รีวิวฉบับที่ 2148 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปดูทาวน์โฮมในโครงการ Britania สายไหม กันนะคะ Britania ถือว่าเป็นแบรนด์บ้านแนวราบ ในเครือของ Origin ที่คนมักคุ้นเคยโครงการประเภทคอนโดเป็นส่วนใหญ่ โดยจุดเด่นอย่างหนึ่งของบริทาเนียคือพื้นที่ส่วนกลาง ที่มักจะจัดเต็มดีไซน์และฟังก์ชันมาให้เหมือนกับส่วนกลางในคอนโดมิเนียมเลย ในส่วนของ Britania สายไหมเองนั้น จะมีทั้ง Products ที่เป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม แต่ในรีวิวนี้จะขอรีวิวเฉพาะทาวน์โฮม 2 แบบที่กำลังเปิดขายอยู่ ณ เวลาปัจจุบันนะคะ(ตุลาคม 2020) ใครที่กำลังมองหาบ้านโซนสายไหมอยู่ก็อ่านกันต่อได้เลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

22 October 2020

  • Britania Saimai (บริทาเนีย สายไหม)
  • บริษัท บริทาเนีย จำกัด ในเครือ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนสายไหม เขตสายไหม
  • ทาวน์โฮม 2 ชั้น
    – Molton ที่ดิน 18.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 108 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
    – Berwick ที่ดิน 18.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 108 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • บ้านแฝด 2 ชั้น (เปิดขายกลางปี 2564)
    – Campden ที่ดิน 40.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 150 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
    – Compton ที่ดิน 41.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • บ้านเดี่ยว 2 ชั้น (เปิดขายกลางปี 2564)
    – Marylebone ที่ดิน 52.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • เริ่มก่อสร้าง : 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2565
  • ราคาเริ่มต้น 3.49-5 ล้านบาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 098-860-0060

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.921990, 100.653843
หรือสามารถคลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการคะ

โครงการ Britania สายไหม ตั้งอยู่บนถนนสายไหมเลยค่ะ ซึ่งถนนเส้นนี้ถือว่าเป็นอีกโซนหนึ่งที่มีโครงการจัดสรรแนวราบหรือบ้านตั้งอยู่บนถนนสายไหม ถนนสุขาภิบาล 5 ถนนเพิ่มสิน ถนนลำลูกกาเยอะมาก ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมก็มีตัวเลือกเยอะเลย  ส่วนเหตุผลที่มีโครงการจัดสรรแนวราบขึ้นเยอะเนื่องมาจาก
1) เป็นโซนที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย ใช้ทางด่วนได้สะดวก ทั้งทางด่วนวงแหวน-กาญจนา, ทางด่วนฉลองรัช หรือว่าใช้เดินทางไปยังถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดี-รังสิต ก็ไม่ไกลค่ะ
2) นอกจากตัวเลือกในการเดินทางแล้วการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่จะมาสิ้นสุดที่สถานีคูคต ในอนาคตอันใกล้ ก็กลายเป็นตัวเลือกที่ดีในการเดินทางเช่นกัน
3) เป็นย่านชุมชนพักอาศัย มีตลาด มีแหล่งของกินเยอะ หากินได้ง่ายค่ะ

สำหรับ Britania สายไหมนี้ เรามองว่าจุดเด่นหนึ่งของโครงการนี้คือเรื่องทำเลค่ะ สำหรับคนที่ซื้อทาวน์โฮม โครงการทาวน์โฮมที่อยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนสายไหมนี้ก็มีไม่มาก (ที่เห็นก็จะอยู่ในซอยลึกเข้าไป ใครไม่มีรถก็อาจจะเดินทางลำบาก) นอกจากนี้ก็จะอยู่ฝั่งเลขคี่ เดินทางไปยังสถานีคูคตได้ง่ายมากค่ะ

ระหว่างถนนสายไหมและถนนลำลูกกานั้น จะมีหลายซอยที่เชื่อมต่อกัน จากโครงการเองถ้าจะไปใช้งานรถไฟฟ้าสถานีคูคต ก็ผ่านทางซอยสายไหม 39 ได้ค่ะ ระยะทางไปประมาณ 2.6 เมตร ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงค่ะ

เส้นทางการเดินทาง

เส้นทางวันนี้เราจะมาจากทางด่วนฉลองรัชนะคะ ออกทางถนนสุขาภิบาล 5 ลัดเข้าถนนเพิ่มสิน และไปออกยังปากซอยสายไหม 56 พอเจอถนนสายไหมให้เลี้ยวซ้าย โครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ

Image 1/11
วันนี้เราเริ่มต้นที่ทางด่วนฉลองรัชค่ะ ออกไปทางสุขาภิบาล 5 นะ

วันนี้เราเริ่มต้นที่ทางด่วนฉลองรัชค่ะ ออกไปทางสุขาภิบาล 5 นะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะ

โครงการนี้จะมีทางเข้าออกติดกับถนนสายไหมเลยค่ะ แต่ตัวที่ดินโครงการจะเป็นแนวลึกเข้าไปนะคะ โดยสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่อยู่อาศัย มีตลาด ร้านอาหารอยู่สองข้างทาง

