สำหรับสายช้อปปิ้งทั้งหลายที่ชอบซื้อข้าวของเข้าบ้านทุกวัน ยิ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนจากเดินห้างมาเป็นสั่งซื้อผ่านมือถือง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส บางทีเบื่อๆ เครียดๆ ก็กดดูหน้าช้อปปี้ ลาซาด้า แล้วเผลอกดสั่งไปแบบไม่รู้ตัว จนรู้ตัวอีกทีก็มีของมาส่งที่บ้านเต็มไปหมด แล้วที่นี้แหละปัญหาก็เกิดเลยจ้า “ไม่มีที่เก็บของในบ้านแล้ว แล้วทำไงต่อดีละ?” ก็วางอัดๆกันไว้ที่เดิม พอไม่มีที่วางของก็เอาไปไว้ในตำแหน่งอื่นๆของบ้าน จากบ้านสวยๆที่เราอุตส่าห์ตั้งใจแต่งมาตั้งแต่แรก ก็กลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของ

ห้องรก = ห้องที่ยิ่งดูเล็กและอึดอัด ดังนั้นก่อนที่จะไม่มีที่ให้วางของไปมากกว่านี้ วันนี้เรามีทริคและไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาฝาก โดยเราขอแบ่งเขียนแยกตามพื้นที่การใช้งานหลักๆภายในบ้าน เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถไปปรับใช้งานตามปัญหาของตัวเองได้ ไปดูกันว่าจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ? ^^

ก่อนที่จะพูดถึงวิธีการแก้ไข เรามาดูโซนต่างๆที่อยู่ในบ้านและคอนโดกันก่อนว่ามีกี่จุด อะไรบ้าง โดยเราแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นทั้งหมด 5 ฟังก์ชัน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน และพื้นที่ระเบียง ซึ่งแต่ละจุดก็มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป สำหรับบทความนี้จะเป็นความรู้ + ไอเดียให้เราสามารถปรับใช้งานได้ค่ะ


1.ห้องนั่งเล่น

ขอเริ่มต้นที่โซนแรกที่เวลาเราเปิดประตูเข้าบ้านมักจะเจอก่อน นั้นก็คือห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นห้องที่มีคนใช้งานเป็นจำนวนมาก ทั้งสมาชิกในบ้านและแขกที่มาเยี่ยม รวมไปถึงบางบ้านที่ไม่มีห้องเก็บของแยกเป็นสัดส่วน เราก็มักจะเอาข้าวของมากองรวมกันในห้องนี้ ทำให้ห้องดูรกไม่เป็นระเบียบ ยิ่งถ้าเราของล้นมากๆ บางทีเราก็เลือกกองลงกับพื้นบ้านเลย จนบางทีก็แทบหาทางเดินไม่เจอ ดังนั้นก่อนที่บ้านจะไม่มีทางเดิน เรามีวิธีจัดของใช้ภายในบ้าน และไอเดียที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเพิ่มพื้นที่ใช้งาน มาแนะนำกันค่ะ

1.1 รองเท้าที่เยอะเกินไป

เริ่มที่ประเด็นเรื่องรองเท้ากันก่อน ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่เวลาเรากลับบ้านมามักจะถอดทิ้งไว้เกะกะ โดยถ้าบ้านเราอยู่กันหลายๆคน ตู้รองเท้าที่มีในบ้านไม่พอแน่ๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีรองเท้าหลากหลายแบบ ทั้งผ้าใบ ร้องเท้าแตะ ร้องเท้าส้นสูง เป็นต้น อันดับแรกลองจัดวางเรียงกันเป็นคู่ๆ เพื่อให้หาของได้ง่ายขึ้น อันดับสองควรวางร้องเท้าประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน สุดท้ายถ้ายังไม่พออีกคงต้องหาไอเดียเพิ่มพื้นที่ใช้งานกันแล้ว

เริ่มจากเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในแนวตั้งแทนการวางเรียงบนแนวราบ สำหรับใครที่มีตู้รองเท้า ควรเลือกตู้ที่ภายในซอยเป็นชั้นย่อยๆ เพื่อให้เราวางรองเท้าได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และคู่ไหนที่ใช้บ่อยๆก็สามารถวางในระดับสายตาให้หยิบใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย หรือถ้าตู้ใครไม่มีชั้นวางของ เราสามารถซื้อที่แขวนแบบรูปขวามือมาวางเพิ่มเติมได้ โดยราคาชิ้นละประมาณ 500-1,000 บาท/ชิ้น ช่วยให้เก็บรองเท้าได้มากยิ่งขึ้น

ถ้าใครงบประมาณไม่มากอาจะเลือกใช้กล่องเก็บรองเท้าที่เป็นพลาสติกใส วางซ้อนเรียงในแนวตั้งให้เป็นระเบียบ หรือถ้าใครกลัวดูไม่เป็นระเบียบ ก็สามารถเอาไปวางไว้ใต้ชุดวางทีวี หรือใต้โซฟาก็ได้นะ ซึ่งการเก็บในกล่องจะช่วยป้องกันกลิ่น และสิ่งสกปกรกที่ติดมากับพื้นรองเท้า รวมถึงการเลือกกล่องแบบโปร่งยังทำให้เลือกหยิบรองเท้ามาใช้งานได้ง่าย โดยราคากล่องละประมาณ 100-500 บาท/กล่อง (แล้วแต่แบบ)

1.2 มีของใช้เป็นจำนวนมาก

อีกประเด็นของห้องรับแขก คือเป็นจุดรวมของใช้ของคนในบ้าน ที่ไม่อยากเอาไว้ในห้องนอนตัวเอง ทั้งหนังสือ นิตยสาร จดหมาย และของจิปาถะต่างๆ รวมไปถึงถ้าบ้านหรือคอนโดไม่มีห้องเก็บของ ก็ยิ่งทำให้ห้องรับแขกดูเล็กมากกว่าเดิมอีก เราแนะนำให้เริ่มจากทิ้งของใช้ที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน ส่วนถ้าคัดแล้วยังไม่เพียงพอจริงๆก็คงต้องเพิ่มพื้นที่เก็บของ เพื่อให้ห้องนั่งเล่นดูเป็นระเบียบมากขึ้นนะ

เริ่มจากทำชั้นวางของติดผนังเพิ่ม เพื่อให้วางของได้มากขึ้นและเป็นระเบียบ โดยชั้นวางของแบบนี้เราสามารถติดตั้งเองง่ายๆได้ที่บ้าน เพียงแค่มีสว่านและน็อตเท่านั้นเอง โดยราคาประมาณ 300-1,000 บาท/ชิ้น (แล้วแต่ขนาด) ส่วนวิธีจัดวางสิ่งของให้มีประสิทธิภาพ ได้แก่

  • หนังสือ / นิตยสาร : ให้หันสันหนังสือออกด้านนอก เพื่อมองเห็นชื่อหนังสือได้ง่าย และเวลาเลือกอ่านจะได้ไม่ต้องรื้อทั้งหมด
  • จดหมาย เอกสาร :  แนะนำให้มีกล่องแยกชัดเจน หรือแฟ้มแยกประเภทใช้งาน จะได้หาของได้ง่ายๆ ไม่ต้องหัวเสียเวลาหาไม่เจอ

ส่วนอีกวิธีคือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านหรือคอนโดเป็นแบบ Functional Design หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้มากกว่า 1 แบบ ยกตัวอย่างเช่น โซฟาที่มีลิ้นชักเก็บของด้านใต้ หรือโต๊ะกลางที่มีลูกเล่นให้เก็บของเพิ่มได้ค่ะ


2.ห้องครัว

มาต่อกันในห้องครัวเป็นจุดที่เราใช้งานเกือบทุกวัน ทั้งทำกับข้าว อุ่นอาหาร หรือหยิบของในตู้เย็น ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบทำอาหาร หรือซื้ออาหารครั้งละมากๆ ห้องนี้ก็คงเต็มไปด้วยของเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ครัว ซอสปรุงรส อาหารสด และอาหารแห้ง ซึ่งถ้าเก็บไม่ถูกวิธีอาจจะได้รับบาดเจ็บ เพราะภายในครัวมีอุปกรณ์แหลม คม ทำให้เป็นพื้นที่อันดับต้นๆที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากห้องจะดูรกแล้วยังเกิดอันตรายได้อีกด้วย

1.1 อุปกรณ์ครัวล้นตู้

ห้องครัวเป็นอีกจุดที่มีข้าวของใช้เยอะแยะมากมาย ทั้งจาน ชาม ช้อน-ส้อม แก้วน้ำ ที่เราใช้เป็นประจำ และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบอาหารทั้ง กระทะ หม้อ มีด ตะหลิว ครก ซึ่งถ้าบ้านไหนไม่ได้จัดระเบียบให้เรียบร้อย เวลาใช้งานจริงคงต้องรื้อทุกอย่างออกมา ยิ่งทำให้ห้องดูรกมากขึ้น ส่วนวิธีแก้เริ่มต้นคือแยกประเภทของต่างๆ แล้วจัดวางด้วยกัน เพื่อให้หาของง่ายขึ้น ส่วนถ้าจัดระเบียบแล้วยังไม่รอด พื้นที่เต็มแน่นเอี้ยด เราก็มีทริคดีๆมาบอกต่อค่ะ

ติดตั้งราวแขวนติดผนังแบบนี้เพิ่ม เพื่อแขวนอุปกรณ์ทำอาหารเช่น ตะหลิว ทัพพี มีด เป็นต้น ซึ่งพอแขวนแบบนี้เราจะเห็นของได้ชัดเจน และหยิบใช้งานง่าย ซึ่งชั้นวางแบบนี้ก็มีหลากหลายแบบ ทั้งแบบที่วางจานชามได้ ไว้ตากจานที่เพิ่งล้างมาใหม่ๆ หรือชั้นวางซอสปรุงรสให้เราหยิบได้ถนัดมือ โดยราคาทั้งชุดประมาณ 1,000-3,000 บาท/ชุด (แล้วแต่แบบ)

1.2 ตู้เย็นไม่มีที่ให้วางของเพิ่มแล้ว

สำหรับใครที่ชอบเอาทุกอย่างไปยัดไว้ในตู้เย็น ไม่ว่าจะเป็นของสด อาหารแห้ง หรือแม้กระทั้งเครื่องปรุงต่างๆ เพราะกลัวว่าอาหารจะเสีย อันดับแรกให้กำจัดของที่ไม่จำเป็นต้องวางในตู้เย็นออกมาไว้ข้างนอกก่อน อันดับสองให้เช็คของในตู้เย็นว่าอันไหนหมดอายุบ้าง เพราะบางทีเราทิ้งไว้นานๆก็ลืมกิน หรือถ้าเราคัดหมดแล้วก็ยังพื้นที่ไม่พอวาง เราอาจจะต้องปรับวิธีการจัด เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานแทนนะคะ

เปลี่ยนวิธีการจัดเล็กน้อยก็มีพื้นที่ว่างให้ใส่ของได้อีกนะ เริ่มที่จัดของประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน เพื่อให้หาได้ง่ายขึ้น เช่น

  • ช่องล่างสุด :  สำหรับลิ้นชักด้านล่างเป็นตำแหน่งที่เหมาะวางผัก ผลไม้ เพื่อไม่ให้ทับกันเองจนช้ำ และเลือกหยิบได้ง่าย
  • ช่องกลาง : แนะนำให้จัดของใส่ไว้ในกล่องเก็บอาหาร หรือใส่ถุงซิปล็อก เพื่อให้เป็นระเบียบเห็นได้ง่าย รวมไปถึงเรายังเขียนกำกับวันหมดอายุได้อีกด้วย
  • ช่อง Freeze : เหมาะวางอาหารสดต่างๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เพื่อถนอมอาหารให้เก็บได้นานมากยิ่งขึ้น

ส่วนใครที่อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถคลิกอ่านบทความ “ไอเดียเพิ่มพื้นที่ครัว เก็บอย่างไรให้เอาอยู่”

1.3 ชุดครัวสามารถเพิ่มที่นั่งกินข้าวได้

สำหรับคนที่มีพื้นที่ใช้งานไม่มาก และไม่อยากให้โต๊ะกินข้าวไปเกะกะในห้องนั่งเล่น เราก็สามารถปรับชุด Built-in ครัวให้เป็นโต๊ะกินข้าวได้เลย หรือถ้าไม่นั่งทานข้าวก็เป็นการเพิ่มพื้นที่วางของชั่วคราวได้ พอใช้งานเสร็จก็เลื่อนเก็บที่เดิม ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้ด้วย แต่ถ้ามีสมาชิกมากกว่า 2 คนอาจจะไม่เหมาะนะคะ


3.ห้องนอน

สำหรับห้องนอนที่เราใช้พักผ่อนทุกวัน เป็นอีกห้องที่ค่อนข้างรก เพราะมีของใช้ส่วนตัวเป็นจำนวนมาก ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือแม้แต่โต๊ะทำงานในห้อง ซึ่งพอทุกอย่างไม่ได้ถูกจัดเป็นระเบียบห้องก็จะดูเล็กลง บางคนใช้งานได้เฉพาะบนเตียงเท่านั้น เพราะรอบๆของวางเต็มพื้นเลย ซึ่งมีผลต่อการอยู่อาศัยแน่นอน เพราะห้องนอนควรเป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เราได้พักผ่อนจริงๆ ไปดูวิธีการกันค่ะ

1.1 เสื้อผ้าเยอะไม่มีพื้นที่เก็บ

ประเด็นที่ฮอตฮิตสำหรับสาวๆเลย คือพื้นที่เก็บเสื้อผ้าไม่เพียงพอทำยังไงดี?  เพราะผู้หญิงแบบเราจะมีเสื้อผ้าหลากหลายแบบทั้ง เสื้อในกางเกงใน สายเดี่ยว เสื้อกล้าม ชุดเดรส กางเกงยืน เสื้อเชิ้ตเยอะแยะเต็มไปหมด นี้ยังไม่รวม Accessories เช่น ผ้าพันคอ กำไร หมวก สร้อย ต่างหูต่างๆนาๆ ซึ่งพอเสื้อผ้าเยอะเราก็ขี้เกียจจัด แล้วเลือกยัดๆไว้ในตู้แทน เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ได้ใส่ แต่ในความเป็นจริงๆการจัดของให้เป็นระเบียบ เป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้งานได้ดีเลยแหละ

สำหรับตู้เสื้อผ้าด้านในควรแบ่งเป็นชั้นย่อยๆ เพื่อให้เก็บของได้ถูกประเภท รวมไปถึงนอกจากต้องแขวนทั้งหมดแล้ว เรายังพับเก็บเสื้อผ้าได้อีกด้วย หรือถ้าคิดว่ายังไงก็ไม่พอ เราแนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์แบบ Functional Design หรือใช้งานได้มากกว่า 1 แบบ เช่น เตียงนอนที่มีลิ้นชักเก็บของ หรือโต๊ะหัวเตียงที่วางของได้มากหน่อย

1.2 โต๊ะทำงานไม่มีพื้นที่ทำงาน

สำหรับใครที่มีโต๊ะทำงานในห้องนอน แล้วบนโต๊ะมีแต่กองเอกสารเต็มไปหมด จนแทบไม่มีพื้นที่นั่งทำงาน อันดับแรกเลยเราควรเคลียร์สิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไปก่อนเลย หรือเอกสารไหนที่จำเป็นต้องเก็บแต่ไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ ให้เก็บไว้ในกล่องเพื่อให้จัดพื้นที่ทำงานบนโต๊ะ สังเกตใครที่มีโต๊ะรกมากๆมักหัวเสีย เพราะเวลาเร่งรีบก็ดันหาของไม่เจอซะงั้น

สำหรับโต๊ะทำงานใครที่มีเอกสารเยอะๆ เราแนะนำให้ซื้อลิ้นชักไว้สำหรับแยกเอกสารเป็นหมวดหมู่ได้ โดยมีราคาประมาณ 1,300-4,000 บาท/ชิ้น หรือเอกสารอะไรที่สำคัญมากๆ เราก็ซื้อบอร์ดมาแปะติดเอกสารที่สำคัญๆ หรือเลือกแบบที่สามารถวางอุปกรณ์สำนักงานได้ เช่น ปากกา เทปกาว แม็ก คลิปหนีบกระดาษ เป็นต้น โดยมีราคาตั้งแต่ 100-1,800 บาท/อัน (แล้วแต่แบบ) และสุดท้ายถ้ายังไม่พอก็ติดชั้นวางของที่ผนังเพิ่มได้นะ บริเวณโต๊ะที่เราทำงานควรมีของให้น้อยที่สุดนะคะ > <

1.4 พื้นที่ปลายเตียงมีน้อย

สำหรับใครที่มีห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มาก หลังจากวางเตียงไปแล้วเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 40-50 ซม. ที่ไม่เหมาะวางชุดทีวีแบบตั้งพื้น เราแนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนัง พร้อมชั้นวางแบบติดผนังเพิ่มเติม เพื่อให้วางของใช้ได้มากยิ่งขึ้น


 4.ห้องน้ำ

ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เราใช้งานเป็นประจำทุกวันแน่นอน ทำให้มีอุปกรณ์มากมาย ยิ่งถ้าบ้านไหนมีห้องน้ำห้องเดียวแล้วจำเป็นต้องใช้งานรวมกันทั้งบ้าน ภายในห้องน้ำจะยิ่งรก เพราะนอกจากขวดแชมพู ยาสระผม โฟมล้างหน้า แล้วยังมีทั้งผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าต่างๆ ที่แขวนตากกันเต็มห้องน้ำ ทำให้เวลาใช้งานไม่ค่อยสะดวกมากนัก

ส่วนแรกถ้าใครมีงบประมาณมากหน่อย เราแนะนำให้ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Functional Design หรือใช้งานได้มากกว่า 1 แบบ เพราะห้องน้ำส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ทำให้การเลือกสุขภัณฑ์มีผลในการจัดระเบียบห้องน้ำ ยกตัวอย่างเช่น กระจกที่มีตู้เก็บของหลังกระจก หรืออ่างล้างหน้าที่วางบนเคาน์เตอร์ ก็ช่วยให้มีพื้นที่วางของรอบๆได้มากขึ้น ยิ่งมีลิ้นชักเก็บของด้านล่างเพิ่มยิ่งดีค่ะ

ส่วนถ้าใครมีงบไม่มากก็สามารถใช้สุขภัณฑ์อันเดิมได้ แต่เลือกติดตั้ง Built in เพิ่มได้ เช่น อาจจะเพิ่มตู้ด้านข้างโถสุขภัณฑ์ ไว้เก็บของใช้สำรอง ข้อดีคือเวลาของหมดก็หยิบใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเดินออกไปด้านนอก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เหนือประตูที่ใครหลายๆคนมองข้ามไป ก็สามารถติดตั้งชั้นวางของเพิ่มได้ แต่อาจจะลำบากหน่อยสำหรับคนตัวเล็ก หรือจะเลือกวางเฟอร์นิเจอร์เหนือโถสุขภัณฑ์ ที่เราไม่ค่อยใช้งาน ให้สามารถแขวนผ้าหรือเก็บของเพิ่มได้


5.ระเบียง

ระเบียงในคอนโดเป็นอีกจุดที่หลายๆคนมองข้าม เพราะแค่ยืนได้นิดหน่อยก็พอใจแล้ว แต่ในความเป็นจริงเราต้องใช้พื้นที่ในการตากผ้า หรือทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ไม่อยากให้เลอะในห้องน้ำ ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่เราก็จะติด Condensing Unit ด้านข้าง ทำให้มีพื้นที่เหลือใช้งานไม่มาก

ซึ่งสำหรับคนที่อยู่คอนโด เราแนะนำให้ย้ายคอมเพรสเซอร์ไปไว้ด้านบน เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานด้านล่างให้กว้างมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงสมัยนี้คนเริ่มสนใจจัดพื้นที่สีเขียวในบ้านหรือคอนโดมากขึ้น ที่ช่วยฟอกอากาศได้ ซึ่งถ้าใครสนใจสามารถคลิกอ่านบทความ จัดสวนในบ้านและคอนโด พื้นที่น้อยก็ทำได้ ซึ่งก็ถือเป็นอีกไอเดียที่สามารถปรับใช้กันได้นะคะ

ส่วนราวตากผ้าให้เลือกแบบติดผนัง ที่เวลาใช้งานก็ดึงมาตากผ้า พอตากเสร็จก็พับเก็บเรียบร้อย ซึ่งเราจะทำให้เราใช้งานพื้นที่ระเบียงได้มากขึ้นนะคะ


เป็นยังไงกันบ้างคะ วีธีการเพิ่มพื้นที่เก็บของที่ใครหลายๆคนมองข้ามไป ส่วนตัวเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้มากเท่าไร เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวก็ต้องใช้อีกไม่เก็บละกัน แต่พอได้ลองมาปรับใช้กับตัวเองจริงๆ พบว่าการจัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเป็นระเบียบ ทำให้เราเก็บของได้มากขึ้น เวลาอยู่บ้านก็ไม่รู้สึกอึดอัด แถมประหยัดเวลาในการหาของ และเงินในกระเป๋าที่ไม่ต้องซื้อของเข้ามาเติมบ่อยๆ ยังไงก็ลองไปปรับใช้กันดูนะคะ

สำหรับบทความนี้ผู้เขียนหวังว่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับคนที่มีห้องรกๆ และอยากเพิ่มพื้นที่ให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ถ้าผู้อ่านคนในชื่นชอบบทความเบาๆ อ่านเพลินๆแบบนี้ สามารถคอมเมนต์บอกเรื่องที่สนใจกันได้นะคะ ^^


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving