เป็นอีกปีที่ร้อนแรงมากๆ แม้ว่าตามปฏิทินจะเป็นปีไก่ แต่เราคิดว่าน่าจะเป็น ?? “นกฟีนิกซ์” มากกว่านะ ที่หลังจากหมดอายุขัยจะมอดไหม้และเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน เพราะตั้งแต่ต้นปีมานี้ เกือบทุกบริษัทต่างมี ? Surprise มาให้วงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งนั้น ส่วนจะมีอะไรน่าจับตาบ้างนั้น Think of Living ลองรวบรวมมาให้ดูกันแล้วค่า ↪️️
ขาใหญ่ LH -SPALI ลุยโครงการแนวราบและต่างจังหวัด
จำนวนโครงการยังถือเป็นสิ่งที่สามารถข่มขวัญคู่แข่งได้เสมอ ดังนั้นทั้งแม่ Land & Houses และ ป้า Supalai เลยกระหน่ำเปิดโครงการแนวราบแถมขยับพอร์ตไปที่ต่างจังหวัดเยอะขึ้นด้วย
LH ตั้งเป้าเปิด 12 โครงการ มูลค่า 14,900 ลบ. โดยแบ่งเป็น 9 โครงการในกทม. และ 3 โครงการในต่างจังหวัด ซึ่งเท่าที่เราดูจากรายชื่อแล้วส่วนมากเป็นโครงการแนวราบหมดเลย มี The Bangkok Sukhumvit 38 คอนโดเพียงโครงการเดียวในกทม. ที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว
ยอดขายและรายได้ที่ตั้งเป้าไว้
SPALI ประเดิมต้นปีด้วยการเปิด Supalai Oriental Sukhumvit 39 คอนโดมูลค่าสูงที่สุดของบริษัท 10,000 ลบ. และเตรียมเปิดใหม่อีก 29 โครงการ มูลค่า 37,000 ลบ. แบ่งเป็นโครงการในต่างจังหวัด 13 โครงการ โดยปลายปีเตรียมปักหมุดโครงการใหม่ที่จ.เชียงราย
แตกไลน์ธุรกิจ เน้นหา recurring income
LH ซื้อเพิ่มอพาร์ทเม้นท์ใน USA
ถือเป็นเจ้าแรก ที่เริ่มหันไปมองหา Recurring Income โดยมีทั้ง สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และ Service Apartment นอกจากนี้ยังขยายไปต่างประเทศด้วยการซื้อ Apartment ในอเมริกาตั้งแต่ปี 2555 และคาดว่าจะขยับพอร์ตให้เช่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างในปีนี้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 4,000 ลบ.
PSH ยุคเปลี่ยนผ่าน เตรียมลุยธุรกิจโรงพยาบาล พร้อมขยับพอร์ตโครงการหรู
หลังจากปรับโครงสร้างเป็น Pruksa Holding Company คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ก็ได้ยกเครื่องบริษัทใหม่ ดึงเอาคนรู้ใจเก่าอย่าง คุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต มาพัฒนาโครงการพรีเมี่ยม ระดับราคา 10 กว่าลบ. โดยตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี จะสามารถขยับพอร์ตสินค้าระดับนี้จาก 5-10% ให้เป็น 30% ส่วนทาวน์เฮ้าส์และคอนโดระดับกลาง มี คุณปิยะ ประยงค์ คุมอยู่โดยจะเน้นเรื่องคุณภาพและระยะเวลาให้เหมาะสมกับสภาพตลาดมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจใหม่ “โรงพยาบาลวิมุตติ” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือน มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,900 ลบ. โดยจะสามารถสร้าง Recurring Income ให้กับบริษัทได้เรื่อยๆ แทนที่จะเป็นการซื้อมาขายไปแบบที่ผ่านมา และคาดว่าอีก 5 ปี จะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจประเภทนี้ราวๆ 15,000 ลบ.
