ช่วงกลางปีที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้มีประกาศยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับประชาชนทั่วไปและเกษตรกร ตลอดปี 2564 ประมาณ 500,000 คน คิดเป็นค่าเช่ายกเว้น 300-400 ลบ. ส่วนบริษัทเอกชนที่ทำสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นรายกรณี เช่น ผ่อนเก็บค่าเช่า 6-12 งวดหรือให้เป็นส่วนลดเพิ่ม

สำหรับรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์นั้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวม การยกเว้น-ปรับลดค่าเช่า ทำให้ในปี 2564 กรมธนารักษ์สามารถจัดเก็บรายได้เข้าคลัง 7,200 ลบ. แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เพียง 200 ลบ. แต่…ในปี 2565 กระทรวงการคลังได้มีการปรับเป้ารายได้จากธนารักษ์ขึ้นเป็น 8,800 ลบ. พร้อมย้ำให้ทบทวนค่าเช่าที่ราชพัสดุใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจมากที่สุด

ส่วนอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับประชาชนเพื่ออยู่อาศัยหรือทำกินนั้น กรมฯจะยังคงปรับลดให้และจัดเก็บในอัตราเท่าเดิมไปก่อน เนื่องจาก ประชาชนรายย่อยเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากจากสถานการณ์โควิด-19

อ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ ปัจจุบันธนารักษ์ได้นำที่ราชพัสดุมาปล่อยเช่า 0.487 ล้านไร่ จากทั้งหมด 12.720 ล้านไร่ โดยในปีงบประมาณ 2565 ธนารักษ์มีแผนจะเรียกคืนที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวนประมาณ 10,000 ไร่ เพื่อนำมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป

นอกจากนี้ ธนารักษ์จะเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินราชพัสดุ โดยจะดำเนินการจัดให้มีการเช่าที่อย่างถูกต้อง ตั้งเป้าหมายที่จะจัดให้มีการเช่าราว 20,000-25,000 ราย และจะมีการประสานไปยังธนาคารต่างๆเพื่อให้พิจารณาหาแรงจูงใจแก่ผู้เช่าที่กรณีที่ต้องการเข้าถึงแหล่งทุนด้วย