หลังจากที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ที่ทางรัฐบาลจะไม่ขยายเพดานเกณฑ์การขอสินเชื่อบ้านหลังแรก จาก 1 ล้านบาทเป็น 2 ล้านบาท ทำให้ยอดสินเชื่อบ้านหลังแรกยังคงไม่กระเตื้องไปไหน เพราะบ้านส่วนใหญ่ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทนั้นเป็นบ้านอยู่ในโซนน้ำท่วม และยังไม่สะเด็ดน้ำฟื้นตัวดี ทำให้ยอดสินเชื่อสิ้นเดือน พ.ค. นั้นอยู่ประมาณ 3,200 ล้านบาท จาก 20,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 16 เท่านั้น
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ยอดสินเชื่อบ้านหลังแรกจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.นี้ น่าจะอยู่ที่ 3,100-3,200 ล้านบาท โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ยเดือนละไม่เกินหลักร้อยล้านบาท เป็นผลมาจากบ้านในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในโซนชานเมือง อาทิเช่น บางบัวทอง บางใหญ่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตลาดในบริเวณดังกล่าวยังไม่ฟื้นตัวดี
“สินค้าในกลุ่มไม่เกิน 1 ล้านบาทยังมีอยู่และพอหาได้ เพียงแต่เป็นสินค้ากลุ่มที่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวตามความมั่นใจของผู้บริโภค สถานการณ์ปีนี้จะค่อยๆ ดีขึ้น ยอดสินเชื่อบ้านหลังแรกจึงไม่เพิ่มเร็วนัก อีกทั้งปัญหาแรงงานภาคก่อสร้างขาดแคลน และปัญหาราคาวัสดุก่อสร้างแพง เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องชะลอการเปิดโครงการใหม่
ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะไม่ขยายเพดานเกณฑ์การขอสินเชื่อบ้านหลังแรกจากบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทเป็น 2 ล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่ายอดสินเชื่อบ้านหลังแรกจะปล่อยได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท แม้ไม่ขยายเกณฑ์ราคาบ้าน นายวรวิทย์ กล่าวว่า ส่วนตัวยินดีรับนโยบาย ไม่ว่าจะมีการขยายเกณฑ์หรือไม่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ ได้พยายามบอกอยู่เสมอว่า เกณฑ์บ้านหลังแรกมี 2 ส่วน คือ มาตรการภาษีบ้านหลังแรกสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท และมาตรการสินเชื่อสำหรับบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยังมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี การขยายเกณฑ์จึงเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ เพราะจะทำให้มีผู้ได้รับประโยชน์ซ้ำซ้อน
อย่างไรก็ดี การจะให้สินเชื่อบ้านหลังแรกถึง 2 หมื่นล้านบาทในปีนี้ยังค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัว คาดว่าจะมีการขยายเวลาขอสินเชื่อออกไปหลังหมดกำหนดเดิมในปีนี้