สวัสดีค่ะ หลายท่านที่เป็นแฟนเพจของเรามานานก็คงเคยเห็นรีวิวโครงการคอนโดมิเนียมห้องฝ้าเพดานสูง หรือที่บางคนเรียกติดปากกันว่าห้อง LOFT กันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะช่วงหลังๆ 2 – 3 ปีมานี้ คอนโดเปิดใหม่หลายที่ก็นิยมทำห้องแบบนี้กันมากขึ้น วันนี้เราจะมาดูกันว่าห้องฝ้าเพดานสูงแบบนี้มีความน่าสนใจแตกต่างจากห้องธรรมดาทั่วไปอย่างไร และมีโครงการไหนในกรุงเทพฯ ให้เลือกบ้าง ในงบประมาณเริ่มต้น 2 ล้านนิดๆ ไปจนถึง 5 ล้านต้นๆค่ะ

*icon รูปค้อน = โครงการกำลังก่อสร้าง

เทรนด์ห้อง LOFT กำลังมา..

ห้องฝ้าเพดานสูง หรือ LOFT นั้นมีมานานแล้วนะคะ แต่ถ้าทุกท่านลองสังเกต จะเห็นว่าช่วงปี 2020 – 2022 นี้มีโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ที่เปิดใหม่ รวมถึงโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่หลายแห่งมีห้องฝ้าเพดานสูงให้เลือกกันมากขึ้น อย่างโครงการที่เราหามาประมาณ 18 โครงการ เป็นโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่เกือบครึ่งหนึ่งเลยค่ะ ซึ่งทำให้เห็นว่าเป็นเทรนด์ที่คนให้ความสนใจห้องแบบนี้กันมาอย่างต่อเนื่อง

ห้องฝ้าเพดานสูง (LOFT) เป็นห้องที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่หลายคนที่ชอบอยู่คอนโดมิเนียม (เพราะทำเลดีอยู่ในเมือง และมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน) แต่ยังได้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน 2 ชั้น อีกทั้งยังได้ความโปร่งสบาย จากพื้นที่นั่งเล่นแบบ Double Volume มองเห็นวิวได้กว้าง มองลงมาจากชั้นลอยก็เห็นคนข้างล่างได้ ฟังดูเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นเลยใช่ไหมคะ

*แจกตารางเปรียบเทียบโครงการและแผนที่พร้อมข้อมูลรายโครงการท้ายบทความค่ะ*

ห้อง LOFT คืออะไร ?

ห้อง LOFT คือห้องที่มีฝ้าเพดานสูง ส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่ 4.20 เมตรเป็นต้นไป ด้านในนิยมทำเป็นชั้นลอย ซึ่งพื้นที่ใช้สอยบนชั้นลอยนั้นจะไม่ได้อยู่ในโฉนดนะคะ จะถือว่าชั้นลอยนั้นเป็น “เฟอร์นิเจอร์” ที่ถูกเพิ่มเข้ามา เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของข้อกำหนดตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 ที่กำหนดเรื่องพื้นที่ภายในอาคารและความสูง (จะขออธิบายละเอียดในหัวข้อความแตกต่างของห้อง LOFT กับ Duplex ค่ะ) และพื้นที่ด้านบนมักจะไม่มีงานระบบต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เป็นพื้นที่ห้องนอน พื้นที่ทำงาน หรือ Walk-in Closet แต่หลังๆ มานี้ก็มีโครงการที่เริ่มทำห้องน้ำแบบ Powder Room มาไว้ที่ชั้นลอยให้เห็นกันบ้างแล้วค่ะ

จากที่กล่าวมาทำให้ห้อง LOFT ส่วนใหญ่จัดพื้นที่ห้อง Common Area หรือพื้นที่นั่งเล่นที่เป็นส่วนสำคัญที่สุด ต้องการบรรยากาศดี โปร่งสบาย ไว้บริเวณ Double Volume และมักจะอยู่บริเวณริมหน้าต่าง หรือระเบียง แล้วมีพื้นที่ Service อย่างครัวและห้องน้ำ ไว้ชั้นล่าง มีห้องนอนที่ไม่ได้ต้องการความสูงฝ้าเพดานที่มากนักอยู่ด้านบน ซึ่งทั้ง 2 ชั้นนี้จะมีความสูงของฝ้าเพดานอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรนิดๆ เท่านั้นค่ะ

โครงการแบบไหนถึงมีห้อง LOFT กันนะ ??

ก่อนที่เราจะพูดถึงอาคารแบบไหนถึงมีห้อง Loft เราลองมาทำความรู้จักกับกฎหมายเกี่ยวกับความสูงของอาคาร และกฎหมายเกี่ยวกับพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารกันค่ะ

ในการออกแบบอาคารสักหลังหนึ่งนั้นจะมีกฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองที่คอยกำหนดพื้นที่ใช้งานภายในอยู่ค่ะ ซึ่งเรียกว่า FAR (Floor Area Ratio) หรือ อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน เช่น FAR = 1 : 6 หมายความว่าเราสามารถสร้างอาคารที่มีพื้นที่ใช่สอยภายในได้ 6 เท่าของพื้นที่ดิน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น FAR = 1 : 6 ที่ดิน 400 ตารางเมตร ( 1 งาน ) สามารถสร้างอาคารที่มีพื้นที่ใช้งานได้ 400 x 6 = 2,400 ตารางเมตรนั่นเองค่ะ

นอกจากนั้นการสร้างอาคารยังมีเรื่องระยะความสูงเป็นตัวกำหนดด้วย เช่น อาคาร Low Rise จะต้องมีความสูงไม่เกิน 23 เมตร เป็นต้น ส่วนอาคารสูงจะต้องอยู่ติดกับถนนที่มีความกว้างตามกำหนดและมี “ความสูงของอาคารไม่ว่าจากจุดหนึ่งจุดใด ต้องไม่เกินสองเท่าของระยะราบ วัดจากจุดนั้นไปตั้งฉากกับแนวเขตด้านตรงข้ามของถนนสาธารณะที่อยู่ใกล้อาคารนั้นที่สุด” (ดังรูปด้านบน) หรือสรุปง่ายๆว่าความสูงของอาคารต้องไม่เกิน2เท่า ของความกว้างถนนค่ะ

ดังนั้น ผู้พัฒนาโครงการส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นสร้างพื้นที่ใช้สอยให้เต็มตามที่กฎหมายกำหนด (เต็ม FAR) แต่บางพื้นที่ แม้ว่าจะสร้างเต็ม FAR แล้ว ยังเหลือระยะความสูงที่สามารถทำได้อยู่ บางโครงการจึงเลือกทำห้องฝ้าเพดานสูง หรือห้อง LOFT เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ขาย และพื้นที่ใช้สอยให้กับลูกบ้านนั่นเองค่ะ (แต่ไม่ได้เพิ่มในโฉนดนะ เพราะคิดเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม่คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้าง)

*ภาพบรรยากาศห้อง LOFT จากโครงการ MODIZ สุขุมวิท 50

ข้อดี – ข้อด้อยของห้อง LOFT

นอกจากข้อดีด้านพื้นที่ขายของทางผู้พัฒนาโครงการแล้ว เรามาดูข้อได้เปรียบ – เสียเปรียบ เมื่อเทียบห้องฝ้าเพดานสูง (LOFT) กับห้องมาตรฐานทั่วไปกันค่ะ

ข้อดี

  • ได้ฝ้าเพดานสูง : จุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดคือความสูงของฝ้าเพดาน ที่มันจะอยู่ที่ 4.20 เมตร ขึ้นไป บริเวณห้องนั่งเล่น หรือ Common Area ของบ้าน ทำให้ดูโปร่งสบาย มีแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ มองเห็นวิวได้กว้างจากหน้าต่างบานใหญ่
  • ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน : บางคนอยู่บ้าน 2 ชั้นมาก่อน ก็อาจจะมีติดกับความรู้สึกว่าชอบพื้นที่แบ่งสัดส่วนเป็น 2 ชั้นได้ความเป็นส่วนตัวของห้องนอน ชอบการขึ้น – ลง บันได ไปยังห้องนอน เป็นต้น
  • เสียค่าส่วนกลางเฉพาะพื้นที่ออกโฉนด : ห้อง LOFT จะถูกคิดค่าส่วนกลางเพียงแค่พื้นที่ชั้นล่าง หรือพื้นที่ในโฉนดเท่านั้นค่ะ พื้นที่ชั้นลอยที่ถือว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม่สามารถคิดค่าส่วนกลางได้ ดังนั้น คนที่มีห้อง LOFT ก็จะจ่ายค่าส่วนกลางเทียบเป็นราคาต่อตารางเมตรแล้วน้อยกว่าห้องมาตรฐานนั่นเอง แต่ก็มีบางโครงการที่คิดราคาค่าส่วนกลางห้อง LOFT และห้องมาตรฐานไม่เท่ากันนะคะ ใครที่จะคำนวณค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอย่าลืมดูเงื่อนไขตรงนี้ด้วยนะ
  • ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นในราคาที่ถูกลง : ถ้าเปรียบเทียบห้องพักอาศัยในโครงการเดียวกันที่มีทั้งห้องมาตรฐาน และห้องฝ้าเพดานสูง (LOFT) ในพื้นที่เท่ากัน เช่น 40 ตร.ม. เช่น

– ห้องธรรมดา 40 ตร.ม. ราคา 5.84 ล้านบาท หรือประมาณ 146,000 บาท/ตร.ม.
– ห้อง LOFT 40.5 ตร.ม. ราคา 5.42 ล้านบาท ถ้าเราคิดตามโฉนดจะได้ประมาณ 190,000 บาท/ตร.ม. แต่ถ้าเราคิดตามพื้นที่ใช้สอยจะได้ประมาณ 134,000 บาท/ตร.ม. ค่ะ

ซึ่งห้อง LOFT ถ้าคิดตามพื้นที่โฉนดอย่างเดียวก็จะถือว่าราคาต่อตารางเมตรสูง แต่ส่วนใหญ่ก็จะคิดรวมพื้นที่ชั้นลอยด้วย จึงมีราคาต่อตารางเมตรที่ต่ำกว่าห้องมาตรฐานทั่วไปค่ะ

ข้อด้อย

  • ห้องน้ำและห้องนอนอยู่คนละชั้นกัน : อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าพื้นที่ด้านบนมักจะทำเป็นพื้นที่แห้ง ไม่มีงานระบบมาเกี่ยวข้อง เช่นห้องนอน ห้องทำงาน ดังนั้น จากห้องนอนเวลาเราจะลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ก็จะต้องเดินลงบันไดมา ค่อนข้างไกลสักหน่อยค่ะ
  • บันไดค่อนข้างชัน และเล็ก : บันไดทางขึ้นชั้นลอยมักถูกออกแบบให้กินพื้นที่น้อยที่สุด จึงค่อนข้างเล็ก และลูกตั้งมีความสูงมากกว่าปกติ (ลดจำนวนขั้น) ทำให้เวลาเดินจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษค่ะ
  • ฝ้าเพดานใต้ชั้นลอย และบนชั้นลอยไม่สูง : เราได้ฝ้าเพดานที่ Common Area ที่สูงกว่าปกติไปแล้ว แต่พื้นที่ที่ถูกแบ่งเป็นชั้นลอย หรือเฟอร์นิเจอร์จะไม่จำเป็นต้องมีความสูงฝ้าตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดสำหรับพักอาศัย (2.40 เมตรตามกฎหมายชั้นลอย ที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป) จึงทำให้มีความสูงแต่ละชั้นอยู่ที่ 2 เมตรนิดๆ เท่านั้น
  • เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก เปลืองค่าไฟฟ้า : ปกติแล้วเราคำนวณโหลดแอร์ด้วยปริมาตรของห้องกันใช่ไหมคะ แต่ห้อง LOFT ที่มีฝ้าเพดานสูง จะมีปริมาตรของห้องเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังรับแสงแดดความร้อนได้มากกว่าปกติ ทำให้เสียค่าไฟในการทำความเย็นมากขึ้นค่ะ

ความแตกต่างจากห้อง DUPLEX

พอเล่ามาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะยังสับสนกับห้อง Duplex ที่เคยได้ยินมาให้ไหมคะ ความจริงแล้วมันมีความคล้ายคลึง แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนอยู่ค่ะ โดยอธิบายง่ายๆ

  • ห้อง DUPLEX : เป็นห้อง 2 ชั้นความจากพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปสูงชั้นละ 2.60 เมตรเป็นต้นไป เหมือนกับบ้าน ถ้ามีชั้นลอยจะต้องมีความสูงรวมมากกว่า 5 เมตร และพื้นที่ชั้นล่างต้องมีความสูงจากพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร ชั้นลอยไม่น้อยกว่า 2.40 เมตร มีพื้นที่โฉนดทั้ง 2 ชั้น และมักจะมีประตูเชื่อมกับโถงทางเดินทั้ง 2 ชั้นเลยค่ะ
  • ห้อง LOFT : เป็นห้อง 1 ชั้น ที่มีฝ้าเพดานสูงจากพื้นถึงพื้นมากกว่า 2.60 เมตร สามารถทำชั้นลอยที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ มีทางเข้า – ออกเพียงชั้นเดียว

ยกตัวอย่างภาพอาคารฝั่งซ้ายมือ (สีเขียว) เป็นอาคารที่มีห้อง LOFT มักจะมีความสูงเท่ากันทั้งชั้น หมายถึงทำห้อง LOFT เหมือนกันทั้งชั้น ส่วนฝั่งขวาเป็นอาคารที่มีห้องแบบ DUPLEX (สีเหลือง) สามารถอยู่ร่วมกับห้องปกติได้ โดยจะมีความสูงเท่ากับห้องปกติ 2 ชั้นนั่นเองค่ะ

มาดูความแตกต่างทางด้านกฎหมายเรื่อง ความสูง ของฝ้าเพดานกันสักหน่อยค่ะ โดย ที่พักอาศัย ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 เรื่อง พื้นที่ภายในอาคาร ข้อที่ 22 เกี่ยวกับระยะดิ่ง (ระยะดิ่งให้วัดจากพื้นถึงพื้น) จะต้องมีความสูงไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร สามารถมีพื้นที่เปิดโล่งหรือ Double Volume ได้ แต่มีข้อกำหนดคือ

“ห้องในอาคารซึ่งมีระยะดิ่ง (ความสูง) ระหว่างพื้นถึงพื้นอีกชั้นหนึ่งตั้งแต่ 5 เมตรขึ้นไปจะทำพื้นชั้นลอยในห้องนั้นก็ได้ โดยพื้นชั้นลอยดังกล่าวนั้นต้องมีเนื้อที่ไม่เกินร้อยละสี่สิบของเนื้อที่ห้อง ระยะดิ่งระหว่างพื้นชั้นลอยถึงพื้นอีกชั้นหนึ่งต้องไม่น้อยกว่า 2.40 เมตร และระยะดิ่งระหว่างพื้นห้องถึงพื้นชั้นลอยต้องไม่น้อยกว่า 2.40 เมตรด้วย ห้องน้ำ ห้องส้วม ต้องมีระยะดิ่งระหว่างพื้นถึงเพดานไม่น้อยกว่า 2 เมตร ”

สรุปได้ว่า

  • ห้องมาตรฐาน : ต้องมีความสูงจากพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร (พื้นถึงฝ้าเพดานประมาณ 2.40 เมตร)
  • ห้อง Duplex ปกติ : ทั้งชั้นล่างและชั้นบน ต้องมีความสูงจากพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร (พื้นถึงฝ้าเพดานประมาณ 2.40 เมตร) เหมือนกับห้องมาตรฐาน 2 ชั้น
  • ห้อง Duplex แบบ Double Volume : ความสูงรวมของห้องต้องไม่น้อยกว่า 5 เมตร  ชั้นล่างต้องมีความสูงจากพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร ชั้นบนไม่น้อยกว่า 2.40 เมตร และพื้นที่ชั้นลอยต้องไม่มากกว่า 40% ของพื้นที่ห้อง
  • ห้อง LOFT : ต้องมีความสูงจากพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปไม่น้อยกว่า 2.60 เมตร (โดยทั่วไปมักทำเริ่มต้นที่ 4.20 เมตร ขึ้นไป เพื่อแบ่งความสูงชั้นล่างและชั้นบนให้อยู่ที่ประมาณ 2.00 เมตร)

*ตัวอย่างห้อง LOFT โครงการ  Ramada Residence by Siamese Asset

บรรยากาศภายในห้อง LOFT พื้นที่ชั้นล่าง 57.17 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย(รวมชั้นลอย) ทั้งหมด 72.88 ตร.ม. มีความสูงฝ้าเพดานที่ 4.60 เมตร