หน้าโครงการมองไปยังฝั่งตรงข้ามจะมีปั๊ม PT และที่ดินเปล่าค่ะ

ถนน 4 เลน ขับได้สบาย ช่วงเช้าเย็นอาจจะติดขัดบ้าง เนื่องจากแถวนี้หมู่บ้านเยอะ

ติดกับโครงการเลยเป็นร้านอาหารซ้ง เป็ดพะโล้ค่ะ

หน้าโครงการมีทางเท้าดูเรียบร้อยสวยงาม

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ห้างบิ๊กซี สายไหม ~ 1.5 km.
  • ตลาด เอ.ซี. ~ 1.7 km.
  • โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 ~ 1.8 km.
  • ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต ~ 1.8 km.
  • รถไฟฟ้า สถานีคูคต ~ 2.6 km.
  • โรงเรียนวรนาถวิทยา ~ 3 km.
  • ตลาดวงศกร ~ 3.2 km.
  • โรงพยาบาลสายไหม ~ 3.7 km.
  • โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม ~ 3.7 km.
  • โรงพยาบาลภูมิพล ~ 5.2 km.
  • สำนักงานเขตสายไหม ~ 5.3 km.
  • ตลาดออเงิน ~ 5.7 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ Britania สายไหม จะมีรูปร่างที่ดินลึกเข้าไปจากถนนใหญ่อย่างถนนสายไหมค่ะ โดยโครงการค่อยๆทยอยสร้างและเปิดขายไปทีละเฟส เริ่มจากโซนแรกที่อยู่ด้านหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นทาวน์โฮมทั้งหมดเลยค่ะ โดยโครงการนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางหลักๆอยู่ 2 จุด
1) อยู่ตรงด้านหน้า ทางเข้าโครงการติดกับถนนใหญ่ ส่วนนี้จะเป็น Clubhouse สูง 2 ชั้น และ
2) สวนสาธารณะที่อยู่กลางโครงการ ซึ่งจะมีสนาม Basket ball และสนามเด็กเล่นด้วยค่ะ

วันที่เราไปรีวิวโครงการจะมีแค่ส่วน Clubhouse ด้านหน้าที่สร้างเสร็จเท่านั้นนะคะ เราลองไปดูบรรยากาศของส่วนกลางโครงการนี้กันดู ส่วนตัวเรามองว่า Britania เป็นแบรนด์บ้านที่สร้างพื้นที่ส่วนกลางได้สวย น่าใช้งาน และพยายามยกระดับพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านจัดสรร ให้เทียบเท่ากับส่วนกลางที่เรามักจะเจอกันในคอนโดสมัยใหม่เลยค่ะ

ขอเริ่มกันที่ทางเข้าโครงการเลยค่ะ ทางโครงการได้เอาอาคาร Clubhouse มาออกแบบเป็นส่วนหนึ่งของซุ้มประตูทางเข้า ติดกับถนนสายไหมเลย ทำให้เมื่อมองจากถนนใหญ่จะเห็นแนวอาคาร 2 ชั้น เป็นจุดสังเกตต่อคนที่ผ่านไปมาได้ง่ายค่ะ

ฝั่งที่ติดกับซุ้มประตูทางเข้าโครงการจะเป็นอาคาร 2 ชั้น ดีไซน์สไตล์อังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็น Concept ของโครงการ Britania โดยมีการเว้นระยะตัวอาคารกับทางเท้าริมถนนด้านหน้าด้วยการออกแบบ landscape ที่เป็นสวน น้ำพุ สร้างบรรยากาศให้ตัวโครงการดูร่มรื่นมากขึ้น

ส่วนที่เป็นซุ้มประตูทางเข้าก็จะแยกทางเข้า-ออกคนละฝั่งค่ะ มีป้ายชื่อโครงการอยู่ที่กำแพง

ทางเข้านี้จะแยกเป็น 2 ฝั่ง สำหรับ Visitor ก็เข้าช่องขวา แลกบัตรกับพี่รปภ.ก่อนเข้าไปภายในโครงการ ส่วนลูกบ้านก็เข้าช่องซ้ายมือได้เลย บริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีหลังคาปกคลุมด้วย บังแดดกันฝนได้ค่ะ

รั้วทางเข้าจะมีทั้งไม้กั้นกระดกและประตูบานเลื่อนอัตโนมัติเลย แต่ส่วนประตูบานเลื่อนนั้นจะปิดช่วงเวลากลางคืนนะคะ

การเข้า-ออกจะใช้ระบบ Keycard access และมีกล้อง CCTV ติดตั้งไว้ ถ่ายเห็นทะเบียนรถและภาพรวมของคนที่เข้า-ออกภายในโครงการ

ถัดเข้ามาเราจะเจอกับถนนหลักของโครงการค่ะ กว้าง 12-14 เมตร ทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และ Sale office ของโครงการนี้นะ

เราขอพามาดูตัว Clubhouse ก่อนเลย สำหรับโครงการนี้เรามองว่าเป็นทาวน์โฮมที่ได้ Clubhouse ที่ดีโครงการหนึ่งเลยค่ะ ด้วยความที่ Britania ถือว่าเป็นแบรนด์บ้านที่ราคาบ้านอาจจะสูงกว่าโครงการอื่นอยู่ แต่ว่าราคาที่เสียไปก็แลกมากับพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่อย่างที่เห็น เหมือนกับว่าไม่ได้ซื้อแค่บ้าน แต่ซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆที่มาพร้อมกับโครงการด้วย ซึ่งถ้าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวก็อาจจะถือว่าส่วนกลางแบบนี้เป็นมาตรฐาน แต่ในกรณีที่เป็นโครงการที่มีจำนวนทาวน์โฮมเยอะ เราว่าเรื่องนี้เป็นข้อดีของที่นี่นะคะ

ตัวอาคาร Clubhouse นี้จะมีผังรูปตัว L ยกระดับจากพื้นถนนขึ้นไป ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่ใช้งานได้นะคะ คนที่เข้า-ออกโครงการ ขับรถผ่านไปมาก็จะไม่เห็นคนที่ใช้งานสระว่ายน้ำโดยตรง ถือว่าดีค่ะ

พอขึ้นมาเราจะเจอกับสระว่ายน้ำก่อนเลย โดยตัวสระนี้จะแบ่งสระเด็กและสระปกติออกจากกัน ขนาดสระเด็กอยู่ที่ 4.3×1.9 เมตร ส่วนสระปกติมีขนาด 6.8×12 เมตร

ด้านข้างสระจะมี Day bed อยู่ วางของนอนเล่นตอนเย็นๆได้ค่ะ ตรงนี้จะมีแผงต้นไม้เป็น Backdrop ด้านหลัง สร้างให้บรรยากาศรอบๆสระดูร่มรื่นมากขึ้นนะคะ

ฝั่งที่อยู่ด้านหลัง Backdrop ต้นไม้ จะเป็นจุดล้างตัวสำหรับคนที่มาใช้งานสระว่ายน้ำ

และพื้นที่ภายในอาคารจะเป็นห้องน้ำค่ะ มีแยกห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุหรือคนพิการมาให้ด้วยนะ

ภายในห้องน้ำคนพิการก็จะมีขนาดใหญ่ เข็น Wheel chair เข้าไปได้

ทางขวามือจะเป็นห้องน้ำชายค่ะ ภายในก็มีขนาดใหญ่ แบ่งโซน จัดฟังก์ชันให้หลายๆอย่าง มีพื้นที่นั่งเล่น นั่งรอ เล็กๆด้วย

ถือว่าเป็นห้องน้ำที่ดูพิถีพิถันในการออกแบบ เลือกวัสดุที่เป็นกระเบื้อง มา match กับผนังและเคาน์เตอร์ที่เป็น Terrazzo ดูสวยงามเหมือนกับส่วนกลางในคอนโดเลยค่ะ

นอกจากนั้นก็จะมีมุม Locker ให้ สำหรับคนที่มาเล่นฟิตเนสหรือว่ายน้ำก็เก็บของไว้ได้ ออกกำลังกายเสร็จก็มาอาบน้ำ ล้างตัวแล้วค่อยเข้าบ้านก็ได้ค่ะ

ส่วนที่เป็นห้องน้ำหญิงก็จะมีดีไซน์ที่แตกต่างออกไป แต่ฟังก์ชันยังเหมือนเดิมนะคะ

ที่เห็นได้ชัดก็คือการเลือกลายกระเบื้องพื้น กระเบื้องผนัง และสีของ terrazzo บนเคาน์เตอร์ ดูหวานมากขึ้น

ด้านในก็จะแบ่งเป็นทั้งห้องอาบน้ำและห้องสุขาให้ใช้งานค่ะ

เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปดูภายในอาคารส่วนอื่นๆกันต่อนะคะ ทางเข้า-ออกจะมีอยู่ทางเดียวค่ะ

เข้ามาส่วนแรกที่จะเจอคือ Living Room ตรงนี้จะสูง 7 เมตร บรรยากาศเลยดูแล้วโปร่งสบาย มานั่งเล่นได้ หรือจะใช้เป็นที่รับแขก หรือคุยธุระก็ดีค่ะ เผื่อไม่สะดวกจะให้เข้าไปที่บ้าน

พื้นที่ตรงนี้จัดเฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบนะ มีทั้งโซฟา โต๊ะสำหรับนั่งทำงานก็มี

ด้านข้างจะเป็น Kids Room ค่ะ และมีบันไดขึ้นชั้น 2 ของ Clubhouse ห้องที่เห็นอยู่ด้านบนจะเป็น Function Room

Kids Room จะมีขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อย แต่มีเฟอร์นิเจอร์เล็กๆสำหรับเด็กๆ

มุมนี้ก็เป็นอีกมุมที่ดูน่ารักนะคะ น่าจะเป็นมุมโปรดของเด็ก ไว้วิ่งเล่นขึ้นลงสนุกเลยค่ะ

ลองขึ้นมาดูที่ Function Room กันต่อนะ

ห้องนี้ก็จะได้บรรยากาศเหมือน Co-Working Space ค่ะ เป็นพื้นที่จัดเตรียมไว้สำหรับมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ ทำการบ้านยาวๆ มีเคาน์เตอร์เล็กๆเผื่อใครจะเอาขนม น้ำชามาอุ่น ชง ทานรองท้องระหว่างทำงานหรือติวหนังสือก็ได้นะคะ

มีมุมให้นั่งหลากหลายเลย ความสูงห้องที่อยู่ในระดับปกติก็ได้บรรยากาศที่แตกต่างจาก Living Room ที่อยู่ด้านล่าง ดูเป็นส่วนตัวขึ้นนั่นเอง

เดินมาอีกทางจะเป็นโซน Active ขึ้นมาค่ะ จะมีห้องโยคะ และ ฟิตเนส

ห้องโยคะของที่นี่จะมีจอทีวีติดตั้งไว้ให้ สำหรับเปิดคลิป Youtube และฝึกโยคะตาม นอกจากนี้ก็จะมีเสื่อโยะคะ บอลให้ใช้ด้วย มีล็อกเกอร์ไว้ด้วย เผื่อใครมีเสื่อโยคะส่วนตัวก็อาจจะเก็บไว้ตรงนี้ได้ระหว่างไปใช้งานส่วนอื่นๆของ Clubhouse นะคะ

มาดูที่ฟิตเนสกันต่อค่ะ เป็นห้องที่ใหญ่ขึ้น มีเครื่องเล่นหลากหลายเลยนะ

ทั้งลู่วิ่ง ดัมเบล จักรยานให้มาพร้อม ตัวห้องล้อมด้วยกระจก เห็นวิวรอบๆ Clubhouse ด้วย

มุมหนึ่งจะมองไปยัง Sale Office ของโครงการนี้

ด้านข้างมองลงไปจะเห็นทางลาดเผื่อใครที่ใช้ Wheelchair และจะมาใช้งาน Clubhouse ก็ยังใช้งานที่ชั้นล่างได้นะคะ

อีกมุมของฟิตเนสจะมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำค่ะ

ส่วนด้านหน้า Sale Office จะมีสวนเล็กๆอยู่ โดยสวนภายในโครงการก็จะมีการเลือกพันธุ์ต้นไม้หรือองค์ประกอบที่นำมาตกแต่งสวนให้เข้ากับ Concept English garden

มีน้ำพุและต้นไม้ ดอกไม้ดูสวยงาม

และยังมีมุมนั่งเล่นในสวน ถ้าอากาศดีก็น่าจะมานั่งอ่านหนังสือได้นะคะ

บรรยากาศของถนนหลักภายในโครงการ จะมีการลงต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มอยู่ข้างรั้วนะ สร้างให้บรรยากาศภายในดูร่มรื่นดีค่ะ คิดว่าถ้าต้นไม้โตเต็มที่น่าจะดูร่มรื่นยิ่งขึ้นอีก

ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ส่วนด้านหน้าของโครงการนะ โซนที่อยู่อาศัยด้านในก็ยังมีการออกแบบพื้นที่สีเขียวสองฝั่งถนนเช่นเดียวกับโซนด้านหน้าค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Clubhouse
    – Living Room
    – Kids Room
    – Fitness
    – Yoga Room
    – Function Room
    – Swimming Pool ขนาด 6.8×12 เมตร
    – Kids Pool ขนาด 4.3×1.9 เมตร
  • Garden Rest Zone
    – Seating Area
    – Gazebo
    – Playground
  • Garden Active Zone
    – Full Court Basketball
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
    – Main Gate
    – 24 – Hours Security Guard
    – CCTV Camera
    – รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
    – ถนนหลักกว้าง 12 – 14 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในตัวบ้าน
    – IP Camera 2 จุด
    – สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor
    – Digital Door Lock

แบบบ้าน

ในรีวิวนี้เราจะขอพาไปดูเฉพาะทาวน์โฮม ซึ่งเป็น Product ที่มีเยอะที่สุดในโครงการ และเปิดขายอยู่ในปัจจุบันนะคะ โดยทาวน์โฮมของ Britania สายไหมนี้จะมีให้เลือกอยู่ 2 แบบ ชื่อว่า MOLTON และ BERWICK ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้จะมีขนาดเท่ากันเลย ความแตกต่างจะอยู่ที่จำนวนฟังก์ชันใช้งานที่ชั้น 2 หรือว่าส่วนที่เป็นห้องพักอาศัยค่ะ ที่ Molton ชั้น 2 จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ส่วน Berwick ชั้น 2 จะกั้นไว้ให้ 3 ห้อง ส่วนราคาจะอยู่ในช่วง 3.49 – 5 ล้านบาทค่ะ ให้ตีเอาว่าถ้าเป็นแปลงมุมจะราคาราวๆ 5 ล้านบาทได้ ระบบการก่อสร้างบ้านที่นี่จะเป็นระบบ Pre-cast ดังนั้นภายในก็อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องการทุบ และต่อเติมค่ะ แต่ว่าตัวบ้านก็ทำมา 2 แบบที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ต่างกันอยู่แล้วนะ เราไปดูกันค่ะ ว่าแตกต่างกันอย่างไร

บ้านทั้ง 2 แบบนี้จะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น แต่ฟังก์ชันภายในที่ต่างกันทำให้หน้าตาของบ้านทั้ง 2 แบบจะแตกต่างกันค่ะ จุดที่เห็นชัดจะเป็นดีไซน์ชั้น 2 ของบ้าน ที่หน้าต่างจะมีการสลับบานเล็กใหญ่แตกต่างกันเล็กน้อย

ความแตกต่างของทั้ง 2 แบบจะอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านที่กั้นจำนวนห้องต่างกันค่ะ

ซึ่งความแตกต่างของจำนวนห้องนี้เอง จึงกลายเป็นทางเลือกให้กับคนที่มีความต้องการต่างกันค่ะ อย่างเช่น
บ้าน Molton เรามองว่าเป็นทาวน์โฮมที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก คู่แต่งงานใหม่ อยู่ 2 คน หรือวางแผนที่จะมีลูกเล็กซักคน โดยที่ต้องการพื้นที่ห้องนอนที่กว้างอยู่แล้วไม่อึดอัด
บ้าน Berwick อาจจะเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางหน่อย อยู่ 2-4 คน ต้องการแยกพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนมากขึ้น อาจจะเป็นครอบครัวเล็กที่อยากได้ห้องทำงานชั้น 2 แบ่งห้องหนึ่งไว้เป็นห้องแต่งตัวก็ทำได้

ต่อไปเราไปดูบรรยากาศภายในบ้านตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ


BERWICK

ทาวน์โฮมแบบแรกที่จะพาไปดูเป็นแบบที่มีชื่อว่า Berwick ค่ะ เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น 2 ห้องนอน 2 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โซนนี้จะเป็นบ้านตัวอย่างนะคะ ในบ้านจริงที่ได้ก็จะมีรั้วอะไรมาให้ค่ะ

Berwick เป็นทาวน์โฮม 2 ห้องนอน 2 ห้องอเนกประสงค์ (ที่ต้องเรียกว่าห้องอเนกประสงค์ก็มาจากขนาดภายในห้องไม่ถึง 8 ตร.ม. ทางกฏหมายจะไม่เรียกว่าห้องนอน แต่ถ้าใครจะเอาเตียงไปวางเป็นห้องนอนก็ไม่ผิดอะไรนะคะ)

ชั้น 1 ของบ้านฝั่งหนึ่งจะเป็นพื้นที่ Common Area เป็นส่วนนั่งเล่น กินข้าว และอีกฝั่งของบ้านจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ห้องน้ำ และบันไดขึ้นไปชั้น 2
จุดที่เราชอบที่ชั้นนี้คือ
1) มีห้องอเนกประสงค์ให้ เผื่อใครต้องการฟังก์ชันอื่น เช่น ห้องทำงาน หรือห้องนอนเพิ่มก็ปรับการใช้งานได้
2) ตำแหน่งบันไดที่ไปอยู่หลังบ้านทำให้ส่วนบันไดก็จะได้ช่องแสงจากภายนอก ใช้งานก็ไม่มืดไม่อันตราย

ชั้น 2 เป็นพื้นที่พักผ่อนค่ะ โดยบ้านแบบนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ทำให้ขนาดภายในห้องทุกห้องจะไม่ใหญ่มาก เหมาะกับคนที่ต้องการแบ่งพื้นที่ใช้งานหลายๆส่วนมากกว่า ข้อดีคือจะมีตำแหน่งห้องหน้าบ้าน 2 ห้อง ซึ่งจะได้มุมมองกว่าห้องทางฝั่งด้านหลัง (ที่มองออกไปจะเจอกับหลังบ้านคนอื่นได้ง่าย) และข้อดีอีกอย่างคือมีห้องน้ำ 1 ห้องที่ตำแหน่งหลังบ้าน ทำให้ห้องน้ำนี้สามารถระบายอากาศและความชื้นได้ดี มีช่องแสงเป็นแสงสว่างได้ด้วยค่ะ

ในบ้านที่ขายจริงจะได้แบบนี้นะคะ แปลงมุมก็จะมีพื้นที่สวนข้างบ้านเพิ่มเติม

รั้วบ้านจะเป็นบานเฟี้ยมเหล็ก เปิดได้สุด 2 ด้านเลย

และมีตู้จดหมาย+เลขที่บ้านอยู่ด้านหน้าค่ะ ส่วนที่จอดรถนั้นจะจอดได้ 2 คันนะ กว้าง 5.5 เมตร จุดที่น่าสนใจคือที่นี่จะลงเสาเข็มให้ เป็นเสาเข็ม 6 เหลี่ยม ยาว 4 เมตร จำนวน 9 ต้น(ให้มาเป็นมาตรฐาน) ซึ่งมีข้อดีเรื่องการทรุดตัว แตกร้าวของพื้นก็จะดีกว่าการให้มาเป็น Slab on ground ที่เห็นในทาวน์โฮมทั่วไป

ด้านหน้าบ้านจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ทางซ้ายเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอนเข้าไปยังบ้าน ส่วนทางขวาจะเป็นหน้าต่างห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง

ที่นี่จะติด IP camera ไว้ให้ 2 จุดเป็นมาตรฐานของทุกหลังค่ะ ที่จอดรถ 1 จุด และ Living Area อีกจุด นอกจากนี้ประตูทางเข้าก็จะได้เป็น Digital Door Lock ด้วย

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่โล่งค่ะ ส่วนนี้เราขอเรียกว่า Common Area มีขนาด 2.9×5.65 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร พื้นจะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ค่ะ

ส่วนที่อยู่ติดประตูก็จัดเป็นมุมรับแขก พักผ่อน หรือดูทีวีได้ ในบ้านตัวอย่างจะตกแต่งไว้ในแปลงมุม จึงมีหน้าต่างข้างๆ ส่วนบ้านแปลงกลางก็จะมืดกว่านี้นิดหน่อย เพราะไม่มีหน้าต่างค่ะ

ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นมุมสำหรับกินข้าว

พื้นที่ส่วนนี้จัดโต๊ะกินข้าว 4 ที่กำลังดีเลยค่ะ ส่วนผนังทางฝั่งหลังบ้านก็จะเดินระบบท่อน้ำ ไฟฟ้า เผื่อทำเป็นเคาน์เตอร์แบบในบ้านตัวอย่างนะ

ระยะต่างๆก็ถือว่าไม่อึดอัดมากค่ะ ถ้าอยู่กัน 2-3 คนก็ถือว่าสบายเลย

ทางฝั่งหลังบ้านจะทำมาให้ดูเป็นไอเดียในการต่อเติมครัวไทยสำหรับทาวน์โฮมนะ ซึ่งบ้านมาตรฐานจะไม่มีหลังคาแบบนี้ แต่มีเคาน์เตอร์ให้มา(เดี๋ยวเรามีรูปให้ดูเพิ่มเติมค่ะ)

ต่อจาก Common Area เราไปดูอีกฝั่งของบ้านกันค่ะ

ห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ฝั่งหน้าบ้านจะเป็นห้องที่ได้หน้าต่างด้วย ภายในห้องมีขนาด 2.275×2.55 เมตร จัดเป็นห้องทำงานอดิเรกนะ

ส่วนห้องน้ำจะอยู่กลางบ้าน มีโซนอาบน้ำให้มาด้วย ถ้าใครปรับห้องอเนกประสงค์ไปใช้เป็นห้องนอน ก็ไม่ต้องลำบากเดินขึ้นไปใช้ห้องน้ำด้านบนค่ะ

สุขภัณฑ์ต่างๆจะได้ของ Cotto มีกระจกเงาบานใหญ่ และมีปลั๊กไฟที่มีช่อง USB ให้ด้วยในห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวไป ชาร์จโทรศัพท์ไปด้วยได้

ส่วนอาบน้ำจะเป็นตำแหน่งใต้บันไดค่ะ ดังนั้นความสูงก็จะลาดเอียงหน่อย คนที่ตัวสูงก็อาจจะต้องระวังนะ เราลองวัดดูจากกึ่งกลางพื้นที่ จะสูงอยู่ที่ 1.95 เมตร

ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อค่ะ ตัวบันไดจะใช้เป็นโครงสร้างคสล. มีความแข็งแรงกว่าโครงสร้างเหล็กนะคะ

ขึ้นมาจะเจอกับทางเดินตรงกลาง แยกไปห้องฝั่งหน้าบ้าน (ซ้ายมือ) และห้องทางฝั่งหลังบ้าน (ขวามือ)

ห้องที่อยู่ขวามือห้องแรกจะเป็นห้องน้ำค่ะ ที่เราบอกไปว่าห้องนี้ติดกับฝั่งหลังบ้าน ทำให้ได้หน้าต่างด้วย เป็นช่องแสงและระบายอากาศ ความชื้นไปในตัว

สุขภัณฑ์ให้ของ Cotto เหมือนเดิม มี USB outlet เช่นเคย ให้มาทุกห้องค่ะ

พื้นที่อาบน้ำอยู่ด้านใน ไม่มีฉากกั้นมาให้ ภายในมีขนาด 100×90 ซม. ถือว่าใช้งานสะดวกอยู่นะ

ส่วนห้องที่อยู่ฝั่งหลังบ้านอีกห้องจะได้หน้าต่างไม่ใหญ่มาก เป็นห้องที่มองออกไปก็เห็นผนังของบ้านที่อยู่ด้านหลังค่ะ หน้าต่างที่ไม่ใหญ่มากก็ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวได้

