สำหรับตลาดเอเชีย ตลาดซูเปอร์ไพร์มของสิงคโปร์มีปริมาณการขายที่ลดลงเนื่องจากอัตราภาษีซื้อที่สูง ซึ่งสูงถึง 60% สำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติในบางกรณี แม้ว่าเมืองนี้จะประสบความสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนด้านการบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนในอาคารสำนักงาน แต่ความสนใจนี้ไม่ได้ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดกำลังปรับตัวมาพึ่งพาผู้ซื้อในประเทศมากขึ้น
ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรี่ในฮ่องกงได้รับแรงหนุนจากผู้ซื้อจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งห่างหายไปจากตลาดในช่วงปี 2563 ถึง 2565 ช่วงที่เหลือของปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ความต้องการจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดว่าจะมีการเดินทางมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดหลักคือจำนวนอุปทานของบ้านระดับซูเปอร์ไพร์มที่มีจำกัด
ตลาดซูเปอร์ไพร์มในซิดนีย์เมื่อไตรมาสที่แล้วมียอดขายที่แข็งแกร่ง เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากชาวเอเชีย แต่ผู้ซื้อหลักยังคงเป็นผู้ซื้อในประเทศ เนื่องจากอุปทานมีจำกัด ผู้ซื้อจึงมองหาโอกาสซื้อนอกตลาดเพื่อลดการแข่งขัน ในอนาคตคาดว่าการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ไพร์มยังคงขาดแคลน ทำให้แนวโน้มการขาดแคลนอุปทานยังคงมีอยู่ต่อไป
ตลาดลอนดอนยังคงแข็งแกร่งตลอดปี 2566 แม้ว่าจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 ความต้องการจากต่างประเทศและการเปิดตัวโครงการใหม่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มยอดขาย อย่างไรก็ตาม การบีบตัวของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ไพร์มในอนาคตบ่งชี้ว่ายอดขายอาจชะลอตัวลงในปี 2567 และหลังจากนั้น เว้นแต่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันจะได้รับการกระตุ้นให้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันที่ตนถือครองอยู่
แฟรงค์ ขาน หัวหน้าฝ่ายที่อยู่อาศัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย กล่าวว่า “ผู้ลงทุนรายใหญ่ (HNWI) และผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UHNWI) จากประเทศไทย มีความสนใจเป็นอย่างมากในการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไพร์มที่ลอนดอน โดยสนใจพื้นที่ที่โดดเด่นป็นพิเศษ เช่น เคนซิงตัน, ไนท์บริดจ์ , เบลกราเวีย และ ฮอลแลนด์พาร์ค ที่ราคา 2 ถึง 6 ล้านปอนด์ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นหลังการระบาดในลอนดอนนี้เป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ของสหราชอาณาจักร
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไพร์มในประเทศไทย มียอดขายที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีทำเล ตลาด และสินค้าที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย คอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยมูลค่าตั้งแต่ 30 ถึง 100 ล้านบาท เป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม HNWI และ UHNWI ชาวไทย ผู้ซื้อเหล่านี้มองหาบ้านหลังใหญ่ขึ้นพร้อมพื้นที่และบริเวณบ้านที่กว้างขวาง
โดยรวมแล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ไพร์มและไพร์มในประเทศไทยมีการเติบโตเชิงบวกหลังการแพร่ระบาด และคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทำให้โอกาสของตลาดระดับนี้ยังคงน่าสนใจ”