่อตั้งในปี 1987 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและจำหน่าย เริ่มแรกได้จดทะบียนชื่อ “บริษัท ไรมอน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด” หลังจากประสบความสำเร็จในการก่อสร้างและขายโครงการอาคารพาณิชย์ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด” ในปี 1990
บริษัทได้เข้าลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และได้ลงทุนร่วมในบริษัทหลายแห่งเพื่อขยายธุรกิจ กระทั่งในปี 1993 ได้แปลงสภาพเป็นบริษัท “มหาชน” เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนสำหรับคนทั่วไป และได้รับอนุญาติให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และได้นำหุ้นของบริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ตลอดระยะเวลา 27 ปี ที่ Raimon Land อยู่คู่กับวงการอสังหาฯ ทางบริษัทได้สร้างแลนด์มาร์กสำคัญๆ หลายโครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต โดยส่วนมากจะเป็นคอนโดระดับ High End มีการการันตีผลตอบแทนชัดเจนอย่าง The Loft เย็นอากาศ หรือโครงการ Talk of the Town ที่มีทำเลโดดเด่นอย่าง 185 ราชดำริ และ The River
ปัจจุบันการบริหาร Raimon Land อยู่ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการหลายคน ซึ่งคนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันมากที่สุด คือคุณ Simon Derville รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพื่อศึกษาระดับปริญญาโททาง Finance ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มเข้าทำงานในตำแหน่ง Research Manager ที่ Raimon Land ในปี 2004 โดยคอยดูแลภาพรวมของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ
วันนี้ฤกษ์งามยามดี ทีม Think of Living มีโอกาสได้เข้าสัมภาษณ์คุณ Simon Derville ที่โครงการ 185 ราชดำริ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับภาพรวมและทิศทางของบริษัท ส่วนรายละเอียดลึกๆ จะเป็นอย่างไร สามารถอ่านในบทสัมภาษณ์ข้างล่างเลยนะคะ
– สวัสดีค่ะ คุณ Simon ทางเราอยากให้เล่าประวัติคร่าวๆ อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณเลือกมาทำงานที่เมืองไทย
ผมเดินทางมาเมืองไทยครั้งแรก 11 ปีที่แล้ว ประมาณปี 2003 ในฐานะนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่วงนั้นไทยยังอยู่ระหว่างฟื้นตัวจาก “วิกฤตต้มยำกุ้ง” หลังจากเรียนจบ ผมก็เริ่มทำงานที่ Raimon Land ในตำแหน่ง Research Manager ประเดิมด้วยโครงการแรกคือ The Lakes Condominium ในช่วงนั้นมีหลายอาคารถูกทิ้งร้างจากพิษเศรษฐกิจ โดย Raimon Land ได้เทคโอเวอร์ แล้วนำมาพัฒนาต่อเป็นคอนโดระดับ High End
Raimon Land ได้เข้าไปอยู่ในตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 1994 แต่หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจก็ได้มีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา โดยวางจุดยืนทางการตลาดไว้ที่คอนโดระดับ High End เริ่มจากในกรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปตามเมืองท่องเที่ยว อย่างพัทยา และภูเก็ต อย่าง 185 ราชดำริ เราเริ่มมองหาทำเลตั้งแต่ 2006 ตัดสินใจซื้อในปี 2007 เป็นเวลา 7 ปีแล้ว กว่าจะเป็นแลนด์มาร์กอย่างทุกวันนี้ ถัดมาก็เป็น The Zire วงค์อมาตย์ ที่ลูกค้าทยอยโอนช่วงครึ่งปีหลัง
ผมเริ่มต้นในหน้าที่ Research Manager คือการวิเคราะห์ตลาดจากทำเล โครงการ และกลุ่มลูกค้า หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผมก็เริ่มมีส่วนร่วมในการลงทุนซื้อที่ดิน บริหารจัดการที่ดิน ปัจจุบัน Raimon Land ผันตัวเองจาก Condo Developer เป็น Real Estate Company เราวางแผนที่จะพัฒนาอสังหาฯ หลายๆ แบบ ทั้งคอนโด ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และอพาร์ทเม้นท์ และเราพยายามแบ่งงบประมาณส่วนนึงไว้สำหรับธุรกิจปล่อยเช่า ซึ่งยังคงเน้นระดับ High End
– แล้วทาง Raimon Land วางทิศทางในอนาคตไว้ อย่างไรบ้างคะ
ประมาณ กุมภาพันธ์ 2013 Raimon Land มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เป็นบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ JS Asset Management Pte. Ltd. มีอัตราการถือหุ้นประมาณ 24.98% โฟกัสของเราคือการพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็น The River, Zire วงศ์อมาตย์ และ Unixx พัทยาใต้ ซึ่งกำลังจะโอนเร็วๆ นี้ เราพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าเราสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามมาตรฐานที่เราสัญญาไว้
ช่วงนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปฏิรูป โดยมุ่งเน้นไปที่การเคลียร์หนี้สินทั้งหมด เพื่อที่จะทำให้เป็นอันดับต้นๆ ทางการตลาด ส่วนแผนต่อไป คือโครงการที่พักอาศัยระดับ High End ในกรุงเทพฯ (เริ่มต้นที่ 300,000 บาท/ ตร.ม.) ซึ่งเรายังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ทั้งหมด คงต้องรอประมาณเดือนหน้า ถึงจะเป็นรูปเป็นร่าง
-โครงการส่วนมากของ Raimon Land ลูกค้าหลักคือกลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา อะไรคือข้อแตกต่างในการเลือกที่อยู่อาศัยระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ
โดยส่วนตัวผมคิดว่า ไม่ต่างกันนะ ซึ่งทาง Raimon Land มีหลักในการบริการลูกค้าคล้ายกัน คือเราพยายามดูแลลูกค้าต่างชาติให้ได้รับมาตรฐานเดียวกับคนไทย เน้นความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทีมขายของเราค่อนข้างมีประสิทธิภาพ สามารถพูดได้หลายภาษา เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่างชาติ
Raimon Land ไม่ได้เน้นลูกค้าต่างชาติเป็นหลักนะครับ ทุกคนสามารถเป็นลูกค้าเราได้หมด เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด พยายามมองหาตลาดใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าผลตอบแทนก็ไม่ได้กลับมาภายในเดือนเดียว ทุกอย่างต้องใช้เวลา อย่างปีที่แล้วเราลงทุนกับกลุ่มลูกค้าชาวจีน ก็เพิ่งมาเห็นผลตอบแทนชัดๆ ในช่วงกลางปีนี้เอง ประมาณ 30% ค่อนข้างเยอะ ตลาดเอเชียกำลังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ
– ขอย้อนกลับมาถามในเรื่องการเมือง ท่ามกลางสภาวะแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อโครงการต่างของ Raimon Land บ้างรึเปล่าคะ
แน่นอนครับ ทุกคนได้รับผลกระทบหมด ต่างกันอยู่ที่มากหรือน้อย ซึ่งหลักๆ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในระยะยาวของลูกค้า Raimon Land ค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย เพราะเราอยู่ที่นี่มาเกือบ 30 ปี ผ่านอะไรมาเยอะ ปัจจุบันเราค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดระดับ High End มี Portfolio ที่ดีทั้งในและนอกประเทศ โชคดีที่ลูกค้าของเราค่อนข้างหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ประมาณ 40 สัญชาติ ที่ซื้อโครงการของเรา ยกตัวอย่าง ปัญหาการเมืองในรัสเซีย ลูกค้ารัสเซียบางกลุ่มก็อาจหายไป แต่เราไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเรายังมีลูกค้าในกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่เศรษฐกิจแข็งแรง
สำหรับผม ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับอสังหาฯ คือประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการก่อสร้าง โชคดีที่เราไม่เน้นโครงการติดรถไฟฟ้า พยายามวิ่งหาทำเลใหม่ๆ ตลอดเวลา เหมือนดีเวลลอปเปอร์เจ้าอื่นๆ ความสนใจของเรา คือที่ดินบริเวณใกล้ CBD (central business district) และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเมืองไทย เพราะเราเชื่อในศักยภาพของทำเล ซึ่งไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม บริเวณนี้จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่อื่น และสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าทำเลอื่นๆ
– มาถึงคำถามสุดท้าย สำหรับผู้อ่าน Think of Living เราควรใช้หลักอะไรในการเลือกที่อยู่อาศัย มีปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง
“Right Product Right People Right Place”
อันดับแรกเลยคือทำเล อย่างที่ทุกๆคนพูดกัน อันดับที่สองคือ ดีเวลลอปเปอร์ ที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา สามารถรักษาสัญญาได้อย่างที่พูดไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณวางเงินมัดจำ คุณควรได้รับสินค้าตามที่คุณคาดหวังไว้ และอันดับที่สามคือ คุณภาพของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ตาม ทุกบริษัทในตลาดพยายามวางจุดยืนของตัวเองให้ดีที่สุดในช่วงราคานั้นๆ ถ้าคุณมีงบ 2-3 ล้าน คุณควรได้รับความมั่นใจว่าสิ่งที่คุณเลือกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับช่วงราคานั้น ที่สำคัญต้องไม่ซื้อตามแฟชั่น อย่าง The Lakes Condominium โครงการแรกที่ผมทำตั้งแต่ปี 2004 ทุกวันนี้ก็ยังดูใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 80,000 บาท/ ตร.ม. ปัจจุบันอยู่ที่ 150,000 บาท/ ตร.ม สมัยนั้นก็มีโครงการใกล้เคียง ราคาประมาณ 60,000 บาท/ ตร.ม ปัจจุบันอยู่ที่ 60,000-100,000 บาท/ ตร.ม โครงการของเราแพงกว่าประมาณ 20% แต่สิ่งที่คุณได้กลับมาคือคุณภาพ และมูลค่าโครงการที่เพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างห้องตัวอย่างในโครงการใหม่ๆ สมบูรณ์แบบมาก แต่…ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คุณจะได้ หลักๆ คือ พื้น กำแพง ห้องครัว และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นของแถม หลายครั้ง เราให้ความสนใจกับห้องตัวอย่างมากเกินไป ถ้าเป็นผม คำถามแรกที่ผมจะถามเซลล์คือ ผมจะได้อะไรบ้างจากห้องๆ นี้ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับโครงการใกล้เคียง แน่นอนว่าผมจะตระเวนดูทุกโครงการบนทำเลนั้น แล้วพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ว่าสมเหตุสมผลกับราคาหรือไม่…เพราะสิ่งสำคัญ ไม่ใช่สิ่งที่คุณ “เห็น” เป็นสิ่งที่คุณ “ได้” จากโครงการ
แม้การสัมภาษณ์จะใช้เวลาไม่นานนัก แต่สิ่งที่เรารับรู้จากคุณ Simon ในวันนี้ ทำให้ภาพของ Raimon Land ชัดเจนขึ้น…
เราขอปิดท้ายด้วยภาพสวยๆ จาก “185 ราชดำริ” นะคะ