ห้องนี้มีขนาด 2.15×2.7 เมตร ถ้าจะจัดเป็นห้องนอน วางเตียงประมาณ 3 ฟุตกำลังดี

ขอพาดูห้องที่อยู่ฝั่งหน้าบ้านกันบ้างค่ะ ห้องนี้จะได้หน้าต่างทรงสูง ต่างจากห้องเมื่อสักครู่

ภายในห้องมีขนาด 2.95×2.55 เมตร ถ้าวางเตียงชิดหน้าต่างก็จะมีพื้นที่ข้างเตียงเยอะขึ้นค่ะ สำหรับห้องนี้เราว่าวางเตียงขนาด 3-3.5 ฟุตกำลังดี

พื้นที่ฝั่งปลายเตียงจะเว้าผนังเข้าไป พอดีกับการทำ Built-in ชั้นวางของ และชั้นวางทีวี เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของภายในห้องนะ

มาดูห้องนอนสุดท้ายค่ะ ถือว่าเป็น Master Bedroom ของบ้านก็ว่าได้ เนื่องจากมีห้องน้ำในตัวด้วย สำหรับห้องนี้ก็จะได้หน้าต่างขนาดใหญ่ขึ้นนะ

ห้องนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น 3×2.85 เมตร วางเตียง 5-5.5 ฟุตได้

แต่ก็แนะนำเตียงที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินรอบๆเตียงค่ะ

ในห้องนี้ก็จะได้ห้องน้ำส่วนตัวนะ

ผังห้องน้ำจะแตกต่างจากห้องอื่นๆ ทุกฟังก์ชันเข้ามุมเป็นสัดส่วน ส่วนพื้นที่อาบน้ำถ้าติดตั้งฉากกั้นเพิ่มการใช้งานก็จะสะดวกมากขึ้นค่ะ


MOLTON

มาดูทาวน์โฮมอีกแบบกันค่ะ แบบนี้จะมีชื่อว่า Molton หน้าตาภายนอกบ้านจะเป็นแบบนี้นะ

พื้นที่ใช้สอยของ Molton จะมีขนาดเท่ากับ Berwick แต่ที่ชั้น 2 จะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน โดยที่ทั้ง 2 ห้องนั้นจะได้ห้องน้ำในตัว ดังนั้นบ้านแบบนี้จึงเหมาะกับครอบครัวเริ่มต้น หรือครอบครัวขนาดเล็ก 2-3 คน ต้องการพื้นที่ภายในห้องนอนที่อยู่สบาย ไม่อึดอัด

หน้าตาบ้านจะใช้โทนสีที่แตกต่างจาก Berwick ไปบ้างค่ะ โดยมีการใช้สีเทาเพิ่มเข้ามา

ส่วนประตูหน้าต่างฝั่งหน้าบ้านยังคงเหมือนเดิม คือเมื่อเข้าไปจะแบ่งฟังก์ชันภายในบ้านออกเป็นสองฝั่ง บริเวณที่จอดรถและ Living Area จะติด IP Camera ให้

ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานเลื่อนกระจกค่ะ เปิดได้สองฝั่ง

ทางเข้าจะติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ และบริเวณประตูจะมี Magnetic Sensor ให้มาค่ะ

เข้ามาภายในบ้านจะเป็น Common Area หน้ากว้าง 2.9 เมตร ลึก 5.65 เมตรค่ะ

มุมแรกเป็นพื้นที่ Living Area นั่งเล่น พักผ่อน รับรองแขก ได้แสงสว่างจากฝั่งหน้าบ้าน

ส่วนฝั่งด้านในจะเป็นมุมสำหรับวางโต๊ะกินข้าว เราจะจัดเป็นโต๊ะกลม หรือว่าเอาด้านแคบของโต๊ะชิดผนังก็ได้นะคะ

ผนังทางฝั่งหลังบ้านจะเดินท่อประปา และระบบไฟฟ้าไว้ให้ เผื่อใครจะทำครัวไว้ในบ้าน หรือจะก่อเคาน์เตอร์ทำเป็น Pantry ด้านในก็ได้ค่ะ

ทางฝั่งหลังบ้านจะไม่มีหน้าต่าง แต่ดีไซน์ประตูที่ได้จะเป็นแบบมีช่องแสงมาให้ เพื่อที่แสงสว่างจะได้เข้ามายังใจกลางบ้านได้

ออกไปดูฝั่งหลังบ้านกันค่ะ ทางหลังบ้านจะเว้นระยะไว้ประมาณ 2 เมตร ฟังก์ชันตรงนี้ก็เหมาะกับการทำเป็นครัวและมุมซักล้าง โดยพื้นหลังบ้านก็จะลงเสาเข็มให้ เป็นเข็ม 6 เหลี่ยม ลึก 4 เมตร ตรงนี้ถือว่าดีเลยค่ะ รองรับการต่อเติมหลังคาหรือผนังได้ ไม่เสียเวลาและงบประมาณของผู้อยู่อาศัยที่อยากจะต่อเติมหลังบ้าน ลงเสาเข็มเพิ่มเติม

ที่หลังบ้านจะก่อเคาน์เตอร์ให้แบบนี้ค่ะ ให้มาเป็นมาตรฐานของทุกหลัง

ข้างๆจะมีห้องเก็บของเล็กๆอยู่ ตำแหน่งตรงกับใต้บันได

อีกฝั่งของประตูจะมีการเดินท่อและงานระบบไว้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าค่ะ

กลับเข้ามาในบ้านนะคะ หลังบ้านตัวอย่างเป็นแปลงมุม เลยมีกระจกทางผนังด้านข้างบ้าน

ก่อนที่จะขึ้นไปชั้น 2 ฝั่งที่อยู่ข้างบันไดจะเป็นฟังก์ชันของห้องอเนกประสงค์และห้องน้ำค่ะ

ห้องอเนกประสงค์จะเป็นห้องทางฝั่งหน้าบ้าน ติดกับที่จอดรถ มีกระจกบานเลื่อนอยู่ ดูเหมาะกับการจัดเป็นห้องทำงาน ได้บรรยากาศที่เป็นส่วนตัวค่ะ ห้องนี้มีขนาด 2.3×2.55 เมตร

ห้องน้ำชั้น 1 จะอยู่กลางบ้าน ซึ่งห้องน้ำที่มีตำแหน่งกลางบ้าน ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ แต่จะติดตั้งพัดลมระบายอากาศให้แทนค่ะ

สุขภัณฑ์จะใช้ของ Cotto มีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบและ USB outlet ให้มาด้วย (เป็นจุดเด่นของแบรนด์ Britania เช่นกัน)

ส่วนโซนอาบน้ำจะเข้ามุมอยู่ใต้บันไดค่ะ อาจจะไปติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมนะคะ การใช้งานจริงน้ำจะได้ไม่กระเด็นเลอะไปทั่วห้อง

ตัวบันไดจะอยู่ที่ฝั่งหลังบ้าน มีช่องแสงที่ชานพักแรกของบันได ทำให้ตัวบันไดไม่มืด ใช้งานในช่วงเวลากลางวันก็ไม่ต้องเปิดไฟส่องสว่างค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน ฝั่งหน้าบ้านและฝั่งหลังบ้าน

ขอพามาดูห้องทางฝั่งหลังบ้านก่อนค่ะ ห้องน้ำจะมีพื้นที่เล็กกว่าฝั่งหน้าบ้านนะ แต่ก็ไม่ถือว่าเล็กจนอึดอัด

พื้นที่ส่วนวางเตียงมีขนาด 2.55×2.7 เมตร วางเตียง 5-5.5 ฟุตพอได้ แต่ถ้าอยู่คนเดียว ไม่ชอบเตียงใหญ่ เลือกเป็น 3.5 ฟุตก็จะได้พื้นที่รอบเตียงมากขึ้นค่ะ

ในห้องตัวอย่างจะวางเตียงชิดกับหน้าต่าง ทำให้เหลือทางเดินด้านข้างอยู่นะ

จุดที่น่าสนใจคือจะมีพื้นที่ผนังฝั่งประตูทางเข้าที่เว้าลึกเข้าไป ทำให้เราวางตู้เสื้อผ้าหรือโต๊ะเครื่องแป้งมุมนี้ได้ด้วย

ส่วนฝั่งปลายเตียงจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำค่ะ ได้ห้องน้ำในตัว

ห้องน้ำนี้จะอยู่ฝั่งหลังบ้าน มีหน้าต่างเป็นช่องแสง ช่วยระบายความชื้นให้กับห้องน้ำ ลดการเกิดเชื้อราค่ะ

สุขภัณฑ์ต่างๆก็เหมือนเดิม เป็นของ Cotto

พื้นที่อาบน้ำไม่มีฉากกั้นให้มา มีขนาด 90×100 ซม. ได้ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower

เรามาดูห้องนอนฝั่งหน้าบ้านบ้างค่ะ ห้องนี้ถือว่าเป็น Master Bedroom ได้

ขนาดห้องจะใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 3.3×3.95 เมตร ห้องนี้จะมีความพิเศษตรงที่ฝ้าเพดานจะมีการเล่นระดับให้ สูงสุดที่ 2.7 เมตร บรรยากาศเลยดูโปร่ง โล่งกว่าห้องอื่นๆ

ฝั่งประตูก็จัดมุมโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ หรือว่าเราจะจัดโต๊ะทำงานร่วมกับชั้นวางทีวีก็ได้นะคะ ทั้งสองด้านเรามองว่ามีระยะสำหรับเลื่อนเก้าอี้ทั้งคู่

ส่วนห้องน้ำนี้ก็จะชิดกับผนังฝั่งหน้าบ้าน เลยมีหน้าต่างระบายอากาศเช่นกันค่ะ ดีไซน์ของสุขภัณฑ์นั้นก็จะอัปเกรดขึ้นมาจากห้องอื่นๆด้วย

พื้นที่ห้องอาบน้ำก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้น 90×150 ซม. มีระยะถอยหมุนตัวกว้างขึ้น ถ้าติดฉากกั้นอาบน้ำก็จะมีระยะเปิดประตูบานสวิงค่ะ


แบบ Molton (บ้านมาตรฐาน)

เราเห็นบ้านตัวอย่างกันไปแล้ว ในบ้านมาตรฐานที่ขายก็จะได้พื้นที่โล่งๆ โดยโครงการของ Britania จะมีสติ๊กเกอร์แปะที่พื้นแบ่งฟังก์ชันให้ดูอ้างอิงด้วย น่ารักดีค่ะ เราลองไปดูในบ้านคร่าวๆกันนะ

