รีวิวฉบับที่ 1740…  สวัสดีค่ะ dcondo campus resort กำแพงแสน เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จากแสนสิริ ที่มีจุดเด่นตรงที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อยู่ในระยะที่เดินถึงสบายๆเลย ตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมกับส่วนกลางที่ครบครันสไตล์รีสอร์ท บวกกับมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะกับนักศึกษาทั้ง Co-working spaces หลายจุด สระว่ายน้ำแบบโอลิมปิก และ ฟิตเนสเอาไว้ออกกำลังกาย โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.59 ล้านบาท เราไปชมของจริงกันดีกว่าค่ะ

Fact @ 20 November 2018

  • dcondo campus resort Kamphaengsaen (ดี คอนโด แคมปัส รีสอร์ท กำแพงแสน)
  • SANSIRI PUBLIC CO.,LTD
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนน มาลัยแมน ตำบล กำแพงแสน อำเภอ กำแพงแสน นครปฐม [ตรงข้ามประตู ม.เกษตร กำแพงแสน]
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 766 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 35 ยูนิตที่อาคาร A และ B
  • ที่จอดรถประมาณ 221 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน จำนวนรถมอร์เตอร์ไซค์ 65 คัน
  • ที่ดินประมาณ 8-1-67 ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2018
  • Studio 26.54-27.21 ตร.ม. ราคา 1.59-2.058 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชัน)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 61,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center : 1685

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 14.022957, 99.992221

แผนที่จากทางโครงการค่ะ dcondo campus resort กำแพงแสน ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับมหาวิทยาเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงเเสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นจังหวัดที่ถือว่ามีสถานศึกษาและมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆอีกหลายเเห่งเลย เช่น มหาวิยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ เป็นต้น

โครงการ dcondo campus resort กำแพงแสน ตั้งอยู่ที่อำเภอกำแพงเเสน ซึ่งเป็นอำเภอที่ออกมาจากนอกตัวเมืองของนครปฐมอีกทีนะคะ ใกล้ๆจังหวัดสุพรรณบุรี โดยพื้นที่บริเวณนี้เส้นทางการเดินทางจะเน้นการใช้ถนนมาลัยเเมนเป็นส่วนมาก ซึ่งเป็นถนนที่มาจากสุพรรณบุรีได้ และเดินทางวิ่งยาวต่อเข้าไปยังตัวเมืองนครปฐมได้อีกด้วย

โดยสภาพแวดล้อมเเละความอุดมสมบูรณ์รอบๆในระยะใกล้ที่สามารถเดินไปได้ ก็คือโซนหอพักหน้าม.เลย โดยโครงการเราก็จะอยู่ในละเเวกเดียวกันกับโซนนี้ค่ะ พื้นที่โซนนี้จะประกอบไปด้วยหอพักหรืออพาร์ทเมนท์ให้เช่าเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับจำนวนนักศึกษาเเละบุคลากรที่เรียนและทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นี้โดยเฉพาะ ดังนั้น ในแง่อาหารการกิน จึงเรียกได้ว่ามีเยอะมาก ทั้งร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ เต้นท์ขายอาหาร จะหาอาหารประเภทร้านส้มตำ ไปจนถึงร้านชาบูก็มีให้เลือกเยอะและหลากหลายมากบริเวณหน้าม. นี้เอง นอกจากนี้ ยังมีร้านขนมหวาน คาเฟ่เก๋ๆ เปิดอยู่บริเวณนี้อีกด้วย จึงหายห่วงเรื่องของกินไปได้เลยนะคะ หรือถัดออกมาเล็กน้อยไปทางตัวเมือง บริเวณทางเลี้ยวไปบางเลนก็จะเป็นเเหล่งค้าขายของคนในย่านนี้เช่นกัน มีทั้งอาหาร และธนาคารเปิดสาขาให้บริการอยู่บริเวณนี้ค่ะ หรือถ้าอยากหา Hyper Market ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็จะมี Tesco Lotus สาขากำแพงแสนอยู่ไม่ไกลจากโครงการ ห่างออกไปประมาณ 3-4 กม.เท่านั้นเองค่ะ

ในส่วนของการเดินทาง ข้อดีอันดับเเรกของ dcondo campus resort กำแพงแสน เลยคือจะมีรถ Shuttle Bus ให้บริการรับส่งจากโครงการเข้าไปภายในมหาลัยเลย ซึ่งอาจจะต้องรอสอบถามเรื่องจำนวนรถ และระยะเวลาการให้บริการจากทางนิติบุคคลอีกทีนึงนะคะ แต่สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ ถ้าเราขับออกมายังถนนมาลัยแมน ให้เราชิดซ้าย ใกล้ๆกับสะพานลอยก็จะมีสัญญาณไฟตั้งอยู่ รอเลี้ยวเข้ามหาลัยได้เลยค่ะ หรือสำหรับคนเดินก็มีสะพานลอยเดินข้ามไปยังประตูทางเข้ามหาลัยเลยก็ได้ ภายในมหาลัยก็จะมีรถให้บริการวนส่งภายในมหาลัยอยู่เช่นกัน และอีกช่องทางการเดินทางที่นิยมที่สุดในหมู่นักศึกษามหาลัยเลยคือ รถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์นั่นเองค่ะ ข้างๆกับสะพานลอยสำหรับคนข้ามเเล้ว จะมีอุโมงค์ลอดใต้ถนนใหญ่อยู่นะคะ เอาไว้บริการสำหรับคนที่ใช้มอเตอร์ไซค์ หรือ จักรยานโดยเฉพาะ ปลอดภัยจากรถใหญ่บนถนนค่ะ และสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปยังที่อื่นๆด้วยระบบขนส่งสาธารณะ บริเวณหน้าม. นี้เองก็จะมีบริการรถตู้รับส่ง มีมาถึงกรุงเทพฯเลยค่ะ

มาดูที่เส้นทางการเดินทางไปยังโครงการที่เราจะพาไปชมกันครั้งนี้ เราจะเริ่มมาจากถนน 346 ออกมาจากบางเลนเข้าสู่กำแพงเเสน เลี้ยวขวาเข้าไปยังถนนมาลัยเเมน ตรงนี้ทางซ้ายเราจะเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ค่ะ พอเลยมหาลัยไปเราก็เตรียมหาที่กลับรถไว้ได้เลย พอกลับรถมา ชิดซ้ายไว้ จะเจอกับโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ทางเข้าโครงการจะเข้าจากในซอยข้างๆกับถนนใหญ่นะคะ ไปดูภาพเส้นทางประกอบกันดีกว่า

เราเริ่มจากถนน 346 หรือมาจากบางเลนนะคะ ตรงมาถึงสามเเยก ให้เราเลี้ยวขวาไปทางสุพรรณบุรี ในกรณีที่เลี้ยวซ้าย จะเป็นทางไปยังตัวเมืองนครปฐม จะมีพระปฐมเจดีย์ มหาลัยศิลปากรอยู่ทางนั้นค่ะ

ขับมาสุดถนนจะเป็นทางเเยกชัดเจน ไม่ต้องกังวลว่าจะเลี้ยวผิดแยกอะไรตรงไหนค่ะ

พอเราเลี้ยวขวามาก็ขับตรงไปนะคะ ทางไปจังหวัดสุพรรณบุรี ตอนนี้เราจะมาอยู่บนนถนนเส้นที่มีชื่อว่า มาลัยแมนเเล้วค่ะ

เจอทางสามแยกให้ตรงไป บริเวณนี้ ถ้าเราเลี้ยวซ้ายไปก็สามารถเข้าไปยังตัวมหาลัยเกษตรศาสตร์ได้เช่นกันค่ะ เป็นคนละประตู ทางฝั่งนี้จะเข้าไปยังโรงเรียนสาธิตเกษตรฯได้ง่ายกว่า

ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอทางเข้าหลักของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฝั่งตรงข้ามมหาลัยจะเป็นโซนหอพักหน้าม. มีทั้งหอพัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัยครบครัน

เลยสะพานลอยมา จะเห็นตัวอาคารของ dcondo campus resort กำแพงแสน ทางขวามือค่ะ โครงการเราจะตั้งอยู่ริมถนนใหญ่เลย

เจอโครงการปุ๊ปก็เตรียมหาจุดกลับรถได้เลย

กลับรถมาก็ตรงมาเรื่องๆ พอเจอป้ายบอกทางเเบบนี้ให้ชิดซ้ายเลยค่ะ โครงการเราจะอยู่ทางซ้ายมือ

ประตูทางเข้าจะมีทั้ง 2 จุด คือริมถนนใหญ่เลยเป็นประตูคนเดินเข้า กับ ทางเข้าจากซอยข้างๆเป็นประตูทางรถค่ะ (คนก็เดินได้นะคะ)

เข้าซอยมา ก็เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย การที่ออกแบบมาให้ทางเข้าไม่อยู่ติดกับถนนใหญ่เลยก็ถือว่ามีข้อดีนะคะ เนื่องจากบริเวณที่โครงการตั้งอยู่จะเป็นทางโค้งพอดี ในกรณีที่มีรถเลี้ยวเข้า หรือรอเลี้ยวต่อเเถวเข้าโครงการ ก็อาจจะเกิดอันตรายได้ ทำทางเข้าไว้ในซอยหน่อยก็จะช่วยเรื่องความปลอดภัยนี้ได้ค่ะ

