รีวิวฉบับที่ 1977 … สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะกับโครงการ Modiz Interchange คอนโด Low Rise ใกล้จุดตัดรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีชมพูสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ระยะทางประมาณ 90 เมตร และไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า Central รามอินทราค่ะ ตัวโครงการเน้น Facility ที่ชั้น 8 มองเห็นวิวเมืองรอบๆได้ โดยห้องพักอาศัยจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 22.70 – 42.94 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ภายในโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ

Fact @ 30 OCTOBER 2019

  • Modiz Interchange (โมดิซ อินเตอร์เชนจ์)
  • บริษัท แอสเซทไวส์ จํากัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนรามอินทรา เขตบางเขน
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 217 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 69 คัน คิดเป็น 32 % รวมจอดซ้อนคันเป็น 93 คันคิดเป็น 43 %
  • ที่ดินประมาณ 1-1-55 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : เม.ย. 2560
  • ก่อสร้างแล้วเสร็จ : Q3 2561
  • 1 Bedroom 22.70 – 24.37 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99-2.85 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Extra 28.04 – 28.29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.97-3.33 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 38 – 42.94 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.53-4.77 ล้านบาท
  • Duplex 63.22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.05 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-168-0000

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.874033, 100.597657
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ Modiz Interchange ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ช่วงใกล้กับจุดตัดถนนรามอินทราและถนนพหลโยธิน ตรงวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกกันว่า วงเวียนหลักสี่ นั่นเองค่ะ ทำเลแยกรามอินทราแต่เดิมเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเก่าใกล้เขตทหาร และใกล้สนามบินดอนเมือง เมื่อมีแผนพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าขึ้นมาแถวกรุงเทพตอนเหนืออย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีบางซื่อทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้นในอนาคต

การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากอยู่ติดกับถนนหลักอย่างถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนแจ้งวัฒนะ สามารถใช้มุ่งหน้าไปทางตะวันออกไปยังปากเกร็ด หรือมุ่งหน้าทางตะวันตกไปทางมีนบุรีได้ นอกจากนั้นยังมีถนนหลักตัดผ่านอีก 2 เส้นคือถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิต สามารถใช้ขึ้นเหนือไปทางสายไหม, รังสิต หรือเข้าเมืองไปทางลาดพร้าว, พญาไท ก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ในเรื่องการใช้รถอาจต้องระวังสักเล็กน้อยในเส้นทางขาเข้าโครงการ ซึ่งจะมีระยะกลับรถที่ค่อนข้างกระชั้นชิดค่ะ แต่ถ้าอยากมุ่งหน้าไปทางถนนแจ้งวัฒนะ จากหน้าโครงการจะมีจุดกลับรถห่างไปประมาณ 1.6 กิโลเมตรค่ะ

การเดินทางโดยใช้ทางด่วน จะมีด่านทางขึ้นที่ใกล้ที่สุดคือทางยกระดับอุตรภิมุข(ดอนเมืองโทลล์เวย์) จะต้องไปกลับรถ วนเข้าวงเวียนแยกรามอินทราแล้วเข้าถนนแจ้งวัฒนะ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีค่ะ ส่วนถ้าออกนอกเมืองไปทางรังสิตให้ไปกลับรถหน้า ทีโอทีสำนักงานใหญ่ก่อนถึงศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วกลับเข้ามาวิภาวดีรังสิตอีกครั้งก็เจอทางขึ้นฝั่งออกเมืองค่ะ

ส่วนเรื่องของการเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ ด้านหน้าโครงการมีป้ายรถประจำทางผ่าน และสามารถเรียก Taxi หรือวินมอเตอร์ไซค์ผ่าน Application ได้ค่ะ แต่จุดเด่นของโครงการนี้ก็คืออยู่ใกล้กับจุดตัดรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) (สถานี Interchange) ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ห่างจากสถานีประมาณ 90 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่เดินได้สบายๆเลย ซึ่งปัจจุบันสายสีเขียวกำลังจะเปิดให้บริการแล้ว ส่วนสายสีชมพูกำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้งานทั้งสองเส้นแล้วทำเลนี้ถือว่ามีตัวเลือกการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว

ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ก็มีพอสมควรเลยนะคะ เนื่องจากทำเลที่ตั้งโครงการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากแหล่งงานอย่าง ทีโอทีสำนักงานใหญ่, ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, สนามบินดอนเมือง และสถานที่ราชการหลายแห่งบนถนนพหลโยธิน อีกทั้งยังถือว่าใกล้แหล่งสถานศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอาทิเช่น รร.ไผทอุดมศึกษา รร.เจริญผลวิทยา ม.ราชภัฏพระนคร ม.เกริก ม.ศรีปทุม และม.เกษตรศาสตร์ รวมถึงโรงพยาบาลอย่าง รพ.วิภาวดีรังสิต, รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล เป็นต้นค่ะ

จึงทำให้มีแหล่งจับจ่ายใช้สอยตามมาไม่ว่าจะเป็น Tesco lotus ฝั่งตรงข้าม หรือจะขับรถไปหน่อยจะเจอ BigC ติดกับถนนรัตนโกสินทร์สมโภช, ตลาดยิ่งเจริญ, Market Today ซอยวิภาฯ64 มีของกินและมินิมาร์ท ร้านค้า ร้านอาหารตามสั่ง ร้านรถเข็น ส่วนอีกจุดนั่นคือ Max Value ภายในก็จะมีซุปเปอร์มาร์เก็ต, McDonald’s เปิดตลอด 24 ชม. และห้างที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้คือ Central Plaza รามอินทรา ที่อยู่เลยม.เกริก ถัดจากโครงการไปนิดเดียวเท่านั้นเองค่ะ (500 เมตรจากโครงการ)

ส่วนการเดินทางที่เราจะพาทุกคนไปโครงการ Modiz Interchange ในวันนี้เริ่มจากถนนรามอินทราช่วงตัดกับทางพิเศษฉลองรัช มุ่งหน้าตรงไปยังหลักสี่ ตรงไปเรื่อยๆบนถนนรามอินทราและกลับรถบริเวณใกล้กับวงเวียนหลักสี่เพื่อเข้าโครงการทางฝั่งซ้ายมือ รวมระยะทางประมาณ 5.8 กิโลเมตร เส้นทางแบบละเอียดจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/11
การเดินทางวันนี้เราเริ่มจากถนนรามอินทรามุ่งหน้าไปยังหลักสี่ค่ะ

การเดินทางวันนี้เราเริ่มจากถนนรามอินทรามุ่งหน้าไปยังหลักสี่ค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Modiz Interchange ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์และอาคารที่อยู่อาศัยสูงไม่เกิน 5 ชั้น มีลักษณะเป็นเป็นชุมชน ทำให้ไม่มีทิศไหนมีอาคารสูงมาบังทัศนียภาพและบังทิศทางลมเข้าสู่ตัวอาคาร โดยวิวส่วนใหญ่ที่ได้จะเป็นวิวถนนรามอินทรา เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ทำให้บางห้องฝั่งที่ใกล้ถนนใหญ่อาจจะมีเสียงจากถนนเข้ามารบกวนบริเวณห้องพักอาศัยบ้าง ถ้าเปิดประตูหรือหน้าต่างไว้ค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ อาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น , อาคารสูงประมาณ 2-3 ชั้น มองเห็นวิวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวและวงเวียนหลักสี่
  • ทิศตะวันออก ติดกับ อาคารสูงประมาณ 5 ชั้น มองเห็นวิวชุมชนพักอาศัย
  • ทิศใต้ ติดกับ พื้นที่ว่าง ,อาคารพาณิชย์ สูง 4-5 , ไปรษณีย์รามอินทราสูงประมาณ 2 ชั้น มองเห็นวิวถนนรามอินทราและกองพันทหารราบที่ 2
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนรามอินทรา มองเห็นวิวถนนรามอินทรา, วิวเมือง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สำนักงานเขตบางเขน~ 300 เมตร
  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร~ 400 เมตร
  • มหาวิทยาเกริก~ 400 เมตร
  • Central รามอินทรา~ 500 เมตร
  • Tesco Lotus~ 650 เมตร
  • Max Valu ~ 1.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล ~ 2 กิโลเมตร
  • ตลาดยิ่งเจริญ ~ 3 กิโลเมตร
  • ม.ศรีปทุม~ 3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารวิทยา ~ 3.5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน~ 6 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Modiz Interchange เป็น คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร มีทั้งหมด 217 ยูนิต บนที่ดินขนาดประมาณ 1 ไร่ รูปทรงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวอาคารจึงเป็นแนวขนานกับที่ดินค่ะ ซึ่งตัวอาคารจะเน้นใช้การตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม มีพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 2 และชั้น 8 บรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยค่ะ

มาเริ่มกันที่ชั้น 1 ทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ติดกับถนนรามอินทรา ทางทิศตะวันตก เข้ามาแล้วจะเจอกับตัวอาคาร และป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด ที่จอดรถประมาณ 69 คัน คิดเป็น 32 % แต่จะมีตำแหน่งตรงป้อมยามไม่สามารถจอดได้ ทำให้เหลือที่จอดรถ 68 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน) ซึ่งถ้ารวมจอดซ้อนคันแล้วทางโครงการแจ้งว่าสามารถจอดได้ถึง 93 คันหรือ 43 % ซึ่งสำหรับผู้มาติดต่อสามารถจอดที่ด้านหน้าก่อนผ่านเข้าป้อมรปภ.ได้ค่ะ นอกจากนั้นยังมีที่จอดรถจักรยานยนต์ที่ด้านหลังติดกับบันไดหนีไฟมาให้ค่ะ ทางขึ้นอาคารจะต้องเดินมายังโถงลิฟต์มีจุดเดียวที่ด้านหน้าอาคาร (สีส้ม) ซึ่งภายในโถงลิฟต์ชั้นนี้จะมี Mail Box และรถเข็นให้ยืมใช้ด้วย

ด้านหน้าทางเข้าโครงการเป็นถนนคอนกรีตแสตมป์ 2 เลน มองเห็นป้ายชื่อโครงการทางด้านหน้า และจะเห็นพื้นที่ Lobby Lounge โถงสูง Double Volume ที่ชั้น 2 ด้วยค่ะ

เข้ามาเล็กน้อยจะเจอกับไม้กั้นกระดก แยกเป็นทางเข้า-ออก 2 ช่องทางและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ซึ่งทางเข้าจะเป็นระบบ Easy Pass ลูกบ้านสามารถผ่านเข้าโครงการได้เลยค่อนข้างสะดวกค่ะ

ด้านข้างทางเข้า-ออก ของโครงการจะมีพื้นที่บริการเครื่องซัก/อบผ้าหยอดเหรียญ และตู้กดน้ำดื่มมาให้ สำหรับลูกบ้านที่ไม่อยากมีเครื่องซังผ้าไว้เองก็สามารถยกตะกร้าลงมาที่นี่ได้ค่ะ อยู่ไม่ห่างจากโถงลิฟต์เท่าไหร่ แต่ถ้าฝนตกอาจจะต้องกางร่มออกมานะคะ

มาดูพื้นที่จอดรถกันบ้างค่ะ เนื่องจากเป็นที่จอดรถชั้น 1 ใต้อาคารทำให้มีการจำกัดความสูงอยู่ที่ 2.10 เมตร สำหรับใครที่มีรถที่มีความสูงมากกว่านี้ก็สามารถจอดด้านนอกแทนได้

ภายในเป็นที่จอดรถแบบ Conventional ทั้ง 2 ฝั่งสามารถจอดซ้อนคันได้ โดยจำนวนที่จอดรถรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 93 คันคิดเป็น 43 % ถือว่าพอดีกับโครงการที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก

ด้านหลังลานจอดรถเป็นรั้วรอบๆโครงการ จะมีต้นไม้พุ่มและไม้ยืนต้นปลูกมาให้เป็นระยะๆ เพื่อพื้นที่สีเขียวและทำให้บรรยากาศไม่แห้งแล้งค่ะ

ด้านหลังจะมีที่จอดรถจักรยาน / รถมอเตอร์ไซค์ มาให้ด้วย ซึ่งสามารถจอดได้ 15 – 20 คันเลยค่ะ

ถัดมาด้านหลังโครงการก็เป็นที่จอดรถอีกเช่นกัน โดยรอบๆรั้วจะมีต้นไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ปลูกมาให้เพิ่มความสดชื่นและทัศนียภาพสีเขียวให้กับโครงการ

เรามาดูทางขึ้นอาคารกันค่ะ ซึ่งทางเข้าอาคารจะต้องใช้ Key Card แตะเพื่อเปิดประตู ช่วยคัดกรองความปลอดภัยให้กับลูกบ้านในส่วนแรก

เข้ามาแล้วจะเจอกับโถงลิฟต์ ทางโครงการมีลิฟต์โดยสารมาให้ทั้งหมด 2 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการประมาณ 108 : 1 ถือว่าพอดีๆไม่หนาแน่นจนเกินไป ที่ชั้นนี้ยังมีรถเข็นสำหรับขนของให้ยืมใช้ด้วยค่ะ

นอกจากนั้นบริเวณโถงลิฟต์ชั้น 1 จะมี Mail Box ของลูกบ้านทั้ง 217 ยูนิตมาให้ ใช้งานสะดวกเดินเข้าโถงลิฟต์มาก็หยิบจดหมายของตัวเองก่อนขึ้นห้องได้เลยค่ะ

ชั้น 2 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นแรก เมื่อขึ้นลิฟต์มาแล้วจะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางก่อน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายด้านหน้าโครงการจะเป็นพื้นที่ Lobby โถงสูง 2 ชั้น สำหรับนั่งทำงาน, พักคอย และอีกฝั่งทางขวามือเป็นพื้นที่ Library และห้องนิติบุคคล ซึ่งจะมีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนกลางกับห้องพักอาศัยให้ค่ะ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับลูกบ้านชั้นนี้ด้วย ผังของโครงการจัดวางลิฟต์มาให้ที่มุมด้านหน้าอาคารทำให้มีข้อดีคือจัดแบ่งพื้นที่การใช้งานระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักอาศัยได้ง่าย แต่ก็มีข้อเสียคือห้องที่อยู่ด้านหลังโครงการจะเดินค่อนข้างไกลค่ะ