Image 1/10
Living Area ที่ชั้น 1

Living Area ที่ชั้น 1

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

22 October 2020

  • ราคา 3.49-5 ล้านบาท
  • จองและทำสัญญา 5,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 37 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
Britania สายไหม มีทางเข้าออกโดยตรงจากถนนสายไหมเลย ซึ่งทำเลนี้เป็นอีกโซนหนึ่งที่มีหมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นเยอะ เนื่องมาจากการเดินทางที่สะดวก จากสายไหมสามารถเชื่อมต่อถนนลำลูกกา ถนนเพิ่มสิน ถนนสุขาภิบาล 5 ถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิตได้ ไม่ไกลจากทางด่วนฉลองรัช ทางด่วนวงแหวน-กาญจนาภิเษก และกำลังจะเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใกล้สุดก็จะเป็นสถานีคูคต ใช้เดินทางไปยังห้าแยกลาดพร้าวได้ง่ายค่ะ
อีกเรื่องคือความอุดมสมบูรณ์ โซนนี้อาจจะไม่ได้มีห้างใหญ่ให้เดินเล่นเพื่อความบันเทิง มีโรงหนัง หรือลานโบว์ลิ่ง แต่ก็จะรายล้อมด้วยตลาด Hypermarket ร้านอาหารเพียบ แบบไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารหารกินเลยค่ะ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
โครงการนี้มีทางเข้า-ออกเดียว ติดกับถนนสายไหมค่ะ โดยทางเข้านี้จะมีไม้กั้นกระดกและประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ(เปิด-ปิดเป็นเวลา) มีรปภ.คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เข้าออกก็ต้องใช้ Key-card และมี CCTV ค่ะ
ส่วนในตัวบ้านจะมี IP Camera ให้ 2 จุด ที่จอดรถและห้องนั่งเล่น มี Digital Door Lock ที่ประตูทางเข้าบ้าน และมี Magnetic Sensor ให้ที่ประตูหน้าต่างบ้านค่ะ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
Britania ถือว่าเป็นแบรนด์บ้านที่มีความโดดเด่นเรื่องสไตล์อังกฤษ โดยแนวความคิดนี้ก็จะเห็นชัดที่ซุ้มประตูทางเข้า อาคาร Clubhouse และการเลือกต้นไม้ที่มาลงในสวนภายในโครงการเลย อีกจุดที่เราประทับใจจะเป็นเรื่อง Interior ของ Clubhouse เรามองว่ามีความพิถีพิถันในการออกแบบพอสมควร ไม่ใช่แค่ให้มีฟังก์ชันนั้นนี้ในส่วนกลาง แต่พยายามสร้างบรรยากาศที่น่ามาใช้งานให้กับพื้นที่ส่วนกลางด้วย โดยที่ราคาค่าส่วนกลางไม่ถึงกับแพงมาก (แปลงมุมค่าส่วนกลางอยู่ที่ประมาณพันบาทต่อเดือน) ส่วนตัวเราว่าทดแทนค่าฟิตเนสหรือค่าเข้าร้านกาแฟได้อยู่ค่ะ
แบบบ้านของที่นี่ออกแบบมาเพื่อครอบครัวเริ่มต้น หรือครอบครัวขนาดเล็ก โดยที่มี 2 แบบให้เลือกเพิ่มเติมตามความต้องการของแต่ละครอบครัว ใครชอบห้องนอนพื้นที่กว้างก็เลือกแบบ Molton แต่ถ้าใครอยากได้จำนวนห้องเยอะๆก็เลือกแบบ Berwick ค่ะ

วัสดุ :
โครงสร้างของที่นี่จะใช้ระบบ Precast ซึ่งโครงการทาวน์โฮมส่วนใหญ่ในยุคหลังก็มักจะใช้ระบบนี้แทบทั้งหมดเลย จุดที่น่าสนใจคือพื้นที่จอดรถและพื้นหลังบ้านจะลงเสาเข็มไว้ให้ จุดนี้เรามองว่าราคาโครงการนี้จึงดูสูงขึ้นจากทาวน์โฮมในย่านนี้ค่ะ แต่คนที่ซื้อก็สบายใจได้ว่าไม่ต้องเผื่องบประมาณ และเวลาในการลงเสาเข็มโครงสร้างเพิ่มเติมแล้วนะ
ส่วนวัสดุอื่นๆในบ้านก็อยู่ในระดับมาตรฐาน พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ และลามิเนต ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ทาสี มีไฟดาวน์ไลท์ ได้ Digital Door Lock ฝังหลังบ้านก่อเคาน์เตอร์ไว้สำหรับทำเป็นครัวไทยมาให้พร้อมอ่างล้างจาน ส่วนในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์ของ Cotto และมีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ พร้อม USB outlet ค่ะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
เรามองว่าพื้นที่สีเขียวของโครงการจัดมาค่อนข้างเยอะเลยนะคะ วันที่ไปต้นไม้ต่างๆอาจจะยังโตไม่เต็มที่ แต่ก็มีตลอดแนวข้างถนน ทั้งสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ หรือที่ Clubhouse เองแม้จะเป็นตัวอาคารที่สูงจากพื้นถนนไป เมื่อใช้งานภายในก็ยังสามารถมองออกมาเห็นต้นไม้ต่างๆได้ นอกจากนั้นบริเวณกลางโครงการก็จะจัดพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนเพิ่มเติมอีกในอนาคตค่ะ

สาธารณูปโภค :
จุดเด่นอย่างหนึ่งของบ้านแบรนด์ Britania เลยคือพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ที่จัดเต็มทั้งฟังก์ชันและการออกแบบอย่างที่เล่าไป ในแง่ฟังก์ชันเองก็ให้มาครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ สระเด็ก,สระผู้ใหญ่ มี Living Room ที่สูง 7 เมตรเอาไว้เป็นหน้าเป็นตาต้อนรับแขกได้ มี Kids Room ให้เด็กๆได้วิ่งเล่น มี Function Room เอาไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือ หรือว่าสายออกกำลังกายก็มีห้องโยคะและห้องฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ให้ใช้หลากหลายค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 3.5 – 5 ล้านบาท, 22 October 2020

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ติดถนนสายใหม่
  • ความปลอดภัย 8/10 – รั้วกั้นไม้กระดก+ประตูบานเลื่อน, รปภ., IP camera, Magnetic Sensor, Digital Door Lock
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.75/10 – โครงการสไตล์อังกฤษ
  • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐาน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – ร่มรื่นทั้งสองข้างถนน
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – จัดเต็มดีไซน์และฟังก์ชัน
  • 7.84 / 10.00 

BOTTOM LINE

Britania สายไหม เป็นทาวน์โฮมสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ที่กำลังมองหาบ้านบนทำเลสายไหม เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งของกิน ชอบโครงการที่ตัวบ้านไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ แต่มี Clubhouse ขนาดใหญ่ และมี Facility หลายฟังก์ชัน ดีไซน์สวยให้ใช้งาน มีงบประมาณ 3.5-5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 24,500 – 35,000 บาทต่อเดือน


ติดตามพวกเราได้ที่
Websitewww.thinkofliving.com
Twitterwww.twitter.com/thinkofliving
YouTubewww.youtube.com/ThinkofLiving
Instagramwww.instagram.com/thinkofliving
FacebookThinkofLiving