11036889_690821427712094_2357829541606331480_n

( ภาพ: Facebook “เมืองไทยในอดีต”)

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน กรุงเทพฯ ยังเต็มไปด้วยคลอง ผู้คนอาศัยเรือในการเดินทาง มีการไปมาหาสู่ และแลกเปลี่ยนสินค้า เกิดเป็น “ตลาดเรือ” หรือ “ตลาดน้ำ” เมื่อเวลาผ่านไป คูคลองถูกแทนที่ด้วยถนนคอนกรีต เรือถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ ตลาดน้ำถูกแทนที่ด้วยตลาดบกและห้างสรรพสินค้า

11061191_690819787712258_2685529703267978032_n

( ภาพ: Facebook “เมืองไทยในอดีต”)

เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในเมืองไทย คนส่วนมากเลือกที่จะซื้อของในห้างฯ  เพราะนอกจากอากาศที่เย็นสบายแล้ว ส่วนลดและการบริการหลังการขายก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ด้วยเหตุนี้บทบาทของ “ตลาด” ในสังคมไทย จึงลดความสำคัญลงเรื่อยๆ

K8159235-10

วันนี้เราขอพาทุกท่าน ลัดเลาะกรุงชม “ตลาดเก่าแก่ในกรุงเทพฯ” ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง และแต่ละแห่งมีความสำคัญอย่างไรนั้น ตามไปอ่านกันได้เลยค่าาาา 😉

Print

1. โบ๊เบ๊

ตลาดโบ๊เบ๊

ตั้งอยู่ย่านคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงระหว่างสะพานกษัตริย์ศึกกับตลาดมหานาค เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณข้างวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ด้านริมทางรถไฟ เริ่มต้นจากตลาดค้าผ้าแบกับดิน ทำให้มีราคาถูกมาก

Screen Shot 2558-06-11 at 9.24.41 AM

ต่อมามีจำนวนพ่อค้าแม่ค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มคึกคักและเป็นที่รู้จักมากขึ้น วัดบรมนิวาส (พื้นที่บริเวณโบ๊เบ๊เป็นของวัด) ได้มอบหมายให้คนไทยเชื้อสายอิสลาม เข้ามาเป็นผู้ที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อย และจัดเก็บผลประโยชน์ให้กับทางวัด ซึ่งกิจการของตลาดโบ๊เบ๊ ก็ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงจากแบกับดินมาเป็นแผงลอย และเปลี่ยนแปลงแผงลอยมาเป็นอาคารพาณิชย์ในที่สุด

199_20120405113126.

2. สำเพ็ง

Screen Shot 2558-06-11 at 11.05.36 AM

ย่านการค้าสำคัญของประเทศไทย ตั้งอยู่ในบริเวณถ.วานิช 1 ถนนเล็กๆ ในเขตสัมพันธวงศ์ โดยก่อนหน้านี้ สำเพ็งมีประวัติศาสตร์เคียงคู่มากับการสถาปนากรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงเลยทีเดียว

หลังจากที่รัชกาลที่ 1 ทรงย้ายเมืองมาตั้งยังฝั่งพระนคร(กรุงรัตนโกสินทร์) ก็โปรดเกล้าให้ชาวจีนโยกย้ายจากบริเวณท่าเตียนไปอยู่ ณ ที่สวน ตั้งแต่คลองวัดสามปลื้มไปจนถึงคลองวัดสำเพ็ง ชาวจีนก็ได้สร้างชุมชนของตัวเอง ทั้งการสร้างย่านการค้าขาย จนเติบโตกว้างขวาง โดยส่วนมากจะอาศัยอยู่ทางใต้ของพระนคร ได้แก่ ชุมชนตลาดสะพานหัน ตลาดเก่า ตลาดสำเพ็ง ตลาดวัดเกาะ (วัดสัมพันธวงศ์) และตลาดน้อย