ถ้าเราขับเลยโครงการมาหน่อย เราจะเจอกับสะพานลอยคนข้ามนะคะ ถนนด้านหน้ามหาลัย จะมีสะพานลอยให้เดิน มีอุโมงค์สำหรับคนใช้มอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน หรือถ้าใครจะเข้ากรุงเทพ ฝั่งตรงกันข้ามก็จะมีรถตู้บขส.ให้บริการมายังกรุงเทพฯเลย

สำหรับเส้นทางเมื่อสักครู่อาจจะทางกลับรถอาจจะไกลอยู่เหมือนกัน อีกวิธีนึงที่สามารถทำได้คือ พอถึงทางเข้ามหาลัย เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ไปกลับรถด้านใน พอถึงทางออกจากมหาลัยมายังถนนมาลัยเเมน ตรงนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะเลี้ยวซ้ายเป็นขาออกเมืองไปยังสุพรรณบุรี หรือจะเลี้ยวขวาเข้าเมืองไปยังตัวเมืองนครปฐมได้ ให้เรารอเลี้ยวขวานะคะ พอเลี้ยวมาให้ชิดเข้าถนนตรงข้ามเลย บริเวณนี้จะมีร้านขนม Cafe Dessert ตั้งอยู่เเล้วค่อยวนไปเข้าโครงการจากทางด้านในได้ค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปของโครงการ จะอยู่ตรงกันข้ามกับมหาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจะเป็นโซนหน้ามหาลัยที่มีบรรยากาศเป็นหอพัก หรืออพาร์ทเมนท์เป็นส่วนมาก โดยโครงการจะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งติดกับถนนใหญ่เเละทางเข้าหลักที่จะต้องเข้าซอยมาเล็กน้อย รอบๆที่ดินของโครงการในปัจจุบันยังคงเป็นที่ดินเปล่าเป็นส่วนมาก มีหอพักและอาคารพาณิชย์อยู่บ้างค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่า เเละบ้านชั้นเดียว
  • ทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่า และด้านสกัดของหอพักสูง 7 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันตก ติดกับถนนมาลัยแมน ตรงกันข้ามเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนในซอย และหอพักสูง 5-6 ชั้น

ทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่า เเละบ้านชั้นเดียว

ทิศตะวันตก ติดกับถนนมาลัยแมน

ทิศตะวันตก ตรงกันข้ามเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ทิศตะวันตก ติดกับถนนในซอย และหอพักสูง 5-6 ชั้น

ทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่า

สภาพเเวดล้อมทำเลนี้ที่เป็นอาคารประเภทหอพักเเละอพาร์ทเมนท์ โดยส่วนมากความสูงจะอยู่ที่ 5-8 ชั้น

อย่างที่บอกไปคือทำเลของ dcondo campus resort กำแพงแสน จะตั้งอยู่ในละเเวกเดียวกันกับโซนที่เป็นหอพักนักศึกษาอยู่เเล้ว ดังนั้น สภาพเเวดล้อมเรื่องอาหารการกินถือว่าอุดมสมบูรณ์เลยค่ะ มีทั้งเต้นท์ขายอาหารขนาดใหญ่ ร้านตามตึกเเถว ทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวไปจนถึงชาบูก็มีให้เลือกทานค่ะ นอกจากนี้ยังมี Mini hypermarket อย่างบิ๊กซีมาเปิดอยู่ไม่ไกลอีกด้วย และที่น่าสนใจคืออุโมงค์สำหรับข้ามถนน สำหรับผู้ใช้มอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน (ภาพขวาบน) ที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยเเละอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการใช้งานเพื่อข้ามถนนเข้าไปยังมหาลัยได้อีกด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน – ตรงข้ามกับโครงการ
  • โรงพยาบาลกำแพงแสน – 3.4 กม.
  • เทสโก้ โลตัส กำแพงแสน – 3.7 กม.
  • โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา – 4.8 กม.
  • เมืองเก่ากำแพงแสน – 6.4 กม.
  • โรงเรียนการบิน กำแพงแสน – 14.6 กม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม – 25.8 กม.
  • มหาวิทยาลัยศิลปากร สนามจันทร์ – 27 กม.
  • พระปฐมเจดีย์ – 29.9 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ dcondo campus resort กำแพงแสน เป็นคอนโด Low rise 3 อาคาร รวม 766 ยูนิต กับอีก 1 ร้านค้า ตั้งอยู่บนที่ดิน 8-1-67 ไร่ ตรงข้ามกับมหาวิทยาลักเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน รูปร่างที่ดินเป็นรูปร่างสี่เหลื่ยมผืนผ้า มีส่วนที่ติดกับถนนใหญ่ ถนนมาลัยเเมน กับส่วนที่อยู่ในซอยเข้ามา โดยทางเข้าของโครงการจะมีอยู่ที่หมด 2 ทางคือทางเข้าคนเดิน กับทางเข้าทางรถ ทางคนเดินจะมีทางเข้าที่ติดกับถนนใหญ่เลย ซึ่งเมื่อเข้ามาทางหน้าโครงการจะมีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ (คาดว่าน่าจะเป็น 7-eleven) ส่วนทางเข้ารถยนต์จะเข้าจากถนนย่อย ซึ่งการออกแบบทางเข้าให้อยู่ลึกเข้ามาก็จะมีข้อดีตรงที่ความปลอดภัย เนื่องจากถนนใหญ่เป็นถนนที่มีรถวิ่งขับผ่านค่อนข้างเร็ว และที่ตั้งโครงการถนนด้านหน้าเป็นถนนที่ค่อนข้างโค้ง ทำให้อาจจะเกิดอันตรายได้ ถ้ามีรถต่อเเถวเข้าโครงการอยู่บนนถนนใหญ่เลยค่ะ

มาดูเรื่องที่จอดรถของโครงการนี้กันก่อน ตรงนี้จะมีที่จอดรถให้ 221 คันเป็นที่จอดรถ outdoor หมดเลย จำนวนที่จอดนี้ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจะมีพื้นที่หักมุมคล้ายๆตัว L ทั้งส่วนที่ใกล้กับถนนเลยเข้ามาเลี้ยวไปทางซ้าย  และส่วนที่ลึกตามความแยวของเเนวอาคารเข้ามาอีก ทำให้ผู้อาศัยสามารถเลือกให้งานให้เหมาะกับการอยู่อาศัยได้ เช่นคนที่อยู่อาคาร A เมื่อเข้ามาในโครงการก้เลี้ยวซ้ายหาที่จอด จะมีทางเข้าไปยังอาคาร A ได้โดยตรง (ทางเข้าอยู่บริเวณด้านหลังร้านสะดวกซื้อ) ส่วนอาคาร B และอาคาร C ก็จะมีทางเข้าไปยัง Lobby ของแต่ละอาคารได้จากที่จอดรถเลยเช่นเดียวกัน นอกจากที่จอดรถยนต์เเล้ว ภายในโครงการยังมีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ให้บริการอีก 65 คัน เนื่องมาจากมีนักศึกษาจำนวนมากที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการเดินทางละเเวกนี้ค่ะ

การวางผังอาคาร ตัวอาคาร A และอาคาร B จะเป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับทางเข้ามากที่สุด วางเเนวอาคารขนานกัน เเละมีสระว่ายน้ำอยู่ระหว่างกลาง ส่วนอาคาร C จะอยู่ลึกเข้าไปเเทน พื้นที่ส่วนกลางจะเป็นพื้นที่ที่ทุกอาคารสามารถใช้งานร่วมกันได้ทุกที่ เริ่มจากทางคนเดินบริเวณร้านสะดวกซื้อ ตรงนนั้นจะเป็นอาคาร Clubhouse ไปในตัว ที่ชั้น 1 จะเป็นร้านสะดวกซื้อ มีห้องน้ำเเยกชาย-หญิง มีห้องอาบน้ำ เเละ Locker ให้บริการด้วย และมีพื้นที่นั่งพักผ่อน ใต้อาคารเป็นพื้นที่เปิดโล่ง Semi – outdoor ส่วนชั้น 2 จะมีห้อง Co-working space และห้องฟิตเนสให้บริการ นอกจากสระว่ายน้ำที่อยู่ระหว่างอาคาร A และอาคาร B แล้ว ทางเดินไปยังอาคาร C ยังมีพื้นที่สวนขนาบข้างกันไป เเละส่วนอาคาร C ด้านหน้าจะมีสนามบาส และ Outdoor Co-working อยู่อีกจุดนึงค่ะ ส่วนในอาคารพักอาศัยทั้ง 3 อาคาร จะมี Lobby , Mailroom และ laundry เเยกออกไปให้ใช้งานเเต่ละอาคารอีกด้วย ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ Common area อยู่นะคะ คือไม่ว่าใครอยู่อาคารไหนก็ยังสามารถเข้ามาใช้งานพื้นที่ตรงนี้ได้อยู่ ในแง่การรักษาความปลอดภัย จะมีประตูอีก 1 จุด ที่ต้องใช้ Keycard เพื่อเข้าไปยังโถงลิฟต์อีกที และสำหรับห้องพักที่อยู่ชั้น 1 ก็จะมีประตูอีก 1 ชั้น ที่ต้องใช้ Key card ในการเข้าถึงเพื่อความปลอดภัยเเละความเป็นส่วนตัวค่ะ

ในการวางผังของเเต่ละอาคารจะมีความคล้ายคลึงกัน คือตัวอาคารเป็นเเนวยาว มีลิฟท์อยู่จุดเดียว 2 ตัว ชั้นล่างจะมี Lobby , Laundry และ Mailroom ทางเดินเป็น Double corridor ที่ปลายสุดของทางเดินทั้งสองฝั่งจะมีช่องเเสงเป็นจุดที่ช่วยเรื่องเเสงสว่างบริเวณทางเดินเเละช่วยเรื่องระบายอากาศได้ อาคาร A นี้จะมีจำนวนยูนิตมากที่สุดจากทั้ง 3 อาคารคือ 272 ยูนิต มีจำนวนยูนิตต่อชั้นมากที่สุดอยู่ที่ 35 ยูนิตต่อชั้นค่ะ ถ้าดูจากรูปผัง ห้องที่อยู่ด้านล่างจะได้วิวสระว่ายน้ำ ส่วนห้องที่อยู่ด้านบนจะเป็นวิวที่มองออกไปนอกโครงการ ซึ่งในปัจจุบันจะเป็นที่ดินเปล่าค่ะ ข้อดีของอาคารนี้คือ อยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อ เเละสามารถเข้าไปใช้งานยังชั้น 2 ของ Clubhouse ได้ง่ายที่สุด

ส่วนอาคาร B จะมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 271 ยูนิต มีจำนวนยูนิตต่อชั้นมากที่สุดอยู่ที่ 35 ยูนิตต่อชั้น เท่ากันกับอาคาร A มุมมองถ้ามองจากผัง ห้องที่อยู่ด้านบนจะได้วิวสระว่ายน้ำ ส่วนห้องที่อยู่ด้านล่างจะเห็นที่จอดรถของโครงการกับที่ดินเปล่าข้างเคียง ข้อดีของอาคาร B คือจะอยู่ใกล้กับที่จอดรถเเละทางเข้า-ออกถนนด้านข้าง ที่เราสามารถเดินออกไปหาของกินได้สะดวกเช่นกันค่ะ

ส่วนอาคาร C จะมีความยาวของอาคารน้อยลงมาหน่อย ทำให้จำนวนอยู่นิตอยู่ที่ 223 ยูนิต และจำนวนยูนิตสูงที่สุดต่อชั้นอยู่ที่ 29 ยูนิต อาคารนี้ถึงเเม้จะอยู่ในสุดลึกสุด แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเเละความสงบมากที่สุด จากภาพห้องที่อยู่ด้านบนก็จะได้วิวสนามบาสกับ Co-working พร้อมกับที่ดินโล่งที่อยู่ข้างๆ ส่วนห้องด้านล่างจะเป็นวิวที่จอดรถกับที่ดินเปล่าค่ะ จะเลือกห้องไหนอาคารไหนขึ้นอยู่กับบุคลิกเเละความชอบของเเต่ละคนนะคะ ใครชอบความเป็นส่วนตัวก็มาอาคาร C เลย แต่ถ้าใครชอบหิวตอนดึกๆอาคาร A ก็จะสะดวกเดินสะดวกซื้อกว่าใครเพื่อนเลยค่ะ

มาดูที่บรรยากาศจริงของโครงการกันบ้างนะคะ ทางคนเดินเข้าที่ติดกับถนนมาลัยเเมนจะมีอาคารที่เชื่อมเข้าไปเป็นอาคาร Clubhouse ของโครงการเลยอารมณ์คล้ายกับซุ้มประตูทางเข้า เน้นโทนสีนเำตาล เป็นสไตล์โมเดิร์นค่ะ

ส่วนทางเข้าที่จอดรถ เมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาจะมีป้ายโครงการบอกชัดเจน ทางเข้าจะอยู่หน้าป้ายโครงการเลย

ทางเข้า-ออกโครงการจะมีทางเดียวนะคะ มีไม้กั้นกระดกกั้น เข้าช่องซ้าย ออกทางขวา มีป้อมรปภ.อยู่ทางซ้ายมือค่ะ ตรงนี้ไม่ได้มีเป็นซุ้มประตูอะไร วันไหนฝนตกอาจจะเปียกๆหน่อยนะคะ

ใครที่มาติดต่อ ก็ต้องเเลกบัตรให้เรียบร้อย ทางเข้าเค้าก็จะมีกล้อง CCTV ติดไว้ตรงนี้ และติดตั้งภายในโครงการตามจุดต่างๆเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในโครงการค่ะ (ผู้ปกครองก็วางใจหายห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกหลานที่ต้องจากบ้านมาอยู่คนเดียวได้เลย)

เมื่อเข้ามาที่จอดรถส่วนมากจะอยู่นอกอาคารนะคะ เป็นที่จอดกลางเเจ้ง โดยจะมีสองฝั่งถนนลึกเข้าไปสุดที่ดินเลย

เเละก็จะมีบางโซนที่เลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดได้เช่นกัน ตามโซนนี้ที่บอกคือเหมาะกับคนที่พักอาคาร A มาก เพราะว่าเดินไปสุดก็จะมีทางเข้าไปยังอาคาร A ได้เลย

หรือตรงเข้ามาก็จะสามารถจอดได้ทั้ง 2 ฝั่ง และมีทางเข้าอาคารจากที่จอดรถได้เลยค่ะ ตัวพื้นที่จอดรถจะมีบริเวณทางเข้าที่เป็นพื้นคอนกรีตเเสตมป์กับเมื่อเข้ามาด้านในๆจะเป็นพื้นคอนกรีตค่ะ

ทางเข้าอาคาร ก็จะมีดีไซน์ลายกราฟฟิกตรงพื้นบอกเราว่าเข้าตรงไหนได้บ้าง

แนวเสาไฟต่างๆจะถูกวางไว้รอบนอกชิดริมรั้วโครงการเลย ทำให้รอบๆตัวอาคารจะดูเรียบร้อยไม่มีสายไฟระโยงระยางไปมาระหว่างอาคาร การออกแบบตัวอาคารจะเน้นไปที่โทนสีน้ำตาล แต่จะมีสลับสีอ่อน เข้ม สร้างมิติของอาคารให้ดูไม่เรียบเเบบจนเกินไป

ตัวอาคารจะเริ่มห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1 เลย ดังนั้นห้องพักที่อยู่ชิดติดที่จอดรถ ก็จะมีแนวต้นไม้ใหญ่ สลับกับไม้พุ่มทรงสูงบังส่วนที่เป็นกระจกของห้องพัก ทำให้ภายในห้องยังได้แสงสว่างในขณะเดียวกันก็ยังไม่ความเป็นส่วนตัว และยังสามารถกรองฝุ่นจากรถยนต์ได้บ้างค่ะ

ขอวนกลับมาไล่ดูส่วนกลางอื่นๆกันบ้างนะคะ เริ่มจากทางเข้าโครงการกันเลย ทางเข้าหลักคนเดินจะถูกออกแบบให้มีรูปร่างทั้งหน้าตาอาคารเเละ Landscape หรือการตกแต่งสวนที่เน้นรูปทรงที่หักมุมไปมา ดูสนุกสนานมากขึ้นไม่ให้ดูเป็นทางการจนเกินไป

เข้ามาถึงทางซ้ายมือจะเป็นร้านค้าภายในโครงการ ซึ่งคาดว่านะจะเป็นร้าน 7-eleven มาเปิด บริเวณนี้คนทั่วไปสามารถเข้ามาซื้อของได้เลย ส่วนประตูทางขวามือจะเป็นทางเข้าที่เข้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆของโครงการนะคะ

เมื่อเข้าประตูมาเราจะเจอบันไดทางขึ้นชั้น 2 และทางเดินเข้าไปต่อ ตรงนี้ถ้าเราขึ้นชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Clubhouse ซึ่งจะประกอบไปด้วย Co-working space และ Fitness ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวในขณะใช้งานได้ด้วย

บริเวณบันไดทางขึ้นจะมีการออกเเบบที่ใช้ Sky light หรือช่องเเสงทางด้านบน ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับบริเวณทางเดิน ในขณะที่ผนังปิดทึบรอบด้านเพิ่มความเป็นส่วนตัวของคนที่ใช้งาน

เมื่อขึ้นมาเราจะเจอกับห้อง Co-working space ทางซ้ายมือ

ข้างในก็จัดมุมที่นั่งต่างๆเป็นชุดๆนั่งได้ 2-4 คนก็ได้ โทนการตกแต่งก็จะเน้นโทนไม้ สร้างความอบอุ่น บรรยากาศดูผ่อนคลาย มี WiFi ให้ใช้งานทุกพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ

ผนังก็จะมีส่วนที่เป็นกระจกใส และกระจกฝ้า

โดยส่วนที่เป็นการจกฝ้านั้นก็จะเลือกใช้ส่วนที่ติดกับผนังภายนอกอาคารเลย ทำให้เเสงสว่างที่ได้บริเวณห้องนี้จะเป็นแสงที่ดูนุ่มละมุนหน่อย คือมีเเสงสว่างสำหรับทำงานหรือ่านหนังสือ แต่ก็จะไม่ร้อนจ้าเกินไปจนใช้งานไม่ได้ค่ะ

ออกมาจากห้อง Co-working จะเจอกับอีกส่วนหนึ่งของ Clubhouse ซึ่งจะตั้งอยู่ระหว่างอาคาร A และอาคาร B ค่ะ

เดินมาจนสุดทางเดินจะเจอห้องฟิตเนส จะต้องใช้ Key card เพื่อเข้าไปใช้งานอีกทีนะคะ โดยห้องฟิตเนสจะเปิดให้ใช้งาน 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มทุกวันค่ะ

ข้างในก็จะมีทั้งเครื่องเล่นเเละมุมนั่งพักผ่อน ออกแบบด้วยโทนไม้ตัดกับสีน้ำเงิน-เหลือง

เครื่องเล่นก็มีให้ใช้งานหลากหลาย ทั้งเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือจะ Cardio แบบปั่นจักรยานก็มีค่ะ การวางเครื่องเล่นก็จะหันหน้าออกไปดูสวนด้านนอกบ้าง

หรืออีกฝั่งก็จะหันหน้าออกไปยังสระว่ายน้ำ ซึ่งผนังเเนวนี้ก็จะถูกออกแบบให้เป็นกระจกทั้งเเถบมองวิวได้เต็มที่เลยค่ะ ฝั่งนี้ก็จะได้ร่มเงาจากสองอาคารที่อยู่ข้างๆด้วย ทำให้มีช่วงเวลาที่ใช้งานห้องนี้ได้ยาวขึ้น คือเวลาที่เเสงสาดเข้ามาตรงนี้จริงๆไม่เป็นเวลาที่ยาวไปจนไม่สามารถใช้งานได้ค่ะ

วิวจากฟิตเนสที่เห็นก็จะเห็นสระว่ายน้ำยาวไปเลย บรรยากาศเหมือนเป็น Resort ตากอากาศเลยค่ะ

กลับลงมาข้างล่างกันบ้างไปดูส่วนอื่นกันต่อ เมื่อลงมา เราจะเจอกทางเข้าอาคาร A อยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำ เเละทางเดินไปยังสระว่ายน้ำและอาคารอื่นๆ

ห้องที่ที่นี้จะมีแยกชาย-หญิง และมีห้องน้ำคนพิการให้มาด้วยค่ะ

มาดูในห้องน้ำชายกันก่อน ภายในจะตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน ดู Sport ดีนะคะ

ข้างในมีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำให้บริการอย่างละ 2 ห้อง มีหน้าต่างระบายอากาศเเละเป็นช่องแสงภายในห้องน้ำให้ด้วย

นอกจากนี้ยังมี Locker ให้ใช้อีก ออกแบบโดยการใช้โทนสีเดียวกันทั้งห้องน้ำ เราชอบที่เค้ามีกระจกให้ด้วย สามารถเช็คการเเต่งตัวก่อนออกได้ ว่าเราเรียบร้อยรึยัง ลืมรูดซิปรึเปล่า ก่อนออกไปได้ และยังมีพื้นที่สำหรับนั่งผูกเชือกรองเท้าให้ด้วย

พื้นที่ส่วนอื่นๆ เช่นโถสุขภัณฑ์หรืออ่างล้างมือก็มีผนังกั้นเเยกส่วนให้ มีดีไซน์อ่างล้างหน้าเเบบวางบนเคาน์เตอร์ ดูหรูหราขึ้นมาหน่อย พอเป็นตัวสุขภัณฑ์ต่างๆที่เลือกเป็นโทนสีขาวก็จะตัดกันกับผนังสีน้ำเงินของห้องน้ำ ทำให้สุขภัณฑ์ดูเด่นขึ้นมาบวกกับการออกแบบเเสงสว่างต่างๆดูสวยน่าใช้งาน

ในส่วนของห้องน้ำคนพิการก็จะมีขนาดที่พอกับการเข็นรถเข็นเข้าไปใช้งาน และมีราวจับให้ช่วยจับพยุงตัวได้ด้วย

ในส่วนห้องน้ำหญิง ฟังก์ชั่นการใช้งานก็จะคล้ายๆกับห้องน้ำชายนะคะ คือมีทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ส่วนที่เป็น Locker

เเต่ที่น่าสนใจคือมีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าที่ยาวขึ้น สามารถวางของเเต่งหน้าได้ด้วยค่ะ

เราลองเดินมาดูที่อาคาร A กันก่อน ทางเข้าก็จะมีการตกแต่งสวนเล็กๆก่อนเข้าไปยังอาคาร มีทางเดินโรยหินล้าง มีม้านั่งด้านนอกอาคารด้วย การออกแบบบริเวณนี้จะคล้ายๆกับรีสอร์ทค่ะ

เมื่อเข้ามาก็จะมีการตกแต่งส่วน Lobby ที่สดใสขึ้น จากการเลือกใช้สีสันของเฟอร์นิเจอร์ และผนังอาคาร มีมุมต่างๆหลากหลายมุมให้เลือกนั่งทำงานนั่งอ่านหนังสือได้

ที่น่าสนใจคือมีมุมที่เป็นที่นอนเล่นบนตาข่ายเเบบนี้ด้วย อารมณ์เหมือนเปลเลย

ในทุกอาคารก็จะมีห้อง Mail Room แยกไปแต่ละอาคาร เเละบริเวณที่อยู่ติดกับ Mail Room จะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงอย่างละห้องในทุกอาคารด้วยค่ะ

ห้อง Mail Room ก็จะมีการตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองเเละมีลูกเล่นการซ่อนไฟบนขอบฝ้าเพดาน

ส่วนภายในห้องน้ำก็ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินเดียวกับส่วนกลางที่เราพาไปดูมา ขนาดจะค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้สบายเลย

เคาน์เตอร์ยาว นักเรียนนักศึกษาที่กำลังขนอุปกรณ์หรือหนังสือเยอะ ก็มีพื้นที่วางเรียบร้อย

พื้นที่ส่วนกลางภายในตึกจะเป็นพื้นที่รวมที่ทุกคนที่อยู่อาศัยในโครงการสามารถเข้ามาใช้ได้หมดนะคะ แต่เมื่อเข้าไปยังโซนพักอาศัย อย่างโถงลิฟต์หรือห้องพักอาศัยจะต้องใช้ Key card access เข้าไปอีกทีนึงคะ

เรามาดู Lobby อาคาร B กันต่อเลยดีกว่าค่ะ ฟังก์ชันการใช้งานกับการเลือกดีไซน์ต่างๆจะคล้ายกันหมดเลยนะคะทั้ง 3 อาคารเลย ตรงกระจกข้างประตูทางเข้าจะมีสติ๊กเกอร์แปะชื่ออาคารบอกด้วย เผื่อห้องไหนมีเพื่อนมาเยี่ยมก็จะได้ไม่งง

ด้านใน Lobby ก็จะมีส่วนที่เป็น Double Space ด้วย ดูโปร่งสบาย เหมาะกับการพักผ่อน สำหรับอาคาร B จะมีทางเข้าออก 2 ทาง คือจากที่จอดรถกับจากสระว่ายน้ำนะคะ

ห้องน้ำและ Mail room อยู่ติดกันเหมือนเดิม

เราออกจากอาคาร B มาดูพื้นที่ส่วนกลางส่วนอื่นๆกันต่อ เมื่อออกมาจะเจอทางเดินตรงกลางเลย ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนใต้อาคาร Clubhouse  สามารถนั่งชิลล์ริมสระได้ หรือจะนัดเพื่อนนั่งทำงานได้เช่นกัน (อารมณ์เหมือนพื้นที่ใต้ตึกเรียนที่จะมีนักศึกษามายั่งทำกิจกรรมกันค่ะ)

ส่วนทางขวามือจะเป็นตำแหน่งสระว่ายน้ำ ตัวสระจะเป็นระบบน้ำเกลือ มีความน่าสนใจตรงที่ความยาวสระเป็นขนาดโอลิมปิกเลย คือยาวทั้งหมด 57 เมตร ความกว้างอยู่ที่ 5-7 เมตร ส่วนความลึกจะอยู่ที่ 1.3 เมตร ใช้งานพร้อมกันได้หลายคนเลยค่ะ ห้องพักตรงกลางก็จะได้วิวสระว่ายน้ำด้วย เหมือนพักตามโรงเเรมเลย การที่วางสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารก็จะช่วยให้เกิดร่มเงา สามารถใช้งานสระว่ายนำ้ได้นานมากขึ้น อย่างตอนเราไปถ่ายก็จะเป็นช่วงเที่ยงๆพอดี เห็นได้ว่าสระว่ายน้ำถือว่ายังร่มอยู่เลยนะคะ

ข้างๆสระก็จะมีพื้นที่ที่ลดระดับเป็น Sunken ลงไป ทำให้เกิดพื้นที่ใช้งานนั่งเล่นเพิ่มขึ้นอีก 1 จุด

ภายในสระก็จะมีทั้งส่วนที่ลึก 1.3 เมตรเลยสำหรับว่าย กับส่วนที่ตื้นขึ้นสามารถลงไปนั่งเเช่ได้ รอบๆก็จะมี Sunbed นอนอาบแดดได้ข้างสระด้วย

เลียบไปกับอาคาร B จะมีทางเดินที่สามารถเดินไปยังอาคาร C ได้ค่ะ ตรงนี้จะมีต้นไม้ปลูกเป็นระยะ ต้นไม้ที่เลือกปลูกภายในโครงการก็จะมีปลูกต้นชมพูพันธ์ทิพย์ด้วย คาดว่าช่วงที่ออกดอกกันพื้นที่ส่วนต่างๆภายในโครงการก็จะมีดอกไม้สีชมบูบานเต็มต้น สวยงามไม่แพ้ซากุระของญี่ปุ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้ข้างๆทางเดินยังมีที่นั่งเเบบ Bean Bag ริมสระ สามารถมานั่งพักผ่อนได้

ในห้องตัวอย่างจะอยู่ที่ชั้น 1 วิวที่อยู่สระว่ายน้ำ เปิดหน้าต่างมาก็จะได้วิวแบบนี้กันเลยค่ะ บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนที่รีสอร์ท มี Bean bag และม้านั่งริมสระดูผ่อนคลาย ได้ยินมาว่าห้องล่างๆของตึก A กับตึก B วิวสระขายไปเกือบหมดเเล้วนะคะ

ส่วนห้องที่อยู่ชั้น 1 ตรงนี้จะมีต้นไม้พุ่มไม่สูงมากคั่นกลางระหว่างทางเดินกับตัวห้องนะคะ เนื่องจากยังต้องการให้ห้องได้วิวสระว่ายน้ำอยู่ด้วย เเต่ในขณะเดียวกันก็ต้องกันคนปีนเข้าห้องให้ไม่เข้าง่ายเกินไปค่ะ

ตามทางเดินที่จะเดินไปยังอาคาร C ก็จะมีสวนเเละมุมนั่งพักผ่อนรอบๆ สามารถเดินเล่นออกกำลังกายได้ด้วย ไฟทางที่เห็นจะเป็นการดีไซน์ให้มีไฟตามพื้นทางเดินนะคะ เน้นบรรยากาศ ไม่ได้เน้นความสว่างจ้า

เรามองย้อนกลับไปจะเห็นอาคาร Clubhouse อยู่ตรงกลางพอดี

ระหว่างอาคาร B และอาคาร C จะมีที่จอดรถคั่นกลางอยู่ด้วย (ทางซ้ายมือ) ผู้ที่อาศัยอยู่อาคาร C ก็ถือว่าเดินเข้าจากที่จอดรถสะดวกเลยค่ะ

เดินมาถึงอาคาร C ด้านหน้าจะมีสนามบาส และมุมที่เป็น Outdoor Co-Working อยู่ นี่ขนาดตอนเที่ยงๆยังมีเงาอาคารสร้างความร่มรื่นให้ ทำให้สามารถใช้งานในเวลากลางวันเเบบเที่ยงๆได้ด้วย อีกทั้งพื้นที่รอบๆยังเป็นพื้นที่โปร่ง ทำให้มีลมพัดผ่านตลอดเวลา ค่อนข้างเย็นสบายเลยค่ะ จากที่ไปสัมผัสมา

เส้นขอบขาวของตัวสนามบาสนี้ก็มีลูกเล่นด้วยนะคะ ทางโครงการบอกว่าจะใช้สีที่สามารถดูดเก็บเเสงไว้ได้ และจะส่องสว่างในเวลากลางคืน เเอบเสียดายที่เราไม่ได้อยู่ถึงกลางคืนด้วยสิ ใครมีรูปถ่ายตอนกลางคืนโพสอวดให้ดูกันด้วยนะคะ

ฝั่งตรงกันข้ามกับเเป้นบาสก็จะมีที่นั่งเป็น Step หรือขั้นบันได สามารถนั่งพักผ่อนระหว่างเล่นได้ เเละยังมีเเนวรั้วตะแกรงกั้นไว้ กันไม่ให้ลูกกระเด้งไปชนหน้าต่างห้องไหนแตกด้วยค่ะ

เดินตรงเข้ามาจะเจอกับพื้นที่อีกส่วนที่เป็น outdoor co-working จะมีที่นั่งเป็นขั้นๆ เราหาเบาะมาก็นั่งทำงานคุยงานได้สบายๆเลยค่ะ

หรือเดินขึ้นมาก็จะมีซุ้มโครงสร้างเหล็กดีไซน์โปร่ง เละชุดโต๊ะเก้าอี้จัดมุมไว้ให้ มานั่งใช้งานได้ ตำแหน่งที่อยู่ลึกเข้ามาจะช่วยให้พื้นที่ตรงนี้มีความสงบมากขึ้น ช่วยสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือมากขึ้นค่ะ ถ้าเราเดินตรงไปก็จะมีทางเดินลง วนมาทางขวามือเลียบตัวอาคารก็ได้นะคะ

ซึ่งทางที่เราเดินวนขวาลงมาก็จะมีพื้นที่เป็นขั้นบันไดมีมุมนึง สามารถมานั่งอ่านหนังสือ นั่งเล่นพักผ่อนได้เช่นกัน

หน้าทางเข้า Lobby อาคาร C ก็จะมีส่วนที่เป็นที่นั่งในสวนกันเลย

บรรยากาศภายใน Lobby อาคาร C ก็จะคล้ายๆเดิมค่ะ

เเต่มุมมองจะเป็นวิวสวนเเละสนามบาสด้านนอกแทนนะคะ

มาดูห้องซักรีดหรือ Laundry กันบ้าง ห้องนี้จะมีให้ทุกอาคารเลยนะคะ  ภายในห้องก็จะมีตู้กดน้ำดื่มไว้ให้บริการด้วย

มีเครื่องซักผ้าเเบบหยอดเหรียญ มี Application Trendy Wash ที่สามารถเช็คสถานะเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าว่าว่างอยู่หรือไม่ สามารถใช้ Application จ่ายเงิน online ไปได้เลย และแจ้งเตือนเมื่อเครื่องทำงานเสร็จ ไม่ต้องมานั่งรอก็ได้ แต่ถ้าใครอยากนั่งรอก็มีที่นั่งรออยู่ภายในห้องเลยค่ะ ข้างๆเครื่องซักผ้าเลย

มาดูที่โถงลิฟต์กันบ้าง ลิฟต์จะมีให้อาคารละ 2 ตัวนะคะ บริเวณโถงลิฟต์ก็จะมีหน้าต่างความสูงจรดพื้น รับเเสงสว่างเเละระบายอากาศได้เต็มที่เลยค่ะ

ส่วนโถงทางเดินก็จะเน้นโทนสีขาว มีไฟตลอดทาง เเละทั้งสองฝั่งสุดทางเดินก็จะเป็นหน้าต่างที่ช่วยให้เเสงสว่างเข้ามายังทางเดินเเละช่วยระบายความชื้น และอากาศบริเวณทางเดินอีกด้วยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำความยาวสระขนาดสระโอลิมปิก ขนาดยาว 57 เมตร กว้าง 5-7 เมตร ลึก 1.3 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • สนามบาสเก็ตบอลเรืองเเสง
  • Co-Living Space
  • Connecting Space
  • Co-Working Space
  • ร้านสะดวกซื้อ 7-eleven
  • Wifi ที่ส่วนกลางภายในอาคาร
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 127.7 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 221 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน จำนวนรถมอร์เตอร์ไซค์ 65 คัน
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

แบบห้องของโครงการ dcondo campus resort กำแพงแสน มีอยู่แบบเดียวเท่านั้นค่ะ คือห้อง Studio โดยจะมีขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 26.74 ตร.ม. ส่วนห้องที่อยู่หัวมุมอาคารจะใหญ่กว่าเล็กน้อยขนาดมากที่สุดอยู่ที่ 27.21 ตร.ม.ค่ะ โดยห้องตัวอย่างที่มีให้ชมในโครงการจะมีอยู่ 2 ห้อง เป็นห้องตกแต่งโทนสีเข้ม 1 ห้อง กับอีกห้องตกแต่งโทนสีชมพู พาสเทลอีกห้อง ทั้งสองห้องนี้จะมีขนาดเท่ากัน เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาเหมือนกัน แตกต่างกันแค่การตกแต่งภายในเช่นสีผนัง เครื่องใช้ หมอน ผ้าห่มอะไรแบบนี้ เเละผังห้องที่สลับด้านกัน โดยในรีวิวนี้เราจะขอเล่าจากห้องโทนสีเข้มเป็นหลักนะคะ ส่วนห้องสีชมพูเรามีรูปมาให้ดูเพิ่มเติมเผื่อใครอยากเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งทีหลังได้ เราไปดูรายละเอียดห้องกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะเป็นยังไง

ผังห้องโดยรวมจะถูกแบ่งเป็น ส่วนที่อยู่อาศัยกับส่วน Service แยกจากกัน คือเมื่อเราเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนที่อยู่อาศัยกันก่อน ประกอบไปด้วยส่วนทานอาหาร โซฟานั่งพักผ่อน มุมชั้นวางทีวี เตียงนอนเเละตู้เสื้อผ้า ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกันหมด ทำให้ห้องดูโปร่งและแสงสว่างส่องเข้าถึง ส่วน Service ที่บอกจะหมายถึงส่วนห้องน้ำและห้องครัว โดยจะถูกเเยกออกมาอีกฝั่งนึง มีประตูบานเลื่อนกั้นเเบ่งแยกพื้นที่อีกที โดยห้องน้ำจะอยู่ด้านใน และครัวอยู่ติดกับผนังภายนอกและระเบียง

โดยรวมถือว่าเป็นห้องพักที่สามารถอยู่อาศัยได้ 1-2 คนสบาย มีพื้นที่ครบครัน แต่อาจจะมีบางจุดเช่นโซฟากับชั้นวางทีวีจะอยู่เยื้องๆกันอยู่ แต่เราสามารถปรับเลื่อนเฟอร์นิเจอร์เองทีหลังได้ และในห้องครัวที่ไม่ได้มีเตาเเละเครื่องดูดควันมาให้ ซึ่งตรงนี้จะเหมาะกับชีวิตนักศึกษาที่มักจะทานอาหารนอกบ้าน หรือซื้ออาหารสำเร็จรูปมาทานกันมากกว่า ไม่นิยมที่จะปรุงอาหารทานเองเท่าไหร่นักค่ะ

หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาภายในห้อง จะเป็นเฟอร์นิเจอร์จาก SB ดีไซน์จะเน้นโทนสีเข้มเเละลายไม้ ให้ห้องดูอบอุ่นมากขึ้นค่ะ เเละจะเน้นพื้นที่เก็บของที่มีแทรกตามเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น นอกเหนือจากการใช้งานหลัก เช่น ลิ้นชักเก็บของข้างเตียง ชั้นวางของข้างตู้เสื้อผ้า เป็นต้น สำหรับคนข้าวของเยอะ หรือหนังสือเรียนเยอะก็เรียกได้ว่าการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ก็คำนึงถึงเรื่องนี้เเละจัดพื้นที่เก็บของมาให้หลากหลายเลยทีเดียวค่ะ

ห้องตัวอย่างที่ 1 – โทนสีน้ำเงิน

เริ่มจากหน้าประตูเข้าห้องกันเลย ประตูเป็นบานสำเร็จรูป ให้ตาแมวมาพร้อมกับ Digital Door lock จาก Samsung ฝั่งซ้ายมือมีเลขที่ห้องเเปะอยู่

ตัว Digital Door Lock ที่บอกคือจะได้ของ Samsung มาพร้อมกับมือจับก้านโยก สามารถเข้าห้องได้โดยใช้ Key Card และ Password

เมื่อเข้าห้องมาเราจะเจอกับส่วนที่อยู่อาศัย ทางซ้ายมือจะเป็นชั้นวางทีวี และจะเจอกับประตูบานเลื่อนไปยังส่วนครัวเเละห้องน้ำ ส่วนทางขวามือจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร โซฟานั่งพักผ่อน และเตียงนอน ตรงกันข้ามกับเตียงนอนจะเป็นตู้เสื้อผ้าพอดีค่ะ โดยวัสดุมาตรฐานที่จะให้มาในทุกห้องก็จะได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังเเละฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.5 เมตร ไฟที่ได้เป็นไฟซาลาเปา  และมี Smoke detector หรือตัวดูดจับควันติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆภายในห้องทั้งห้องนอนและห้องครัว ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะตามภาพข้างบนเลยค่ะ

ระหว่างพื้นโถงทางเดินและพื้นในห้องจะมีคิ้วไม้เก็บรอยต่อ และช่วยกันฝุ่นผงจากทางเดินให้เข้าห้องได้ระดับนึงตามภาพ

ความกว้างของห้องส่วนที่พักอาศัยนี้จะอยู่ที่ประมาณ​ 3.5 เมตร ถือว่ากว้างพอสมควรเลยนะคะ ระยะการเดินใช้งานต่างๆค่อนข้างโปร่งเลยทีเดียว ช่องเเสงที่ให้มาเป็นชุดหน้าต่างบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียม ตัวกระจะกเป็นกระจกเขียว ติดตั้งบนผนัง Low wall ด้วย (คือส่วนที่เป็นผนังทึบอยู่ต่ำ) ทำให้เเสงสว่างสามารถส่องเข้ามาได้ทั่วถึงภายในห้อง

มาเริ่มที่ชุดวางทีวีกันก่อนเลย เพราะเป็นสิ่งแรกที่เราเข้าห้องมาเเล้วเจอ ตรงนี้เราจะได้มาทั้งชิ้นบนและล่างเลยค่ะ

เราสามารถเก็บข้าวของต่างๆตามช่องได้ สำหรับช่องบนอาจจะใส่หนังสือเรียน ของใช้ที่ซื้อมาตุนก็ได้ จัดเก็บให้เป็นระเบียบ ส่วนชั้นล่างเราจะเอาไว้เก็บรองเท้าก็ได้ค่ะ

ลองมองย้อนกลับมานะคะ ฝั่งตรงข้ามกับชั้นวางทีวีจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ดังนั้น ชุดโซฟาจะไม่ได้ตั้งตรงกันกับตำแหน่งชั้นวางทีวีซะทีเดียว เราอาจจะเลื่อนไปให้ตรงกันเเละสลับโต๊ะทานข้าวมาไว้ใกล้เตียงเเทนได้นะคะ

ชุดโต๊ะทานอาหาร จะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง และมีชิ้นล่างที่เป็นล้อเลื่อน สามารถเลื่อนเข้าไปเก็บให้ดูเรียบร้อยใต้โต๊ะได้ ตัวโต๊ะจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.20 x 0.60 เมตร จัดวางอยู่บนพื้นที่ขนาดประมาณ 1.50 x 2.0 เมตรค่ะ

พอเราเลื่อนชั้นวางออกมา ก็จะสามารถเก็บเก้าอี้เข้าไปในโต๊ะได้ ตัวชั้นนี้ก็มีประโยชน์ในแง่การใช้งาน เพราะนักศึกษามักจะมีหนังสือ อุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียนค่อนข้างเยอะ การที่มีพื้นที่หลายจุด แบ่งเก็บจะช่วยให้จัดระเบียบได้ง่ายขึ้น เเละหาของที่ต้องการใช้ได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

เทคโนโลยีที่ให้มาในโครงการนี้ นอกจากประตูที่ให้ Digital door lock มาเเล้วยังมี Home Automation system มาให้ค่ะ ตัวนี้คือ Amazon Alexa ซึ่งอาจจะเก่าไปแล้วนิดนึง (เทคโนโลยีมันไปไวกว่าการก่อสร้างอาคารขนาดไหน คุณคงรู้กันดีนะคะ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นโครงการแรกของกำแพงเเสนที่นำเจ้าตัวนี้มาใช้ในอาคาร) ความสามารถของเจ้าตัวนี้ที่ทำได้ก็เช่น สั่งเปิด- ปิดไฟผ่านเสียง สามารถตอบคำถามเหมือนเป็นผู้ช่วยแบบ SIRI ใน Apple เป็นต้น

ถัดมาข้างๆกันจะเป็นตำแหน่งวางโซฟา ซึ่งตัวโซฟาเป็นแบบ 2 ที่นั่ง ความยาวประมาณ 1.60 เมตรค่ะ มีดีไซน์ช่องเก็บของใต้ที่นั่งเพิ่มให้อีกด้วย เราว่าเหมาะกับการวางหนังสือหนาๆหรือพวกนิตยสารเก่าๆมาก เพราะหนังสือพวกนี้จะมีน้ำหนักมาก พอวางบนชั้นทั่วไปชั้นอาจจะเเอ่นได้ วางไว้ชั้นล่างจะดีที่สุดค่ะ

ต่อมาที่โต๊ะกลางหน้าโซฟา ที่โครงการนี้จะให้มาเป็นดีไซน์กึ่งๆชั้นวางของ ที่สามารถเสียบเก็บเข้าไปในโซฟาได้ แต่กะจากขนาดเเล้วไม่น่าจะเสียบเข้าได้นะคะ เพราะช่องพื้นขนาดไม่พอดีกับความกว้างของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เท่าไหร่นักค่ะ หรือถ้าใครอยากได้โต๊ะกลางเหลี่ยมๆ ลองหาโต๊ะพับเเบบโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ มาวางไว้ตรงนี้ก็ได้นะคะ หาเบาะมา นั่งพื้นทำงาน อ่านหนังสือก็ได้ค่ะ ระยะดูทางเดินของโซฟาไปถึงชั้นวางทีวีก็อยู่ที่ประมาณ 2 เมตรเลย ยังพอมีที่สำหรับวางโต๊ะกลางขนาดใหญ่ขึ้นได้ค่ะ ส่วนโต๊ะกลางนี้ เราจะปรับเอียงคว่ำลง แล้วใช้เป็นที่นั่งเพิ่มก็ได้นะคะ

ถัดเข้ามาดูส่วนเตียงนอนกันต่อเลยดีกว่า

เตียงนอนที่ให้มาจะมีขนาดประมาณ 1.56 x 2.06 เมตร หรือเตียง 5 ฟุต สามารถนอนได้ 1-2 คนค่ะ

มีลิ้นชักเก็บของเพิ่มให้อยู่ข้างเตียงด้วยค่ะ

ระยะด้านข้างต่างๆ อย่างที่บอกพื้นที่ใช้สอยถูกวางต่อเนื่องกันไป ในห้องตัวอย่างฝั่งที่ชิดกับโซฟาก็มีพื้นที่ที่กว้างอยู่เดินลงมาไม่สะดุดหรือชนอะไรค่ะ

ส่วนปลายเตียงจะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า มีระยะทางเดินให้ 80 ซม. เดินสบายเลยนะคะ ตัวตู้ถึงเเม้จะเป็นบานเปิดสวิงก็ยังมีระยะที่เปิดตู้ได้สบายไม่ชนปลายเตียงอยู่ค่ะ

ส่วนข้างเตียงฝั่งที่อยู่ใกล้กับหน้าต่าง ในห้องตัวอย่างเหลือระยะประมาณ 55 ซม. สามารถเดินได้อยู่ และมีพื้นที่สำหรับติดตั้งผ้าม่านเพิ่มเติมได้

มาดูที่ตู้เสื้อผ้าปลายเตียงกันบ้างนะคะ ความยาวของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้อยู่ที่ 1.7 เมตร รวมชั้นวางของด้านข้างแล้ว เป็นดีไซน์ที่มีชั้นวางของย่อยๆให้มาค่อนข้างเยอะเลย เเต่เเอบเสียดายเล็กน้อยที่ยังไม่มีช่องที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทางแบบ Hard case ใหญ่ๆได้ค่ะ ส่วนภายในตู้เสื้อผ้าก็จะมีราวเเขวนเสื้อให้ ช่องใส่ของเล็กน้อย เเละกระจกเงาจะถูกติดไว้ตรงบานประตูด้านในค่ะ เป็นบานฝั่งขวามือที่เมื่อเปิดเเล้วเรายังมีระยะถอยทำให้เราสามารถส่องได้เต็มตัวนะคะ

ต่อมาเราเข้าไปดูพื้นที่ส่วนครัวและห้องน้ำกันบ้างค่ะ ทางเข้าจะอยู่ระหว่างชั้นวางทีวีกับตู้เสื้อผ้า โดยจะมีประตูบานเลื่อนกรอบบานสีขาว ตัวบานเป็นกระจกฝ้ากั้น ตัวบานจะเลื่อนไปซ่อนยังผนังฝั่งห้องครัวค่ะ ความกว้างช่องประตูจะอยู่ที่ประมาณ 85 ซม. เดินเข้า-ออกสะดวกอยู่ค่ะ ด้านบนประตูจะเป็นตำแหน่งติดเเอร์พอดี โดยแอร์ที่ให้มาจะเป็นแอร์ขนาด 12,000 BTU ค่ะ

พื้นที่ส่วนห้องนอนกับห้องครัวจะมีธรณีประตูกั้นอยู่นะคะ วัสดุพื้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นกระเบื้องเซรามิคเเทน

พื้นที่ห้องครัวจะมีขนาดโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 2.1 x 1.45 เมตร จะสามารถวางตู้เย็นได้ เเละมีเคาน์เตอร์ครัวให้มาขนาดยาวประมาณ ​1.3 เมตร

ครัวนี้จะให้มาด้วยค่ะ มีทั้งชั้นเก็บของด้านบนเเละด้านล่างเเบบนี้ สามารถวางไมโครเวฟได้ วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้

โครงการนี้จะไม่มีเตาเเละเครื่องดูดควันมาให้นะคะ จะมีให้มาเฉพาะอ่างล้างจาน ค่อนข้างเหมาะกับนักศึกษาที่เน้นการทานอาหารข้างนอกหรือซื้ออาหารเข้ามาทานกันมากกว่า ตัว top counter จะให้มาเป็นหินเทียม

อ่างล้านจาน 1 หลุมของยี่ห้อ Hafele

พื้นที่บริเวณครัวจะติดกับระเบียงค่ะ ประตูที่ออกไปยังระเบียงนั้นจะเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน

เมื่อเปิดสุดจะกว้างเท่าความกว้างของเคาน์เตอร์ครัวพอดี มีกลอนล็อกให้เรียบร้อยค่ะ

มีธรณีประตูกั้น กันฝุ่นเเละน้ำจากระเบียงไหลเข้ามายังห้อง

โดยพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.0 x 1.4 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าและ Condensing unit ได้ มีราวกันตกและแผงบังแอร์

เราสามารถวาง Condensing-unit แบบเเขวนผนังได้ เเต่อาจจะติดกริลเพื่อเบี่ยงลมร้อนเพิ่ม พื้นที่ตรงนี้จะได้ไม่ร้อนเกินไป ส่วนไฟส่องสว่างบริเวณระเบียงยังเป็นไฟซาลาเปาอยู่ค่ะ

มีเดินปลั๊กไฟและงานระบบไว้ให้ สามารถตั้งเครื่องซักผ้าได้จริงๆ หรือใครจะถนัดไปใช้ที่ห้องซักรีดส่วนกลางก็ได้ไม่ว่ากัน

หันกลับมาตรงกันข้ามกับระเบียงจะเป็นห้องน้ำค่ะ ตัวห้องน้ำตำแหน่งจะอยู่ในสุดและไม่มีผนังที่ชิดกับผนังภายนอก ตรงนี้จึงมีการออกแบบให้มีหน้าต่างบานกระทุ้งอยู่บริเวณผนังข้างประตู เอาไว้ระบายอากาศภายในห้องน้ำ และทำให้ห้องน้ำยังสามารถได้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้บ้าง

ประตูห้องน้ำจะได้เป็นประตูสำเร็จรูปสีขาว มีมือจับก้านโยก

และมีธรณีประตูที่ยกสูงขึ้นมา ทำให้สามารถทำความสะอาดห้องน้ำได้ง่าย น้ำไม่ไหลย้อนออกมานอกห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำจะเป็นผังเเนวลึกเข้าไป ทางเดินจะอยู่ชิดฝั่งเดียว เเยกส่วนเปียกเเละส่วนเเห้งออกจากกันชัดเจนค่ะ

ขนาดพื้นที่ใช้สอยส่วนเเห้งจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 x 1.35 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดคือปลายโถสุขภัณฑ์ไปยังผนังอยู่ที่ประมาณ 58 ซม. นั่งใช้งานได้เข่าไม่ชนผนัง เเละสามารถเดินไปใช้งานส่วนอาบน้ำได้สะดวกอยู่ค่ะ

อ่างล้างหน้าที่ให้มาจะเป็นรุ่นเเบบเเขวนผนังของ American Standard ให้มาพร้อมชุดกระจกหน้าตาแบบนี้

มีขอบผนังหลังอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ที่เราสามารถนำเอาอุปกรณ์แปรงฟันหรือล้างหน้ามาวางได้ หรืออยากจะเอาของตกแต่งหรือเทียนหอมดับกลิ่นมาวาง หรือจะเป็นต้นไม้เล็กๆมาประดับก็ได้ค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นของ American Standard เช่นกัน ให้มาพร้อมกับสายฉีดชำระของ HOY และที่ใส่กระดาษชำระของ VRH

พื้นที่อาบน้ำหรือที่เราเรียกว่าส่วนเปียกนั้นจะมีฉากกั้นอาบน้ำให้มาเป็นเเบบบานเลื่อน 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียม ตัวบานเป็นกระจกใส Tempered

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 0.75 x 1.00 เมตร ยังเป็นระยะที่ใช้งานได้อยู่นะคะ แต่สำหรับคนที่สูงใหญ่ อาจจะต้องระวังศอกชนกำแพงเล็กน้อย

ห้องอาบน้ำจะเป็นฝักบัว และมีเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งมาให้ด้วย (เป็นโปรโมชันช่วงนี้ค่ะ)

ด้านล่างก็จะมีก๊อกน้ำซักล้างติดตั้งมาให้ด้วย จะใช้งานซักล้างอะไร หรือจะหาถังมารองน้ำถูห้องก็สะดวกเลยค่ะ

ตัวฝักบัวจะเป็นมือจับหน้าตาเเบบนี้ มีที่วางสบู่ติดตั้งมาให้ แต่เราอาจจะติดตั้งเป็นชั้นเพิ่มขึ้นมาเพื่อวางยาสระผมหรือโฟมล้างหน้าต่างๆเพิ่มก็ได้ค่ะ

ห้องตัวอย่างที่ 2 – โทนสีชมพู

เรามาลองดูห้องตัวอย่างอีกห้องของโครงการกันดีกว่าค่ะ ขนาดเเละ Furniture ที่ให้มาจะเหมือนกันกับห้องที่แล้วเลย แต่ของตกแต่ง การทาสีผนังแตกต่าง ให้ดูอ่อนหวานมากขึ้น และเป็นห้องที่ Layout จะสลับฝั่งกันค่ะ ตรงนี้เราถ่ายมาให้เป็นไอเดียเพิ่มเติมสำหรับคนที่อยากตกแต่งห้องในแนวอื่นๆบ้างนะคะ

เราสามารถทำ Built-in ชั้นหนังสือหรือตกแต่งผนังดูรูปภาพ หรือโคมไฟเพิ่มเติมได้

คำแนะนำในการทาสีผนังห้องคือ ถ้าเราต้องการจะทาห้องสีสันจริงๆนอกจากสีพื้นๆอย่างโทนสีขาว เทา หรือครีมเเล้ว เราควรจะเลือกทาที่ผนังด้านใดด้านหนึ่งที่เราต้องการจะเน้นนะคะ สองคิดว่าถ้าผนังทั้งสี่ด้านกลายเป็นสีชมพูทั้งหมด ห้องจะดูมืดลงนะคะ

ตัวหน้าต่างของห้องนี้จะเป็นหน้าต่างบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ โดยจะมีบานปิดตายด้านล่างเเละด้านข้าง ทำให้เเสงสว่างสามารถส่องเข้ามาภายในห้องได้เต็มที่มากขึ้นค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 November 2018

  • Studio อาคาร A ชั้น 7 (ห้องมุม) เนื้อที่ 27.2 ตร.ม. ราคา 1.975 ล้านบาท หรือ 72,614 บาท/ตร.ม.
  • Studio อาคาร A ชั้น 7 (วิวสระ) เนื้อที่ 26.74 ตร.ม. ราคา 2.032 ล้านบาท หรือ 75,992 บาท/ตร.ม.
  • Studio อาคาร B ชั้น 4 (วิวสระ) เนื้อที่ 26.74 ตร.ม. ราคา 2.028 ล้านบาท หรือ 75,834 บาท/ตร.ม.
  • Studio อาคาร B ชั้น 6 เนื้อที่ 26.74 ตร.ม. ราคา 1.893 ล้านบาท หรือ 70,805 บาท/ตร.ม.
  • Studio อาคาร B ชั้น 4 (วิวสระ) เนื้อที่ 26.74 ตร.ม. ราคา 2.028 ล้านบาท หรือ 75,834 บาท/ตร.ม.
  • Studio อาคาร C ชั้น 3 (วิวสนามบาส) เนื้อที่ 26.74 ตร.ม. ราคา 1.844 ล้านบาท หรือ 68,972 บาท/ตร.ม.
  • Studio อาคาร C ชั้น 8 เนื้อที่ 26.74 ตร.ม. ราคา 1.778 ล้านบาท หรือ 66,493 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Shuttle Bus ไปยังมหาลัย
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 25,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
*วันที่เข้าไปโครงการมีโปรโมชันเเถมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง TV , ตู้เย็น , ไมโครเวฟ , เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องปรับอากาศให้มาพร้อมห้องด้วยค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลตัวโครงการตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ดังนั้นโครงการนี้จึงเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษาและบุคลากรภายในมหาลัยเป็นหลัก (เรทราคาค่าเช่าหอเเถวนี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ในขณะที่ค่าเช่าคอนโดจะสามารถปล่อยเช่าได้ที่ประมาณ 7,000 บาทขึ้นไป) และด้วยที่ตั้งเป็นโซนที่มีมีหอพักเเละอพาร์ทเมนท์ตั้งอยู่จำนวนมาก ทำให้ในแง่ความอุดมสมบูรณ์จึงมีอยู่ค่อนข้างมากอยู่แล้ว เเละตั้งอยู่ในระยะที่เดินถึงเลย ทั้งร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ เต้นท์ขายอาหาร คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ รวมไปถึง Mini Hypermarket ให้เลือกใช้บริการ หรือถ้าใครที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงิน ตรงเข้าเมืองไปไม่ถึง 3 กม. จะมีแยกที่เลี้ยวซ้ายไปบางเลน บริเวณนั้นก็จะเป็นเเหล่งค้าขายของคนท้องถิ่น ซึ่งจะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และธนาคารเปิดให้บริการอยู่ค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าสะดวกอยู่ติดถนนใหญ่ โดยส่วนมากการเดินทางสัญจรจะมีทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และจักรยาน โดยในโครงการก็มีจัดเตรียมพื้นที่จอดรถไว้  221 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน และจำนวนรถมอร์เตอร์ไซค์ 65 คันอีกด้วย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าสัดส่วนที่จอดรถอาจจะไม่ได้ดูเยอะมาก แต่จะมีมอเตอร์ไซค์เเละจักรยานให้มาค่อนข้างเยอะ เนื่องจากนักศึกษาโดยส่วนมากที่เราไปเห็น มักจะใช้มอเตอร์ไซค์และจักรยานกัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – แต่สำหรับคนที่ไม่ใช้รถ การเดินทางเข้าไปยังมหาลัยก็ถือว่าสะดวก อันดับเเรกคือทางโครงการจะมีรถ Shuttle Bus ให้บริการไปยังมหาลัย ต่อมาคือ ถึงแม้ว่าไม่มีรถรับ-ส่ง ก็ยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินมาขึ้นสะพานลอยเพื่อข้ามไปยังมหาลัยได้ เเละพอเมื่อข้ามมาเเล้วก็ยังมีรถรับ-ส่งของมหาลัยให้บริการอยู่ด้วยเช่นกัน ถือว่าใกล้เเละสะดวกมากอยู่ ในส่วนของการเดินทางที่นอกเหนือไปจากละเเวกของมหาลัยเเล้ว ก็จะมีรถตู้ให้บริการ สามารถเดินไปขึ้นได้ระยะทางประมาณ 300 เมตร (อยู่ตรงข้ามกับมหาลัยนั่นเเหละค่ะ)

วัสดุ – ห้องขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชิ้น เป็น Fully Furnished เลยค่ะ เรียกได้ว่าขนเสื้อผ้าเข้าไปพร้อมอยู่เลย แถมยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มาอีกด้วยทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น และเครื่องทำน้ำร้อน ในส่วนของวัสดุที่ได้ พื้นห้องได้เป็นลามิเนต ฝ้าเพดานเเละผนังฉาบเรียบทาสี ไปให้เป็นไฟซาลาเปา พื้นที่ส่วนไหนที่เราอยากได้เเสงสว่างเพิ่มก็อาจจะต้องหาโคมไฟเพิ่มเองเช่นโต๊ะอ่านหนังสือหรือโต๊ะทำงานนะคะ ชุดประตูหน้าต่างที่เป็นกระจกจะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ห้องครัวห้องน้ำ ได้เป็นกระเบื้องเซรามิคค่ะ ภาพรวมถือว่าได้มาตามมาตรฐานนะคะ (ตร.ม.ละประมาณ 6 หมื่น) นอกเหนือจากนี้ยังมีเทคโนโลยีมาให้ด้วย เช่น ประตู Digital Door lock มี amazon alexa ที่สั่งเปิด-ปิดไฟได้ค่ะ

การออกแบบ – การออกแบบอาคาร การวางผังโดยรวมเป็นผังเเนวลึกเข้าไป มีอาคาร A และ B ที่อยู่ตรงข้ามกัน มีพื้นที่ส่วนกลางคือสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ส่วนอาคาร C จะอยู่ในสุด มีการออกแบบที่จอดรถให้ลึกขนานความยาวของอาคารไปเช่นกัน ทำให้คนที่สะดวกหรืออาศัยที่อาคารไหนก็เลือกจอดให้ใกล้กับอาคารตัวเองได้ และมีทางเดินเข้าอาคารได้โดยตรง แต่ละอาคารมีพื้นที่ส่วนกลางเช่น Lobby , Mail room . laundry แยกไปแต่ละอาคารทำให้ความหนานเเน่นในการใช้งานและความเป็นส่วนตัวมีเพิ่มมากขึ้น และมีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันอยู่ตรงกลาง โดยแต่ละอาคารก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป อย่างอาคาร A ใกล้ร้านสะดวกซื้อที่สุด มีวิวสระว่ายน้ำ ใช้งาน Clubhouse ง่าย แต่ก็จะใกล้กับถนนใหญ่มากที่สุดเช่นกัน อาจจะได้ยินเสียงรถวิ่งผ่านบ้าง ส่วนอาคาร B ก็จะใกล้กับทางเข้าออกทางรถมากที่สุด เดินไปหาอาหารกินได้สะดวก ใกล้สระว่ายน้ำ ใกล้Clubhouse (แต่จะไกลกว่าอาคาร A นิดหน่อย) ส่วนอาคาร C จะอยู่ลึกสุดก็จริง แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเเละความสงบมากที่สุด จะอยู่ใกล้กับ สนามบาสและ Outdoor Co-working ด้านหลัง 

ในส่วนของห้องพักจะมีอยู่เเบบเดียวคือเเบบ Studio ที่สามารถอยู่อาศัยได้ 1-2 คน มีพื้นที่การใช้งานเป็นพื้นที่โล่งๆเชื่อมต่อกันในส่วนที่อยู่อาศัย เเละมีพื้นที่ครัวเเละห้องน้ำแยกออกไปอีกฝั่งชัดเจน กั้นออกจากกันด้วยประตูบานเลื่อน ถือว่าฟังก์ชันการใช้งานมีมาให้ครบครัน

สาธารณูปโภค – ภาพรวมถือว่าออกแบบมาให้ค่อนข้างเยอะเเละจัดเต็มเลย ออกแบบมาโดยเน้นพื้นที่ Common area จัดเป็นมุมนั่งเป็นจุดๆ ค่อนข้างเยอะ ทั้ง indoor และ outdoor เพื่อเอาใจนักศึกษาที่ต้องการพื้นที่ในการคุยงานกันหรือหามุมอ่านหนังสือ โครงการจึงสร้างพื้นที่ตรงนี้มาเต็มที่ รวมไปถึง Lobby ของเเต่ละอาคารที่รวมๆแล้วสามารถรองรับการใช้งานพร่อมกันได้หลายคนสบายๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมแบบ Active เช่นเล่นบาส ห้องฟิตเนส และสระว่ายน้ำ ที่ออกแบบมาดูดีโทนสีสดใส เหมาะสมกับวัยรุ่นดีค่ะ

Judgement

เนื่องจากโครงการ dcondo campus resort กำแพงแสน ตั้งอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นทำเลที่ทาง ThinkOfLiving เราไม่คุ้นชินในเเง่ราคา และความคุ้มค่าของอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่นั้นเท่าไหร่นัก ดังนั้นเราจึงขอไม่ให้คะแนนในโครงการนี้นะคะ

BOTTOM LINE

dcondo campus resort กำแพงแสน เหมาะกับคนที่ต้องการหาคอนโดพร้อมอยู่ใกล้มหาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เดินทางเข้ามหาลัยง่ายในระยะเดินถึง  มีรถรับส่งเข้าไปยังมหาลัยไว้ให้ใช้บริการ ชอบทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง และเลือกโครงการที่มีความปลอดภัยเเละความสะดวกสบายเป็นหลัก มีงบประมาณ 2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 บาทต่อเดือน