รีวิวฉบับที่ 1739 …สวัสดีครับ ยังเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการบ้านของ AP วันนี้ถึงคราวโครงการ บ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก และมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี เป็นโปรดักส์บ้านแฝด 3 ชั้น ดีไซน์ใหม่จาก AP พื้นที่ใช้สอยเยอะ 218 ตร.ม. กับส่วนกลางและพื้นที่สวนรวมกว่า 4 ไร่ ในราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท

Fact @ 19 November 2018

  • Baan Klang Muang THE EDITION Rama 9 – Krungthep Kreetha (บ้านกลางเมือง ดิเอ็ดดิชั่น พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : สะพานสูง
  • เนื้อที่โครงการ 19-2-67 ไร่ จำนวน 94 ยูนิต
  • แบบบ้าน X-TREND NEW SERIES ที่ดิน 36.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท
  • เพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 100,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ธันวาคม 2560
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ธันวาคม 2561
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 0946651645
  • Call Center : 1623

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.751485, 100.702039

แผนที่จากทางโครงการครับ

ทำเลของโครงการบ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 3901 ซึ่งเป็นถนนที่ขนานกับทางด่วนกาญจนาภิเษก สามารถเชื่อมต่อกับถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (หรือเรียกอีกชื่องหนึ่งว่าถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) เป็นถนนขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปีหน้าครับ ปัจจุบันมีการเปิดใช้แล้วบางส่วนการจราจรยังไม่หนาแน่นนัก สามารถขับรถจากโครงการไปกลับรถแล้วใช้ถนนเส้นนี้ไปยังรามคำแหงได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ถ้าถนนเส้นกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่นี้สร้างเสร็จทั้งเส้น จะทำให้สามารถเดินทางไปยังถนนศรีนครินทร์และถนนรามคำแหงได้สะดวกมากๆเลยล่ะ

นอกจากนั้นทำเลนี้ยังสามารถเข้ามอเตอร์เวย์ได้ง่าย ซึ่งเป็นทางเข้าเมืองไปยังพระราม9 และออกไปทางชลบุรีได้สะดวก เหมาะสำหรับคนที่ทำงานอยู่แถวพระราม9 หรือต้องเดินทางไปยังชลบุรีบ่อยๆ และจากโครงการยังสามารถไปยังถนนร่มเกล้าที่เป็นถนนเชื่อมต่อกับมีนบุรีไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ ซึ่งจากโครงการไปสนามบินในเวลาไม่เร่งด่วน 15 นาทีก็ถึงทางเข้า Gate แล้วครับ ส่วนทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆเลยก็คือทางด่วนวงเเหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก (ทางด่วนวงเเหวนกาญจาภิเษก) ที่ใช้เส้นทางไปยังโซนบางนาได้อีกด้วย

ทำเลนี้จะเหมาะกับการเดินทางด้วยรถยนต์มากกว่า ส่วนถ้าใครต้องเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ก็สามารถทำได้โดยการเรียกรถผ่าน Application เนื่องจากตอนนี้จะยังไม่มีรถประจำทางผ่านหน้าโครงการ อีกหนึ่งตัวเลือกคือมีสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ๆคือ Airport Rail Link สถานีบ้านทับช้าง อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 4.5 กิโลเมตรไปยังฝั่งตรงข้ามกับสถานีและเดินข้ามสะพานลอยต่อเพื่อเข้าสถานีครับ แต่ถ้าไม่อยากเดินต่อให้ขึ้นที่สถานีลาดกระบังจะใกล้กว่า ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 7 กิโลเมตร

สำหรับความอุดมสมบูรณ์จะอยู่ในระยะที่ต้องใช้รถส่วนใหญ่ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ จะมีแหล่งความอุดมสมบูรณ์สำหรับหาของกินแบ่งเป็น 3 โซนใกล้ๆ โซนแรกที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บนถนนพัฒนาชนบท 3 จะมีร้านอาหารประเภทร้านสเต็ก, ร้านบะหมี่หมูแดง, ข้าวมันไก่, ร้านอาหารอีสานหลายร้าน และตลาดขนาดไม่ใหญ่อยู่ 2 จุด มีร้านสะดวกซื้ออยู่บ้าง เช่น 7-Eleven (ในซอยนี้มีถึง 3 แห่ง) และ Tesco Lotus Express เป็นต้น ในปัจจุบันมีร้านค้าเข้ามาเปิดมากขึ้นเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาดูการแสดงที่ Vanessa Cabaret เป็นจำนวนมาก แต่ของกินแถวนี้ก็ยังมีไม่มากนัก

ส่วนใหญ่คนแถวนี้จึงมักไปโซนเคหะร่มเกล้ากันครับ แถวเคหะร่มเกล้าจะมีตลาดสดขนาดใหญ่คือตลาดเกรียงไกร และเลยไปหน่อยก็จะเจอกับ Big C Market ตรงนี้มีธนาคารหลายสาขา และร้านอาหารอย่าง KFC, Pizza Hut, สเต็กลุงใหญ่ อยู่ด้วยครับ ระหว่างเส้นทางก็มีร้านอาหารอยู่ประปรายตลอดทั้งเส้น

อีกฝั่งมีสวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สามารถมาวิ่งออกกำลังกายได้ไม่ไกลจากโครงการเลย ถัดไปสองข้างทางจะมีร้านบุฟเฟ่ต์ประเภทชาบู ปิ้งย่างราคาไม่แพงอยู่หลายร้านเลย วิ่งที่สวนเสร็จแล้วก็แวะทานก็ได้เลย ส่วนโซนที่สามเป็นโซนถนนร่มเกล้า ซึ่งตลอด 2 ข้างทางก็มีร้านอาหาร เช่น Burger King, วราภรณ์ซาลาเปา, หมูกะทะ เป็นต้น และมีตลาดเปิดใหม่อย่าง Runway 3119 เป็นตลาดนัดเครื่องบินครับ ตลาดนัดรถไฟเราคงคุ้นชินกันแล้วลองแวะมาตลาดเครื่องบินที่อยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิกันบ้าง

นอกจากเรื่องของกินแล้ว แถวนี้ยังมีสถานศึกษาอย่าง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า, โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า อยู่บริเวณถนนร่มเกล้า ถ้าเลยไปหน่อยก็จะถึงสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง หรือถ้าไปยังโซนฝั่งกรุงเทพกรีฑาก็จะมีโรงเรียนนานาชาติ และเป็นทางไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วย เรื่องของสุขภาพในทำเลนี้สามารถไปยังโรงพยาบาลรามคำแหง, โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 7 ได้สะดวกครับ

เส้นทางการใช้ทางพิเศษต่างๆ ถ้าต้องการเข้าเมืองไปทางพระราม 9 ซึ่ง Google map จะบอกให้เรามาทางนี้ครับ ต้องย้อนกลับมาตามเส้นคู่ขนานมอเตอร์เวย์ เพื่อมาขึ้นทางพิเศษศรีรัช แต่ผมมีทางที่ง่ายกว่านี้ครับเราไปดูแผนที่ต่อไปกันเลยดีกว่า

สำหรับคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะไปทางบางนา หรือไปทางพระราม 9 มักจะใช้เส้นทางนี้มากกว่า เพราะสะดวกและไม่ต้องกลับรถอันตรายหลายรอบ ถึงแม้จะดูอ้อมหน่อยแต่ปลอดภัยครับ เมื่อขับมาตามเส้นทางแล้วไปกลับรถกลับมา เราจะสามารถเลือกได้ว่าจะเลี้ยวซ้ายขึ้นวงแหวนกาญจนาไปทางบางนา หรือจะตรงไปเพื่อไปทางพระราม 9 และไปต่อทางพิเศษศรีรัชได้ครับ

ส่วนเส้นทางด้านบนก็สามารถไปขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกเพื่อไปทางรามอินทราได้ที่บริเวณถนนรามคำแหงครับ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 8 km.

การเดินทาในวันนี้เราเริ่มต้นกันโดยมาจากทางพระราม9 มุ่งหน้าไปทางชลบุรีโดยใช้ถนนกรุงเทพ-ชลบุรี (สายใหม่) และทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเทพกรีฑา (ตัดใหม่) แล้วไปกลับรถเพื่อเปลี่ยนเลนไปฝั่งตรงข้าม ขับตรงไปอีกหน่อยก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ

เริ่มต้นการเดินทางที่ The Nine พระราม 9 โดยใช้เส้นทางมาจากพระราม 9 มุ่งหน้าไปทางถนนกรุงเทพ-ชลบุรี (สายใหม่) หรือมอเตอร์เวย์

ขับตรงไปตลอดตามป้ายบอกทางถนนศรีนครินทร์-ชลบุรี แล้วจึงเริ่มเข้าสู่ทางพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (สายใหม่)

สังเกตป้ายบอกทางออก ถนนกรุงเทพกรีฑา ให้เบี่ยงซ้ายออกเพื่อวิ่งต่อบนทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์

ขับตรงต่อไปตามทางเรื่อยๆ อีกประมาณ 6.3 km.

สังเกตป้ายบอกทางจุดกลับรถ ถนนร่มเกล้า ลาดกระบัง บริเวณหน้าเซเว่น ให้เตรียมตัวเบี่ยงขวาเพื่อกลับรถก่อนขึ้นสะพาน

กลับรถใต้สะพาน เพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปยังถนนฝั่งตรงข้าม ซึ่งตรงนี้กำลังทำทางอยู่ผิวถนนอาจจะขรุขระเส้นทางไม่สะดวกเท่าที่ควร ในอนาคตเมื่อแล้วเสร็จทางจะดีขึ้นครับ

กลับรถอีกครั้งแบบโค้งหักศอก เพื่อวิ่งตรงต่อไปยังทางถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า จุดตรงนี้ค่อนข้างอันตราย ต้องระมัดระวังกันด้วยนะครับ ถ้าเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วนของวันอย่างตอนเช้า 8.00-9.00 น. รถจะค่อนข้างเยอะแนะนำให้ไปกลับรถภายในซอยจะดีกว่าครับ

เมื่อกลับรถสำเร็จแล้ว ให้ขับตรงต่อไปขึ้นมาบนสะพาน และเมื่อลงสะพานมาก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวเข้าไปได้เลย ซึ่งทางเข้าจะเป็นทางเข้าร่วมกับของ 3 โครงการบ้านของ AP

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบของโครงการเป็นชุมชนพักอาศัยแนวราบที่ค่อนข้างเงียบสงบ สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ ซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1 – 3 และที่ว่าง
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1 และโครงการ Pleno ทาวน์โฮม 2 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับ โครงการบ้านกลางเมือง พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ทาวน์โฮม 3 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ซอยกาญจนาภิเษก 23 (ทางเข้าโครงการจากทางคู่ขนานวงแหวนกาญจนา)

มาเดินดูรอบๆโครงการกันครับ เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าโครงการติดถนนทางคู่ขนานวงแหวนกาญจนา ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างกันอยู่ จะแล้วเสร็จประมาณต้นปีหน้า ซึ่งจะทำให้การสัญจรสะดวกและน่าใช้งานมากขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ทางด้านซ้ายเป็นทางไปลาดกระบัง สุวรรณภูมิ ชลบุรี หรือจะวนกลับเข้าเมืองไปพระราม 9 ก็ได้ครับ

ส่วนทางด้านขวาจะไปร่มเกล้า รามคำแหง และรามอินทราก็สะดวก

ด้านหน้าทางเข้าโครงการจะเป็นซุ้มประตูลายหินอ่อนสีขาวสำหรับโครงการบ้านพักอาศัยทั้ง 3 โครงของ AP ประกอบด้วย โครงการบ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา, โครงการบ้านกลางเมือง พระราม9-กรุงเทพกรีฑา และโครงการ Pleno พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ซึ่งทั้ง 3 โครงจะใช้ทางเข้าร่วมกันครับ

ถนนภายในนี้คือซอยกาญจนาภิเษก 23 ซึ่งเป็นถนนทางเข้าหลัก โดยทาง AP ได้จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และเปิดให้คนภายนอกสามารถสัญจรผ่านเพื่อไปเชื่อมต่อกับถนนซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1 ทางด้านหลังได้ครับ ซึ่งถนนเส้นนี้จะมีสะพานข้ามคลองทับช้างบนด้วย

เมื่อลงสะพานมาก็จะเจอกับวงเวียนน้ำพุ ซึ่งอยู่ด้านหน้าซุ้มประตูทางเข้าของโครงการทั้ง 2 ประกอบด้วย ทางด้านซ้ายคือบ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ส่วนทางด้านขวาคือโครงการบ้านกลางเมือง พระราม9-กรุงเทพกรีฑาครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Heathfield International School – 7.3  กิโลเมตร
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า – 9.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลรามคำแหง – 12 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ – 12.7 กิโลเมตร
  • The Promanade – 13.8 กิโลเมตร
  • Fashion Island – 14 กิโลเมตร
  • The Nine – 15.6 กิโลเมตร
  • Brighton college International School – 15.7  กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระราม9 – 18.9 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูในส่วนของผังโครงการกันบ้างครับ โครงการ บ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้านแฝดจำนวน 94 ยูนิต ออกแบบด้วยแนวคิด Sensation of the Moment คือคำนึงถึงการพักผ่อนและผ่อนคลาย ด้วยบรรยากาศสระน้ำกับพื้นที่สวนทีเขียวขนาดใหญ่มากกว่า 4 ไร่ โดยมีอาคาร Clubhouse ประกอบด้วย Fitness สระว่ายน้ำ และ New Community Hub เป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อกับสวนและสระน้ำยาวต่อเนื่องกันตลอดบริเวณด้านหน้าเปรียบเสมือนส่วนต้อนรับ แล้วยังทำให้บ้านหลายยูนิตที่อยู่รายล้อมยังได้วิวพื้นที่สวนขนาดใหญ่อีกด้วย

นอกจากนี้สวนยังมีการออกแบบโดยใช้หลัก Universal Design คือการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องใช้รถเข็น จึงมีทางลาดให้ในหลายๆ จุดของพื้นที่สวนส่วนกลาง ซึ่งประกอบด้วย Jogging Track สนามเด็กเล่น และเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง อีกหนึ่งไฮไลท์คือสวนขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายของผังโครงการ จะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับสวนของโครงการบ้านกลางเมืองที่อยู่ข้างเคียง ทำให้ดูแล้วจะได้เป็นพื้นที่สวนรวมขนาดใหญ่เลยทีเดียวครีบ

เริ่มที่ซุ้มประตูทางเข้าออกแบบเรียบง่ายสไตล์ Modern โดยใช้หินอ่อนสีขาวดูเรียบหรู ตัดกับกระจกสีดำและสวนสีเขียวสวยงามดีครับ

ทางเข้าแบ่งออกเป็น 2 ทางชัดเจนโดยมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลางคอยดูแลตลอด 24 ชม. โดยประตูเป็นแบบรั้วเลื่อนไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่ง

ทางด้านซ้ายจะมีประตูทางเข้าคนเดินอยู่ ส่วนทางด้านขวาประตูจะใช้ระบบ Easy pass คือไม่ต้องเปิดกระจกออกมาแตะบัตรเวลาแดดร้อนหรือฝนตก สะดวกดีครับ แต่ระบบนี้ต้องระวังปัญหาเรื่องบางทีเครื่องจะอ่านไม่ได้เพราะรถบางคันติดฟิมล์หนาเกินไปก็มีให้เห็นมาแล้วหลายโครงการ

มีระบบกล้อง CCTV คอยตรวจจับทั้งหน้าคนขับและทะเบียบรถด้านล่างเพื่อความปลอดภัย รวมถึงภายในโครงการก็ยังมีกล้องอยู่อีกกว่า 16 ตัวด้วยครับ

เมื่อเข้ามาภายในโครงการจะเจอกับบ้านตัวอย่างและ Sale Gallery อยู่ทางด้านซ้าย และพื้นที่สวนสีเขียวส่วนกลางอยู่ทางด้านขวา ถนนหลักค่อนข้างกว้างครับ ประมาณ 12 m. สามารถสัญจรได้สะดวก

เรามาดูพื้นที่สวนสีเขียวที่อยู่ตรงกลางกันก่อนนะว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งตอนนี้หน้างานได้ลงต้นไม้และจัดสวนให้ได้ชมแล้วอย่างสวยงาม

อย่างที่บอกว่าจุดเด่นของสวนคือทางลาดสำหรับรถเข็นของผู้พิการหรือผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีอยู่ทุกจุดและสามารถเข็นรถไปได้ยาวตลอดทั้งสวน เป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design ทำให้คนทุกวัยสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางนี้ร่วมกันได้อย่างเต็มที่

พื้นที่สนามเด็กเล่นจะมีบางส่วนที่ปูพื้นยางช่วยลดการบาดเจ็บจากการหกล้มของเด็กๆหรือผู้สูงอายุได้ดีเลยครับ

มีพื้นที่เล่นระดับสามารถมานั่งพักผ่อนชมสวนได้ ซึ่งก็มีการปลูกไม้ยืนต้นเอาไว้แล้ว ในอนาคตเมื่อต้นไม้เติบโตจะให้ร่มเงาและสามารถมาใช้งานได้จริงครับ

อีกด้านมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งที่อยู่ใต้ร่มไม้อีกเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่เบื่อการออกกำลังกายในห้องแอร์ก็สามารถมาออกกลางแจ้งในสวนนี้ได้เลยครับ

ส่วนปลายสุดของสวนทำเป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อเชื่อมต่อกับสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางได้ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคาร Clubhouse ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ ภายในจะประกอบด้วยสระว่ายน้ำ Fitness และ New Community Hub ที่จะเป็นแบบกึ่งๆ Lobby พื้นที่อเนกประสงค์ไว้นั่งพักผ่อน พบปะสังสรรค์ รับรองแขก หรือชมวิวได้ครับ

ซึ่งหน้าตาของอาคาร Clubhouse ก็จะเป็นทรง Modern สอดคล้องกับแบบบ้านของโครงการแบบนี้ มีความสวยงาม เรียบง่าย น่าใช้งาน

ปิดท้ายด้วยภาพอีกสักมุมหนึ่งจากทางฝั่ง Clubhouse ที่จะมองออกไปเห็นสระน้ำและสวนสีเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้แบบนี้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Clubhouse
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5.5 x 12.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • สวนสาธารณะ 4 ไร่
  • สระน้ำขนาดใหญ่
  • New Community Hub (Lobby)
  • Parking area
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
  • Key Card Access ระยะไกล
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.


Product Walkthrough

แบบบ้านของโครงการมีแค่แบบเดียวครับ คือ X-TREND NEW SERIES ขนาดที่ดิน 36.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ เน้นฟังก์ชันและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งพื้นที่ส่วนรวมขนาดใหญ่และพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง จะเป็นอย่างไรเราลองไปดูแปลนบ้านกันต่อเลยครับ

สำหรับแปลนชั้น 1 บริเวณด้านหน้าสามารถจอดรถได้ 3 คัน มีประตูทางเข้าบ้านแค่ทางเดียวไม่มีเฉลียงหน้าบ้านที่เข้าได้จากทางห้องรับแขก แต่จะมีระเบียงข้างบ้านไว้นั่งชมสวนได้แทน ภายในบ้านชั้นแรกจะเน้นพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยพื้นที่ห้องนั่งเล่นและพื้นที่โต๊ะทานอาหาร ครัวที่ได้เป็นครัวเปิด มีห้องเก็บของใต้บันได และมีลานซักล้างด้านหลังที่สามารถปรับเป็นครัวไทยได้ อีกด้านหนึ่งของบ้านจะมีห้องอเนกประสงค์บริเวณหน้าบ้านและอยู่ติดกับห้องน้ำที่ภายในจะมีส่วนอาบน้ำให้ด้วยครับ ส่วนบันไดทางขึ้นชั้น 2 จะอยู่บริเวณกลางบ้านเลย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีฟังก์ชันหลักๆแค่ 2 อย่างคือ Multiplied Extra Space ที่สามารถใช้งานเป็นพื้นที่อเนกประสงค์หรือใช้เป็น Family area แบบส่วนตัวที่ชั้นบนได้ นอกจากนี้ยังมี Grand Master Bedroom ซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งหมดของชั้น มีทั้งระเบียงและมีห้องน้ำขนาดใหญ่ ภายในมีฟังก์ชันอ่างอาบน้ำให้ด้วย

ชั้นสุดท้ายคือชั้น 3 จะมีห้อง Master Bedroom 2 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะเน้นพื้นที่ใช้สอยและการใช้งาน สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ และมีห้องน้ำในตัว ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการใช้งานของแต่ละห้องมากขึ้นครับ

มาดูบ้านตัวอย่างกันครับ โดยบ้านของโครงการ บ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้านแฝด 3 ชั้น ออกแบบสไตล์ Modern ใช้สีแบบ Earth tone และตกแต่ง Facade ด้วยผนังลายหินนำเข้าจากต่างประเทศ ถ้าสังเกตดีๆ บ้านแฝดทั้ง 2 หลังจะมีจุดแตกต่างกันเล็กน้อยตรงผนังลายหินชั้น 2 ที่มีการสลับตำแหน่งกัน ซึ่งแบบบ้านของโครงการนี้มีการดีไซน์ใหม่ต่างจากโครงการเดิมตรงที่มีความเป็น Modern มากขึ้น หลังคาไม่ใช้เป็นทรงจั่วแบบเดิมอีกต่อไป และฟังก์ชันภายในจะยังคงเหมือนเดิม แต่จะมีในเรื่องการนำเทคโนเลยีใหม่ Smart Mirror มาใช้กับโครงการนี้ แต่จะไม่ได้ในส่วนของระบบสัญญาณกันขโมยภายในบ้านแทนครับ

ผมถ่ายภาพบ้านจริงเพื่อจะให้ดูประตูและพื้นที่จอดรถมาฝากกันด้วยนะ รั้วประตูเป็นเหล็กสีดำแบบนี้ เป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอนทางด้านซ้าย และแบบบานเฟี้ยมทางด้านขวา

พื้นที่จอดรถด้านหน้าสามารถจอดได้มากถึง 3 คัน พื้นเป็นคอนกรีต Slab on Ground ซึ่งจะเป็นคนละโครงสร้างกันของบ้านและพื้นจอดรถ

ทางด้านซ้ายจะมีพื้นหญ้าซึ่งโครงการปูไว้ให้แบบนี้อยู่ทางหน้าบ้าน เอาไว้ปลูกต้นไม้ทำสวนเล็กๆได้ครับ

ส่วนข้างบ้านและหลังบ้านทางโครงการก็จะปูพื้นหญ้าไว้ให้โดยรอบ เหมือนแบบบ้านมาตรฐานนี้ที่ผมถ่ายมาให้ดูครับ

เฉลียงข้างบ้านมี Detail เล็กๆที่ผมถ่ายมาให้ดูด้วย คือจะมีรางระบายน้ำที่จะโรยหินพร้อมซ่อนท่อระบายน้ำเล็กๆ เอาไว้ให้ด้วยแบบนี้ ส่วนเฉลียงนี้ก็กว้าง 1.2 m. สามารถนำโต๊ะสนามเล็กๆมาวางไว้นั่งเล่นชมสวนข้างบ้านได้ครับ

ทางเข้าหลักทางด้านหน้าบ้านจะยกพื้นเป็นระเบียงด้านหน้าขึ้น 12.5 ซม. มีขนาด 1.5 x 0.9 m. มีทางเข้าตัวบ้านเป็นประตูไม้สำเร็จรูป HDF สีเทา พร้อม Digital Door Lock ของ Samsung และประตูยังสามารถเปิดขยายบานเล็กด้านข้างเพิ่มได้อีกประมาณ 30 cm. ทำให้เปิดได้กว้างมากขึ้นครับ

Digital Door Lock ของ Samsung ตัวนี้นอกจากจะใช้รหัสผ่านและแตะ Key Card Access แล้ว ยังรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ ระบบ Home Automation และมี Sensor ตรวจวัดอุณหภูมิที่คอย Alarm เตือนภัยเวลาเกิดเหตุไฟไหมได้ครับ

เมื่อเข้าประตูมาเราจะยังไม่เจอห้องอะไรนะ แต่จะเจอบันไดทางขึ้นชั้น 2 และพื้นที่โถงทางเดินหน้าประตูเล็กน้อยที่ทำหน้าที่เหมือนเป็น Foyer ช่วยทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ Common area ส่วนต่างๆของตัวบ้านได้ครับ

หันมาด้านขวาเราจะเจอกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ คือมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นอยู่รวมกับพื้นที่โต๊ะทานอาหาร ทำให้เกิดพื้นที่เชื่อมต่อถึงกัน เกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างคนในครอบครัว และให้ความรู้สึกโปร่งโล่งไม่อึดอัด พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ และมีฝ้าสูง 2.6 m.

มาเริ่มกันที่พื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นส่วนแรก มีช่องแสงอยู่ถึง 2 ด้าน ทำให้เวลานั่งดูทีวีไปก็สามารถ Take View ภายนอก หรือจะดูได้ว่าใครมาหาหน้าบ้านก็ได้นะ

ระยะดูทีวี เอาจริงๆมีเหลือเฟือเลย แล้วแต่ว่าเราอยากดูทีวีจอใหญ่แค่ไหนก็ให้ถอยโซฟาออกไปตามนั้น แต่จากบ้านตัวอย่างนี้จะแบ่งฟังก์ชันออกเป็นอย่างละครึ่งกำลังดี ซึ่งจะทำให้มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ

ติดกันทางด้านหลังโซฟาเป็นโต๊ะทานอาหาร สามารถใช้โต๊ะขนาดใหญ่ 6 – 8 ที่นั่งได้แบบนี้ ซึ่งผมค่อนข้างชอบมากตรงที่ผนัง 2 ด้านเป็นกระจก และเราสามารถใช้โต๊ะนี้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ก็ได้ นั่งทำงานหรือทานข้าวไปก็ดูวิวสวนข้างนอกไป หรือดูทีวีไปได้ด้วยเลยครับ

ประตูนี้สามารถเปิดออกไปเฉลียงข้างบ้านได้นะ เหมือนที่พาไปดูมาแล้วก่อนหน้านี้ และบานกรอบของประตูหน้าต่างกระจกทั้งหมดของบ้านจะเป็นของ SCG ที่มีการ Seal ค่อนข้างดี ช่วยป้องกันเสียงจากภายนอกได้ถึง 80% กระจกเขียวตัดแสงและช่วยกันความร้อน มีตัวล็อคแบบ 2 ชั้น และมีแถบผ้ากำมะหยี่ช่วยป้องกันฝุ่นและแมลงให้โดยรอบทั้ง 4 ด้านเลยครับ

ส่วนอีกฝั่งของห้องจะมีห้องอเนกประสงค์ ห้องน้ำ ห้องครัว และบันไดทางขึ้นชั้นบนของตัวบ้านครับ

เริ่มที่พื้นที่ครัวทางด้านขวา จะมีประตูที่สามารถเปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้านได้ด้วยครับ

ลานซักล้างจะปูพื้นไว้ให้แบบนี้ โครงสร้างเป็น Slab on Ground เช่นเดียวกับพื้นที่จอดรถ ซึ่งสามารถต่อเติมเป็นครัวไทยด้านนอกได้ ในบ้านจริงจะมีแท้งค์น้ำขนาดใหญ่วางไว้หลังบ้านเหมือภาพที่พาไปดูบ้านจริงก่อนหน้านี้ ส่วนถ้าใครจะทำครัวเพิ่มหรือต้องการออกมาใช้พื้นที่ลานซักล้างนี้จริงจังก็อาจต้องทำหลังคาหรือกันสาดเพิ่มเติมเพื่อบังแดดบังฝนจะดีครับ

กลับมาที่ห้องครัวด้านใน เป็นพื้นที่ครัวเปิดแต่ก็มีระยะที่จะสามารถกั้นเป็นครัวปิดเพื่อทำอาหารจริงจังได้ โดยห้องนี้จะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ทางโครงการไม่ได้ Built ตู้หรือเคาน์เตอร์ครัวแบบนี้มาให้หรอกนะ แต่จะมีการต่อท่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้ และเราสามารถดูได้เป็นไอเดียได้

พื้นที่ทำครัว เมื่อ Built เคาน์เตอร์ไปแล้วจะมีพื้นที่เหลือประมาณ 1.35 m. สามารถใช้งานครัวได้สะดวก

จุดที่ผมชอบคือมีช่องหน้าต่างบานเลื่อนบนเคาน์เตอร์ครัวที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในและสามารถเปิดระบายอากาศ หรือเปิดเพื่อรับ-ส่งของจากด้านนอกได้โดยไม่ต้องอ้อมผ่านประตูให้เสียเวลาครับ

ทางด้านซ้ายของครัวจะมีห้องเก็บของ ภายในมีพื้นที่ประมาณ 2.7 x 0.75 m. สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆได้สบายเลยครับ

ส่วนทางด้านซ้ายของบันไดเป็น Foyer หรือโถงทางเดินหน้าประตูทางเข้าเล็กๆ กว้าง 1.35 m. สามารถเดินเชื่อมไปยังห้องอเนกประสงค์และห้องน้ำได้สะดวก

ภายในห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างของบ้านตัวอย่างจัดไว้เป็นห้องนอน ซึ่งก็สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ชิดริมหน้าต่างของห้องได้แบบนี้ โดยยังมีพื้นที่รอบเตียงที่เหลือสามารถใช้งานได้สะดวก แต่เราสามารถจัดสรรห้องนี้ให้เป็นห้องอื่นๆได้ตามต้องการ เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนัง หรือห้องนอนผู้สูงอายุ เป็นต้น

ปลายเตียงเป็นผนังทึบ สามารถติดทีวีแขวนผนังได้

ส่วนทางด้านขวาของเตียงจะมีช่องเว้าเข้าไปขนาดประมาณ 1.75 x 0.65 m. ถ้าเป็นห้องนอนก็สามารถ Built เป็นตู้เสื้อผ้าได้ หรือจะทำเป็นชั้นวางของหรือตู้เก็บของตามแต่ที่ห้องนั้นๆจะเป็นอะไรก็ได้ครับ

ติดกันเป็นห้องน้ำ ภายในเราจะได้ทุกอย่างตามนนี้ยกเว้นอุปกรณ์ตกแต่งนะ

พื้นที่ส่วนแห้งจะเป็นรูปตัว L กว้างด้านละประมาณ 90 cm. สามารถใช้งานได้แบบพอดีตัว ซึ่งก็อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ยังต้องใช้รถเข็นสักเท่าไหร่นะครับ เนื่องจากมีพื้นต่างระดับ แต่พื้นเป็นกระเบื้องได้แบบด้านกันลื่น ช่วยป้องกันเวลาพื้นเปียกน้ำได้ดี

อ่างล้างหน้าของ Cotto ขนาดประมาณ 45 x 55 cm. และก๊อกน้ำของ Prema แบบก้านโยกใช้งานสะดวก มีที่วางสบู่ที่ขอบด้านหลังเล็กน้อย พร้อมกระจกเงาบานเล็ก และที่แขวนผ้าเช็ดหน้าที่ผนัง

ติดกันมีโถสุขภัณฑ์ของ Cotto อีกเช่นกัน มีสายฉีดชำระ พร้อมที่แขวนกระดาษชำระติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 80 x 90 cm. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ ซึ่งทางโครงการจะลดระดับพื้นลงไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ถ้าใครอยากแยกฟังก์ชันให้ชัดเจนหรือไม่อยากให้ห้องเปียกทั้งหมด สามารถติดฉากกั้นหรือจะติดม่านพลาสติกเพิ่มได้ครับ

ติดตั้ง Hand Shower หัวฝักบัวขนาดไม่ใหญ่มาก ก๊อกน้ำแบบก้านโยกสามารถปรับความแรงของสายน้ำได้ และด้านบนมี Junction box ไว้ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นได้อีกด้วย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า และพัดลมดูดอากาศอย่างละ 1 จุด อีกอย่างคือห้องนี้จะอยู่ใต้บันได ทำให้มีเพดานบางช่วงมีการลดระดับลงมาเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างปกติครับ

สำหรับบันไดทางขึ้นชั้น 2 จะมีขนาดลูกตั้ง 19 cm. และลูกนอน 25 cm. พื้นผิว Top ด้านหน้าเป็นไม้จริงสีแบบนี้ บันไดเป็นรูปตัว U และมีชานพักขนาด 1 x 1 m. อยู่ถึง 2 ขั้น ทำให้สามารถเดินขึ้นบันไดได้สะดวกขึ้น ส่วนตรงชานพักชั้น 2 นี้จะมีหน้าต่างบาน Fix ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้โถงบันไดสว่าง

เมื่อขึ้นมาบนชั้น 2 จะเจอกับโถงบันไดซึ่งมีหน้าต่างบานกระจกเลื่อนช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาที่โถงชั้น 2 นี้ ซึ่งพื้นจะเปลี่ยนจากพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นพื้นไม้ลามิเนตสีแบบนี้ ทางด้านขวาเป็นประตูห้อง Grand Master Bedroom ส่วนทางด้านซ้ายเป็น Multiplied Extra Space

Multiplied Extra Space คือพื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบนที่เราสามารถจัดสรรได้ตาม Lifestyle ของแต่ละคน ซึ่งบางโครงการอาจเรียกพื้นที่ส่วนนี้ว่า Family area โดยการที่อยู่บนชั้น 2 แบบนี้จะทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

ขนาดพื้นที่ของ Multiplied Extra Space ประมาณ 2.1 x 2.2 m. ซึ่งห้องตัวอย่างจะจัดเป็นพื้นที่โชว์ Accessories หรือเราอาจเลียนแบบฟังก์ชันแบบนี้แต่จัดเป็นตู้หนังสือ แล้วตั้ง Arm Chair ไว้นั่งอ่านหนังสือตรงกลางได้ครับ

ถัดมาเป็นห้องนอน ซึ่งห้องนี้ถูกเรียกว่า Grand Master Bedroom นั่นเป็นเพราะพื้นที่เกือบทั้งชั้นจะกลายเป็นพื้นที่ของห้องนี้ จากด้านหน้าไปถึงด้านหลังมีความกว้างถึง 7.85 m. พื้นที่ค่อนข้างยืดหยุ่น ซึ่งเราจะจัดสรรยังไงก็ได้แล้วแต่เราเลยครับ ส่วนผนังทึบช่วงกลางห้องมีข้อดีคือช่วยบังสายตาจากบ้านข้างๆ ได้เป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น หรือจะวางโต๊ะ Built ตู้ตรงไหนก็ได้ง่ายกว่าครับเวลามีช่องแสงแล้วต้องกะระยะอะไรหลายๆอย่างให้พอดีครับ

มุมซ้ายของห้องเป็นส่วนที่ผมค่อนข้างชอบมาก มีพื้นที่ขนาดใหญ่จนสามารถวางโซฟาตัวยาวขนาดนี้ติดข้างหน้าต่างได้ เหมาะสำหรับเป็นมุมนั่งพักผ่อนหรืออ่านหนังสือได้ดีทีเดียว

ส่วนอีกด้านของห้องจะถูก Built in กั้นห้องส่วนหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าและพื้นที่ Walk in closet ซึ่งของจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ทำให้มีความโปร่งโล่งมากกว่านี้ครับ

มาดูตัวอย่างพื้นที่ที่โครงการจัดมาให้ดูกันดีกว่าครับ ซึ่งเราอาจนำมาเป็นไอดีในการแต่งห้องเลียนแบบได้นะ เพราะห้องนี้มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งการแบ่งพื้นที่แบบนี้จะทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ทางด้านซ้ายของห้องจะมีระเบียงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้าพอดี ผมมองว่าเป็นฟังก์ชันที่ดีนะ เพราะเราจะได้แสงธรรมชาติจากประตูกระกระจกบานเลื่อน ทำให้การแต่งตัวหน้าตู้ทำได้สะดวกยิ่งขึ้น

ประตูระเบียงเมื่อเปิดออกมาด้านนอกจะมีระเบียงเล็กๆขนาดประมาณ 2.2 x 0.6 m. พอแค่ออกไปยืนสูดอากาศได้  และมีราวระเบียงสูง 90 cm.

กลับมาที่ด้านในห้องทางฝั่งขวามีการจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหน้าห้องน้ำ และมีห้องน้ำขนาดใหญ่เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องกัน

ภายในห้องน้ำ Grand Master Bedroom ค่อนข้างกว้างขวางมาก โดยเราจะได้ของทั้งหมดนี้เลยยกเว้นของตกแต่ง ที่สำคัญคือมีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมแตกต่างจากโครงการอื่นๆด้วย จะเป็นอะไรตามไปดูกัน

พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.25 m. ปูด้วยกระเบื้องผิวด้านกันลื่นเช่นเคย สามารถใช้งานได้สะดวก

อ่างล้างหน้าก็ยังเป็นของ Cotto เพิ่มการ Built ตู้ด้านล่างทำให้เก็บงานได้เรียบร้อยและวางของเล็กๆน้อยๆได้อีกหน่อยครับ ส่วนขอบผนังด้านหลังอ่างกว้าง 10 cm. สามารถวางของได้ทั้งแถบเช่นกัน

Smart Mirror เป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามาสำหรับโครงการนี้ มีฟังก์ชันสามารถฟังเพลงจากบูธูท ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ และเปิด-ปิด ไฟส่องสว่างรอบกระจกได้อีกด้วย

ทางด้านซ้ายของห้องมีโถสุขภัณฑ์ของ Cotto ตั้งอยู่ พร้อมทั้งสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระมาให้พร้อมใช้งาน โดยที่ด้านข้างของโถสุขภัณฑ์จะกว้างประมาณ 30 cm. ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกไม่อึดอัดครับ

ติดกันเป็นพื้นที่อาบน้ำขนาด 1 x 1.3 m. สามารถใช้งานได้สะดวก โดยที่ทางโครงการจะติดตั้งฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้ ซึ่งประตูออกแบบที่จับสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวได้ และเปิดบานสวิงเข้าไปด้านในซึ่งดีเพราะหยดน้ำที่เกาะอยู่จะได้ไม่หยดออกมาเลอะด้านนอก แต่เวลาเปิดประตูต้องระวังที่จับไปกระแทกกับกระจกด้วยนะครับ เพราะไม่ได้ติด Stopper ป้องกันการประแทกมาให้ อีกอย่างหนึ่งที่ชอบคือหน้าต่างบานกระทุ้งที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา ทำให้ห้องสว่างแล้วยังช่วยระบายอากาศได้ดี ทำให้ห้องน้ำนี้ถูกสุขลักษณะที่ดีอีกด้วย

สำหรับ Hand Shower ที่ให้ของห้องนี้จะไม่มี Junction box ไว้ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วนะครับ เพราะมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนและเดินท่อน้ำร้อนแบบฝังท่อในผนังเอาไว้เรียบร้อย ก๊อกน้ำแบบก้านโยกของห้องนี้จึงสามารถผสมอุณภูมิน้ำได้ตามต้องการ หัวฝักบัวขนาดไม่ใหญ่มากเท่าเดิม เพิ่มเติมต่อมีที่วางสบู่เล็กๆมาให้ แต่ถ้าใครวางของไม่พอก็สามารถติดชั้นวางของเพิ่มเติมได้นะครับ ส่วนอีกภาพผมมี Detail เล็กๆมาฝากคือ สายฝักบัวมีการหุ้มยางพลาสติกมาให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเกาะ ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น

ฝั่งตรงข้ามเป็นอ่างอาบน้ำของ Cotto ขนาดประมาณ 74 x 170 cm. ตัวนี้ผมไม่ได้ลงไปเทสนอนลงให้ดูเหมือนทุกครั้งนะเพราะมันมีน้ำ แต่จากขนาดก็สามารถบอกได้ว่าสามารถลงไปนอนได้ทั้งตัว ข้อเสียของส่วนนี้คือไม่ค่อยมีพื้นที่ขอบปูนให้ได้วางของสักเท่าไหร่ ต้องวางตรงขอบอ่างสีขาวแบบบ้านตัวอย่างแทนครับ

จบแล้วครับสำหรับห้อง Grand Master Bedroom บนชั้น 2 ต่อไปเราจะขึ้นไปยังชั้น 3 ที่เป็นชั้นสุดท้ายของตัวบ้านกันนะ

สำหรับชั้น 3 ตรงส่วนโถงบันไดยังคงมีช่องหน้าต่างที่ช่วยดึงแสงเข้ามาเช่นเคย ต่างตรงนี้หน้าต่างนี้เป็นบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้แล้วแต่ก็อยู่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน ส่วน Chandelier จะต้องหาซื้อมาติดเองนะ โดยที่ชั้น 3 จะมีห้องนอนอยู่ทั้งหมด 2 ห้อง และเป็นห้อง Master Bedroom ทั้งหมดด้วย

มาเริ่มที่ห้องแรกทางขวามือกันก่อนเลยครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ห้องนอนขนาดใหญ่ ของจริงจะไม่มีการกั้น Built in เป็นตู้เสื้อผ้า Walk in closet แบบนี้นะ จะได้เป็นห้องเปล่าโล่งๆครับ และแต่ละห้องจะมีห้องน้ำเป็นของตัวเองทุกห้องนั่นเอง

ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตไว้กลางห้องได้แบบนี้ โดยที่ยังมีพื้นที่รอบเตียงสามารถใช้งานได้สะดวก

ทางด้านขวาของเตียงมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่ง แล้วยังสามารถเปิดบานเลื่อนทางด้านซ้ายเพื่อระบายอากาศได้อีกด้วย

ส่วนอีกด้านของห้อง อย่างที่ได้เห็นไปแล้วว่าทำเป็น Walk in closet จึงทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ไม่โปร่งโล่งจนเกินไป แล้วยังสามารถติดทีวีที่ผนังหลังตู้เสื้อผ้าได้อีกด้วย ใครจะนำไอเดียนี้ไปแต่งบ้านก็ไม่ว่ากันนะครับ

โดยพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้าที่โครงการแบ่งไว้กว้างประมาณ 1 m. เป็นระยะที่สามารถใช้งานแต่งตัวหน้าตู้ได้สะดวก

ห้องน้ำกว้างขวาง มีการแยกฟังก์ชั้นการใช้งานส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนเช่นเคย สุขภัณฑ์ต่างๆภายในห้องเป็นของ Cotto แต่ห้องชั้นบนนี้จะไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะ สามารถติดเพิ่มเติมเองภายหลังได้

มาดูขนาดพื้นที่ใช้สอยกันบ้าง ส่วนแห้งมีขนาด 2.2 x 1.4 m. สามารถใช้งานได้สะดวก

ส่วนอีกด้านที่เป็นพื้นที่อาบน้ำก็มีขนาด 1 x 1.6 m. มีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งอีกแล้วครับ ทำให้ห้องนี้สว่าง สามารถระบายอากาศและความชื้นได้ดี และถูกสุขลักษณะที่ดีอีกด้วย

ห้องสุดท้ายเป็นห้อง Maser Bedroom ที่อยู่ทางด้านซ้ายของโถงบันได

เข้ามาภายในจะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง แต่จริงๆแล้วห้องนี้จะเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุด (เล็กกว่าห้องเมื่อสักครู่เล็กน้อย) แต่ก็มีพื้นที่กว้างพอที่จะสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ถึง 2 เตียง สำหรับคนที่มีลูก 2 – 3 คนถือว่าดีเลยครับ หรือจะวางเตียง 5 – 6 ฟุต ไว้กลางห้องเลยก็ได้นะ มีพื้นที่โดยรอบเหลือสามารถใช้งานได้สะดวก

พื้นที่ปลายเตียงกว้าง 1.6 m. สามารถทำเป็นโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้ โดยที่ยังมีระยะมากพอสำหรับเลื่อนเก้าอี้แล้วเดินผ่านได้สะดวก

ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงจะมีช่องหน้าต่างบานเลื่อน ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาแล้วยังสามารถเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย

บริเวณช่องว่างตรงนี้สามารถ Built เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ครับ มีความกว้างประมาณ 2.35 m.

สุดท้ายเป็นห้องน้ำในตัวที่อยู่อีกด้านของห้อง

ภายในห้องก็จะมีฟังก์ชันและสุขภัณฑ์ของ Cotto เหมือนห้องอื่นๆ ขนาดพื้นที่กว้างขวางสามารถใช้งานได้สะดวก และอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเอาเองจะครับ

แถมภาพให้อีกมุมหนึ่ง ด้านบนจะมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งให้เช่นเคย ทำให้ห้องน้ำสว่างและถูกสุขลักษณะ

ส่วนสวิตซ์ไฟทั้งหมดจะเป็นระบบสัมผัสของ GRATIA System และปลั๊กหน้าตาแบบนี้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 November 2018

  • แบบบ้าน X-TREND NEW SERIES แปลงที่ Q01-2 ที่ดิน 36.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. ราคา 7.93 ล้านบาท
  • แบบบ้าน X-TREND NEW SERIES แปลงที่ B01-2 ที่ดิน 38.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. ราคา 8.93 ล้านบาท
  • แบบบ้าน X-TREND NEW SERIES แปลงที่ E01-2 ที่ดิน 52.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. ราคา 10.77 ล้านบาท

  • จองและทำสัญญา 30,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 100,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น : ปั๊มน้ำ Hitachi ขนาด 300 วัตต์, ถังเก็บน้ำขนาด 1,500 ลิตร

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – โครงการ บ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 3901 ซึ่งเป็นถนนที่ขนานกับทางด่วนกาญจนาภิเษก สามารถเชื่อมต่อกับถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ได้ ซึ่งเมื่อถนนแล้วเสร็จจะทำให้เดินทางไปยังศรีนครินทร์และรามคำแหงได้สะดวก ทำเลนี้ยังเข้ามอเตอร์เวย์ไปพระราม9 หรือไปยังชลบุรีได้ง่าย สามารถเข้าถนนร่มเกล้าเพื่อไปสุวรรณภูมิได้รวดเร็ว มีทางด่วนใกล้ๆคือทางด่วนวงเเหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก(ทางด่วนวงเเหวนกาญจาภิเษก) ซึ่งไปยังโซนบางนาได้ มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะรัศมี 3-10 กิโลเมตร สามารถหาของกินได้หลากหลาย ทั้งบนถนนพัฒนาชนบท3, บริเวณเคหะร่มเกล้า และสองข้างทางบนถนนร่มเกล้า เป็นโซนร้านค้า ร้านอาหารและตลาดนัด นอกจากนั้นยังใกล้กับสถานศึกษาหลายแห่ง รวมถึงสาธารณูปโภคด้านสุขภาพอย่างสวนสาธารณะและโรงพยาบาล

การเดินทางโดยใช้รถ ถือว่าสะดวก เนื่องจากเป็นโครงการที่เหมาะกับการใช้รถยนต์อยู่แล้ว การจราจรด้านหน้าโครงการไม่หนาแน่น แต่ปัจจุบันมีการทำทางอยู่เล็กน้อย ทั้งพื้นที่กลับรถใต้สะพานเมื่อมาจากกรุงเทพกรีฑาอาจจะยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ และถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ที่ยังไม่แล้วเสร็จดี แต่ก็ถือว่าใกล้แล้วครับ เมื่อถนนสร้างเสร็จจะทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกมากขึ้น ทำเลนี้เหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางไปยังโซนรามคำแหง รามอินทรา พระราม9 บางนา ไปจนถึงชลบุรี

การเดินทางโดยไม่ใช้รถทำได้โดยการเรียกรถผ่าน Application มีสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้คือ Airport Rail Link สถานีบ้านทับช้างประมาณ 4.5 กิโลเมตรและเดินข้ามสะพานลอยไปยังสถานี แต่ถ้าไม่อยากเดินต่อให้ขึ้นที่สถานีลาดกระบัง ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 7 กิโลเมตร

ความปลอดภัย – ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการมีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียวเพื่อความปลอดภัย มีป้อมรปภ. อยู่บริเวณด้านหน้าประมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชม. รั้วประตูเลื่อนไฟฟ้าระบบ Easy Pass และมีระบบ CCTV ที่ Main Gate 2 จุด ถ่ายทั้งหน้าคนขับและทะเบียนรถ รวมถึงภายในโครงการอีก 16 ตัว ความสูงรั้วรอบโครงการ 3 m. และสำหรับตัวบ้านจะมี Digital Door Lock ที่เป็นตัว Top ของ Samsung ให้อีกด้วย

การออกแบบโครงการ – เริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าลายหินอ่อนสีขาวดูเรียบหรูสวยงาม ถนนในโครงการกว้าง 12 m. และถนนซอยย่อยกว้าง 9 m. มีบ้านในโครงการทั้งหมด 94 ยูนิต ถือเป็นโครงการจำนวนยูนิตน้อย เพราะบ้านไม่เยอะ ได้ความเป็นส่วนตัว และบริหารจัดการดูแลความปลอดภัยได้ง่าย ออกแบบพื้นที่สวนและส่วนกลางเป็นแนวยาวตรงกลางโครงการทำให้บ้านกลายยูนิตจะได้วิวสวนและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เพิ่ม Value ให้กับบ้านนั้นๆได้ นอกจากนี้ยังมีอาคาร Clubhouse ที่มีทั้ง Fitness กับสระว่ายน้ำ รวมถึงมีพื้นที่ส่วนต้อนรับสำหรับแขกที่จะมาเยี่ยมเยือน ใช้รับรองเป็นหน้าเป็นตาให้คนพักอาศัยได้ และยังมีที่จอดรถส่วนกลางไว้คอยบริการอีกด้วย

การออกแบบบ้าน – แบบบ้าน X-TREND NEW SERIES เป็นบ้านแฝด 3 ชั้น แบบ Modern ที่ดิน 37.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 218 ตร.ม. จอดรถได้ถึง 3 คัน เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านโดยเฉพาะพื้นที่ Common area ที่ชั้น 1 ที่มีความโปร่งโล่ง ไม่มีผนังหรือฉากกั้นทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของคนในบ้าน ออกแบบโดยเน้นใช้ประตูและหน้าต่างกระจกกระจายในหลายจุดภายในบ้าน ทำให้ภายในสว่างและโปร่งโล่ง มีการเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนภายนอกได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ชอบคือห้องนอนของบ้านหลังนี้จะมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ทำให้กลายเป็นห้อง Master Bedroom ได้ความเป็นส่วนตัว แล้วยังมีห้อง Grand Master Bedroom ที่กินพื้นที่กว้างเกือบทั้งชั้น ทำให้มีความยืดหยุ่นสามารถจัดสรรได้หลากหลายตามความต้องการใช้งาน ห้อง Multiplied Extra Space ด้านบนสามารถทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์หรือ Family area แบบส่วนตัวได้ดีกว่าชั้นล่าง และอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบคือห้องน้ำทุกห้องจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งที่ช่วยให้เกิด Ventilation และสุขอนามัยที่ดี

วัสดุ – ถือว่าให้มาดี เหมาะสมกับตัวโครงการ และมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้อย่างระบบ Smart Mirror อีกด้วย ส่วนวัสดุในบ้านประกอบด้วยพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่ชั้นล่าง และไม้ลามิเนตที่ชั้นบน ประตูและหน้าต่างกระจกของ SCG กันเสียงได้ดีกว่า 80% กระจกเขียวตัดแสง สวิตซ์ไฟระบบสัมผัสของ GRATIA System และ Digital Door Lock ของ Samsung ที่เป็นตัว Top รองรับระบบรหัสผ่าน, Key Card, ระบบสแกนลายนิ้วมือ และระบบ Sensor ตรวจจับความร้อน ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องทั้งหมดเป็นของ Cotto

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะนะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตเพียง 94 หลัง ได้พื้นที่สวนมากกว่า 4 ไร่ สระน้ำตรงกลางขนาดใหญ่ และมีการวางผังพื้นที่สวนให้เกิดการเชื่อมต่อกันระหว่างโครงการทำให้ได้พื้นที่สวนขนาดใหญ่มากขึ้น ออกแบบโดยคำนึงถึงหลัก Universal Design ทำให้คนทุกวัยสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางนี้ร่วมกันได้อย่างเต็มที่

สาธารณูปโภค – ให้มาครบในส่วนที่ต้องใช้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ อาคาร Clubhouse ออกแบบสไตล์ Modern สวยงามน่าใช้งาน ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ Fitness และ New Community Hub หรือ Lobby ไว้รับรองแขกได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนกลางภายนอกที่อยู่กลางแจ้ง ประกอบด้วยสวนสีเขียว สนามเด็กเล่น พื้นที่นั่งพักผ่อน และเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศกันอีกด้วย

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 7 – 10 ล้านบาท, 19 November 2018

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ เน้นการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก
  • ความปลอดภัย 8/10 – รั้วเลื่อนไฟฟ้า ระบบ Easy pass รปภ.หน้าหมู่บ้าน CCTV 16 จุด รั้วสูง 3 m.
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ยูนิตน้อย เน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้าน มีความโปร่งโล่ง และมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ได้ความเป็นส่วนตัว
  • วัสดุ 7.75/10 – ให้มาครบตามมาตรฐานเหมาะกับการใช้งาน มีเพิ่มหน้าต่างกระจกแบบพิเศษ และ Digital door lock
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – มีสระน้ำและสวนใหญ่กว่า 4 ไร่ ใช้แนวคิด Universal Design
  • สาธารณูปโภค 8.25/10 – ส่วนกลางครบ Clubhouse Fitness สระว่ายน้ำ อาคารสวยงามน่าใช้งาน
  • 7.86 / 10.00 คะแนน

BOTTOM LINE

โครงการ บ้านกลางเมือง The Edition พระราม9-กรุงเทพกรีฑา เหมาะกับคนที่กำลังหาบ้านแฝดแถบชานเมืองที่อยู่ติดกับทางเลี่ยงเมืองและทางด่วน เป็นทำเลเงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัย ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว ชอบใช้พื้นที่สวนและส่วนกลางขนาดใหญ่ เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน มีงบประมาณ 7.99  ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 56,000 บาทขึ้นไป