…พื้นที่สีเขียวรอบบ้านเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราผ่อนคลายได้ ซึ่งใครหลายๆคนอาจจะมองข้ามไปเพราะไม่มีเวลามานั่งดูแลต้นไม้ บางคนถึงกับรื้อต้นไม้ออกแล้วทำเป็นพื้นดินโล่งๆแทน ซึ่งส่วนตัวแอบเสียดายนิดๆ เพราะจริงๆแล้วการจัดสวนในบ้านไม่ได้ช่วยแค่เรื่องสวยงามเท่านั้น เรายังออกแบบให้มีมุมพักผ่อนกลางแจ้ง นั่งรับลมชิวๆ และมีต้นไม้ช่วยให้ร่มเงา และสร้างความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ยังมีอีกมากมาย ทั้งช่วยดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ลดฝุ่นละออง PM2.5 ลดมลภาวะต่างๆ รวมถึงส่งผลดีต่อสุขภาพและอารมณ์ ดังนั้นก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนการจัดสวนรอบบ้านด้วยตัวเองแล้ว เรามาทำความรู้จักประเภทต้นไม้ที่นิยมปลูกในบ้านกันก่อนนะคะ ^^

 4 ประเภทต้นไม้ที่นิยมปลูกในบ้าน!

สำหรับต้นไม้ที่เราเห็นกันมีหลากหลายชนิดมากๆ โดยหลายแบบเป็น ต้นไม้สวยแต่รูป ปลูกแล้วบ้านพัง ก็มีนะ แต่วันนี้เราขอแบ่งประเภทต้นไม้ออกเป็น 4 ชนิดใหญ่ๆ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป ถ้าเราเลือกวางได้ถูกตำแหน่ง นอกจากความสวยงามแล้วยังช่วย ฟอกอากาศ ให้ร่มเงา และบดบังสายตาได้อีกด้วย ไปดูกันเลยค่ะ

  • ไม้ยืนต้นสูง (Trees) : เป็นไม้เนื้อแข็ง ที่เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ได้ด้วยตัวเอง มีความสูงจากพื้นดิน 3 m. ขึ้นไป ที่แตกกิ่งก้านสาขาเอาไว้ให้ร่มเงาได้ เช่น ต้นชงโค, ต้นทองอุไร, ต้นแคนา, เหลืองปรีดียาธร, ต้นหลิว เป็นต้น
  • ไม้พุ่ม (Shrubs) : สำหรับไม้พุ่มมีหลากหลายแบบทั้งพุ่มเตี้ยและพุ่มสูง โดยไม้พุ่มเตี้ยมีความสูงไม่เกิน 45 cm. ส่วนใหญ่ปลูกเป็นกอ เป็นแถว โดยมักจะวางคู่กับไม้พุ่มสูงเพื่อให้ดูมีมิติสวยงามดี ส่วนไม้พุ่มสูงมีความสูง 3-6 m. ตั้งเอาไว้ริมกำแพง หรือติดแนวรั้ว เพื่อช่วยบังสายตาจากคนภายนอกได้ดี เช่น ไทรเกาหลี, หลิวทอง, เศรษฐีดาวาว เป็นต้น
  • ไม้ดอกไม้ประดับ (Flowering herb) : มีทั้งไม้เนื้ออ่อนและไม้ล้มลุก ที่มีความสูงจากพื้นไม่เกิน 30 cm. และมักปลูกเป็นกลุ่มก้อนติดๆกัน เพื่อความสวยงาม โดยมักเลือกไม้ดอกที่มีสีสันสดใสตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว เช่น ดอกแวววิเวียร, ดอกเข็มม่วง, พุดศุภโชค  เป็นต้น
  • พื้นหญ้า (Grass) : เป็นพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน เวลาเดินจะรู้สึกนุ่มเท้ามากขึ้น หกล้มแล้วจะไม่บาดเจ็บมากนัก โดยพื้นหญ้ามีคุณสมบัติทนแดด ทนฝน โตเร็วพอสมควร ดังนั้นเราต้องหมั่นตัดหญ้าไม้ให้สูงมากนัก ป้องกันสัตว์ดุร้าย และสามารถเดินใช้งานได้ง่ายค่ะ

ขั้นตอนการออกแบบสวนหย่อมเบื้องต้น?

มาดูขั้นตอนเบื้องต้นในการจัดสวนด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ทำเองได้ไม่ยากนะจ๊ะ ^^

  • สำรวจพื้นที่ : ถือเป็นสิ่งแรกที่เราไม่ควรมองข้าม โดยเริ่มจากการวัดขนาดพื้นที่ และคำนึงถึงทิศทางของแสง และดินรอบบ้านว่าเป็นกรดหรือด่าง ประเภทดินเหนียว ดินร่วน หรือดินปนทราย ซึ่งจะบอกได้ว่าเหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ประเภทไหนนั้นเอง
  • ศึกษารายละเอียดต้นไม้ : ส่วนสำคัญเลยคือการเลือกพรรณไม้ที่สามารถปลูกในรั้วบ้าน เพราะบางชนิดก็ไม่เหมาะปลูกในบ้าน เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบกับตัวบ้านได้ในอนาคต นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้คือวิธีดูแลต้นไม้แต่ละชนิด ฉะนั้นควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ที่เราจะปลูกโดยละเอียดนะคะ
  • สไตล์สวนที่ชอบ : เป็นขั้นตอนที่หลายๆคนอาจจะชื่นชอบ ซึ่งเป็นการหาสไตล์สวนที่เข้ากับบ้านตัวเอง โดยแบบสวนสามารถจัดได้หลากหลายแบบทั้ง Tropical Rainforest, กลิ่นอายสวนอังกฤษ, กลิ่นอายสวนฝรั่งเศษ, Modern Zen เป็นต้น (สวนแต่ละแบบก็มี Gimmick แตกต่างกันออกไป ทั้งเรื่องพรรณไม้และของตกแต่ง)
  • ปรับหน้าดิน / กำจัดวัชพืช : หลังจากเราได้สไตล์สวนและพรรณไม้ที่ต้องการแล้ว อันดับถัดไปคือการปรับหน้าดินที่ต้องคำนึงถึงการวางท่อน้ำ หรือส่วนระบายน้ำ โดยทั่วไปเรามักไล่ระดับดินให้เป็น Slope เพื่อให้ไม่เกิดน้ำขังนั้นเอง ส่วนในเรื่องวัชพืชแนะนำว่าควรฉีดและทิ้งไว้สักพักก่อนที่จะลงมือปลูกต้นไม้นะ
  • กำหนดตำแหน่งต้นไม้แบบคร่าวๆ : การจัดวางนั้นควรมีการเว้นระยะห่างของต้นไม้ให้มีความสมดุล ไม่ชิดกันจนเกินไปเพราะอาจจะโตชนกันได้ เราแนะนำให้ปลูกต้นไม้ใหญ่บริเวณมุมหน้าบ้านและหลังบ้าน เพราะมีพื้นที่ในการเติบโตหน่อย ส่วนด้านข้างบ้านมีพื้นที่เหลือไม่มาก ถ้าปลูกต้นไม้สูงอาจจะชนกับตัวบ้านได้นะ เราแนะนำให้ทำเป็นไม้พุ่มยาวตลอดแนว พร้อมทางเดินเท้ารอบสวน
  • ปลูกต้นไม้ : วิธีการปลูกนั้นควรดูลักษณะและวิธีการปลูกของต้นไม้แต่ละต้น เช่น ประเภทไม้พุ่ม ควรขุดหลุมลึกประมาณ 40-50 cm. ส่วนประเภทไม้คลุมดิน ควรขุดลึกเพียง 25-30 cm. เป็นต้น ที่สำคัญต้องหมั่นดูแลรดน้ำ ใส่ปุ๋ยต้นไม้อยู่เป็นประจำนะคะ

สำหรับบ้านของจริงในโครงการหมู่บ้านจัดสรร ส่วนใหญ่จะปูพื้นหญ้ามาให้เป็นมาตรฐาน ส่วนที่เหลือเราต้องดีไซน์สวนหย่อมเองนะคะ

บ้านแปลงมุมที่มีลักษณะเป็นรั้วเหล็กโปร่ง แม้บรรยากาศสวนหย่อมจะดูโปร่งโล่งดี แต่เราจะเสียความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

ความแตกต่างระหว่างบ้านที่ปูเฉพาะพื้นหญ้า VS สวนที่จัดสวยงาม?

การจัดสวนรอบบ้านขั้นตอนแรกคือการเลือกพรรณไม้ เราต้องเลือกพรรณไม้หลากหลายชนิดเข้ามาอยู่รวมกัน เวลามองแล้วจะทำให้สวนดูมีมิติมากขึ้น เพราะต้นไม้แต่ละชนิดมีลักษณะใบและดอกแตกต่างกัน อย่างภาพตัวอย่างจะเห็นว่าภายในสวนเดียวกัน มีทั้งต้นไม้ใหญ่, ไม้พุ่มสูง, ไม้พุ่มเตี้ย, ไม้ดอกไม้ประกับ และพื้นหญ้า ที่ทำให้การใช้งานครบถ้วน ทั้งร่มเงา ความสวยงาม และบังสายตา ที่รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ไม้ยืนต้น(Trees)

  • ข้อดี : เป็นประเภทต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขาให้ร่มเงามากที่สุด พร้อมความสูงถึงชั้น 2 ทำให้ห้องนอนชั้นบน ที่สามารถมองเห็นต้นไม้สีเขียวจากเตียงนอนได้เลย เอาไว้พักสายตาที่ผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงยังบังสายตาจากบ้านฝั่งตรงข้ามได้ด้วย
  • ข้อเสีย : ต้องวางในตำแหน่งที่กว้างหน่อย เผื่อเวลาต้นไม้โตเต็มวัยและแตกกิ่งก้านสาขา ซึ่งถ้าพื้นที่ไม่กว้างพอ และถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแล ในอนาคตต้นไม้อาจจะใหญ่ชนกับตัวบ้านได้นะคะ

ต้นแคนา

  • ลักษณะ : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง เป็นชนิดต้นไม้ผลัดใบสูงได้ถึง 25 m. เรือนยอดแคบทรงกระบอก กิ่งก้านเรียวเล็ก เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาวแคบ ปลายบานคล้ายปากแตรสีขาว
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ชอบแสงแดดจัด
  • สรรพคุณ : ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในการขับถ่าย ดอกแคนาสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยนำมาทำเป็นแกงส้ม หรือนำมาต้มจิ้มกินกับน้ำพริกก็ได้เช่นกัน

ราคา : สำหรับความสูง 5-6 m. ราคา 2,400-3,500 บาท

ต้นเหลืองปรีดียาธร

  • ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก เป็นชนิดต้นไม้ผลัดใบสูงไม่เกิน 8 m. ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมติดคล้ายปากแตรสีเหลือง
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : โตช้า เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี แสงแดดจัด

ราคา : สำหรับความสูง 3-4 m. ราคา 800-1,800 บาท

ต้นชงโค

  • ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก เป็นชนิดต้นไม้ผลัดใบสูง 5-15 m. กลีบดอก 5 กลีบแยกกัน โดยดอกมีตั้งแต่สีขาวถึงสีม่วงเข้ม แต่ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นสีแดง และสีชมพู
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด โตช้า เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ระบายน้ำดี ความชื้นสูง แสงแดดจัด

ราคา : สำหรับความสูง 3-4 m. ราคา 1,200-1,800 บาท

ไม้พุ่ม (Shrubs)

  • ข้อดี : ปลูกติดกับรั้วบ้านหรือริมกำแพง เสมือนเป็นกำแพงต้นไม้ในบ้าน ที่ช่วยบังสายตาจากคนภายนอก แถมมีทั้งแบบพุ่มเตี้ยและพุ่มสูงที่ไล่ระดับให้ดูมีมิติ สวยงามมากยิ่งขึ้น
  • ข้อเสีย : ต้องหมั่นดูแลตัดแต่ง เนื่องจากแตกกิ่งก้านสาขาไม่เป็นระเบียบ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ตัดแต่งกิ่งจะทำให้ต้นไม้ดูรกรุงรัง

ไทรเกาหลี

  • ลักษณะ : ไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ 0.50-3 m. เป็นลักษณะตั้งตรงสูง ลักษณะพุ่มหนาแน่นที่เวลาเรียงเป็นแนวยาว ช่วยบดบังสายตาจากคนภายนอก และดักจับฝุ่นได้ดี (ไม้พุ่มไม่มีดอก)
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : ไทรเกาหลีเป็นพืชที่ทนน้ำท่วมและความชื้นแฉะ โดยเหมาะปลูกในดินร่วน ต้องการน้ำน้อยถึงปานกลาง ชอบแสงแดดจัดตลอดวัน

ราคา : สำหรับความสูง 1.5-2.5 m. ราคาต้นละ 120-220 บาท ถ้าต้องการวางเป็นแนวริมกำแพง (5 ต้น = 1 เมตร)

โมกพวก

  • ลักษณะ : ไม้พุ่มสูงขนาดเล็กสูงประมาณ 2-3 m. แตกกิ่งก้านสาขาไม่เป็นระเบียบ ใช้บังสายตาคนภายนอกได้เช่นกัน แต่ที่น่าสนใจคือลักษณะดอกสีขาวที่มีกลิ่นหอมตลอดทั้งปี
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการตอน ใช้เวลาในการออกราก 1.5-2 เดือน ควรตอนในช่วงฤดูฝน ชอบแสงแดดจัดจึงจะออกดอกได้ดี

ราคา : สำหรับความสูง 1.6-2.5 m. ราคาต้นละ 80-100 บาท ถ้าต้องการวางเป็นแนวริมกำแพง (5 ต้น = 1 เมตร)

เศรษฐีดาวาว

  • ลักษณะ : ไม้พุ่มเตี้ยสูงประมาณ 30 cm. ส่วนยอดมีสีแดงสดใส ดอกเล็กเป็นช่อ สีขาว ชมพูเข็มสวยงาม
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการปักชำ เป็นไม้พุ่มเลี้ยงง่าย ต้องการน้ำน้อยถึงปานกลาง ชอบแสงแดดจัดเติบโตได้ดี

ราคา : กระถางขนาด 6″-11″ ราคากระถางละ 25-100 บาท

สำหรับตัวอย่างการวางไม้พุ่มสูงและไม้พุ่มเตี้ยอยู่ด้วยกัน เวลามองไปแล้วทำให้สวนหย่อมดูมีมิติมากขึ้น และสวนดูเต็มด้วยต้นไม้ ร่มรื่นดี ส่วนถ้าใครมีงบมากหน่อย สามารถตกแต่งด้วยน้ำพุ แผ่นทางเดิน เป็นต้น และที่สำคัญควรออกแบบให้พื้นที่สวนด้านนอก ดูใช้งานต่อเนื่องกันไปกับพื้นที่ภายในบ้าน

ไม้ดอกไม้ประดับ (Shrubs)

  • ข้อดี : เพิ่มความสวยงามให้กับสวนหย่อม โดยผสมผสานไม้ดอกให้มีหลากหลายสีสัน สดใส เช่นสีชมพู สีขาว สีม่วง เป็นต้น
  • ข้อเสีย : ต้องหมั่นดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ เพื่อให้ดอกไม้เจริญเติบโตสวยงาม

ดอกแวววิเชียร

  • ลักษณะ : ที่เขาเรียกกันว่า ดอก Forget Me Not เมืองไทย ลักษณะไม้ดอกตั้งตรง ออกดอกเดี่ยว หรือออกเป็นช่อ ดอกรูปถ้วยตื้นปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกมีสีขาว ชมพู ม่วง และสองสีในดอกเดียวกัน
  • การปลูกและการขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการปักชำ ดินที่ใช้ปลูกจะเป็นดินร่วนหรือดินเหนียว รดน้ำแค่วันละครั้งก็พอในเวลาเช้า ไม่ชอบแสงแดดจัด

ราคา : กระถางขนาด 6″-11″ ราคากระถางละ 30-200 บาท

ลองทำตารางคำณวนค่าใช้จ่ายเองแบบง่ายๆเบื้องต้น

เมื่อเราเลือกพรรณต้นไม้ที่ชอบได้แล้ว ให้เราลองทำตารางด้วยตัวเองง่ายๆ โดยตัวอย่าง เราเลือกใช้ Excel ในการคำณวนราคาต้นไม้ โดยเป็นการยกตัวอย่างบางจุดที่สำคัญๆ เช่นรั้วต้นไม้บังสายตา ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา และไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม เท่านั้น ส่วนถ้าใครมีงบมากหน่อย เราแนะนำให้ทำแบบ Full Option ไปเลย เพราะยิ่งทำให้สวนสวยมากขึ้น หรือถ้ามีงบจำกัดเราก็ค่อยๆจัดไปเรื่อยๆก็ได้นะคะ

**สังเกตไม้ยืนต้นสูงจะมีราคา/ต้นค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับความสูงยิ่งสูงมากยิ่งแพง ส่วนไม้พุ่มและไม้ดอกจะขายเป็นกระถางที่ต้องซื้อหลายต้นรวมกัน เวลาจัดถึงจะสวยงามค่ะ

แนะนำตลาดต้นไม้รอบกรุงเทพและปริมณฑล

สำหรับชนิดต้นไม้ข้างต้นเป็นการยกตัวอย่างเท่านั้น ในความเป็นจริงต้นไม้มีหลากหลายชนิดมากมาย ถ้าให้เสริชใน Google ก็คงไม่เห็นภาพเท่ากับการไปเดินเลือกด้วยตัวเองที่ตลาดต้นไม้ ซึ่งเราจะเห็นทั้งต้นอ่อนและโตเต็มวัย ว่าหน้าตาแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร? สำหรับใครที่ไปเดินก็อย่าลืมพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าด้วยนะ เราจะได้วิธีการดูแลต้นไม้ได้ที่ถูกต้อง เพราะต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบแดด และน้ำไม่เหมือนกันนะคะ


..ก็จบแล้วนะคะ สำหรับการจัดสวนเองเบื้องต้นด้วยตัวเอง โดยบทความนี้เป็นความรู้เบื้องต้นมากๆ แต่หวังให้คนอ่านหันมาสนใจพื้นที่สีเขียวรอบบ้านกันมากขึ้น เพราะนอกจากความสวย แล้ว ยังทำให้บ้านน่าอยู่ มีมุมพักผ่อนเอ้าดอร์ และเป็นหน้าเป็นตาเวลามีคนมาที่บ้าน ซึ่งหากใครมีไอเดียอื่นๆ หรือประสบการณ์ก็สามารถคอมเม้นต์คุยกันได้เลยนะคะ

หรือถ้าใครสนใจต้นไม้ฟอกอากาศยอดนิยม ปลูกในบ้านก็ได้ ห้องนอนก็ดี ก็อ่านเพิ่มเติมได้นะ คราวหน้า Think of Living มีบทความอะไรดีๆ อย่าลืมติดตามชมกันด้วยนะคะ ^^


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving