สวัสดีค่ะวันนี้จะพาไปชมงานสถาปนิก 59 ภายใต้แนวคิด “ASA Back to Basic | อาษาสู่สามัญ” โดยสมาคมสถาปนิกสยามฯ เปิดกิจกรรมงานสถาปนิก’59 นี้มีแนวคิการจัดงานมุ่งเน้นให้สถาปนิก คิดถึงพื้นฐานด้านสถาปัตยกรรม สู่การออกแบบอย่างยั่งยืน พร้อมพบกับสุดยอดเทคโนโลยีการออกแบบสถาปัตยกรรมและวัสดุก่อสร้าง ที่เมืองทองธานี 26 เม.ย.- 1 พ.ค. 59
ในวันที่ 26 เม.ย. 2559 จัดเป็นวันเปิดงานวันแรก มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยนายพิชัย วงศ์ไวศยวรรณ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวเปิดงานว่า สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานสถาปนิก’59 เพื่อแสดงตัวตนและความเป็นเลิศทางด้านการออกแบบของสถาปนิกไทยในทุกสาขาวิชาชีพให้นานาชาติได้รับรู้และการนำเสนอผลงาน ความก้าวหน้าทางด้านวิชาชีพ นิทรรศการทางด้านสถาปัตยกรรม การอบรมสัมมนาในระดับนานาชาติ รวมทั้งการให้บริการต่างๆ ให้แก่สมาชิกและประชาชนทั่วไป ในส่วนของ รศ.ดร.ต้นข้าว ปาณินท์ ประธานจัดงานสถาปนิก’59 กล่าวว่า การจัดงานสถาปนิก’59 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ASA Back to Basic | อาษาสู่สามัญ” โดยเน้นการกลับไปคิดถึงพื้นฐานด้านสถาปัตยกรรม (Re-thinking Architectural Basics) ในทุกมิติของการออกแบบ เพื่อพัฒนางานออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม การอยู่อาศัย การใช้งานได้อย่างลงตัวและสมดุล โดยให้ความสำคัญกับความเป็นไปได้ในทุกมุมมอง ซึ่งการจัดงานในปีนี้จะให้ความสำคัญกับทุกส่วน ทุกองค์ประกอบคือไฮไลต์ของการจัดงาน โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจจำนวนมาก เช่น นิทรรศการอนุรักษ์ , นิทรรศการ Basic of the Present , นิทรรศการ Basic of the Future เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี นิทรรศการที่น่าสนใจอาทิ 100 Selected Project 2016 เป็นนิทรรศการหลัก เพื่อแสดงศักยภาพของสถาปนิกไทย และนิทรรศการ ASA International Design Competition นิทรรศการแสดงผลงานการประกวดแบบในระดับนานาชาติ ASA International Design Competition ภายใต้หัวข้อ What Is the New ‘Basic’? มีโซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์และวัสดุก่อสร้างสำหรับอาคารเขียว (Green Building Materials) ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน และการออกแบบพื้นที่จัดแสดงตามแนวคิด “การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล” หรือ “Universal Design Concept”
ในส่วนของการจัดแสดงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศในการเข้าร่วมจัดแสดงกว่า 800 ราย ทั้งไทยและต่างประเทศ บนพื้นที่ 75,000 ตารางเมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้พื้นที่ส่วนแสดงสินค้าของผู้ประกอบการต่างชาติมีเพิ่มขึ้นกว่าทุกปี โดยพื้นที่จัดแสดงสินค้าจากต่างประเทศโซน International Pavilion ที่ 2,500 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากงานครั้งก่อนประมาณ 23.44% โดยงานนี้จะแบ่งออกเป็น 8 โซนหลักๆ
- LIGHTING, ELECTRICAL APPLIANCES
- SAFETY & SECURITY
- SANITARYWARE, KITCHEN, TILE & STONE
- FINISHES & DECORATION
- DOOR, WINDOW, ROOF, METAL&SERVICESt
- CONSTRUCTION
- INTERNATIONAL
- HOME BUILDER
- TTF DESIGNER ZONE
- TRUCK FOR CONSTRUCTION
เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะมีอะไรใหม่ๆที่น่าสนใจกันบ้างค่ะ
เริ่มต้นกันที่ส่วน Lighting, Electrical Appliances กันค่ะ โดยในโซนนี้จะเป็นในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และในส่วนของการออกแบบตกแต่งที่จะมีทั้งดวงโคมและหลอดไฟหลากหลายประเภทสำหรับตกแต่งทั้ง Interior และ Exterior ค่ะ
ทางเข้าของโซนนี้อยู่บริเวณ Challenger 3 Entrance 3 ค่ะ เดี๋ยวเราเดินไปดูนวัตกรรมและสินค้าที่น่าสนใจภายในโซนนี้กันค่ะ
เริ่มจาก Light Up Design ที่นำนวัตกรรมรางอลูมิเนียมพร้อมหลอด LED ที่ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม IF Design Award จากประเทศ เยอรมณี ในปี 2016
โดยซีรีย์ที่ได้รับรางวัลนั้น คือ ซีรีย์ Zinger Generation II ซึ่งเป็นรางอลูมิเนียมพร้อม LED ที่สามารถติดตั้งโดยฝังในผนัง, ฝ้าเพดานและพื้นได้ มีแบบค่อนข้างหลากหลาย ส่วนข้อจำกัดคือการฝังในส่วนใดก็ตามจำเป็นต้องเจาะได้ง่าย เช่น ผนังก็จะเหมาะกับผนังเบามากกว่าค่ะ และข้อพิเศษของ Generation II นั้นคือการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ให้มีความง่ายต่อการติดตั้งและตัววัสดุที่เหมาะสมทนทานต่อการใช้งานมากขึ้นค่ะ
ด้านบนใช้ Polycarbonate แทนการใช้อะคลิริคที่จะมีความยืดหดตามความร้อนมากกว่าทำให้มีความคงทนในการใช้งานน้อยกว่า ส่วนกรอบนอกนั้นเก็บขอบด้วยอลูมิเนียม ปิดหัวท้ายด้วยอลูมิเนียมแบบแม่เหล็กทำให้งานเนี้ยบมากยิ่งขึ้นโดยพึ่งพาฝีมือของช่างน้อยลง
ด้านในเป็น 3 in 1 Dimmable Driver เก็บอยู่ภายในเรียบร้อย
การใช้งานของรางอลูมเนียมพร้อมหลอดLED นี้เหมาะกับการตกแต่งหลายๆ แบบ จะเป็นการตกแต่งผนังทางเดิน
หรือใช้ตกแต่งภายในโดยใช้เส้นสายของไฟเชื่อมโยงกันทั้งพื้น ผนังและฝ้าได้ค่ะ ส่วนเรื่องความคงทนของ Polycarbonate นั้นก็จะมีความหนาให้เลือกหลาย Type เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน อย่างส่วนรางที่ต้องการจะติดกับพื้นก็มีแบบความหนา Polycarbonate สำหรับเดินเหยียบได้
Effect ของแสงดูสวยงามดีค่ะ
ถัดมาดูของ Decorate กันบ้างอย่างดวงโคมพร้อมหลอดไฟ LED ภายในดวงโคม จาก Xcellent Lighting+
ความพิเศษของดวงโคมนี้คือ การใช้แผ่นอะคลิริคเป็นเสมือนหลอดไฟส่องสว่าง
ภายในแผ่นอะคลิริค (Light Guide) มี Microlens Optic เป็นตัวเรืองแสงจาก LED ที่อยู่ภายในกรอบสีดำ ลักษณะของ Microlens Optic นี้จะเป็นจุดเล็กๆ ที่กระจายไปทั่วแผ่นอะคลิริค และแผ่นอะคลิริคเมื่อสัมผัสก็ไม่มีความร้อนด้วยค่ะ
สำหรับ LED นั้นรับประกันการใช้งานอยู่ที่ 5 ปีค่ะ โดยทางบริษัทเคลมว่าสามารถใช้งานได้ถึง 8 ปีค่ะ และเมื่อแผง LED หมดอายุการใช้งานแล้วจะต้องเปลี่ยนแผง LED ยกแผงนะคะ ส่วนอะไหล่นั้นทางบริษัทมีขายค่ะ
ในส่วนของแบบนั้นมีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบตั้งโต๊ะ แบบแขวนและติดผนังค่ะ
มาต่อกันที่โซน Safety and Security โซนนี้จะรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด สวิตซ์ไฟ กลอนประตู Digital Door Lock ปั๊มน้ำสำหรับบ้านพักอาศัย เครื่องไล่ยุง ระบบป้องกันแก๊สรั่ว บริษัทศูนย์รวมระบบรักษาความปลอดภัย Smart Home หุ่นยนต์เช็ดกระจก รวมทั้งอุปกรณ์บานประตูที่ช่วยรักษาความปลอดภัยต่างๆ
บรรยากาศภายในโซน Safety and Security เดี๋ยวเราจะพาไปดูนวัตกรรมที่น่าสนใจภายในโซนนี้กัน
หุ่นยนต์ช่วยเช็ดกระจก หรือ Hobot-188 Brings ที่บูท Winniegadget เป็นนวัตกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวนี้เป็นนวัตกรรมที่ช่วยในเรื่องการทำความสะอาดและช่วยรักษาความปลอดภัยไปในตัว เนื่องจากปกติแล้วการเช็ดกระจกครั้งหนึ่งเราต้องยืนเช็ด ยิ่งกระจกอยู่สูงก็จะยิ่งอันตราย เพราะต้องหาเก้าอี้หรือปีนขึ้นเพื่อเช็ดกระจก อาจจะทำให้ผู้ที่ทำความสะอาดได้รับอุบัติเหตุระหว่างเช็ดกระจกได้ ดังนั้นหุ่นยนต์ตัวนี้จึงจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ได้มากทีเดียวค่ะ
โดยเจ้าหุ่นยนต์นี้สามารถเช็ดฝุ่นละอองได้ทุกพื้นผิวทั้งกระจกผิวเรียบ กระจกลาย กระจกโมเสค ผนัง พื้น กระเบื้อง โต๊ะ โดยไม่สร้างรอยขีดข่วนบนพื้นผิว ไม่ทิ้งคราบเช็ดหรือรอยล้อหมุน การควบคุมหุ่นยนต์จะใช้รีโมท ทำให้สามารถควบคุมได้แม้ว่าจะอยู่ในที่สูง โดยวัสดุที่ใช้เช็ดจะใช้เป็นผ้าที่สามารถซักซ้ำได้เรื่อยๆ ส่วนความเร็วในการเช็ดก็ดู VDO ด้านล่างได้เลยค่ะ
โดยราคาของเจ้าเครื่องนี้จะอยุที่ 19,900 บาท หรือราคาพิเศษในช่วงนี้อยุ่ที่ 15,900 บาท โดยจะให้ตัวเครื่อง พร้อมรีโมท และผ้าที่แยกออกมาจากตัวเครื่องค่ะ
Smart Home หรือระบบบ้านอัจริยะ(Intelligent Home Control System) ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ฮอตฮิต มีผู้ประกอบการหลายเจ้านำมาออกบูท ตอบรับกับโลกสมัยใหม่ที่ใครๆก็ใช้ Smart Phone และ Tablet
โดยระบบนี้เป็นการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านผ่านมือถือหรือ Smart Phone ของเราเอง ทั้งการจัดการพลังงาน รวมทั้งรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติทั้งภายในและรอบบ้าน โดยระบบนี้จะถูกออกแบบโดยนักเขียนโปรแกรม เพื่อให้ระบบต่างๆที่เราต้องการสามารถถูกควบคุมผ่าน Smart Phone โดยมี Wifi เป็นตัวเชื่อมต่อ ซึ่งผู้เขียนโปรแกรมจะต้อง Password ที่รู้ได้เฉพาะเจ้าของ Smart Phone หรือเจ้าของบ้านเท่านั้น โดยเจ้าของบ้านสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ระบบควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ชนิดใดบ้าง และสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับระบบได้ตลอดเวลาแม้ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน หากมีผู้สูงอายุอยู่ก็สามารถช่วยให้เราสามารถดูแลและตรวจสอบได้ตลอดเวลาแม้เราไม่อยู่บ้าน
อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดสามารถรองรับระบบนี้ได้ เช่น การเปิด-ปิด, เพิ่ม-ลดอุณหภูมิแอร์, อุปกรณ์ไฟ, ผ้าม่าน, ลิฟต์, คีย์การ์ด เป็นต้น โดยมีข้อจำกัดคืออุปกรณ์ที่นำมาใช้ในระบบต้องเป็นอุปกรณ์ที่ Cover กันได้ เช่นของ I Bechamp บูทตัวอย่างของเราจะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบ KNX ได้เท่านั้น (ซึ่งคนที่เป็นผู้ติดตั้งคือผู้ออกแบบระบบ ดังนั้นเราสามารถพูดคุยว่าต้องการอะไร ผู้ออกแบบจะช่วยดูและติดตั้งอุปกรณ์ให้)
การเปิด-ปิด ไฟในห้อง สามารถควบคุมผ่าน Smart Phone ได้แบบนี้เลย
เมื่อติดตั้งระบบ หน้าจอ Smart phone หรือ Tablet จะแสดงผลเมนูแบบนี้เลย
ในทุกบ้านจะต้องมีประตูและหน้าต่างเป็นองค์ประกอบหลักอยู่แล้ว อุปกรณ์ที่น่าสนใจในโซนนี้อีกอย่างคือกระจกนิรภัยและฟิล์มกันขโมยที่นำมาแทนเหล็กดัดได้ ! โดยเราพามาดูที่บูทของ ATSYS กัน
ตัวกระจกนิรภัยตัวนี้ชื่อ Lamkool เป็นกระจกนิรภัยหลายชั้นช่วยกันความร้อน เนื่องจากมีชั้นกระจก 1-พอลิเมอร์กันความร้อน-ชั้นกระจก 2 ทับซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น สามารถปรับให้สีเข้มขึ้นเมื่อโดนแสงแดดและลดความร้อนและรังสีอินฟราเรดได้ 90% ด้วยสารนาโนเซรามิคพิเศษ และด้วยความที่กระจกมีการซ้อนกันหลายชั้น แต่ละชั้นเชื่อมด้วยพอลิเมอร์ PCPR หนา 1000 ไมครอน (หนากว่าลามิเนต 3 เท่า) ช่วยรองรับแรงกระแทก กระจกไม่หลุดร่วงเมื่อแตก ยากต่อการทุบทำลาย ช่วยลดโอกาสการบุกรุกโจรกรรมได้ ทำให้กระจกสามารถใช้แทนเหล็กดัดค่ะ
สำหรับบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว มีการติดกระจกเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ต้องการติดเหล็กดัด ก็มีตัว I Gard Safecoat ที่มีฟิล์มหนา 15 มม. หนากว่าฟิล์มนิรภัยอื่นๆ 2-4 เท่า ผลิตจากโพลิเมอร์ชนิดพิเศษไม่ติดไฟ ไม่มีควันพิษเมื่อเกิดไฟไหม้ และเนื้อฟิล์มใสสว่างแต่สามารถลดรังสียูวีได้สูงสุด 99% และคุณสมบัติสำคัญคือสามารถทนต่อแรงกระแทกได้มากโดยไม่ฉีกขาดและทะลุ หากเกิดการโจรกรรม เช่นโจรทุบกระจก กระจกก็จะไม่แตกค่ะ ซึ่งวิธีใช้ก็ง่ายๆคือแปะลงไปที่กระจกฝั่งภายในบ้านเท่านั้นเอง
สำหรับ Zone Safety and Securitiesในงาน ASA ปี 2559 นี้ ก็ยังมีบูทที่น่าสนใจ คือ บูทของ Entech ค่ะ ซึ่งมี New Product มาให้ชมกัน คือ กล้องวงจรปิด HD Pro ที่มีรายละเอียดภาพ 30 ล้านพิกเซลนะคะ ถ้าติดตั้งในเมืองสามารถซูมจนเห็นหน้าคนที่เดินผ่านกล้อง และเห็นเลขบนป้ายทะเบียนรถได้ชัดเจนค่ะ
ภายในบูทจะมีตัวอย่างกล้องวงจรปิดและภาพจากกล้องให้ชมกันนะคะ โดยรายละเอียดของกล้องระบบวงจรปิดนี้ มีความละเอียดระดับ 30 ล้านพิกเซล ด้วยเทคดนโลยี High Definition Stream Management (HDSM) ของ Avigilon ให้ภาพที่มีความคมชัดสูง แต่ใช้ Bandwidth ต่ำ ช่วยประหยัดและลดต้นทุนของระบบ Network และ Work Station เนื่องจากสามารถแสดงผลข้อมูลภาพวีดีโอขนาดใหญ่คลอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตร.ม. เหมาะสำหรับพื้ที่ที่ต้องการความปลอดภัย สามารถค้นหาภาพเหตุการณ์ได้ง่าย และได้ไฟล์ต้นฉบับ
นอกจากนี้ยังสามารถรองรับการใช้งานวิเคราะห์ภาพ เพื่อช่วยให้การรักษาความปลอดภัยได้ค่ะ
กล้องรุ่นนี้มีความละเอียดระดับ 4K (8MP) ไปจนถึงระดับ 7K (30MP) ช่วยลดการติดตั้งและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษานะคะ
โดนรวมมีความเหมาะสมสำหรับการตรวจตราพื้นที่กว้าง เช่น สนามบิน, สนามกีฬา, และลานจอดรถ ด้วยเทคโนโลยี LightCatcher เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแสงน้อยให้ความถี่ในการบันทึกภาพสูง สามารถจับภาพวัตถุที่เคลื่อนที่ได้ชัดเจนค่ะ
โซนถัดไปคือส่วนของ Sanitaryware, Kitchen, Tile&Stone โดยโซนนี้จะเป็นส่วนของ เครื่องสุขภัณฑ์, ห้องครัว, กระเบื้องและหิน ค่ะ
บูธต่อมาสะดุดตาก็คือนี่เลยค่ะ ALNEX นวัตกรรมวัตถุดิบอลูมิเนียม อัลลอยด์ ที่มีความแข็งแรงพิเศษสูง โดยผ่านกระบวนการขึ้นรูปตามการออกแบบ ประกอบด้วยระบบการเข้าลิ้นอลูมิเนียม และทำสีด้วยระบบพ่นสีฝุ่น (Powder coating) กระบวนการผลิตทั้งหมดไม่ใช้สารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง (non-carcinogenic) ซึ่งสามารถเข้าไปดูพวก Product ต่างๆของเค้าได้ทาง Office Website “คลิกที่นี่” ได้เลยค่ะ
Product ส่วนใหญ่ของ ALNEX ก็จะได้แก่ โรงจอดรถ, กันสาด, ราวกันตก, ระแนง, ประตูรั้ว, Facade
อย่างกันสาดที่เห็นในรูป ระบบกันสาดอลูมิเนียมสำเร็จรูป รุ่น PROFLEX ผลิตจากโครงอลูมิเนียมความแข็งพิเศษและระบบยึดแผ่นโพลีคาร์บอนเนตตัน แผ่นโพลีคาร์บอนเนตตันคุณภาพสูงหนา 3 มิลลิเมตร ป้องกันความร้อนและ รังสียูวีได้สูงสุด 90% มาตรฐานประเทศเยอรมันนี แข็งแรงเหนียวกว่ากระจก 100 เท่า และเหนียวกว่าอะคริลิค 25 เท่า สวยงาม ปลอดภัย
* สามารถเพิ่มระบบรางน้ำฝนอลูมิเนียมและท่อน้ำพลาสติกจากญี่ปุ่น
* แผ่นโพลีคาร์บอนเนตตัน Makrolon by BAYER เลือกได้ 3 สี
1. Platinum (สีเทา) กรองความร้อนได้สูงสุด 90%
2. Bronze (สีน้ำตาล) กรองความร้อนได้สูงสุด 80%
3. Clear (ใส) กรองความร้อนได้สูงสุด 12%
การติดตั้ง : จำเป็นต้องติดตั้งกับคานปูนหรือเหล็ก / ยื่นยาวออกมาจากผนังอาคารได้ 3 เมตร โดยไม่ต้องมีโครงสร้างช่วยรับน้ำหนัก
แต่สิ่งที่สะดุดตาและคิดว่าจะเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ในบ้านเรามากกกว่าน่าจะเป็นสิ่งนี้ค่ะ… มันคือ LIFT GATE “ประตูรั้วบานยกด้วยระบบไฟฟ้า”
นวัตกรรมประตูรั้วบ้านผลิตจากอลูมิเนียม ดีไซน์เรียบเท่ห์ปลอดสนิมตลอดอายุการใช้งานในรูปแบบของบานยกด้วยระบบไฟฟ้า หมดปัญหาการเปิดประตูรั้วบ้านในวันฝนตกหรือถือของหนัก เพียงกดสวิตช์ประตูรั้วทั้งบานจะถูกยกขึ้นด้วยกลไกทางวิศวกรรม สามารถนำเข้าไปจอดในบ้านได้สบายๆ โดยส่วนตัวแอบคิดว่าเจ้ารั้วไฟฟ้าแบบยกตัวนี้จริงๆมันเหมาะกับกลุ่มพวกบ้านทาวน์เฮ้าส์ ทั้งหลายที่เหมือนก่อนต้องเปิดประตูเป็นแบบบานข้อพับ ซึ่งจะทำบานเลื่อนไฟฟ้าก็ไม่ได้เพราะไปกินเนื้อที่บ้านข้างๆอีก
กลไกขับเคลื่อนการยกจะอยู่ที่เสาตั้งสองต้น โดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ DC 12 โวลต์ พร้อมหม้อแปลง เพื่อความปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน สามารถต่อตรงเข้ากับไฟบ้านหรือผ่านสวิตช์เปิดปิด พลังงานจะถูกถ่ายแรงขับการยกไปที่แขน โดยที่แขนเชื่อมติดอยู่กับหน้าบานประตู หลักการออกแบบได้ผ่านกระบวนการคำนึงถึงความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้ใช้ ประตูบานยกใช้เวลายกจากพื้นไปจนถึงจุดสูงสุดด้วยระยะเวลาเพียง 14 วินาที และปิดจากจุดสูงสุดลงสู่พื้นด้วยระยะเวลา 18 วินาที
น้ำหนักของชุดประตูได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้หญิงเพียง 1 คนสามารถยกเปิดได้ ในกรณีไฟดับ ด้วยเทคนิคการทดแรง
การติดตั้ง : ต้องติดตั้งบนพื้นปูน / สามารถให้ช่างไฟต่อตรงเข้าไฟบ้านหรือเดินสายลอยพร้อมปลั๊ก (สายยาว 10 เมตร)
สอบถามราคามาคร่าวๆ คือ (รั้วจะสูง 1.5 เมตรอยู่แล้ว) ถ้าเราเลือกความยาวของรั้วประมาณ 2.7 – 3.3 เมตร ราคาอยู่ที่ประมาณ 94,000 บาท ส่วนถ้าเราเลือกความยาวของรั้วอยู่ที่ประมาณ 3.4 – 6.3 ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 148,000 บาท ซึ่งเป็นราคารวมค่าติดตั้งแล้วเฉพาะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
ถัดมาเจอกับบูธของ COTTO เลยแอบแว่บเข้าไปดูเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง Automatic Function ภายในห้องน้ำของเค้าหน่อย
นี่เป็นชุด Tunio Set ตัวใหม่ของ COTTO นะคะ เดี๋ยวจะพาไปดูทีละชิ้น
อ่างล้างมือไม่ได้มือ เหมือนเดิม แต่ก๊อกไม่มี จะเป็นแบบกดเปิดปิดน้ำด้วยปุ่มสัมผัสนะ แถมเจ้าตัวนี้ยังแสดงหน้าจอนาฬิกา และก็เป็นลำโพงบลูทูธสำหรับ Connect กับโทรศัพท์เอาไว้ฟังเพลงได้
ส่วนของ สุขภัณฑ์ตัวนี้คือรุ่น Tunio RX ซึ่งตอนนี้ยังไม่เคาะราคาเปิดขายนะ แต่แว่วๆว่าน่าจะเกินแสนบาทรวมติดตั้ง (T_T) เจ้าตัวนี้ฝาครอบเป็น Automatic Sensor เปิดปิดเองและก็มี Remote ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆได้ตามรูปเลย
ส่วนอันนี้เป็น Shower Panel รุ่น CT843 หน้าตาแบบว่าทันสมัยๆหน่อย เป็นระบบออโต้และทัชสกรีนทั้งหมด รุ่นนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 69,990 บาท ฟังก์ชั่นของมันก็สามารถปรับรูปแบบหน้าได้หลากหลาย และปรับอุณภูมิและระดับน้ำได้ มีเจ็ทสปาพ่นเข้าหาตัวด้วย และก็มี Memory Human ให้จดจำรูปแบบของคนใช้งานได้สองคน
อันนี้เป็นชุดก๊อกผสมอ่างซิงค์ระบบสัมผัส Touch Faucet (แบบใช้แบบเตอรี่) เหมาะกับการใช้งานที่โซนครัว คือ เวลาเราล้างจานหรือทำอาหารแล้วมือเลอะอยู่ แค่สัมผัสไปที่ตัวก๊อก น้ำก็จะไหล ส่วนถ้าสัมผัสอีกทีน้ำก็จะปิดค่ะ
อันนี้คือ Smart Soap Faucet เป็นหัวก๊อก 2 in 1 ก๊อกอ่างล้างหน้าอัตโนมัติพร้อมที่จ่ายสบู่(แบบไฟฟ้า) พวกชุดหัวก๊อกตัวนี้กับด้านบนตอนนี้ยังไม่มีราคาออกมานะคะ จะเริ่มจำหน่ายประมาณเดือนสิงหาคม ปี 2559 นี้ละค่ะ อดใจรออีกนิด
พอออกมาจากโซนก๊อกและฝักบัวของ COTTO ก็มาเจอบูธนี้ค่ะ Beautiful Bathroom by COTTO ขอแวะเข้าไปดูหน่อย
เข้าไปแล้วเจอเคาน์เตอร์รับเรื่องจากทางลูกค้าว่าอยากได้ห้องน้ำไซส์ไหน ดีไซน์ไหน อยากเน้นฟังก์ชั่นอะไรเป็นพิเศษ โทนสีไหน เค้าจะมีการออกแบบด้วยระบบ 3D ให้ด้วยนะ
เค้ามีการทำห้องน้ำตกแต่งของจริงให้ดูหลายแบบมากๆ เลยถ่ายมาให้ดูเป็นไอเดียกันค่ะ ลองกดที่รูปเพื่อขยายเป็นภาพขนาดใหญ่ได้นะ
ต่อมาค่ะ บูธที่ได้รับความสนใจล้นหลาม กว่าจะขอเขยิบแทรกเข้าไปที่ละนิดๆได้ก็นี่เลย SCG Eldercare Solution ในการสร้างบ้านสักหลัง ถ้าเลือกได้ผู้สร้างก็อยากที่จะสร้างบ้านที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานแก่ผู้ใช้งานได้ทุกคนภายในบ้าน บุคคลที่เราคงมองข้ามไม่ได้คือ “ผู้สูงอายุ” ซึ่งหลายๆบ้านต่างก็ต้องมีเหล่าคุณตา คุณยาย เหล่านี้ประกอบเป็นสมาชิกคนหนึ่งภายในบ้านอยู่แล้ว ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มต้นในการออกแบบ ก่อสร้าง หรือตกแต่งที่พักอาศัยเพื่อผู้สูงอายุ ควรที่จะคำนึงการใช้งานในอนาคตไปพร้อมกันด้วย เพราะถึงแม้ว่าขณะนี้พวกเราซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว อาจยังไม่เห็นถึงความสำคัญเท่าที่ควร แต่ไม่ว่าอย่างไรวันหนึ่งทุกคนก็ต้องกลายเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นการออกแบบที่พักอาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุไม่เพียงแต่เป็นการทำเพื่อผู้สูงอายุในบ้านแล้ว ยังอาจเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเพื่อตัวเราเองในอนาคตด้วยเช่นกัน โดย SCG Eldercare Solution มุ่งเน้นให้บริการในเรื่องการเตรียมห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุซึ่งเป็นบริเวณที่พบว่าผู้สูงอายุหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดและมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าและบริการพื้นที่อื่นๆในบ้านต่อไปอีก โดยใช้หลักการที่ว่า “การเตรียมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อความปลอดภัย สะดวกสบาย และสุขภาวะที่ยืนยาว” โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ในการอยู่อาศัยที่จะทำให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนในบ้านและสังคมอย่างมีความสุข
การเตรียมที่อยู่อาศัย ให้พร้อมสำหรับผู้สูงวัย (Elderly Living Solution)
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อยู่อาศัยนั้นมีความสำคัญกับผู้สูงอายุเป็นอย่างมากเนื่องจากในสังคมไทยผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่ในบ้านตลอดทั้งวันประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในหลายๆด้านของผู้สูงอายุการปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างมากเพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุต่างๆและทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้วยังช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกอบอุ่นและมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย
เมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัย รูปแบบการใช้ชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งทางสภาวะร่างกาย จิตใจและสังคม SCG ได้ทำการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุเป็น 3 ระดับ ตามลักษณะทางกายภาพและสมรรถนะร่างกายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
- ผู้สูงอายุกลุ่มสีเขียว คือผู้สูงอายุที่สามารถใช้ชีวิต หรือทำกิจกรรมทั้งในบ้าน และนอกบ้านได้ตามปกติ แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางด้านสุขภาวะในอนาคตหากไม่ป้องกันและดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง
- ผู้สูงอายุกลุ่มสีเหลือง คือผู้สูงอายุที่เริ่มมีการเสื่อมถอยของร่างกาย หรือมีปัญหาด้านสุขภาพบ้างเล็กน้อย แต่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาจต้องการอุปกรณ์ หรือผู้ช่วยเหลือในบางกิจกรรม การทำกิจกรรมภายนอกบ้านต้องได้รับการดูแลจากคนในครอบครัวมากขึ้น
- ผู้สูงอายุกลุ่มสีส้ม คือผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพ การใช้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกน้อยลง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในบางกิจกรรม ต้องพึ่งพาอุปกรณ์และผู้ดูแลเป็นส่วนใหญ่ และมักใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน
อย่างภาพทางขวา นั้นคือ Automatic Night Light System คือ การที่ผู้สูงอายุลุกเดินจากเตียงไปห้องน้ำตอนกลางคืน ในที่อยู่อาศัยที่แสงสว่างไม่พอ หรือต้องลุกเดินไปเปิดไฟ ส่งผลทำให้มีความเสี่ยงในการหกล้ม เค้าจึงคิดระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติช่วยนำทางผู้สูงอายุจากเตียงนอนไปยังห้องน้ำ โดยไฟจะส่องสว่างเมื่อก้าวลงจากเตียง และเมื่อกลับมานอนไฟจะค่อยๆหรี่จนดับ ควบคุมด้วยเทคโนโลยี Motive Sensor (ค่าใช้จ่ายคร่าวๆโดยประมาณ พื้นที่ห้องประมาณ 30-40 ตร.ม. ประมาณ 3 หมื่นบาทรวมติดตั้ง แต่ต้องสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่อีกทีเพราะแต่ละรูปแบบห้องแต่ละบ้านจะไม่เหมือนกัน)
ปีนี้ทาง SCG ได้แก้ไขรูปแบบมือจับใหม่ ให้ตัวยึดกับผนังโค้งลงแบบนี้ เพื่อที่เวลาผู้สูงอายุใช้งานจะได้เลื่อนมือไปตรงๆได้ยาวเลย (แบบก่อนตัวยึดเป็นแบบตรงๆด้านข้าง)
ห้องน้ำ ควรมีการแยกระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้ง แต่ไม่ควรมีพื้นต่างระดับ พื้นห้องน้ำควรมีผิวสัมผัสที่หยาบ เพื่อความปลอดภัยและกันลื่น
มีการทำตัวอย่างความสูงและระยะต่างๆ ของการใช้งานที่เหมาะสมต่อผู้สูงอายุโดยทั่วไป แต่ทาง SCG อยากให้มีการวัดส่วนสูงของผู้สูงอายุด้วยตนเองอีกทีก่อนจะติดตั้ง เพราะจะปรับเปลี่ยนไปตามความสูงและความเหมาะสมในการใช้งาน
สำหรับโถสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ ควรเปลี่ยนมาเลือกใช้รุ่นที่มีที่นั่งสูงจากพื้น 43 – 45 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ผู้สูงอายุลุกนั่งได้อย่างสะดวกเมื่อใช้งานร่วมกับราวทรงตัว (ที่นั่งของโถสุขภัณฑ์ปกติจะสูงจากพื้น 38 – 40 เซนติเมตร ทำให้ต้องออกแรงมากขณะดันตัวลุกขึ้นยืน) ที่กดชำระน้ำควรเลือกใช้เป็นแบบคันโยก ส่วนสายชำระควรติดตั้งไว้ด้านข้างให้มือเอื้อมหยิบใช้ได้ง่ายโดยไม่ต้องเอี้ยวตัวไปด้านหลัง หรือจะเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบอัตโนมัติก็ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้งานได้อีกทางหนึ่ง
ภายในห้องน้ำควรติดตั้งราวจับเพื่อช่วยในการพยุงตัวทั้งสองข้างของอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ โดยสามารถเลือกใช้ราวทรงตัวรูปตัวแอลหรือราวทรงตัวแขนพับแบบสวิงตามความเหมาะสม หรือเพิ่มเติมในส่วนของราวจับที่ผนังนำทางไปจนถึงส่วนอาบน้ำ ติดตั้งสูงจากพื้น 60 – 75 เซนติเมตรทั้งนี้ สีของราวจับควรดูแตกต่างจากสีของกระเบื้องผนังอย่างชัดเจนด้วย (เรทราคาประมาณ 7,000 – 11,000 บาท)
พื้นที่ส่วนอาบน้ำไม่ควรมีการลดระดับพื้นมากจนเกินไป โดยอาจใช้วิธีการยกพื้นและซ่อนรางระบายน้ำไว้ด้านล่างแทน ทำให้ระดับพื้นทั้งส่วนเปียกและส่วนแห่งเสมอกันแต่ก็ยังสามารถระบายน้ำจากการอาบน้ำได้อยู่ นอกจากนี้ควรจะมีเก้าอี้สำหรับนั่งอาบน้ำมาวางเพิ่มเติม สำหรับผู้สูงอายุบางคนที่ไม่สามารถยืนอาบน้ำนานๆได้ ส่วนฝักบัวอาบน้ำควรยึดกับก้านจับเลื่อนขึ้นลงปรับระดับในการใช้งานได้ อาจะเพิ่มราวจับเพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ในการจับและพยุงตัวในระหว่างการอาบน้ำ