ห้องพักอาศัยภายในชั้น 2 มีทั้งหมด 30 ยูนิต เป็นโถงทางเดินแบบ Double Corridor ยาวตามแนวอาคาร แต่ละฝั่งมีประตูที่ตรงกัน อาจจะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างค่ะ การจัดวางผังห้องพักอาศัยจะมีห้อง 1 Bedroom อยู่ทางทิศเหนือ มองเห็นวิวอาคารพาณิชย์ และชุมชนที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีห้องที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดคือ 2 ห้องริมทางทิศตะวันออกจะมีผนังติดกับห้องอื่นๆแค่ฝั่งเดียวค่ะ แต่ก็ต้องแลกกับการที่เดินค่อนข้างไกลจากลิฟต์พอสมควรเลย ส่วนทางทิศใต้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นคือห้อง 1 Bedroom Extra และห้อง 1 Bedroom Plus มองเห็นวิวถนนรามอินทรา และอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น สำหรับห้องที่มีวิวดีฝั่งนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ด้านหน้าอาคาร ซึ่งจะมองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ

ขึ้นมายังชั้น 2 จะมีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและโถงทางเดินของห้องพักอาศัยช่วยคัดกรองความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน โดยจะต้องแตะ Key Card ก่อนเข้าไปค่ะ

เข้ามาแล้วที่บริเวณโถงทางเดินจะมีช่องแสงมาให้ทำให้ทางเดินดูสว่าง สามารถเปิดช่องระบายอากาศช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศภายในโถงทางเดินได้

โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor ยาวตามแนวอาคาร แต่ละฝั่งมีประตูห้องตรงกัน อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเวลาเปิดประตูมาเจอกันพอดีค่ะ แต่บริเวณโถงทางเดินค่อนข้างสว่าง ทำให้รู้สึกปลอดภัยและดูสวยงาม

มาดูพื้นที่ส่วนกลางทางฝั่งซ้ายของลิฟต์กันสักเล็กน้อย ออกมาแล้วจะเจอกับพื้นที่ Library เล็กๆให้ลูกบ้านมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือตรงนี้ได้ และเผื่อใครมานั่งรอติดต่อนิติบุคคลทางฝั่งขวามือ ก็อาจจะได้ใช้งานพื้นที่ตรงนี้ด้วยค่ะ ส่วนประตูที่เห็นด้านหลังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำ

ที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางให้ใช้แบ่งเป็นห้องผู้หญิงและผู้ชายอย่างละ 1 ห้อง

ภายในห้องน้ำเป็นห้องแบบ Powder Room มีอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์มาให้อย่างละ 1 ชุด

ถักมาทางฝั่งขวามือของลิฟต์จะเป็นพื้นที่ Lobby Lounge ซึ่งจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ทางด้านหน้าอาคารทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ และเป็นโถงสูง 2 ชั้นดูโปร่งสบาย

บริเวณ Lobby Lounge มีพื้นที่ให้นั่งเล่น หรือสามารถใช้งานเป็น Co-Working Space ได้ทั้งแบบเป็นกลุ่มนั่งกันที่โต๊ะยาวตรงกลางเลย หรือจะนั่งแยกเดี่ยวแบบเป็นส่วนตัวมองเห็นวิวทางด้านนอกก็ได้ค่ะ

พื้นที่นั่งทำงานแบบกลุ่มนั่งได้ 6 คน ซึ่งแถวนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากม.เกริก พาเพื่อนๆมานั่งติวหนังสือกันได้ที่คอนโดเลยค่ะ

หรือใครชอบนั่งคนเดียวเงียบๆ มองวิวภายนอกก็มีที่นั่งริมอาคารเป็นเหมือนเคาน์เตอร์บาร์มาให้ด้วยนะ

จากพื้นที่ Lobby Lounge โถงสูง 2 ชั้น ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่โถงลิฟต์ชั้น 3 ได้

จาก Lobby Lounge ชั้น 2 จะมีบันไดวนให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ได้เลยไม่ต้องรอลิฟต์ค่ะ ซึ่งทำให้คนที่อยู่ชั้น 3 ก็ลงมาใช้งาน Lobby ได้สะดวกเช่นกัน

ชั้น 3 เป็นชั้นพักอาศัยที่มีพื้นที่นั่งเล่นด้านหน้าโถงลิฟต์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Lobby Lounge ชั้น 2 ได้ มีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์และทางเดินห้องพักอาศัยมาให้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเช่นกันค่ะ ห้องพักอาศัยชั้นนี้จะมีทั้งหมด 32 ยูนิต การวางผังห้องจะเหมือนกับที่ชั้น 2 เลย แต่จะเพิ่มห้อง 1 Bedroom ทางทิศเหนือขึ้นมา 2 ยูนิตค่ะ ซึ่งห้องที่เพิ่มมาจะอยู่ตำแหน่งใกล้ลิฟต์เดินเข้าถึงสะดวก ทางเดินด้านหน้าเป็น Single Corridor เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเดินไกลๆ แต่ก็แลกกับมีคนเดินผ่านหน้าห้องเราบ่อยๆและอาจจะมีเสียงรบกวนบ้างค่ะ

เดินบันไดวนขึ้นมาชั้น 3 จะเจอกับโถงลิฟต์ซึ่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ติดกับโถง Lobby ก็จะมีชุดโซฟา และโต๊ะบาร์มาให้อย่างละ 1 ชุด สำหรับคนที่อยากนั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือแต่ไม่ชอบคนเยอะๆ ก็เลือกมานั่งบริเวณนี้ได้ค่ะ

คนที่อยู่ชั้น 3 สามารถมองลงไปเห็นยัง Lobby Lounge ได้

อีกฝั่งเป็นเก้าอี้ยาวนั่งสบายๆสำหรับนั่งพักคอยค่ะ

ชั้น 4-6 เป็นชั้นพักอาศัยที่มีการวางผังเหมือนกัน โดยจะมีทั้งหมด 33 ยูนิตต่อชั้น โถงทางเดินแบบ Double Corridor ยาวตามแนวอาคาร การจัดวางผังห้องพักอาศัยจะมีห้อง 1 Bedroom อยู่ทางทิศเหนือ มองเห็นวิวอาคารพาณิชย์ และชุมชนที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีห้องที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดคือ 2 ห้องริมทางทิศตะวันออก ส่วนทางทิศใต้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นคือห้อง 1 Bedroom Extra และห้อง 1 Bedroom Plus มองเห็นวิวถนนรามอินทรา และอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น ซึ่งในชั้น 6 อาจจะมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวจากกองพันทหารราบที่ 2 ได้ค่ะ และชั้นนี้มีห้องที่เพิ่มขึ้นมาคือห้อง 1 Bedroom Plus ที่ด้านหน้าอาคารฝั่งทิศตะวันตก มองเห็นวิวถนนรามอินทราและสถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุซึ่งเป็นสถานี interchange ที่ใกล้กับโครงการได้ ห้องนี้จะมีความเป็นส่วนตัวไม่ติดกับห้องอื่นๆเลย และเนื่องจากอยู่ใกล้ลิฟต์อาจจะทำให้มีเสียงรบกวนบ้างค่ะ

ชั้น 7 จะมีการวางผังเหมือนกับชั้น 4-6 เลย แต่จะแตกต่างกันตรงที่ห้อง 1 Bedroom Plus ด้านหน้าอาคารทางทิศตะวันตกจะเป็นห้อง Duplex ซึ่งมีอยู่ 1 ยูนิตในโครงการเท่านั้นค่ะ ภายในห้องจะมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากไม่ติดกับห้องอื่นๆ (อาจจะมีเสียงรบกวนจากด้านหน้าลิฟต์บ้าง) และเห็นวิวฝั่งถนนรามอินทราและสถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุได้ค่ะ

ชั้น 8 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นบนสุด โดยแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลาง คือ Fitness มองเห็นวิวทางทิศใต้ และสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 15 x 4 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตรแบ่งสระเด็กลึก 0.45 เมตรมาให้ กั้นพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักอาศัยมาให้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเช่นกันค่ะ

ห้องพักอาศัยชั้นนี้จะมีทั้งหมด 23 ยูนิต (ไม่รวมห้อง Duplex ที่สามารถออกมายังชั้นนี้ได้) โถงทางเดินเป็น Double Corridor มีห้อง 1 Bedroom อยู่ทางทิศเหนือ มองเห็นวิวชุมชนพักอาศัยและเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ ส่วนทางทิศใต้จะเป็นห้องขนาดใหญ่คือห้อง 1 Bedroom Extra มองเห็นวิวถนนรามอินทรา และพื้นที่สีเขียวของกองพันทหารราบที่ 2 ได้ค่ะ

โถงลิฟต์ชั้น 8 จะมีประตูของห้อง Duplex ด้านหน้าอาคารสามารถออกมายังชั้นนี้ได้ค่ะ

อีกฝั่งเป็นโถงทางเดินไปยังพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 8

โถงทางเดินชั้น 8 จะเดินผ่านสระว่ายน้ำทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งชั้นนี้จะมีแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะและมองเห็นวิวจากทั้ง 2 ฝั่งได้ค่ะ

เดินมาหน่อยจะเจอกับทางออกไปยังระเบียงสำหรับนั่งเล่น

เป็นพื้นที่ระเบียง Outdoor ติดกับห้อง Fitness มองเห็นวิวทางทิศใต้ได้ค่ะ

ถัดมาเป็นห้อง Fitness ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00น. – 22.00น. ค่ะ

ภายในห้อง Fitness มีเครื่องเล่นประมาณ 9 เครื่อง ให้ได้เลือกเล่นซึ่งถือว่าค่อนข้างพอดีๆเทียบกับยูนิตที่ไม่หนาแน่นมากค่ะ ในห้อง Fitness รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่จากผนังกระจกทั้ง 2 ฝั่ง สามารถมองเห็นวิวทางทิศใต้ได้แต่เสียดายนิดหน่อยน่าจะเห็นวิวได้เต็มๆบานเลยค่ะ

รูปแบบเครื่องออกกำลังกายภายในห้อง Fitness มีประมาณ 4 แบบ ให้เลือกเล่นค่ะ

ถักมาจะเจอกับทางเข้าโถงทางเดินห้องพักอาศัยซึ่งต้องใช้ Key Card แตะเข้าไปด้านในค่ะ

ฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำ ด้านหน้ามีตู้ Locker ให้ใช้งานสำหรับคนที่จะมาว่ายน้ำหรือ Fitness ก็เอาของมาเก็บไว้ในนี้ได้เลย

ห้องน้ำส่วนกลางทางโครงการจะแยกชาย-หญิงมาให้ อย่างละ 1 ห้อง ภายในมีพื้นที่อาบน้ำมาให้ด้วยสำหรับใครพาเพื่อนมาว่ายน้ำก็สามารถแยกกันอาบน้ำโดยไม่ต้องรอกันได้ค่ะ

ส่วนสระว่ายน้ำเราจะต้องเดินออกจากอาคารและเดินขึ้นไปอีกหน่อยค่ะ

ทางขึ้นสระว่ายน้ำจะอยู่สูงกว่าชั้น 8 ประมาณ 1.50 เมตร เพื่อเว้นที่สำหรับงานระบบต่างๆด้านล่างสระนั่นเองค่ะ

ขึ้นมาแล้วจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและสระว่ายน้ำ มีราวกันตกกระจกใสสามารถมองเห็นวิวทางทิศเหนือซึ่งเป็นวิวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีวัดพระศรีมหาธาตุได้

พื้นที่นั่งเล่นริมสระเป็นโซฟา Outdoor ตัว L ขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถนั่งได้ 4-6 คนเลยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระว่ายน้ำค่ะ

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นสระระบบเกลือ ขนาด  15.00 x 4.00 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตรแบ่งสระเด็กลึก 0.45 เมตร มีเสื้อชูชีพและห่วงยางสำรองไว้ให้กรณีฉุกเฉินค่ะ

จากสระว่ายน้ำสามารถมองเห็นวิวทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นวิวชุมชนพักอาศัยและสถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุได้ เนื่องจากราวกันตกเป็นราวกระจกใสไร้ขอบทำให้มองเห็นวิวได้กว้างค่ะ

ถัดมาเป็นทางขึ้นไปยังสวนชั้น Rooftop ค่ะ

ชั้น Rooftop จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด มีสวน , Rooftop Co-working space , Moonlight garden และ Sky pavilion อยู่บริเวณด้านหน้าอาคารทางทิศตะวันตกค่ะ

ขึ้นมาแล้วจะมีที่นั่งเล่น Outdoor ชวนเพื่อนๆมาเปลี่ยนบรรยากาศทานข้าวหรือนั่งคุยเล่นกันในช่วงเย็นอากาศไม่ร้อน หรือช่วงเช้าๆก็อากาศดีเช่นกันค่ะ

ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่นั่งเล่นปูหญ้าเทียมมาให้ทำให้ดูแลรักษาง่าย

มี Sky Pavilion ให้ได้นั่งเล่นชมวิวรอบด้านได้เลยค่ะ

ใน Sky Pavilion ก็มีที่นั่งเป็นชิงช้าให้มานั่งพักผ่อนด้านบนได้ไม่ต้องห่วงเรื่องแดดร้อน หรือฝนตกเพราะมีหลังคาคลุมให้ค่ะ

วิวทางทิศเหนือจากชั้น Rooftop มองเห็นชุมชนพักอาศัยและเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ

วิวทางทิศใต้มองเห็นถนนรามอินทราและพื้นที่สีเขียวของกรมทหารราบที่ 2 ได้ซึ่งเป็นทิศที่ได้วิวดีเลยค่ะ

วิวทางทิศตะวันตกมองเห็นถนนรามอินทรา และชุมชนพักอาศัย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Duplex Lobby Lounge & Library
  • Scenic Swimming Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 15 x 4 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตรแบ่งสระเด็กลึก 0.45 เมตร
  • Poolside terrace
  • Rooftop Co-working space
  • Moonlight garden
  • Sky pavilion
  • ห้องออกกำลังกาย Panoramic Fitness ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 108 :  1
  • Service Lift – ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 69 คัน คิดเป็น 32 % รวมจอดซ้อนคันเป็น 93 คันคิดเป็น 43 %
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card 24 hour security


Product Walkthrough

ห้องพักอาศัยภายในโครงการมีทั้งหมด 4 แบบ เน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ทั้งโครงการ และมีห้องขนาดใหญ่อย่าง Duplex 1 ยูนิต ซึ่งยังมีขายอยู่นะคะ โดยจะแบ่งห้องพักอาศัยเป็นขนาดที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 22.70 – 24.37 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99-2.85 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Extra ขนาดตั้งแต่ 28.04 – 28.29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.97-3.33 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 38 – 42.94 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.53-4.77 ล้านบาท
  • Duplex ขนาดตั้งแต่ 63.22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.05 ล้านบาท

ซึ่งภายทางโครงการจะขายมาแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาให้ครบครัน คือ เฟอร์นิเจอร์ Built-in ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวาง TV, ชุดครัว, เครื่องปรับอากาศ, ฐานเตียง, โซฟา, ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร(เฉพาะห้อง 1 Bedroom Extra เป็นต้นไป) ซึ่งถือว่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมก็ยกกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยค่ะ ซึ่งห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมวันนี้จะมี 2 ห้องบรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

เริ่มกันที่ห้องแรก เป็นห้อง 1 Bedroom Extra ขนาด 28.00 ตารางเมตร เป็นห้อง 1 ห้องนอนที่หันหน้าไปทางทิศใต้ของโครงการเท่านั้น ซึ่งจะมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวบริเวณกรมทหารราบที่ 2 ค่ะ พื้นที่ภายในห้องเน้นความโปร่งโล่ง โดยเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วนเคาน์เตอร์ครัวและห้องน้ำก่อน ซึ่งครัวจะได้เป็นครัวเปิด ใช้งานได้สะดวก แต่อาจจะต้องระวังเรื่องกลิ่นเวลาที่เราทำอาหารจริงจังค่ะ จึงเป็นครัวที่เหมาะกับซื้ออาหารด้านนอกมาอุ่นทานมากกว่า ส่วนห้องน้ำภายในจะแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ พร้อมกับฉากกั้นกระจกพื้นที่อาบน้ำ และมีพัดลมระบายอากาศติดมาให้ค่ะ แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้มีพื้นที่เก็บรองเท้ามาให้ อาจจะต้องทำชั้นวางเพิ่มเติมเองด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวค่ะ

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ Common Area มีพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งถัดจากส่วนครัว สามารถยกมาเสิร์ฟได้ง่าย อีกฝั่งเป็นพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งทางโครการมีเฟอร์นิเจอร์มาให้ครับพอดีกับพื้นที่เลยค่ะ ซึ่งพื้นที่ Common Area จะเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนสูงเต็มผนังทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาในห้องได้ค่อนข้างทั่วถึง ภายในห้องนอนมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ชั้นวาง TV อีกจุดและมีตู้เสื้อผ้ามาให้ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง ข้อดีของห้องนี้คือมี Bay Window พร้อมกระจกเข้ามุม ทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น และมองเห็นวิวได้กว้าง มีพื้นที่เหลือสามารถวางเก้าอี้ Bean Bag หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ ส่วนระเบียงจะเข้า-ออกผ่านทางห้องนอนมีพื้นที่สามารถออกไปยืนใช้งานได้จริง สามารถใช้เป็นพื้นที่ตั้งเครื่องซักผ้า ลานซักล้าง และตากผ้าเล็กๆได้และด้านบนใช้เป็นที่แขวน Condensing Units (CDU) ทำให้เวลาเรามองวิวจากห้องนอนแล้วไม่โดน CDU มาบังสายตาค่ะ

เริ่มจากมาดูประตูทางเข้ากันก่อนค่ะ ประตูห้องจะเป็นไม้ลามิเนตมีมือจับแบบก้านโยกและติดตั้ง Digital door lock ของ Samsung มาให้ สามารถตั้งรหัสผ่าน และใช้ Key Card ได้ ส่วนบริเวณพื้นทางเข้าห้องจะมีธรณีประตูยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยให้เศษผงฝุ่นจากภายนอกไม่ไหลเข้าไปภายในห้องของเราค่ะ

เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วนครัวทางฝั่งขวามือ และห้องน้ำทางฝั่งซ้าย จากด้านหน้าห้องสามารถมองเข้าไปยังพื้นที่ Common Area และห้องนอนได้ ทำให้ห้องดูโปร่งกว้าง ให้ความรู้สึกว่าสบายไม่อึดอัด ภายในห้องมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.40 เมตร พื้นปูด้วยสมาร์ทไวนิลลายไม้ ซึ่งจะมีความคงทนกว่าพื้นไวนิลทั่วไปดูแลรักษาง่ายและกันน้ำค่ะ

เรามาเริ่มกันที่ส่วนครัวกันก่อนนะคะ ซึ่งภายในห้องนี้จะได้เป็นครัวเปิด(ไม่ได้กั้นห้องชัดเจน) อาจจะทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายเวลาที่เราทำอาหารกินเองภายในห้อง จึงเหมาะกับคนที่ไม่เน้นการทำอาหารที่จริงจังมากนักค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวจะได้เป็นเคาน์เตอร์ Built-in รูปตัว I แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ มีพื้นที่ด้านข้างซ้ายมือ สำหรับวางตู้เย็นขนาดกลางพื้นที่ประมาณ 70 x 63 เซนติเมตร มีชั้นเก็บของ Built-in ทั้งด้านบนและด้านล่างมาให้

บริเวณเคาน์เตอร์ จะได้ Top เป็นลามิเนตสีขาว ติดตั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันมาให้ จาก MEX ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับจัดเตรียมอาหารเล็กน้อย และติดตั้ง Backsplash กระเบื้องมาให้ทำให้ทำความสะอาดง่ายและผนังไม่เป็นคราบเลอะค่ะ

ชั้นเก็บของด้านบน (ภาพซ้าย) ทำเป็นช่องๆสามารถเก็บได้ 3 ช่อง มีบานเปิดมาให้ 2 จุด ตรงกลางเป็นช่องที่ไม่มีบานปิดเหมาะสำหรับวางของที่มีการหยิบใช้งานบ่อยๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ภายในช่องเก็บของทางซ้ายมือเหนือตู้เย็นจะเป็นตำแหน่งของตู้ Breaker ควบคุมระบบไฟฟ้าภายในห้องนั่นเองค่ะ

ช่องเก็บของด้านล่าง (ภาพขวา) มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องไมโครเวฟมาให้ ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารด้านบนเคาน์เตอร์ไปได้ส่วนหนึ่ง มีลิ้นชักสำหรับเก็บช้อน ส้อม จาน ฯลฯ มาให้เลือกใช้ส่วนใต้อ่างล้างจานจะเป็นช่องเก็บของที่เหมาะกับของขนาดใหญ่อย่างอุปกรณ์ทำความสะอาด หรือวางถังขยะไว้ภายในทำให้ไม่เกะกะภายในห้องได้

ถัดมาจะส่วนครัวจะมีพื้นที่กว้างประมาณ 1.60 เมตร สามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้ ซึ่งทางโครงการมีเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้มาให้ด้วยค่ะ หน้าตาแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลย

ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีการใช้กระเบื้องลายหินเข้ามาเพิ่มความสวยงามให้กับผนังฝั่งอ่างล้างมือให้ดูไม่เรียบจนเกินไปค่ะ

อ่างล้างหน้ามีกระจกเงามาให้เป็นบานสูงเลยค่ะ ตัวอ่างเป็นอ่างเซรามิคสีขาวมีชั้นวางของด้านล่างและมีราวแขวนผ้าเล็กๆมาให้จาก Mogen

โถสุขภัณฑ์เป็นโถสีขาว จาก Kohler พร้อมอุปกรณ์ประกอบเช่น สายชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู จาก Kohler เช่นกันค่ะ ระยะโถสุขภัณฑ์ถือว่าทั่วไปนั่งได้สบายไม่อึดอัด แต่อาจจะต้องเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อหยิบสายชำระหรือกระกาษทิชชูสักเล็กน้อย

พื้นที่สำหรับอาบน้ำมีฉากกั้นกระจกมาให้แบบให้ห้องตัวอย่างเลยค่ะเป็นฉากบานเปิดตรงมุม กรอบ UPVC สีขาวจาก Showerking ช่วยกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเลอะด้านนอกค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 85 x 85 เซนติเมตร สามารถยืนอาบได้แบบพอดีๆ ติดตั้งฝักบัวสายอ่อนและชั้นวางสบู่เล็กๆมาให้ จาก Englefield ตรงนี้จะมีเดินงานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย

เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับส่วน Common Area เชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากห้องนอนค่อนข้างเยอะทำให้ห้องไม่มืดค่ะ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะอยู่ระหว่างห้องน้ำและห้องนอนกว้างประมาณ 2.30 เมตร สามารถวางโต๊ะกลางได้ แต่อาจจะต้องเลื่อนไปไว้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเพื่อความสะดวกในการเดินเข้า-ออก ใครอยากทำให้ห้องดูกว้างขึ้น สามารถติดกระจกที่ผนังแบบในห้องตัวอย่างเพิ่มเติมได้นะคะ พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2.00 เมตร เหมาะกับวาง TV ขนาดประมาณ 26-30 นิ้ว ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ภายในพื้นที่นั่งเล่นจะได้โซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวาง TV Built-in มาให้พอดีกับพื้นที่ค่ะ

ภายในห้องมีระบบ Bluetooth Sound System มาให้สามารถรองรับได้ทั้งระบบ Android และ iOs พร้อมติดตั้งลำโพงห้องรับแขกและห้องนอนมาให้ จาก RAZr และปลั๊กไฟจาก Siemens

โซฟาที่ได้จะหน้าตาเหมือนในห้องตัวอย่างเลย เป็นโซฟาสีเทาพร้อมผนักพิงรอบด้าน

ชั้นวาง TV จะได้ทั้งชั้นเก็บของด้านบนและด้านล่างเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ชั้นเก็บของด้านบน (ภาพซ้าย) แบ่งเป็น 3 ช่องซึ่งมีบานเปิดเป็นแบบยกขึ้นด้านบนทั้งหมดทำให้เวลาเปิดจะไม่ขวางทางเดิน ลดการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินชนได้ ซึ่งไม่ค่อยเห็นโครงการไหนให้แบบนี้เลยนะคะ

ส่วนชั้นวาง TV ด้านล่าง (ภาพขวา) จะมีช่องเก็บของบานเปิดมาให้ด้านในแยกเป็น 2 ชั้น มีลิ้นชักสำหรับใส่ของต่างๆ พร้อมช่องเก็บของไม่มีบานปิด สำหรับวางของที่ใช้บ่อยๆอย่างรีโมทหรือเครื่องเล่นเกมมาให้ค่ะ

ประตูห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนกระจกใส 3 ตอนกรอบบานอลูมิเนียม สูงเต็มผนังทำให้ห้องดูโปร่ง ซึ่งถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถติดตั้งม่านบังสายตามเพิ่มเติมได้นะคะ

ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่บริเวณระเบียงและ Bay Window ทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง และรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.50 x 2.50 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้

บริเวณหัวเตียงมีพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆได้ทั้ง 2 ฝั่ง หรือใครจะวางโต๊ะเครื่องแป้ง, โต๊ะทำงานแบบในห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ

ฝั่งปลายเตียง มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้เป็นชั้นวาง TV และตู้เสื้อผ้ามาให้ หน้าบานจะเป็นลามิเนตลายไม้เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์จุดอื่นๆ สามารถติดตั้ง TV ได้ 2 จุดเลย (ภายในห้องนั่งเล่น และห้องนอน) พร้อมกับมีชั้นวางของด้านบนมาให้ด้วยค่ะ

ชั้นวาง TV ด้านล่างเป็นที่เก็บของ ซึ่งถือว่าภายในห้องนี้มีช่องเก็บของให้ค่อนข้างเยอะค่ะ ส่วนภายในตู้เสื้อผ้าจะมีราวแขวนเสื้อ ช่องเก็บของชิ้นใหญ่ด้านบน และแบ่งการใช้งานด้วยลิ้นชักอีก 2 ชั้นด้านล่าง

ช่องแสงที่ได้ภายในห้องนอนค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ทั้งจากประตูระเบียงที่เป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน และ Bay Window ด้านข้าง

บริเวณ Bay Window ได้กระจกเข้ามุมทำให้แสงเข้ามาภายในห้องได้มากขึ้น เหมาะกับทำเป็นพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือ หรือเหมาะกับวางโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ

พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 2.15 x 0.85 เมตร สามารถออกไปใช้งานได้จริง พื้นปูกระเบื้องเซรามิคมาให้ ทำให้ทำความสะอาดง่าย

เมื่อออมายังพื้นที่ระเบียงฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่แขวน Condensing Unit มาให้ ซึ่งจะไม่บังสายตาเวลาเรามองออกมาด้านนอกค่ะ ด้านล่างมีระบบสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้ามาให้ด้วย ถ้าใครมาอยากติดตั้งเองก็สามารถนำผ้าลงไปซักเครื่องหยอดเหรียญด้านล่างได้เช่นกันค่ะ ส่วนฝั่งขวาสามารถมองเข้าไปในห้องตรง Bay Window ได้

โดยรวมห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1-2 คนชอบพื้นที่ห้องที่ดูโปร่ง มีพื้นที่นั่งกินข้าวแต่ไม่เน้นทำอาหารที่จริงจังภายในห้อง ชอบพื้นที่ห้องนอนได้วิวด้านนอกและมีระเบียงให้ออกไปใช้งานได้จริง

ถัดมาเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 24.00 ตารางเมตร ที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ รูปแบบพื้นที่ภายในห้องเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีการใช้งานคล้ายกับห้อง Studio เหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องขนาดเล็ก พอดีกับการอยู่คนเดียว เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัวและห้องน้ำก่อนค่ะ ซึ่งครัวจะได้เป็นพื้นที่ครัวเปิดเช่นกัน ห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน พร้อมกับติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย แต่เสียดายเล็กน้อยตรงที่ไม่มีชั้นวางรองเท้ามาให้นะคะ ลูกบ้านอาจจะต้องทำชั้นวางเองที่ช่องเก็บของใต้อ่างล้างจานค่ะ ถัดมาจากส่วนครัวจะเจอกับห้องนั่งเล่นซึ่งจะได้ระยะดู TV ที่ค่อนข้างกว้าง พื้นที่สามารถเชื่อมต่อกับห้องนอนได้ แต่ไม่ได้มีที่นั่งรับประทานอาหารแยกมาให้อาจจะต้องนั่งทานที่ห้องนั่งเล่นบริเวณโซฟาแทนค่ะ ภายในห้องนอน เหมาะกับการวางเตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานได้และภายในห้องนอนเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงสามารถออกไปใช้งานได้จริงเช่นกันกับห้อง 1 Bedroom Extra เลยค่ะ บรรยากาศภายในห้องนี้จะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย

เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วนครัวและห้องน้ำก่อน ถัดไปเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนเชื่อมต่อกับทำให้ห้องดูโปร่ง สามารถรับแสงธรรมชาติเข้ามาจากระเบียง และช่องแสงจาก Bay Window ได้ค่ะ พื้นห้องนี้จะปูด้วยสมาร์ทไวนิล และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.40 เมตรค่ะ

เมื่อมองกลับไปยังประตูห้องพักอาศัยจะให้ความรู้สึกเหมือนกับห้อง 1 Bedroom Extra ที่เราพาไปดูห้องแรกนะคะ มีเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งซ้ายมือ และฝั่งขวามือเป็นห้องน้ำ เราไปดูห้องน้ำกันก่อนค่ะ

ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีการใช้กระเบื้องลายหินเข้ามาเพิ่มความสวยงามให้กับผนังฝั่งอ่างล้างมือไม่ให้ดูเรียบเช่นกันค่ะ ซึ่งจะมีอ่างล้างหน้าพร้อมช่องวางของด้านล่างและราวแขวนผ้าจาก Mogen พร้อมกับสุขภัณฑ์สีขาวและอุปกรณ์ประกอบ จาก Kohler มาให้

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 85 x 85 เซนติเมตร ยืนอาบได้พอดีๆ มีฉากกั้นกระจกบานเปิดมุมมาให้ พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อน จาก Englefield และเดินระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ค่ะ

ส่วนเคาน์เตอร์ครัวภายในห้องนี้จะได้เป็นชุด Built-in เชื่อมต่อกับครัวไปยังห้องนั่งเล่นเป็นแนวยาวเลย  มีพื้นที่ด้านข้างทางขวามือสำหรับวางตู้เย็นขนาดกลางเว้นไว้ให้ ส่วนตัวเคาน์เตอร์จะได้แบบเดียวกันกับห้องแรกเลยค่ะ

บริเวณเคาน์เตอร์ จะได้ Top เป็นลามิเนตสีขาว ติดตั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียนอากาศมาให้ จาก MEX ด้านหลังมี Backsplash กระเบื้องมาให้ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นค่ะ

ด้านล่างเคาน์เตอร์ (ภาพซ้าย) จะมีลิ้นชักมาให้ 2 จุดสำหรับเก็บช้อน ส้อมอุปกรณ์ต่างๆให้หยิบใช้งานได้สะดวก มีพื้นที่วางเครื่องไมโครเวฟมาให้ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้งานด้านบนเคาน์เตอร์มากขึ้นค่ะ ส่วนช่องเก็บของใต้อ่างล้างจานสามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด หรือถังขยะ หรือใครจะเอาชั้นวางรองเท้ามาเก็บเพิ่มเติมก็ได้นะคะ

ชั้นเก็บของด้านบน (ภาพขวา) เป็นช่องเก็บของ 3 ช่อง ฝั่งขวามือเป็นตำแหน่งของตู้ Breaker ควบคุมระบบไฟฟ้าภายในห้องค่ะ

ถัดมาเราจะเจอกับห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับห้องนอน ดูไม่แคบสำหรับห้อง 24 ตารางเมตรค่ะ ซึ่งภายในห้องนั่งเล่นจะมีขนาดประมาณ 3.65 x 1.65 เมตร มีเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอดีกับพื้นที่มาให้เรียบร้อยแล้ว

ฝั่งโซฟามีพื้นที่วางประมาณ 1.60 เมตร ซึ่งวางโซฟา 2 ที่นั่งที่ทางโครงการให้มาได้พอดี พร้อมกับสามารถวางโต๊ะกลางได้ไม่ขวางพื้นที่ค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 3.30 เมตร เหมาะกับวาง TV ขนาดประมาณ 40-46 นิ้วได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังจอใหญ่ๆ มองเห็นชัดเจนค่ะ

ซึ่งทางโครงการจะมีชั้นเก็บของ Built-in มาให้เหมือนกับกับห้องแรก คือมีชั้นเก็บของด้านบน มีบานเปิดเป็นแบบยกขึ้นด้านบนทั้งหมดทำให้เวลาเปิดจะไม่ขวางทางเดิน สามารถเลือกเก็บของได้หลากหลาย

ส่วนชั้นวาง TV จะมีช่องเก็บของบานเปิดมาให้ด้านในแยกเป็น 2 ชั้น มีลิ้นชักสำหรับใส่ของต่างๆ พร้อมช่องเก็บของไม่มีบานปิด สำหรับวางของที่ใช้บ่อยๆมาให้ เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ค่ะ

ประตูห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนกระจกใส 3 ตอนกรอบบานอลูมิเนียม สูงเต็มผนังทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น และทำให้แสงจากภายนอกเข้ามาถึงยังพื้นที่นั่งเล่นค่ะ

ภายในห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.65 x 2.25 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และมีพื้นที่ติดตั้ง TV ได้โดยยังมีพื้นที่เหลือเดินปลายเตียงได้สบายๆค่ะ

บริเวณหัวเตียงมีพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆได้ฝั่งขวามือ หรือใครจะวางเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ

บริเวณ Bay Window ได้กระจกเข้ามุมทำให้แสงเข้ามาภายในห้องได้มากขึ้น เหมาะกับทำเป็นพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง ฯลฯ ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของห้องได้เลย

ปลายเตียงมี Built-in ตู้เสื้อผ้าและช่องเก็บของมาให้ หน้าบานลายไม้เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ส่วนอื่นๆภายในห้อง ซึ่งจากห้องนอนสามารถนอนดู TV จากในห้องนั่งเล่นได้เลยค่ะ

ภายในตู้เสื้อผ้าจะมีราวแขวนเสื้อซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งเสื้อผ้าทั่วไปและเดรสตัวยาวๆได้ มีช่องเก็บของชิ้นใหญ่ด้านบนสำหรับเก็บพวกหมอน ผ้าห่ม ฯลฯ และแบ่งการใช้งานด้วยลิ้นชักอีก 2 ชั้นด้านล่างมาให้ค่ะ

ประตูระเบียงที่เป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนสามารถเปิดได้กว้าง และรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ

พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 2.15 x 0.85 เมตร สามารถออกไปใช้งานได้จริง พื้นปูกระเบื้องเซรามิคมาให้ ทำให้ทำความสะอาดง่าย ฝั่งขวามีพื้นที่แขวน Condensing Unit มาให้ ซึ่งจะไม่บังสายตาเวลามองออกมาด้านนอกค่ะ ส่วนอีกฝั่งเราสามารถมองเข้าไปยังห้องนอนได้ ตรงนี้เราสามารถเอากระถางต้นไม้ออกมาตกแต่งเพิ่มบรรยากาศสดชื่นๆได้นะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 30 OCTOBER 2019

  • 1 Bedroom ขนาด 22.70 – 24.37 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท หรือประมาณ 87,665 บาท/ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 28.04 – 28.29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.97 ล้านบาท หรือประมาณ 105,900 บาท/ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 38 – 42.94 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.53 ล้านบาท หรือประมาณ 119,210 บาท/ตารางเมตร
  • Duplex ขนาด 63.22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.05 ล้านบาท หรือประมาณ 111,515 บาท/ตารางเมตร

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink /ท็อปลามิเนต
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • จอง 999 บาท
  • ทำสัญญา 4,001 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล :

โครงการ Modiz Interchange ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ช่วงใกล้กับจุดตัดถนนรามอินทราและถนนพหลโยธิน บริเวณวงเวียนหลักสี่ เดินทางค่อนข้างสะดวก ทำเลนี้ถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยใกล้เขตทหาร และสนามบินดอนเมือง ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ไกลจากแหล่งงานอย่าง ทีโอทีสำนักงานใหญ่, ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, กรมราชการต่างๆ และมีสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น รร.ไผทอุดมศึกษา รร.เจริญผลวิทยา ม.ราชภัฏพระนคร ม.เกริก ม.ศรีปทุม และม.เกษตรศาสตร์ รวมถึงแหล่งจับจ่ายใช้สอยก็จะมี  Tesco lotus, BigC , ตลาดยิ่งเจริญ ,Market Today และห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง Central Plaza รามอินทรา ที่ไม่ไกลจากโครงการเลยค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากอยู่ติดกับถนนหลักอย่างถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนแจ้งวัฒนะ สามารถใช้มุ่งหน้าไปยังปากเกร็ด หรือมีนบุรีได้ นอกจากนั้นยังมีถนนหลักตัดผ่านอีก 2 เส้นคือถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิต สามารถใช้ขึ้นเหนือไปทางสายไหม, รังสิต หรือเข้าเมืองไปทางลาดพร้าว, พญาไทก็สะดวก แม้จะมีการจราจรที่ติดขัดบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน แต่ก็มีทางด่วนให้เลือกใช้อย่าง ทางยกระดับอุตรภิมุข(ดอนเมืองโทลล์เวย์) ใช้เข้าเมืองไปพญาไท หรือออกเมืองไปทางรังสิตได้ค่ะ ในเรื่องการเดินทางโดยใช้รถเราอาจจะต้องคำนึงถึงปริมาณของที่จอดรถภายในโครงการด้วย ซึ่งโครงการนี้เขาให้ที่จอดรถมา ประมาณ 69 คัน คิดเป็น 32 % ถ้ารวมจอดซ้อนคันเป็น 93 คันคิดเป็น 43 % ถือว่าพอดีๆ ถ้ามีตัวเลือกการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าให้ใช้บริการค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

การเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ สามารถขึ้นรถประจำทาง, รถตู้หรือเรียก วินมอเตอร์ไซค์, Taxi ผ่าน Application ได้ แต่ที่เป็นจุดเด่นของโครงการก็คืออยู่ใกล้กับ สถานี Interchange รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว กับสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุห่างจากโครงการประมาณ 90 เมตร เป็นระยะทางที่เดินได้สบายๆเลยค่ะ ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้งานจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางโดยรถสาธารณะมากขึ้นอีกค่ะ

วัสดุ :

วัสดุอุปกรณ์ภายในห้องถือว่าให้มาเหมาะสมกับมาตรฐานราคา ทางโครงการขายมาให้แบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่เลย โดยจะได้เฟอร์นิเจอร์คือ Built-in ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวาง TV, ชุดครัว, เครื่องปรับอากาศ, ฐานเตียง, โซฟา และชุดโต๊ะรับประทานอาหาร(เฉพาะห้อง 1 Bedroom Extra เป็นต้นไป) ได้ Digital Door Lock จาก Samsung พร้อมกับ Bluetooth Sound System จาก RAZr สามารถเปิดเพลงฟังภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนได้ พื้นปูสมาร์ทไวนิลมาให้ซึ่งมีความคงทนกว่าไวนิลธรรมดา ภายในครัวได้อุปกรณ์ประกอบอย่างอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันจาก MEX ภายในห้องน้ำได้อ่างล้างหน้า จาก Mogen ก๊อกน้ำและฝักบัวจาก Englefield และโถสุขภัณฑ์จาก Kohler ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าซื้อห้องโปรโมชั่น 1.99 ล้านบาทถือว่าได้ของที่คุ้มค่าทีเดียวค่ะ

การออกแบบ :

การออกแบบอาคารมีที่จอดรถทั้งหมด ไว้ชั้น 1 ซึ่งสามารถจอดแล้วเข้าสู่ตัวอาคารได้ง่าย มี Mail Box ให้หยิบได้สะดวก ในชั้นพื้นที่ส่วนกลาง มีประตูกั้นแบ่งพื้นที่ห้องพักอาศัยกับส่วนกลางชัดเจน ทำให้ลูกบ้านชั้นนั้นๆมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่การวางโถงลิฟต์ไว้ที่ด้านหน้าอาคารทำให้คนที่อยู่ห้องพักอาศัยด้านหลังโครงการเดินค่อนข้างไกลค่ะ ผังห้องพักอาศัยห้อง 1 Bedroom ขนาด 22 – 24 ตารางเมตรจะหันหน้าไปทางทิศเหนือมองเห็นวิวชุมชนพักอาศัย และหน้า 1 Bedroom Extra หันไปทางทิศใต้ มองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวค่ะ ตัวพื้นที่ส่วนกลางกระจายไปยังชั้นต่างๆคือชั้น 2-3,8 และดาดฟ้าทำให้เข้าใช้งานได้สะดวก ส่วนกลางสามารถมองเห็นวิวได้

ส่วนห้องพักอาศัยจะมีแต่ห้อง 1 Bedroom ทั้งโครงการ มีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 22- 43 ตารางเมตร จัดพื้นที่การใช้งานเน้นความโปร่งสบาย โดยจะวางผังคล้ายกับห้อง Studio แต่มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นระหว่างห้องนอนมาให้ชัดเจน ได้ครัวเปิด เหมาะกับคนที่ชอบห้องที่ดูกว้าง ไม่เน้นการทำอาหารกินเองภายในห้องมากนัก ชอบห้องนอนที่ได้วิว กระจกเข้ามุม และมีระเบียงออกไปใช้งานได้จริง

สาธารณูปโภค :

สาธารณูปโภคภายในโครงการให้มาค่อนข้างหลากหลายเพียงพอกับจำนวนยูนิต มีพื้นที่ Duplex Lobby Lounge & Library ที่ชั้น 2 สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ชั้น 3 ได้ และ Facility อีกจุดอยู่ที่ชั้น 8 มีสระว่ายน้ำ Scenic Swimming Pool & Kids pool ระบบเกลือขนาด 15 x 4 เมตร, Poolside terrace, ห้องออกกำลังกายแบบ Panoramic Fitness มีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง และพื้นที่สวนชั้นดาดฟ้า เป็น Rooftop Co-working space , Moonlight garden และ Sky pavilion มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 108.5 : 1 ถือว่าพอดีๆ ไม่ต้องรอนานในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 85,000 บาท/ตร.ม., 30 OCTOBER 2019

  • ทำเล 7.75/10 – ทำเลใกล้แหล่งงาน และความอุดมสมบูรณ์ เดินทางสะดวก
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนรามอินทรา ไปเชื่อมต่อถนนหลายสาย
  • ไม่ใช้รถ

  • 8/10  ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธารณะง่าย
  • 9/10 อนาคตเมื่อมีรถไฟฟ้า – ใกล้สถานี Interchange สีเขียวและสีชมพู ระยะ 90 เมตร

  • วัสดุ 7.5/10 – วัสดุเหมาะสมกับราคา ได้เฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่
  • แบบ 7.5/10 – ผังห้องพักอาศัยเดินค่อนข้างไกล พื้นที่ภายในเน้นความโปร่งพื้นที่เชื่อมต่อกัน
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีให้มาครบครันเพียงพอกับจำนวนยูนิต
    • UPPER CLASS
    • 7.74/10 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
    • 8.16/10 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ

    BOTTOM LINE

    โครงการ Modiz Interchange เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดมือหนึ่งใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย เดินทางสะดวก ไม่มีจำนวนยูนิตหนาแน่นมากนัก มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานครบครัน ชอบส่วนกลางที่มองเห็นวิวได้ ชอบห้องที่มีพื้นที่การใช้งานเชื่อมต่อกัน ดูโปร่งสบาย ได้เฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ มีราคาเริ่มต้นที่ไม่สูงมากนัก มีงบประมาณระดับ 2 – 5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 35,000 บาท/เดือนค่ะ 


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving