สวัสดีครับ รีวิวฉบับที่ 388 … วันนี้ผมนาย Tharis จะพาไปรีวิวโครงการ The Knight II by Knightsbridge จาก Origin Property กันครับ โครงการนี้เป็นน้องฝาแฝด ของ The Knight I คอนโดตึกเล็กในซอยแบริ่ง 1 ที่ผมเคยจัดรีวิวเจาะลึกไปแล้วนะครับ ทั้งสองโครงการนี้ มีทุกอย่างแทบจะเหมือนกัน ทำเลก็เหมือนกัน คืออยู่ในซอยแบริ่ง 1 แต่อยู่ตรงข้ามกัน, รูปแบบห้องคล้ายกัน (The Knight II จะเพิ่มห้อง 2-Bed เข้ามา), ขนาดที่ดินก็พอๆกัน เรียกได้ว่าแทบจะ Copy แล้ว Paste มาเลย แต่ทาง Origin เจ้าของโครงการเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อโครงการนิดหน่อย ซึ่งงานนี้ผมก็คงจะขออนุญาตท่านผู้อ่านทุกท่าน อ้างอิงข้อมูลเรื่องทำเล และ ภาพห้องตัวอย่าง มาจาก The Knight I นะครับ ส่วนที่เพิ่มเติมก็จะมีบทวิเคราะห์ตัวโครงการ และห้องตัวอย่างแบบ Two-Bed ที่เพิ่มเข้ามาครับ
Fact @ 17 July 2013
- The Knight II by Knightsbridge
- Origin Property
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 55 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 30% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 0-1-43 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2557
- 1 Bedroom 23-35 ตารางเมตร
- 2 Bedroom 43 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.53 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 63,000-73,000 บาท
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS บางนา-แบริ่ง
- http://www.knightcondo.com
- โทร. 027-444-270
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
**บทวิเคราะห์ทำเลของ The Knight II ผมขอนุญาต อ้างอิงมาจากรีวิวชอง The Knight I นะครับ เนื่องจากทำเลอยู่แทบจะที่เดียวกันเลย เพียงแต่อยู่ตรงข้ามกันเท่านั้น**
ที่ตั้งโครงการ The Knight I & II อยู่ใน ซอยแบริ่ง 1 ซึ่งเป็นซอยย่อยใน ซอยสุขุมวิท 107 หรือ ซอยแบริ่ง ที่เรารู้จักกันดีนั่นเองครับ ทางด้านการเดินทางด้วยรถยนต์นั้น ก็ต้องขอบอกว่าซอยแบริ่งเป็นซอยใหญ่ ที่เชื่อมถนนสุขุมวิท กับ ถนนศรีนครินทร์เข้าด้วยกัน และนอกจากนี้โครงการก็ตั้งอยู่ใกล้ถนนบางนา-ตราด ด้วย ทำให้ทำเลตรงนี้เดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวก ในโซนสุขุมวิท-ศรีนครินทร์-บางนา รวมไปถึงลงใต้ไปทางสมุทรปราการ หรือจะวิ่งมอเตอร์เวย์ไปชลบุรีก็ไม่ต้องผ่านตัวเมืองด้วยครับ
ถ้าออกมาดูบนภาพใหญ่ก็จะเห็นว่า ทำเลของ The Knight I & II มีทางด่วนให้ใช้ได้ค่อนข้างสะดวก เส้นแรกคือ ทางด่วนบางนา ทั้งขาเข้าเมือง และขาออกไปชลบุรี เส้นนี้ถึงจะเรียกว่าทางด่วน แต่ขาเข้ามีคนใช้เยอะมาก ปริมาณรถสะสมค่อนข้างเร็วทีเดียว และค้างอยู่นาน ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย แต่ก็ดีกว่าไม่มีทางด่วนแหละนะ
และเส้นที่สอง คือ วงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งเส้นนี้ถ้าจะไปทางพระราม 2 ก็วิ่งไปใช้ทางขึ้นบนถนนสุขุมวิท เลยไปทางสำโรง แต่ถ้าจะใช้ขึ้นเหนือไปรามคำแหง หรือ รามอินทรา ก็ไปใช้ทางขึ้นบนถนนบางนา-ตราด จะสะดวกกว่าครับ
มาดูการเดินทางแบบคนไม่ใช้รถกันบ้าง โครงการ The Knight I & II ตั้งอยู่ห่างจาก สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ประมาณ 850 เมตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะที่คนส่วนใหญ่เดินไม่ค่อยไหวแล้ว มักจะอาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้างกันเสียมากกว่านะครับ ยังดีที่โครงการมี Shuttle Service คอยรับส่งลูกบ้านให้ ซึ่งก็น่าจะช่วยได้เยอะ จากหน้าโครงการเดินออกมาเรียกรถในซอยใหญ่ ระยะทางประมาณ 100 เมตร มีแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งผ่านตลอด ไม่น่าจะมีปัญหา เผลอๆจะมีฟลุคๆวิ่งผ่านมาในซอยด้วย เพราะซอยแบริ่ง 1 เป็นซอยที่ทะลุไปออกซอยลาซาล (สุขุมวิท 105) ได้ จึงเป็นซอยที่มีคนผ่านบ่อยๆ
ส่วนสิ่งแวดล้อมบริเวณนี้ ในเวลากลางวัน ค่อนข้างปลอดภัยและคึกคักพอสมควร มีคนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แต่ในเวลาเย็นๆถึงกลางคืน พอร้านค้าแผงลอยเก็บร้านหมดแล้ว ก็จะดูเปลี่ยวขึ้นพอสมควร แต่ยังไงก็ยังเป็นถนนเส้นที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา เนื่องจากเป็นซอยลัดสุขุมวิท-ศรีนครินทร์ มีไฟส่องถนนตลอดทาง (แต่ในซอยไม่ค่อยมี) สำหรับใครที่ต้องการจะซื้อ ขอให้ไปลองเดินดูให้มั่นใจนะครับ (แต่ก็ระวังความปลอดภัยของตัวเองในขณะที่ไปสำรวจด้วยนะ)
ทำเลของ The Knight II จะตั้งอยู่ตรงข้าม The Knight I แบบนี้ครับ ทำเลเดียวกันเด๊ะ
เริ่มการสำรวจทำเลที่สถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่งครับ
เดินลงบันไดฝั่งที่ใกล้ซอยแบริ่งที่สุด
ลงมาปุ๊บ บริเวณตึกแถว แถวๆนี้ จะมีร้านค้ามาเปิดอยู่บ้าง
แถวๆนี้อู่ซ่อมรถ ร้านประดับยนต์ ค่อนข้างเยอะ
ของกินแถวนี้หาไม่ยาก ไม่อดตายแน่นอน
ตามป้ายเลยครับ แปลว่าอีกหน่อยถนนแถวๆนี้จะกว้างขึ้น น่าจะเสร็จก่อนคอนโดอยู่แล้วหละ เย่!
จากรถไฟฟ้าไปถึงปากซอยแบริ่ง ระยะทางประมาณเกือบๆ 200 เมตร
ซอยแบริ่งนี้เข้าเขตเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการพอดีเลยนะครับ
มาถึงซอยสุขุมวิท 107 เข้าซอยไปเลย
ปากซอยแบริ่ง
รถที่ออกจากซอย สามารถเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็ได้นะครับ ถนนใหญ่ตรงนี้ไม่มีเกาะกลาง แถมมีไฟแดงกำกับอยู่แล้ว
เข้าซอยไปเลย
ตอนกลางวันมีคนตั้งแผงขายของมากมาย เช้าๆก็จะเป็นตลาดด้วย
ตึกแถวตรงนี้ก็เป็นร้านค้าซะส่วนใหญ่
โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส อยู่ใกล้ๆปากซอยเลย
เข้าซอยต่อไปเรื่อยๆ
ทางขวามือจะผ่านสำนักงานขายของ The Gallery คอนโดที่เรารีวิวกันไปแล้ว นะครับ เห็นไอ้หมียักษ์นั่นมั้ย? มันคือหมี “Bear-ing” ไงครับ 555
เยื้องๆมาเราก็จะเจอสำนักงานขายของคอนโด The Knight I & II แล้วครับ อยู่ที่เดียวกับ Knightsbridge ของ Origin เค้าแหละครับ (สามโครงการนี้มันเป็นพี่น้องกันชัดๆ) สำนักงานขายนี่เดินจากปากซอยเข้ามาประมาณ 400 เมตร ก็ถึงแล้วครับ
เราจะพาไปดูตำแหน่งแปลงที่ตั้งของโครงการกันก่อน เดินเข้าซอยต่อไปเลย
ทางขวาจะผ่านซอยแบริ่ง 8
ใกล้กับซอยแบริ่ง 8 จะมีโครงการบ้านเดี่ยวอยู่ ซื่อ Fantasia Villa 2
ด้านหน้าโครงการ Fantasia Villa 2 ตรงนี้ก็จะมีร้านสปามาเปิดอยู่ข้างหน้า หน้าตาประมาณนี้เป็นจุดสังเกต
ข้างๆมีตึกแถวหน้าตายุโรปๆอยู่ข้างๆกัน
ตรงข้ามมาก็จะมี 7-Eleven
เซเว่นนี้สาขาใหญ่มาก มีที่จอดรถประมาณ 10-15 คัน
เซเว่นอยู่ปากซอยแบริ่ง 1 เลย ถ้าเจอเซเว่นก็เตรียมเลี้ยวซ้ายได้เลย
เข้าซอยแบริ่ง 1
หน้าปากซอย
ซอยแบริ่ง 1 ก็จะเป็นถนน 2 เลนแบบนี้ มีขอบทางนิดหน่อย ถ้ามีรถจอดชิดขอบทาง ก็ยังไม่อึดอัดมากนัก ซอยนี้ทะลุไปซอยลาซาลได้ด้วย
คอนโดตึกคู่ที่เห็นอยู่ข้างหน้านั่นคือโครงการ แคสเซีย ครับ
ที่ดินริมถนนสองฝั่งท่ีปูหญ้าเอาไว้นี้ ทางโครงการก็ซื้อเอาไว้เพื่อพัฒนาสภาพซอยด้วยนะครับ นับว่ามี Developer ไม่กี่รายที่มีแนวคิดแบบนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกบ้าน และชุมชนรอบๆโครงการด้วย
ทางขวามือจะเจอ ซอยแบริ่ง 1 แยก 2 เราเลี้ยวขวาเข้าซอยนี้ไปเลยครับ
มองเข้าไปในซอย
แปลงที่ดินตรงหัวมุมแรกสุดยังไม่ใช่ของโครงการนะครับ
ที่ดิน The Knight II อยู่ถัดมาอีกหน่อย กำลังปรับพื้นกันอยู่เลย
The Knight I & II อยู่ตรงข้ามกันเป๊ะๆ เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงบอกว่าทำเลมันเหมือนกัน เพราะมันเหมือนกันจริงๆนะ … ถ้าตึกเสร็จทั้ง 2 ตึกแล้วตรงนี้น่าจะดูดีเหมือนกัน
หันไปดูที่ดินของ The Knight I บ้าง อันนี้ก็กำลังปรับที่อยู่เหมือนกัน
ถัดไปอีกหน่อย เป็นโรงเรียนกวดวิชาสอนภาษาอังกฤษ (ที่น่าจะเป็นบ้านคนด้วยนะครับ)
ท้ายซอยเป็นซอยตัน มีบ้านคน ไม่มีอะไรมาก
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ The Knight II เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโครงการเล็กๆ ที่มีเนื้อที่ดินเพียงแค่ 1 งาน 43 ตารางวา เท่านั้นเอง ทำให้ได้เป็น อาคาร Low Rise 8 ชั้น มีจำนวนยูนิตเพียง 55 ยูนิต (สูงสุด 8 ยูนิตต่อชั้น) การที่เป็นโครงการเล็กทำให้ได้เปรียบในเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะก็มีเพื่อนบ้านอยู่ด้วยกันไม่กี่ห้อง สงบๆ ดูแลกันทั่วถึง บริหารจัดการง่าย แต่ข้อเสียของโครงการเล็กๆก็คือ พื้นที่ส่วนกลาง, สิ่งอำนวยความสะดวก และ Facilities ต่างๆก็จะมีขนาดเล็กลงตามไปด้วย อาจจะมีให้ใช้งานไม่พอ หรือไม่ค่อยสะดวก เพราะมีพื้นที่ให้สร้างน้อย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้อง Trade-off แลกๆกันไปนะครับ
มาดูผังชั้น G ของโครงการกันก่อน ชั้นนี้จะเป็นส่วนของลานจอดรถใต้อาคารเป็นหลัก สามารถจอดรถได้ 30% รวมจอดแบบซ้อนคัน พูดกันแบบตรงๆก็คือน้อยไปหน่อย เพราะลักษณะทำเลของโครงการน่าจะมีคนที่ใช้รถส่วนตัวอยู่พอสมควรเหมือนกัน ในชั้นเดียวกัน นอกจากจะเป็นลานจอดรถแล้วก็ยังเป็นชั้นที่รวมเอาพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด มารวมไว้ที่ชั้นนี้หมด เริ่มจากมี Lobby ด้านหน้าที่อยู่รวมกับโถงลิฟท์ ไม่มีประตูกั้นอีกที ติดกันมีสำนักงานนิติบุคคล และส่วน Service ถัดมาด้านหลังเป็นห้องออกกำลังกาย วางเครื่องเล่นได้ 2-3 เครื่อง ตัวห้องนี้จะเชื่อมออกไปยังสระว่ายน้ำนอกอาคาร โดยสระว่ายน้ำที่นี่จะมีความยาวประมาณ 8 เมตรเท่านั้น ซึ่งทางโครงการเขาก็รู้ว่ามันสั้น เขาจึงติดตั้งระบบว่ายทวนน้ำ Active Swim Jet เอาไว้ให้ด้วย ก็ทำให้พอจะใช้สระว่ายน้ำในการออกกำลังกายได้อยู่บ้าง
ถัดมาเป็นผังชั้น 2-6 เป็นส่วนที่อยู่อาศัยล้วนๆ ตัวตึกเป็นรูปสี่เหลี่ยม เกือบๆจะจัตุรัส ในแต่ละชั้นจะมีห้องอยู่ทั้งหมดไม่เกิน 8 ห้อง ซึ่งถือเป็นข้อดีนะครับ เพราะจะมีความเป็นส่วนตัวสูง เมื่อเทียบกับแบบที่มียูนิตเยอะๆ แต่ก็อย่าลืมเหมือนกันนะครับ ว่าขนาดที่ดินมันเล็ก ทำให้การวาง Floor Plan ได้ห้องกระจุกตัวติดๆกันแบบในรูป การวาง Floor Plan แบบนี้ทำให้ตัวโถงทางเดินมีช่องแสงเพียงด้านเดียวที่ปลายสุดทิศเหนือด้วยนะครับ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้โถงทางเดินอาจจะดูมืดหน่อยนะครับถ้าไม่เปิดไฟเยอะๆ แต่ถ้าเปิดเยอะก็จะเปลืองไฟด้วยนะครับ
การวางห้องของที่นี่ จะได้ห้องส่วนใหญ่เป็นห้อง 1-Bedroom หน้าแคบหน่อยนะครับ เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ในแต่ละชั้นจะมีห้อง 2-Bed อยู่ 1 ห้องที่เป็นห้องมุม ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตรงนี้เป็นข้อแตกต่างข้อหนึ่งระหว่างโครงการ The Knight I และ The Knight II นะครับ เพราะ The Knight I นั้น ไม่ได้ทำห้อง 2-Bed เอาไว้ มีแต่ห้อง 1-Bed ล้วนๆเลยครับ
ลิฟท์โดยสารของที่นี่จะมีอยู่ 1 ตัวครับ อัตราส่วน 55:1 ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์ดีครับ เพราะตัวตึกมียูนิตน้อยอยู่แล้ว มีแค่ที่น่าเป็นห่วงนิดหน่อยคือ ด้วยความที่มีลิฟท์ตัวเดียว กรณีที่ลิฟท์เสีย หรือมีการใช้ลิฟท์มาขนของ ฯลฯ อาจจะทำให้เราต้องเห็นลูกบ้านเดินขึ้นบันไดกันก็ได้นะครับ … ถ้าอยู่ชั้น 2 ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยู่ชั้น 8 ก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะ
Floor Plan ชั้น 7-8 จะแตกต่างจากชั้น 2-6 นิดหน่อย ตรงห้องด้านทิศใต้ ที่จะได้เป็นห้องที่มีระเบียงกว้างครับ ตามลักษณะของตัวตึกที่จะเว้าเข้าไปหน่อย ห้องเหล่านี้ก็จะเหมาะสำหรับคนที่ชอบระเบียงใหญ่ๆ มีพืนที่ปลูกต้นไม้, ตากผ้า ฯลฯ ใช้งานระเบียงได้สะดวกมากขึ้น
ภาพบรรยากาศจำลอง ส่วน Lobby ชั้น G
ภาพจำลอง สระว่ายน้ำรูปตัว L ที่ชั้น G
ภาพจำลอง สวนหย่อมที่ดาดฟ้า ที่ลูกบ้านสามารถเดินขึ้นบันไดจากชั้น 8 มาใช้พักผ่อนตรงนี้ได้
สำหรับแบบห้อง ขนาดเริ่มต้นที่ 23.37 ตารางเมตร เป็นห้อง One-Bedroom นะครับ โดยมีลักษณะเป็นห้องแคบยาว แบ่งห้องออกเป็นสองส่วน คือส่วนห้องนอน กับส่วน Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบาน Slide ครับ ส่วนห้อง Living มี Pantry ครัวอยู่ด้านหน้า ตรงข้ามกับห้องน้ำ ถัดมาเป็นโซฟา นั่งดูทีวี ส่วนห้องนอนก็จะมีระเบียงเล็กๆอยู่ในห้องนอน นอกจากจะเอาไว้แขวน Compressor Air แล้ว พื้นที่ที่เหลือก็คงจะเอาไว้ตากผ้าบ้างอะไรบ้าง ห้องแบบนี้จะมีแค่ 2 ห้องต่อชั้นครับ
ส่วนห้อง 1-Bed ที่เป็นแบบหลักจะมีขนาดเริ่มต้นประมาณ 26 ไปจนถึง 35 ตารางเมตรครับ Layout ห้องนี้จะคล้ายๆกัน และจะพบเห็นได้ในโครงการ Knightsbridge และ The Knight I ด้วย ลักษณะของห้องนี้คือ มีห้องน้ำอยู่ด้านหน้า เข้าห้องน้ำจากทาง Living Area, มีครัวแยกส่วน อยู่ติดกับระเบียง มีบานกระจกกั้น ห้องนี้จะเป็นห้องที่เราจะพาไปดูกันครับ (เพราะเป็นห้องที่มีห้องตัวอย่างให้ดู)
ส่วนห้อง 2-bed ห้องมุม ที่เพิ่มเข้ามาในโครงการนี้ จะมีขนาดอยู่ที่ 43.71 ตารางเมตรครับ ลักษณะของห้องนี้ คือ ด้วยความที่เป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้วางห้องนอน 2 ห้องติดหน้าต่างได้ และยังได้ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียงด้วย, ห้อง Master Bedroom ได้หน้าต่างสองด้านด้วย เพราะเป็นห้องมุม, ห้องน้ำมีห้องเดียว ใช้ร่วมกันทั้งสองห้องนอน แล้วพอเป็นห้องมุมในห้องน้ำก็จะมีช่องแสงเปิดระบายอากาศได้, ส่วนครัวอยู่หน้าห้อง เปิดประตูเข้ามาแล้วเจอเลย เป็นครัวแยกส่วนก็จริง แต่ไม่มีทางระบายกลิ่น ต้องระบายออกไปยังโถงทางเดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งนะจ๊ะ เดี๋ยวเพื่อนบ้านจะมาด่าเอา
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby ชั้น G
- สระว่ายน้ำยาว 8 เมตร รูปตัว L ระบบเกลือ พร้อมระบบ Swim Jet อยู่ที่ชั้น G
- ห้องออกกำลังกายที่ชั้น G
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว อัตราส่วน 55:1
- ที่จอดรถ 30% รวมจอดซ้อนคัน
- Shuttle Service
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
***สำหรับโครงการ The Knight I และ The Knight II นั้นเขาใช้ห้องตัวอย่างเดียวกันกับโครงการ Knightsbridge เลยครับ เพราะการจัดวางผังห้องมีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้น ทางทีมงานขออนุญาตนำบทวิเคราะห์ของ Mr.Oe ที่เคยวิเคราะห์เอาไว้ตอนไปรีวิวโครงการ Knightsbridge มาให้อ่านกันตรงนี้นะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องจริงอาจจะแตกต่างจากห้องตัวอย่าง ซึ่งจะทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์อาจจะทำได้ไม่เหมือนกัน 100% ยังไงต้องขอให้ท่านผู้อ่านลองเช็คดูดีๆนะครับ ***
ห้องตัวอย่างที่มีให้ดูเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. Type-B4 (ปกติมีตั้งแต่ขนาด 26-35 ตารางเมตร) ห้องนี้จัดเฟอร์ออกมาลงตัวใช้ได้ครับ บอกก่อนว่าห้องนี้ขายแบบ Partly-Furnished ให้เฟอร์บางส่วน วัสดุอุปกรณ์ก็จะให้คล้ายๆกับโครงการรุ่นพี่อย่าง Knightsbridge ครับ แต่ทางที่ดีก็อย่าลืมเช็คกับทางโครงการให้ดีก่อนซื้อนะครับว่าได้อะไรบ้าง
ผังห้องของห้องนี้ ตัว Living Room มีครัวแยกไปเลย ไม่ต้องกลัวกลิ่นและแมลง ระยะโซฟากับทีวีพอจะจัดทีวี 40 นิ้วได้ โต๊ะทำงานวางหน้าห้องน้ำตรงนั้น จะปรับมาวางอีกแนวก็ได้ หรือจะ Built เป็นตู้เก็บของก็ได้ สำหรับคนที่ไม่อยากนั่งทำงานหน้าห้องน้ำ ห้องครัวอยู่ติดระเบียงดีแล้ว ระบายอากาศดี ระยะยืนทำครัวเมื่อวาง Pantryแล้ว เหลือ 80 ซม. ไปยืนเบียดกันสองคนขณะทำอาหารจะอึดอัดหน่อยนะครับ ปล่อยให้แฟนเป็นคนลวกมาม่าอ่ะดีแล้ว
เริ่มจากพื้นห้อง ยกระดับจากโถงทางเดินเล็กน้อย ที่พิเศษหน่อยโปรดสังเกตธรณีประตูที่เป็นตัวจบลามิเนตของพื้นห้องไปในตัว เป็นอลูมิเนียมลบมุมนะครับจะได้ไม่สะดุด
งานวงกบประตู ทำให้แบบนี้ครับ
เปิดประตูมาเจอห้องนั่งเล่นหน้าตาแบบนี้ ห้องนี้หน้ากว้างประมาณ 4.3 เมตร เวลาเปิดประตูห้องนอนแล้วจะมีแสงเข้ามาถึงตัวห้องนั่งเล่นอยู่พอประมาณ
พื้นลามิเนตหนา 8 มม.
ใครชอบนอนดูทีวีที่โซฟา จะใส่โซฟาตัว L ก็ได้ พอวางได้อยู่ แต่ต้องเลือกขนาดโซฟาดีๆ ดูระยะทางเดินด้วยนะครับ
ให้ไฟเป็นดาวน์ไลท์แบบนี้ครับ
ตู้วางของและทีวี Built-in มาให้แบบนี้เลย
เปิดให้ดูสาวๆกรี๊ด แต่คุณผู้ชายเฉยๆ เพราะที่ใส่รองเท้าเยอะดี แต่แค่นี้ก็ไม่พอหรอกนะ
โซฟาและโต๊ะกลาง ชุดนี้ไม่แถม
ชุดโต๊ะทานข้าว เป็นโลหะนะครับ ไม่ใช่พลาสติก อันนี้ก็ไม่แถมเหมือนกัน
ห้องครัวมีประตูกั้นเป็นสัดส่วน ถัดจากห้องครัวเป็นระเบียงเล็ก
ภายในห้องครัว วางตู้เย็นกับ Pantry และตู้แขวน มี เตา ที่ดูดควันครบ
หน้าตา Pantry ชัดๆ
ชั้นวางของด้านบน
เตาสองหัวของ HAFELE
ที่ดูดควันของ HAFELE เช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ดูดออกไปนอกอาคารนะครับ แต่ยังดีที่ครัวอยู่ติดกับระเบียงระบายอากาศได้ง่าย
อ่างล้างจานของ HAFELE ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ พอใช้งานเล็กๆน้อยๆ
หัวก็อกอ่างล้างจาน
ไมโครเวฟ วางต่ำ ผมชอบมากกว่าวางสูง แต่ดีที่สุดคือวางระดับโต๊ะจะหยิบง่ายกว่า
ดึงถาดวางของออกมาจาก Pantry ได้
ระเบียง มีธรณีกั้นสูงเชียว จะเห็นว่าพอวางเครื่องซักผ้าที่พื้นแล้ว เหลือพื้นที่พอตากผ้านิดเดียว ติดราวแขวนพับเก็บได้ดีที่สุด
คอมแอร์แขวนด้านขวา เปิดโล่งๆเลย ไม่มีกริลบัง
ถัดมาหน้าห้องน้ำ ตรงนี้ Built โต๊ะทำงานเล็กๆ ที่แอบมาวางแทรกอยู่ตรงพื้นที่ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ ส่วนเก้าอี้ไม่แน่ใจว่าแถมหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นตัวนี้มันจะไม่มีพนักพิง นั่งทำงานนานๆไม่ได้หรอกครับ
ให้ดูอีกมุมนึงบ้าง ตรงนี้จะเห็นห้องนอน
พื้นที่ขนาดนี้ทำงานจริงจังคงจะลำบาก เต็มที่อาจจะวางคอมโน้ตบุคสักเครื่อง หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ ที่นั่งแต่งตัวก็ได้ หากระจกมาติดหน่อย
เข้าไปดูห้องน้ำกันต่อ
ทางเข้าห้องน้ำไม่มีธรณีก่อ เป็นพื้นลดระดับ ธรณีหินสังเคราะห์
อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ของ Cotto มีก่อ Counter วางของเล็กๆแต่ยาวตลอดแนวส่วนแห้ง Counter Top เป็นแกรนิตดำ
หน้าตาก็อกดูธรรมดาไปนิดนะ ของ Cotto เหมือนกัน
ด้านล่างเป็นช่องเก็บ supply ในห้องน้ำ
ติดกระจกเงามาให้บานเล็กๆ
พื้นกระเบื้อง 60×60 ผนังกระเบื้อง 30×60
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto สังเกตลายกระเบื้องด้านหลังด้วย ที่จะเป็นตารางๆ
สายฉีดชำระ
ฉากกั้นอาบน้ำติดกระจก Tempered Glass มาให้ ซึ่งเราสามารถขอให้ทางโครงการติดเป็นแบบเต็มบาน มีบานปิดให้ก็ทำได้ ซึ่งก็แนะนำให้ทำนะครับ จะได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งกันไปชัดเจน
พื้นส่วนอาบน้ำไม่ได้ลดระดับ และไม่ได้ก่อธรณีปูน แต่กั้นด้วยหินสังเคราะห์ ซึ่งตรงนี้ต้องระวังสะดุดด้วย
หัวก็อกฝักบัว
ฝักบัวอาบน้ำแบบ Hand Shower
ราวแขวนผ้าเช็ดตัว
สุดท้าย ห้องนอน
วางเตียง 5 ฟุตเอาไว้ พื้นที่ค่อนข้างแน่นละ
ฝั่งขวาของเตียง มีพื้นที่ยาวแคบ หาโต๊ะยาวๆมาวางได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เกะกะประตู หรือจะ built ตู้เลยก็ยังได้
ฝั่งซ้ายก็วางโต๊ะเล็กๆได้
ปลายเตียงโล่งๆ ยังไม่เอาทีวีมาแขวนให้ดู แต่แบบนี้แขวนทีวีก็จะไม่ได้เซ็นเตอร์นะครับ ต้องดูเอียงๆ
หน้าต่าง มีบานกระทุ้งเปิดออกได้สองด้าน
ผนังอีกด้าน วางตู้เสื้อผ้าขนาดประมาณ 120 cm ที่ built มาให้
มือจับบานเปิดตู้เสื้อผ้า
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17/07/2013
- 1-Bedroom ห้อง 401 Type S-1 ขนาด 23.37 ตารางเมตร ชั้น 4 ราคา 1,534,007 บาท หรือ 65,640 บาท/ตารางเมตร
- 1-Bedroom ห้อง 701 Type S-1 ขนาด 23.37 ตารางเมตร ชั้น 7 ราคา 1,711,236 บาท หรือ 73,223 บาท/ตารางเมตร
- 1-Bedroom ห้อง 207 Type B-5 ขนาด 26.77 ตารางเมตร ชั้น 2 ราคา 1,686,510 บาท หรือ 63,000 บาท/ตารางเมตร
- 1-Bedroom ห้อง 402 (ห้องมุม) Type B-1 ขนาด 27.4 ตารางเมตร ชั้น 4 ราคา 1,774,424 บาท หรือ 64,760 บาท/ตารางเมตร
- 1-Bedroom ห้อง 504 Type B-3 ขนาด 35.24 ตารางเมตร ชั้น 5 ราคา 2,381,583 บาท หรือ 67,581 บาท/ตารางเมตร
- 1-Bedroom ห้อง 707 Type B-9 ขนาด 24.01 ตารางเมตร ชั้น 7 ราคา 1,736,010 บาท หรือ 72,333 บาท/ตารางเมตร
- 2-Bedroom ห้อง 205 Type 2B-1 ขนาด 43.71 ตารางเมตร ชั้น 2 ราคา 2,753,730 บาท หรือ 63,000 บาท/ตารางเมตร
- 2-Bedroom ห้อง 505 Type 2B-1 ขนาด 43.71 ตารางเมตร ชั้น 2 ราคา 2,993,340 บาท หรือ 68,481 บาท/ตารางเมตร
- Partly Furnished: ครัว/แอร์ 2 ตัว/ตู้วางทีวี/ตู้เสื้อผ้า/ฉากกั้นอาบน้ำ/เตา/ที่ดูดควัน/โต๊ะทำงาน/เตียง
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 35,000 บาท
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
**สำหรับบทสรุปของโครงการ The Knight II ผมขออ้างอิงข้อสรุปส่วนใหญ่จากโครงการ The Knight I นะครับ เนื่องจาก ทั้งสองโครงการ มีความคล้ายกัน ทั้งในเรื่องของทำเล, รูปแบบ, Concept ของโครงการ, และการออกแบบ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆครับ**
ทำเลของ The Knight I & II อยู่ในจุดที่เหมาะสมในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เดินทางสะดวกในโซนสุขุมวิท-ศรีนครินทร์-บางนา-สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังมีทางด่วนบางนาให้ใช้วิ่งเข้าเมืองได้ หรือจะวิ่งขาออกไปมอเตอร์เวย์ก็ได้ รวมไปถึงถนนวงแหวนรอบนอก ที่มีทางขึ้นอยู่ไม่ไกลมากจากโครงการ แต่ว่าที่จอดรถของโครงการนี้มีเพียง 30% เท่านั้น ด้วยทำเล และระดับราคานี้ ถือว่าน้อยไป และอาจจะมีปัญหาเนื่องจากที่จอดรถไม่พอได้
ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้านั้นก็ทำได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าคงไม่ได้สะดวกเท่ากับโครงการที่อยู่ติดรถไฟฟ้า เนื่องจากระยะห่างจากสถานี BTS แบริ่งอยู่ที่ประมาณ 850 เมตร เลยระยะที่คนทั่วไปจะเดินเท้ากันแล้ว แต่โครงการก็มี Shuttle Service คอยให้บริการรับส่งลูกบ้านด้วย ซึ่งก็จะช่วยได้เยอะ ถ้าใครที่จะเดินแนะนำให้ลองไปสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเองทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้แน่ใจว่าเดินไหวนะครับ
สภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ความคึกคักของชุมชนไม่น่าเป็นห่วง มีเซเว่นอยู่ปากซอยห่างจากโครงการแค่ 100 เมตร คงจะช่วยได้เยอะพอสมควร อีกทั้งซอยแบริ่งเป็นซอยที่มีรถยนต์สัญจรไปมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมสุขุมวิทกับศรีนครินทร์เข้าด้วยกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
การออกแบบโครงการ มีความหนาแน่นของห้องอยู่ที่ 8 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งก็ไม่มากเกินไป อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 55:1 ซึ่งก็ถือว่าดี แต่ก็มีจุดที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง เพราะลิฟท์โดยสารมีตัวเดียว ถ้าเกิดลิฟท์ตัวนี้เสียขึ้นมาหรือเกิดมีการขนของ ยกของ ซ่อมบำรุงลิฟท์ ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นบ่อย คงต้องเห็นลูกบ้านออกกำลังกายเดินขึ้นลงบันไดกันทั้งโครงการ เป็นอีกจุดหนึ่งที่อาจจะมีปัญหาได้ ส่วนการออกแบบห้อง ด้วยขนาดที่ดิน 149 ตารางวา นำมาสร้างอาคาร 8 ชั้น ทำให้การจัดวาง Floor Plan ได้ห้องส่วนใหญ่เป็นห้องหน้าแคบ **ซึ่งตรงนี้ในโครงการ The Knight II ได้มีการปรับปรุงการวาง Floor Plan ใหม่ โดยเพิ่มห้อง 2-Bed เข้าไปที่เป็นห้องมุม และเปลี่ยนการวางโถงทางเดินใหม่ ก็เลยทำให้การจัดวางห้อง ไม่มีห้องแปลกๆ เช่นมีโถงทางเดิน หรือลิฟท์ เว้าเข้าไปในตัวห้องให้เห็นอีกแล้ว ซึ่งถือว่าตรงนี้ทำได้ดีขึ้นจากโครงการแรกครับ**
วัสดุอุปกรณ์ที่จัดให้ในห้อง ให้แบบ Partly Furnished คือมี ครัว, แอร์ 2 ตัว, ตู้วางทีวี, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,โต๊ะทำงาน ห้องน้ำใช้ของ Cotto, พื้นเป็นลามิเนต, ครัว Hafele ให้เหมือน Knightsbridge แบบก๊อบปี้กันมาเลย ก็นับว่าให้มาได้สมราคา ไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Knightsbridge หรือ คอนโดในระดับราคาเดียวกัน
ทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ถูกย่อส่วนตามขนาดที่ดิน หลายๆจุดเลยจะดูเล็กไปหน่อย เช่น ห้องฟิตเนส, ห้องล็อคเกอร์ หรือ ล็อบบี้ ส่วนสระว่ายน้ำก็เล็ก แต่ยังดีที่มีระบบ Swim Jet มาให้ ทำให้ใช้ออกกำลังกายพอได้ (ด้วยการว่ายทวนน้ำ) แต่ก็คงจะไม่ได้ความรู้สึกเหมือนสระว่ายน้ำใหญ่ๆแน่นอน
โครงการ The Knight I & II เป็นโครงการที่พยายามจะเจริญรอยตามโครงการรุ่นพี่ที่เป็นตึกสูงอย่าง Knightsbridge ครับ แต่ก็ต้องบอกตรงๆว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยทั้งขนาดที่ดินและสภาพทางกายภาพที่ไม่เอื้ออำนวย ยกเว้นแต่พื้นที่และวัสดุภายในห้องพักที่ทำออกมาได้ใกล้เคียง เนื้อโครงการเองมีหลายๆจุดที่ยังทำได้ไม่ดีเท่ามาตรฐานที่ Knightsbridge เคยวางเอาไว้ อย่างไรก็ดี The Knight I & II ก็ถือเป็นอีกโครงการที่น่านำมาพิจารณาสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโด Low Rise ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในราคาล้านกลางถึงสองล้าน บนทำเลสุขุมวิท-แบริ่ง ครับ
Judgement
สำหรับการให้คะแนน และ Bottom Line ของโครงการ The Knight II ผมถือว่าได้เท่ากันกับโครงการ The Knight I ครับ เพราะมีลักษณะของโครงการที่ใกล้เคียงกันมาก อ่านได้จากที่นี่ครับ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