อีกวิธีในการประหยัดพื้นที่มากขึ้นไปอีกคือการติดตั้งเก้าอี้นั่งแบบพับได้ค่ะ ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นตามความสะดวกในการใช้งานและการประหยัดพื้นที่ตามไปด้วย โดยจะตกอยู่ที่ประมาณ 13,000 – 50,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีการผลิตภัณฑ์ หากเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆถ้าผู้สูงอายุของเราเกิดล้มขึ้นมา เป็นตัวของพื้นนั่นเอง Shock Absorption Floor “ระบบพื้นลดแรงกระแทก”
เป็นวัสดุที่มีชั้นโฟมประกอบอยู่ด้านล่างช่วยดูดซับแรงกดกระแทก จึงช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุการล้มกระแทกพื้น นอกจากสัมผัสที่นุ่มสบายไม่เย็นเท้า ยังมีความแข็งพอที่จะช่วยกระจายแรงจากฝ่าเท้าที่กดลงบนพื้น จึงเดินได้อย่างมั่นคงทรงตัวได้ดีไม่มียวบ อีกทั้งทนทานทนต่อรอยขูดขีดจากการเข็นรถ Wheelchair เหมาะสำหรับงานพื้นภายใน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น ที่สามารถติดตั้งได้ง่าย รวดเร็ว (พื้นซ้ายมือสีเทาเป็นพื้นธรรมดา ขวามือเป็นพื้น Shock Absorption Floor ให้ทดสอบโดยการปล่อยลูกสนุ๊กลงพื้น จะเห็นและได้ยินชัดว่ารับแรงกระแทกได้ดีกว่ามาก)
สำหรับโซน Sanitary, Kitchen, Tile & Stone ปีนี้ก็มาออกงานกันเยอะเยอะเหมือนเคย มีทั้งบูทใหญ่อย่าง SCG และบูทกลางเล็กอีกเพียบ เดี๋ยวจะพาไปดูของที่เด่นๆในโซนนี้กันนะคะ เริ่มกันที่บูทของ KASCH กันก่อนเลยถ้าใครเคยอ่านรีวิวก็น่าจะพอคุ้นหูกับแบรนด์นี้อยู่บ้างนะคะ
ภายในบูทนอกจากจะโชว์ผลิตภัณฑ์พวกอ่างอาบน้ำและสุขภัณฑ์ต่างๆแล้วยังมีโชว์การเคลือบผิวต่างๆให้ดูด้วย
มาดูของใหม่กันบ้างดีกว่าตัวนี้คืออ่างล้างหน้าที่เป็นหินสังเคราะห์ แต่ที่แปลกและไม่ธรรมดาก็คือตัวอ่างจะมีไฟ LED อยู่ด้านในซึ่งเราสามารถใช้งานได้ปกติไม่ต้องกลัวมันช๊อตหรือน้ำจะไปโดนไฟ เพราะตัวไฟจะส่องทะลุผ่านหินได้เลยค่ะ
ไฟที่ซ่อนไว้ก็ไม่ธรรมดานะคะ เพราะมันจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตัวอ่างจะไม่ได้เป็นแบบที่มีหลุมลึกลงไปแต่เน้น Design ให้เป็นแค่หลุมเฉียงๆแบบนี้และตัวร่องน้ำก็ไม่ได้เป็นรูปกลมๆเหมือนทั่วๆไปแต่เป็นแนวยาวตามความกว้างของตัวอ่างค่ะ และก๊อกน้ำก็ต้องติดผนังไปนะคะ
ถ่ายซูมมาให้ดูใกล้ๆว่าของจริงนี่สีมันนวลๆเนียนๆอยู่นะ ส่วนการเปลี่ยนสีจะค่อยเปลี่ยนจากช้าๆนะคะ ดูได้จาก Clip VDO ด้านล่างเลยค่ะ จุด 3 จุดด้านข้างอ่างคือตำแหน่งสวิทช์ไฟนะคะ ซึ่งสวิทช์ไฟจะอยู่ใต้อ่างอีกที ถ้าใครชอบ Design แบบนี้ก็เตรียมงบไว้ประมาณ 90,000 นะคะ
เดินเข้ามาเรื่อยๆเจอบูท Hafele ใหญ่โตเหมือนทุกปีข้าวของที่เอามาโชว์ก็เยอะเหมือนเดิมค่ะ
ถัดมาหน่อยเป็นส่วนของกระเบื้องบ้างบูทนี้เค้าจัดมาสวยดีค่ะ คือเค้าจะตกแต่งเป็นห้องตามฟังก์ชันต่างๆไว้ให้เราดูอย่างห้องครัวหรือห้องน้ำมีหลากหลายสไตล์อยู่เหมือนกัน
ใครที่จินตนาการเวลาเลือกวัสดุไม่เก่งก็ลองมาเดินๆดูได้ค่ะ อย่างผนังที่นี้เค้าปูกระเบื้องลายสวยดีเลยเอามาฝากค่ะ
กระเบื้องชุดนี้พื้นหลังจะเป็นสีดำแล้วลวดลายจะเป็นสีทองเงาของจริงสวยดีค่ะ วิ้งวับๆ^_^
มาดูแผ่นหินกรุกำแพงสำหรับภายนอกกันบ้าง ใครที่กำลังสนใจจะตกแต่งผนังลองมาที่บูทนี้นะคะ เค้ามีโชว์ลายให้ดูเยอะมากและที่สำคัญมีราคาให้พร้อมเลย
หินมีให้เลือกหลายแบบมากอยากได้โทนสีไหนก็เลือกได้เลยค่ะ
ถ่ายป้ายราคาจะมาให้ดูว่าเค้าคิดกันยังไง อย่างลายนี้เค้าจะบอกไว้เลยว่า 112 บาท/แผ่น และ 1 ตร.ม.ใช้ 28 แผ่นเท่ากับว่าเราต้องใช้เงินประมาณ 3,136 บาท/ตร.ม. ใครมีพื้นที่เท่าไหร่อย่าลืมวัดแล้วจดไปนะคะจะได้คำนวณได้ถูก
มีบางบูทในโซนนี้เป็นวัสดุประเภทกำแพงค่ะ ถ้าใครอ่านรีวิวจะรู้จักกำแพงที่ใช้กันบ่อยๆคือ แบบก่ออิฐฉาบปูน และ แบบพรีแคสคอนกรีต แต่กำแพงนี้จะเป็นแผ่นๆกว้างประมาณ 60 ซม.นำมาต่อๆกันโดยความสูงก็มีหลายขนาดให้เลือกค่ะ สำหรับโครงการที่ใช้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่จะมีโครงการ Park 24 และ ทิวทะเลค่ะ
หน้าตาของกำแพงจะเป็นแบบนี้ค่ะ ที่เห็นในรูปนี่เค้าตัดมาเป็นชิ้นเล็กเอาไว้ให้ สถาปนิก, วิศวะกร หรือผู้ที่สนใจนำกลับไปศึกษาดูได้ค่ะ หากใครสังเกตเห็นจุดขาวๆแล้วสงสัยว่าคืออะไร…. คำตอบคือโฟมค่ะ ตัวโฟมเป็นเกรดที่ไม่ลามไฟ ไม่ติดไฟ ส่วนเรื่องความแข็งแรงเดี๋ยวเราจะมีรูปนะคะ ข้อดีอีกอย่างของวัสดุนี้คือติดตั้งได้สะดวกและทำงานได้เร็วค่ะเพราะมีแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ติดมาให้แล้ว
ในงานมีการโชว์เรื่องการนำความร้อนให้ดูโดยนำไฟสปอร์ตไลท์มาส่องแล้ววัดอุณหภูมิว่าเจ้ากำแพงนี้มีการนำพาความร้อนที่ต่ำ หรือเรียกง่ายๆว่าป้องกันความร้อนได้ดีค่ะ (K Value = 0.23 W/m.k, ASTM C1363-11)
เรื่องความแข็งแรงผนังแบบนี้จะมีค่าแรงอัด (Compressive Strength) อยู่ที่ 5.6 MPa และดูดซับเสียงอยู่ที่ 43 db ในเรื่องของการเจาะแขวนของต่างๆทางบูทเค้าก็ทำมาให้ดูว่ารับได้ทั้งน้ำหนักตู้เก็บของธรรมดาเบาๆ หรือของหนักๆอย่างปูน 50 กก. 5 ถุงก็ยังได้สบายๆนะคะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแบบและวัสดุสำหรับการติดตั้งด้วยนะคะ
เรื่องการเจาะผนังก็สามารถเจาะได้กว้างพอสมควรนะไม่เหมือนพวกผนัง Precast ที่จะช่องประตูกว้างๆไม่ได้ อย่างในรูปเค้าเจาช่องประตูให้ดูว่าสมารถทำได้ไม่ติดปัญหาอะไรเพราะตัวผนังไม่ใช่ผนังรับน้ำหนักเหมือน Precast
ถัดจากผนังมาดูเรื่องสีกันหน่อยนะคะ บูทของ TOA ทำตัวอย่างอธิบายการใช้สีซ่อมผนังมาให้ดูครบถ้วนดีค่ะ
มีการโชว์ขั้นตอนการทาสีปกติและการซ่อมรอยปูนร้าวโดยเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม
สำหรับบูทแปลกๆก็มีอยู่บ้างนะคะ อย่างบูทนี้เป็นของคนจีนที่เอาพวกอ่างน้ำและเครื่องเล่นเป่าลมขนาดใหญ่มาขายค่ะ มีขายเป็ดเหลืองยักษ์ด้วยนะถ้าใครสนใจซื้อไว้เล่นสระว่ายน้ำที่โครงการก็ลองมาดูได้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าขายปลีกรึเปล่านะคะ
ในส่วนของโซน Finishes & Decoration จะเป็นโซนที่รวบรวมวัสดุปิดผิวและวัสดุปูพื้น เช่น พวกพื้นไม้ สีทาบ้าน ลามิเนต ซึ่งปีนี้ก็มีหลายเจ้านำเอาของมาปล่อยในงานเหมือนเช่นเคย ที่น่าสนใจก็จะมี ฉนวนกันเสียงที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล มาออกงานกันหลายบูธอยู่เหมือนกัน สำหรับตัววัสดุกันเสียงปัจจุบันมีให้เลือกค่อนข้างหลายหลาก ทั้งฉนวนใยแก้ว ใยหิน อะคูสติก แต่ก็มีการนำเอาวัสดุเหลือใช้มารีไซเคิล ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะได้แล้ว ผลิตภัณฑ์ยังปลอดภัยต่อผู้บริโภคโดยวัสดุรีไซเคิลที่เห็นในงานก็จะมี ฉนวนที่ทำจาก ขวดน้ำพลาสติก , กล่องนม และ ไม้ผสมซีเมนต์
บูธแรกจะเป็นฉนวนกันเสียงและความร้อนที่มีส่วนผสมของเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่รีไซเคิลมาจากขวดน้ำพลาสติก ผ่านกระบวนการความร้อนเพื่อยึดเส้นใยเข้าด้วยกัน ไม่มีส่วนผสมของกาว ปราศจากสารฟอร์มัลดิไฮด์หรือสารอินทรีย์ไอระเหย สามารถใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา และ วัสดุดูดซับเสียงบนผนังได้ การติดตั้งสามารถปิดทับผนังเดิมหรือผนังที่เตรียมไว้ได้เลย โดยใช้กาว ยึดด้วยตะปูแล้วเก็บรายละเอียดด้วยคิ้วอะลูมิเนียม มีอยู่หลายแบบทั้งแบบ Acoustic wall และ แบบ Panel ที่เนื้อวัสดุจะแข็งๆหน่อย
ตัวอย่างวัสดุชิ้นด้านบนจะเป็นตัวที่ใช้สำหรับเป็นวัสดุซับเสียงบนผนัง เช่น ผนังห้องประชุม ห้องดูหนัง สามารถปิด Finishing ทับลงไปได้
ส่วนอีกแบบคือแบบ Panel ที่มีเนื้อวัสดุที่แข็งๆหน่อย สามารถฉลุลวดลายเพิ่มเติมโดยจะเป็นลายที่ทางบริษัทมีให้เลือก หรือ ลายที่เราเตรียมมาเองก็ได้
อีกบูธหนึ่งเป็นแผ่นฉนวนที่รีไซเคิลมาจากกล่องนม ผสมกับพลาสติก มีคุณสมบัติกันน้ำ กันไฟ กันกระแทก สะท้อนยูวี ป้องกันเชื้อรา ดูดซับเสียงได้ดี สามารถใช้ทำเป็นวัสดุมุงหลังคาและผนังกันเสียงได้เช่นกัน สำหรับราคาถ้าเป็นแบบมุงหลังคา 5 mm. จะตกอยู่ที่ 275 บาท/ตร.ม. ส่วนถ้าเป็นแบบกรุบนผนัง 5 mm. ราคา 196 บาท/ตร.ม. 10 mm. 289 บาท/ตร.ม. รับประกันให้ 15 ปี
ขนาดของ X-Shield roof เทียบเท่าแผ่นหลังคาลอนคู่ปกติถึง 4 เท่า จึงทำให้ลดปริมาณ การทับซ้อนของแผ่นหลังคาได้ จึงประหยัดในเรื่องโครงสร้าง ค่าแรง และระยะเวลามุง หลังคา อีกทั้งมีคุณสมบัติเป็นฉนวนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องติดฉนวนกันความร้อนใต้ แผ่นกระเบื้องให้สิ้นเปลือง ส่วนการติดตั้งสามารถเลื่อย ตอกตะปู โป๊วรอยต่อ ฉาบทาสี กรุวัสดุปิดผิวตกแต่งได้ตามปกติ
ตัวอย่างของวัสดุทั้งแบบมุงหลังคา และ แบบที่เป็น Board ค่ะ
ต่อมาคือบูธฉนวนกันเสียงที่ผลิตจากไม้ที่นำมาไสเป็นฝอยแล้วอัดแน่นด้วยซีเมนต์ โดยใช้วัสดุดิบและการผลิตในประเทศไทย มีน้ำหนักเบากว่าอิฐถึง 3 เท่า ใช้งานง่าย สามารถเลื่อย ไส ตอกตะปูได้เหมือนไม้ มีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน มีทั้งแบบธรรมดาคือเป็นแผ่นเรียบๆ มีผิวหน้าให้เลือกหลาย , แบบที่มีโฟมด้านใน และแบบชนิดพิเศษที่ออกแบบเป็นลวดลายต่างๆ มีขนาด 12 , 20 , 25 , 50 ,75 mm. ราคาตกอยู่ที่ 480 บาท / ตร.ม.ขึ้นอยู่กับรุ่นและลวดลาย
ในบูธมีเอาชิ้นตัวอย่างแบบต่างๆ ทั้งแบบธรรมดา และ แบบพิเศษที่มีโฟมตรงกลางมาตั้งโชว์ให้ดู
อีกบูธในโซนนี้ที่มีของน่าสนใจ คือ “นวัตกรรมกระจกประหยัดพลังงาน” เป็นกระจกนิรภัย 2 ชั้นที่มีชุดม่านปรับแสงอยู่ตรงกลาง ราคาเบื้องต้นจะตกอยู่ที่ 20,000 บาท/ตร.ม. แต่ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบด้วย ถ้าอยากได้ราคาประหยัดกว่านี้ก็สามารถปรึกษาเพื่อปรับลดวัสดุบางส่วนลงได้
จากชิ้นตัวอย่างที่ตัดมาให้ดู ด้านในจะเป็นมูลี่ขนาบข้างด้วยกระจกนิกภัย 2 ชั้น
กดดึงมูลี่ลงมาก็จะเป็นแบบนี้ โดยจะมีรับประกัน 10 ปีค่ะ
สำหรับ Zone Finishes and Decoration ในงาน ASA ปี 2559 นี้ ก็ยังมีบูทที่น่าสนใจ คือ บูท Polymer Master ซึ่งสินค้าที่นำมาโชว์จะเป็นพวก Wall Decoration ตัวสินค้าที่จะพาไปชมกันวันนี้เป็น New Product ที่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับวัสดุกรุผนัง คือ Wall Solutions ที่ผลิตจากพลาสติก “พอลีโพรพีลีน” (Polypropyltene) ซึ่งมีคุณสมบัติทนทาน น้ำหนักเบา นั่นเอง โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท/ตร.ม.ค่ะ