*ตัวอย่างห้อง Duplex โครงการ WINDSHELL นราธิวาส

บรรยากาศภายในห้อง Duplex แบบ Double Volume พื้นที่รวม 453 ตร.ม. มีพื้นที่ชั้นลอยไม่มากกว่า 40% ของพื้นที่ห้อง ฝ้าเพดานสูง 6.70 เมตร

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ >> LOFT vs DUPLEX ต่างกันอย่างไร


อ่านมาถึงตรงนี้ สำหรับใครที่ตัดสินใจได้แล้วว่าอยากได้คอนโดห้อง LOFT ! เรามาชี้เป้าทำเลและแบรนด์คอนโดที่มีห้องฝ้าเพดานสูง หรือ ห้อง LOFT กันค่ะ ที่ต้องบอกว่าเป็นแบรนด์คอนโด ไม่ใช่ที่ใดที่หนึ่งก็เพราะว่า Developer บางเจ้าเขาทำแบรนด์ที่มีห้องฝ้าเพดานสูงให้เลือกในหลายทำเล หรือบางแบรนด์ก็มีแต่ห้องฝ้าเพดานสูงทุกยูนิตเลยก็มีค่ะ

ก่อนอื่นเราขอแบ่งทำเลคอนโดฯ ที่มีห้องฝ้าเพดานสูงในกรุงเทพฯ  ออกเป็น 5 โซนด้วยกัน ดังนี้

  • โซน 1 : สุขุมวิท – อโศก – อุดมสุข
  • โซน 2 : สาทร – พระราม 3
  • โซน 3 : อนุสาวรีย์ – รัชดาภิเษก
  • โซน 4 : เกษตร – รัชโยธิน – รามอินทรา
  • โซน 5 : จรัญสนิทวงศ์ – วงศ์สว่าง

โซน 1 : สุขุมวิท – อโศก – อุดมสุข

โซนแรก ทำเลถนนเส้นสุขุมวิทเริ่มต้นจากโซนอโศก ไปจนถึงอุดมสุข สำหรับใครที่ทำงานในเมืองที่อิงรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นหลัก คอนโดในทำเลนี้ก็ค่อนข้างเหมาะเลยนะคะ ซึ่งถือว่ามีคอนโดห้องรูปแบบฝ้าเพดานสูงอยู่ค่อนข้างเยอะเลย แต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป

2 โครงการนี้เป็นคอนโดติดถนนสุขุมวิท และเป็น Branded Residence จาก Siamese Asset ที่มีจุดเด่นคือ เป็นคอนโดที่มีการบริการแบบโรงแรมในเครือ โรงแรม Ramada (รามาด้า) แบรนด์ภายใต้ Wyndham Hotel Group มาอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เช่น บริการ Concierge Service และ Bellboy ช่วยขนของได้ และมีบริการพิเศษเช่น ทำความสะอาด, บริการ Room Service, บริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

โดยทั้ง 2 โครงการจะเป็นห้องฝ้าเพดานสูงทั้งหมด โครงการ Ramada Residence Sukhumvit 87 จะเน้นไปที่ห้องเริ่มต้น 1 Bedroom 29 – 33 ตร.ม. ถึง 2 Bedroom 62 ตร.ม. ถือว่าไม่ใหญ่มาก ส่วนโครงการ  Ramada Plaza Residence Sukhumvit 48 เน้นห้องขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มตั้งแต่ 1 Bedroom 35 ตร.ม. ไปจนถึง 2 Bedroom และ Penthouse เลยค่ะ

โครงการ Modiz สุขุมวิท 50 เป็นโครงการที่อยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 50 แม้จะไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ แต่ก็มีจุดเด่นที่ไม่แพ้ใครเลยก็คือเป็นคอนโดที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และมี Facility จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ 2 สระเห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่โค้งน้ำเจ้าพระยา, Fitness วิวล้อมรอบ 270 องศา, ห้อง Private Onsen Steam & Sauna ฯลฯ

ซึ่งภายในโครงการจะมีแบบห้องฝ้าเพดานสูงให้เลือกถึง 3 แบบ ตั้งแต่ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus , 2 Bedroom พื้นที่ 27 – 38 ตารางเมตร

โครงการนี้แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ตรงที่เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นที่มีห้องฝ้าเพดานสูงอยู่ที่ชั้นบนสุดด้วยค่ะ โดยทางโครงการได้ลดระดับพื้นชั้น 1 ลงจากระดับถนนทำให้สามารถสร้างอาคารสูง 8 ชั้นได้โดยไม่เกินระยะความสูงที่กฎหมายกำหนด 23 เมตร

โครงการนี้มีห้องฝ้าเพดานสูงเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.11 – 18.26 ตร.ม. ซึ่งมีราคาเริ่มต้นต่ำที่สุด เลยค่ะ

โครงการ LIFE พระราม 4 – อโศก เป็นอีกหนึ่งคอนโดที่มีจุดเด่นคือวิวแม่น้ำเจ้าพระยา โค้งบางกระเจ้า และวิวสวนเบญจกิติ 800 ไร่ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มถึง 5 ชั้น บนทำเลถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ แล้วเสร็จในปี 2567

ภายในโครงการมีห้องฝ้าเพดานสูง Vertiplex ขนาดพื้นที่ใช้สอย 28.5 – 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.5 – 12.5 ล้านบาท

โซน 2 : สาทร – พระราม 3

โซนสาทร – พระราม 3 นี้เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านสีลม สาทร ขยับออกมาจากสุขุมวิทสักหน่อย ชอบบรรยากาศเมืองในย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งโครงการในทำเลนี้เองก็จะเน้นไปที่รูปแบบ Luxury ดูหรูหรา จะมีโครงการไหนบ้างเราไปดูกันค่ะ

โครงการ Altitude Symphony เจริญกรุง ตั้งอยู่บนถนนจันทน์ ซึ่งมีจุดเด่นคือจำนวนยูนิตน้อยได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ อยู่ที่ 99 ยูนิตเท่านั้นเองค่ะ น้อยที่สุดในบรรดาโครงการที่เรายกตัวอย่างมาเลย นอกจากนั้นยังออกแบบให้รองรับสำหรับทุก Generations และวัสดุภายในโครงการแบบ Premium จึงทำให้มีราคาต่อตารางเมตรสูงสักหน่อยนะคะ อยู่ที่ 160,000 บาท/ตร.ม.

โครงการ Altitude Unicorn สาทร – ท่าพระ ตั้งอยู่ติดถนนราชพฤกษ์และห่าง BTS ตลาดพลู เพียง 150 เมตรเป็นโครงการที่ Altitude Development ร่วมลงทุนกับทาง Creed Group ซึ่งมีห้องฝ้าเพดานสูงเป็นห้อง 1  Plus 1 Bedroom Loft พื้นที่ใช้สอย 57.01 – 69.28 ตร.ม.

โครงการ Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 มีจุดเด่นคือรูปทรงอาคารที่สะดุดตา พร้อม Sky Main Facilities และห้องฝ้าเพดานสูงที่สูงถึง 5.90 เมตร เรียกว่าสูงกว่าใครเพื่อนเลยทีเดียวค่ะ

โดยจะมีให่เลือกตั้งแต่ขนาด 34.2 ไปจนถึง 76.1 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นสูงกว่าใครเพื่อนสักหน่อยนะคะ แต่คิดว่าน่าสนใจจึงนำมาให้เพื่อนๆ ชมกันค่ะ

โซน 3 : อนุสาวรีย์ – รัชดาภิเษก

ขยับมาโซนอนุสาวรีย์ – รัชดาภิเษกกันบ้าง เป็นทำเลที่การเดินทางหลากหลายไม่เพียงแต่รถไฟฟ้าเท่านั้น ยังมีรถประจำทางสาธารณะ รถตู้ เป็นตัวเลือกในการเดินทางด้วย เผื่อใครทำงานย่านพระราม 9 – รัชดา – อารีย์ แล้วสนใจโครงการห้อง LOFT ซึ่งมีหลายโครงการทีเดียวค่ะ

โครงการแบรนด์ “Knightsbridge” จาก Origin เขาทำออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบคอนโดมิเนียมแบบห้อง LOFT เลยค่ะ ใครที่สนใจห้องฝ้าเพดานสูง ลองดูคอนโดแบรนด์นี้ในทำเลที่คุณสนใจได้นะคะ โดยเขาจะเรียกว่าห้อง Duo Space ฝ้าเพดานสูง 4.2 เมตรทุกยูนิตเลยค่ะ

โครงการตั้งอยู่บนถนนดินแดง มีห้องให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 23.30 – 33.10 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 33.44 – 42.60 ตร.ม. ไปจนถึง 2 Bedroom ขนาด 57.40 ตร.ม.

  • SOHO Bangkok Ratchada – ราคาห้อง LOFT เริ่มต้น 4.xx ล้านบาท

SOHO Bangkok Ratchada เป็นคอนโดแบรนด์ใหม่จาก Origin บนทำเลรัชดา-ห้วยขวาง ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีห้วยขวาง 200 เมตร ซึ่งภายในโครงการ มีทั้งห้องรูปแบบ Simplex และ Double Space เพดานสูง พื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ซึ่งมีจุดเด่นคือ บริการด้านธุรกิจให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการด้วย กับ Park Business Connection Center เป็นสังคมนักธุรกิจเลยค่ะ

ภายในโครงการมีห้องฝ้าเพดานสูงทั้ง 2 แบบ คือ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 24.5-25.9 ตร.ม. และ 1 Bedrooms Plus พื้นที่ใช้สอย 30.3-34.9 ตร.ม.

คอนโดติดถนนอโศก-ดินแดง ห่าง MRT พระราม 9 ประมาณ 450 เมตร แต่เป็นโครงการที่สร้างเสร็จมาสักพักใหญ่ๆ แล้วนะคะ ที่เรานำมาให้ชมเนื่องจากให้ดูว่าความสูงของห้อง LOFT สามารถทำได้ตั้งแต่ 2.60 เมตรขึ้นไปเลย โดยโครงการนี้มีฝ้าเพดานสูงเพียง 3.60 เมตร ชั้นลอยความสูง 1.50 เมตรเท่านั้นเองค่ะ

โครงการ The Tree Victory Monument ตั้งอยู่บนถนนดินแดงค่ะ โครงการนี้มีจุดเด่นคือมีทั้งห้องฝ้าเพดานสูงแบบ LOFT และห้อง Duplex ให้เลือกเลย นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็มมาให้ถึง 6 ชั้น สำหรับใครที่มองๆ ห้องแบบ Duplex ไว้ด้วยแวะมาดูที่โครงการนี้ได้ค่ะ

ห้องพักอาศัยมีให้เลือกถึง 4 แบบ คือ Heighten 1 Bedroom (ห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร) ขนาด 23 – 31 ตร.ม. และ Heighten 1 Bedroom Plus (ห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร + ห้องอเนกประสงค์) ขนาด 30 – 34 ตร.ม. ถ้าเป็นห้อง 2 ชั้น ก็จะมี Duplex 1 Bedroom ขนาด 38 – 39 ตร.ม. และห้อง Duplex 1 Bedroom Plus ขนาด 50 ตร.ม.

โซน 4 : เกษตร – รัชโยธิน – รามอินทรา

บ้านใครอยู่ทางกรุงเทพตอนบนโซนรามอินทรา – รัชโยธิน เดินทางเข้าเมืองสะดวกด้วย BTS สายสีเขียว เหมาะกับคนที่ทำงานในโซนจตุจักร – วิภาวดี ซึ่งก็มีโครงการห้องฝ้าเพดานสูงให้เลือกหลายแห่งเลยค่ะ

โครงการ So Origin Kaset Interchange เป็นคอนโดที่เชื่อมต่อกับถนนหลัก 3 เส้นทางคือ ถนนพหลโยธิน ถนนประเสริฐมนูกิจ และ ถนนงามวงศ์วาน ใกล้รถไฟฟ้าสถานี ม.เกษตรศาสตร์ เพียง 150 เมตร มีจุดเด่นคือพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงาน เช่น Business Connection Center & Smart Life Center Small Office & Home ส่วนรายละเอียดห้องพักรออัพเดทข้อมูลกันนะคะ

อย่างที่เราได้บอกไปนะคะ ว่าแบรนด์  “Knightsbridge” เป็นโครงการที่เขาทำเป็นห้องฝ้าเพดานสูง หรือที่เรียกว่า “Duo Space” ทั้งโครงการเลย โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนติดถนนพหลโยธิน ข้างซอยพหลโยธิน 27 ตรงข้ามตึกช้าง และใกล้รถไฟฟ้าสถานีพหลโยธิน 24 เพียง 20 เมตร มีห้องให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 22.70 – 30.90 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 35.40 ตร.ม. ไปจนถึง 2 Bedroom ขนาด 54.30 – 61.80 ตร.ม.

โครงการ The Origin Plug & Play รามอินทรา เป็นโครงการระดับ Main Class ที่ราคาเริ่มต้นเข้าถึงง่ายหน่อย นอกจากนั้นยังตั้งอยู่บนรามอินทรา ใกล้กับสถานีรามอินทรา กม. 9 เพียง 70 เมตร มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครเลยก็คือสามารถเลี้ยงสัตว์ภายในคอนโดได้ค่ะ

ตัวโครงการเป็นกลุ่มคอนโด 6 อาคารนะคะ มีห้องฝ้าเพดานสูงให้เลือก คือ 1 Bedroom Duo พื้นที่ใช้สอย 37-40 sq.m. ราคา 2.99-4.32 ล้านบาท และ 1 Bedroom Duo พื้นที่ใช้สอย 46 sq.m. ราคา 3.99-4.82 ล้านบาท

โครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้าเมือง และติดรถไฟฟ้าสายสีแดง “สถานีทุ่งสองห้อง” ในระยะ 0 เมตร และมีจุดเด่นคือเป็นโครงการ Mix-used มีสิ่งอำนวยความสะดวกและร้านค้าต่างๆภายในครบครัน อีกทั้งภายในยังเป็นห้องพักอาศัยแบบฝ้าเพดานสูงทั้งโครงการ พร้อมห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ชั้นบนทุกยูนิตเลยค่ะ

ภายในมีแบบห้องให้เลือก 2 แบบ คือ Flexi ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 25 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 38 ตร.ม. และ Grand ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 29.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 44.5 ตร.ม.

โซน 5 : จรัญสนิทวงศ์ – วงศ์สว่าง

ใครที่แอบรู้สึกว่าในเมืองคอนโดห้อง LOFT มีราคาสูงไปสักหน่อย ลองขยับออกมาที่โซนจรัญสนิทวงศ์ – วงศ์สว่างกันดูบ้างค่ะ ยังเป็นทำเลที่เดินทางเข้าเมืองได้ง่ายจากทางด่วน และยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วยนะ

โครงการ IDEO จรัญฯ70 – ริเวอร์วิว ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ในช่วงระหว่างแยกบางพลัด-เชิงสะพานพระราม 7 ห่างจาก MRT บางพลัด 300 เมตร จุดเด่นคืออยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สามารถเห็นวิวโค้งน้ำได้แบบใกล้ๆ เลยค่ะ ภายในโครงการมีห้องฝ้าเพดานสูง คือ 1 Bedroom Hybrid พื้นที่ใช้สอย 25.5-34.5 ตร.ม. จำนวน 258 ยูนิต ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียวค่ะ ใครที่ใฝ่ฝันอยากมีคอนโดห้อง LOFT วิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ต้องลองแวะมาดูโครงการนี้กันสักหน่อยนะคะ

โครงการ ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกฝั่งเข้าเมือง ใกล้แยกประชานุกูล ใกล้ทางด่วนศรีรัช มีจุดเด่นคือพื้นที่ส่วนกลางแบบ Sky Facility และห้องฝ้าเพดานสูงดีไซน์ใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยากค่ะ โดยจะเป็นห้อง 1 Bedroom Loft พื้นที่ใช้สอยภายในขนาดใหญ่ตามสไตล์ของศุภาลัย อยู่ที่ 47 – 49 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.59 ล้านบาท


Tips : แถมๆ ใครอยากดูรายละเอียดแต่ละโครงการ กดเข้าไปชมกันได้ที่นี่เลยค่ะ


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าจะช่วยเพื่อนๆ ที่ชอบคอนโดห้องฝ้าเพดานสูงจะได้เลือกโครงการที่ถูกใจ และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ บทความรวมคอนโดถัดไปเราจะพาไปชมโครงการไหน ในหัวข้ออะไรฝากติดตามกันได้ที่ Think of Living ค่า

*ข้อมูลด้านราคา และรูปแบบการขายเป็นข้อมูล ณ วันที่เก็บข้อมูล อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตค่ะ

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc