workplace cover

รีวิวฉบับที่ 780 สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปชมโครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ จาก SC Asset โครงการแบ่งออกเป็นโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น 50 ยูนิต และทาวน์โฮม 3 ชั้น 43 ยูนิต ตั้งอยู่หัวมุมในซอยจรัญฯ 13 หรือซอยพาณิชย์ธนฯ ตัดกับซอยเพชรเกษม 48 สามารถเข้าได้จากถนนจรัญสนิทวงศ์, ถนนเพชรเกษม หรือถนนราชพฤกษ์ ไม่ไกลจากถนนพุทธมณฑลสาย 1 และวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งชุมชม สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดที่เปิดใช้ในปัจจุบันคือ BTS บางหว้า ระยะ 3.7 กิโลเมตรถึงโครงการ บนที่ดินเริ่มต้น 20.7 ตารางวา สำหรับทาวน์โฮม ในราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท และสำหรับโฮมออฟฟิศ บนที่ดินเริ่มต้น 26.2 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท

Facts @ 24 February 2015

  • Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ ( เวิร์คเพลส ราชพฤกษ์ – จรัญฯ)
  • บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  • UPPER – HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ภาษีเจริญ
  • ที่ตั้ง : ถนนจรัญฯ 13 (แยกบางแวก) เขตภาษีเจริญ กทม.
  • เนื้อที่โครงการ 11-1-39 ไร่ จำนวน 93 ยูนิต แบ่งออกเป็นโฮมออฟฟิศ 50 ยูนิต และทาวน์โฮม 43 ยูนิต
  • โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • ทาวน์โฮม  3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น 1 ที่จอดรถ พร้อมสวน 
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน 26.2 ตร.วา สำหรับทาวน์โฮม และ 20.7 ตร.วา สำหรับโฮมออฟฟิศ
  • โฮมออฟฟิศ ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท หรือ 343,500 บาท/ตร.วา
  • ทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท หรือ 190,800 บาท/ตร.วา
  • ที่ดินเพิ่มลด สำหรับโฮมออฟฟิศ ตารางวาละ 200,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด สำหรับทาวน์โฮม ตารางวาละ 100,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : มกราคม ปี 2557
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ มิถุนายน ปี 2558
  • http://www.scasset.com/Townhome/WORK-PLACE-Ratchaphruek-Charan
  • โทร 1749

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.736896, 100.434006

MAP proj workplace

ที่ตั้งของโครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ ตั้งอยู่บนซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 หัวมุมตัดกับซอยเพชรเกษม 48 อยู่ระหว่างซอยจรัญฯ 13 ตัดกับถนนราชพฤกษ์ และถนนพุทธมณฑลสาย 1 ถ้าข้ามสะพานพระราม 7 มาตามเส้นจรัญสนิทวงศ์จะไม่สามารถเลี้ยวขวาเข้าที่ถนนจรัญฯ 13 ได้เลยในตอนนี้ เพราะตลอดถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่ข้ามสะพานพระราม 7 มาจนสุดถนนเพชรเกษมกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าลอยฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ดังนั้นต้องเลยไป U-turn ประมาณ 300 เมตรจากสี่แยกไฟเขียวไฟแดงเดิม แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าซอยจรัญฯ 13 ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 4 กิโลเมตร ผ่านถนนราชพฤกษ์ไป โครงการจะอยู่ซ้ายมือตรงหัวมุม

มีสถานีรถไฟฟ้า BTS บางหว้า อยู่ที่หัวมุมถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์เป็นสถานีที่ใกล้ที่โครงการมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งสามารถเข้าถึงโครงการได้จากทั้งสองทางคือถนนราชพฤกษ์แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยจรัญฯ 13 เป็นระยะทางประมาณ 3.6 กิโลเมตร หรือถนนเพชรเกษมเลี้ยสขวาเข้าที่ซอยเพชรเกษม 48 เป็นระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร มีศูนย์การค้าทั้งเล็ก-ใหญ่ และตลาดในพื้นที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร

MAP-3km-arrow copy

ถึงแม้ว่าตำแหน่งโครงการจะตั้งอยู่ใกล้ถนนใหญ่หลายเส้น และเข้าซอยไปลึก ไม่อยู่ในระยะเดินได้ แต่ในบริเวณรอบๆที่ตั้งของโครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ ภายในระยะ 10 กิโลเมตร มีความเจริญสูง ไม่ว่าจะเป็นจรัญสนิทวงศ์ที่มีศูนย์การค้า ตลาด และโรงพยาบาลตั้งแต่สะพานพระราม 7 จนถึงสุดถนนที่ตัดกับถนนเพชรเกษม และบนถนนเพชรเกษมถึงบริเวณเชิงสะพานสะพานพระปกเกล้า ไกลไปอีกหน่อยเป็นถนนบรมราชชนนีตัดจากถนนจรัญสนิทวงศ์ที่มีอาคารสำนักงานหลายแห่ง ศูนย์การค้า โรงเรียน และโรงพยาบาล ย่านนี้ไม่มีทางด่วน แต่จะมีทางยกระดับจากสะพานพระราม 8 ไปลงแถวพุทธมณฑล และมีซอยลัดย่อยต่างๆเชื่อมถนนใหญ่เข้าด้วยกันภายในพื้นที่

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนทำงานประจำอยู่แถบจรัญสนิทวงศ์หรือใช้พื้นที่นี้เป็นทางผ่านไปมา ในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินกำลังก่อสร้างอยู่แทบจะทุกคนจะมีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว และจะอาศัยถนนหลักในการเดินรถสำหรับคนที่มีที่พักอาศัยอยู่บนถนนแถบนี้ ดังนั้นช่วงเช้า-เย็นจะทำให้ปริมาณรถบนถนนหนาแน่นมาก เพราะต่างจะมุ่งหน้ากลับบ้านกัน ประกอบกับบนถนนจรัญสนิทวงศ์มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าทำให้ความกว้างของถนนลดลง บางพื้นที่จาก 3 เลนเหลือ 1 เลน โดยเฉพาะทุกแยกไฟเขียวไฟแดงและทางกลับรถที่มีอยู่เป็นระยะๆ ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าทิศตะวันตกเป็นเส้นทางไปถึงนครปฐม และทางตะวันออกสามารถข้ามสะพานพระปกเกล้าเข้าถนนสาทรได้ เส้นจรัญสนิทวงศ์ไปทางเหนือสามารถข้ามสะพานพระราม 7 ไปยังแถวรัชดา และถนนกาญจนาภิเษกไปทางเหนือไปเข้านนทบุรีได้

MAP-3km-mrt copy

ซอยจรัญฯ 13 หรืออีกชื่อเรียกคือซอยพาณิชธนฯเป็นซอยที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น ทั้งอาคารตึกแถวและโครงการบ้านจัดสรร มีทั้งชุมชน วัด และตลาดในซอยนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นชุมชนดั้งเดิม และอีกปัจจัยคือโรงเรียนพาณิชธนฯ ทำให้คนมาอาศัยอยู่ในซอยนี้เยอะขึ้นและลักษณะทางกายภาพของซอยเองที่สามารถทะลุไปถนนใหญ่ๆได้ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆส่วนใหญ่จะเกาะถนนเส้นหลักอย่างเช่น ถนนจรัญฯ ถนนกาญจนาภิเษก เพราะเป็นถนนวงแหวนที่วิ่งรอบนอกและรอบใน กทม. หรือ ถนนเพชรเกษม ที่เป็นถนนเส้นใหญ่ 

แถบจรัญสนิทวงศ์เป็นทำเลที่นิยมสร้างโครงการแนวราบลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ และเริ่มมีแนวสูงอย่างคอนโดให้เห็นบ้าง ทั้งที่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก ส่วนใหญ่โครงการแนวราบจะอยู่ริมถนนที่มีความกว้างระดับหนึ่ง หรือทางเข้าโครงการติดถนนใหญ่ ไม่อยู่ในซอยลึก เหตุที่ไม่ค่อยมีนิยมทำเป็นโครงการคอนโดเนื่องจากพื้นที่ไม่ครอบคลุมอยู่ภายในเส้นของระบบขนส่งสาธารณะ แต่อยู่ปลายทาง อาทิ สถานีรถไฟฟ้าสถานีปัจจุบันที่เปิดใช้คือ BTS บางหว้า แต่ภายในอีก 5 ปีจะเริ่มมีโครงการคอนโด High Rise ตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น ส่งเสริมให้ทำเลมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ราคาที่ขึ้นสูง ปัจจัยหลักคือ MRT จรัญฯ 13 และ เพชรเกษม 48 โดยมี BTS บางหว้าเป็นสถานี Interchange ระหว่างสองเส้นทาง ทำให้เพิ่มตัวเลือกในการใช้ระบบขนส่งขึ้นมาอีก

จากสถานีรถไฟฟ้า BTS บางหว้า อยู่ที่หัวมุมถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์เป็นสถานีที่ใกล้ที่โครงการมากที่สุดในปัจจุบัน จากตัวสถานีถึงโครงการ แน่นอนว่าไม่อยู่ในระยะเดินได้ ซึ่งต้องอาศัยพี่วิน แท๊กซี่ รถกระป้อรับจ้างและรถสองแถววิ่งให้บริการในการเข้าถึงโครงการอีกต่อหนึ่ง คือถนนราชพฤกษ์แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยจรัญฯ 13 เป็นระยะทางประมาณ 3.6 กิโลเมตร หรือถนนเพชรเกษมเลี้ยวขวาเข้าที่ซอยเพชรเกษม 48 เป็นระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร

MAP route

ด้วยความสามารถในการเข้าออกของโครงการทำได้จากถนนใหญ่หลายสายล้อมกรอบกันเป็นสี่เหลี่ยม ไม่ว่าจะเป็นถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนราชพฤกษ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 และถนนกาญจนาภิเษกเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 หรือมาจากถนนเพชรเกษมตัดเข้าซอยเพชรเกษม 48 ตัวโครงการอยู่ตรงหัวมุมซอยจรัญฯ 13 และซอยเพชรเกษม 48 เลย ไม่ต้องเข้าซอยให้ยุ่งยาก บริเวณรอบโครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวพักอาศัยสูง 2-3 ชั้น และพื้นที่ใกล้หัวมุมจะมีตลาด โรงเรียน อาคารพาณิชย์คึกคักอยู่ไม่น้อย และพื้นที่ว่างเปล่าอยู่หลายแปลงในซอย

เส้นทางที่เราจะไปวันนี้ คือเส้นทางการเข้าถีงโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่มาจากทางเหนือ ตั้งแต่แถวรัชดา ประชาชื่น รวมไปถึงนนทบุรี ข้ามสะพานพระราม 7 ตรงการไฟฟ้า มาตามทางถนนจรัญสนิทวงศ์มุ่งหน้าบางกอกใหญ่มาเรื่อยๆตามเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้า MRT ทำให้จะเห็นสภาพรถแน่นตามแนวการบีบช่องทางเดินรถมาเรื่อยๆ จนเลี้ยวขวาเข้าซอยจรัญ 13 ไม่ได้ที่สี่แยกไฟแดง แต่ต้องไป U-turn เลยไป 300 เมตร แล้วจึงเข้าซอยจรัญฯ 13 ไปอีก 4.7 เมตร ผ่านถนนราชพฤกษ์ โครงการจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ตรงหัวมุมซอยจรัญฯ 13 และซอยเพชรเกษม 48

workplace location again 1

เรามาเริ่มการเดินทางกันที่ถนนจรัญสนิทวงศ์มุ่งหน้าบางกอกใหญ่ไปทางทิศใต้ ตรงนี้อนาคตจะเป็นรถไฟฟ้า MRT สถานีบางขุนนนท์ ที่เป็นสถานี Interchange จุดเปลี่ยนสถานี 3 สายในอนาคต คือ สายน้ำเงิน (MRT บางซื่อ-ท่าพระ) สีส้ม (MRT ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) และสีแดง (รฟท. ตลิ่งชัน-ศาลายา)

แต่เดิมถนนจรัญสนิทวงศ์มี 3 เลน แต่ลดลงเหลืองเพียง 2 เลน เนื่องจากก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินตรงกลางนะคะ สองข้างถนนใหญ่ส่วนมากเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น โดยชั้นล่างสุดทำการปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้าและบริการต่างๆ จะมีสะพานลอยข้ามอยู่เรื่อยๆ อย่างฝั่งตรงข้ามถนนตรงนี้เป็นที่ตั้งของ Makro สาขาจรัญสนิทวงศ์

เลยจากสะพานลอยไป ฝั่งตรงข้ามอีกเช่นกัน จะเป็นพื้นที่ของตลาดบางขุนศรี ที่มีทั้งส่วนตลาดสด และส่วนที่ได้อานิสงค์ขายของปลีก ไปจนถึงร้านทอง ตัวถนนจะเริ่มกว้าง กลายเป็น 3 เลนอีกครั้ง ถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงนี้จะแคบๆกว้างๆเป็นช่วงๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ถนนแคบลงอีกกลายเป็น 2 ช่องเหมือนเดิม ถ้าเป็นรถยนต์ธรรมดาก็เดินได้ 2 เลน ถ้าเป็นรถเมล์อย่างคันหน้า ก็กินทางไปเลยคันเดียว มีรถประจำทางทั้งสองฝั่งของถนน มีป้ายรถเมล์ และสะพานลอยคนข้ามหรือทางข้ามอยู่เรื่อยๆ ด้านข้างมีทางเดินเท้ากว้างพอสมควรตลอดทางเดิน ได้ร่มจากอาคารด้านข้างมาด้วย ด้านหน้าจะเป็นโรงพยาบาลศรีวิชัยอยู่ในซอยก่อนถึงสามแยกไฟฉาย

workplace-location-8

ตรงมาอีกนิดนึงจะเป็นสามแยกไฟฉาย ถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายจะเป็นทางเข้าไปสู่ถนนพรานนก ที่เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือวังหลัง (พรานนก) และวัดระฆัง ซึ่งถือว่าเป็นแยกที่ใหญ่พอสมควร และจะมีสถานี MRT แยกไฟฉายในอนาคตตรงนี้ด้วยค่ะ ส่วนเรานั้นจะตรงตามถนนจรัญสนิทวงศ์ไปเรื่อยๆค่ะ

หลังจากผ่านสามแยกไฟฉายมา ตรงไปจะไปท่าพระ และเข้าถนนเพชรเกษม หากเลี้ยวขวาจะไปทางบางแวก สภาพเส้นทางรถไฟฟ้าได้สร้างเสร็จแล้วนะคะ มีแค่การกั้นเกาะกลางถนนเท่านั้น

workplace-location-10 copy

เลยมาอีกนิดจะเป็นไฟเขียวไฟแดงเพื่อเลี้ยวขวาเข้าซอยจรัญฯ 13 แต่ด้วยการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า ทำให้ทางเลือกการเลี้ยวขวากลายเป็นการบังคับทางตรง แล้วไปยูเทินเอาที่ด้านหน้าแทน

พื้นที่ตรงแยกไฟเขียวไฟแดงค่อนข้างคึกคัก มีปั้มน้ำมัน,  Tesco Lotus Express และร้านอาหาร อยู่ทางด้านซ้ายมือ เมื่อมองขึ้นไปยังพื้นที่ก่อสร้างจะเห็นว่ากำลังมีการก่อสร้างตัวสถานี MRT จรัญฯ 13 ขึ้นตรงจุดนี้ ที่ในอนาคตจะเป็นตัวเลือกระบบขนส่งสาธารณะที่ดีของคนย่านนี้

เลยตัวสถานีไป ทางด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าของวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม

ด้านหน้าเป็นทาง U-turn ของทั้งสองฝั่งบนถนนจรัญสนิทวงศ์

workplace location 14

เมื่อกลับรถมาอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์มุ่งหน้าสะพานพระราม 7 เรียบร้อยแล้ว ฝั่งซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ของตลาดขนาดย่อย หรือการเปิดพื้นที่ชั้นล่างของอาคารพาณิชย์เป็นร้านค้า มีตั้งแต่อาหารสดไปจนถึงผลไม้ รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อ และพี่วินคอยให้บริการ

ด้านหน้าของตลาดจะเป็นทางสะพานลอยข้ามแยกรูปตัว L ไว้ข้ามฝั่งไปมา ป้ายด้านซ้ายมือบอกทางลัดเลี้ยวซ้ายไปถนนราชพฤกษ์ได้ โดยเราจะเลี้ยวซ้ายตรงนี้เช่นกัน เพื่อเข้าซอยจรัญฯ 13

เมื่อเข้ามายังซอยจรัญฯ 13 พื้นที่ช่วงแรกๆ สิ่งปลูกสร้างยังเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2-3 ชั้น มีร้านขายยาบ้าง ร้านแว่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านทอง สภาพถนนเป็นแบบข้างละ 2 เลนสวนกันไปมา โดยจะมีรถจอดข้างทางกินเลนริมทางเท้าไปบ้างประปราย ส่วนสภาพทางเดินเท้าอยู่ในขั้นดี มีร่มจากอาคารพาณิชย์ด้วยนิดหน่อย เราจะตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 4.7 กิโลเมตรถึงโครงการนะคะ

วิทยาลัยอาชีวะธนบุรีอยู่ทางด้านขวา

ทางค่อยๆแคบลงเหลือเพียง 2 เลนสวนกันไปมา หลังจากข้ามคลองบางหลวง หรือคลองบางกอกใหญ่มาก็จะเจอวัดวิจิตรการนิมิตร หรือวัดหนังอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนด้านขวาเป็นศูนย์อาหารวัดวิจิตรการนิมิตรค่ะ

workplace location again 2

เข้ามาเรื่อยๆ ช่วงซอยยังอยู่ในสภาพคึกคักอยู่ ยังอยู่ในเขตโรงเรียน ยังคงมีร้านสะดวกซื้อ รถสองแถว พี่วิน รวมไปถึงร้านค้าสองข้างทางให้เห็นเรื่อยๆ ฝั่งซ้ายเป็นซอยบางแวก 1 และฝั่งขวาเป็นซอยบางแวก 2 ที่มีวัดปากน้ำฝั่งใต้ หรือวัดเกาะอยู่ในซอย

ด้านขวาเป็นตลาดธารทองปรับปรุงใหม่ ฝั่งตรงข้ามก็ยังเป็นร้านอาหาร เป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่า หอพักประปราย

หัวมุมซ้ายมือก่อนเข้าสี่แยกตัดถนนราชพฤกษ์ยังมีร้านกาแฟ ร้านล้างรถ ที่ช่วงเวลากลางคืนเปิดเป็นสถานบันเทิง เลยไปยังเป็นปั้มน้ำมัน ช่วงก่อนถึงสี่แยกไฟแดงจะมีปริมาณรถมากต่อแถวกัน แม้จะเป็นสี่แยกใหญ่แต่ช่องทางการจราจรก็ยังมีเพียง 2 เลนสวนกันไปมา

workplace-location-24 copy

จากสี่แยกทางต่างระดับบางแวกตรงนี้ ถ้าตรงไปจะยังอยู่บนซอยจรัญฯ 13 สามารถตรงไปเข้าถนนกาญจนาภิเษก หรือเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชพฤกษ์มุ่งหน้าเพชรเกษม หรือเลี้ยวขวาเข้าถนนราชพฤกษ์มุ่งหน้าถนนบรมราชชนนี มีทางยกระดับข้ามแยกถนนราชพฤกษ์อยู่ด้านบน ไม่มีสะพานลอยคนข้าม แต่มีทางม้าลายคนเดิน

workplace-location-25

ตอนนี้เรามาอยู่ใต้ทางยกระดับนะคะ การเดินรถค่อนข้างวุ่นวายมาก เนื่องจากเป็นสี่แยกใหญ่แบบมีเกาะกลางเป็นสะพานข้ามแยกทำให้รถแต่ละทางมองทางคนอื่นไม่เห็น คิดว่าถึงตาตัวเองจะต้องไป ทั้งยังมีรถชนอยู่ด้านหลังอีกด้วย

หลังจากผ่านเส้นตัดราชพฤกษ์มาแล้ว เรายังอยู่บนซอยจรัญฯ 13 กันอยู่ สองข้างทางเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง มีตั้งแต่บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ หมู่บ้านจัดสรร รวมไปถึงอพาร์ตเมนต์ให้เช่า

ตรงเข้ามาจากแยกตัดกับถนนราชพฤกษ์อีกประมาณ 1.4 กิโลเมตร หรือ 4.7 กิโลเมตรจากปากซอยจรัญฯ 13 จะเห็นโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ ถ้าตรงไปจะไปยังถนนกาญจนาภิเษก หากเลี้ยวซ้ายหัวมุมข้างหน้าจะไปเข้าซอยเพชรเกษม 48  สุดทางเป็นถนนเพชรเกษม หรือถ้าตรงไปอีกจะเจอถนนพุทธมณฑลสาย 2

workplace location 30

ถึงแล้วค่ะที่ตั้งของโครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ เลี้ยวซ้ายเข้ามาเลย

MAP boundary line

มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ อย่างที่กล่าวไปว่าในซอยนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ด้านหน้าโครงการเป็นซอยจรัญฯ 13 ที่รถวิ่งสวนกันได้แบบสบายๆ ติดที่รถจอดในซอยบ้างประปราย ที่พิเศษขึ้นมาหน่อยคือโครงการอยู่ตรงหัวมุมซอยจรัญฯ 13 ตัดกับซอยเพชรเกษม 48 ที่เป็นเส้นทางที่ใช้เข้าออกบ่อยครั้งเพื่อไปถนนใหญ่ของคนในพื้นที่ ทั้งยังมี วัดชัยฉิมพลีอยู่ซอยถัดไป ทำให้ฝั่งตรงข้ามซอยเพชรเกษม 48 เป็นพื้นที่ของทั้งตลาดวัดชัยฉิมพลี และโรงเรียนวัดไชยฉิมพลี ถัดจากตรงหัวมุมนี้ไปสภาพแวดล้อมจะสงบขึ้นมาก ทางทิศใต้เป็นบ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น นอกนั้นรอบด้านโครงการจะเป็นที่ดินว่างเปล่าที่ยังปลูกต้นไม้ใหญ่รอบด้านแต่ไม่รก รถในซอยวิ่งไปมาเยอะพอสมควรตลอดวัน ที่ดินรอบข้างยังสามารถปลูกสร้างได้ เพราะในอนาคตพื้นที่แถบนี้อยู่ในระยะความเจริญพอสมควร

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดสดวัดชัยฉิมพลี 100 เมตร
  • Lotus Express 300 เมตร
  • วัดชัยฉิมพลี 500 เมตร
  • วัดปากน้ำฝั่งใต้ 3.1 กิโลเมตร
  • ม.สยาม 3.4 กิโลเมตร
  • วิทยาพาณิชยการธนบุรี 4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพญาไท 3 4.3 กิโลเมตร
  • Lotus บางแค 4.5 กิโลเมตร
  • การไฟฟ้านครหลวง เขตธนบุรี 4.6 กิโลเมตร
  • The Circle ราชพฤกษ์ 4.6 กิโลเมตร
  • โรงเรียนราชวินิตประถม บางแค 4.6 กิโลเมตร
  • Macro จรัญสนิทวงศ์ 5.1 กิโลเมตร
  • สายใต้เก่า 5.2 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนศรี 5.9 กิโลเมตร
  • เดอะมอลล์ บางแค 6.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค 6.7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลศิริราช 7 กิโลเมตร
  • Major Cineplex ปิ่นเกล้า 8.7 กิโลเมตร
  • Central ปิ่นเกล้า 8.7 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

workplace master plan gg

โครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ แบ่งออกเป็นโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น 50 ยูนิต และทาวน์โฮม 3 ชั้น 43 ยูนิต รวม 93 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 11-1-39 ไร่โดยมีโฮมออฟฟิศอยู่ที่ส่วนหน้า สามารถเข้าถึงได้จากทั้งซอยจรัญฯ 13 ทางทิศเหนือ และซอยเพชรเกษม 48 ทางทิศตะวันออก ตัวโฮมออฟฟิศแบ่งออกเป็น 8 อาคาร เปิดขายแล้ว 4 อาคาร และยังไม่ได้เปิดขายอีก 4 อาคาร บางส่วนยังสร้างไม่เสร็จ แต่ละอาคารมีจำนวนยูนิตมากน้อยไม่เท่ากัน โดยมีถนนภายในโครงการตัดผ่านหน้ายูนิตทุกยูนิตกว้าง 9 เมตร มีพื้นที่ว่างระหว่างอาคาร 4 เมตร มีที่จอดรถรอบโครงการเพิ่ม 50 คัน โฮมออฟฟิศอาคาร A และ B ที่มีความพิเศษมากกว่าอาคารอื่นๆคือหันหน้าออกไปยังซอยจรัญฯ 13 เปลี่ยนที่จอดรถจากหน้าบ้านมาอยู่ส่วนหลังบ้าน โดยส่วนชั้นล่างสามารถเข้าถึงได้จากทางเดินเท้าริมซอยจรัญฯ 13 ได้โดยตรง ขนาดที่ดินแปลงมาตรฐานคือ 20.7 ตร.วา สำหรับโฮมออฟฟิศ

การวางตัวบ้านของโฮมออฟฟิศมีทั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ คืออาคาร A, B และอาคารที่อยู่ใต้สุด 2 อาคาร ส่วนอาคาร E และอาคารที่ยังไม่ได้เปิดขายด้านขวาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และอาคาร C และอาคารที่ยังไม่ได้เปิดขายด้านซ้ายหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ส่วนของทาวน์โฮมคงไม่ได้เน้นที่การจัดวางห้องตามหลักทิศมากนัก เพราะเน้นที่การใช้สอยเป็นสำนักงานเป็นหลัง ทุกยูนิตหันหน้าออกสู่ถนนภายในโครงการหรือซอยจรัญฯ 13 และหันหลังบ้านชนกัน

ส่วนทาวน์โฮมจะใช้ทางเข้าหลักเดียวกับโฮมออฟฟิศ แต่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่อีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะเข้าส่วนของทาวน์โฮม แบ่งออกเป็น 8 อาคาร เปิดขายแล้ว 7 อาคาร และยังไม่ได้เปิดขายอีก 1 อาคาร เหลือแค่เพียงการสำรวจความเรียบร้อย แต่ละอาคารมีจำนวนยูนิตมากน้อยไม่เท่ากัน โดยมีถนนภายในโครงการตัดผ่านหน้ายูนิตทุกยูนิตกว้าง 9 เมตร ขนาดที่ดินแปลงมาตรฐานคือ 26.2 ตร.วา หลังจากผ่านป้อมพี่ยามเข้ามาทางด้านซ้ายมือจะมีส่วนของ Facilities ทั้ง Club House และสวนหย่อมด้านหน้า ซึ่งลูกบ้านทั้งสวนโฮมออฟฟิศสามารถเข้ามาใช้ได้เหมือนกันหมด

ส่วนการวางตัวบ้านของทาวน์โฮมแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือหันหน้าไปทางทิศเหนือและทิศใต้ หน้าบ้านหันออกไปถนนโครงการ และหันหลังบ้านชนกัน ใครที่ชอบแสงธรรมชาติ อยู่แล้วสบายๆทั้งวันก็น่าจะเลือกทาวน์โฮมที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ใครที่ชอบแดดแรงหน่อย เข้าถึงตัวบ้านได้ทั้งวันแนะนำหน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ ส่วนหลังบ้าน ก็จะได้รับแสงตามช่องแสงที่มีให้หลังบ้าน

ก่อนที่เราจะพาไปดูพื้นที่ภายในโครงการ จะขอพาไปดูโฮมออฟฟิศตึก A และ B กันก่อน อย่างที่บอกไปว่ามีความพิเศษกว่าใครเพื่อนเลยคืออยู่ด้านซ้ายมือของโครงการ หันหน้าออกซอยจรัญฯ 13 ไปจนถึงหัวมุมที่ตัดกับซอยเพชรเกษม 48

โฮมออฟฟิศจำนวน 11 ยูนิต 2 อาคาร แบ่งออกเป็น 6 ยูนิต และ 5 ยูนิต โดยมีพื้นที่ระหว่างอาคารสองหลัง 4  เมตร จัดวางให้หันหน้าเข้าออกจากโครงการ หันหน้าเข้าซอยจรัญฯ 13 ตรงหัวมุมพอดี ใกล้กับโรงเรียนวัดไชยฉิมพลี และตลาดสด พื้นที่ด้านหน้าของชั้นล่างที่เห็นเทปูนและลงทรายล้างแบบสลับสีรวมทางเดินเท้าที่มีอยู่เดิมแล้วกว้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร เป็นพื้นที่สาธารณะ ส่วนพื้นที่แปลงที่ดินคือตั้งแต่หน้าตึกเข้าไป

โฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้นชุดนี้นอกเหนือจากเปิดเป็นออฟฟิศที่มีหน้าร้านชั้นล่างได้แล้ว ยังมีความเป็นไปได้ในการเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านบริการ หรือร้านขายของ เพราะลูกค้าสามารถเดินต่อเนื่องมากจากทางเดินเท้าอื่นๆเข้าสู่ชั้นล่างได้เลย โดยไม่ต้องผ่านพื้นที่ภายในโครงการ ชั้น 2-3 เป็นออฟฟิศ และชั้น 4 เป็นห้องนอน 2 ห้องของเจ้าของหรือผู้จัดการได้ ทั้งยังสามารถเข้าไปจอดรถภายในโครงการเพื่อติดต่อได้ ในระยะเวลา 3 ชั่วโมงฟรีเมื่อมีตราประทับ

พื้นที่หลังบ้านของโฮมออฟฟิศตึก A และ B เป็นที่จอดรถยูนิตละ 2 คันของมีประตูเปิด-ปิดหลังบ้านสูง 1.5 เมตร ปิดเรียบร้อย

ระหว่างโฮมออฟฟิศอาคาร A และ B จะมีช่องว่างระหว่างอาคารกว้างประมาณ 4 เมตร มองลอดออกไปจะเป็นพื้นที่ซอยจรัญฯ 13 ที่จะเห็นรถวิ่งไปมา มีรั้วเหล็กกั้นการเข้าออกระหว่างภายในและภายนอกโครงการ ระหว่างอาคารทำเป็นสวนพื้นที่สีเขียวเล็กๆ มีการปลูกไม้ยืนต้น  แต่คงต้องตัดตกแต่งกันบ่อยๆให้ไม่สูงเกินไป จุดประสงศ์จริงๆของช่องว่างระหว่างอาคาร คือเรื่องความปลอดภัยหากมีเหตุฉุกเฉินอย่างไฟไหม้ ช่องว่างดังกล่าวจะต้องกว้างพอที่รถดับเพลิงจะเข้าถึงและควบคุมเพลิงได้ รวมไปถึงเรื่องความหนาแน่นของสิ่งปลูกสร้างต่อพื้นที่ที่ถูกกำหนดโดยกฏหมาย

เราเดินกลับมาที่หน้าโครงการอีกครั้งนะคะ คราวนี้เราจะเข้าไปดูยูนิตภายในโครงการ และ Facilities อื่นๆกับบ้าง เริ่มต้นจากป้อมพี่ยามหน้าโครงการแบ่งเป็น 2 ช่องทางเข้าออกชัดเจน

โดยที่ป้อมยามทางเข้าของโครงการ จะมีจุดแสกนบัตร Key Card Access ระยะใกล้

รวมไปถึงกล้อง CCTV จับที่หน้าต่างข้างคนขับ

รวมไปถึงกล้อง CCTV จับป้ายทะเบียนรถ และรั้วกั้นไม้กระดกไฟฟ้า

ผ่านจากทางเข้ามาจะเป็นทางเบี่ยงขวาเพื่อเข้าสู่ตัวอาคาร ที่เห็นอยู่ด้านหน้าจะเป็นโครงการแบบโฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น ทั้งหมด 50 ยูนิต ยูนิตตัวอย่างของโฮมออฟฟิศจะอยู่ที่อาคาร E ด้านหน้า ยูนิตริมสุดที่มีรถกอล์ฟจอดอยู่ ส่วนถนนในโครงการมีความกว้าง 9 เมตร มีทางแยกไปทางซ้ายและทางขวา ไปทางขวาเพื่อไปเข้าหลังบ้านของอาคาร A และ B หรือจะตรงไปสุดถนนเลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อไปยังทีจอดรถรอบโครงการหน้าโฮมออฟฟิสอาคาร C  ส่วนเลี้ยวซ้ายตรงนี้ไปเข้าจะเป็นพื้นที่ที่จอดรถผู้มาติดต่อเช่นกัน หรือสุดถนนโครงการเลี้ยวซ้ายจะเป็นจุดรักษาความปลอดภัยอีกชั้นนึงของบ้านทาวน์โฮม 43 ยูนิต

เรามาทางแยกด้านขวาจากทางเข้ากันนะคะ สองข้างเป็นโฮมออฟฟิศ โดยฝั่งขวาจะเป็นส่วนหลังบ้านของโฮมออฟฟิศตึก A และ B โดยจะมีแบบบ้านแปลกกว่าอาคารอื่นตรงพื้นที่จอดรถอยู่หลังบ้าน ส่วนด้านซ้ายจะเป็นส่วนหลังบ้านของตึก C และ E หันหลังบ้านชนกัน

ซ้ายมือคือช่องว่างระหว่างอาคารโฮมออฟฟิศของตึก C และ E โดยจัดเป็นหลังบ้านชนหลังบ้าน ความกว้างระหว่างตึกส่งผลต่อทั้งเรื่องวิวในระยะใกล้ที่เป็นการมองเห็นระหว่างอาคารว่าจะรบกวนเรื่องความเป็นส่วนตัวของเพื่อนบ้านหรือไม่ เรื่องแสงธรรมชาติเข้าถึงห้องชั้นต่างๆภายในโครงการ อย่างในภาพ หากไม่ใช่ช่วงเที่ยงที่มีแสงลงมาตรงๆในแนวดิ่ง ชั้น 1 ส่วนภายในบ้างจะได้รับแสงแดดน้อยมาก และเรื่องอากาศภายเทภายในบ้างอีกด้วย

ระหว่างบ้านแต่ละหลังก็จะมีท่อระบายน้ำ ไฟหน้าบาน กริ่งหน้าบ้าน และตู้จดหมาย

ส่วนเสาไฟฟ้าและมิเตอร์น้ำ-ไฟก็ตั้งอยู่ระหว่างยูนิต โยงมาจากซอยหน้าโครงการเข้ามาภายใน มีเสาไฟฟ้าอยู่หน้าบ้านแล้วจึงโยงเข้ายูนิตที่ชั้น 2 เก็บความเรียบร้อยได้ดีนะคะ

เดินมาเรื่อยทางแยกถนนภายในโครงการขวามือจนสุดซอยเป็นรั้วโครงการ โดยด้านหลังจะเป็นทางเดินเท้า และข้ามซอยเพชรเกษม 48 ไปจะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นโดยชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของและบริการ ด้านซ้ายเป็นทางเข้าตลาดวัดชัยฉิมพลี ส่วนถัดไปเป็นพื้นที่โรงเรียนวัดไชยฉิมพลี

เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายถนนภายในโครงการตรงนี้ไปดูส่วนของโฮมออฟฟิศตึก C กันค่ะ

เลี้ยวซ้ายบนถนนโครงการ ซ้ายมือก็ยังเป็นโฮมออฟฟิศตึก C และลึกเข้าไปเป็นตึกที่ยังไม่เปิดขาย หันหน้าบ้านเข้าถนนโครงการ ด้านขวาเป็นที่จอดรถรอบโครงการอีกส่วนหนึ่ง

ตรงมาเรื่อยๆสุดทางหลังป้ายก็ยังเป็นอาคารโฮมออฟฟิศอีก 2 อาคารที่ยังไม่เปิดขาย หันหน้าเข้าโครงการ หันหลังให้นอกพื้นที่ ด้านขวาเป็นทางเข้าโครงการจากซอยเพชรเกษม 48 อีกจุดหนึ่งที่แบ่งทางเข้า-ออกชัดเจนเช่นกัน มีรั้วกั้นไม้กระดกไฟฟ้าด้วย Key Card Access ระยะใกล้ และ CCTV ส่องเข้ากระจกฝั่งคนขับและป้ายทะเบียนเช่นกัน แต่ทางเข้าส่วนนี้จะมีความกว้างน้อยกว่าทางเข้าจากซอยจรัญฯ 13 ทำให้ทางเข้าทางนี้เป็นทางเข้าทางรอง ปัจจุบันกั้นเป็นทางปิดห้ามเข้าใช้เป็นทางเข้า-ออกของรถส่งของพวกวัสดุตกแต่ง และก่อสร้างเท่านั้น

มีประตูปิดห้ามเข้าตั้งแต่พื้นที่ตรงจุดนี้เป็นต้นไปที่ยังเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่ยังสร้างอยู่และยังไม่เปิดขาย

ออกมาที่ประตูทางเข้า-ออกโครงการซอยเพชรเกษม 48 มองไปทางขวามือเป็นทางเข้าโรงเรียนไชยฉิมพลีวิทยาคม มีทางม้าลายข้ามระหว่างสองข้างทาง ทางเดินเท้าอยู่ในสภาพดี

มาทางด้านซ้าย ฝั่งตรงข้ามก็ยังเป็นพื้นที่ของโรงเรียนไชยฉิมพลีวิทยาคมอีกเช่นกัน

กลับมาที่ถนนแยกซ้ายภายในโครงการที่ซ้ายมือเป็นที่จอดรถรอบโครงการของผู้มาติดต่อและแขกของลูกบ้าน รถที่จอดรอบโครงการไม่นับส่วนที่จอดภายในยูนิต จะมีที่จอดรถรวมซ้อนคันประมาณ 50 คัน โดยเงื่อนไขการจอดรถมีอยู่ว่า 3 ชั่วโมงแรกจะจอดฟรี หากมีตราประทับจากลูกบ้าน หลังจาก 3 ชั่วโมงเป็นต้นไปเก็บชั่วโมงละ 100 บาท เงื่อนไขตรงนี้มีไว้กวดขันสำหรับบุคคลภายนอกที่เข้ามาจอดรถภายในโครงการโดยไม่ได้รับอนุญาตค่ะ ส่วนลูกบ้านทั้งส่วนของโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮมสามารถจอดรถรอบพื้นที่โครงการได้ตามปกติ เดี๋ยวจะพาเดินเข้าไปดูฝั่งของทาวน์โฮมที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นกันบ้างนะคะ จากตรงนี้เราจะเดินไปจดสุดรั้วด้านหน้าเพื่อไปดูทางเข้ากัน

เดินมาจนสุดถนนภายในโครงการ จะเจอป้อมพี่ยามอยู่ด้านซ้าย และป้ายปิดถนนโครงการที่กั้นส่วนก่อสร้างของโฮมออฟฟิศที่ยังไม่เสร็จ ข้างป้อมพี่ยามจะมีทางเดินสองแบบ คือทางเดินเข้า-ออกสำหรับคนเดินธรรมดา และทางเข้า-ออกของรถยนต์

ด้านซ้ายของป้อมยามเป็นทางเดินเข้า-ออกไปมาได้ มีรั้วกันเปิด-ปิดเรียบร้อย

ส่วนด้านขวาของป้อมพี่ยามเป็นประตูรั้วโครงการส่วนทาวน์โฮมอีกชั้นหนึ่งเป็นแบบรั้วเลื่อนไฟฟ้าด้วย Key Card Access ระยะใกล้ที่มี CCTV จับกระจกข้างคนขับและป้ายทะเบียนรถ มีไฟสนามส่องสว่างสำหรับเวลากลางคืน ไม่ใช่ระบบไม้กั้นเหมือนทางเข้าโครงการด้านหน้า

ประตูรั้วไฟฟ้าเวลาเปิด-ปิด

จุดแสกนบัตรเข้า-ออก ด้วย Key Card Access ระยะใกล้

ด้านซ้ายเป็น CCTV จับกระจกข้างคนขับและป้ายทะเบียนรถ

หลังจากผ่านประตูทางเข้ามาแล้ว 2 ชั้น ก็จะเข้ามาถึงถนนภายในโครงการอีก 1 เส้น ด้านซ้ายเป็นสวนหย่อมหน้า Club House ขนาด 0-1-26.8 ไร่ ด้านหลังมี Club House สูง 2 ชั้น มีทางเดินริมส่วนหย่อมที่เชื่อมมาจากทางเดินด้านข้างป้อมยาม ส่วนด้านขวาเป็นโครงการทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น อาคาร I และ J มีช่องว่างระหว่างอาคารเป็นพื้นที่สีเขียว เดินไปสุดถนนจะมีทางเลี้ยวขวา เพื่อไปยังอาคารอื่นๆของทาวน์โฮม

ทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น แต่ละหลังหน้ากว้าง 5 เมตร หันหน้าออกสูงถนนภายในโครงการ กว้าง 9 เมตร

พื้นที่สีเขียวระหว่างอาคารของทาวน์โฮมจะไม่มีรั้วเหล็กกั้นเหมือนพื้นที่ว่างระหว่างอาคารของโฮมออฟฟิศ ดูเป็นกันเองและสบายตามากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากใครไม่ได้ขับรถเข้าโครงการ สามารถเดินตัดเข้าบ้านของตัวเองได้ตามสวนหย่อมระหว่างอาคารเลยค่ะ

ทางเดินข้างสวนหย่อมหน้า Club House ข้อดีของสวนหย่อมนอกจากจะไว้เดินเล่นในช่วงเย็นๆได้แล้ว ยังถือเป็นลานกิจกรรมของเด็กๆ ลานปิกนิก หรือเอาเต้นท์สนามมาวางนั่งเล่นกันระหว่างเพื่อนบ้านก็ได้นะคะ

เดินจากทางเดินข้าง Club House มาจะเจอ Club House สูง 2 ชั้น ของจริงอยู่ที่สุดทางเดิน มีที่จอดรถหน้าอาคาร 3 คัน Facilities ของโครงการประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ มีที่นั่งรอบสระว่ายน้ำพร้อมร่ม, ห้องน้ำแยกชาย-หญิงพร้อม Locker เก็บของอยู่ภายในห้องน้ำ และWi-Fi ฟรีที่ Club House บนชั้น 2 จะมีห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง และห้องนิติบุคคลค่ะ

การใช้งานของ Facilities ของโครงการ ลูกบ้านของโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮมสามารถเข้ามาใช้งานได้ทั้งหมด ไม่จำกัดจำนวน แต่ด้วยขนาดโครงการที่ไม่ใหญ่มาก 93 ยูนิต ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการก็จะไม่ใหญ่มากตาม การใช้งานก็อาจจะไม่หนาแน่นมากเหมือนกัน

สระว่ายน้ำมองจากส่วนที่จอดรถหน้า Club House นะคะ

มองมาทางขวาของที่จอดรถกันบ้างเป็นทางเข้า Club House พื้นที่บริเวณชั้น 1 เปิดเป็นแบบ Outdoor จะปูด้วยทรายล้าง รองรับสำหรับการเปียกได้ทั่วทั้งบริเวณ

ตรงเข้ามาเป็นทางเลี้ยวขวาเข้าสระน้ำ และห้องน้ำแยกชาย-หญิง หรือขึ้นบันไดไปฟิตเนตและห้องนิติบุคคล

เราจะมาดูกันที่ชั้น 1 ก่อนนะคะ เลี้ยวขวามาจะเจอสระว่ายน้ำ โดยมีสระเด็กกั้นอยู่ริมขอบสระ และทางขวาเป็นห้องน้ำชาย-หญิงและห้องแม่บ้าน

ทางขวาเป็นห้องน้ำหญิง มองตรงคือห้องเก็บอุปกรณ์แม่บ้าน และทางซ้ายคือห้องน้ำชาย

ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้อง 40 x 40 เซนติเมตร ด้านขวาเป็นห้องน้ำ 3 ห้องและห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ด้านซ้ายเป็นเคาท์เตอร์อ่างล้างมือ 2 อ่างและล็อกเกอร์เก็บของ 4 ช่อง

ออกมาเป็นสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5.9 x 7.5 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.60 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตร พื้นที่บริเวณ์สระเด็กจะอยู่ในร่ม ส่วนสระผู้ใหญ่ทั่วไปอยู่กลางแจ้ง ริมสระว่ายน้ำด้านขวาเป็นที่ชุดเก้าอี้ที่นั่งพักผ่อน มองตรงไปเป็นวิวสวนหย่อม

ชุดเก้าอี้ข้างสระมี 2 ชุดค่ะ แต่กลางวันแดดแรงๆคงไม่ค่อยมีลูกบ้านมาใช้งาน ด้านซ้ายริมรั้วจะมีพื้นที่ล้างตัวอยู่ 1 ช่อง

พื้นที่ล้างตัวชิดติดริมกำแพงโครงการ

ทางขึ้นชั้น 2 พื้นบันไดปูด้วยทรายล้าง มีราวจับบันไดอยู่ด้านซ้าย และช่องเปิดทั้งเป็นแบบหน้าต่างและบาน Fix อยู่ที่ชานพักบันไดไว้ระบายอากาศ

เมื่อขึ้นมาบนชั้น 2 จะมีกระจกใสไว้มองวิวอีกเช่นกัน บานตรงกลางเป็นบาน Fix ส่วนกระจกริมสองด้านเป็นบานกระทุ้งเปิดรับลม

ด้านขวาของบันไดเป็นพื้นที่ว่าง ปูด้วยกระเบื้องแบบมันสีเบจ มีช่องแสงอยู่ตามผนัง และเป็นพื้นที่กลางเปิดเข้าได้ถึง 2 ห้อง ห้องซ้ายคือห้องฟิตเนส ส่วนห้องขวาคือห้องนิติบุคคล

ภายในเป็นห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง มีเครื่องปรับอากาศและกระจกมองวิวสวนหย่อมด้านหน้า พร้อมม่านบังแดด

วิวมองตรงจากห้องออกกำลังกายคือสวนหย่อมหน้า Club House

มองไปทางด้านซ้ายจะเป็นอาคารโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้น และถนนภายในโครงการ

ด้านขวาเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ที่ติดกับซอยจรัญฯ 13

ออกมาจาก Club House เดินตามถนนทางขวามือไปเรื่อยๆ ตรงไปจะเป็นพื้นที่สีเขียวเล็กๆอีกจุดหนึ่ง และมีถนนแยกทางด้านขวาอีก 2 ซอย เป็นซอยที่สามารถเข้าถึงทาวน์โฮมได้อีก 4 แถวยาวๆ โดยจะหันหน้าออกสู่ถนนภายในโครงการ และหันหลังบ้านชนกัน สองข้างทางเดินจะปลูกเป็นหญ้าจริง ความกว้างสามารถเดินได้ ดังนั้นถ้าอยากเลี่ยงการเดินบนถนนคอนกรีต เดินบนทางเดินหญ้าสองด้านก็เปลี่ยนความรู้สึกดีนะคะ ริมกำแพงรอบโครงการยังปลูกเป็นไม้พุ่มเพิ่มการมองเห็นพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ

ประตูรั้วบ้านของทาวน์โฮมแต่ละหลังจะไม่ปิดทึบ แต่จะใช้ไม้พุ่มสูงประมาณ 40 เซนติเมตรจากพื้นเป็นรั้วแทน แซมด้วยไฟสนามตลอดทางเดิน ด้านข้างมี CCTV รอบโครงการรวม 27 จุด

ทาวน์โฮมหันหน้าเข้าหาถนนภายในโครงการ กว้าง 9 เมตร และหันหลังชนกัน มีเสาไฟอยู่หน้าบ้านเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แล้วโยงเข้าแต่ละยูนิตที่บนชั้น 2 ภายในบ้านแต่ละบ้านจะมีต้นไม้ปลูกอยู่ที่หน้าบ้าน พื้นที่สีเขียวของโครงการนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควร

รั้วโครงการแบบก่อปูนทึบสูง 3 เมตร บวกรั้วโปร่งต่อเพิ่มอีก 60 เซนติเมตร รวมเป็น 3.60 เมตร แต่สังเกตว่ารั้วโปร่งที่เห็นในภาพสองฝั่งจะไม่เหมือนกัน รั้วโปร่งปกติรอบโครงการจะเป็นแบบซ้ายมือ คือเหมือนเป็นเหล็กแหลมแนวตรงขึ้นมา ส่วนด้านขวามือจะเป็นรั้วขาวที่ค่อนข้างทึบกว่า เนื่องจากอีกฝั่งหนึ่งของกำแพงโครงการเป็นบ้านพักอาศัยอยู่ในระยะใกล้ เกรงว่าจะรบกวนความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน และเพื่อนบ้านหลังรั้ว

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Club House 2 ชั้น 1 หลัง
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5.9 x 7.5 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.60 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
  • สวนหย่อมหน้า Club House 0-1-26.8 ไร่
  • ที่จอดรถรอบโครงการสำหรับผู้มาติดต่อเพิ่ม 50 ช่อง
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 27 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 0.6 เมตร รวมสูง 3.6 เมตร
  • Wi-Fi ฟรีที่ Club House
  • ส่วนของโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮม ถูกแบ่งแยกชัดเจนด้วยระบบ Double Gate ป้องกันการรบกวนจากผู้ติดต่อภายนอก
  • ส่วนเข้าประตูรั้วโครงการส่วนโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮมชั้นแรกเป็นแบบรั้วกั้นไม้กระดกไฟฟ้าด้วย Key Card Access ระยะใกล้
  • ส่วนเข้าประตูรั้วโครงการส่วนทาวน์โฮมอีกชั้นหนึ่งเป็นแบบรั้วเลื่อนไฟฟ้าด้วย Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
  • ถนนหลักกว้าง 9 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร

 


Product Walkthrough

homeoffice plan

โครงการแบ่งออกเป็นโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น 50 ยูนิต และทาวน์โฮม 3 ชั้น 43 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 93 ยูนิต เราจะมาเริ่มกันที่โฮมออฟฟิศ แบบที่มีจำนวนยูนิตมากกว่านะคะ ที่ดินแปลงมาตรฐาน 20.7 ตร.วา สำหรับโฮมออฟฟิศ หน้ากว้าง 5 เมตร 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถได้แต่จะเบียดๆกันหน่อย ผ่านรั้วเตี้ยเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถ 2 คัน ส่วนหน้าบ้านที่เปิดประตูเข้าไปห้องรับรองลูกค้า หรือเป็นส่วนหน้าร้านของออฟฟิส ลึกเข้าไปด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ บันไดด้านขวา และประตูตรงกลางเปิดไปสู่หลังบ้าน

ขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองที่เป็นชั้นลอย เป็นห้องเปิดโล่ง ดีไซน์ไว้ให้เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ ชั้น 3 จัดเป็นห้องทำงานขนาดใหญ่และมีระเบียงอยู่ด้านหน้าบ้าน เดินลึกเข้าไปหลังบ้านจะมีห้องทำงานที่ออกแบบเป็นห้องทำงานเดี่ยวของผู้จัดการร้านหรือเจ้าของ ห้องน้ำสามารถเปิดได้จากทั้งห้องทำงานรวมและห้องทำงานเล็กด้านใน บนชั้น 4 มีห้องนอนสองห้อง ส่วนหน้าบ้านที่มีระเบียง และห้องนอนหลังบ้าน และห้องน้ำที่เข้าได้จากทางเดินและห้องนอนด้านหน้า

ภายนอกของโฮมออฟฟิศตัวอย่าง 4 ชั้น เน้นที่การใช้งานทั้งส่วนการเป็นสำนักงานและการอยู่อาศัย ชั้น 1 จึงมีเพดานสูงเพื่อการรองรับการเป็นหน้าตาของร้าน และมีชั้นลอยที่ชั้น 2 ส่วนชั้น 3-4 เป็นชั้นที่เริ่มเปลี่ยนการใช้งานเป็นพื้นที่ทำงานของพนักงาน และห้องนอน ทำให้มีระเบียงอยู่หน้าบ้านทั้งสองชั้น รูปร่างของโฮมออฟฟิศเป็นแบบสี่เหลี่ยมทรงสูงธรรมดาโทนสีภายนอกเน้นขาว-น้ำตาล แซมด้วยกระจกตัดแสงสีออกเขียวๆ

พื้นที่สำนักงานขายจะกินพื้นที่ชั้นล่างของ 2 ยูนิตนี้นะคะ ส่วนยูนิตตัวอย่างจริงๆคือยูนิตที่สองจากด้านขวา แต่ทางโครงการทำทางเข้า-ออกอยู่ที่ยูนิตด้านขวาสุด ยูนิตตัวอย่างที่อยู่ที่ 2 จากฝั่งขวาเปิดเข้าไม่ได้โดยตรง

อย่างที่กล่าวไปว่าโฮมออฟฟิสบ้านตัวอย่างเป็นยูนิตเดียวกับที่เอามาทำเป็นพื้นที่สำนักงานขาย ดังนั้นพื้นที่ที่จอดรถด้านหน้าเขาจึงตกแต่งพื้นด้วยแผ่นหญ้าเทียม กระถางต้นไม้เพิ่มความเขียว ชุดเก้าอี้ และร่มสนาม ความจริงพื้นที่ตรงนี้เป็นที่จอดรถ กว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน เบียดๆกันหน่อย

ด้านหน้าของยูนิตตัวอย่าง เอาประตูบานเปิดและช่องแสงบาน Fix ออก แล้วกั้นประตูลึกเข้าไปตรงกับผนังของชั้นลอยแทน เพิ่มความลึกของพื้นที่ระเบียงหน้าบ้านเข้าไป จัดวางด้วยชุดเก้าอี้นั่งเล่น และที่วางรองเท้า

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในส่วน Living พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้สีอ่อน 60 x 60 เซนติเมตร

ความสูงของโฮมออฟฟิศชั้น 1 อยู่ที่ 2.8 เมตรถึงฝ้าเพดาน ช่วยทำให้ห้องดูกว้างและโล่ง

บรรยากาศภายในยูนิตตัวอย่าง เปิดประตูเข้ามาจะเจอเคาท์เตอร์พนักงาน ที่ตกแต่งเหมือนร้านกาแฟโมเดิร์นสมัยนี้ที่เน้น Material ไม้, Wallpaper ลายอิฐสีเทา และทาสีดำที่ผนัง

ส่วนด้านซ้ายของทางเข้าเป็นส่วนรับรองลูกค้าและผู้สนใจโครงการ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ทั้งชุดโซฟาใหญ่ๆ 2 ชุด และชุดโต๊ะ-เก้าอี้อีก 2 ชุดใหญ่ ทั้งยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่พอสมควร

หันไปทางด้านหน้าของโฮมออฟฟิศที่เป็นทางเข้าที่ถูกต้อง ไม่มีการร่นระยะประตูทางเข้าหรือปรับปรุงเพิ่มเติม มีช่องแสงแบบ Fix อยู่ทั้งสองด้าน และตรงกลางเป็นประตูเปิด-ปิดบานใหญ่ แบบผลัก-ดึง

เมื่อมองขึ้นไปด้านบนเพดาน ชั้น 2 เป็นชั้นลอย ทำให้เพดานชั้น 1 ดูสูงขึ้น สามารถติดโคมไฟจากด้านบนลงมาอย่างในรูปได้ หรือจะไม่ติดเลยก็ได้นะคะ เพราะว่าพื้นที่ด้านหน้าชั้น 1 มีช่องแสงจากธรรมชาติเพียงพออยู่แล้ว

แหงนขึ้นไปมองชั้นลอยบนชั้น 2 ที่แต่งด้วยกรอบอลูมิเนียมทาสีดำ พร้อมกระจกติดฟิล์มกันแดดบาน Fix

มองจากด้านหน้าบ้าน ลึกเข้าไปหลังบ้านของชั้น 1

ด้านในมีประตูด้วยกัน 3 บาน บานขวาสุดคือเข้าไปห้องเก็บของใต้บันได บานกลางคือบานที่เปิดออกไปยังส่วนหลังบ้าน และบานซ้ายสุดคือเข้าห้องน้ำบนชั้น 1

ห้องน้ำขนาด 3.30 x 150 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 4 ส่วน อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ส่วนอาบน้ำส่วนเปียก และโถสุขภัณฑ์สำหรับผู้ชายอยู่หลังประตูด้านซ้ายมือ

พื้นห้องน้ำเป็นพื้นลดระดับลงไป 5 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องสีเข้มแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

อ่างล้างหน้าพร้อมเคาท์เตอร์ที่วางของ การตกแต่งของห้องน้ำห้องนี้ค่อนข้างเป็นสไตล์ Industrial นะคะ คือมีความดิบของวัสดุ ทั้งสีและพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นเคาท์เตอร์ที่เป็นปูนฉาบธรรมดาทาด้วยสีดำ และผนังที่กรุด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลอ่อน ก๊อกน้ำที่ทำจากท่อสีแดงลงมาจากเพดาน

พื้นที่ซ้ายมือด้านหลังประตูเป็นโถสุขภัณฑ์สำหรับผู้ชายติดกับผนัง

ข้างขวาเป็นโถสุขภัณฑ์ สายชำระ และที่แขวนทิชชูพร้อมถังขยะ

ขวาสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำ มีการเจาะช่องวางเครื่องใช้ในห้องน้ำให้ด้วย 4 ช่อง พื้นส่วนเปียก ขนาด 0.90 x 1.20 เมตร ยังปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเข้ม ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีช่องเปิดขนาดเล็กแบบบานกระทุ้งกระจกฝ้า ที่เปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ด้านหลังบ้าน

มาถึงบานประตูเปิดไปสู่หลังบ้านเป็นบานและวงกบสำเร็จรูป UPVC

ประตูเปิดออกไปสู่หลังบ้าน ลดระดับลงไป 15 เซนติเมตร

พื้นที่หลังบ้านขนาด 5 x 5.8 เมตร พื้นปูด้วยหินกรวดขนาดใหญ่ ท่อน้ำทิ้ง และบางส่วนยกระดับปูด้วยพื้นลายไม้ แบ่งออกเป็นส่วนนั่งเล่น ผนังกั้นหลังบ้านสูงประมาณ 2 เมตร ก่อปูนเป็นกระถางปลูกต้นไม้บังสายตา แต่ต้องคอยหมั่นตัดแต่งต้นไม้นะคะ ถ้าปล่อยให้รก หนา และสูงเกินไป จะกลายเป็นส่วนที่กั้นแสงธรรมชาติ และอากาศถ่ายเท

พื้นที่หลังบ้านอีกด้านเป็นส่วนที่วางปั้มน้ำ แท๊งค์น้ำ ก๊อกน้ำ และปลั๊กไฟ ช่องบานเปิดด้านขวาคือส่วนที่เปิดออกมาจากห้องน้ำ ส่วนบานเปิดด้านซ้ายเป็นช่องเปิดส่วนของทางขึ้นบันไดไปยังชั้น 2

แหงนมองขึ้นด้านบนของส่วนหลังบ้านจะเป็นทางหนีไฟ ที่วาง Compressor แอร์ และช่องบานเปิดต่างๆ

แอบมาดูพื้นที่หลังบ้านของโฮมออฟฟิศยูนิตเพื่อนบ้าน รั้วกั้นระหว่างบ้านสูงประมาณ 2 เมตร

กลับมาที่บันไดทางขึ้นชั้นสองกันนะคะ รูปร่างบันไดเป็นรูปตัว L มีชานพักอยู่ตรงมุมห้อง ลูกนอนของบันไดทำจากไม้บันไดสำเร็จรูปลายไม้ ราวบันไดเป็นเหล็กทาสี ด้านข้างมีช่องแสง 2 ช่องจากส่วนหลังบ้าน สามารถนำม่านมูลี่มาปิดบังแดดได้เหมือนในภาพ

ช่องแสงตรงบันไดเป็นแบบบานเปิดกระทุ้งออกไปยังพื้นที่หลังบ้าน ทำจากกรอบอลูมิเนียมทาสี

ทางขึ้นบันไดจากชานพักชั้น 1 ไปยังชานพักชั้น 2 และชั้น 3 เป็นแบบเป็นทางยาวขึ้นไปตรงๆ

มองลงมาจากชั้น 2 บันไดเป็นรูปตัว L

พื้นบนชั้น 2 ยังเป็นกระเบื้องเงาสีอ่อนขนาดต่อเข้าไปจากชานพัก 60 x 60 เซนติเมตร

พื้นที่บนชั้น 2 ออกแบบมาให้จัดเป็นห้องประชุมใหญ่ ห้องเดียวกินพื้นที่ทั้งชั้น อย่างในภาพจะแบ่งเป็นพื้นที่ทำงาน 2 ส่วน โดยมีฉากกั้นตรงกลางเป็นจุดแบ่ง จากพื้นถึงฝ้าสูง 2.8 เมตร

พื้นที่ฝั่งซ้ายสามารถวางโต๊ะทำงานและเก้าอี้ได้ 4 ที่นั่ง สามารถเติมที่นั่งหัวท้ายได้อีก 2 ที่ รวมเป็น 6 ที่นั่ง มีการต่อเติมที่กั้นพื้นที่ชั้นลอยด้วยกระจกบาน Fix ที่กรอบทำจากอลูมิเนียมทาสี

สามารถมองลงไปยังส่วนหน้าของชั้น 1 ได้

มองกลับมาจากส่วนหน้าเข้ามายังส่วนหลังบ้าน หลังฉากกั้นสามารถวางโต๊ะทำงานและเก้าอี้ได้อีก 4 ที่นั่ง ด้านซ้ายจัดเป็นชั้นวางแฟ้มเอกสาร ที่มีฉากเลื่อนปิดเป็น Whiteboard จดงานไปด้วยในตัว

โต๊ะทำงานและเก้าอี้ได้อีก 4 ที่นั่ง ถ้าจัดให้แน่นๆหน่อยตามการใช้งานจริงสามารถเติมได้เป็น 6 ที่นั่ง ด้านหลังมีหน้าต่างบานเลื่อนเปิดออกไปเป็นพื้นที่หลังบ้าน

ผนังด้านในจัดเป็นชั้นวางแฟ้มเอกสาร วางของ หรือกล่องเก็บอุปกรณ์ ที่มีฉากเลื่อนทั้งรางล่างและรางบนปิดเป็น Whiteboard จดงานไปด้วยในตัว ทั้งยังสามารถซ่อนแอร์ไว้ระหว่างชั้นได้

ผนังอีกด้านหนึ่งที่ติดกับบันไดตกแต่งติด Wallpaper เป็นแบบอิฐสีดำ และบานประตูเลื่อนลายไม้

หลังบานประตูเลื่อนลายไม้ความจริงแล้วเป็นพื้นที่ภายในของห้องเก็บของใต้บันได พื้นปูด้วยกระเบื้องลายขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

บันไดจากชั้น 2 ไปยังชั้น 3 ก็เป็นแบบทางเดียวยาวๆ ลูกนอนของบันไดทำจากไม้บันไดสำเร็จรูปลายไม้ ราวบันไดเป็นเหล็กทาสี

พื้นที่ส่วนแรกที่ขึ้นมาบนชั้น 3 จะเจอเลยคือส่วนนั่งเล่นของพนักงาน นั่งได้ประมาณ 6 คน รวมหัวท้ายเข้าไปได้อีก 2 ที่ รวมเป็น 8 ที่นั่ง บนชั้นนี้จะเป็นส่วนพักผ่อนของพนักงานมากกว่าพื้นที่ทำงานเหมือนชั้น 2 พื้นปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. จากพื้นถึงฝ้าสูง 2.4 เมตร

มีช่องแสงส่วนหน้าบ้านอยู่ 2 แบบ คือส่วนหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ทั้งสองทาง ส่วนทางด้านขวาคือประตูบานเลื่อนที่เปิดได้ทั้ง 2 ทางเช่นกัน เป็นแบบกรอบอลูมิเนียมทาสีดำ กรอบทั้งบนและล่าง โดนที่กรอบประตูด้านล่างจะฝั่งลงไปในพื้น ทำให้ไม่ต้องเดินก้าวข้าม จากประตูบานเลื่อนสามารถออกไปสู่ระเบียงหน้าบ้าน

พื้นระเบียงลดระดับลงจากพื้นที่ภายในห้องอยู่ประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นระเบียงกว้าง 80 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเข้มแบบด้านขนาด 40 x 40 เซนติเมตร โดยขอบรอบๆก่อปูนขึ้นมาสูงกว่าพื้นที่ระเบียง

ประตูบานเลื่อนเป็นแบบล็อกได้จากด้านใน เลื่อนได้ทั้งสองทาง

ฝั่งซ้ายของระเบียงเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์ พื้นเทด้วยปูนปาดเรียบธรรมดา มีโครงเหล็กตกแต่งบังสายตาจากภายนอกเรียบร้อย

ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่ระเบียงตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ ความจริงแล้วความกว้างแค่เพียง 80 เซนติเมตร ไม่สามารถวางอะไรได้มากไปกว่าการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ไม่สามารถวางเก้าอี้นั่งได้ หลังกระถางต้นไม้เป็นท่อน้ำทิ้ง ราวกันตกทำจากเหล็กทาสี ตรงกลางเป็นกระจก Temper สีออกเขียวอ่อนๆ สูง 1.20 เมตร

ลึกเข้ามาจากพื้นที่นั่งเล่นของพนักงาน เป็นชั้นวางหนังสือที่มีบานเลื่อนเป็น Whiteboard อีกเช่นกัน

ถัดจากชั้นวางหนังสือ ด้านในซ้ายมือพื้นที่ว่างก่อนถึงทางเข้าห้องน้ำสามารถจัดเป็นเคาท์เตอร์ครัว สำหรับอาหารว่างในช่วงกลางวัน แต่อย่างในรูปจะเป็นครัวที่ค่อนข้างครบครัน คือมีทั้งอ่างล้างจาน ที่เตรียมอาหาร และ Hob and Hood ที่ความจริงเวลาทำอาหารจัดเต็มขนาดนี้ จะดีกว่าหากอยู่แยกครัวออกไป เพราะการทำอาหารจะทำให้เกิดกลิ่น การทำอาหารกลางบ้านขนาดนี้จะทำให้อากาศถ่ายเทได้ไม่ดี

ประตูด้านหน้าเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นทางเข้าห้องทำงานเล็ก ขวาสุดเป็นประตูเปิดของห้องเก็บของใต้บันได

ห้องน้ำขนาด 3.30 x 1.50 เมตร เท่าห้องน้ำชั้น 1 สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน อ่างล้างหน้าปกติพร้อมกระจกบานใหญ่ ไม่มีเคาท์เตอร์วางของ โถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำส่วนเปียก มีช่องวางข้าวของเครื่องใช้ 4 ช่อง ผนังกรุด้วยกระเบื้องสีเข้มที่ส่วนแห้ง และสีอ่อนที่ส่วนเปียกขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แบบด้าน มีช่องเปิดขนาดเล็กแบบบานกระทุ้งกระจกฝ้า ที่เปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ด้านหลังบ้าน

ห้องทำงานเล็กขนาด 3.3 x 4.1 เมตร ออกแบบไว้สำหรับเป็นห้องทำงานเดี่ยวของผู้จัดการ หรือหัวหน้า ที่อยู่บริเวณด้านหลังบ้าน มีชั้นวางของอยู่ด้านหลังที่นั่ง และหน้าต่างแบบเลื่อนเปิดได้ 2 ด้านอยู่ 2 ชุด

มุมจากห้องทำงานเล็ก

เราจะขึ้นบันไดไปยังชั้น 4 กันต่อนะคะ รูปร่างบันไดจากชั้น 3 ไปยังชั้น 4 เป็นแบบตัว U คือมีชานพักอยู่กึ่งกลางพอดี

บนชั้น 4 จะออกแบบการใช้งานต่างกับชั้นอื่นๆ คือเป็นส่วนพักผ่อนมากกว่าส่วนทำงานอย่างชั้นที่ผ่านๆมา เมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้น 4 จะเจอทางเดิน มีทางแยกหลายทางคือทางซ้ายไปยังห้องนั่งเล่นส่วนหน้าบ้าน ห้องตรงกลางเป็นห้องน้ำ และด้านขวาเป็นห้องนอนหลังบ้าน พื้นบนชั้น 4 ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. เช่นเดียวกับบนชั้น 3 จากพื้นถึงฝ้าสูง 2.8 เมตร

ห้องนั่งเล่นส่วนหน้าบ้านขนาด 3.8 x 4.8 เมตร สามารถวางโซฟารูปตัว L ได้เต็มๆที่ฝั่งซ้าย และทางขวาสามารถตัดเป็นทีวีขนาดใหญ่และชั้นวางของหรือจะเป็นตู้โชว์ได้เลย ระยะทีวีอยู่ที่ประมาณ 5 เมตร ทีวีอาจจะจัดเป็น Home Theater ได้สบายๆ

พื้นที่นั่งเล่นตรงนี้เป็นฉากกั้นบังสายตาธรรมดา ไม่ใช่ห้องปิดทึบ ถ้ามีห้องที่ไม่ก่อผนังปิดแบบนี้มากๆๆ สำหรับคนขี้ร้อนที่อยู่ประเทศไทยแล้ว ชอบเปิดแอร์ทั้งวัน อาจจะค่าไฟขึ้นได้นะคะ เพราะไม่มีผนังปิดครบทั้งสี่ด้าน พื้นที่ฝั่งซ้ายสามารถวางโซฟาชุดใหญ่ได้โดยขนาดความกว้างอยู่ที่ 3.8 เมตร และยังสามารถวางเก้าอี้เดี่ยวได้อีก 1 ตัว

พื้นที่ตรงข้ามกับส่วนโซฟาเป็นผนังขนาดใหญ่ สามารถวางทีวีได้เต็มๆ รวมไปถึงชั้นอ่านหนังสือ ชั้นวางของ ตู้โชว์ ประตูด้านขวาเป็นประตูที่สามารถเข้าถึงห้องน้ำได้

มีช่องแสงส่วนหน้าบ้านอยู่ 2 แบบ คือส่วนหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ทั้งสองทาง ส่วนทางด้านขวาคือประตูบานเลื่อนที่เปิดได้ทั้ง 2 ทางเช่นกัน เป็นแบบกรอบอลูมิเนียมทาสีดำ กรอบทั้งบนและล่าง โดนที่กรอบประตูด้านล่างจะฝั่งลงไปในพื้น ทำให้ไม่ต้องเดินก้าวข้าม จากประตูบานเลื่อนสามารถออกไปสู่ระเบียงหน้าบ้าน

หันหน้าไปทางหลังบ้านจะเจอห้องน้ำทางซ้ายมือ และทางเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยู่หลังบ้าน

พื้นปูด้วยกระเบื้องสีอ่อนแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ลดระดับลงไป 5 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 3.40 x 170 เมตร  สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกขนาดใหญ่ โถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำส่วนเปียก

พื้นที่ส่วนเปียกขนาด 0.9 x 1.30 เมตร ลดระดับลงไป ประมาณ 3 เซนติเมตร มีท่อน้ำทิ้งอยู่ที่มุมห้อง

ห้องน้ำสามารถเข้าได้จาก 2 ทางคือจากห้องนั่งเล่น และทางเดินกลาง

ห้องสุดท้ายที่เราจะไปดูกันคือห้องนอนที่อยู่ส่วนหลังบ้านของชั้น 4 นะคะ อยู่สุดทางเดินเลย

ภายในเป็นห้องนอนขนาด 4.1 x 4.8 เมตร ที่มีเตียงขนาด 6 ฟุตวางอยู่ตรงกลาง สองฝั่งเป็นโต๊ะข้างเตียงพร้อมไฟหัวเตียงดีไซน์แปลกตาดี ผนังปูด้วย Wallpaper ลายอิฐสีขาว

ด้านซ้ายมือจัดเป็น Walk-in Closet และโต๊ะเครื่องแป้ง ที่เว้นระยะจากฉากกั้นเพื่อเป็นจุดวางทีวี และชั้นวางของได้เล็กน้อย

มีช่องแสงส่วนหน้าบานอยู่ 2 แบบ คือส่วนหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ทั้งสองทาง และส่วนช่องแสงเล็กทางด้านซ้าย เป็นแบบบานเปิดซ้ายและบานกระทุ้งด้านบน

มองออกไปนอกหน้าต่างหลังบ้านจะเจอส่วนหลังบ้านของโฮมออฟฟิศที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ระยะระหว่างตึกอยู่ที่ประมาณ 11 เมตร

 

โฮมออฟฟิศแบบบ้านเปล่า

ตัดมาที่ห้องเปล่าของทาวน์โฮม 4 ชั้น กันบ้างนะคะ ยูนิตส่วนนี้จะเป็นแบบพิเศษที่มีหน้าบ้านหันหน้าออกไปยังซอยจรัญฯ 13 มีทั้งหมด 2 อาคาร คืออาคาร A และ B รวม 11 ยูนิต เหมาะสำหรับการเปิดชั้นล่างเป็นร้านอาหาร ค้าขาย หรือร้านที่มีคนเข้า-ออกเยอะเป็นพิเศษ ดังนั้นทำให้พื้นที่จอดรถเปลี่ยนไปอยู่ส่วนหลังบ้านภายในโครงการแทน

เร่ิมกันที่ส่วนหน้าบ้านชั้น 1 สูง 2.8 เมตร มีช่องแสงแบบ Fix อยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา กรอบทำจากอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกตัดแสงสีออกเขียวๆ ความสูงของช่องแสงด้านขวากินขึ้นไปถึงส่วนชั้นสองของชั้น 2 ตัวบานกระจกสูงมากกว่า 3.5 เมตร และประตูเปิด-ปิดบานใหญ่ แบบผลัก-ดึง พื้นที่ด้านหน้าปูด้วยกระเบื้องสีเทาเข้ม ข้างๆเป็นทรายล้าง

พื้นด้านในเป็นกระเบื้อง 60 x 60 เซนติเมตร ประตูเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ ด้านในเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง

พื้นที่บนชั้น 1 ด้านใน ให้มาเป็นแบบพื้นที่โล่งๆ หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ภายในกว้าง 4.8 เมตร

ชั้นลอยบนชั้น 2 เป็นแบบช่องเปิด มีราวกันตกทำจากเหล็กทาสีสูง 1.2 เมตร

ด้านในมีประตูด้วยกัน 3 บาน บานขวาสุดคือเข้าไปห้องเก็บของใต้บันได บานกลางคือบานที่เปิดออกไปยังส่วนหลังบ้าน และบานซ้ายสุดคือเข้าห้องน้ำบนชั้น 1

พื้นห้องน้ำเป็นพื้นลดระดับลงไป 5 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องสีเข้มแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 3.30 x 150 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 4 ส่วน อ่างล้างหน้าปกติพร้อมกระจกบานใหญ่ ไม่มีเคาท์เตอร์วางของเหมือนบ้านตัวอย่าง โถสุขภัณฑ์ ส่วนอาบน้ำส่วนเปียก มีช่องวางข้าวของเครื่องใช้ 4 ช่อง และโถสุขภัณฑ์สำหรับผู้ชายอยู่หลังประตูด้านซ้ายมือ ผนังกรุด้วยกระเบื้องสีอ่อนที่ส่วนแห้ง และสีเข้มที่ส่วนเปียกขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แบบด้าน

พื้นที่ซ้ายมือด้านหลังประตูเป็นโถสุขภัณฑ์สำหรับผู้ชายติดกับผนังปูด้วยกระเบื้องสีอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

เปิดประตูหลังบ้านออกไปจะเป็นส่วนซักล้างและที่จอดรถ 2 คัน หันหน้าออกไปยังพื้นที่ในโครงการ มีรั้วเตี้ยกั้นก่อนถึงถนนภายในโครงการ พื้นส่วนซักล้างลดระดับลงไปประมาณ 15 เซนติเมตรปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีอ่อน ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีท่อระบายน้ำอยู่เป็นจุดๆ

หันหน้าเข้าหลังบ้าน ส่วนบนเป็นพื้นที่ซักล้าง ด้านซ้ายเป็นพื้นที่วางปั้มน้ำและแท๊งค์น้ำ ด้านขวาเป็นก๊อกน้ำ ปลั๊กไฟ ถัดจากพื้นที่ซักล้างลงมาเป็นพื้นที่จอดรถเป็นพื้นซีเมนต์ปากเรียบ รอบๆปูด้วยหินกรวด ลดระดับลงมาอีก 20 เซนติเมตร

พื้นที่จอดรถกว้าง 5 เมตร จอดรถได้ 2 คัน มีรั้วโปร่งสูง 1.8 เมตรกั้นหลังบ้านและถนนภายในโครงการ รั้วทึบกั้นระหว่างยูนิตสูง 2 เมตร

พื้นที่หลังบ้านของโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น อาคาร A และ B ยูนิตที่มีหน้าบ้านหันหน้าออกจากโครงการไปยังซอยจรัญฯ 13 ด้านหลังของชั้น 2-4 เป็นทางหนีไฟ ที่วาง Compressor แอร์ และช่องบานเปิดต่างๆ

กลับมาที่บันไดทางขึ้นชั้นสองกันนะคะ รูปร่างบันไดเป็นรูปตัว L มีชานพักอยู่ตรงมุมห้อง ลูกนอนของบันไดทำจากไม้บันไดสำเร็จรูปลายไม้ ราวบันไดเป็นเหล็กทาสี ด้านข้างมีช่องแสง 2 ช่องจากส่วนหลังบ้าน หน้าต่างทำจากอลูมิเนียมสีดำ ช่องแสงที่ให้มาเป็นแบบบานเปิดล่างทั้งสองชุด แต่ละชุดจะมีช่องเล็กและช่องใหญ่ ที่สามารถเปิดรับลมได้ทั้งสองบาน

ทางขึ้นบันไดจากชานพักชั้น 1 ไปยังชานพักชั้น 2 และชั้น 3 เป็นแบบเป็นทางยาวขึ้นไปตรงๆ

บนชั้นสองหันหน้าไปยังหลังบ้าน ห้องเปล่าจริงๆจะให้แค่ฉาบปูนเรียบแล้วทาผนังด้วยสีขาว ด้านหลังมีช่องเปิด 2 ช่อง ช่องทางขวาเป็นแบบบาน Fix เพื่อเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับช่องบันได ส่วนช่องทางขวาเป็นบานเลื่อนเปิดที่สามารถเปิด-ปิดได้ทั้งสองด้าน กรอบหน้าต่างทำจากอลูมิเนียมทาสี

พื้นที่ด้านหน้าก็เปิดเป็นพื้นที่โล่งเช่นกัน ไม่มีการก่อผนังทึบกั้นระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 หากต้องการจะติดแอร์ให้กับห้องใดห้องหนึ่ง ควรจะกั้นผนังทึบขึ้นมาให้เรียบร้อย ราวกันตกทำจากเหล็กทาสีสูง 1.2 เมตร ไม่ใช่การกั้นเป็นพื้นที่ปิดเหมือนบ้านตัวอย่าง

บ้านเปล่าจริงๆสามารถชโงกหน้าออกไปมองยังพื้นที่ชั้น 1 ส่วนหน้าได้

จากบ้านตัวอย่างที่เราเห็นเป็นห้องประชุม ที่มีผนังทึบกั้นเป็นการวางผนังติดเข้าไปกับบันได แล้วติด Wallpaper และบานเลื่อนลายไม้ ประตูทางขวาคือห้องเก็บของใต้บันได ที่บ้านตัวอย่างนำเอาบานประตูแบบดึงออก กลายเป็นบานเลื่อนเปิดปิดสูง 2.8 เมตร จากพื้นถึงฝ้าแทน ถือว่าการจัดพื้นที่ของบ้านตัวอย่างเป็นการจัดพื้นที่ภายในได้แปลก และแก้ปัญหาได้ดี เพราะบานประตูปิด-เปิดแบบนี้ทำให้ค่อนข้างเสียพื้นที่และดูไม่เรียบร้อย

พื้นที่บนชั้น 2 เมื่อมองจากบันไดทางขึ้นชั้น 3

พื้นบนชั้น 3 ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. ความสูงจากพื้นถึงเพดานคือ 2.8 เมตร มีช่องแสงส่วนหน้าบานอยู่ 2 แบบ คือส่วนหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ทั้งสองทาง ส่วนทางด้านขวาคือประตูบานเลื่อนที่เปิดได้ทั้ง 2 ทางเช่นกัน เป็นแบบกรอบอลูมิเนียมทาสีดำ กรอบทั้งบนและล่าง โดนที่กรอบประตูด้านล่างจะฝั่งลงไปในพื้น ทำให้ไม่ต้องเดินก้าวข้าม จากประตูบานเลื่อนสามารถออกไปสู่ระเบียงหน้าบ้าน

พื้นระเบียงลดระดับลงจากพื้นที่ภายในห้องอยู่ประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นระเบียงกว้าง 80 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเข้มแบบด้านขนาด 40 x 40 เซนติเมตร โดยขอบรอบๆก่อปูนขึ้นมาสูงกว่าพื้นที่ระเบียง

ฝั่งซ้ายของระเบียงเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์ พื้นเทด้วยปูนปาดเรียบธรรมดา มีโครงเหล็กตกแต่งบังสายตาจากภายนอกเรียบร้อย

ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่ระเบียง กว้างแค่เพียง 80 เซนติเมตร มีท่อระบายน้ำอยู่ที่มุมระเบียง ไม่สามารถวางเก้าอี้นั่งได้ ราวกันตกทำจากเหล็กทาสี ตรงกลางเป็นกระจก Temper สีออกเขียวอ่อนๆ

มองเข้ามายังพื้นที่ด้านใน จากบ้านตัวอย่างที่เห็นกั้นผนังด้านซ้ายเป็นชั้นวางหนังสือและเอกสาร และส่วนที่ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่ครัวแบบจัดเต็ม เราก็ยังสามารถทำเป็นพื้นที่ครัวแบบง่ายๆ มี Island วางอยู่ตรงกลาง ทำเป็นเคาท์เตอร์ทานอาหารไปได้ในตัว ด้านในมีประตู 3 บาน บานขวาสุดเป็นประตูเปิดเข้าไปยังพื้นที่เก็บของเล็กๆใต้บันได บานตรงกลางเป็นประตูเข้าสู่ห้องทำงานเดี่ยว ที่บ้านตัวอย่างได้เอาบานประตูตรงจุดนี้ออกไป ส่วนซ้ายสุดเป็นทางเข้าห้องน้ำของชั้น 3

พื้นที่เก็บของใต้บันได

ห้องทำงานเดี่ยวด้านหลังบ้านขนาด 3.3 x 4.1 เมตร

ห้องทำงานเล็กจริงๆแล้วเป็นแบบปิดนะคะ มีประตูกั้นเรียบร้อย และหน้าต่างแบบเลื่อนเปิดได้ 2 ด้านอยู่ 2 ชุด

มองออกจากห้องทำงานเล็ก จะมีประตูสองบาน บานซ้ายคือออกไปยังพื้นที่รวมตรงครัว ส่วนประตูขวามือคือทางเข้าห้องน้ำ

สามารถเข้าห้องน้ำได้จากทั้งสองทาง คือประตูใกล้ครัวและประตูจากห้องทำงานเล็ก

ห้องน้ำของโฮมออฟฟิศแบบบ้านเปล่า ขนาด 3.30 x 1.50 เมตร เท่าห้องน้ำชั้น 1 สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน อ่างล้างหน้าปกติพร้อมกระจกบานใหญ่ ไม่มีเคาท์เตอร์วางของ โถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำส่วนเปียก มีช่องวางข้าวของเครื่องใช้ 4 ช่อง ผนังกรุด้วยกระเบื้องสีเข้มที่ส่วนแห้ง และสีอ่อนที่ส่วนเปียกขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แบบด้าน มีช่องเปิดขนาดเล็กแบบบานกระทุ้งกระจกฝ้า ที่เปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ด้านหลังบ้าน

บันไดจากชั้น 3 ไปยังชั้น 4  รูปร่างบันไดเป็นแบบตัว U คือมีชานพักอยู่กึ่งกลางพอดี

บนชั้น 4 จะออกแบบการใช้งานต่างกับชั้นอื่นๆ คือเป็นส่วนพักผ่อนมากกว่าส่วนทำงานอย่างชั้นที่ผ่านๆมา เมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้น 4 จะเจอทางเดิน มีทางแยกหลายทางคือทางซ้ายไปยังห้องนั่งเล่นส่วนหน้าบ้าน ห้องตรงกลางเป็นห้องน้ำ และด้านขวาเป็นห้องนอนหลังบ้าน พื้นบนชั้น 4 ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. เช่นเดียวกับบนชั้น 3 จากพื้นถึงฝ้าสูง 2.8 เมตร

พื้นเข้าไปยังห้องนอนหน้าบ้านปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. ต่อเนื่องจากทางเดินกลาง

ห้องนั่งเล่นส่วนหน้าบ้านขนาด 3.8 x 4.8 เมตร พื้นที่ของบ้านจริงดูโล่งหน่อย มีช่องแสงส่วนหน้าบานอยู่ 2 แบบ คือส่วนหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ทั้งสองทาง ส่วนทางด้านขวาคือประตูบานเลื่อนที่เปิดได้ทั้ง 2 ทางเช่นกัน เป็นแบบกรอบอลูมิเนียมทาสีดำ กรอบทั้งบนและล่าง โดนที่กรอบประตูด้านล่างจะฝั่งลงไปในพื้น ทำให้ไม่ต้องเดินก้าวข้าม จากประตูบานเลื่อนสามารถออกไปสู่ระเบียงหน้าบ้าน

บ้านเปล่าจริงๆจะก่อผนังขึ้นมาเป็นห้องปิด มีประตูแบบบานสำเร็จรูป UPVC เรียบร้อย ประตูด้านซ้ายจะเป็นประตูที่เข้าไปถึงห้องน้ำของชั้น 4

ห้องน้ำขนาด 3.30 x 1.50 เมตร เหมือนๆกันกับชั้นอื่นๆคือ สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน อ่างล้างหน้าปกติพร้อมกระจกบานใหญ่ ไม่มีเคาท์เตอร์วางของ โถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำส่วนเปียก มีช่องวางข้าวของเครื่องใช้ 4 ช่อง ผนังกรุด้วยกระเบื้องสีเข้มที่ส่วนแห้ง และสีอ่อนที่ส่วนเปียกขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แบบด้าน ไม่มีช่องเปิดรับแสง

ห้องสุดท้ายของโฮมออฟฟิศ คือห้องนอนที่อยู่ส่วนหลังบ้านของชั้น 4 อยู่สุดทางเดินเลย พื้นเข้าไปยังห้องนอนหลังบ้านปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. ต่อเนื่องจากทางเดินกลางเช่นกัน

พื้นที่ห้องจริงเป็นแบบเรียบๆขนาด 4.10 x 4.80 เมตร

มีช่องแสงส่วนหน้าบานอยู่ 2 แบบ คือส่วนหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ทั้งสองทาง และส่วนช่องแสงเล็กทางด้านซ้าย เป็นแบบบานเปิดซ้ายและบานกระทุ้งด้านบน

townhome plan

ต่อมากันที่บ้านตัวอย่างแบบที่ 2 ทาวน์โฮม 43 หลัง ที่ดินแปลงมาตรฐาน 26.2 ตร.วา หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น 1 ที่จอดรถ พร้อมสวน หรือจะเลือกเป็นแบบ 2 ที่จอดรถโดยเอาสวนหน้าบ้านออกก็ได้ค่ะ ผ่านรั้วเตี้ยเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถ ส่วนหน้าบ้านที่เปิดประตูเข้าไปห้องรับแขก ด้านขวาเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 และห้องน้ำใต้บันได ลึกเข้าไปด้านซ้ายเป็นห้องนั่งเล่น หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนบนชั้น 1 ก็ได้ ด้านขวาเป็นห้องครัว ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวสามารถเลื่อนบานประตูหลังออกไปยังส่วนหลังบ้านได้ทั้งคู่ค่ะ 

ขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองที่เป็นห้องเปิดโล่ง ดีไซน์ไว้ให้เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่สุดของบ้าน มีระเบียงอยู่ด้านหน้าบ้าน และส่วน Walk-in Closet ก่อนเข้าไปยังห้องน้ำ บนชั้น 3 จัดเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้องมีระเบียงอยู่ด้านหน้าบ้าน และห้องน้ำที่ไม่ต่อกับส่วนห้องนอน ต้องเดินเข้าจากทางเดินกลางเท่านั้น

ภายนอกของทาวน์โฮม 3 ชั้น เน้นที่การใช้งานอยู่อาศัย ชั้น 1 เป็นที่จอดรถและส่วน Living ตกแต่งด้วยช่องแสงแบบกระจก ทั้งบานเลื่อน บานเปิด และบาน Fix โดยเฉพาะทาวน์โฮมที่อยู่ริมทั้งสองด้าน จะได้สวนข้างบ้านเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ชั้น 2-3 เป็นส่วนอยู่อาศัย เป็นห้องนอนจำนวน 3 ห้อง ทำให้มีระเบียงอยู่หน้าบ้านทั้งสองชั้น ด้านขวาเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์ รูปร่างของทาวน์โฮมเป็นแบบสี่เหลี่ยมทรงสูงโทนสีภายนอกเน้นขาว-ครีม-เทา แซมด้วยกระจกสีออกน้ำเงินจากการติดฟิล์มกันแดด ทุกหลังจะมี สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic & Shock Sensor บนชั้น 1 และ สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic อยู่ที่ชั้น 2-3

พื้นที่ส่วนหน้าบ้านกว้าง 5 เมตร แบ่งออกเป็นที่จอดรถ 1 คันทางด้านขวามือ และสวนเล็กๆต่อเนื่องไปทางข้างบ้านจนไปถึงหลังบ้าน ส่วนหน้าบ้านตรงนี้ถ้าอยากตัดออกแล้วเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานเป็นที่จอดรถ 2 คันก้ได้นะคะ ทางโครงการให้เลือกปรับเป็นเทคอนกรีตเรียบหมดได้ สวนด้านหน้าสามารถปลูกหญ้า วางกระถางต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว ชุดเก้าอี้ และร่มสนามได้

ทาวน์โฮมบ้านตัวอย่างเป็นบ้านหลังริม จึงได้สวนข้างบ้านที่ติดกับถนนภายในโครงการมาด้วย ไม่มีรั้วเตี้ยกั้นนะคะ มีพุ่มไม้เล็กๆกั้นเป็นทางเดินปูด้วยหินแผ่นใหญ่แทน แทรกด้วยไฟสนามเป็นระยะๆ

ไหนๆบ้านตัวอย่างก็เป็นบ้านหลังริมสุดของอาคารกันแล้วก็พามาถ่ายช่องเปิดด้านข้างกัน จะสังเกตได้ว่าช่องเปิดบนชั้น 1 จะไม่วางประตูติดกับพื้น แต่จะยกขึ้นไปประมาณ 30 เซนติเมตร กว้างพอที่บานเลื่อนจะเปิดออกมาส่วนข้างบ้านได้ ไม่มีกันสาดหรือหลังคายื่นออกมากันฝนนะคะ ริมถนนภายในโครงการปลูกต้นไม้ยืนต้นบังแดดเป็นระยะ

พื้นที่ข้างบ้านสามารถเดินเข้าถึงพื้นที่หลังบ้านได้เลย

กลับมาที่ทางเข้าหน้าบ้านนะคะ พื้นบนชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้สีอ่อน 60 x 60 เซนติเมตร กรอบประตูเป็นแบบบานเลื่อนได้ 2 ทางทำจากอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกตัดแสงสีออกเขียวๆ กรอบประตูวางอยู่บนพื้นของชั้น 1 ยกพื้นขึ้นจากส่วนระเบียงที่ปูด้วยทรายล้างและกระเบื้องแบบด้าน 5 เซนติเมตร

เปิดประตูเข้าไปด้านใน ส่วนแรกที่เจอคือห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น ที่วางโซฟารูปตัว L ไว้ทางด้านซ้าย พร้อมโต๊ะกลางขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้านขวาเป็นตู้ติดผนังวางของ ด้านในเป็นพื้นที่ทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง และประตูทางเข้าไปยังห้องนั่งเล่นเล็ก ด้านขวามือเป็นประตูไปยังห้องครัว ขวามือสุดเป็นทางเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 โดยมีห้องน้ำชั้น 1 เป็นห้องใต้บันได

ช่องเปิดด้านข้างบ้าน ใช้ความเป็นประโยชน์จากการเป็นบ้านหลังริมด้วยการมีช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ช่อง เป็นแบบบานเลื่อน อยู่ตรงชุดโซฟา และพื้นที่ทานข้าว ให้แสงธรรมชาติเข้าถึงตัวบ้านได้อย่างทั่วถึง ช่วงกลางวันที่แดดแรงๆ สามารถปิดเอาม่านมาบังความร้อนได้ อย่างในภาพม่านที่ใช้ปิดเป็นแบบ 2 ชั้น ชั้นแยกคือม่านแบบดึงไปมาได้ เป็นม่านบังแดดบางๆกันแสงจ้า และม่านชั้นที่ 2 เป็นม่านแบบติดที่ส่วนเพดานที่สูง 2.6 เมตร ลงมาในแนวดิ่งเป็นม่านแบบทึบเมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว

พื้นที่ส่วนรับแขกมีพื้นที่ประมาณ 2.0 x 2.7 เมตร ไม่นับรวมพื้นที่เดินตรงกลาง สามารถจัดชุดโซฟาขนาดใหญ่สุดได้ ทั้งยังเพิ่มเก้าอี้เดี่ยวได้อีกตัวด้วย

ช่องแสงเป็นแบบบานประตูกรอบอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกตัดแสงสีออกเขียวๆ กว้างประมาณ 2 เมตร ไม่ได้วางกรอบประตูอยู่บนพื้น แต่จงใจยกกรอบประตูขึ้นมาประมาณ 15 เซนติเมตร เหมือนเป็นการบอกกลายๆว่าไม่ใช่ประตูเข้าออกหลัก

บานประตูกรอบอลูมิเนียมทาสีแบบเลื่อนได้ทั้งสองด้าน สามารถล็อกได้จากด้านใน ยกกรอบประตูขึ้นมาประมาณ 15 เซนติเมตร พื้นที่ด้านนอกเป็นทรายล้างลดระดับ

ด้านขวาตกแต่งเป็นชั้นวางของยื่นออกมา ด้านข้างเป็นตู้เก็บของแบบปิดทึบ ความจริงตรงนี้สามารถจัดวางเป็นชั้นวางทีวี โดยที่ด้านข้างเป็นตู้โชว์ได้ พื้นที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว แต่ทีวีจะขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ไม่ใช่เพราะความกว้างในการดูทีวีระยะ 4  เมตร แต่เป็นเพราะชั้นวางทีวี ไม่ตรงกับตรงกลางของชุดโซฟา ถัดไปจากตู้เก็บของด้านซ้ายมือเป็นทางเข้าห้องน้ำของชั้น 1

ห้องน้ำบนชั้น 1 มาแอบอยู่ที่บริเวณใต้บันได โดยใช้ประตูเลื่อนลายไม้บานเต็มสูงถึงฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ล็อกได้จากด้านใน ในการเปิด-ปิด แทนประตูแบบหมุนบิดแบบดึง เพราะจะทำให้เสียพื้นที่ตรงทางเดินไป หรือถ้าจะเป็นประตูแบบผลัก จะทำให้พื้นที่ห้องน้ำแคบลงอีก

พื้นที่ห้องน้ำขนาด 1 x 3 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเข้มแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ไล่จากขวาไปซ้ายคือโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และพื้นที่ส่วนเปียกสำหรับการอาบน้ำ

โถสุขภัณฑ์อยู่ในส่วนที่เพดานแคบสุดด้านขวามือ

อ่างล้างหน้าแบบมีช่องเก็บของด้านล่างเล็กๆ ไม่ได้จัดเป็นเคาท์เตอร์วางข้าวของเครื่องใช้ พร้อมกระจกขนาดใหญ่ 1 บาน

พื้นที่เปียกขนาด 0.8 x 1 เมตร ลดระดับลงไป 3 เซนติเมตร มีฝักบัว ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่มีช่องวางขวดแชมพูหรือสบู่

ฝักบัวจาก Cotto

พื้นที่ด้านหลังฝั่งซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นเล็กอีกห้องหนึ่ง ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เป็นห้องนอนผู้อาวุโสที่ชั้น 1 ได้ ด้านขวาเป็นห้องครัว ทั้งสองห้องกั้นออกจากกันด้วยผนังทึบ และกั้นจากทางเดินกลางด้วยประตูบานเลื่อนรางบน ไม่มีรางล่าง ง่ายต่อการเดินเข้าออก ไม่ต้องยกเท้าข้าม ด้านซ้ายสุดเอาผนังบานทึบออก จัดเป็นช่องแสงบาน Fix แทน

เมื่อเลื่อนประตูเปิดที่สูง 2 เมตร จะเห็นได้ว่าพื้นจะต่อด้วยกระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60 x 60 เซนตเมตรเข้าไปถึงด้านในห้องเล็กทั้งสองห้อง ไม่มีรอยต่อ ไม่มีรางประตูล่างมาขัดใจเวลาเดิน

ห้องด้านซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นขนาดเล็กอีกห้องหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนเป็นห้องนอนชั้นล่างได้ ขนาด 2.0 x 2.7 เมตร บ้านตัวอย่างจัดวางเป็นโซฟาชุดเล็ก ชั้นวางของ และทีวีติดผนัง มีช่องแสง 2 จุดคือข้างบ้านและหลังบ้าน

ช่องแสงข้างบ้านเป็นหน้าต่างแบบเลื่อนเปิดได้สองด้าน ขนาดใหญ่พอที่จะสามารถเข้าออกได้ ถ้าไม่ติดว่ามีโซฟากั้นอยู่

ช่องแสงหลังบ้านเป็นแบบบานใหญ่กว่า กรอบประตูทำจากอลูมิเนียมทาสี ม่านกั้น 2 ชั้นเหมือนที่ห้องรับแขก

เพื่อทำให้ห้องเล็กดูกว้างขึ้น จึงติดกระจกที่ผนังด้านซ้าย แล้วใส่ทีวีแบบติดผนังเข้าไป ด้านขวาเป็นชั้นวางของลายไม้สีน้ำตาลอ่อนด้านบน ลิ้นชักเก็บของด้านล่าง

ส่วนห้องครัวด้านขวามีพื้นที่ใช้สอยขนาด 2 x 2.2 เมตร สามารถจัดวางเคาท์เตอร์เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวและอาหารแห้งได้ทั้งด้านล่างและด้านบน อย่างเคาท์เตอร์ในบ้านตัวอย่างจะมีทั้งอ่างล้างจาน พื้นที่ประกอบอาหารตรงกลาง และ Hob and Hood ที่มุมห้อง ด้านขวามือสุดเป็นพื้นที่ว่างแบ่งไว้สำหรับการวางตู้เย็น

พื้นที่วางตู้เย็นข้างอ่างล้างจานขนาด 0.8 x 1 เมตร เหนือบานประตูเลื่อนเป็นแผงควบคุมไฟฟ้า กล่องอุปกรณ์

ประตูเลื่อนจากภายในห้องครัวออกไปสู่หลังบ้านเป็นแบบบานเลื่อนได้ 2 ทาง มีตัวล็อกได้จากด้านใน

กรอบประตูด้านล่างเป็นแบบฝั่งให้ระดับเสมอกับพื้นกระเบื้องในครัว พื้นที่หลังบ้านลดระดับลงไป 10 เซนติเมตร  บางส่วนปูด้วยพื้นกระเบื้องลายขนาด 30 x 30 เซนติเมตร และบางส่วนที่ติดกับท่อระบายน้ำและรอบๆบริเวณปูด้วยหินขนาดกลาง

พื้นที่นอกบ้านหันหน้าไปยังข้างบ้าน มีการปลูกต้นไม้พุ่มสูงประมาณ 2.2 เมตร ไว้บังสายตาและแสงแดดจากหลังบ้าน ริมผนังบ้านปลูกเป็นไม้ดอกเล็กๆ

หันหน้ามาดูหลังบ้านด้านในกันบ้าง บนพื้นกระเบื้องเป็นตำแหน่งวางแท๊งค์น้ำและปั้มน้ำ มีไฟหลังบ้านติดอยู่เหนือประตูบานเลื่อนหลังบ้าน 2 จุด และสวิสช์ไฟ มีที่วาง Compressor แอร์อยู่ใต้แผ่นกระเบื้องหลังคาที่ยื่นออกมาประมาณ 30 เซนติเหมือนเหนือความสูงชั้น 1 รั้วหลังบ้านระหว่างเพื่อนบ้านสูง 1.6 เมตร

กลับมาที่ทางเดินขึ้นชั้น 2 นะคะ พื้นบันไดทั้งลูกตั้ง ลูกนอน และชานพักทำจากไม้บันไดสำเร็จรูป ด้านขวามีราวจับลายไม้สีน้ำตาลอ่อน

บันไดจากชั้น 1 ไปยังชั้น 2 เป็นแบบรูปตัว L มีพื้นที่วางหนังสือเล็กๆระหว่างทางขึ้น-ลง ราวบันไดจากลายไม้เปลี่ยนเป็นราวเหล็กทาสีเคลือบ

พื้นบนชั้นสองทั้งทางเดินและต่อเนื่องเข้าไปยังห้องนอนปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. ส่วนที่เข้ามาถึงก่อนจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ และโต๊ะเครื่องแป้ง ฝั่งซ้ายจะเป็นบานประตูเลื่อนเพื่อเข้าไปสู่ห้องนอน ด้านขวาเป็นทางเดินเข้าไปสู่ห้องน้ำในตัว

บานเลื่อนที่กั้นระหว่างพื้นที่ Walk-in Closet และห้องนอนเป็นแบบรางบน ไม่มีรางล่าง กรอบประตูบานเลื่อนทำจากอลูมิเนียมทาสี แบ่งช่องออกเป็นช่องเล็กๆ ตรงกลางเป็นกระจก ไม่มีล็อกทั้งด้านในและด้านนอก

ผ่านประตูบานเลื่อนเข้ามาเป็นห้องนอนขนาดประมาณ 4.5 x 5 เมตร ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่เตียงนอนขนาดใหญ่แบบสี่เสา และด้านขวาเป็นชั้นวางทีวีและตู้เก็บของ จากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ชั้น 2 สูง 2.6 เมตร

ริมซ้ายสุดเป็นตู้เสื้อผ้า ถัดมาชั้นวางทีวีพร้อมลิ้นชักแบบติดผนัง และช่องแสงที่เป็นบานเลื่อนข้างบ้าน ถ้าเป็นบ้านที่ไม่ใช่ยูนิตริมจะไม่มีช่องแสงตรงส่วนนี้นะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนวางเตียงนอนขนาดใหญ่แบบสี่เสา พื้นที่เหลือข้างเตียงสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ ทั้งยังอาจจะวางโต๊ะทำงานเข้าไปได้อีกด้วย

พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายเหลือ 70 เซนติเมตร วางโต๊ะข้างเตียง มีโคมไฟ ที่แขวนกระเป๋า และกระจกเต็มตัว

พื้นที่ข้างเตียงด้านขวากว้าง 1 เมตร จัดเป็นโต๊ะทำงานแบบ 1 ที่นั่ง หันหน้าออกหน้าบ้าน ความจริงสามารถจัดเป็นแบบนั่งได้ 2 ที่นั่งข้างกันได้ แต่อาจจะลุกเข้า-ออกยากนิดนึง ถ้าอยากได้พื้นที่เลื่อนเก้าอี้เพิ่ม สามารถเลื่อนเตียงขยับไปอีกด้านนึงได้นิดหน่อย เพราะพื้นที่เหลือสบายๆ

ช่องแสงของห้องนอนบนชั้น 2 ฝั่งหน้าบ้านมีด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกคือแบบซ้ายมือ เหนือโต๊ะทำงาน เป็นช่องแสงบานเล็กๆ 3 บาน เป็นบานเปิดแบบผลักออก ด้านล่างมีบาน Fix เล็กๆอยู่ ส่วนแบบที่ 2 แบบขวามือคือประตูบานเลื่อนสูง 2 เมตร ที่สามารถออกไปยังระเบียงหน้าบ้านได้ ม่านเป็นแบบรางเดี่ยวติดอยู่เหนือประตูเลื่อน เหนือขึ้นไปจากรางม่าน เป็นตำแหน่งแอร์ติดผนัง

หน้าต่างฝั่งซ้าย แทนที่จะทำเป็นบานใหญ่ แต่เพิ่มความแปลกด้วยการจัดเป็นบานเล็ก 3 บาน เป็นแบบหน้าต่างผลักออกทำมุม 45 องศา ทำให้เกิดลมที่ไม่ได้พัดเข้ามาจังๆ แต่พัดเข้ามาแบบหักเหและไม่แรงจนเกินไปเพราะอยู่ข้างเตียง และเหนือพื้นที่นั่งทำงานพอดี กรอบหน้าต่างทำจากอลูมิเนียมทาสี ด้านล่างเป็นแบบบาน Fix เล็กๆ

พื้นระเบียงลดระดับลงจากพื้นที่ภายในห้องอยู่ประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นระเบียงกว้าง 80 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเข้มแบบด้านขนาด 40 x 40 เซนติเมตร โดยขอบรอบๆก่อปูนขึ้นมาสูงกว่าพื้นที่ระเบียง มีท่อน้ำทิ้งอยู่ตรงขอบระเบียง

ฝั่งซ้ายของระเบียงเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์ พื้นเทด้วยปูนปาดเรียบธรรมดา มีโครงเหล็กตกแต่งบังสายตาจากภายนอกเรียบร้อย

ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่ระเบียงตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ ความจริงแล้วความกว้างแค่เพียง 80 เซนติเมตร ไม่สามารถวางอะไรได้มากไปกว่าการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ไม่สามารถวางเก้าอี้นั่งได้ ราวกันตกทำจากเหล็กทาสี สูง 1.20 เมตร

พื้นที่เหนือบานประตูเลื่อนเป็นท่อแอร์ ไฟระเบียง และสัญญาณกันขโมยแบบ Macnetic

เดินเข้ามาให้ห้องนอน มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ Walk-in Closet

พื้นที่ Walk-in Closet ขนาด 2.4 x 3 เมตร สามารถวางลิ้นชักเก็บเสื้อผ้า และราวแขวนผ้าได้ทั้งสองด้าน หากพื้นที่เหลือจะจัดมุมเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเต็มตัว โต๊ะเก็บเครื่องประดับ และตู้เก็บกระเป๋าด้วยก็ย่อมได้

ห้องน้ำลดระดับลงไปประมาณ 3 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องสีกลางแบบด้านขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

ห้องน้ำขนาด 1.80 x 2 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ส่วนอาบน้ำส่วนเปียก ผนังปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร สีเดียวกับพื้น

เร่ิมจากทางขวาสุดข้างประตูห้องน้ำ เป็นอ่างล้างหน้าขนาดที่ใหญ่ขึ้นมา มีลิ้นชักแบบเปิดได้อยู่ด้านล่าง และกระจกส่องความกว้างเท่ากับอ่างล้างหน้า ด้วยตัวอ่างล้างหน้าเองมีพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำติดกับผนัง แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก

ช่องแสงส่วนหลังบ้านมีด้วยกันสองจุดคือ ฝั่งซ้ายจะเป็นแบบหน้าต่างบานเลื่อนเปิดด้านล่าง และบานกระทุ้งด้านบน ส่วนฝั่งขวาเป็นช่องแสงแบบ Fix กรอบหน้าต่างทำจากอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกฝ้า ความจริงไม่ต้องมีมูลี่ปิดอีกทีก็ได้ค่ะ แต่ถ้าจะเพื่อความมั่นใจ ติดไว้ก้ไม่เสียหาย

ฝั่งทางด้านซ้ายของทางเข้าเป็นโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่ส่วนเปียกขนาด 0.8 x 1 เมตร มีการเจาะช่องวางเครื่องใช้ในห้องน้ำให้ด้วย 4 ช่อง

ต่อมาเป็นบันไดทางขึ้นจากชั้น 2 ไปยังชั้น 3 นะคะ มีลูกนอนเป็นชิ้นสามเหลี่ยมด้วย ขนาดความกว้างไม่เล็ก แต่ยังไงก็ต้องเดินระวังหน่อยค่ะ ราวจับบันไดซ้ายมือเป็นแบบเหล็กทาสีเคลือบ

บนชั้น 3 ส่วนหลังบ้านมีหน้าต่างบานเลื่อนอยู่อีกจุดหนึ่ง เพิ่มช่องแสงให้กับส่วนบันไดได้ดีค่ะ

ห้องบนชั้น 3 มีด้วยกันทั้งหมด 3 ห้อง จากขวามือคือห้องนอนเล็ก ห้องน้ำขนาดและการจัดวางเหมือนชั้นอื่นๆ และห้องนอนกลาง ห้องน้ำไม่สามารถเข้าได้โดยตรงจากห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ต้องเดินผ่านทางเดินตรงกลางเท่านั้น พื้นที่ก่อนถึงห้องนอนกลางเป็นเคาท์เตอร์หาของกินยามดึกค่ะ จะมีที่วางตู้เย็นขนาดเล็กด้วย

พื้นที่หาของกินยามดึกเป็นเคาท์เตอร์สูงถึงเพดาน 2.8 เมตร มีตู้เปิดทั้งด้านล่างและด้านบน มีการเว้นพื้นที่ไว้สำหรับตู้เย็นเล็กด้านขวามือ

เรามาเริ่มกันที่ห้องนอนเล็กขวามือสุดนะคะ พื้นบนชั้นสามทั้งทางเดินและต่อเนื่องเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม.

ห้องนอนเล็กขนาด 2.7 x 3 เมตร สามารถวางเตียงเดี่ยวได้ 1 เตียง ตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้าย และชั้นเก็บของด้านบน ปลายเตียงทำเป็นโต๊ะทำงาน ที่ใช้ที่นั่งปลายเตียงแทนการนั่งเก้าอี้ มีช่องแสงจากหลังบ้านเป็นบานหน้าต่างเลื่อน

สามารถจัดห้องนอนขนาดเล็กให้มีพื้นที่เก็บของใช้ได้เยอะดีนะคะ ทางหนึ่งคือวางฟูกเตียงไว้บนพื้นยกระดับที่ด้านใต้มีลิ้นชักเก็บของได้

หน้าต่างบานเลื่อนหลังบ้าน สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง และมีตัวล็อกจากด้านใน หากเลือกบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ห้องนอนนี้จะเป็นห้องที่ร้อนที่สุดในบ้าน เนื่องจากหน้าต่างเปิดรับแสงเต็มๆทั้งวันจากทิศใต้ อยู่ชั้นบนสุดที่แสงเข้าถึงได้ทุกช่วงเวลา ทั้งยังมีขนาดเล็กสามารถเก็บความร้อนจากแสงธรรมชาติได้เต็มๆ และไม่มีช่องระบายอากาศทิศอื่นอีก ทำให้อากาศร้อนจะเก็บอุณหภูมิไว้ถึงช่วงหัวค่ำเลย

ชะโงกออกมาจากหน้าต่างบานเลื่อนห้องนอนเล็กจะเจอระเบียงที่ออกไปไม่ได้ ไว้สำหรับระบายน้ำจากหลังคาด้านบน และวาง Compressor แอร์

มาถึงห้องนอนกลางกันบ้าง มีขนาด 3.1 x 5 เมตร ด้านขวาวางเป็นเตียง มีพื้นที่ว่างข้างเตียงทั้งสองด้านพอที่จะวางโต๊ะข้างเตียงได้ มีปลั๊กไฟอยู่ที่มุมห้อง

ด้านซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้าแบบดึงเปิด มีชั้นวางทีวี ที่ในบ้านตัวอย่างไม่ได้วาง และโต๊ะทำงานที่สามารถทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งไปได้ในตัว เพราะติดกระจกครึ่งตัวบานใหญ่ไว้ได้

ช่องแสงส่วนหน้าบ้านเหมือนกับห้องนอนใหญ่บนชั้น 2 คือมีด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกคือแบบซ้ายมือ ข้างโต๊ะทำงาน เป็นช่องแสงบานเล็กๆ 3 บาน เป็นบานเปิดแบบผลักออก ด้านล่างมีบาน Fix เล็กๆอยู่ ส่วนแบบที่ 2 แบบขวามือคือประตูบานเลื่อนสูง 2 เมตร ที่สามารถออกไปยังระเบียงหน้าบ้านได้ ม่านเป็นแบบรางเดี่ยวติดอยู่เหนือประตูเลื่อน เหนือขึ้นไปจากรางม่าน เป็นตำแหน่งแอร์ติดผนัง พื้นที่ระเบียงบนชั้น 3 เหมือนกับพื้นที่ระเบียงหน้าบ้านของชั้น 2

 

ทาวน์โฮมแบบบ้านเปล่า

มากันที่บ้านเปล่าหลังสุดท้ายละคะ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น เน้นที่การใช้งานอยู่อาศัย ชั้น 1 เป็นที่จอดรถและส่วน Living เฉพาะทาวน์โฮมที่อยู่ริมทั้งสองด้าน จะได้สวนข้างบ้านเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ชั้น 2-3 เป็นส่วนอยู่อาศัย เป็นห้องนอนจำนวน 3 ห้อง มีระเบียงอยู่หน้าบ้านทั้งสองชั้น ตกแต่งด้วยโทนสีภายนอกเน้นขาว-ครีม-เทา แซมด้วยกระจกสีออกน้ำเงินจากการติดฟิล์มกันแดด

เหมือนกับบ้านตัวอย่าง พื้นที่ส่วนหน้าบ้านกว้าง 5 เมตร แบ่งออกเป็นที่จอดรถ 1 คันทางด้านขวามือ และสวนเล็กๆต่อเนื่องไปทางข้างบ้านจนไปถึงหลังบ้าน หากอยากเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานเป็นที่จอดรถ 2 คัน ทางโครงการให้เลือกปรับเป็นเทคอนกรีตเรียบหมดได้ สวนด้านหน้าสามารถทำเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กได้

ทางเข้าหน้าบ้านเป็นประตูเป็นแบบบานเลื่อนได้ 2 ทางทำจากอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกตัดแสงสีออกเขียวๆ กรอบประตูวางอยู่บนพื้นของชั้น 1 ยกพื้นขึ้นจากส่วนระเบียงที่ปูด้วยทรายล้างและกระเบื้องแบบด้าน 5 เซนติเมตร ทุกหลังจะมี สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic & Shock Sensor บนชั้น 1 และ สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic อยู่ที่ชั้น 2-3

พื้นที่สวนข้างบ้านสำหรับบ้านริมอาคาร 2 ฝั่ง

พื้นบนชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้สีอ่อน 60 x 60 เซนติเมตร เปิดประตูเข้าไปด้านใน จะเป็นห้องโล่งๆ พื้นที่ด้านขวาที่เคยทำเป็นห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่ทานข้าว และประตูด้านในขวามือเป็นทางเข้าไปยังห้องนั่งเล่นเล็ก ซ้ายมือเป็นประตูไปยังห้องครัว บันไดอยู่ซ้ายสุด ห้องใต้บันไดจากที่ปกติจะเป็นห้องเก็บของก็เปลี่ยนเป็นห้องน้ำใต้บันได

พื้นที่ห้องน้ำขนาด 1 x 3 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเข้มแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ไล่จากขวาไปซ้ายคือโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และพื้นที่ส่วนเปียกสำหรับการอาบน้ำเหมือนบ้านตัวอย่างทุกประการทั้งขนาดและสเปกสุขภัณฑ์ แต่บานประตูจากที่เคยเป็นบานประตูเลื่อนลายไม้สูงเท่าฝ้า ก็เป็นบานประตูบานสำเร็จรูป UPVC หมุนเปิด-ปิดธรรมดา แบบผลักเข้าด้านในห้อง ทำให้เสียพื้นที่ภายในห้องน้ำ และทำให้อึดอัดเวลาใช้งาน

พื้นที่ที่เคยเป็นห้องนั่งเล่นเล็ก หรือสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นห้องนอนชั้นล่างได้ ขนาด 2.0 x 2.7 เมตร มีช่องแสงทั้งข้างบ้านและหลังบ้าน สิ่งที่ไม่เหมือนบ้านตัวอย่างคือไม่มีบานเลื่อนแบบรางบนมาให้ แต่กลับเปิดเป็นห้องโล่งๆที่สามารถเลือกว่าจะทำเป็นห้องทึบ หรือเป็นพื้นที่ต่อเนื่องเขาไปจากห้องรับแขก

ส่วนห้องครัวด้านขวามีพื้นที่ใช้สอยขนาด 2 x 2.2 เมตร พื้นปูต่อเนื่องจากห้องรับแขก สามารถจัดวางเคาท์เตอร์เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวและอาหารแห้งได้ เคาท์เตอร์ที่ให้มาจะมีแค่อ่างล้างหน้าและพื้นที่เตรียมอาหาร ไม่มี Hob and Hood ที่มุมห้องมีพื้นที่ว่างแบ่งไว้สำหรับการวางตู้เย็น มีประตูเลื่อนรางบนกรอบอลูมิเนียมทาสีตรงกลางเป็นกระจกกั้นระหว่างห้องครัวและห้องรับแขก มีประตูด้านหลังต่อไปยังส่วนหลังบ้าน

กรอบประตูด้านล่างเป็นแบบฝั่งให้ระดับเสมอกับพื้นกระเบื้องในครัว พื้นที่หลังบ้านลดระดับลงไป 10 เซนติเมตร  บางส่วนปูด้วยพื้นกระเบื้องลายขนาด 30 x 30 เซนติเมตร และบางส่วนที่ติดกับท่อระบายน้ำและรอบๆบริเวณปูด้วยหินขนาดกลาง

จากหลังบ้านสามารถเดินต่อกับสวนเล็กๆข้างบ้านได้เลย

หลังบ้านด้านใน บนพื้นกระเบื้องเป็นตำแหน่งวางแท๊งค์น้ำและปั้มน้ำ และก๊อกน้ำเป็นพื้นที่ซักล้าง รั้วหลังบ้านระหว่างเพื่อนบ้านสูง 1.6 เมตร

กลับมาที่ทางเดินขึ้นชั้น 2 นะคะ พื้นบันไดทั้งลูกตั้ง ลูกนอน และชานพักทำจากไม้บันไดสำเร็จรูป ด้านขวามีราวจับเป็นเหล็กทาสีเคลือบ

บันไดจากชั้น 1 ไปยังชั้น 2 เป็นแบบรูปตัว L พื้นบนชั้น 2 ทั้งทางเดินและต่อเนื่องเข้าไปยังห้องนอนปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. มีทางเข้าทางเดียวคือห้องนอนใหญ่

ทางเข้าห้องนอนเป็นประตูแบบลูกบิด บานสำเร็จรูป HDF จากเขตประตูจนถึงสุดผนังด้านในกว้าง 2.4 เมตร

พื้นที่หน้ากว้าง 5 เมตร ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ชั้น 2 สูง 2.6 เมตร ช่องแสงของห้องนอนบนชั้น 2 ฝั่งหน้าบ้านมีด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกคือแบบขวามือ เป็นช่องแสงบานเล็กๆ 3 บาน เป็นบานเปิดแบบผลักออก ด้านล่างมีบาน Fix เล็กๆอยู่ ส่วนแบบที่ 2 แบบซ้ายมือคือประตูบานเลื่อนสูง 2 เมตร ที่สามารถออกไปยังระเบียงหน้าบ้านได้

ฝั่งขวาของระเบียงเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์ พื้นเทด้วยปูนปาดเรียบธรรมดา มีโครงเหล็กตกแต่งบังสายตาจากภายนอกเรียบร้อย

ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่ระเบียงกว้างแค่เพียง 80 เซนติเมตร ไม่สามารถวางอะไรได้มากไปกว่าการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ไม่สามารถวางเก้าอี้นั่งได้ ราวกันตกทำจากเหล็กทาสี สูง 1.20 เมตร

มุมจากระเบียงเข้ามาในห้องนะคะ ความจริงแล้วเปิดโล่งเป็นห้องรูปตัว L แต่บ้านตัวอย่างกั้นออกมาเป็นห้องนอนและ Walk-in Closet ประตูลึกเข้าไปด้านในเป็นประตูห้องน้ำของชั้น 2 เป็นประตูบานเปิด

ประตูห้องน้ำเป็นประตูบานสำเร็จรูป UPVC เปิดแบบผลักเข้าไป

ห้องน้ำขนาด 1.80 x 2 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto ผนังปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 60 เซนติเมตร สีเดียวกับพื้น ด้านในเร่ิมจากฝั่งซ้ายเป็นอ่างล้างหน้ามีลิ้นชักแบบเปิดได้อยู่ด้านล่าง และกระจกส่องความกว้างเท่ากับอ่างล้างหน้า ด้วยตัวอ่างล้างหน้าเองมีพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำติดกับผนัง แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ด้านข้างเป็นช่องแสงส่วนหลังบ้านมีด้วยกันสองจุดคือ หน้าต่างบานเลื่อนเปิดด้านล่าง และบานกระทุ้งด้านบน อีกอันหนึ่งเป็นเป็นช่องแสงแบบ Fix กรอบหน้าต่างทำจากอลูมิเนียมทาสี ตรงกลางเป็นกระจกฝ้า

ฝั่งขวาของทางเข้าเป็นโถสุขภัณฑ์ สายชำระ ที่วางทิชชู และพื้นที่ส่วนเปียกขนาด 0.8 x 1 เมตร มีการเจาะช่องวางเครื่องใช้ในห้องน้ำให้ด้วย 4 ช่อง

ต่อมาเป็นบันไดทางขึ้นจากชั้น 2 ไปยังชั้น 3 นะคะ มีลูกนอนเป็นชิ้นสามเหลี่ยมด้วย ขนาดความกว้างไม่เล็ก แต่ยังไงก็ต้องเดินระวังหน่อยค่ะ ราวจับบันไดซ้ายมือเป็นแบบเหล็กทาสีเคลือบ

บนชั้น 3 ส่วนหลังบ้านมีหน้าต่างบานเลื่อนอยู่อีกจุดหนึ่ง เพิ่มช่องแสงให้กับส่วนบันได

ห้องบนชั้น 3 มีด้วยกันทั้งหมด 3 ห้อง จากซ้ายมือคือห้องนอนเล็ก ห้องน้ำขนาดและการจัดวางเหมือนชั้นอื่นๆ และห้องนอนกลาง ห้องน้ำไม่สามารถเข้าได้โดยตรงจากห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ต้องเดินผ่านทางเดินตรงกลางเท่านั้น พื้นที่ก่อนถึงห้องนอนกลางบ้านตัวอย่างเคยจัดเป็นเคาท์เตอร์หาของกินยามดึก ที่มีที่วางตู้เย็นขนาดเล็กด้วย

พื้นบนชั้นสามทั้งทางเดินและต่อเนื่องเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตสำเร็จรูปหนา 8 มม. ห้องนอนเล็กซ้ายสุดขนาด 2.7 x 3 เมตร

มีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่จากส่วนหลังบ้าน

บานประตูห้องนอนเป็นประตูแบบลูกบิด บานสำเร็จรูป HDF

ห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.7 เมตร สุขภัณฑ์ Cotto มีการจัดวางเหมือนห้องน้ำชั้นอื่นๆ พื้นปูด้วยกระเบื้องสีกลางแบบด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ลดระดับลงไปประมาณ 3 เซนติเมตร

ห้องนอนกลางขนาด 3.1 x 5 เมตร ช่องแสงส่วนหน้าบ้านเหมือนกับห้องนอนใหญ่บนชั้น 2 คือมีด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกคือแบบซ้ายมือ ข้างโต๊ะทำงาน เป็นช่องแสงบานเล็กๆ 3 บาน เป็นบานเปิดแบบผลักออก ด้านล่างมีบาน Fix เล็กๆอยู่ ส่วนแบบที่ 2 แบบขวามือคือประตูบานเลื่อนสูง 2 เมตร ที่สามารถออกไปยังระเบียงหน้าบ้านได้ พื้นที่ระเบียงบนชั้น 3 เหมือนกับพื้นที่ระเบียงหน้าบ้านของชั้น 2

มุมจากห้องนอนกลางออกไปยังพื้นที่เดินตรงกลางชั้น 3

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 February 2015

  • โฮมออฟฟิศ A05 ติดถนนจรัญฯ13 พื้นที่ใช้สอย 282 ตร.ม. ที่ดิน 31.6 ตร.วา ราคา 11.89 ล้านบาท หรือ 376,200 บาท/ตร.วา
  • โฮมออฟฟิศ C03 ติดถนนเพชรเกษม  พื้นที่ใช้สอย 272 ตร.ม. ที่ดิน 26.2 ตร.วา ราคา 9.79 ล้านบาท หรือ 373,600 บาท/ตร.วา
  • โฮมออฟฟิศ E07 ติดถนนภายในโครงการ พื้นที่ใช้สอย 272 ตร.ม. ที่ดิน 26.2 ตร.วา ราคา 8.99 ล้านบาท หรือ 343,100 บาท/ตร.วา
  • โฮมออฟฟิศ E08 แปลงมุม ติดถนนภายในโครงการ พื้นที่ใช้สอย 276 ตร.ม. ที่ดิน 26.7 ตร.วา ราคา 9.29 ล้านบาท หรือ 347,900 บาท/ตร.วา

  • ทาวน์โฮม L04 ทิศใต้ ไกล้ Club House พื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม. ที่ดิน 20.8 ตร.วา ราคา 5.69 ล้านบาท หรือ 273,500 บาท/ตร.วา
  • ทาวน์โฮม L05 แปลงมุม ติดถนนภายในโครงการ พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. ที่ดิน 29.4 ตร.วา ราคา 6.99 ล้านบาท หรือ 237,700 บาท/ตร.วา
  • ทาวน์โฮม O02 ทิศใต้ พื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม. ที่ดิน 20.7 ตร.วา ราคา 5.49 ล้านบาท หรือ 265,200 บาท/ตร.วา
  • ทาวน์โฮม N06 แปลงมุม ติดถนนภายในโครงการ พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. ที่ดิน 30.2 ตร.วา ราคา 7.39 ล้านบาท หรือ 244,700 บาท/ตร.วา

  • โฮมออฟฟิศ จอง 100,000 บาท และทำสัญญา 200,000 บาท
  • ทาวน์โฮม จอง 20,000 บาท และทำสัญญา 80,000 บาท
  • ดาวน์ 5%
  • ค่าส่วนกลาง 96 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินสินเชื่อ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ อยู่ในโปรโมชั่นที่โครงการจะเป็นผู้ออกให้
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • โปรโมชั่น เปิดจองโครงการใหม่ ฟรีแอร์ 1 ตัวและค่าใช้จ่ายวันโอน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ Workplace ราชพฤกษ์ – จรัญฯ  ตั้งอยู่บนซอยจรัญฯ 13 ที่เรียกได้ว่าค่อนข้างมีความเจริญหากเทียบกับย่านละแวกเดียวกัน สามารถเข้าได้จากถนนจรัญสนิทวงศ์, ถนนเพชรเกษม แล้วเข้าซอยเพชรเกษม 48 หรือถนนราชพฤกษ์ ไม่ไกลจากถนนพุทธมณฑลสาย 1 และวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก แต่ไม่อยู่ในระยะเดินจากถนนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งชุมชมใกล้กับวัด ตลาด และวัด ในระยะไกลหน่อยจะเป็นโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ไม่ไกลจากสะพานประปกเกล้าเพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา

จุดเด่นของโครงการนี้คือมีจำนวนยูนิตไม่มาก ไม่ถือว่าเป็นโครงการใหญ่ สำหรับโฮมออฟฟิศถือว่าเป็นทำเลที่ดีในการตั้งออฟฟิศ เข้าถึงได้ไม่อยากนักด้วยการขับรถ ทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ส่วนทาวน์โฮมจะมีความกังวลเรื่องความวุ่นวายเข้า-ออกเป็นประจำสำหรับผู้มาติดต่อโฮมออฟฟิศ แม้ว่าจะอยู่ด้านหลังที่ต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยไปอีกชั้นหนึ่ง แต่ก็อาจจะไม่เป็นส่วนตัวมากนัก

การเดินทางโดยใช้รถค่อนข้างสะดวก ความกว้างของถนนตลอดทางผ่านได้สบายๆ ไม่ต้องเข้าซอยแคบๆ แต่ปริมาณรถจะค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะมาจากทางไหน โดยเฉพาะหากข้ามสะพานพระราม 7 แล้ววิ่งตรงมาบนถนนจรัญสนิทวงศ์ลงใต้มาเรื่อยๆที่มีการสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่กันอยู่ แต่ก็ต้องอดทนไว้เพื่อความสบายในภายภาคหน้า

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในปัจจุบันก็ต้องอาศัยสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุดที่เปิดใช้คือ BTS บางหว้า ระยะ 3.7 กิโลเมตรถึงโครงการ และอีก 2 สถานีบนเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่กำลังก่อสร้างอยู่ คือ MRT จรัญฯ 13 และ MRT เพชรเกษม ในระยะเวลาอีกประมาณ 3 ปี ระบบขนส่งน่าจะลงตัวและเปิดใช้ ทำให้ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ของโครงการคึกคักมากขึ้น ถึงแม้โครงการจะไม่อยู่ใกล้สถานีมาก ต้องนั่งรถอีกทอดหนึ่ง แต่ก็มีตัวเลือกให้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นพี่วิน รถสองแถว และรถกระป้อรับจ้าง

วัสดุที่ให้มาก็สมควรจะอยู่ในระดับราคานี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นดวงโคม Downlight, พื้นกระเบื้องขนาดใหญ่, พื้นลายไม้ประเภทต่างๆที่อยู่ในส่วนพักอาศัย วัสดุไม่มีอะไรโดดเด่นมาก วัสดุของบ้านตัวอย่างและบ้านเปล่าจะมีจุดที่ต่างกันบ้าง เช่น ภายในห้องน้ำบางชั้นที่ตกแต่งออกมาเป็นสไตล์ Industrial มีการเพิ่มพื้นที่เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า และผนังห้องบางส่วนที่บ้านเปล่าจะเป็นผนังปิดทึบ เปิด-ปิดด้วยประตูบานสำเร็จ UPVC แต่บ้านตัวอย่างเปลี่ยนกำแพงเป็นแค่ฉากกั้น 2 เมตรบังสายตา และเอาบานประตูออก ทำให้พื้นที่ภายในชั้นดูกว้างขึ้น แต่บ้านตัวอย่างก็มีการเพิ่มพื้นที่ปิดเช่นกัน อย่างชั้น 2 ที่บ้านเปล่าจะเป็นชั้นเปิดโล่ง ไม่มีกำแพงติด สามารถมองเห็นบันไดและมีแค่ราวกันตก บ้านตัวอย่างจะกั้นผนังปิด และเปลี่ยนเอาราวกันตกออก แทนด้วยกรอบอลูมิเนียมทาสีตรงกลางเป็นกระจกติดฟิล์มกันแดด 

การออกแบบโครงการขนาดเล็ก ถือว่าเป็นการวางผังโครงการได้ดี มีทางเข้า-ออกสองทางจากซอยจรัญฯ 13 และซอยเพชรเกษม 48 ใช้ประโยชน์จากการติดหน้าซอยด้วยการแบ่ง 11 ยูนิตให้หันหน้าออกจากโครงการ ที่สามารทำเป็นร้านอาหารและศูนย์ติดต่อได้ โดยเปลี่ยนพื้นที่จอดรถมาที่ด้านหลังแทน พื้นที่จอดรถรอบโครงการรวมซ้อนคันอีก 50 คัน อาจจะไม่เพียงพอในอนาคต ถ้าแบบเปิดออฟฟิศที่มีลักษณะต้องติดต่องานเยอะ คิดเล่นๆว่าแค่โฮมออฟฟิศ 50 หลังมีผู้ติดต่อมาจอดยูนิตละคันก็เต็มแล้ว ส่วนภายในพื้นที่โฮมออฟฟิศมีความสูงจากพื้นถึงเพดานอยู่ในระยะที่ดีคือ 2.8 เมตร สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ในเกือบจะทุกส่วน เข้ามาถึงส่วนทาวน์โฮมก็จัดแบ่งพื้นที่ได้ดี ติดนิดหน่อยตรงห้องน้ำอยู่ใต้บันไดในชั้น 1 และห้องน้ำบนชั้น 3 ที่ต้องเข้าจากทางเดินเท่านั้น

สาธารณูปโภค อยู่ในระดับโอเค เมื่อเทียบกับขนาดโครงการที่ไม่ใหญ่ แต่ไม่ค่อยคุ้มค่าในแง่ระดับราคา ค่าส่วนกลางทั้งโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮมเก็บเท่ากัน คือคนจากโฮมออฟฟิศก็สามารถเข้ามาใช้ Facilities ได้ทั้งหมด จากการสอบถามข้างต้นไม่ได้มีการจำกัดจำนวนผู้งานสำหรับโฮมออฟฟิศ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าของบ้าน สามารถถือบัตรเดินผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของทาวน์โฮมเข้ามาได้ Club House ก่อสร้างได้สวยดี แต่น่าจะเพิ่มฟังก์ชั้นการใช้งาน หรือสร้างให้ใหญ่ขึ้นด้วยการเพิ่มห้องต่างๆไปยังพื้นที่ส่วนหย่อมด้านหน้าที่เป็นพื้นที่กลางแจ้ง เพราะหากไม่ใช่เวลาช่วงเย็น แดดหลบไปแล้ว จะไม่ค่อยได้ถูกใช้งานมากนัก อาทิ ห้องอเนกประสงศ์ที่เหมือนเป็น Lobby รวม, ห้องอ่านหนังสือ หรือจัดเป็นพื้นที่กิจกรรมเพิ่มง่ายๆ เช่นวางโต๊ะปิงปอง หรือสนามเด็กเล่น 

ระบบรักษาความปลอดภัย เข้าประตูรั้วโครงการส่วนโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮมชั้นแรกเป็นแบบรั้วกั้นไม้กระดกไฟฟ้าด้วย Key Card Access ระยะใกล้ ส่วนเข้าประตูรั้วโครงการส่วนทาวน์โฮมอีกชั้นหนึ่งเป็นแบบรั้วเลื่อนไฟฟ้าด้วย Key Card Access ระยะใกล้ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 27 จุด และสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 5 – 15 ล้านบาท, 24 February 2015

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – ซอยจรัญฯ 13 ถือเป็นซอยที่ใหญ่ อยู่หัวมุมตัดกับซอยเพชรเกษม 48
  • ความปลอดภัย 8/10 – ส่วนของโฮมออฟฟิศและทาวน์โฮม ถูกแบ่งแยกชัดเจนด้วยระบบ Double Gate ด้วย Key Card Access ระยะใกล้
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.25/10 – แบบสวย พื้นที่เหมาะสม ใช้งานได้จริง
  • วัสดุ 7.5/10 – ระดับมาตรฐาน ผนังฉาบปูนทาสีขาว
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – โครงการเล็ก แต่มีพื้นที่สีเขียวมาก ออกแบบ Landscape ได้ดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – Facilities พอกับโครงการขนาดเล็ก แต่ไม่เหมาะสมกับระดับราคา
  • 7.69 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Workplace ราชพฤกษ์-จรัญฯ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการออฟฟิสใหม่ หรือบ้านหลังใหม่ โครงการไม่ใหญ่มากย่านจรัญสนิทวงศ์ หากท่านมีงบ 5-8 ล้านบาทสำหรับทาวน์โฮม และ 9-15 ล้านบาทสำหรับโฮมออฟฟิศ

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/