LPN – SC ปรับเปลี่ยนเพื่อเติบโต
SC ASSET เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญโครงการระดับ hi-end ยิ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาขยันคลอดแบรนด์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Saladaeng One, Beatniq และล่าสุด 28 Chidlom คอนโดสุดหรูที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในขณะนั้น แต่ในปีนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป…คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ได้เปิดเผยในงานแถลงแผนธุรกิจประจำปี 2560 ว่า บริษัทฯ จะขยายพอร์ตแนวราบ โดยหันมาพัฒนาบ้านราคา 3-20 ลบ. มากขึ้น ส่วนคอนโด อีก 3 ปีข้างหน้าจะเริ่มมีการรับรู้รายได้เข้ามา ซึ่งบริษัทจะเปลี่ยนแนวจากโครงการ Hi-End มาเป็นคอนโดระดับกลางบน ที่มีทำเลใกล้รถไฟฟ้า และราคาอยู่ระหว่าง 120,000-250,000 บาท/ ตร.ม.
LPN ปีนี้มาด้วยคำว่า Year of Shift พร้อมตั้งธงไว้ว่าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยหัวเรือใหญ่อย่าง คุณฑิฆัมพร เปล่งศรีสุข ได้ออกมายอมรับเองเลยว่า บริษัทกำลังอยู่ในสภาวะถดถอย เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีหนี้สะสมเยอะ ทำให้ 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถโอนโครงการได้คล่องเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้น LPN เลยตัดสินใจรื้อโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยดันธุรกิจบริหารโครงการ (Property Management) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของบริษัทขึ้นมา พร้อมยกเครื่อง Lumpini Project Management Service (LPS) บริษัทบริหารงานก่อสร้าง ขยับมารับงานนอกมากขึ้น โดยได้ ดร.พร วิรุฬรักษ์ แห่งสถาปัตย์ จุฬาฯ มานั่งแท่นผู้บริหาร พร้อมปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ดึง Ananda Development และ PYLON (บริษัทก่อสร้าง) มาร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 10% และ 2% ตามลำดับ ประเดิมรับงานพัฒนาโครงการนอกบริษัท มูลค่าเบื้องต้น 1,350 ลบ.
Property Tech: เทรนด์ใหม่สะเทือนวงการ
หลังจากที่ปีก่อน ธนาคารต่างหนาวๆ ร้อนๆ กับคำว่า Fintech ตอนนี้ก็ถึงคร่าวของอสังหาริมทรัพย์บ้าง เพราะ Property Tech เริ่มเข้ามารุกตลาด และเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ Developer หลายๆรายเริ่มให้ความสนใจ
ANANDA จับมือกับ Start Up รายย่อย ปั้นบริษัทให้เป็น Urban Tech Company
เริ่มตั้งแต่การให้ Line Thailand ยืมพื้นที่เปิดตัว Line Finance ที่สั่นสะเทือนวงการหุ้นไปแล้ว อนันดาฯ ก็ไม่รอช้าดึงมือ Start Up ชั้นนำของวงการ หวังดันตัวเองเป็น Tech Company รายแรก จับมือกับ Hubba และศศินทร์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการสรรหา Start Up รายใหม่ๆ โดยไม่ติดอยู่กับกรอบว่าจะต้องทำมาเพื่อเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
Sansiri ร่วมทุนกับ SCB ตั้ง Siri Venture ต่อยอด Property Tech
เรียกว่ามาแรง มาจริง สำหรับแสนสิริ เพราะสามารถดึง SCB ให้มาร่วมทุนกันได้ โดยตั้งเป็นบริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด (Siri venture) มูลค่าลงทุนเริ่มต้น 100 ลบ. และได้คนคุ้ยเคยอย่าง “ชาคริต จันทร์รุ่งสกุล” เจ้าของ Fire One One ผู้พัฒนา Home Service Application ให้ลูกบ้านของแสนสิริ โดยจะเริ่มสรรหา Start Up ที่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยหรือต่อยอดธุรกิจอสังหาของแสนสิริ และจะผลักดันให้เกิดการจดสิทธิบัตรต่อไป
นี่เป็นแค่ “น้ำจิ้ม” ต้นปี แต่จะทำได้ถึงไหน เป็นสิ่งที่เราต้องจับตาดูกันต่อไป ?