รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.476 – รีวิวทาวน์โฮมบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41

26 มกราคม 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 2029 …  วันนี้ผมจะพามารีวิวโครง baan puripuri ลาดพร้าว 41 จาก ABJV ซึ่งเป็นโปรเจคที่ 3 ของบ้านภูริปุรีแล้วนะครับ แน่นอนว่าการออกแบบยังคงใช้การย่อมุมไม้สิบสองมาเป็นเอกลักษณ์ และมีความน่าสนใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีจุดที่ได้ปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิมด้วยครับ ซึ่งรายละเอียดต่างๆจะเป็นอย่างไรนั้น ตามผมไปชมกันเลย

ข้อมูลโครงการ

14 January 2020

  • baan puripuri Ladprao 41 (บ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41)
  • บริษัท ABJV (เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Assetwise กับบริษัท บ้านภูริปุรี จำกัด)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซ.ลาดพร้าว 41 แยก 6-7 ถนน ลาดพร้าว เขตจตุจักร
  • เนื้อที่โครงการ 1-2-42 ไร่ จำนวน 15 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.35 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 24 – 64 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท (ไม่รวมค่าตกแต่ง)
    – ราคาเริ่มต้น 10.59 ล้านบาท (รวมค่าตกแต่ง)
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.6 เมตร
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 170,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : พ.ย. 2561
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : มี.ค. 2563
  • Presale : 22 – 23 กันยายน 2561
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 0919971997

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.808092, 100.587989
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ baan puripuri ลาดพร้าว 41 ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว – โชคชัย 4 ซึ่งเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยโครงการจัดสรรแนวราบเยอะเลยครับ เพราะด้วยศักยภาพของทำเลนี้ถือว่าใกล้แหล่งงาน และเดินทางสะดวกมากๆครับ โดยถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า ทำเลนี้ถูกรายล้อมไปด้วยถนนหลักถึง 5 เส้นด้วยกัน ซึ่งถนนย่อยภายในก็ยังมีทางเชื่อมต่อถึงกันได้หมด คนแถวนี้จึงใช้เป็นเส้นทางลัดเลาะเลี่ยงรถติดได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากทางแยกต่างๆของย่านนี้ก็ค่อนข้างมีการจราจรที่คับคั่งเหมือนกัน

โดยทำเลย่านนี้จะเหมาะกับคนที่ทำงาน หรือใช้ชีวิตอยู่แถบเลียบด่วนรามอินทรา, ห้าแยกลาดพร้าว, รัชดาภิเษก, แยกรัชโยธิน, ม.เกษตรศาสตร์, รามคำแหง-บางกะปิ หรือจะใช้ถนนประดิษฐ์มนูธรรมวิ่งใต้ทางด่วน ตรงไปยังเอกมัย-ทองหล่อเลยก็ยังได้ครับ เพียงแต่ข้อจำกัดของทำเลนี้คือ อาจต้องมีรถยนต์ส่วนตัวจึงจะสะดวก เพราะตัวโครงการจะอยู่ถัดเข้าไปในซอยลาดพร้าว 41 แยก 6-7 ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 1.4 km. นั่นเองครับ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์นอกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ตามถนนหลัก ทั้งบริเวณห้าแยกลาดพร้าว และเลียบด่วนรามอินทราแล้ว ก็ยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตและคอมมูนิตี้มอลล์อยู่ภายในถนนลาดพร้าว-วังหิน และถนนโชคชัย 4 ด้วยนะ นี่ยังไม่รวมร้านค้าและร้านอาหารอร่อยๆ ที่ขึ้นชื่อของย่านนี้อีกเยอะแยะเลยครับ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีพนักงานออฟฟิศมากมายแวะมาฝากท้องกันหลังเลิกงานก่อนกลับบ้านกันเป็นประจำ ถึงแม้ว่าวันปกติรถอาจจะติดบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ถ้าเรามีบ้านอยู่ที่นี่อยู่แล้วจะขับรถออกมาเที่ยว หรือมาทานอาหารในวันหยุด หรือตอนไหนๆก็สะดวกเลยจริงมั๊ยครับ

สำหรับคนที่จะใช้ทางด่วนก็จะมีทางพิเศษฉลองรัช หรือที่เราเรียกกันติดปากในย่านนี้ว่า “ทางด่วนรามอินทรา” ให้ได้ใช้กันนะ ซึ่งเราสามารถลัดเลาะผ่านถนนโชคชัย 4 และถนนสังคมสงเคราะห์ โดยไม่ต้องออกมาเจอรถติดที่ถนนลาดพร้าวและแยกไฟแดงต่างๆเลยครับ จากนั้นเราจะออกมาที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แล้วต้องไปกลับรถสักหน่อย จากนั้นก็ขับตรงยาวมาเรื่อยๆ เพื่อมาขึ้นทางด่วนที่ด่านประชาอุทิศครับ ระยะทางประมาณ 8.4 km. และต้องเผื่อเวลาสักครึ่งชั่วโมงนะ ส่วนขากลับก็ใช้เส้นทางเดิมได้เลย

ขอบคุณรูปภาพจาก https://mrta-yellowline.com/wp/

และนอกจากนี้บนถนนลาดพร้าวในอนาคต ก็ยังจะมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านอีกด้วยนะครับ โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าวสำโรง) เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ทั้งหมด 23 สถานี ที่จะวิ่งอยู่บนถนนเส้นหลักอย่าง ถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ และถนนเทพารักษ์ ไปสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิท เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการในปี 2564 ครับ

โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือ สถานีภาวนา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับหน้าปากซอยลาดพร้าว 41 มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.4 km. ทำให้ต้องต่อรถสาธารณะอย่างวินมอไซค์อีกทีนะครับ

ซึ่งโดยปกติก็จะมีพี่วินวิ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 41 ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เราอาจต้องเดินจากซอยย่อยของเราออกมาสักนิด มายังซอย 41 เส้นหลักประมาณ 350 m. ครับ และนอกจากนี้ก็ยังอยู่ห่างจากสถานีรัชดา แค่ 1 สถานีเท่านั้น ก็จะสามารถเปลี่ยนขบวนไปยัง MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีลาดพร้าวได้อีกด้วย

การเดินทางในวันนี้ผมขอเริ่มจากแยกรัชดา-ลาดพร้าว ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 41 เข้าตรงเข้ามาในซอยตามทางเรื่อยๆ ซึ่งจะมีทางเลี้ยวซ้าย-ขวา เยอะนิดนึงครับ แต่ก็ขับไม่ยากเพราะเส้นทางบังคับทางเดียวอยู่แล้ว จากนั้นเราจะเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 41 แยก 6 และเลี้ยวซ้ายอีกทีที่แยก 6 – 7 ขับตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวขวาที่ตรงทางแยกในซอย ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่สุดซอยครับ ซึ่งบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้าง เราไปชมภาพด้านล่างพร้อมๆกันได้เลย

Image 1/6
เริ่มต้นการเดินทางที่แยกรัชดา-ลาดพร้าวครับ โดยผมเดินทางมาจาก 5 แยกลาดพร้าว ก็ให้ขับตรงไปบนถนนรัชดาเรื่อยๆได้เลย สังเกตที่เกาะกลางถนนขวามือจะเริ่มมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองแล้วครับ

เริ่มต้นการเดินทางที่แยกรัชดา-ลาดพร้าวครับ โดยผมเดินทางมาจาก 5 แยกลาดพร้าว ก็ให้ขับตรงไปบนถนนรัชดาเรื่อยๆได้เลย สังเกตที่เกาะกลางถนนขวามือจะเริ่มมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองแล้วครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการจะเป็นชุมชนแนวราบทั้งหมดเลยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น มีทาวน์โฮม 3 ชั้น และคลองลาดพร้าวอยู่ไม่ไกล บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่าน สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับโครงการ Cozy ลาดพร้าว 41 ทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น คั่นอยู่ก่อนถึงคลองลาดพร้าว ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโดสูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับถนนซอย และถนนส่วนบุคคล มีบ้านพักสูง 2 ชั้น กับที่ว่าง

โดยผมมีภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการมาฝากกันด้วยครับ ตัวโครงการจะตั้งอยู่สุดซอยเลย ด้านซ้ายเป็นทางเข้าของโครงการบ้านอุ่นรัก ซึ่งเป็นถนนส่วนบุคคล ส่วนด้านขวาเป็นทางเข้าของบ้านพักอาศัยที่อยู่ติดกับโครงการครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 2.7 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ~ 3.6 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลเฟสติวัลอีสต์วิลล์~ 4.4 กิโลเมตร
  • Big C Extra ลาดพร้าว 2 ~ 4.5 กิโลเมตร
  • เดอะคริสตัล​พาร์ค​ ~ 5.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ~ 5.8 กิโลเมตร
  • เมเจอร์รัชโยธิน ~ 6 กิโลเมตร
  • CDC ~ 6.1 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 6.4 กิโลเมตร
  • ตลาดหัวมุม ~ 6.6 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ~ 7 กิโลเมตร
  • สวนจตุจักร ~ 7.6 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ~7.7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 8.7 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

โครงการ baan puripuri ลาดพร้าว 41 มีที่ดินขนาด 1-2-42 ไร่ และมีจำนวนบ้านพักอาศัย 15 ยูนิต ซึ่งเป็นครั้งแรกของโครงการบ้านภูริปุรี ที่ทำเป็นโครงการจัดสรรรูปแบบปิดครับ มีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียว และมีรั้วรอบโครงการสูง จึงค่อนข้างมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมาก แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือ “ค่าส่วนกลาง” ที่จะต้องเสียให้กับโครงการครับ ไม่ว่าจะเป็น รปภ. คนทำสวน หรือคนเก็บขยะ และด้วยความที่เป็นโครงการขนาดเล็กจึงได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย และบริหารจัดการหรือตัดสินในร่วมกันง่าย ซึ่งที่นี้จะเน้นอยู่อาศัยเป็นหลัก จึงไม่มีอาคาร Clubhouse หรือ Facilities ให้ใช้งานนะครับ

ส่วนตัวบ้านจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ สามารถรับลมประจำฤดูได้เต็มที่ และหันด้านข้างไปทางทิศที่มีพระอาทิตย์ขึ้น-ลง ทำให้แสงไม่เข้ามาในบ้านมากเกินไป ไม่ทำให้บ้านร้อน แต่สำหรับทาวน์โฮมแปลงมุม หากกังวลว่าผนังบ้านจะเก็บความร้อนมากเกินไป ก็สามารถปลูกต้นไม้ที่สวนข้างบ้านเพื่อให้ร่มเงาช่วยได้อีกทางหนึ่งเช่นกันครับ

และนี่เป็นภาพบรรยากาศบริเวณทางเข้าด้านหน้าโครงการนะครับ ซึ่งผมต้องแจ้งทุกคนก่อนว่า ณ วันที่ผมเข้าไปถ่ายรีวิวนี้ ด้านในยังมีการก่อสร้างกันอยู่เลย ดังนั้นผมจึงไม่สามารถนำภาพมาให้ชมกันได้นะครับ แต่ผมจะขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้คือ

บริเวณทางเข้าเมื่อสร้างเสร็จจะมีไม้กั้นกระดก ซึ่งใช้ระบบรีโมทคอนโทรลในการเปิด-ปิด นอกจากนี้ในอนาคตยังจะมีป้อม รปภ. อยู่ทางซ้ายมือ ถนนเป็นคอนกรีตกว้าง 8 m. และสายไฟจะลงใต้ดินทั้งหมด ไม่บดบังทัศนียภาพที่สวยงามของตัวอาคารด้านในเลยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 4.2 – 5 เมตร
  • ถนนหลักภายในโครงการ กว้าง 8 ม.
  • เดินสายไฟและงานระบบใต้ดินทั้งหมด
  • ระบบทางเข้า-ออกโครงการ ใช้แบบกดรีโมท
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และประตูเลื่อนไฟฟ้าตอนกลางคืน

แบบบ้าน

หลังจากที่ประสบความสำเร็จ และได้รับทั้งเสียงตอบรับที่ดี ทั้งจากกลุ่มลูกค้าจริง และรางวัลในการออกแบบมาแล้วมากมายจากโครงการก่อนหน้านี้ จึงทำให้เกิด baan puripuri โครงการที่ 3 นี้ขึ้นมาครับ ซึ่งผมต้องขอเกริ่นก่อนสักนิดนึงว่า รูปร่างหน้าตาและ facade รวมถึง concept ในการออกแบบจะคล้ายกับโครงการที่ 2 ก่อนหน้านี้เลยครับ แต่จะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นแบบไหน และผมจะมีความคิดเห็นกับโครงการนี้อย่างไรบ้างนั้น เราไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

จุดเด่นของโครงการ baan puripuri คือการนำแนวคิดสถาปัตยกรรมไทยโบราณอย่าง “การย่อมุมไม้สิบสอง” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งปกติแล้วเราจะเห็นศิลปกรรมนี้ได้ตามวัดวาอาราม หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แต่เมื่อมุมเล็กๆเหล่านี้มาอยู่ในที่อยู่อาศัย ทำให้เสาหรือผนังต่างๆดูเล็กและบางลง ซึ่งแสงที่ตกกระทบย่อมุมทำให้เกิดเงาซ้อนทับเป็นชั้นๆ เปลี่ยนให้ผนังบ้านฉาบเรียบธรรมดาๆ กลายเป็นผนังที่เต็มไปด้วยมิติ และดูสวยงามแปลกตามากยิ่งขึ้นครับ

และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ คือกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ด้านบน ที่สามารถปลูกต้นไม้ได้จริง เพราะภายในจะมีระบบท่อน้ำดี และท่อระบายน้ำซ่อนเอาไว้แล้วเรียบร้อยครับ โดยโครงการนี้จะให้เป็นต้นลีลาวดีนะครับ (ก่อนหน้านี้จะให้เป็นต้นจันผา) ซึ่งนอกจากจะเพื่อความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้ร่มเงา และพรางสายตาสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ชั้นบนจากบ้านฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วยนะครับ

ก่อนจะเข้าไปในตัวบ้านเรามาดูแปลนกันก่อนนะครับ ชั้น 1 ด้านหน้าจะเป็นที่จอดรถ 2 คันแบบปกติ แต่เมื่อเข้ามาในบ้านแล้วจะเจอกับ foyer ส่วนต้อนรับก่อนที่จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในครับ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนด้านหลังได้ด้วย และสังเกตได้ว่าชั้น 1 นี้จะไม่มีครัวหรือพื้นที่ซักล้างเลยนะ เพราะเค้านำไปไว้ชั้นบนทั้งหมด เนื่องจากต้องการให้ความสำคัญกับพื้นที่พักผ่อนชั้น 1 นี้ให้มากที่สุดครับ เวลาเราหยุดอยู่บ้านจะได้มองชมสวนสวยๆได้ ไม่ต้องนั่งมองรถหน้าบ้านฝั่งนึง และมองครัวหรือผ้าที่ตัวเองตากไว้หลังบ้านอีกฝั่งหนึ่งนั่นเองครับ

ส่วนพื้นที่ชั้นลอยจะเป็นครัวนะ ถึงแม้ว่าการออกแบบนี้จะได้เรื่องความสวยงามของพื้นที่ชั้น 1 แต่ในแง่การใช้งานของฟังก์ชันครัวอาจไม่สะดวกสำหรับบางคนนะครับ โดยเฉพาะคนที่ชอบทำอาหารทานเองบ่อยๆ ลองจินตนาการถึงตอนที่เราซื้อของสดมาทำอาหารสิ ปกติแค่ยกไปไว้หลังบ้านผมก็เหนื่อยแล้ว แต่นี่ต้องเดินขึ้นบันไดมาอีกครับ ซึ่งถ้านานๆทำครัวทีผมเองก็มองว่าอาจไม่มีผลกระทบเท่าไหร่นักก็ได้ ซึ่งก่อนจะไปดูชั้นต่อๆไป เราไปชมของจริงของพื้นที่ชั้นล่างเหล่านี้กันก่อนดีกว่าครับว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

เริ่มที่หน้าบ้านเป็นที่จอดรถครับ หน้ากว้าง 5.35 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ พื้นจะเป็นกระเบื้องลาย concrete stamp ซึ่งการเลือกใช้กระเบื้องแบบนี้จะเกิดจากการใช้งาน และการซ่อมแซมที่สะดวกมากกว่า เวลาเกิดความเสียหายกับตัวพื้น หรือมีรอยร้าวต่างๆ จะสามารถถอดเปลี่ยนแยกเป็นแผ่นๆได้ง่ายครับ และนอกจากนี้โครงการยังลงเสาเข็มที่พื้นลึกเท่ากับตัวบ้าน ยาวออกมาจนถึงบริเวณประตูรั้วหน้าบ้านอีกด้วยนะ ทำให้ป้องกันพื้นทรุดได้ดีเลยทีเดียวครับ

ประตูทางเข้าบ้านจะต่างจากโครงการทาวน์โฮมทั่วไป ที่เรามักจะเห็นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนใหญ่ๆ เพื่อให้บ้านที่มีช่องแสงแค่หน้าบ้านและหลังบ้านแบบนี้โปร่งโล่งมากที่สุดใช่มั๊ยครับ

แต่สำหรับโครงการนี้จะใช้เป็นประตูบานไม้สักทึบ มี Digital Door Lock และใช้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นห้องเก็บของ และช่องเก็บงานระบบ พร้อมกับมีระแนงปิดพรางสายตาเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยด้านในนั่นเองครับ

โดยด้านซ้ายเป็นพื้นที่เก็บของใต้บันได ส่วนด้านขวาเป็นที่เก็บ Condensing Unit และปั๊มน้ำครับ

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับ foyer หรือส่วนต้อนรับก่อนครับ ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นพื้นที่เตรียมตัวก่อนออกจากบ้านแล้ว ยังช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวอีกด้วย พื้นที่ภายในกว้าง 90 x 90 cm. และปูด้วยกระเบื้องจึงเช็ดทำความสะอาดง่าย สามารถใส่รองเท้าเข้ามาทำเลอะได้เต็มที่เลย

ขวามือเป็นตู้รองเท้าครับ ซึ่งบ้านหลังที่ตกแต่ง Built in ก็จะได้ตู้นี้มาด้วยนะ สามารถเก็บรองเท้าได้หลายคู่เลย มีช่องเก็บร่มให้อีกต่างหาก รวมถึงหน้าบานจะเป็นกระจกเงา ซึ่งนอกจากจะใช้ส่องแต่งตัว ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านได้แล้ว ยังทำให้พื้นที่ส่วนนี้ดูกว้างขึ้นอีกด้วยครับ

ติดกันจะเป็นทางเข้าห้องน้ำนะ ซึ่งเราจะได้เป็นประตูไม้บานทึบแบบนี้เลยครับ

ภายในเป็นห้องน้ำแบบ Powder room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำครับ และไม่มีช่องหน้าต่างระบายอากาศสู่ภายนอก จึงต้องติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาด้วย ส่วนสุขภัณฑ์ภายในจะเป็นของ Toto ครบพร้อมใช้งาน

ก่อนจะเข้าไปสู่ด้านในบ้านอยากจะให้สังเกต 2 จุด จุดแรกคือผนังกระจกทางซ้ายมือ ที่ช่วยดึงให้แสงเข้ามาด้านใน ทำให้สว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น ส่วนจุดที่ 2 คือขึ้นบันไดที่ต้องเดินยก step ขึ้นเล็กน้อย ทำให้สิ่งสกปรกไม่เข้าไปสู่ในตัวบ้านครับ

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Living area ขนาดใหญ่ มีความสูงฝ้าอยู่ที่ 5 m. และมีระยะทีวีกว้างถึง 4.8 m. ทำให้สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 60 – 70 นิ้วได้เลยครับ และนอกจากนี้เรายังมีพื้นที่มากพอที่จะวางโซฟาขนาดใหญ่แค่ไหนก็ได้ตามใจเลยด้วย

สิ่งที่อยากให้สังเกตจริงๆคือ ผนังที่ตกแต่งโดยการเซาะร่อง แบ่ง Pattern สลับกับผนังที่ลดระดับแบบย่อมุมและซ่อนไฟเอาไว้ โดยทางโครงการจะตกแต่งให้เราแบบนี้ทุกหลังเลยครับ ซึ่งในห้องนั่งเล่นนี้จะไม่มีไฟดาวน์ไลท์ด้านบนให้นะ (จะได้แสงสว่างจากไฟที่ซ่อนในผนังเท่านั้น ได้ความรู้สึกผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ท)

แต่ถ้าจะต้องทำกิจกรรมที่ใช้แสงเยอะ เช่น การอ่านหนังสือ ผมแนะนำให้หาโคมไฟมาใช้เพิ่มเติมครับ หรือใครจะติดโคมไฟระย้าเพิ่มบนฝ้าเพดานก็ได้นะ แต่ต้องเดินงานระบบเองครับ

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Living area นี้โปร่งโล่งก็คือ ช่องแสงขนาดใหญ่ที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเลยครับ และตัวกรอบจะเป็นอลูมิเนียม Powder coat เนื้อทรายหยาบแบบนี้

ซึ่งเวลาเรานั่งเล่นอยู่ภายใน ก็จะสามารถมองชมสวนสวยๆหลังบ้านได้อย่างเต็มที่แบบนี้เลย

หรือเราจะเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกก็ได้นะ (เปิดได้กว้าง 3 m.) จะทำให้ฟังก์ชันทั้ง 2 เชื่อมต่อกัน กลายเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor ขนาดใหญ่ ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องมากขึ้นครับ ลองจินตนาการดูว่าถ้านัดเพื่อนๆมากินเลี้ยงหรือจัดปาร์ตี้ เราจะมีพื้นที่เหลือเฟือเลยครับ

ภายนอกเป็นสวนหลังบ้านครับ กว้างประมาณ 6 m. เลยทีเดียว ของจริงจะมีพื้นไม้เทียมกว้าง 1.3 m. ยื่นออกมาจากตัวบ้าน และถัดไปจะเป็นพื้นปูหญ้า พร้อมกับปลูกต้นไทรเกาหลีริมรั้วไว้ให้ครับ

เมื่อพูดถึงรั้วแล้วผมก็อยากให้สังเกตลวดลายที่เหมือนกับผนังภายในของบ้าน ซึ่งทำให้รู้สึกเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกันดี และยังมีความสูงถึง 4.2 m. (รวมรั้วโปร่งอีกเป็น 5 m.) ทำให้มีความปลอดภัย และยังได้ความเป็นส่วนตัวจากโครงการเพื่อนบ้านด้านหลังอีกด้วยครับ

ตัวอย่างภาพจากโครงการ baanpuripuri สตรีวิทยา 2

ดังนั้นสวนนี้จึงกลายเป็น Private Garden ที่เป็นส่วนตัวมากๆ สามารถจัดได้ตามใจเราเลยครับ และจากที่ได้พูดคุยกับคุณขจร (เจ้าของโครงการและผู้ออกแบบ) ก็ได้ทราบว่า ที่โครงการก่อนหน้านี้ก็มีคนทำเป็นทั้งสวนเล่นระดับ (sunken) ลงไป, ทำเป็นบ่อปลา, นำอ่าง Jacuzzi มาวาง หรือแม้แต่ทำเป็นห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติมก็มีครับ สุดท้ายก็แล้วแต่ไอเดียและ Lifestyle ของแต่ละคนเลยครับ ว่าจะจัดออกมาเป็นแบบไหน ถ้าใครมีไอเดียดีๆก็มาแชร์กันได้นะครับ

มองขึ้นไปด้านบนจะมีฝ้าเพดานส่วนหนึ่งยื่นออกมาด้านนอก สามารถติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติมได้ หรือจะติดพัดลมแบบบ้านตัวอย่างก็ไม่เลวครับ วันไหนที่อากาศร้อนๆไม่มีลม ก็สามารถเปิดพัดลมนั่งเย็นๆชิลๆหลังบ้านได้เลย ส่วนตัวหลังคาและใต้ฝ้าเพดานก็มีการเพิ่มฉนวนกันความร้อนให้ดียิ่งขึ้นด้วยครับ

มองย้อนกลับมาที่ด้านในบ้าน เราจะมองเห็นพื้นที่ชั้นลอยอยู่ด้านบนครับ แต่สิ่งที่ผมอยากให้สังเกตคือ เมื่อเราทำผนังชั้น 1 ส่วนใหญ่เป็นผนึงทึบ และเปิดช่องทางเดินเพียงเท่าที่จำเป็นแบบนี้ ก็จะทำให้ Living area นี้ได้ความเป็นส่วนตัวจากภายนอก และไม่ต้องนั่งมองดูรถของเราที่จอดอยู่หน้าบ้านตลอดเวลาเหมือนเคยครับ

สำหรับบันไดก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจนะ ชั้นล่างจะเป็นโครงสร้าง ค.ส.ล. ส่วนด้านบนจะเป็นโครงสร้างเหล็กซึ่งเน้นโปร่งโล่งครับ นอกจากนี้ยังตีระแนงไม้ให้เกิดเป็นช่องเอาไว้ ทำให้เวลาเราเปิดช่องหน้าต่างและประตูหลังบ้านพร้อมกัน ก็จะทำให้ลมพัดผ่าน เกิดการถ่ายเทอากาศที่ดีนั่นเอง

ขั้นบันไดวัสดุปิดผิวจะเป็นไม้สักแท้นะครับ ความกว้างบันไดคือ 85 cm. เดินสวนกันได้อยู่นะ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มซี่ราวเหล็กเพื่อความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วยครับ (ของเดิมจะโล่งๆ เป็นช่องขนาดใหญ่ครับ)

ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะเป็นครัวซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนกรอบไม้สักปิดให้แบบนี้เลย เวลาทำอาหารกลิ่นและควันจะได้ไม่ฟุ้งกระจายเข้าไปในบ้าน

ภายในมีพื้นที่ขนาดใหญ่เลยครับ ซึ่งถ้าเราซื้อบ้านที่ตกแต่งแล้ว เราก็จะได้ชุดครัว Built in แบบนี้เลยนะ (อ่างล้างจานของ MEX และ Hob&Hood ของ Franke แต่จะไม่ได้เตาอบนะ) และโต๊ะทานอาหารเราจะต้องหาซื้อมาเพิ่มเอง ซึ่งก็สามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ 6 ที่นั่งได้แบบนี้เลยครับ และพื้นจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้อง ทำให้เช็ดทำความสะดวกได้ง่ายด้วย

ทางซ้ายมือเป็นกระจกบานกระทุ้งที่สามารถเปิดเชื่อมต่อกับ Living area ด้านล่างได้ ซึ่งจะทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยสำหรับเด็กนิดนึงครับ เพราะช่องหน้าต่างนี้สูงจากพื้นถึงฝ้าเลย

ส่วนขวามือจะเป็นช่องหน้าต่างที่เปิดระบายอากาศสู่ภายนอกได้นะ ซึ่งจะเปิดไปเจอกับกระถางต้นไม้หน้าบ้านที่เราเห็นตอนแรกพอดีเลย ทำให้รู้สึกเหมือนชั้นนี้อยู่ติดกับสวนบนพื้นดินปกติ และยังช่วยพรางสายตาให้เราได้ด้วยครับ

ต่อไปเราจะขึ้นไปดูชั้นพักอาศัยด้านบนกันบ้างนะครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปชมแปลนกันก่อนเลยดีกว่า

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นห้อง Master Bedroom แบบเต็ม Floor เลยครับ ในส่วนของพื้นที่เตียงนอนด้านหน้าบ้านก็ยังมีพื้นที่เหลือเฝือ ให้ทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ได้อีกเยอะ ส่วนพื้นที่แต่งตัวโซนด้านหลังบ้านก็ให้เต็มที่แบบไม่มีกั๊กกันเลย และเชื่อมต่อกับห้องน้ำทำให้กลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ก็มีประตูกั้นแยกออกจากห้องนอนอย่างเป็นสัดส่วน และที่ชั้น 3 จะมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องครับ ทั้งหมดมีห้องน้ำในตัว และยังมีห้อง Laundry ไว้ซักและตากผ้าชั้นบนนี้ได้เลยอีกด้วย ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

มาถึงชั้น 2 แล้วเราจะเจอกับประตูไม้บานทึบอยู่ 1 บาน ซึ่งห้องทุกห้องในบ้านจะใช้ประตูแบบนี้หมดเลยครับ และมีที่เปิดแบบก้านโยกใช้งานได้สะดวก

เมื่อเปิดเข้ามาภายในจะพบกับห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนห้อง Penthouse ของคอนโดเลยครับ (ของจริงจะได้เป็นห้องโล่งๆ ผนังฉาบเรียบสีขาว) และฝ้าเพดานของชั้นบนเป็นต้นไปก็จะสูง 2.6 m. ครับ ส่วนพื้นจะเป็นกระเบื้องยางไวนิลลายไม้

ขวามือมีพื้นที่เหลืออยู่อีกเยอะ สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบส่วนตัวในห้องนี้ได้เลย จะได้ไม่ต้องลงไปถึงชั้นล่างครับ แถมยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ช่วยให้โปร่งโล่งอีกด้วย

ส่วนปลายเตียงก็เป็นผนังทึบนะ สามารถติดทีวีได้แบบนี้ และอีกครึ่งหนึ่งของชั้นก็จะกั้นด้วยประตูกระจกครับ แบ่งส่วนพื้นที่แต่งตัวและพื้นที่ห้องน้ำออกไปอย่างเป็นสัดส่วน (ช่วยจำกัดพื้นที่แอร์ด้วยครับ)

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่แต่งตัวที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำแบบนี้เลย คิดว่าสาวๆคงจะชอบแน่ๆครับ

ขวามือถ้าเราซื้อบ้านที่ตกแต่งล่ะก็ จะได้ชุดตู้ Built in ทั้งหมดแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่โต๊ะกลางและที่นั่งด้วยครับ

พื้นที่ยืนแต่งตัวระหว่างตู้จะกว้างประมาณ 70 cm. พอจะให้ยืนได้แบบพอดีๆนะ และนอกจากนี้ยังสามารถเปิดลิ้นชักออกมาเพื่อเก็บของได้เยอะเลยด้วย

ตรงกลางห้องเป็นช่องแสงไว้เปิดระบายอากาศ และให้แสงเข้าเพื่อความโปร่งโล่ง ซึ่งผนังด้านซ้ายจะ Built in ตู้เก็บของไว้ให้อีกจุดหนึ่งครับ หน้าบานเป็นกระจกเงาสามารถส่องแต่งตัวได้เลย ซึ่งจะได้แสงธรรมชาติแบบเต็มๆ สาวๆแต่งหน้าสีไม่เพี้ยนแน่นอน

ต่อมาเป็นห้องน้ำครับ ซึ่งฟังก์ชันภายในจะแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง แยกออกจากกันอย่างชัดเจน

ที่พื้นจะมีขอบธรณีประตูหินอ่อนยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย และลดระดับพื้นห้องน้ำลงไปหน่อย เวลาล้างทำความสะอาดน้ำจะได้ไม่ไหลออกมาด้านนอก และห้องน้ำนี้จะไม่มีประตูกั้นนะครับ แต่ใครที่กังวลเรื่องพื้นไม้เปียกหรือความชื้น ก็สามารถกั้นผนังเพิ่มเติมได้เลย

เคาน์เตอร์อ่างหินอ่อนยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะ (1.2 m.) ความจริงสามารถวางอ่างแบบ His&Her ได้เลยล่ะครับ โดยสุขภัณฑ์ในห้องนี้จะยังเป็นของ Toto อยู่นะ แต่จะมีรูปร่างที่ต่างจากห้องอื่น ดูสวยงามขึ้นครับ

ด้านขวาเป็นฟังก์ชันโถสุขภัณฑ์ ซึ่งจะกั้นด้วยประตูกระจกนิรภัย Tempered Glass ภายในมีพื้นที่ประมาณ 0.85 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้สะดวก พร้อมทั้งมีช่องหน้าต่างระบายอากาศหรือความชื้นด้านบนด้วยครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นส่วนอาบน้ำนะ และกั้นด้วยประตูกระจกเช่นกันครับ ทำให้เวลาอาบน้ำก็จะไม่กระเด็นออกมาเลอะพื้นที่ส่วนแห้งด้านนอก

ภายในมีหลายฟังก์ชันให้เลือกใช้งานตามความชอบครับ ไม่ว่าจะเป็น Shower แบบยืนอาบ และมีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ผ่อนคลายสบายๆอีกด้วย

โดยสิ่งที่ต้องติดตั้งเพิ่มเติมในฟังก์ชันนี้ก็คือ ชั้นวางสบู่หรือแชมพูนั่นเองครับ ติดไว้ตรงผนังตรงกลางระหว่าง Shower และอ่างอาบน้ำก็ได้นะ เวลาหยิบใช้งานจะได้สะดวกทั้ง 2 ฝั่ง

สำหรับพื้นที่ยืนอาบจะกว้างประมาณ 1.85 x 1.2 m. และอ่างอาบน้ำจะมีขนาด 1.55 x 0.7 m. ลึก 40 cm. สามารถลงไปนอนอาบได้ทั้งตัวครับ

ก่อนจะออกจากห้องนอนนี้ผมมีอีกจุดหนึ่งให้สังเกตุก็คือ ตู้ชั้นวางของที่กั้นอยู่ระหว่างห้องนอนกับห้องแต่งตัว จากที่ผมได้พูดคุยกับคุณขจรก็ได้ความว่า นอกจากฟังก์ชันนี้จะช่วยเรื่องความโปร่งโล่งแล้ว ด้วย Target ของบ้านระดับนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะหน่อย

ดังนั้นจึงมีลูกค้าหลายๆท่านที่เคยซื้อไป ได้ request มาว่า “อยากได้ตู้เก็บกระเป๋าที่สามารถโชว์ หรือมองเห็นของสะสมของเขาได้จากส่วนต่างๆของห้องได้ (ไม่ใช่เก็บลืมไว้ในตู้ทึบเฉยๆ)” ดังนั้นจึงได้เกิดเป็นฟังก์ชันนี้ขึ้นมานั่นเองครับ

เสร็จจากห้องนอนใหญ่ต่อไปเราจะขึ้นไปดูชั้น 3 กันบ้างนะครับ สังเกตได้ว่าโถงบันไดนี้ค่อนข้างสูง แต่ก็โปร่งโล่งและได้แสงธรรมชาติจากทางหน้าบ้านค่อนข้างดีเลยทีเดียว

และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้ปรับเปลี่ยนคือ ช่องหน้าต่างด้านบนที่อยู่สูงๆ จากเดิมที่เคยเป็นบาน fixed ก็จะเปลี่ยนเป็นบานกระทุ้ง เพื่อให้ช่างหรือคนงานสามารถปีนออกไปทำความสะอาดกระจกได้นั่นเองครับ

ขึ้นมาที่โถงบันไดด้านบนเราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆ ขนาด 1.5 x 0.9 m. ซึ่งสามารถวางของ หรือทำเป็นหิ้งพระเล็กๆได้ครับ

ติดกันทางขวามือจะเป็นห้อง Laundry นะครับ แต่ของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าโล่งๆ ซึ่งเค้าจะเตรียมงานระบบต่างๆที่จำเป็นไว้ให้หมดแล้ว ทั้งปลั๊กไฟ และท่อน้ำดี/ท่อน้ำเสีย

พื้นที่ภายในมีขนาด 1.95 x 1.8 m. ปูพื้นด้วยกระเบื้องทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมกับลดระดับจากพื้นไม้ลงไปอีก 7 cm.

และเมื่อเราซักผ้าในเครื่องเสร็จแล้วก็สามารถนำออกมาตากที่ระเบียงได้เลย ไม่ต้องขนผ้าลงไปซักถึงชั้นล่างเหมือนโครงการเก่าๆสมัยก่อน ซึ่งภายนอกมีขนาด 1.5 x 1.1 m. แต่ในความคิดผมอาจตากผ้าชิ้นใหญ่ๆอย่าง ผ้านวมหรือผ้าปูที่นอนเยอะๆไม่ได้นะครับ (แค่ผืนเดียวก็คงเต็มแล้ว) อาจต้องส่งซักหรือทะยอยๆซักเอานะ

กลับมาที่โถงบันไดอีกครั้ง ต่อไปเราจะมาดูห้องนอน 2 ห้องที่เหลือกันบ้างครับ

เริ่มจากห้องนอนทางซ้ายมือที่อยู่โซนหลังบ้านกันก่อนนะ ภายในมีช่องหน้าต่างที่ช่วยให้แสงเข้า และเปิดระบายอากาศได้ครับ

ส่วนพื้นที่ก็เพียงพอที่จะวางเตียงขนาด 3.5 – 5 ฟุตได้แบบพอดีๆ ซึ่งยังจะพอมีพื้นที่อเนกประสงค์เหลือให้วางโต๊ะเขียนหนังสือได้อีกด้วย หรือถ้าใครมีลูกคนเดียว อยากจะปรับเป็นห้องพระ ห้องทำงาน หรือห้องรับรองแขกก็ได้ครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าได้นะ พร้อมกับมีห้องน้ำในตัวด้วย ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว

ภายในมีฟังก์ชันมาตรฐานครับ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง แต่จะไม่ได้มีฉากกั้นอาบน้ำนะครับ เราสามารถหามาติดตั้งได้ด้วยตัวเองเลย

สุขภัณฑ์ต่างๆจะมีหน้าตาเหมือนกับห้อง Powder room ชั้น 1 เลยครับ และที่ต้องติดตั้งเพิ่มก็คือชั้นวางสบู่หรือแชมพูที่มุมผนังนั่นเอง

ส่วนห้องนอนอีกห้องจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับห้องน้ำที่อยู่ทางซ้ายมือก่อนเลย

ภายในจะมีฟังก์ชันและขนาดเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ

ส่วนภายในห้องนอนสำหรับบ้านตัวอย่างนี้ ถูกจัดออกมาเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งก็น่าใช้งานดีทีเดียวครับ มีขนาดกว้างมากพอที่จะวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมกับโต๊ะหนังสือ และตู้เสื้อผ้าได้สบายๆเลย

จุดที่ต้องสังเกตคือผนังทางขวามือ ซึ่งของจริงเราจะได้เป็นผนังทึบนะครับ กรณีที่ห้องนี้เป็นห้องนอน ผมคิดว่าผนังทึบก็ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว เพราะเป็นส่วนตัวดีกว่า

แต่ถ้าห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์อย่างอื่น ผมคิดว่าผนังกระจกก็ค่อนข้างดูดีและโปร่งโล่งมากเลยทีเดียวนะ สามารถนำไปเป็นไอเดียแต่งบ้านได้นะครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

14 January 2020

  • ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.35 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 24 – 64 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • – ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท (ไม่รวมค่าตกแต่ง)
    – ราคาเริ่มต้น 10.59 ล้านบาท (รวมค่าตกแต่ง)
  • จอง 50,000 บาท และทำสัญญา 200,000 บาท
  • ดาวน์ n/a % ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 170,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 110 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ย่านลาดพร้าว-โชคชัย 4 นับว่าเป็นทำเลยอดฮิตของคนส่วนใหญ่ที่อยากมีบ้านแนวราบ แล้วสามารถเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองได้สะดวกครับ เนื่องจากถูกรายล้อมไปด้วยถนนหลักถึง 5 สาย และภายในยังมีทางลัดเลาะเชื่อมต่อถึงกันได้หมด ใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงรถติดได้ดี อีกทั้งยังมีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมากครับ มีทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆบนถนนหลัก กับซุปเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหารชื่อดังมากมายที่อยู่ภายใน เพียงแต่..ที่ตั้งของตัวโครงการจะอยู่ในซอยแยกย่อยค่อนข้างลึก จำเป็นจะต้องมีรถส่วนตัวในการเดินทางจึงจะสะดวก แต่ก็ได้มาซึ่งความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : baan puripuri ลาดพร้าว 41 นับเป็นโครงการแรกของบ้านภูริปุรี ที่เป็นรูปแบบโครงการปิดครับ คือจะมีรั้วรอบโครงการสูง 4.2 – 5 m. มีป้อม รปภ. และไม้กั้นกระดกที่ต้องใช้รีโมทคอนโทรลในการเข้า-ออก พร้อมกับกล้อง CCTV จึงค่อนข้างมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : ก่อนอื่นผมคงต้องบอกว่า..นี่ไม่ใช่งาน mass ที่เราจะพบเห็นได้ทั่วไปครับ ทุกอย่างถูกออกแบบโดยสถาปนิกเจ้าของโครงการ ซึ่งถือเป็นโครงการทาวน์โฮมในยุคแรกๆที่แตกต่างจากโครงการทั่วไป ทั้งเรื่องหน้าตา facade ที่ใช้การย่อมุมไม้สิบสองมาเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เกิดความมีมิติที่สวยงาม รวมถึงความเป็นส่วนตัวจากหน้าบ้าน และการให้ความสำคัญกับพื้นที่พักผ่อนชั้น 1 ที่สามารถเชื่อมต่อกับสวนด้านหลังได้ ซึ่งคุณจะต่อไอเดียสร้างสรรคเป็นอะไรก็ได้ให้เหมาะกับ Lifestyle คุณ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะมีกำแพงสูงถึง 4.2 m. รวมถึงเรื่องการระบายอากาศหรือ Ventilation ภายในบ้านก็ทำได้ค่อนข้างดี ด้วยการใช้บันไดและระแนงโปร่งให้ลมผ่านได้ครับ

ส่วนห้อง Master Bedroom ก็มีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะส่วนของ Walk in closet ด้านหลังบ้านที่คงจะถูกใจสาวๆเป็นแน่ แต่สิ่งที่แปลกสำหรับโครงการนี้คือ ฟังก์ชันครัวที่ย้ายไปอยู่บนชั้นลอย ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ชอบทำครัวบ่อยๆครับ เพราะต้องขนของสดขึ้น-ลงบันได้ทุกครั้ง แต่ถ้าใช้เป็นห้องอเนกประสงค์หรือห้องทำงานนี่จะเหมาะมากเลย สุดท้ายคือห้อง Laundry ที่อยู่ชั้น 3 ซึ่งในแง่การใช้งานก็ค่อนข้างสะดวกทีเดียว เพราะเราจะได้ไม่ต้องขนเสื้อผ้าลงมาซักถึงชั้นล่าง หรือต้องตากผ้าหลังบ้านทำให้แลดูไม่สวยงามนัก แต่การตากผ้าที่ระเบียงชั้น 3 ก็มีข้อจำกัดของขนาดพื้นที่ ที่อาจจะตากผ้าจำนวนมากๆหรือผืนใหญ่ๆไม่ค่อยได้ครับ

วัสดุ : นอกจากเรื่องโครงสร้างและวัสดุพื้นฐานที่ให้มาค่อนข้างดีแล้ว ทั้งผนังก่ออิฐ หน้าบ้านและหลังบ้านลงเสาเข็มลึกทั้งหมด มีกำแพงสูง 4.2 m. และใช้วัสดุตกแต่งเป็นไม้สักแท้ กับพื้นชั้นบนเป็นกระเบื้องยางไวนิล และช่องแสงขนาดใหญ่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างจากเพื่อนบ้านคือ การตกแต่ง facade และผนังภายในบ้าน ที่ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือและงานละเอียดทั้งหมดครับ ซึ่งก็จะเหมาะกับคนที่ชอบ design แบบนี้จริงๆนะ

โดยหากเทียบกับโครงการอื่นๆในละแวกนี้ ที่อาจมีราคาถูกกว่าหน่อย (สัก 6 – 7 ล้าน) และเน้นให้มีฟังก์ชันแบบปกติครบ แต่ถ้าคุณอยากได้ design เฉพาะตัวแบบโครงการนี้ ก็ต้องเสียเวลาหาช่างมาตกแต่งเอง รวมค่าแรงและค่าวัสดุแล้วผมก็ว่าน่าจะออกมาพอๆกันครับ ดังนั้นด้วยราคา 10 ล้านนิดๆ ผมมองว่าไม่ใช่โปรดักส์ที่แพงมากนัก หากเทียบกับรูปแบบบ้าน และการตกแต่งที่ได้รับ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ก็สามารถปรับลดคะแนนได้ตามความเหมาะสมเลยครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ด้านหน้าตรงทางเข้ามีการปลูกต้นไม้ประดับพอให้สดชื่น ส่วนถนนภายในโครงการจะกว้าง 8 m. สามารถขับสวนกันได้ มีจุดให้กลับรถ เสาไฟลงใต้ดินทั้งหมด ทำให้ไม่บดบังตัวอาคารที่สวยงาม และที่ชั้นลอยของบ้านแต่ละหลังยังมีกระถางต้นลีลาวดีประดับอยู่ ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความสดชื่นให้กับโครงการได้ครับ

สาธารณูปโภค : โครงการนี้จะไม่ได้มี Clubhouse หรือ Facilities ให้ลูกบ้านใช้งานนะครับ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็กเพียง 15 ยูนิตเท่านั้น แต่ก็มีการเรียกเก็บค่าส่วนกลางไว้สำหรับการจ้าง รปภ. คนทำสวน และคนเก็บขยะ รวมถึงยังต้องสำรองเงินในการบำรุงรักษางานระบบไฟฟ้าใต้ดิน ที่จะมากกว่าระบบที่อยู่บนดินแบบปกติด้วยครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 10 – 16 ล้านบาท, 14 January 2020

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ทำเลในซอย เป็นส่วนตัว เข้า-ออกได้หลายทาง อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่ใช่ในระยะเดิน
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วโครงการสูง 4.2 – 5 m. กั้นไม้กระดก มี รปภ.หน้าหมู่บ้าน
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9.5/10 – คอนเซ็ปต์ชัดเจน ออกแบบสวย บางฟังก์ชันอาจใช้งานจริงได้ลำบากสักหน่อย แต่ปรับเปลี่ยนได้
  • วัสดุ 8.5/10 – โครงสร้างและวัสดุปิดผิวดี เน้นการตกแต่งงานฝีมือ
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – มีต้นไม้ที่ทางเข้าและ facade ตัวบ้าน สายไฟลงดิน
  • สาธารณูปโภค 6/10 – ไม่ได้มี facilities ให้ใช้ แต่มีการเก็บค่าบำรุงรักษาโครงการ และต้องจ้างพนักงานดูแล
  • 7.8 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ baan puripuri ลาดพร้าว 41 เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมย่านลาดพร้าว-โชคชัย 4 ที่เดินทางด้วยรถยนต์สะดวก เน้นโครงการที่ออกแบบสถาปัตยกรรมและฟังก์ชันโดดเด่น ตกแต่งได้สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ไม่เน้นพื้นที่ส่วนกลาง แต่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย โดยมีงบประมาณ 9.9 – 10.59 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 69,000 – 74,000 บาทขึ้นไป



ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving