วิถีชีวิตเราเหมาะกับการอยู่คอนโดจริงๆหรือ? (อยู่สบายในแนวราบ … ย้อนไปอ่านตอนเก่าๆได้ที่นี่นะคะ)

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน วันนี้คุณนายสวนหลวงโดนคุณบีมกับคุณโอ๋โบ้ยงานมาให้ช่วยเขียนหนังสือตอนหนึ่งใน “ซื้อคอนโด อย่าใจเร็ว” โดยให้โจทย์มาว่า ให้เพื่อนๆลองถามใจตัวเองดูสักหน่อยว่าลักษณะการใช้ชีวิตของเรานั้นเหมาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดจริงหรือเปล่า ก่อนที่จะตัดสินใจรีบด่วนซื้อคอนโดไปตามกระแสหรือกลัวราคาจะขึ้น เดี๋ยวเรามาช่วยกันวิเคราะห์พฤติกรรมของครอบครัวและตัวเรา ว่าเหมาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดหรือไม่ดีกว่านะคะ

ซื้อคอนโด อย่าใจเร็ว

รายละเอียดหนังสือ

 

เพื่อนๆคะ คุณนายว่าคอนโดสมัยนี้มันช่างแพงจริงอะไรจริงนะคะ วันก่อนคุณนายได้ดูหนังเรื่องหนึ่งที่มี เจนนิเฟอร์ แอนนิสตัน เล่นกับพระเอกหน้ามนคนนึงซึ่งจำชื่อไม่ได้ ตอนต้นเรื่องก็มีอยู่ว่า นางเอกกับพระเอกกำลังจะตัดสินใจซื้อคอนโดหลังนึง ซึ่งอยู่ใจกลางแมนฮัตตัน คอนโดนั้นอยู่ในย่านที่เก๋ไก๋ ใกล้ที่ทำงานของพระเอก แต่ว่าราคาของมันก็แพงหูฉี่ เทียบกับห้องขนาดกระติ๊ดเดียว โดยคุณนายกะด้วยสายตาว่าราวๆ 30 ตร.ม. เป็นสตูดิโอเพดานสูง น่าจะราวๆ 4 เมตร

พระเอกนางเอกก็ถูกเซลล์หว่านล้อม วาดฝันต่างๆนานา บอกว่า นี่ไม่ใช่ห้องสตูดิโอ เป็นห้อง Loft แบบใหม่ อย่างโง้นอย่างงี้ ยัยเจนนี่กับแฟนก็เลยตกลงปลงใจซื้อไปเสร็จสรรพ พอต่อมาก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากับการใช้ชีวิตของตัวเอง บวกกับพระเอกดันมาตกงาน ก็เลยเอาไปฝากขายที่เซลล์คนเดิม ยัยเซลล์ก็เลยบอกว่า อ๋อราคาขายคงได้แค่ประมาณแค่เท่านี้นะ โดยจะขาดทุนไปมากอยู่ เพราะว่าคุณต้องยอมรับว่ามันก็เป็นแค่ห้องสตูดิโอ! แม้ยัยเจนนี่จะเถียงหัวชนฝาว่า แต่มันเป็น Loft แบบใหม่นะ บลาๆๆๆ แต่คุณเซลล์ก็บอกหน้าตาเฉยว่าในภาวะตลาดที่ไม่ค่อยดีแบบนี้ คนจะซื้อก็มองฟังก์์ชั่น มันเป็นแค่ห้องสตูดิโออยู่ดีหล่ะ จบ! แสบไหมล่ะคะ พระเอกนางเอกก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไป

เห็นไหมค่ะ ซื้อคอนโดอย่าใจเร็วตามการหว่านล้อมของเซลล์ หรือกลยุทธทางการตลาดเพื่อขายของ เราต้องกลับบ้านค่อยๆ นึกจริงๆ ว่า คุณค่าของมันคืออะไรกันแน่ แล้วมันคุ้มไหมสำหรับเรา

วกกลับมาเข้าเรื่องต่อ ว่าตกลงแล้วคุณเหมาะกับการอยู่คอนโดรึเปล่า  คุณนายว่ามันต้องเริ่มอย่างงี้ค่ะ เราต้องมาวิเคราะห์ดูกันก่อนว่าจุดแข็ง จุดอ่อน ของคอนโดนั้นคืออะไรบ้าง แล้วหากจุดแข็งของคอนโดนั้น เป็นสิ่งที่เราให้คุณค่ากับมันมาก และจุดอ่อนของคอนโดเป็นสิ่งที่เรายอมรับได้ ก็เรียกได้ว่าตัวเราและครอบครัวนั้นก็เหมาะกับการอยู่คอนโด

คุณนายว่าจุดแข็งของคอนโดประการแรกเลยก็คือ ทำเล คอนโดส่วนใหญ่จะอยู่ในแหล่งที่เดินทางสะดวก อยู่ใกล้เมือง ดังนั้นถ้าเราเป็นคนที่ทำงานอยู่ใจกลางเมือง การใช้เวลาเดินทางไปกลับเที่ยวละครึ่งชั่วโมงมันทำให้ชีวิตดีกว่าการเดินทางเที่ยวละสองชั่วโมงครึ่งมากๆ ดังนั้นการเลือกทำเลของคอนโดเพื่ออยู่อาศัย ขอให้เลือกตำแหน่งที่เราใช้เวลาเดินทางน้อยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน หรือไปโรงเรียนลูก หรือที่ๆ เราจะต้องไปเป็นประจำ ส่วนเรื่องว่าจำเป็นจะต้องใกล้รถไฟฟ้าไหม อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเดินทางเช่นเดียวกัน ถ้าใช้รถไฟฟ้าแล้วประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากก็ควรพิจารณา แต่ถ้าเราขับรถเป็นหลัก  การอยู่ใกล้รถไฟฟ้าก็อาจเป็นความหรูหราไฮโซที่ต้องพิจารณาว่า “คุ้มไหม” สำหรับราคาที่จ่ายในการมีทางเลือกที่เผื่อเอาไว้

ในทางกลับกัน หากเราเป็นคนที่ทำงานอยู่อยู่ชานเมืองอยู่แล้ว หรือประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่บ้านได้ การที่จะต้องเข้าไปอยู่กลางๆเมืองก็เป็นสิ่งไม่จำเป็น บริเวณที่เราทำงานอยู่ อาจมีตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าเช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือแม้กระทั่งอาคารพาณิชย์ (ปล.อาคารพาณิชย์นี่เอามาปรับแต่งเป็นบ้าน Loft เดิ้ลๆ ได้เลยนะคะ แถมยังค้าขายได้อีก)

จุดเด่นของคอนโดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การดูแลรักษา  คอนโดเนี่ยจะมีเรื่องต้องให้บำรุงรักษาน้อยกว่าบ้านเยอะทีเดียวค่ะ ด้วยความที่บริเวณ สนาม สวน สระว่ายน้ำและพื้นที่ดินส่วนกลางนั้น อยู่ในขอบเขตการดูแลจัดการของนิติบุคคลอาคารชุด ผู้อยู่อาศัยในคอนโดก็มีหน้าที่แค่รับผิดชอบ ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ภายในห้องของตัวเองเท่านั้น เช่น หลอดไฟขาด น้ำรั่วน้ำซึม ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณก็ยังสามารถเรียกช่างของนิติบุคคลขึ้นมาช่วยดูได้ ผิดกับการอยู่บ้านเดี่ยว ซึ่งคุณจะต้องรับหน้าที่จัดการทุกสิ่งอย่าง เป็นทั้งแจ๋วกวาดบ้าน เป็นทั้งคนสวนรดน้ำต้นไม้ ตัดหญ้า ใส่ปุ๋ย เป็นทั้งช่างประปา ซ่อมส้วม ช่างไฟฟ้า สำหรับคนที่ชอบและมีความสามารถก็ดีไปนะคะ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่สามารถ หรือไม่มีเวลา คอนโดก็เป็นตัวเลือกที่ได้เปรียบกว่าในประเด็นนี้

นอกจากเรื่องแรงงานในการบำรุงรักษาแล้ว ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของคอนโดก็มักไม่หนักหนาเท่าบ้านเดี่ยว เพราะพื้นที่น้อย และส่วนกลางก็มีการบำรุงรักษาจากนิติบุคคลซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นก็เฉลี่ยๆ กันไปหลายๆ ห้อง ทำให้เกิดความประหยัดจากจำนวน (Economy of Scale)

ข้อดีอีกประการหนึ่งของการอยู่อาศัยในคอนโดก็คือ สาธารณูปโภคส่วนกลาง คอนโดส่วนใหญ่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ บางแห่งอาจมีร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ อยู่ในอาคารนั้นๆ เลย ซึ่งตรงนี้ก็เป็นความสะดวกที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องออกไปทำกิจกรรมไกลจากที่พัก สามารถชวนเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องมาว่ายน้ำสังสรรริมสระน้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในขอบเขต และเป็นการไม่รบกวนผู้อยู่อาศัยท่านอื่นๆ นะคะ

ที่พลาดไม่ได้และเด็ดที่สุดก็คือเรื่อง ความปลอดภัย ค่ะ คอนโดที่มีนิติบุคคลดูแลดีก็จะได้เปรียบบ้านในแง่ของความปลอดภัย โครงการหมู่บ้านสมัยใหม่แม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพ เทียบง่ายๆว่าดูแลพื้นที่ 2 ไร่กับ 80 ไร่ ก็ต้องบอกว่า 2 ไร่ง่ายกว่าเยอะค่ะ ตั้งแต่การควบคุมการเข้าออก จำนวนกล้องวงจรปิดต่อพื้นที่ บัตรผ่านประตู ดังนั้นคอนโดที่มีการบริหารจัดการที่ดีก็จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความปลอดภัย

ทีนี้เราลองมาดูข้อจำกัดของคอนโดบ้างว่ามีอะไร อย่างแรกสุดที่เห็นได้ชัดนะคะ ก็คือ พื้นที่ โดยเฉพาะคอนโดสมัยใหม่ ยิ่งทำยิ่งเล็กค่ะ อัดกันเข้าไป 26 ตารางเมตรก็แล้ว 22 ตารางเมตรก็แล้ว มันจะยังเล็กกว่านี้อีกมีไหมเนี่ย … คุณนายสงสัย แต่ว่าคงไม่มีล่ะค่ะเพราะกฏหมายจำกัดห้องชุดขนาดเล็กสุดไว้ที่ 20 ตารางเมตร  ถ้าอยู่คนเดียวหรือสองคน แล้วเป็นคนประเภทที่ไม่ได้อยู่ติดบ้านมากนัก มันก็ยังอยู่ได้นะคะ แต่ถ้าจำนวนสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น เช่นมีลูก หรือมีผู้สูงอายุ พ่อหรือแม่หรือปู่ย่าตายายที่ต้องอยู่ด้วยกัน คอนโดก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างอยู่ลำบากค่ะ เพราะเมื่อพื้นที่น้อย ความเป็นส่วนตัวของแต่ละคนก็น้อยตามไปด้วย

คุณนายว่า สำหรับเรื่องสมาชิกในครอบครัวเนี่ย ผู้สูงอายุถ้าต้องมาอยู่ในคอนโดจะดูเป็นปัญหามากกว่าเด็กอีกค่ะ คือเด็กเนี่ยเราจับให้เขาอยู่ตรงไหนเขาก็ต้องอยู่ แล้วความเคยชินมันก็เกิดขึ้นมาเอง ส่วนผู้สูงอายุ ลองไปเกลี้ยกล่อมแกให้มาอยู่คอนโดโดยเขาไม่ได้อยากจะมาเองสิคะ “ยากกกกกกก” เขาเคยชินกับที่กว้างๆ มองไปเห็นสวน เห็นต้นไม้ ตะโกนคุยกับเพื่อนบ้านได้ ดังนั้นสำหรับครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย ก่อนซื้อคอนโด ไปถามท่านดูก่อนนะคะว่าจะยอมอยู่ไหม  ไม่ใช่ตัดสินใจไปเลย เดี๋ยวจะเป็นปัญหาครอบครัว

คุณนายว่านะ คอนโดสมัยนี้ไม่ค่อยส่งเสริมสถาบันครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเท่าไหร่นัก  เห็นที่เขาทำขายกันออกมาขนาดใหญ่ 3-4 ห้องนอนนี่เป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ ทั้งที่เป็นแบบที่ “เล็กที่สุด” ของบ้านเดี่ยว!?

ส่วนใหญ่พื้นที่ส่วนนั่งเล่น รับแขกก็เล็กๆ เหมือนเอาไว้ดูทีวีได้อย่างเดียว ลักษณะครอบครัวแบบขยายที่มีหลายๆ เจนเนอเรชั่นอยู่ร่วมกันนั้น ต้องการพื้นที่ส่วนกลางที่ค่อนข้างกว้างขวาง เอาไว้พูดคุยกัน ปู่ย่าเล่นกับหลาน พี่ป้าน้าอามาล้อมวงจั่วไพ่ เอ้ย … เล่นเกมส์เศรษฐี นับเลข บวกเลขอะไรก็ว่าไป หลานวิ่งไล่กันรอบโต๊ะกินข้าวให้พ่อแม่ดุ แล้วตายายก็ดุพ่อแม่อีกทีว่าไปดุมันทำไม เด็กซนเป็นเด็กฉลาด พอนึกภาพออกนะคะ 🙂

ข้อจำกัดประการต่อมาของคอนโดสมัยใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาปวดตับคือ ที่จอดรถค่ะ! ลองนึกภาพถ้าเราอยู่บ้านเดี่ยวใช่ไหมค่ะ พอถึงบ้าน กดรีโมทเปิดประตูรั้วปั๊บ   ก็แล่นรถเข้าเสียบในซองที่เป็นของเราคนเดียวอย่างง่ายดาย เสร็จแล้วก็ถือถุงชอปปิ้งเดินเพียงห้าก้าวก็เข้าสู่ตัวบ้านแบบสวยๆ แต่สำหรับคอนโดสมัยนี้ ถ้ามีที่จอดรถได้เกิน 50% ของจำนวนห้องก็ต้องขอแสดงความเคารพดีเวลลอปเปอร์ซักหนึ่งที

นึกถึงถ้าเราเป็นคนใช้รถ ทำงานมาแสนเหนื่อยแวะช้อปของกินเข้าบ้านมาอีกหนึ่งกระบุงโกย กลับคอนโดมาถึงตอนสี่ทุ่ม แล่นเข้าที่จอดรถป้าบ … ที่จอดเต็ม!! เซ็งล่ะสิทีนี้ ต้องวนกันไปจนกว่าจะฟลุ๊ค หรือถ้าดีหน่อยมีที่สำรองจอดเสียตังค์ใกล้ๆ คอนโด ก็ต้องเดินหิ้วถุงกับข้าวกันเหนื่อยอีก อันนี้ถ้าเป็นคนที่ใช้รถเป็นประจำก็ต้องพิจารณากันดีๆ ว่าที่จอดรถที่โครงการมีให้ เพียงพอหรือไม่อย่างไร แล้วมีแผนสำรองกรณีจอดไม่พอไว้อย่างไรบ้าง

สัดส่วนของที่จอดรถนั้น ถ้าเป็นคอนโดที่ใกล้รถไฟฟ้าหรือใกล้ถนนใหญ่เดินทางสะดวกก็อาจจะมีที่จอดรถน้อยลงได้ น่าจะมีห้องที่ไม่ใช้รถจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นคอนโดที่ดูเชิงแล้วยังไงคนอยู่ก็ต้องใช้รถแน่นอน การมีที่จอดรถไม่เพียงพอ จะเป็นปัญหาหนัก ถึงขั้นอาจเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ขูดขีดกันได้ ดังนั้นถ้าครอบครัวเราไม่ใช้รถ ข้อนี้ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างไร แต่ถ้าครอบครัวเราต้องใช้รถสองคันเป็นประจำอันนี้ต้องคิดหนักค่ะ

ประเด็นต่อมาซึ่งมองเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย คือการอยู่คอนโดเป็นการ อยู่อาศัยร่วมกัน นะคะ จะต้องมีผู้คุ้มกฎที่ทำหน้าที่เป็นผู้ออกกฎเกณฑ์และคุมกฎให้ลูกบ้านปฏิบัติตาม ในที่นี้ก็คือนิติบุคคลอาคารชุดค่ะ ข้อดีก็คือถ้าควบคุมดี การอยู่อาศัยก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อย ปัญหาก็น้อย ทุกคนปฏิบัติเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น การมีกำหนดเวลาในการให้ช่างเข้ามา ซ่อมแซม ต่อเติม ติดตั้ง หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ อย่าง การซักผ้า ตากผ้า หรือวางรองเท้าไว้หน้าห้อง การอยู่คอนโดก็จะต้องมีข้อบังคับในการตากผ้า วางรองเท้า เพื่อรักษาทัศนียภาพโดยรวมของอาคาร

ข้อเสียเปรียบของคอนโดอีกอย่างหนึ่งถ้าเทียบกับบ้านเดี่ยวก็คือ สำหรับบ้านเดี่ยว เราสามารถ ออกแบบสภาพแวดล้อม ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบ้าน จัดสวน ขุดบ่อปลา ต่อเติมศาลา ปลูกต้นไม้เพื่อสร้างความร่มรื่นแก่ตัวบ้านก็สามารถทำได้เต็มที่ มีตัวเลือกในการตกแต่งมากกว่า ในขณะที่คอนโด การจะวางต้นไม้ริมเฉลียงหรือติดมู่ลี่บังแดดที่ระเบียงอาคาร ยังต้องขอการอนุมัติจากนิติบุคคล ซึ่งถ้าครอบครัวเรารักการปลูกต้นไม้ ชอบดูแลสวน ต้องการสอนลูกๆ ทำแปลงผักสวนครัวไว้กินเองและอื่นๆ คอนโดชนิดที่มีระเบียงกระจิ๋วก็อาจไม่ใช่คำตอบที่เราต้องการ แต่คอนโดบางแห่งก็มีระเบียงกว้างให้ปลูกได้นะคะ

สิ่งที่เป็นข้อจำกัดอีกอย่างสำหรับคอนโดก็คือการมีสัตว์เลี้ยงค่ะ ไม่ว่าเราจะเป็นคนรักหมา รักแมว หรือตัวอะไรก็ตาม (ที่ไม่ใช่ มด ยุงและแมลงสาบ) ต้องยอมรับว่าการอยู่อาศัยในคอนโดนั้น ไม่เอื้ออำนวยต่อการมีสัตว์เลี้ยง แม้ว่าคอนโดนั้นๆจะอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ก็ตาม เพราะธรรมชาติของสัตว์เขาเกิดมาอยู่กับพื้นดิน ต้นไม้ อากาศภายนอกค่ะ เขาต้องการพื้นที่วิ่งเล่นออกกำลังกาย สัมผัสกับแสงแดด กลิ้งเกลือกไปกับสนามหญ้า พื้นดินให้ฝนเล็บ พื้นที่ขับถ่าย ถ้าเราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการมีสัตว์เลี้ยงในชีวิต ก็อยากจะให้พิจารณาทางเลือกอื่นนอกจากการอยู่คอนโดค่ะ จะได้สุขสบายกันได้ทั้งนายทั้งสัตว์เลี้ยง

ประเด็นที่ดูเหมือนจะเล็กๆ อีกอันหนึ่ง แต่เวลาอยู่จริงก็อาจไม่เล็ก นั่นคือเรื่องของการซักผ้าค่ะ ถ้าเราอยู่ในบ้านที่มีบริเวณ จะซักผ้า ตากผ้า อย่างไรก็ไม่มีใครว่า แถมผ้ายังแห้งและถูกฆ่าเชื้อด้วยแดด แต่สำหรับคอนโด เราต้องวางแผนไปตากแอบๆ ที่ระเบียง ผ้าก็อาจจะแห้งเหมือนกัน แต่ด้วยลมเป่าจากคอมเพรสเซอร์ของแอร์ที่ตั้งอยู่ตรงระเบียง อิอิ

ข้อจำกัดด้านการใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าเราจะเป็นเชฟกระทะเหล็ก นักล้าง ซ่อมบำรุงรถ การอยู่อาศัยในคอนโดก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำกิจกรรมเหล่านี้เท่าบ้านเดี่ยวค่ะ เรื่องครัวอาจจะแก้ปัญหาได้ด้วยการเลือกคอนโดที่เป็นครัวปิด และมีการระบายอากาศที่ดีจากครัว ส่วนใครมีงานอดิเรกเป็นการล้างรถนี่เห็นจะจนใจค่ะ ต้องไปคาร์แคร์สถานเดียว

เอาล่ะค่ะ เท่าที่คุณนายร่ายยาวมาทั้งหมดนี้ คงจะพอทำให้เพื่อนๆผู้อ่านเห็นภาพนะคะ ว่าการอยู่อาศัยในคอนโด มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร ทีนี้ก็เหลือที่ตัวเราผู้อ่านเองแล้วค่ะ ไปกางกระดาษลองขีดเส้นเป็นสองฝั่งนะคะ ฝั่งข้อดีกับข้อเสีย ลิสต์ออกมา แล้วให้คะแนนแต่ละข้อตามน้ำหนักความสำคัญสำหรับเรา ชั่งตวงวัดดูนะคะ

อย่าๆ … อย่าทำเป็นไม่เคยทำค่ะ มันก็เหมือนกับสมัยมหาลัยแล้วเอาชื่อคนที่ชอบแต่ละคนใส่ตารางเข้าสูตรประเมินข้อดีข้อเสียให้คะแนน อย่างนั้นแหละค่ะ แล้วสุดท้ายก็โยนตารางคะแนนทิ้ง เลือกตามใจตัวเองอยู่ดี ไม่ช่ายยยยยยยย ///

ไม่ได้นะคะ เรื่องการเลือกที่อยู่อาศัยจะเลือกตามใจ ตามอารมณ์ชั่ววูบมิได้ ต้องคิดยาวๆ ค่ะ และคำนึงถึงพฤติกรรมของเราและคนในครอบครัวเป็นหลัก ยังไงคุณนายก็ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านเลือกที่อยู่อาศัยได้ถูกใจและอยู่กันอย่างมีความสุขทุกท่านนะคะ 🙂

XOXO

คุณนายสวนหลวง