รีวิวฉบับที่ 1610 …  Q ชิดลม-เพชรบุรี คอนโดตึกเสร็จสดๆร้อนๆจาก อนันดา ตัวโครงการการถูกออกแบบโดยสถาปนิกชั้นนำอย่าง A49 ซึ่งมีผลงานออกแบบคอนโด Luxury มามากมาย อีกทั้งตัวอาคารยังแฝงไปด้วยเส้นโค้งตามส่วนต่างๆออกแนว Futuristic หน่อยซึ่งเป็นสเน่ห์และเอกลักษณ์ของอนันดา ที่มองมาก็จะรู้ได้เลย โครงการนี้มีความน่าสนใจอีกอย่างในเรื่องการจัดพื้นที่ส่วนกลางไว้ยอดมงกุฏตัว Q ด้านบน และเป็นแบบส่วนกลางใช้งานได้ 4 ชั้นติดกันเลย

Fact @ 13 June 2018

  • Q Chidlom-Phetchaburi (คิว ชิดลม-เพชรบุรี)
  • บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย ชิดลม จำกัด (บริษัทในเครือ อนันดา)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนเพชรบุรี ใกล้ BTS สถานีชิดลม 800 เมตร
  • คอนโด High Rise 42 ชั้น 1 อาคาร 352 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต
  • จอดรถภายในอาคารได้ 8 ชั้น (ที่ชั้น 2-9)
  • ที่จอดรถประมาณ 224 คันคิดเป็น 63% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 1-2-80 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2558
  • ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ : มิถุนายน 2561
  • 1 Bedroom 35 – 47 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 63 ตารางเมตร
  • Duplex 62 – 109.5 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.75 ล้านบาท หรือประมาณ 164,285 บาท/ตร.ม.(ของห้องเริ่มต้น)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 180,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตรภายในโครงการประมาณ 164,000 – 188,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ชิดลม-เพชรบุรี ได้ที่: พาชมทำเลชิดลม
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02 316 2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

Q Chidlom-Phetchaburi ตั้งอยู่ติดกับถนนเพชรบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างซอยชิดลมกับถนนราชดำริ โครงการนี้ไม่ใช่โครงการที่ติดรถไฟฟ้าตามที่อนันดามักจะชอบทำ ตัวโครงการมีระยะห่างประมาณ 800 ม. จาก BTS ชิดลม โดยมาเลี้ยวเข้าซอยชิดลมหรือหากเลือกเดินทางด้วยเส้นทางรถยนต์สามารถไปเชื่อมต่อกับถนนหลายสายเพื่อเดินทางไปที่ต่างๆ ซึ่งหากมองเรื่องศักยภาพในอนาคตของพื้นที่แล้ว ย่านเพชรบุรี-ชิดลม ก็ยังเป็นที่ต้องการในเชิงที่อยู่อาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเกิดขึ้น ก็จะทำให้การคมนาคมในย่านนี้สะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ที่ตั้งของโครงการจัดว่าอยู่ในย่านชุมชนใจกลางเมือง มีเส้นทางการจราจรเข้าถึงได้จากหลากหลายเส้นทาง หรือจะไปยังที่ต่างๆได้หลากหลายเช่นกัน เริ่มจากถ้าเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการจะผ่านแยกประตูน้ำ ซึ่งไปได้ทั้งราชเทวี อุรุพงษ์ พญาไท อนุสาวรีย์ชัย์ฯ ดินแดงทะลุออกวิภาวดีรังสิต หรือจะมาฝั่งสยาม ราชดำริ สีลม สามย่าน จากโครงการสามารถใช้เส้นทางลัดจาก ซ.เพชรบุรี 32 มาเข้าถนนชิดลมแล้วตรงมาหลังสวน ทะลุออกสวนลุมได้ หรือจะไปเพลินจิต อโศก หรือจะไปบางนาก็ใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและเพชรบุรี มีทางด่วนให้ขึ้นใกล้ๆกับแยกวิทยุ-เพชรบุรี อีกทั้งมีท่าเรือชิดลม และท่าเรือประตูน้ำ ให้เลือกใช้หากไม่ต้องการใช้รถ

เนื่องจากโครงการนี้ทาง ThinkofLiving เราได้เคยทำรีวิวฉบับตอนยังไม่ได้ก่อสร้างไว้ทีนึงแล้ว ในคราวนี้ผมอยากจะเน้นเนื้อหาในส่วนที่ดูแตกต่างจากตอนแรกหน่อย เน้นการเห็นส่วนกลางของจริง หน้าตาอาคารที่ทำออกมาเสร็จแล้ว ความสวยของวิว และห้องตัวอย่าง 2 Bedroom(ที่คราวก่อนไม่มีห้องตย.) ถ้าใครอยากอ่านส่วนของการเดินทางละเอียดหน่อยสามารถอ่านได้ที่นี่นะครับ

  • รีวิวเจาะลึก : Q ชิดลม-เพชรบุรี (ฉบับยังไม่ได้ก่อสร้าง มีโมเดล ห้องตัวอย่าง) “คลิกที่นี่”
  • รายการคิด.เรื่อง.อยู่ : Q ชิดลม-เพชรบุรี (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) “คลิกที่นี่”

มาอยู่ที่หน้าโครงการ จะมีสะพานลอยอยู่พอดี ผมเลยขึ้นมาเก็บภาพมุมกว้างให้ดู มองจากตรงนี้ Q ชิดลม-เพชรบุรี จะอยู่ทางซ้ายมือ ด้านหน้าของเราจะเป็น “แยกประตูน้ำ” ไปทางราชเทวีนั่นเอง จากมุมนี้จะเห็นอาคารเด่นๆรอบๆทั้งตึก Manhattan ที่ติดกัน เยื้องไปตรงข้ามจะเป็นห้าง The Paladium ข้ามแยกไปจะเป็นโรงแรม Novotel และก็ห้างสายช็อปแพลทตินั่ม นั่นเองครับ

ความพิเศษอีกอย่างที่ตอนวันที่ผมขับรถมาทำรีวิวก็คือ ผมมาจากทางแยกประตูน้ำจะเลี้ยวขวาเข้าโครงการ ก็ตบไฟเลี้ยวขวาเสร็จ รปภ.ก็วิ่งเอาธงแดงพยายามมาช่วยเหลือในการเข้าโครงการ / ส่วนตอนผมจะกลับผมจะไปทางเพชรบุรีขาออก พี่รปภ.ก็มาช่วยโบกธง ก็คือสามารถเลี้ยวขวาได้นะครับ

ตรงข้ามกับโครงการเลย ปัจจุบันตอนนี้จะเป็นส่วนของตลาดขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “ตลาด Neon Night Market”

ตลาดนีออน ตลาดนัดกลางคืนใจกลางกรุงย่านประตูน้ำ ระหว่างซอยเพชรบุรี 23-29 “เปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด” ตั้งแต่เวลา 16.00 – 00.00 น. เรียกว่าเอาใจขาช้อปขากินแบบสุดฤทธิ์ โดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศละแวกใกล้เคียง และกลายเป็นตลาดกลางคืนขวัญใจวัยรุ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเดินเล่นกันคึกคักในบรรยากาศสีสันสุดคูลจากหลอดไฟนีออน รวมถึงมีมุมถ่ายรูปชิคๆ อย่างป้ายไฟ NEON ตัวใหญ่ อันเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น

ยังอยู่บนสะพานลอยหันหลังกลับไปมองอีกฝั่งนะครับ ฝั่งนี้เป็นถนนเพชรบุรีขาออกครับ ถ้าตรงไปจะลอดใต้ทางด่วน และก็เป็นแยกมิตรสัมพันธ์(นานา) ถัดไปก็อโศกครับ / ส่วนทางขวามือโครงการจะอยู่ติดกับตึก KPI และติดกันนิดเดียว ก็จะเป็นทางที่สามารถเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนชิดลมได้นะครับ(เป็นทางวันเวย์) แต่เราสามารถไปโผล่สุขุมวิท ตรงเซ็นทรัลชิดลมซึ่งเป็นย่าน CBD ใจกลางเมืองสุดๆ

นี่ครับลงมาจากสะพานลอยที่เมื่อสักครู่ไปยืนถ่ายรูป มายืนอยู่ที่ทางด้านหน้าทางเข้าโครงการ โชคดีไปอีกต่อ ที่มีวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการเลยอีก ถ้าวันไหนชม.เร่งด่วนอยากเข้าไปโซนสุขุมวิทก็เรียกใช้เค้านี่แหละไวสุดแล้ว เอาล่ะเราไปดูด้านในตัวโครงการกัน


เจาะลึกตัวโครงการ

Q ชิดลม-เพชรบุรี คอนโด High Rise สูง 42 ชั้น 354 ห้อง เป็นอาคารสูงที่มีลูกเล่นในส่วนบนของอาคารลักษณะเป็นมุมตัดด้านบน เป็นรูปตัว Q ตามชื่อโครงการและหันหน้าโครงการออกไปถนนเพชรบุรี ให้ดูเป็น ICONIC ที่โดดเด่น ตัวอาคารใช้โทนสีเข้มและตัดกับสีของกระจก เราจะเห็นส่วนของกระจกโค้งที่รอบมุมอาคารที่ดูโดดเด่นไปอีก ตัวตึก ชั้น 2-9 เป็นชั้นจอดรถ เริ่มมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 10 ไปจนถึงชั้น 39 จะเป็นห้องพัก และตั้งแต่ชั้น 40 ขึ้นไป จนถึงชั้น 42 จะเป็น Facilities ของโครงการทั้งหมด

ในส่วนห้องพักอาศัยจะมีการแบ่งสัดส่วนของห้องพักให้ทุกชั้นมีทั้งห้อง 1 Bed และ 2 Bed ส่วนห้องแบบ Duplex จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 34 ในส่วนของพื้นที่ Facility ตั้งแต่ชั้น 40 – 42 จะประกอบ Swimming Pool, Turkish hot tub ,Fitness , Sauna , Steam , Co-working space , Social Club และ Library ส่วน Landscape จะมีอยู่บริเวณรอบพื้นที่ส่วนกลาง ,ระหว่างชั้นต่างๆ ,ด้านหน้าโครงการและโดยรอบ โดยจะปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นตลอดแนวทางเข้าและพื้นที่รอบๆโครงการ

บริเวณทางเข้าโครงการจะเป็นแบบกึ่งดูเปิดโล่ง ที่มองเห็นเข้าไปด้านในพื้นที่โครงการหน่อย เนื่องจากโครงการนี้ดีล Shop ร้านค้าด้านในสำเร็จแล้วคู่หูของอนันดา จะเป็น MaxValu นั่นเอง เลยต้องการเปิดพื้นที่ให้เห็นเด่นหน่อย ทางขวามือจะเป็นส่วนของซุ้มรปภ.ที่ตกแต่งผิวด้วยหินอ่อนและ Signage Q Chidlom Phetchaburi

บริเวณทางเข้าด้านหน้าโครงการมีการลงพื้นที่สีเขียวเอาไว้ให้หน่อย โดยจะมีการเล่นระดับเป็นสโลปค่อยๆยกสูงจากพื้นเป็นเนินเล็กๆ

โดยเจ้าเนินเล็กๆพื้นที่สีเขียวนี้จะค่อยๆสูงขึ้น มุมนี้ผมยืนมองจากสะพานลอย เนินนี้จะสูงขึ้นมาพอสมควรทำให้มีฐานของดินในการลงสเกลต้นไม้ใหญ่ขึ้นได้ และจะตรงนี้ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ในโครงการได้เหมือนกัน

พื้นด้านในบริเวณชั้น Ground รอบๆอาคารจะปูด้วยคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมดเลย โดยลักษณะการเดินรถจะเป็นแบบวันเวย์ ไปทางซ้ายมือครับ และวนรอบอาคารกลับมาออกที่ตรงนี้ตามเดิม

ทางซ้ายมือด้านหลังเจ้าเนินสวนสโลปนี่จะจัด Landscape เป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้ เพราะมีการลงต้นไม้เอาไว้ให้หลบเงาแดด

อีกทั้งข้างๆยังมีการตกแต่งไม่ได้ทำเป็นกำแพงเรียบๆ แต่ทำเป็นน้ำตกแทน ระหว่างที่เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจก็จะได้ยินเสียงน้ำตกเบาๆให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ส่วนของดีไซน์คอนโด หลายๆคนที่เคยผ่านตาผลงานของคอนโดอนันดายุคใหม่ จะพอรู้ได้ว่า เค้ามีสไตล์ที่ชัดเจนในเรื่องการออกแบบที่เน้นความเป็น Futuristic โดยใช้เส้นสายนำสายตามากขึ้น ทั้งเส้นตัด เส้นเฉียง เส้นโค้ง ทำให้เป็นจุดเด่น ดูเป็น Iconic เวลาผ่านไปมาทุกครั้งว่า อ้อ..นี่คอนโดอนันดานั่นเอง

การออกแบบของที่นี่ เลือกใช้บริษัทสถาปนิกชื่อดังอย่าง “อะตอม สถาปนิกใน Architects 49” เนื่องจากเราจะเห็นแปลงที่ดินกันไปแล้วว่าที่แปลงนี้ถูกขนาบด้วยอาคารสูงก่อนหน้าอย่างตึก KPI และ Manhatton ทีนี้! โจทก์ที่ได้รับมาก็คือ ออกแบบยังไง ให้ไม่โดนบล็อควิวมากที่สุด

ทางฝั่งทิศเหนือและทิศใต้(ด้านหน้าและด้านหลัง) ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะไม่ติดอาคารสูงใดๆ เลยเลือกใช้ “กระจกโค้ง” ที่เราเห็นจากแบรนด์คอนโดตัวบนอนันดาอย่าง Ashton มาใส่ที่แบรนด์ Q ตัวนี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องวิวได้ระดับนึง ถึงแม้จะมุมมองวิวได้ส่วนนึง แต่ก็ยังดีกว่าเป็นวิวมองตรงเข้าหาตึกด้านข้างอย่างเดียว เรียกว่าเป็นการออกแบบแก้ปัญหาได้ดีทีเดียว

มาที่ฝั่งด้านข้างอาคารทางซ้าย ในส่วนนี้จะเจอกับส่วนทางเข้าไปในอาคารที่จอดรถ

ตรงส่วนทางเข้าและออกในอาคาร จะมีซุ้มรปภ.อยู่อีก 1 จุดเพื่อเช็คความปลอดภัย มีการติดตั้ง CCTV และเป็นระบบคีย์การ์ดเพื่อเข้าออก (ตอนนี้ยังไม่ได้ติดตัวรั้วไม้กั้นกระดกนะครับ อนาคตจะเอาเข้ามาติด)

ในส่วนการจอดรถของอาคารนี้จะสามารถจอได้ที่ชั้น 2-9 ครับ โดยเป็น Slot ช่องจอดทั้งหมด 224 คัน คิดเป็นประมาณ 63%(ไม่รวมซ้อนคัน) โดยจะการเข้าอาคารต้องผ่านโถงลิฟต์เล็กๆที่ต้องแตะคีย์การ์ดในการเข้าไปด้วยเพื่อความปลอดภัย / ในส่วนของการจอดรถผมว่าการออกแบบอาคารที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม ต้องวนรถขึ้นล้อม Core Lift แบบสวนทางกันได้ จะต้องระมัดระวังสูงพอสมควรเลยล่ะ

กลับออกมาที่ด้านนอกรอบอาคารอีกครั้ง ตรงนี้คือฝั่งด้านหลังของโครงการ ที่ติดกับคลองแสนแสบ โดยโครงการจะทำรั้วสูง เป็นระแนงเหล็กโปร่งเล็กน้อยยังมองเห็นเรือด่วนวิ่งผ่านไปได้นิดๆ มีการอัดพื้นที่สีเขียวตรงนี้เอาไว้ช่วยสกรีนฝุ่นควันและสายตาจากภายนอก

ในวันที่ผมเข้าไปทำรีวิว นับว่าได้เห็นของดีครับ คือ มีเจ้าหน้าที่โครงการหลายคนมากๆ กำลังมาเทสระบบทดสอบตัวสปริงเกอร์ดับเพลิงครับ ซึ่งของแบบนี้เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไร และก็คงไม่อยากเห็นในชีวิตจริง(เพราะมันจะมีเหตุน่ะสิ) เลยไปยืนมองดูร่วมๆกับพี่เจ้าหน้าที่ เค้าไปจุดไฟใกล้ๆกับตัวระบบรักษาความปลอดภัย และระบบก็ทำงานปกติดีครับ (แห่ะๆ พึ่งเคยเห็นเลยตื่นเต้น)

ตอนนี้ผมกำลังวนกลับมาที่อีกฝั่งนึงของอาคารแล้วครับ เงยหน้าขึ้นหน่อย จะเห็นว่าส่วนฝั่งตะวันตกเราจะเคียงคู่ไปกับอาคาร Manhatton ตัวอาคารห่างกันประมาณ 20 เมตรกว่าๆ และจะเห็นเรื่องการออกแบบที่ใช้วิวกระจกโค้งอย่างที่บอกไปก่อนหน้าครับ

เงยหน้าไปมองที่อาคาร Q กันบ้าง ในส่วนรอบๆอาคารก็มีการตกแต่งด้วยแนวเส้นต่างๆที่ดูโดดเด่น และพื้นที่ชั้นจอดรถก็มีการเอาไม้กระถางมาวางเรียงเพื่อเพิ่มสีเขียวทางสายตาสักหน่อย

ในส่วนของ Retail โครงการนี้ได้ดีลกับ MaxValu Tanjai ซึ่งเป็นมินิมาร์ทขนาดเล็กแต่ครบเครื่อง และก็มีพวกอาหารกล่องแบบสะดวกซื้อทานง่ายๆ

ผังชั้น 1 ส่วนของด้านในชั้น Ground จะมี Lobby,  Retail 2 ส่วน, Mail box และนิติบุคคล มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 118 : 1 อยู่ที่กลางๆไม่เยอะไม่น้อย และบันไดหนีไฟ 3 จุด คือภายในพื้นที่อาคาร 1 จุด และเชื่อมต่อไปยังชั้นที่จอดรถอีก 2 จุด

เข้ามาด้านในส่วนของ Lobby แล้ว เราจะเห็นว่าพื้นและผนังจะใช้แนววัสดุลายธรรมชาติอย่างหิน (ตัวพื้นเป็นกระเบื้องทำลาย แต่ผนังกรุด้วยหินอ่อนจริง) พร้อมพร็อพของตกแต่งให้ดู Elegant หน่อย

ในส่วนของใครจะเข้าออกไปที่จอดรถ Visitor ก็ต้องใช้ Keycard Access ทุกครั้งนะครับ รวมถึงการเข้ามาในพื้นที่ Lobby ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะมาเนียนใช้ล็อบบี้กันได้นะครับ

พื้นที่ Lobby ยังมีส่วนชุดโต๊ะรับรองแขกเด่นๆ เอาไว้ใกล้กับผนังกระจกด้านหน้า ซึ่งเวลามานั่งเล่นพักผ่อนก็จะมองเห็นส่วนของ Landscape สวยๆด้านหน้าที่เราพาไปดูมาแล้ว

ภายในชั้น 1 ก็มีส่วนของห้องน้ำแยกชายและหญิง สำหรับแขก หรือลูกบ้าน ซึ่งปูพื้นและกรุผนังด้วยหินอ่อนสีขาวมีลวดลาย

ทีนี้ก่อนจะเข้าไปที่โถงลิฟต์ เราจะเห็นว่าตัวกรอบวงกบ เค้าจะชุบเคลือบดูสีทองให้ดูมีการตัดโทนทีโดดเด่นสะดุดตากว่าสีดำและเงินหน่อย ทางซ้ายมือเป็นส่วนทางเข้าห้อง Mail Room และก็ห้องนิติฯ ทางขวามือเป็นส่วน Service ของแม่บ้านครับ

พื้นที่ในห้อง Mail Room ก็เป็นแบบปิดติดแอร์เย็นๆ ขนาดค่อนข้างกว้างขวาง มีโซฟาเอาไว้ให้นั่งอ่านจดหมายอยู่กลางห้องได้เลย

ส่วนของ Lift Lobby เป็นแบบเพดานสูงต่อเนื่องมาจากโถงหลัก ซึ่งการจะเข้ามาพื้นที่ตรงนี้ต้องบวกกับการใช้งานลิฟต์ต้อง Access ด้วย Keycard อีกรอบ (ผมมองว่าดีนะ เผื่อ มีกลุ่มคนบางคนเดินเนียนตามเรามาจากทางเข้าล็อบบี้ ตรงนี้ก็เนียนไม่ได้ล่ะ)

หน้าตาภายในลิฟต์ ก็จะดูเงาๆวิ้งๆหน่อยครับ เพราะผนังทั้งหมดเป็นกระจกชาดำ แถมใช้เส้นขอบสีทองมาตกแต่งอีก มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 118 : 1 อยู่ที่กลางๆไม่เยอะไม่น้อย และมีจุดให้กดชั้นสองแบบ (มีรองรับแบบคนใช้รถเข็นได้)

ขยับขึ้นมาดูที่ Typical Floor Plan หรือชั้นพักอาศัยแบบเต็มจำนวน ที่ชั้น 10-31 เป็นชั้นที่มีส่วนของห้องพัก มีห้องพักทั้งหมด 14 ห้อง 2 แบบ คือ 1 Bed จำนวน 10 ห้อง และ 2 Bed จำนวน 4 ห้อง การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Single Corridor(โถงทางเดินเดี่ยว) ตามแนวตึกรูปตัวทรงสี่เหลี่ยม โดยทางเดินจะวางขนานกัน ห้อง 2 Bed  จะเป็นห้องมุมของตัวตึกจึงได้วิวสองด้าน คือ ด้านที่ไม่มีอาคารบังวิว กับด้านวิวเปิดโล่งทางทิศเหนือ และใต้โดยมีส่วนโถงลิฟท์และบันไดหนีไฟอยู่ตรงกลาง การวางตำแหน่งลิฟท์ไว้ตรงกลางช่วยให้แต่ละเดินมาใช้งานได้ไม่ไกล  บริเวณโถงลิฟท์จะทีแนวทางเดินแยกส่วนจากที่พักอาศัยทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

นี่ครับเรามาอยู่ที่หน้าโถงลิฟต์ชั้นที่ 11 ลิฟต์ทั้ง 3 จะเรียงตัวกันแบบนี้ (และทางขวามือติดกันเป็น Service Lift) การออกแบบจัดวางโถงเป็นรูปตัว H ทำให้แบ่งฝั่งการใช้งานเข้าใจง่ายและไม่ต้องเดินไกลจากตัวลิฟต์

ความพิเศษอีกอย่างคือ การยอมเสียพื้นที่ขายของห้องไป ทำเป็น Void ช่องใจกลางอาคารแบบนี้ เป็นการออกแบบที่ช่วยในเรื่องของความสวยงาม, การทะลุผ่านของแสงส่งถึงกัน, และเรื่องการถ่ายเถอากาศการวิ่งของลมด้วย เป็นจุดที่ผมชอบมาก

และที่ปลายโถงทางเดินของตัว H ทุกส่วน จะมีการเจาะช่องแสงเล็กๆเอาไว้ให้ เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง ถ้าเราเปิดออกทั้งสองฝั่ง จะช่วยให้ลมมีการถ่ายเทเข้ามายังพื้นที่โถงทางเดินได้

เรามาดูไฮไลท์เด่นๆของ Q ชิดลม กันดีกว่า เริ่มจากที่ชั้น 32-33 ด้านนอกอาคารแบบ Outdoor เค้ามีการจัดเป็นสวนหย่อมลอยฟ้า ให้ออกไปเดินเล่นได้ อีกทั้งเป็นการเดินแบบขึ้นเนินจากชั้น 32-33 ทำให้ไม่น่าเบื่ออีกด้วย จากสวนตรงนี้เราสามารถเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเจ้า Pocket Garden ที่ปลูกต้นไม้เป็นช่องยื่นออกมาสลับไปมาได้ ที่ชั้น 38 ยังมีพื้นที่สวนหย่อมเล็กๆให้ออกไปชมวิวได้อีก 2 จุด

ตั้งแต่ชั้น 40 เป็นต้นไปนี่เรียกว่าอลังการครับ เค้าจัดพื้นที่ส่วนกลางถ้านับเป็นชั้นก็ 40, 41, 42, 42M, Rooftop เดี๋ยวผมจะพาไปดูไล่ขึ้นไปเลยว่ามีอะไรบ้าง

ชั้น 32 : ออกมาจากโถงทางเดินด้านนอก จะจัดเป็นพื้นที่สวนหย่อม Sky Garden ที่ลงพื้นที่สีเขียวเอาไว้ทั้งไม้พุ่มเตี้ย ไม้ระดับกลาง และต้นไม้เล็ก

เดินมาทางเดินฝั่งด้านหน้า ทางซ้ายมือจะทำเป็นเก้าอี้ก่อคอนกรีตสำเร็จรูปเอาไว้ให้นั่งเล่นได้ แบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นส่วนตัวจุดใครจุดมัน ไม่ต้องกลัวแย่งกันใช้ (ถ้าเราสังเกต จะเห็นว่าพื้นที่ส่วนนี้อยู่ชั้นที่เป็นส่วนตกแต่งของฐานตัว Q ตกแต่งยอดอาคารนั่นเองครับ)

ทางเดินของส่วนจะยาวต่อเนื่องมาโดยมีบันไดเป็นทางเนินขึ้นไปสู่ชั่น 33 ได้ ระหว่าทางก็จะมีการตกแต่งรอบๆให้ดูสวยงามสบายตา

ระหว่างที่เดินขึ้นบัไดนี่แหละ ผมแหงนหน้ามองไปยังตัวอาคาร จะเห็นส่วนของเจ้า Pocket Garden ที่ทำตัวอาคารยื่นออกมาพร้อมลงต้นไม้เอาไว้ฝั่งด้านหน้านี้จะมีไม่มีห้องพักอาศัยนะครับ ไม่ต้องกลัวต้นไม้บังวิวห้องพักครับ (เท่ากับว่าโถงทางเดินด้านหน้าอาคารจะกลายเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้าไปยัง Corridor)

ขึ้นมาสุดบันได ก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นล้อมรอบต้นไม้ไซส์กลางไว้ 1 ต้นแบบนี้ พื้นจะปูด้วยไม้ระแนงทั้งหมด

นี่ครับขยับขึ้นมาชั้น 38 อย่างที่บอกมองไปทางขวามือสุด(ฝั่งด้านหน้าอาคาร ถนนเพชรบุรี) ฝั่งนี้จะไม่มีห้องพักตั้งแต่ชั้น 32 แล้วนะครับ ทำให้กลายเป็นช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ส่องเข้ามาในพื้นที่ Corridor ดูสว่างสบายตาและโอโถ่

ที่ชั้น 38 ฝั่งด้านหน้าอาคารจะมีส่วนของ Garden ลอยฟ้า ที่ปีกสองฝั่งอาคารด้านหน้ามาอีก เผื่อกระจายการใช้งานตามจุดครับ ซึ่งสวนฝั่งปีกขวาหน้านี่จะมองวิวไปยังพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่มักกะสันได้นะ

ภายในของสวนหย่อมชั้น 38 จะจัดเป็นพื้นที่เน้นการนั่ง นอนเล่น พักผ่อนมากกว่า จะไม่เหมือนกับสวนเดินที่ชั้น 32 นะครับ

โดยต้นไม้ที่เอามาลงบริเวณนี้ก็เป็นไซส์ขนาดใหญ่พอสมควรนะครับ ความสูงประมาณ 2 ชั้นกว่าเลย (มีการเก็บงานตัวค้ำยันลำต้นต้นไม้ไว้ให้ด้วย)

ชั้น 40 : ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไปจนสุดท้าย จะเป็นการแบ่งพื้นที่ Facility แบบยกชั้น หรือเต็มทั้งชั้นนั่นเอง โดยหลักๆของชั้นนี้จะมีฟังก์ชัน สามส่วนได้แก่ Social Club(กินพื้นที่ 2 ชั้น) / Library และ Co-Working Space เชื่อมโยงพื้นที่กัน

เริ่มต้นเราจะไปดูส่วนของ Social Club กันก่อนครับ เห็นจากด้านนอก จัดกระจกมากั้นทุกพื้นที่การใช้งานเลยนะครับ ทำให้ดูเด่นแต่ไกลมาเลย

เข้ามาด้านในแล้ว ความรู้สึกแรกคือ ว๊าววววครับ เพดานเป็นแบบ Double Space สูงโปร่งกินพื้นที่สองชั้น ให้ความรู้สึกสบายตาดุหรูหรา อีกทั้งการตกแต่งภายในส่วนยังคุมธีมให้โทน Black&White แต่มีเส้นขอบสีทองมาตัดสายตาให้ดูหรูหน่อยๆ โดยเราเปิดเข้ามาจะมีโต๊ะพลูอยู่ตรงกลางห้องดูเรียกแขกให้มาใช้งาน

หันไปมองทางขวามือ มีการแบ่งพื้นที่นั่งเล่นเป็นมุมส่วนของ ของใครของมันเอาไว้ สามส่วนครับ ซึ่งเอาไว้มามองวิวฝั่งทิศใต้โครงการไปยัง โซนสุขุมวิท ชิดลม

ภายในพื้นที่นั่งเล่น ก็กว้างขวางดูน่าใช้งาน เผื่อเวลามีเพื่อน มีแขกมา ห้องเราไม่พร้อม ก็พาเค้ามานั่งคุยกันตรงนี้ได้ และดูสวยงามเป็นหน้าเป็นตาเรา

พื้นี่นั่งเล่นส่วนที่อยู่ตรงโค้งมุม นี่จะได้วิวสองฝั่งครับ คือมองไปทางถนนชิดลม และซ้ายมือมองไปทางถนนเพชรบุรี วิวดีมาก (ในส่วนของวิว เดี๋ยวจะมีให้ดูหลายๆส่วน หลังจากสิ้นสุดชั้น Rooftop ว่าเราอยู่ที่นี่จะเห็นวิวอะไรได้บ้าง)

ส่วนติดกันข้างๆของโต๊ะพูล จะมีเจ้า Ball Game Classic แบบนี้ นับว่ายังเป็นเครื่องเล่นคลาสสิคทุกยุคสมัยที่เอามาเล่นกับเพื่อน และเรียกเสียงเฮฮาได้ตลอดจริงๆ

ที่ส่วนด้านหลังมีประตูทางเข้าต่อเนื่องไปยังพื้นที่อีกฟังก์ชันนึง นั่นก็คือ…

เข้ามาแล้ว จะเป็นเหมือนห้องรับรองขนาดกว้างขวางทีเดียว มีโต๊ะอยู่ตรงกลางห้องแบบ 8 ที่นั่งครับ และก็มีชุดครัว Pantry แบบมี Sink เอาไว้ให้ด้วย สำหรับมาจัดเตรียมเครื่องดื่มและอาหารว่างเบาๆตรงนี้ได้ ด้านหลังผมมีทางออกไประเบียงด้านนอกเล็กๆแบบออกไปยืนสูดอากาศได้

จากมุมนี้เราจะเห็นว่าที่ Social Club มีบันไดทางขึ้นไปชั้น 2 ได้

ซึ่งตัวบันไดเค้าก็กั้นด้วยกระจกนิรภัย พร้อมมือจับ พื้นเป็นกระเบื้องลายหินสีดำทำลวยลายสีทองปะปนมาครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ของ Social Club แล้ว พื้นที่เหล่านี้จัดฟังก์ชันเสมือนเป็น Sky Lounge นั่นเองครับ โดยจะมีชุดโต๊ะ โซฟานั่งเล่นเอาไว้ให้อีก

ชุดเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมชั้นวางขวดไวน์ ทั้งหลาย มี Sink ล้างอยู่ในตัว อารมณ์เหมือนไปนั่ง Lounge ที่โรงแรม ขาดก็แต่บาร์เทนเดอร์ 😀

มุมโซฟานั่งเล่นชุดนี้มองวิวพื้นที่สีเขียวมักกะสันแบบเต็มๆตาไปเลยจ้า

เอาล่ำ ไปดูห้องตรงข้ามกันต่อ พอออกไป ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของ Library

ด้านใน Library ขนาดพื้นที่จะกว้างขวางทีเดียวนะครับ เพราะเป็นทั้งพื้นที่อ่านหนังสือและก็ควบกับส่วนของ Co-Working Space ไปในตัว

พื้นที่นั่งนอนเล่นอ่านหนังสือมุมนี้ดูโดดเด่นมา ตกแต่เพดานเป็นแนวเส้นเฉียงๆสไตลืของอนันดา อีกทั้งมองวิวไปทาง BTS ชิดลมจ้า

โดยพื้นที่ด้านในห้องนี้ จัดมุมต่างๆให้เกิดประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ามาก คือวางโต๊ะ วางบาร์ ชุดโซฟานั่งทำงานอ่านหนังสือกระจายไว้ตามจุดต่างๆ อีกทั้งได้ผนังกระจกล้อมรอบด้านทำให้ดูสว่างตลอดเวลา มีการแบ่งพื้นที่ห้องประชุดแบบปิดเอาไว้ให้ด้วย(มาคุยงานจริงจังที่นี่ได้)

และส่วนสุดท้ายเป็นโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ ด้านนอกมีพื้นที่ระเบียนงออกไปยืนสูดอากาศได้ เรียกว่าจัดพื้นที่ออกมาได้น่าใช้งานและดูดีมากๆ สำหรับคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ หรือทำงานอิสระ(ไม่ต้องเข้าออฟฟิศประจำ) พื้นที่นี้คือเรียกว่าดีงามจริงๆ

ชั้น 41 : ยังต่อเนื่องกับพื้นที่ส่วนกลางยกชั้น ในชั้นนี้ฝั่งด้านหน้าโครงการออกจากโถงลิฟต์ไปจะเป็นสวนหย่อม ให้ออกไปเดินเล่นชมวิวฝั่งทิศเหนือด้านหน้าถนนเพชรบุรีได้ ส่วนของด้านในอาคาร จะเป็นพื้นที่ของ Turkish Hot Tub แยกส่วนชายหญิง และก็มีห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ฝั่งผู้ชายจะมีซาวน่าในตัว ส่วนของคุณผู้หญิงจะเป็นสตีมแทนครับ

ทางเข้า HALL ของ Turkish Hot Tub จริงๆแล้วถ้านับฟังก์ชันการใช้งานก็จะเหมือนกับ Onsen(ออนเซ็น) ของญี่ปุ่นนะครับ แต่ดีไซน์การตกแต่งสไตล์ที่ต่างกัน สปาตุรกี (Turkish Bath) หรือในภาษาตุรกีเรียกว่า “ฮามัม” (Hamam) มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล หรืออิสตันบูลในปัจจุบัน โดยได้รับอิทธิพลมาจากโรงอาบน้ำแบบกรีกและโรมัน แต่ที่แตกต่างคือ สปาตุรกีเน้นการใช้น้ำร้อน

เข้ามาทางซ้ายมือเป็นส่วนของคุณผู้ชาย จะเป็นทางเดินยกสเต็ปขึ้นมา พร้อมมือจับสแตนเลสกันลื่นครับ เราจะเห็นส่วนของอ่างทางขวาแล้ว

ซึ่งในห้องนี้จะมีส่วนของทางเข้าไปยังพื้นที่ล้างตัวอีกครั้ง ก่อนลงอ่างแช่ครับ

ด้านในจะเป็นห้องล้างตัวขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ฝัง Single Rain Shower ขนาดใหญ่เอาไว้ให้

ส่วนของบ่อน้ำร้อน จะได้ไซส์ขนาดกลาง (ที่แช่พร้อมกันได้หลายคนอยู่นะครับ 6-8 คนได้) อย่างที่ผมบอกไปว่าฟังก์ชันการใช้งานจะไม่ต่างกับออนเซ็นครับ ต่างกันที่การตกแต่งดีไซน์ และจากในห้อง Turkish Hot Tub เราสามารถมองวิวจากชั้น 41 ไปทาง ชิดลม เพลินจิต เห็น City View Scape เพลินๆตาไป

ออกจากห้องคถณผู้ชาย ฝั่งตรงข้ามเป็นของส่วน Lady นะครับ ซึ่งขนาดก็จะใหญ่กว่าหน่อย และทางขวามือจะเป็นทางเดินต่อเนื่องไปยังห้องน้ำ

ทางเข้าห้องน้ำแยกส่วนชายหญิง

เข้ามาส่วนของห้องน้ำชาย จะเห็นการตกแต่งใช้โทนสี Warm White ดูสบายตาทั้งหมด โดยจะเอาอ่างล้างมือทรงกลมขนาดใหญ่ไว้กลางห้องแบบนี้ ฟังก์ชันภายในประกอบไปด้วย อ่างล้างมือ ตู้ล็อกเกอร์ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และก็ซาวน่า(2-3 ที่นั่ง)

ส่วนของห้องน้ำคุณผู้หญิง จะตกแต่งคล้ายๆกัน แต่จะเปลี่ยนฟังก์ชันจาก ซาวน่า กลายมาเป็นห้องสตีมแทน เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบมากกว่า ไม่ทำรายผิว รีดเหงื่อเท่าซาวน่า

ขึ้นมาที่ชั้น 42 กัน ชั้นนี้จะเป็นส่วนสุดท้ายที่ลิฟต์ขึ้นมาได้แล้วนะครับ จะเห็นว่าลิฟต์เหลือตัวเดียวเท่านั้น หรือจะมาขึ้นที่ชั้น 41 (ยังมีลิฟต์ 3 ตัว) แล้วเดินต่อขึ้นมาอีกชั้นก็ได้ / ทางขวามือมีส่วนของพื้นที่ล้างตัวแบบ Rain Shower มาให้

พอขึ้นมาปุ๊ปเท่านั้นล่ะครับ ความรู้สึกแรกคือ ว๊าวววว…(อีกล่ะ) 5555 เพราะว่าลมมันแรงมากๆเลยครับ แรงแบบผมเผิมบนหัวปลิวกระจาย เพราะพื้นที่ชั้นนี้เค้าทำเป็นแบบ Semi Outdoor ทั้งหมด และนี่คือความสูงชั้น 42 นั่นเอง ลมเลย Flow พัดผ่านอย่างแรงมาก อีกทั้งมุมมองของสระที่เป็นแบบ Infinity Edge Pool ที่มองไม่เห็นขอบสระต้องบอกว่า “วิวเค้าดีจริงๆ”

รูปเมื่อกี้ ลืมแปะแปลนให้ดูครับ ตอนนี้เราอยู่บนพื้นที่ของ Pool Deck ซึ่งจะมีเตียงนอนอาบลมที่นอนชมวิวหันไปทางฝั่งทิศใต้(ชิดลม, สุขุมวิท) นั่นเอง / ความโดดเด่นของที่นี่คือการออกแบบสระว่ายน้ำ ให้โอบล้อมใจกลางลิฟต์ และกลายเป็นสระโดนัทรับวิวได้ 360 องศาครับ

ตรงจุดที่เป็นสระน้ำตื้น ถ้าใครไม่อยากว่ายน้ำ แต่อยากสัมผัสน้ำที่ปลายเท้าหน่อยๆ ก็เดินมานั่งและหย่อยตัวลงบนชิงช้าแขวนแบบนี้ได้ เห็นแบบนี้แล้วอยากนอนเลย

ตรงมุมโค้งของอาคาร ตรงฝั่งด้านหลังก็จะกว้างหน่อยนะ ไปเกาะที่ขอบสระชมวิว เซ็นทรัลเวิล์ด และก็สวนสาธารณะแห่งใหม่ข้างๆได้

อีกด้านนึงทางทิศตะวันตก (ตรงนี้สูงเลยยอกอาคาร Manhatton ไปแล้วนะครับ) จัดฟังก์ชันการใช้งานเป็นแบบมุม Private Jacuzzi ไว้ให้สามส่วน

และสุดท้ายฝั่งขจองสระด้านทิศเหนือหน้าอาคาร จะเป็นส่วนที่ความกว้าของสระแคบหน่อย ประมาณ 1 เมตรกว่าๆ แต่เราก็สามารถว่ายน้ำต่อเนื่องอ้อมมาชมวิวใบหยกได้ และพื้นที่สีเขียวของมักกะสันได้นะ

จบส่วนของสระกันแล้ว ข้างๆจะมีบันไดทางขึ้น เขียนว่าไปสู่ Fitness & Garden ไปต่อกันครับ

ขึ้นมาครึ่งนึงทางขวามือ จะมทีทางออกไปจุดชมวิวเล็กๆอีกส่วน แวะไปดูสักหน่อย

ส่วนของจุดชมวิว จะเป็นพื้นที่กลางแจ้ง มีจัดที่นั่งไว้ให้นิดหน่อย ฝั่งนี้จะมองวิวไปทางทิศเหนือ และนั่น.. ที่เขียวๆขนาดใหญ่ มักกะสันเองจ้า

ขึ้นมาที่ชั้นนี้ เค้าเรียกว่า 42M (หรือชั้นลอยของ 42 นั่นเองครับ) เป็นที่ตั้งของห้องออกกำลังกาย Fitness

เข้ามาปุ๊ปจะเป็นทางเดินก่อน ซ้ายมือเค้ากรุผนังด้วยกระจกเงาเอาไว้ ส่วนฝั่งขวามือเค้าก็เริ่มลงเครื่องเล่นแบบคาร์ดิโอเอาไว้เลยหลังเปิดประตูเข้ามา

เครื่องเล่นคาร์ดิโอ ตำแหน่งยังถูกวางยาวต่อเนื่องมาเรื่อยๆเลยชิดกับผนังกระจกฝั่งทิศใต้รับวิวสุขุมวิทครับ ถ้าก้มหน้ามองลงหน่อยก็จะเห็นส่วนของสระว่ายน้ำ

เครื่องเล่นที่นี่ใช้เป็นของ Life Fitness ทั้งหมด นะครับ โดยจะกระจายไว้ตามจุดต่างๆ ก็เรียกว่าเต็มพื้นที่ครับ ผมลองนับคร่าวๆมีประมาณ 14 ชิ้น(รวมบาร์ดัมเบล)

ยังอยู่ในห้อง Fitness นะครับ ทางเดินเท่ๆรับวิวตรงนี้ เป็นทางเดินไปยังห้องน้ำในตัวของห้องออกกำลังกาย

ส่วนของห้องน้ำ ก็แยกชายหญิงเอาไว้ให้นะครับ โดยฟังก์ชันจะเป็นแบบห้องน้ำธรรมดา ไม่ได้มีพื้นที่อาบน้ำจริงจังนะครับ

ขึ้นมาที่ชั้น Rooftop ดาดฟ้า โดยจะเป็นพื้นที่โล่งๆนะครับ สามารถมามาเดินเล่นยามเช้าหรือยามเย็นที่แดดยังไม่แรงได้ โดยก็จะมีเจ้ากระจกนิรภัยเป็นตัวเซฟตี้เรื่องความปลอดภัย

ตรงจุดนี้แหงนมองขึ้นไปเป็นส่วนของยอดมงกุฏตกแต่งสัญลักษณ์ของอาคารรูปตัว Q ซึ่งถ้ามองมาจากตึกอื่นไกลๆก็จะเห็นเด่นชัดมากเป็น ICONIC ว่าโครงการอยู่ตรงนี้

ในส่วนพื้นที่ Rofftop จะมีบันไดทางขึ้นเล็กมาพื้นที่อีกส่วน เป็นจุด Ponit of View หรือพื้นที่สูงสุดในโครงการแบบนี้ครับ


อย่างที่เราดูในกันในรีวิวกันไปแล้วนะครับ วิวภายในโครงการนี้หลักๆจะเทน้ำหนักไปที่ฝั่งทิศเหนือ และทิศใต้เป็นหลัก เนื่องจากเป็นคอนโดตึกที่สร้างเสร็จแล้ว ผมจึงสามารถเก็บภาพวิวจากมุมต่างๆที่เดินระหว่างทำรีวิว ได้หลายๆส่วนอยู่ก็เลยเอาภาพมาให้ดูกันครับ และบอกว่าถ่ายจากชั้นไหนตรงไหน มาดูของจริงกันเลย

เริ่มจากมุมนี้ผมถ่ายที่ สวนหย่อม Pocket Garden ชั้น 41 ฝั่งทิศเหนือ ด้านหน้าโครงการครับ : วิวหลักจะค่อนข้างโล่งที่เดียว ไม่มีตึกสูงมาบังเวลามองตรง ส่วนทางซ้ายมือจะเห็นห้าง The Paladium และด้านหลังจะเป็นส่วนโรงแรมครับ แอบเห็นตึกใบหยก 2 อยู่เป็นพร็อพด้านหลังหน่อยๆ

ยังอยู่ที่มุมเดิมนะครับ เพียงแต่กดกล้อมมองก้มลง มุมนี้จะเห็นว่าจริงๆแล้วพื้นที่ของตลาดนีออน ไนท์มาร์เก็ตนั้นใหญ่มากเลยนะครับ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า พื้นที่ลักษณะแบบขึ้นสามารถขึ้นตึกสูงได้นะครับเนี่ย (แอบหวั่นๆเหมือนกัน เพราะเราอยู่ในตัวใจกลางเมืองชั้นใน อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนเสมอครับ มีตัวอย่างให้เห็นกันหลายเคสแล้ว)

มาดูด้านหลังโครงการฝั่งทิศใต้กันบ้าง มุมนี้ผมถ่ายที่ชั้น Rooftop ครับ ซึ่งถ้าใครมาใช้พวกส่วนกลางชั้น 40, 41, 42, 42M ก็จะได้วิวแบบนี้เหมือนกัน ถ้ามองตรงๆเป๊ะเลย จะเป็นวิวที่อยู่ระหว่างถนนชิดลม และก้ถนนราชดำริ ตรงกลางไประยะกลางหน่อยจะเห็นเหล่าตึกสูงรอบๆ BTS ชิดลมบนเส้นสุขุมวิท

ยังอยู่ที่มุมเดิมนะครับ กดกล้องก้มลง 90 องศา มุมนี้จะเห็นว่าติดกับโครงการด้านล่างคือคลองแสนแสบ ทางขวามือพื้นที่ขนาดใหญ่กำลังก่อสร้างคือ The Market นั่นเองครับ

หันไปทางขวาหน่อย ไหนก็พูดถึง The Market แล้ว เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม เป็นโครงการตลาดนัดติดแอร์ โครงการใหม่บริเวณย่านราชประสงค์ โดย บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่จะประกอบไปด้วยร้านค้ากว่า 3,000 ร้านค้า มีสินค้าหลากหลาย ครบวงจร โดยโครงการนี้ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 ปัจจุบันการก่อสร้างก็คืบหน้าไปมากแล้ว ลูกบ้านจะเดินไปใช้งานก็เดินตัดผ่านซอยเพชรบุรี 32 ไปได้ใกล้ๆง่าย

และที่เรามองเห็นพื้นที่สีเขียวใหญ่ๆ ข้างๆกับเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นก็คือ สวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่จะมาเป็นปอดกลางเมืองให้แก่คนในย่านนี้อย่าง “สวนปทุมวนารักษณ์” ซึ่งมีพื้นที่ถึง 40 กว่าไร่ครับ เรียกว่าคนในย่านนี้ได้ Landmark ดีๆแห่งใหม่ถึง 2 จุดทีเดียว

มุมนี้ผมถ่ายจากที่ชั้น 40 จากในห้องของ Social Club นั่นเองครับ จะเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ เห็น City View ตึกสูงในระยะกลางๆหน่อย ซึ่งเราจะเห็นทั้งคอนโดรูปแบบคลาสสิคอย่าง เดอะพาร์คชิดลม (ซ้ายมือ 2 ตึกคู่) และที่เห็นขวามือสุดกำลังคลุมผ้าใบอยู่นั่นคือ 28 Chidlom หนึ่งในคอนโดที่ติดอันดับราคาแพงต้นๆของประเทศไทย ถ้าสร้างเสร็จก็จะมากลายเป็นวิวตึกสวยๆให้แก่ลูกบ้านเวลามองไปได้

วิวฝั่งสุดท้ายคือฝั่งตะวันออกนะครับ เนื่องจากฝั่งนี้ข้างๆจะเป็นตึก KPI Tower (สูง 24 ชั้น) ทำให้ตัวคอนโดเราที่สูงกว่า ยังสามารถได้วิวแบบนี้ได้ตั้งแต่ประมาณชั้น 30 ขึ้นไป หรือมาชมวิวแบบนี้ที่ชั้นส่วนกลาง ซึ่งผมก็ถ่ายมุมนี้ที่ห้อง Social Club เช่นเดียวกัน / วิวฝั่งนี้ก็สวยนะ เหล่าตึกออฟฟิศ คอนโดในระยะกลางๆ เห็นเรือด่วนแล่นผ่าน และระยะไกลๆทางซ้ายเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของมักกะสันครับผม

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • 1st Floor : Lobby, Mail Room, Juristic, W.C.
  • 1st Floor : Retail1 (คอนเฟิร์ม MaxValu), Retail2 (ยังไม่คอนเฟิร์ม)
  • 2-8 Floor : Parking Slot 224 คันคิดเป็น 63% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • 32-33 Floor : Sky Garden
  • 34-37 Floor : Pocket Garden
  • 38 Floor : Green Area Garden 2 จุด
  • 40 Floor : Social Club, Library, Co-Working Space
  • 41 Floor : Turkish Hot Tub, W.C., Sauna, Stream
  • 42 Floor : Sky Pool 360 องศา (มุมมอง Infinity Edge Pool)

  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ความยาวรวมทั้งหมด 28 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • มุม Shallow Poll ชิงช้านั่งเล่น, มุม Jacuzzi Zone

  • 42M Floor : ห้องออกกำลังกาย เครื่องเล่น Life Fitness 14 ชิ้น
  • Rooftop : ลานกว้างชมวิว และจุดชมวิว Point of View
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วน 118 : 1 / Service Lift 1 ตัว
  • ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV / Access Card ทุกจุด
  • Shuttle Service BTS ชิดลม (จำนวนรอบออกรอโครงการแจ้ง)

  • Product Walkthrough

    โครงการ Q ชิดลม-เพชรบุรี จะมีแบบห้องให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งโครงการนี้เน้นการทำห้องที่มีขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 35 ตารางเมตร

    • Type B1 – 1 Bedroom  35  ตารางเมตร
    • Type C1 – 1 Bedroom  45  ตารางเมตร
    • Type C2 – 1 Bedroom 47  ตารางเมตร
    • Type D1 – 2 Bedroom 63  ตารางเมตร
    • Type F3 – Duplex        78  ตารางเมตร

    ในส่วนการขายที่นี่ตจะเป็นแบบ Fully Fitted ให้ชุดเฟอร์ Built-In บางส่วนอย่างตู้เสื้อผ้าในห้องนอน, ชุดครัวท๊อปหินสังเคราะห์ และอุปกรณ์ต่างๆของ MEX, ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.60 เมตร พื้นเป็น Engineering Wood (หน้าสัมผัสไม้จริง), ห้องน้ำได้ของค่อนข้างดีอย่าง Kohler และ Grohe ครับ

     

    ห้องตัวอย่างแบบ 1 Bed ขนาด 45 ตารางเมตร  มีจำนวนทั้งหมด 92 ยูนิต ความจริงแล้วแบบ 1 ห้องนอนแบ่งออกเป็นแบบย่อยลงไปอีกรวม 3 แบบ แตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง การขายเป็นแบบ Fully Fitted ตัวห้องเป็นแบบหน้าแคบช่องแสงจะได้น้อย แบ่งโซนพื้นที่เป็น 5 โซน คือ ห้องน้ำ ครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และระเบียง เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนครัวเป็นครัวแบบเปิด จัดแบ่งพื้นที่ให้มี Pantry แบบ Built-in ขนาดพื้นที่ครัวค่อนข้างกว้างยังพอสามารถจัดแบ่งพื้นที่กั้นเป็นครัวปิดได้ในภายหลัง

    พื้นที่ส่วนครัวจะเชื่อมต่อกับส่วนห้องนั้งเล่นที่จะมีชั้นวางของและวาง TV แบบ Built-In ในส่วนห้องนอน  สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size  มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in  ถัดไปจะเป็นห้องน้ำซึ่งสามารถเข้าได้จากทางห้องนอนและส่วนครัว ห้องน้ำแยกโซนเปียกโซนแห้งชัดเจน ในโซนอาบน้ำมีฝักบัว และอ่างอาบน้ำมาให้ โดยจะมีประตูบานกระจกใสกั้นไว้ และมีพื้นที่ระเบียงสำหรับซักล้าง

    **เนื่องจากห้องตัวอย่างแบบนี้ เคยทำรีวิวไว้อย่างละเอียดแล้ว รวมถึงมีอยู่ในรายการ “คิดเรื่องอยู่” ที่ Mr.Oe & Mr.Boom เคยพาไปเห็นของจริงแล้วด้วย ผมเลยขอข้ามไปนะครับ วันนี้จะพาไปดูห้องตัวอย่างของจริงอีกห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมอาคารแทน จะได้ไม่ซ้ำกันครับ

    ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูวันนี้คือ 2 Bedroom ขนาด 63 ตร.ม. ตำแหน่งอยู่ตรงมุมอาคารทุกจุดพอดีนะครับ ทำให้ได้ช่องแสงรอบด้านสองฝั่ง ส่วนของฟังก์ชันห้อง เปิดเข้ามาจะเป็น Common Area (หรือพื้นที่โถงรวม) จะเป็นการเชื่อมฟังก์ชันระหว่าง โซนทานอาหาร ครัวเปิด และพื้นที่นั่งเล่นด้วยกัน ทำให้พื้นที่นี้ดูกว้างและใช้งานง่ายต่อกันและกัน แต่สำหรับคนทำอาหารจริงจังบ่อยๆ คงต้องกั้นโซนครัวเป็นบานปิดกระจกเพิ่มเอานะครับ

    ถัดไปด้านนอกพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นส่วนของ “ระเบียงสองชั้น” ที่เป็นเอกลักษณ์ของคอนโดอนันดา ส่วนครึ่งซีกขวาทั้งหมดจะเป็นส่วนของห้องนอนครับ โดยจะให้น้ำหนักไปที่ห้องนอนใหญ่มากพอสมควร และได้ช่องแสงขนาดมหึมาพร้อมกระจกโค้งเข้ามุมระบวิว 180 องศาได้ มีพื้นที่ Walk in Closet และห้องน้ำในตัว ในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำโชว์ Sexy Bath และสามารถเปิดระบายอากาศความชื้นเวลาไม่ได้ใช้งานแล้วได้

    ส่วนของห้องนอนเล็ก ยังสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้นะครับ แต่จะเดินรอบเตียงได้แค่ปลายเตียง กับข้างเตียงอีกฝั่งเท่านั้น เรื่องพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีการเว้าพื้นที่พร้อมทำ Built-In เสร็จสรรพเอาไว้แล้ว

    ประตูทางเข้าเป็น ประตูโครง Solid กรุลามิเนต เล่นแฝงลวดลายเอาไว้  มือจับประตูเป็นแบบก้านโยก ติดตั้งตาแมวและ Digital door lock ไว้ให้เสร็จสรรพ ตัวพื้นในห้องจะสูงกว่าโถงทางเดินเล็กน้อย เผื่อแม่บ้านมาเช็ดถูดครับ และกันไม่ให้ฝุ่นที่โถงทางเดินปลิวเข้าไปด้านใน

    หน้าตาชุด Digital Door Lock ของ Yale และมือจับก้านโยกแบบสีทอง ดูดีทั้งคู่

    มุมนี้ผมเข้ามาในห้องแล้วนะครับ ถ่ายย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้า อยากให้เห็นว่าทางขวามือหลังจากเข้าห้องมาแล้ว มีพื้นที่เข้ามุมเข้าเหลี่ยมอยู่ แนะนำเลยครับว่าจุดนี้ให้ทำตู้ Built-In เก็บรองเท้าเพิ่ม ตำแหน่งดีงามอยู่ทางเข้าออกบ้านเราครับ

    เข้ามาจะเป็น Common Area (หรือพื้นที่โถงรวม) จะเป็นการเชื่อมฟังก์ชันระหว่าง โซนทานอาหาร ครัวเปิด และพื้นที่นั่งเล่นด้วยกัน ทำให้พื้นที่นี้ดูกว้างและใช้งานง่ายต่อกันและกัน / ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.60 เมตร พื้นเป็น Engineering Wood (หน้าสัมผัสไม้จริง)

    ไปดูส่วนทางขวามือกันก่อนครับ ทางขวามือสุดจะเป็นส่วนของห้องน้ำ(มีฟังก์ชันอาบน้ำได้) ตรงข้ามกันจะเป็นชุดตู้เก็บของ Built-In มาให้ และตรงกลางสุดเป็นส่วนของห้องนอนเล็ก ซึ่งเวลาออกมาใช้ห้องน้ำก็ง่ายเลยครับ

    ลองให้ดูหน้าบานไม้ชุดตู้ Built-In สูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน และเปิดให้ดูฟังก์ชั่นการเก็บของด้านใน แบ่งชั้นเอาไว้ให้หลายจุด และเก็บของชิ้นใหญ้อย่างจักรยานพับ หรือกระเป๋าเดินทางก็ได้

    ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของห้องน้ำครับ ซึ่งด้านในก็จะมีฟังก์ชันครบสามส่วน อ่างล้างมืออยู่ตรงกลาง ซ้ายมือสุขภัณฑ์ ขวามือสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำ พวกวัสดุอย่างสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจะเป็นของ Kohler นะครับ ตัวอ่างจะเป็นแบบชิ้นหินอ่อนล้อมรอบอ่างสามารถวางของใช้จำเป็นๆได้รอบๆ

    ส่วนของพื้นที่อาบน้ำส่วนเปียก ถูกแยกไปทางขวามือนะครับ กั้นด้วย Tempered Glass (กระจกนิรภัย) โดยทางเข้าจะมีธรณีก่อเล็กๆขึ้นมาชั้น เพื่อเอาไว้สำหรับสะดวกแยกพื้นที่ในการทำความสะอาด และพวกชุดหัวก๊อก หัวฝักบัว Rain Shower ต่างๆจะได้เป็นของ GROHE นะครับ

    พอออกมาจากห้องน้ำ ถ้าเราเลี้ยวขวาก็จะเป็นส่วนของทางเข้าห้องนอนเล็ก มุมนี้จะเห็นหน้าลายไม้ Engineering Wood (หน้าสัมผัสไม้จริง) ยาวต่อเนื่องไปยังในห้องนอน

    เข้ามาด้านในห้องนอนเล็กกันแล้ว แต่อย่างที่เห็นคือสามารถวางเตียง Queen Size ได้ แต่ต้องเอาไปชิดหน้าต่างช่องแสงหน่อยนะครับ ซึ่งช่องแสงห้องนี้เค้าก็จัดมาให้ขนาดใหญ่เกือบจะเต็มพื้นที่พื้นจรดฝ้าแล้วอีกนิดเดียว ตัวหน้าต่างสามารถเปิดออกเป็นบานกระทุ้งได้หนึ่งจุดตรงกลางบน ในส่วนของห้องนอนเล็กนี่แหละจะเป็นจุดที่โดนเห็นวิวตึกเพื่อนบ้านทั้งสองฝั่งเลยอย่าง KPI และ Manhatton ครับ คงจะต้องปิดผ้าม่านแก้ว (ม่านชั้นแรกที่บางๆขุ่นๆ แสงลอดผ่านมาได้ แต่มองลอดผ่านมายาก มาช่วยหน่อยเวลาเราอยู่ในห้อง)

    ในส่วนของทางเดิน จะเหลือทางเดินปลายเตียงไม่มาก แต่ยังเดินไปเปิดปิดผ้าม่านพอได้ สามารถติดตั้งทีวีแขวนผนังได้นะครับเค้าเตรียมปลั๊กไว้ให้ และข้างหัวเตียงฝั่งขวาเดินสบายๆอยู่ครับ วางโต๊ะข้างหัวเตียงได้

    มองย้อนกลับไปทางประตูที่เราเดินเข้ามาครับ นึกว่าหาตู้เสื้อผ้าไม่เจอ ซึ่งพื้นที่ตู้เสื้อผ้าจริงๆจะเว้าเข้าไปในผนัง และโครงการก็ทำ Built-In มาให้เสร็จสรรพแบบนี้เข้ามุม ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี หน้าบ้าน 2 ตอนเปฺนกระจกเงาและอีกบานเป็นลามิเนตลายไม้

    ออกมาจากห้องนอนเล็กกลับมาที่โถงรวมอีกครั้งครับ ด่านแรกหลังจากพ้นประตูเข้าห้องมา จะเป็นพื้นที่สำหรับเอาไว้วางโต๊ะรับทานอาหาร ซึ่งสามารถวางแบบ 4 ที่นั่งได้นั่งกันแบบสบาย

    ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทานอาหารเป็รนส่วนของชุดครัว ที่โครงการมีมาให้ดังนี้เลยนะครับ เท่ากับว่าห้องนี้จะเป็นพื้นที่แบบครัวเปิด ไม่น่าเหมาะกับการทำงานอาหารหนักๆจริงจัง ยกเว้นคนที่เลือกห้องนี้ตั้งใจจะกั้นโซนเพิ่มกั้นฉากกระจกเป็นโซนครัวปิดทำได้อยู่ครับ

    พวกงานหน้าบานด้านบนจะเป็นลายไม้มาตรฐาน ส่วนผนังตรงทำครัวมีการกรุกระเบื้องแกรนิตโตมาให้เผื่อสำหรับเวลาประกอบอาหารกระเด็นหกก็เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายเลย และด้านล่างหน้าบานจะบุด้วยหนังลายสนิมสีน้ำตาลเข้มดูมีความ Contrast แบ่งพื้นที่ช่องขวาเอาไว้วางเครื่องซักผ้ามุมนี้เลย

    ตำแหน่งของช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านบน อาจจะเป็นปัญญหาของ Lady ไซส์ 150 ซม.ซะหน่อยนะครับ / พวกอุปกรณ์ Hob & Hood ได้เป็นของ MEX / ท๊อปครัวเป็นหินสังเคราะห์แฝงลายสีขาว / อ่างล้างจานทรงสี่เหลี่ยมขนาดกลางไม่ใหญ่มากซึ่งจะมีฝาปิดเปิดอ่างล้างจานมาให้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเตรียมอาหารได้

    มองมาที่ฝั่งตรงข้ามมุม Pantry ครัว ตรงนี้ผมเห็นว่าห้องตัวอย่างจัดไว้ให้ดูโล่งๆหน่อย ตรงนี้มีพื้นที่ครับ แล้วแต่เจ้าของห้องเลยว่าอยากจะทำอะไรเพิ่ม ยกตัวอย่างเช่น ทำมุมโต๊ะทำงานมาไว้ตรงนี้ หรือ Built-In ตู้เก็บของโชว์ เก็บหนังสืออะไรพวกนี้ก็ได้ครับ

    ถัดมาจะเป็นส่วนของนั่งเล่นและรับแขก โดยเฟอร์นิเจอร์โซนนี้จะไม่ได้นะครับ ตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ระยะดูทีวีประมาณ 2.40 เมตร สามารถจัดทีวีไซส์ 42-50 นิ้วมาลงได้ กำลังดีครับ

    ระยะทางเดินต่างๆ จริงๆแล้วค่อนข้างกว้างอยู่แล้ว อย่างห้องตัวอย่างเค้าเอาโซฟาแบบนั่งได้ 2-3 ที่นั่งมาลงเอาไว้ และโต๊ะกลางนี่เรียกว่าไซส์ใหญ่แล้วนะครับ ยังเดินผ่านไปมาได้อยู่พอสมควร มุมโซฟาจะได้อานิสงค์จากประตูกระจกที่แสงธรรมชาติส่องผ่านมาด้านในได้ เผื่ออ่านหนังสืิเวลากลางวัน

    ในส่วนด้านนอกถัดเป็น Signature ของ อนันดา ที่ออกแบบ ระเบียงสองชั้น ตั้งแต่คอนโดตัวแรกๆของเค้า และนับว่าเป็นฟังก์ชันที่ถูกทดสอบมาหลายๆโครงการแล้วว่ามันดี ได้ไปต่อมาเรื่อยๆจนวันนี้ คือการใช้งานเราสามารถใช้ระเบียงพื้นที่ตรงนี้เป็น Semi Outdoor เวลาอากาศดีๆได้, เราสามารถใช้ตากผ้าได้ โดยไม่ต้องกลัวฝน กลัวฝุ่น ฯลฯ

    ให้ดูพวกระยะพื้นที่ของเจ้าระเบียงส่วนนี้ครับ ขนาดประมาณ 1.0 x 2.2 เมตร ซึ่งจะมีการทำเดรนระบายน้ำเอาไว้ให้ เผื่อเวลาเราทำความสะอาดครับ

    ส่วนด้านนอกของระเบียงจะมีราวกันตกอีกชั้น พร้อมประตูกระจกบานเลื่อนเผื่ออยากเปิดให้ลมเข้า และทางขวามือที่เราเห็นเป็นประตูที่เก็บคอมแอร์ฯแยกเอาไว้เป็นสัดส่วนโดยเราจะไม่ต้องเห็นมันเลย

    กลับเข้ามาในกลางห้องอีกครั้ง ระหว่างชั้นวางทีวี กับ พื้นที่วางตู้เย็นจะเห็นส่วนของประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่

    พอเปิดเข้ามาด้านในจะเห็นแว่บๆ ส่วนทางซ้ายมือเป็นโซนวางเตียง และขวามือเป็นพื้นที่แต่งตัวและทางเข้าห้องน้ำครับ

    นี่คือ จุดเด่น ของห้อง Type นี้ครับ ตัวช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ได้ความโปร่งทำให้ห้องดูกว้างสบายตา อีกทั้งยังได่ส่วนของระจกโค้งแบบที่ได้ในแบรนด์ของ Ashton แต่ก็จะมีส่วนนึงที่โดนวิวตึกข้างๆเหมือนกัน เลยจะเรียกว่าได้วิว 180 องศาก็ไม่ได้

    มุมตรงนี้สามารถจัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งสวยๆได้ เนื่องจากอยู่ใกล้กับช่องแสงธรรมชาติ เลยไม่ต้องไปพึ่งดวงไฟ แต่งแล้วเห็นสีสันจริงของเครื่องสำอางค์

    พื้นที่รอบเตียงๆของห้องนี้เรียกว่าไม่มีปัญหาเลยครับ จัดเตียง King Size มาลงได้เลย อีกทั้งยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีได้สบาย

    ถ้าเอาเตียง King Size มาลง จะเหลือพื้นที่วางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ฝั่งเดียวนะครับ ฝั่งขวาเหลือไว้ให้สำหรับพวกผ้าม่านหน่อย จะได้ไม่ทับกันจนเกินไป

    มองเข้าไปในตัวห้องอีกฝั่งจะเห็นส่วนของ Sexy Bath เป็นมุมจากอ่างอาบน้ำที่ได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้าไปได้ และข้างๆเป้นทางเดินพื้นที่แต่งตัว

    ทางเดินพื้นที่แต่งตัวกว้างประมาณ 90 ซม. เป็นโซน Walk in Closet ซึ่งห้องนี้จะได้ตู้เสื้อผ้ามาถึง 4 หน้าบานครับ

    ลองเปิดฟังก์ชันการเก็บของในตู้เสื้อผ้าห้องนอนใหญ่นี้ให้ดู เรียกว่าคงเพียงพอครบเครื่องแน่นอน (พวก Fitting ในการเปิดปิดต่างก็เป็น SoftClose มานะ)

    ในส่วนของห้องน้ำ พวกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะเหมือนกันกับห้องแรกที่พากไปดูนะครับ แต่มีพื้นที่ที่มากกว่านั่นเอง การใช้งานฟังก์ชั่นครบ แต่จะเพิ่มโซนอ่างอาบน้ำมานั่นเอง

    เข้ามาในห้องน้ำ ทางซ้ายมือที่นอกเหนือจะกั้นพื้นที่โซนเปียก ยืนอาบน้ำไว้แล้ว จะเห็นว่าถัดไปมีอ่างอาบน้ำมาให้

    เท่ากับตรงโซนนี้จะมีชุดฝักบัว 2 ส่วนนะครับ (มี Rain Shower มาด้วย) ทั้งหมดได้ของยี่ห้อง GROHE

    ปิดท้ายกันด้วยอ่างอาบน้ำ ที่ให้ขนาดใหญ่เลยนะครับ ตัวผมสูง 180 ซม.ลองเทสลงไปนอนดูก็เรียกว่าสบายๆ ไม่ต้องงอชันเข่า จุดเด่นอีกอย่างคือช่องแสงที่ได้มา 2 จุด ทางซ้ายเป็นกระจุกเข้ามุม Sexy Bath ซึ่งถ้าเราต้องการความเป็นส่วนตัวก็ติดพวกมูลี่กันน้ำเอา และทางขวามือเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดออกระบายความชื้นได้หลังใช้งานเสร็จ (และมีพื้นที่วางของใช้ตรงจุดนี้ด้วย)

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 June 2018

    • 1 Bed ชั้น 24 ยูนิต 24-07 ขนาด 35.27 ตร.ม. ราคา 6.19 ล้านบาท หรือ 175,503 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bed ชั้น 28 ยูนิต 28-06 ขนาด 35.36 ตร.ม. ราคา 6.49 ล้านบาท หรือ 183,540 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bed Extra ชั้น 10 ยูนิต 10-09 ขนาด 45.23 ตร.ม. ราคา 7.59 ล้านบาท หรือ 167,808 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bed Extra ชั้น 12 ยูนิต 12-11 ขนาด 45.23 ตร.ม. ราคา 7.59 ล้านบาท หรือ 167,808 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bed ชั้น 10 ยูนิต 10-08 ขนาด 63.49 ตร.ม. ราคา 10.856 ล้านบาท หรือ 170,991 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bed ชั้น 11 ยูนิต 11-05 ขนาด 63.70 ตร.ม. ราคา 10.998 ล้านบาท หรือ 172,666 บาท/ตร.ม.
    • Fully Fitted / Built-In ตู้เสื้อผ้า และได้แอร์ทุกห้อง
    • เพดานสูง 2.60 เมตร
    • Kitchen & Sink ท๊อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood by MEX
    • จอง 50,000 บาท / ทำสัญญา 100,000 – 200,000 บาท
    • ค่ากองทุน 750 บาทต่อตารางเมตร
    • ค่าส่วนกลาง 70 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล Q ชิดลม-เพชรบุรี อยู่ติดถนนใหญ่เพชรบุรี ใกล้ซอยชิดลมเพียง 150 เมตร เป็นโครงการที่อยู่ในย่านชุมชนใจกลางเมือง ใกล้ อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าและสามารถเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองโซนอื่นๆได้ง่าย ที่ตั้งของโครงการเป็นย่านพาณิชยกรรมหลักและมีชุมชนเดิมค่อนข้างหนาแน่น ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ถือว่าตั้งอยู่ในย่านที่เพรียบพร้อม ของกินของใช้มีอยู่รอบๆโครงการ ทั้งร้านค้า ห้างสรรพสินค้าหลากหลายแห่ง จะมี The Market มาเปิดใหม่ รวมถึงพื้นที่สวนขนาดใหญ่ 40 ไร่อย่างสวนปทุมวนารักษ์อีกด้วย ตัวโครงการอยู่ติดริมถนนและสามารถเดินทางด้วยรถยนต์สะดวก แต่เป็นทำเลที่ไม่ได้ใกล้รถไฟฟ้าต่างจากทำเล IDEO Q รุ่นพี่ที่เน้นใกล้แบบเดินได้ ในอนคตการคมนาคมก็จะสะดวกมากขึ้น ถ้ามีรถไฟฟ้าสายสีส้มมาที่แยกประตูน้ำ

    การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว สามารถเลือกเส้นทางที่จะมาโครงการได้หลายเส้นทาง ได้แก่ ถ.สุขุมวิท ถ.พญาไท ถ.ราชปรารภ หรือมาจากทางราชดำริ หลังสวน แต่จะต้องระมันระวังเรื่องการใช้ซอยชิดลม เนื่องจากเป็นซอย One Way ที่วิ่งตรงมาจากทาง ถ.เพชรบุรีเท่านั้น หากมาจาก ถ.สุขุมวิท จะต้องมาเลี้ยวผ่าน ถ.วิทยุ แล้วเลี้ยวเข้า ถ.เพชรบุรีแทน ลักษณะเป็นการขับรถวนเป็นวงกลม จึงจะต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เพราะถนนสายหลักเหล่านี้ก็มีการจราจรที่หนาแน่นมาก แต่ถ้าวิ่งมาจากประตูน้ำหรือจากแยกอโศกมนตรีก็สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้เลย ยังดีอีกอย่างคือ ถ้าใครจะไปอโศกนั้นสามารถเลี้ยวขวาได้นะครับ อาศัยพี่รปภ.ที่ประจำด้านหน้าโครงการให้เค้าช่วยโบกธงช่วยเหลือได้  เรื่องที่จอดรถได้มา 63% ไม่รวมซ้อนคันถ้าจัดการดีๆน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากเป็นโครงการที่ไม่เน้นรถไฟฟ้าแต่ถ้าอยากจะใช้จริงๆก็สามารถเดินจาก BTS ชิดลม มายังโครงการ ระยะทางประมาณ 800 ม. ซึ่งถ้าเดินเรื่อยๆอากาศไม่ร้อนมากก็พอเดินไหว บรรยกาศในซอยชิดลมก็มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้แวะตลอดทาง หรือจะเลือกใช้เส้นทางเรือ ขึ้นที่ท่าเรือชิดลม ซึ่งห่างจากโครงการ ประมาณ 200 ม. ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางได้ ทั้งสะดวกและไม่ต้องเจอกับรถติดซึ่งก็จะมีผู้มาใช้บริการกันมากในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ถ้าใครขยันเดินสามารถเดินไปเที่ยวสยามได้เลยนะระยะทางประมาณ 1.5 กม. ไม่ต้องเสียเวลารถติดให้วุ่นวาย เอาง่ายๆครับเราเรียกพี่วินหน้าโครงการเราเลยในชั่วโมงเร่งด่วนนี่แก้ปัญหาได้ดีระดับนึง

    การออกแบบ ของที่นี่ เลือกใช้บริษัทสถาปนิกชื่อดังอย่าง Architects 49 เนื่องจากเราจะเห็นแปลงที่ดินกันไปแล้วว่าที่แปลงนี้ถูกขนาบด้วยอาคารสูงก่อนหน้าอย่างตึก KPI และ Manhatton ทีนี้! โจทก์ที่ได้รับมาก็คือ ออกแบบยังไง ให้ไม่โดนบล็อควิวมากที่สุด ทางฝั่งทิศเหนือและทิศใต้(ด้านหน้าและด้านหลัง) ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะไม่ติดอาคารสูงใดๆ ทาง A49 เลยเลือกใช้ “กระจกโค้ง” ที่เราเห็นจากแบรนด์คอนโดตัวบนอนันดาอย่าง Ashton มาใส่ที่แบรนด์ Q ตัวนี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องวิวได้ระดับนึง ถึงแม้จะมุมมองวิวได้ส่วนนึง แต่ก็ยังดีกว่าเป็นวิวมองตรงเข้าหาตึกด้านข้างอย่างเดียว เรียกว่าเป็นการออกแบบแก้ปัญหาได้ดีทีเดียว

    ส่วนของดีไซน์คอนโด หลายๆคนที่เคยผ่านตาผลงานของคอนโดอนันดายุคใหม่ จะพอรู้ได้ว่า เค้ามีสไตล์ที่ชัดเจนในเรื่องการออกแบบที่เน้นความเป็น Futuristic โดยใช้เส้นสายนำสายตามากขึ้น ทั้งเส้นตัด เส้นเฉียง เส้นโค้ง ทำให้เป็นจุดเด่น ดูเป็น Iconic เวลาผ่านไปมาทุกครั้งว่า อ้อ..นี่คอนโดอนันดานั่นเอง ด้านในโถงทางเดินชั้นพักอาศัยออกแบบเป็นรูปตัว H ได้เป็น Single Corridor อีกทั้งมีการเจาะช่อง Void ที่ยอมเสียพื้นที่ห้องไป แลกกับการที่แสงและลมลอดผ่านมายังโถงทางเดินได้และดูดีมากทีเดียว

    ในส่วนของการออกแบบและจัดพื้นที่ห้องพักอาศัย โครงการจะเน้นไปที่ห้องที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 35 ตร.ม.ขึ้นไป จึงทำให้สามารถจัดพื้นที่ใช้งานภายในห้องได้ดีขึ้นไม่เน้นซอยห้องเล็กๆประเภทยี่สิบกว่าตารางเมตร

    วัสดุ อุปกรณ์ของที่ให้มาดีทีเดียวนะครับ แต่ติดอยู่ที่ว่าราคานี้น่าจะได้ Floor to ceiling มากกว่า 2.60 เมตรหน่อย ทางโครงการเลือกปูพื้นด้วย Engineer ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดี วัสดุมีความแข็งแรงเพราะท๊อปผิวเค้าคือไม้จริง แต่โครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ซึ่ง Built-In มาให้แค่ชุดตู้เสื้อผ้า มีชุดครัวและชุดอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำ ในส่วนของชุดอุปกรณ์ต่างๆที่ได้ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ผนังติดกระเบื้อง เหมาะกับการประกอบอาหาร สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วน Hob กับ Hood ของ MEX ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Kohler พร้อมอุปกรณ์ชุดอาบน้ำของ Grohe ถ้าเป็นห้อง 2 bed จะได้อ่างอาบน้ำ

    สาธารณูปโภค โครงการนี้จัดว่าเป็นจุดเด่นสุด เพราะยกเอาไว้ชั้นบนสุดได้แบบยกชั้นและวิว 360 องศาเรียกว่าเพิ่ม Value ให้กับโครงการได้พอสมควร สระว่ายน้ำกับFitness ออกแบบให้มีลัษณะที่โดดเด่นสร้างความดึดดูดให้น่าใช้งานมากขึ้น สระเป็นระบบเกลือที่ชั้น 40 ชมวิวได้ 360 องศาและมุมมอง Infinity Edge, Shallow Pool และ Jacuzzi รวมทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อนริมสระ Pool Deck, อย่างพวกห้อง Social Club นี่จัดมาได้สวยไม่แพ้แบรนด์ Ashton เลยนะ พื้นที่ห้องอ่านหนังสือก็กว้างมีมุมต่างกระจายตามจุดเยอะมาก และยังมี Turkish hot tub, ห้อง Suana-Steam แยกห้องอาบน้ำไว้ให้ จุดเด่นอีกจุดคือการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแบบเล่นระดับให้สัมพันธ์กับรูปลักษณ์ภายนอกของอาคารและตัว Q ที่เป็นไอคอนที่โดดเด่นเวลามองมาจากที่ไกลๆ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคา AVG 18x,xxx บาท/ตร.ม., 13 June 2018

    • ทำเล 8.0/10 – ทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกเชื่อมต่อกับถนนสำคัญหลายสาย แม้ไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้า แต่เดินมาห้างสำคัญๆได้
    • เดินทางด้วยรถ 8.0/10 -เดินทางสะดวก มีทางเลี่ยงทางลัด เลี้ยวขวาไปอโศกได้ต้องให้รปภ.ช่วยหน่อย
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ไกลรถไฟฟ้าแต่เดินไป CTW ได้ด้วยระยะ 500 กม.
    • วัสดุ 7.5/10 – วัสดุมีมาตราฐานในเกณฑ์ดี
    • แบบ 8.0/10 – โครงการออกแบบทันสมัย มีความโดดเด่นมาก แก้ปัญหาเรื่องวิวบังได้ดี
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาที่ชั้นบนๆทั้งหมด 32-33, 38, 40-42M และดาดฟ้า มีความหลากหลายน่าใช้งาน

    • LUXURY CLASS
    • 7.90/ 10.00

    BOTTOM LINE

    Q ชิดลม-เพชรบุรี เป็นโครงการหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใกล้แหล่งธุรกิจที่ทำงานและใกล้สยาม-ชิดลม-เพลินจิต แต่ไม่ซีเรียสเรื่องรถไฟฟ้าเท่าไร เน้นการใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก เลือกของที่เป็นแบรนด์ดูโดดเด่นเอาไว้ก่อน อีกทั้งยังต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลางแบบจริงจัง ดูเป็นหน้าเป็นตาได้เวลาแขกมาหาหรือใช้เอง จุดเด่นของโครงการคือพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ชั้นบนสุดมีวิวแบบเปิดกว้าง 360 องศารอบตึก มีงบประมาณ 5.5 – 11.6 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 39,000-80,000 บาท