บรรยากาศโดยรวมของบูทจะมีตัวอย่างผนังที่ติด Wall Solution ลวดลายต่างๆมาให้ชมกันนะคะ
ลวดลายของ Wall Solution ซึ่งมีให้เลือกหลายสไตล์ ส่วนลายที่นำมาโชว์ เช่น ผนังลายอิฐ, ผนังลายหินธรรมชาติ ซึ่งสามารถไปลองสัมผัสผิววัสดุของจริงได้ที่บูทนะคะ
รายละเอียดของวัสดุกรุผนังภายนอกชุดนี้ คือ ชุดผนังสำเร็จรูปที่มีรูปลักษณ์และสีสันใกล้เคียงธรรมชาติ และด้วยความที่ตัววัสดุเป็นพลาสติก “พอลีโพรพีลีน” (Polypropyltene) ทำให้มีความคงทนต่อสภาพอากาศมากกว่า โดยรับประกันอายุการใช้งาน 20 ปี ซึ่งหากสีของวัสดุซีดลงก็สามารถทาสีทับให้เหมือนใหม่ได้ ตัวชุดผนังสำเร็จรูปนี้สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยระบบ Clipping System ที่ติดตั้งอย่างเป็นระบบค่ะ
ตัววัสดุ “พอลีโพรพีลีน” (Polypropyltene) หรือ พลาสติก PP มีคุณสมบัติเป็นพลาสติกเกรดดี เนื้อเหนียว คงรูปไม่ยืดหด ทนทานต่อความร้อนสูงได้ ทนต่อแรงกระแทกได้ ช่วยป้องกันการผ่านของความชื้นได้ดี ไม่ผุกร่อน ง่ายต่อการดูแลรักษา
ลวดลายของ Wall Solution จะมีหลาย Series เช่น Series WS1 จะเป็นชุดผนังลายอิฐ มี 4 สีให้เลือกค่ะ
ส่วน Series W2 จะเป็น Series ชุดผนังที่มีการคละ ลวดลายจะออกมาคล้ายๆหินที่คละกันหลายๆขนาดค่ะ ส่วน Series ถัดมา คือ Series W3 เป็นผนังลายพิเศษ ที่มีลวดลายและผิวสัมผัสคล้ายผนังหินธรรมาติค่ะ
Series 4 เป็นชุดผนังลายอิฐโชว์แนว ซึ่งปัจจุบันนิยมทำกันมาก ในบ้านสไตล์ลอฟท์นะคะ
Series ถัดมา คือ Series W5 เป็นชุดผนังที่เหมือนผนังหินธรรมชาติ ลวดลายจะเหมือนหินที่วางซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ และ Series W6 เป็นชุดผนังที่ออกแบบให้คล้ายชิ้นไม้ โดยจะเรียงซ้อนเกล็ดกันค่ะ
ตัวอย่างรูปผลงานจริงที่ใช้ Wall Solution เป็นวัสดุกรุผนังด้านนอกบ้านนะคะ
ตัวอย่างรูปผลงานจริงที่ใช้ Wall Solution อีกรูปหนึ่งค่ะ
รูประหว่างการติดตั้ง ที่ติดตั้งด้วยระบบ Clipping System ค่ะ
โซนนี้จะรวมเกี่ยวกับ DOOR, WINDOW, ROOF, METAL&SERVICES มีตั้งแต่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ประเภทประตูหน้าต่าง กระจก อุปกรณ์มือจับ อุปกรณ์อลูมิเนียมและโลหะชนิดต่างๆ ค่ะ
มาเริ่มกันที่บูทเกี่ยวกับอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ จากบริษัท Icon Architectural Hardware ถ้าใครกำลังมองหาอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับประตู โดยเฉพาะการป้องกันความปลอดภัยที่สะดวก เช่น Digital doorlock ซึ่งปกติทั่วไปที่เราเห็นกันก็จะติดกับประตูต่างๆที่อยู่ภายในอาคาร แต่ตอนนี้สามารถพัฒนาให้สามารถติดตั้งภายนอกอาคารและกันน้ำได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ต่างๆของบ้านและอาคารได้มากยิ่งขึ้นค่ะ
ชุดอุปกรณ์ Digital doorlock ชุดนี้ที่น่าสนใจคือสามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้ เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำ , ความชื้นและสามารถทนต่อสภาพอากาศได้ค่ะ วัสดุทำจากสแตนเลส SUS 416 ที่จะไม่เป็นสนิม ด้วยคุณสมบัตินี้สามารถติดตั้งกับประตูที่อยู่ภายนอกอาคารได้ ตัวเครื่องใช้ระบบ Key card ในการเปิด-ปิดประตู และสามารถเชื่อมต่อกับ Wifi ระบบโทรศัพท์ผ่าน Application เพื่อล็อคเปิด-ปิดประตูได้ สำหรับราคาอยู่ที่ 23,000 บาท/ชิ้น และต้องใช้ช่างเฉพาะในการติดตั้งเท่านั้นค่ะ
มากันที่อุปกรณ์ประเภทหน้าต่าง จากบริษัท A&W INNOVATION CO.,LTD ผู้ผลิตประตู-หน้าต่างอลูมิเนียม โดยในครั้งนี้ได้เอาชุดประตูแบบ Panorama แบบพิเศษ โดยเน้นการออกแบบที่กว้างและความสูงพิเศษ เทคโนโลยีจากอิตาลีมาร่วมภายในงานครั้งนี้ค่ะ ถ้าใครกำลังเตรียมจะสร้างบ้านหรืออาคารที่จะมีบานประตู-หน้าต่างสูงๆ อยู่อันนี้ก็น่าสนใจเลยค่ะ
สำหรับชุดประตูอลูมิเนียมชุดนี้ มีความพิเศษและน่าสนใจตรงที่ความสูงที่สามารถทำได้ถึง 6 ม. ซึ่งถ้าเป็นประตูทั่วไปที่ความสูงระดับนี้จะต้องเป็นเฟรมชนิดพิเศษเท่านั้น ชุดประตูบานเลื่อนนี้จะใช้ระบบประตู Panorama sliding system สามารถทำความสูงได้สูงสุด 6 ม.และกว้างสุด 2 ม. ต่อบาน ตัวเฟรมอลูมิเนียมกว้างเพียง 20 มม. ใส่กระจก Heat Stength Laminate ซึ่งเป็นกระจกที่มีความแข็งพิเศษ สามารถป้องกันเสียงจากภายนอกได้ 40 เซิเบล ตัวเฟรมน้ำหนักเบาและเฟลมล่างราบเรียบกับพื้น ลดการบดบังทัศนียภาพ สร้างความโปร่งภายในอาคาร
ที่เฟรมด้านล่างจะเป็นรางเลื่อนแบบ Heavy Duty Roller ออกแบบมีล้อหมุนบานเลื่อนอยู่ที่เฟรมด้านล่าง เพราะสามารถรับน้ำหนักบานกระจกที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ได้ดีกว่าแบบทั้วไปที่จะติดล้อหมุนไว้กับเฟรมบานเลื่อนค่ะ อีกทั้งออกแบบให้มีรูระบายน้ำนอกกรอบบานเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาน้ำค้างภายในบ้านซึ่งจะทำให้เกิดเชื้อราได้ค่ะ สำหรับราคาของประตูอลูมิเนียมชุดนี้อยู่ที่ประมาณ 20,000 – 25,000 บาท/ตร.ม. โดยราคาจะขึ้นอยู่กับความสูง ขนาดกระจก ความหนาและสีของเฟรมอลูมิเนียมค่ะ