หลายคนคงเคยเห็น “บ้านสถาพร รังสิต” บ้านเดี่ยวแถวรังสิต พัฒนาภายใต้บริษัทเฉลิมนคร ซึ่งเน้นโครงการแนวราบเป็นหลัก ล่าสุดก็เริ่มแตกแบรนด์ใหม่ หันมาลุยตลาดคอนโด ภายใต้บริษัทใหม่ “สถาพร เอสเตท” ประเดิมโครงการแรก The SHADE (Sathon1) คอนโดใจกลางสาทร มูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท
คุณสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ได้เปิดเผยว่า สถาพร เอสเตท (SATHAPORN ESTATE) จะเริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่แนวสูงมากยิ่งขึ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนในการขยายธุรกิจในแนวสูง 50% และแนวราบ 45% และรายได้จากทรัพย์สิน หรือ Recurring Incomes 5% ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ในการรุกตลาดที่แตกต่างกันออกไป โดยแนวราบจะเน้นปัจจัยสำคัญในเรื่องศักยภาพของทำเลในอนาคต ส่วนแนวสูงจะเน้นปัจจัยสำคัญในเรื่องของทำเล CBD ของกรุงเทพฯ และความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
ในไตรมาส 3 ของปีนี้ บริษัทฯ มีกำหนดเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรก ในชื่อ “The SHADE (Sathon1)” (เดอะ เชดด์ สาทร 1) คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 278 ยูนิต ภายใต้แนวคิด “Shades The One You Love” ซึ่งสะท้อนให้นึกถึงบุคคลที่คุณรักพร้อมทั้งยังสะท้อนการเป็นเป็นแหล่งพักพิงที่ให้ร่มเงาแก่คนที่คุณรักไปพร้อม ๆ กัน
โดยมาพร้อมกับการออกแบบอาคารให้เย็นโล่ง พร้อม Panoramic Unblock View โปร่งสบายด้วยการระบายอากาศ Air Ventilation Design, Smart Locker, Space Management, His & Her Design และ Single Corridor (บางยูนิต) และพื้นที่จอดรถกว่า 70% พร้อมเทคโนโลยี Smart Home Solutions ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมแอร์, TV และแสงสว่างผ่าน Application บนมือถือ และ Digital Door Lock พร้อมพื้นที่สีเขียวและส่วนกลางครบครัน รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี 2562 ทางบริษัทฯ เตรียมทำการเปิดตัวโครงการแนวสูงเพิ่มอีก 2 โครงการได้แก่
- The Shade Twig (เดอะ เชดด์ ทวิกก์) เย็นอากาศ
- The Crown (เดอะ คราวน์) พระราม 4
- The Eternity (ดิ อิเธอร์นิตี้) รังสิตคลอง 5 โครงการประเภทบ้านเดี่ยว บนพื้นที่กว่า 99 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาทซึ่งนับเป็นโครงการไฮไลท์ของทางบริษัทฯที่ออกแบบโดยทีมงานศิลปินแห่งชาติจากสถาบันอาศรมศิลป์
ในปี 2561 นี้ สถาพร เอสเตท ได้ตั้งเป้ายอด Pre-Sale อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท (รับรู้รายได้ปี 2563) พร้อมทั้งบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นที่จะเป็นอันดับหนึ่งในใจลูกค้า โดยการนำธรรมชาติมาสร้างสรรค์และพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัยด้วยมุมมองการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการเพื่อรองรับชีวิตในวันนี้และวันข้างหน้า พร้อมทั้งมั่นใจว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 11,500 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมาย