select-your-home-loan

บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ตั้งเป้าซื้อพอร์ตสินเชื่อบ้านจากแบงค์เพิ่มอีก 1.5 ล้านบาท จากปีก่อนที่ซื้อได้เพียง 5,000 กว่าล้านบาท คาดนำไปออกเป็นตราสาร MBS ได้ 4,000 ล้านบาท เน้นขายรายย่อย พร้อมปรับพอร์ตเน้นซื้อลูกหนี้โครงการอสังหาเกรดเอเพื่อคุมคุณภาพลูกหนี้ โดยหวังลด NPL เหลือ 3% จากปัจจุบัน 3.3% โดยใช้ดอกเบี้ยต่ำจูงใจ เล็งขอเพิ่มทุนจากรัฐอีก 2,000 ล้านบาท

5337033

นางพรนิภา หาชัยภูมิ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เปิดเผยว่าปัจจุบัน บตท. มีพอร์ตสินเชื่อบ้านที่รับซื้อจากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 9,000 ล้านบาท ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะซื้อเพิ่มได้อีก 15,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อพอร์ตจากธนาคารกสิกรไทยประมาณ 10,000 ล้านบาท และขณะนี้เริ่มมีสถาบันให้ความสนใจที่จะขายพอร์ตสินเชื่อบ้านให้กับบตท. มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างเจรจากับสถานบันการเงินเพิ่มอีก 2-3 ราย

ก่อนหน้านี้มีเพียงธนาคารกสิกรไทยที่ขายพอร์ตสินเชื่อให้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บตท. ซื้อพอร์ตจากธนาคารกสิกรไทยไปแล้วประมาณ 5,400 ล้านบาท และในปีที่ผ่านมา บตท. ได้เซ็นสัญญากับธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มเติมเพื่อซื้อพอร์ตสินเชื่อบ้านอีก 20,000 ล้านบาท แต่สามารถส่งมอบได้จริงเพียง 1,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะสามารถส่งมอบได้เพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท

นางพรนิภา กล่าวว่า พอร์ตสินเชื่อที่ธนาคารซื้อมาจะมีการนำไปแปลงเป็นสินทรัพย์เพื่อทุนด้วยการออกแบบเป็นตราสาร MBS (ตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง: Mortgage Backed Securities) ให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนโดยได้ดำเนินการ ออก MBS ไปแล้งประมาณ 2,050 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการออกตราสารดังกล่าว

ส่วนในปีนี้ยังเหลือสินทรัพย์ที่จะนำมาอ้างอิงในการออกตราสาร 4,300 ล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อที่ซื้อเข้ามานั้น ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะนำไปเป็นสินทรัพย์อ้างอิงเพื่อออกเป็นตาสารได้ ดังนั้นสินเชื่อที่จะรับซื้อในปีนี้ จะนำไปออกตราสารได้ในปี 2558 อย่างไรก็ตาม ตราสารที่ออกมาในปีนี้บตท. จะเปิดขายให้กับนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี ซึ่งขณะนี้ Due Diligence (DD) มีความคล่องตัวมากขึ้น ลูกค้ารายย่อยเริ่มรู้จัก บตท. และยินดีที่จะเข้าโครงการซื้อขายสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่การออกตราสาร MBS ก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนมากขึ้น ทั้งลูกค้าสถาบันอย่างกองทุนรวมและลูกค้ารายย่อย

อย่างไรก็ตามยอมรับว่า บตท. ไม่ได้รับซื้อพอร์ตจากธนาคารเฉพาะกิจมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่พอร์ตสินเชื่อบ้านของแบงก์รัฐจะเป็นลูกหนี้รายเล็กที่ต้องใช้ต้นทุนในการดำเนินการมาก ขณะที่นักลงทุนที่เข้ามาซื้อตราสารจะให้ความนิยมกับสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มากกว่า

สำหรับผลกระทบจากการเมืองและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้ทำให้คุณภาพลูกหนี้เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีลูกหนี้เพียง 3-4 ราย เท่านั้นที่ติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งบตท. ได้ปรับค่างวดและลดค่าดอกเบี้ย หรือพักชำระหนี้ให้ลูกค้าไปตามความเหมาะสมโดยเชื่อว่าในไตรมาส 2 สถานการณ์น่าจะปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ บตท. ตั้งเป้าหมายที่จะควบคุมระดับหนี้เสียหรือ NPL ไม่เกิน 3% จากปัจจุบัน 3.3% โดยในปีนี้บตท. จะปรับการจัดซื้อพอร์ตสินเชื่อโดยเลือกคุณภาพลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเน้นพอร์ตสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยให้กับกลุ่มลูกค้าของผู้ประกอบการอสังหาฯระดับบน เช่นแสนสิริ เอพี หรือคิวเฮ้าส์ โดยจะเสนออัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นที่จูงใจ ซึ่งลูกค้าที่เข้าโครงการกับ บตท.จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.25-0.50% จากดอกเบี้ยเดิมที่ได้รับจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยให้ระดับหนี้เสียลงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ในแง่ฐานเงินทุนนั้นบตท.อยู่ระหว่างขอเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลังอีก 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขอเพิ่มทุนไป 2,000 ล้านบาท แต่เงินที่ได้รับเพียง 130 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากกระทรวงการคลังต้องเข้าไปช่วยเหลือสถาบันเฉพาะกิจรายอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า

ที่มา: หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