Sampeng-Market-China-Town-Bangkok

สำเพ็งเวลานั้นเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 4 จัดได้ว่าเป็นตลาดบกที่ใหญ่ที่สุดของพระนคร สินค้าที่นำเข้ามาขายนอกจากจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังมีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยมากเป็นข้าวของเครื่องใช้จากประเทศจีน สำเพ็งนอกจากจะเป็นตลาดใหญ่แล้ว ยังเป็นแหล่งรวมอบายมุขระดับใหญ่ของประเทศในยุคนั้น มีทั้งโรงฝิ่น บ่อนการพนัน และโรงหญิงโสเภณี (สมัยนั้นเรียก “บ้านโคมเขียว”) ซึ่งมีอยู่หลายสำนัก และด้วยเหตุที่เป็นย่านการค้าขายและแหล่งชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น มีการเปรียบเทียบภาพของสำเพ็งในยุคนั้นว่า “ไก่บินไม่ตกพื้น” เพราะหลังคาบ้านแต่ละหลังต่างเกยกัน ทำให้มีเหตุเพลิงไหม้บ่อยอยู่เป็นประจำนั่นเอง

Image

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงเล็งเห็นว่า สำเพ็งนั้นเติบโตมากเกินไปแล้ว และยังเป็นแหล่งไม่เจริญหูเจริญตา ฝรั่งหรือชาวต่างชาติที่มาเห็นต่างตำหนิติเตียน พระองค์จึงมีรับสั่งให้สร้างถนนตรงกลางสำเพ็ง เพื่อทำการขยายชุมชนและย่านการค้าให้ใหญ่โตรโหฐานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งโปรดเกล้าให้สร้างตึกแบบฝรั่ง เพื่อให้ประชาชนได้ทำการค้าขาย ถนนที่สร้างใหม่ดังกล่าว เช่น ถ.ทรงวาด และ ถ.ราชวงศ์เป็นต้น

Screen Shot 2558-06-11 at 11.05.50 AM

ถึงวันนี้สำเพ็งก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นย่านการค้าสำคัญ ที่มีสินค้าราคาถูกให้เลือกมากมาย ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากิฟช็อป ตุ๊กตา ของเล่น เครื่องเขียน เครื่องประดับ กิ๊บติดผม กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์ของใช้ในบ้าน ดอกไม้ปลอม อาหารแห้ง ที่มีน้อยจะเป็นพวกเสื้อผ้าซึ่งไม่เน้นกันเท่าใด เปิดบริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็น โดยจะปิดทำการเฉพาะช่วงสงกรานต์

e7

3. ปากคลองตลาด

pra01040955p1

ตลาดสดขนาดใหญ่ บริเวณถ.จักรเพชรยาวจนไปถึงถนนมหาราช ตั้งโอบล้อมวัดราชบูรณะ, โรงเรียนราชินีและโรงเรียนสวนกุหลาบ ประกอบไปด้วยตลาดใหญ่ถึง 5 แห่งตั้งติด ๆ กัน ปัจจุบันเน้นขายสินค้าเกษตรกรรมที่เน้นการค้าส่งผัก ผลไม้และดอกไม้สด ปากคลองตลาดติดอันดับที่ 4 (จากการจัดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาดดอกไม้ทั่วโลก) ยังเป็นตลาดกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย

post-4588-1284383952

ในสมัยอยุธยาปากคลองตลาดเป็นย่านชุมชน พบหลักฐานเป็นสิ่งปลูกสร้างทั้งวัดและป้อมปราการต่างๆ ที่ก่อสร้างขึ้นมาหลายแห่ง รอบๆ ชุมชนมีคูคลองและแม่น้ำหลายสายเข้ามาบรรจบกันจนมีลักษณะเป็นปากคลอง ต่อมาในสมัยธนบุรี เป็นจุดนัดพบของผู้คนที่สัญจรทางน้ำ มีการค้าขาย แลกเปลี่ยนสิ่งของ

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นตลาดค้าปลาขนาดใหญ่ที่ส่งตรง มาจากแม่น้ำท่าจีน (สมุทรสาคร) แล้วของที่ส่งผ่านมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา มีบันทึกว่าในในรัชสมัยของรัชกาลที่ 1 โปรดฯ ให้ขุดคลองหลายสายมาตั้งแต่เริ่มสถาปนากรุงเทพ รวมถึง “คลองตลาด” คลองเล็กข้างวัดบูรณศิริอมาตยาราม อีกทั้งในย่านไม่ไกลกันนี้ มีคลองที่ขุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2315 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เรียกว่า “คลองใน” ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้เป็นตลาดสดเน้นการค้าปลาเป็นหลักมา จนในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่โปรดฯ จะเรียกตลาดนี้ว่า “ตะพานปลา” ในระยะหนึ่ง ก็เปลี่ยนจากตลาดค้าปลาไปยังตำบลวัวลำพอง หัวลำโพง แทน ตลาดปลานี้จึงแปรสภาพเป็นตลาดสด ค้าสินค้าเกษตร อย่างผัก ผลไม้และดอกไม้สด มาจนถึงทุกวันนี้

12902279551290228014l

ปัจจุบัน ปากคลองตลาดประกอบด้วยตลาดหลัก 4 แห่งได้แก่ ตลาดองค์การตลาดเป็นของรัฐ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ตลาดยอดพิมานเป็นของเอกชน ตลาดส่งเสริมเกษตรไทยเป็นของเอกชน และตลาดพุทธยอดฟ้าเป็นของเอกชน มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ สูง 2-4 ชั้น มีการวางสินค้าต่าง ๆ และแผงลอย กันสาด กันอย่างหนาแน่น ไม่นับรวมตลาดใต้สะพานพุทธ ซึ่งขายเสื้อผ้า ของประดับ ของเล่น อื่น ๆ อีกมาก ซึ่งจะขายเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น หยุดเฉพาะวันจันทร์

IMG_9860_Cover-620x392

4. ตลาดสะพานพุทธ

p16fmkukrhf013dp3cusnj1v7h3

ในพ.ศ.2472  รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชดำริให้มีการจัดงานเฉลิมฉลองการสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานี ครบ 150 ปี โดยโปรดให้สร้างสะพานเชื่อมพระนครกับธนบุรีเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ร่วมกันรำลึกถึงโอกาสที่รัชกาลที่ 1 ทรงย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร และโปรดฯให้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 1 ไว้ที่เชิงสะพานฝั่งพระนครด้วย

Screen Shot 2558-06-11 at 11.08.28 AM

(ภาพ: Thetrippacker.com)

ปัจจุบัน สะพานพุทธนอกจากจะเป็นสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของกรุงเทพแล้ว สะพานพระพุทธยอดฟ้า ยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คน ในเวลาตั้งแต่ 18.00 น.- 23.00 น. บริเวณเชิงสะพานฝั่งพระนครจะมีตลาดนัดใหญ่มีสินค้ามากมาย โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นที่นิยมของบรรดาวัยรุ่น นอกจากนี้ยังเป็นที่ขายงานศิลปะของบรรดานักศึกษาเพาะช่างอีกด้วย สะพานพุทธ ช่วงเวลากลางวันจะเป็นท่าเรือด่วนและเรือข้ามฟาก ส่วนเวลากลางคืนตั้งแต่ 6 โมงเย็นขึ้นไปจะแปรสภาพเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ไปจนถึงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม

เสน่ห์ของตลาดสะพานพุทธแห่งนี้อยู่ที่ความเก๋าของสินค้า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นน้องๆ นักเรียน นักศึกษา กลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน ที่หลงเสน่ห์สินค้ามือสอง ที่สภาพดีและราคาถูก

IMG_0085_Cover-620x392

5. ตลาดประตูน้ำ

5903267f

สมัยราวปี พ.ศ. 2500 บริเวณประตูน้ำถือเป็นบริเวณขอบชานเมืองกรุงเทพฯ เพราะเลยออกจากตรงนี้ ก็มีแต่ทุ่งนาแล้ว จนกระทั่งตัดถนนเส้นใหม่ จากตลาดประตูน้ำ เลียบคลองแสนแสบไปจนถึงคลองตัน เรียกถนนเส้นนี้ว่า เพชรบุรีตัดใหม่ (ต่อจากถนนเพชรบุรีซึ่งเดิมทีตั้งต้นจากสะพานยมราชมาสิ้นสุดที่ประตูน้ำ)

K8159235-12

พื้นที่แถวนั้นเดิมมีคลองสำหรับล่องเรือจากแถวคลองตันมาถึงถนนราชดำเนินแถวภูเขาทอง บังเอิญกรุงเทพน้ำท่วม ก็เลยทำประตูเก็บกักและระบายน้ำที่มาจากคลองตันไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯชั้นใน ชาวบ้านก็เลยเรียกแถวนั้นว่าประตูน้ำ ซึ่งมีถนนเพชรบุรีตัดผ่าน ย่านถนนเพชรบุรีเจริญมากในสมัยก่อนเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ตั้งแต่ทางรถไฟยมราช ไปจนถึงประตูน้ำ และเลยประตูน้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ ย่านประตูน้ำมี มีร้านตัดเสื้อผ้าดัง ๆ ภัตราคารร้านอาหารดัง โรงเรียน โรงหนังดัง ๆ ซึ่งคนไปเที่ยวมาก ๆ ต่อมาได้มีการสร้างห้างสรรพสินค้าไดมารูใกล้แถวนั้นซึ่งทันสมัยมาก ตามมาด้วยห้างสรรพสินค้าอินทรา-โรงแรมอินทรามีสถานที่บันเทิงที่ทันสมัย มีผลทำให้แถวนั้นกลายเป็นแหล่งการค้าเสื้อผ้า เครื่องหนัง ที่สะดวกซื้อสะดวกขายมาก ๆ

Screen Shot 2558-06-11 at 10.55.24 AM
ห้างพันธ์ทิพย์สร้างขึ้นมาภายหลัง เป็นห้างที่เป็นแหล่งขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ศุนย์พระเครื่อง และสถานบันเทิงที่มีนักร้องระดับประเทศไปร้องประจำในพันธ์ทิพย์ ภายหลังเกิดตึกใบหยกและร้านค้าเสื้อสำเร็จรุปแถวตึกใบหยกและเป็นแหล่งค้าส่งที่ดีมาก ๆ ทำให้พ่อค้าทิ้งห้างพันธ์ทิพย์ไปค้าขายด้านตึกใบหยก ต่อมาถึงยุคคอมพิวเตอร์ การค้าขายคอมพิวเตอร์มาชุบชีวิตห้างพันธ์ทิพย์ มาเป็นพันธ์ทิพย์ในปัจจุบันนี้

505

6. พัฒน์พงศ์

713151_syBFzvlBPXqvBrjNp2WM4ofrtNWnXB5n5hGz1-MFA30

ย่านบันเทิงยามราตรีของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บนถนนพัฒน์พงศ์ซึ่งเชื่อมระหว่างถนนสีลมกับถนนสุรวงศ์ แขวงสีลม เขตบางรัก จัดเป็นย่านโคมแดงนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบไปด้วยคลับ บาร์ ตั้งอยู่บนถนนพัฒน์พงศ์ซอย 1 และพัฒน์พงศ์ซอย 2 และยังอยู่ใกล้เคียงกับถนนธนิยะ ที่เป็นย่านค้าบริการระดับสูง นอกจากชื่อในด้านธุรกิจบริการแล้ว พัฒน์พงศ์ยังเป็นย่านที่มีแผงลอยขายสินค้าในเวลากลางคืน มีชื่อเสียงเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น แผ่นซีดี ดีวีดี และสินค้าเลียนแบบ

IMG_0035

ถนนพัฒน์พงศ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมเป็นสวนกล้วยรกร้าง และครอบครองโดยกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจากชื่อตระกูลพัฒน์พงศ์พานิช ซึ่งซื้อที่ดินบริเวณนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 สร้างอาคารพาณิชย์ และตัดถนน ตั้งชื่อว่า “ซอยพัฒน์พงศ์ 1” ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 เริ่มมีไนต์คลับและสถานบันเทิงมาเปิด เพื่อรองรับทหารอเมริกันที่มารบในสงครามเวียดนาม และมีชื่อเสียงในช่วง พ.ศ. 2515-2535

Patpong
ตลาดนัดกลางคืน มีมากว่า 15 ปีแล้ว สามารถพบเห็นสินค้าที่ทำด้วยมือจากช่างฝีมือมืออาชีพ รวมไปถึงเสื้อผ้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าสตรี เสื้อฟุตบอล นาฬิกา สามารถต่อรองราคาได้จนพอใจ บางครั้งสามารถต่อรองราคาได้ถึง 50% จากราคาปกติ

patpong8b05010

7. จตุจักร

ตลาดนัดจตุจักร-ตลาดนัดของคนกรุงเทพ-2

ตลาดแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานกว่า 66 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ในสมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลมีนโยบายให้จัดตั้งตลาดนัดขึ้นในทุกจังหวัด สำหรับกรุงเทพนั้นได้เลือกสนามหลวงเป็นสถานที่จัดตลาดนัด แต่เพียงไม่ถึงปีทางราชการก็ย้ายตลาดนัด ไปอยู่ในพระราชอุทยานสราญรมย์แล้วจึงย้ายออกไปตั้งอยู่บริเวณสนามไชย และย้ายตลาดนัดกลับไปอยู่ที่สนามหลวงในปี พ.ศ. 2501

600-chatuchak2

ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ได้มีนโยบายใช้สนามหลวงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และจัดงานกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้มอบที่ดินย่านพหลโยธิน หรือที่ดินสวนจตจักรด้านทิศใต้ให้แก่ กรุงเทพฯ เพื่อใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ และกรุงเทพมหานครได้ปรับพื้นที่เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและขณะเดียวกันก็พยายามย้ายผู้ค้าจากสนามหลวงมาด้วย จนกระทั่งดำเนินการสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยใช้ชื่อว่าตลาดนัดย่านพหลโยธิน ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ตลาดนัดจตุจักร” ให้สอดคล้องกับสวนสาธารณะจตุจักรในบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน

ในปัจจุบัน ตลาดนัดสวนจตุจักรได้เปลี่ยนอำนาจการดูแลจากกรุงเทพมหานคร สู่การรถไฟไทยโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

ตลาดนัดจตุจักร-ตลาดนัดของคนกรุงเทพ-3

8. ตลาดน้ำคลองลัดมะยม

1402306008-IMG5475-o

ตลาดน้ำที่เกิดจากรวมตัวของชาวบ้านชุมชนริมคลองลัดมะยม แต่เดิมเป็นตลาดริมน้ำเล็กๆ พอให้ ชาวบ้านได้จับจ่ายใช้สอยหรือแลกเปลี่ยนข้าวของกัน มายุคหนึ่งที่การคมนาคมทางถนนมีมากขึ้น มีรถยนต์วิ่งผ่านไปมา ทำให้การค้าที่ตลาดริมน้ำแห่งนี้ หมดความสำคัญลงจนเลิกราไป ในที่สุดชาวบ้านจึงรวมตัว ให้ชุมชนได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ผลิตในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ขนมคาวหวานที่ สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และชุมชนยังได้มีกิจกรรมร่วมกันอย่างอบอุ่น

456_2659484

เมื่อชุมชนต้องการนำ เสนอกิจกรรมในคลอง ก็ต้องอนุรักษ์แม่น้ำลำคลอง เพื่อให้คูคลองสะอาดอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 20 ราย ของคลองลัดมะยมจึง เปิดตลาดน้ำคลองลัดมะยมสู่สาธารณชน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ได้รับรางวัลชุมชนท่องเที่ยวดีเด่นในกรุงเทพมหานคร จากการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทยอีกด้วย

IMG_9478_Cover-620x392-620x392

จุดเด่นของตลาดน้ำคลองลัดมะยม คือ อาหารนานาชนิดทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยว ปลาช่อนเผาเกลืออาหารขึ้นชื่อ  อาหารทะเล หมูสะเต๊ะ  ขนมจีน  ลูกชุบ ขนมไทย เฉาก๊วยโบราณ ฯลฯ  ที่มีให้เลือกรับประทานมากมายหลายชนิด  ทั้งในส่วนของตลาดน้ำแล้วที่มีเรือของ ชาวบ้านพายมาขายยังมีตลาดบก  โดยมีที่ให้นั่งทาน ทั้งแบบโต๊ะเตี้ยๆริมคลอง และแบบนั่งโต๊ะสะดวกสบายที่มีของขายอีกมากมาย

ludmayom_4_Cover-620x392

แม้ว่าบทบาททางเศรษฐกิจของตลาดจะลดลง แต่มูลค่าทาง “ประวัติศาสตร์” กลับเพิ่มขึ้น เพราะเป็นเครื่องแสดงถึงรากเหง้าและอดีตของคนไทย ปัจจุบันมีการพัฒนาตลาดหลายแห่ง โดยนำเอาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตเก่าๆ ใส่ลงไป เพื่อโปรโมตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ถือเป็นการสร้างมูลค่าให้ที่ดินแถวๆ นั้นไปในตัว