นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 ของปี 2559 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 940 ล้านบาท หรือเติบโต 21 % จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558 ทั้งนี้แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม 5,208 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 971 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23 % จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558) รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 272 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 42 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221 ล้านบาท หรือเติบโต 33% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558
สำหรับรายได้รวมสะสม 6 เดือนแรก ปี 2559 นั้น บริษัทฯมีรายได้รวม 10,776 ล้านบาท โดยรายได้รวมสะสม 6 เดือนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 2,217 ล้านบาท หรือเติบโต 26% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม 10,114 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2,233 ล้านบาท หรือเติบโต 28%) รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 579 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 83 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 406 ล้านบาท หรือเติบโต 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558
“ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 และยอดสะสม 6 เดือนแรกของปี 2559 ถือเป็นที่น่าพอใจ โดยรายได้และกำไรของบริษัทฯมีการเติบโตต่อเนื่องในทิศทางที่ดี สามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ โดยโครงสร้างหลักรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 5,208 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นแนวราบประมาณ 77% คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 23% คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท” นายชัชชาติกล่าว
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 บริษัทฯและบริษัทย่อยได้เปิดขายโครงการแนวราบใหม่ จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,600 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ระดับบน และกลาง–บน จำนวน 3 โครงการ คือ วรารมย์ พรีเมี่ยม แก้วนวรัฐ (เชียงใหม่), คาซ่า วิลล์ รามอินทรา–วงแหวน 2,เดอะทรัสต์ วิลล์ ราชพฤกษ์–รัตนาธิเบศร์ และโครงการทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยม จำนวน 2 โครงการ คือ คาซ่า ซิตี้ วงแหวน–ลำลูกกา 2, คาซ่า ซิตี้ ดอนเมือง–ศรีสมาน ซึ่งทุกโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับการตอบรับจากลูกค้าและสามารถสร้างยอดขายเกินเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนครึ่งปีหลังของปี 2559 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้นจำนวน 6 โครงการ มีมูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น บ้านเดี่ยวระดับกลาง–บน ภายใต้แบรนด์ “คาซ่า วิลล์” รวมทั้งโครงการทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ “คาซ่า ซิตี้” และ “กัสโต้”
“โดยภาพรวมของการพัฒนาโครงการตลอดปีนี้ จะครอบคลุมทุกระดับราคา โดยเน้นกลุ่มกลาง–บน ที่เป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง และยังมีการพัฒนานวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยในทุกแบรนด์ ซึ่งทางเราได้ดำเนินการแล้ว โดยมีการออกแบบบ้าน Hi End รุ่นใหม่สไตล์ Neo European ในโครงการ Q House Avenue ราชพฤกษ์–พระราม 5 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง
สำหรับโครงการทาวน์โฮมระดับ พรีเมี่ยม มุ่งเน้นการประหยัดพลังงานในตัวบ้าน ด้วยการเพิ่มช่องแสงให้บ้านสว่างจากแสงธรรมชาติ ระบบไฟฟ้า LED รวมถึงการพัฒนา Function ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ห้องอเนกประสงค์บริเวณโถงบันได ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องพระหรือพื้นที่อเนกประสงค์ของครอบครัวได้
จากกลยุทธ์ดังกล่าวและนโยบายหลักในการดำเนินงานของบริษัท คือเรื่องของคุณภาพ รวมถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงเชื่อมั่นว่า จะช่วยสร้างการเติบโตของบริษัทฯ ที่ยั่งยืนต่อไป” นายชัชชาติกล่าว