รีวิวฉบับที่ 1899 … ย่านลาซาล-แบริ่ง ยังเป็นทำเลที่มีกระแสคอนโดมาอยู่ตลอดนะคะ เพราะทำเลที่อิงรถไฟฟ้าสายหลักวิ่งตรงเข้าเมือง รวมไปถึงราคาคอนโดที่ยังหยิบจับได้จริง ไม่สูงเกินเอื้อม ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน เราจะพาไปรู้จักโครงการ D Mark Condo @ ลาซาล คอนโด Low Rise ห่างจาก BTS แบริ่ง 650 ม. ที่จัดห้องไซส์ 30 ตร.ม. มาในราคาเริ่มต้น 1.98 ล้านบาท เป็นอย่างไรไปอ่านกันค่ะ

 

Fact @ 1 JUNE 2019

  • D Mark Condo @ Lasalle (ดีมาร์ก คอนโด แอท ลาซาล)
  • บริษัท คอสโม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ซอยลาซาล 8 ถนนลาซาล เขตบางนา
  • ที่ดินประมาณ 0-3-41 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 99 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 41 คัน คิดเป็นประมาณ 41% จอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 50%
  • เริ่มก่อสร้าง :  n/a
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ต้นปี 2564
  • 1 Bedroom 30-34 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.98 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 74,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด ประมาณ 65,000 – 77,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างการดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร   098-995-0299

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.659440, 100.605899
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

ทำเลโครงการ D Mark Condo @ ลาซาล ตั้งอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมอย่าง ลาซาล-แบริ่ง เป็นทำเลที่อยู่ขยับมาจากย่านอ่อนนุช-ปุณณวิถี ออกมาหน่อย โดยยังอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครบางส่วนและคาบเกี่ยวกับสมุทรปราการบางส่วนนะคะ

ความอุดมสมบูรณ์ในทำเลนี้จัดว่าหายห่วงในเรื่องอาหารการกิน เพราะด้วยความที่ดั้งเดิมเป็นชุมชนอยู่แล้ว ตลาด ร้านอาหารตามตึกแถว หรือตามข้างถนนจะมีให้เห็นอยู่ตลอด ในระดับราคาที่ย่อมเยา ไม่แพง ซึ่งเรามองว่าค่อนข้างตอบโจทย์โดยตรงกับไลฟ์สไตล์คนทำงานออฟฟิศทั่วไป และนอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่มีโรงเรียนนานาชาติอีกด้วยนะคะ ที่ดังๆ เป็นที่รู้จักกันเยอะๆ ก็จะเป็น St Andraws International, บางกอกพัฒนา เป็นต้น

มาพูดถึงที่ตั้งโครงการจะอยู่ในซอยลาซาล 8 สุดซอย โดยลึกจากหน้าปากซอยราวๆ 220 ม. และถ้าวัดระยะจากหน้าปากซอยลาซาลที่ติดกับถนนสุขุมวิทเลยจะอยู่ที่ราวๆ 650 ม.ค่ะ ซึ่งหากมองในแง่ด้านการเดินทางของทำเลนี้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว และใช้รถสาธารณะ

ใช้รถยนต์ส่วนตัว – เรามองเป็น 2 ประเด็นหลักๆ ที่น่าสนใจ

เริ่มจากถนนในซอยลาซาลเองเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นถนนหลักในย่านนี้ได้ รวมไปถึงในซอยด้วยกันอย่าง ลาซาลและแบริ่งก็มีทางลัดเชื่อมถึงกันได้

สามารถใช้ทางด่วนหรือทางพิเศษได้ 3 ทางด้วยกัน ใกล้สุดก็จะเป็นทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ตราด) วิ่งออกไปทางสุวรรณภูมิ, ชลบุรีได้ และวิ่งไปทางชานเมืองอีกทางก็จะเป็นถนนกาญจนาภิเษก (มอเตอร์เวย์) จุดขึ้นลงจะอยู่แถวช่วงช้างเอราวัณ สุดท้ายสำหรับคนวิ่งเข้าเมืองสามารถเลือกใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครได้ จุดที่ใกล้ๆ จะมี 2 จุดคือตรงด่านบางนา กับ ด่านสุขุมวิท 62 ค่ะ

ใช้รถสาธารณะ – สำหรับใครที่ไม่ได้ขับรถยนต์ส่วนตัว ทำเลโครงการนี้ถือว่ามีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลายอยู่นะ หากพิจารณาประเด็นหลักๆ ก็จะเป็นรถไฟฟ้า BTS สายหลักสีเขียววิ่งเข้าเมือง จะห่างจากโครงการไปประมาณ 650 ม. ซึ่งหลุดระยะเดินไปหน่อย ใครฟิตก็พอเดินได้ แต่ถ้าขี้เกียจเดินหรือวันไหนรีบก็สามารถต่อวินมอเตอร์ไซค์ได้ไม่ยากนะคะ เพราะตรงหน้าปากซอยลาซาล 8 จะมีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ฝั่งตรงข้ามให้เรียกได้ หรือลงจาก BTS เข้าซอยลาซาลมาก็มีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกเข้าโครงการได้ง่าย สนนธิราคาจากที่ถามมาอยู่ที่ 10 บาทนะ แต่ถ้าจะไปทะลุออกซอยแบริ่งจะอยู่ที่ 15 บาทค่ะ

นอกจาก BTS และวินมอเตอร์ไซค์แล้ว ในซอยลาซาลเองมีรถแดงขนาดใหญ่วิ่งในซอยด้วยเช่นกันนะ

จากที่เราอธิบายไปก่อนหน้าว่าถนนซอยลาซาล-แบริ่งเองสามารถเชื่อมถึงกันได้ หนึ่งในซอยย่อยที่เชื่อมกันได้ก็คือซอยลาซาล 8 หรือซอยโครงการนั่นเองค่ะ โดยสามารถลัดไปออกแบริ่งใกล้ๆ คือ ซอยแบริ่ง 1 และแบริ่ง 3

และวันนี้เราจะพาไปชมบรรยากาศระหว่างการเดินจาก BTS แบริ่งไปยังโครงการกันนะคะ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

ทางออกจาก BTS ที่ใกล้กับซอยลาซาลมากที่สุดคือทางออก 1 นะคะ

ซึ่งทางลงจาก BTS จะเดินมาอีกหน่อยก่อนจะถึงหน้าปากซอยลาซาล แต่ตอนขึ้น BTS จะสะดวกมากกว่า เพราะทางขึ้นอยู่ติดกับปากซอยลาซาลเลยและได้เป็นบันไดเลื่อนด้วยไม่ต้องเดินขึ้นบันไดให้เหนื่อยเลย

หน้าปากซอยลาซาลมี 7-11 เปิดให้แวะซื้อของกินได้นะ ยิ่งช่วงกลางคืนไม่มีร้านไหนเปิดก็แวะซื้ออาหารกล่องกลับบ้านได้ค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็นซุ้มวินมอเตอร์ไซค์แล้วนะคะ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่โรงเรียนนานาชาติ St Andraws ค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยเป็นพื้นที่ของ Centerpoint Studio นะคะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่จอดรถมีร้านอาหารประปราย

บรรยากาศระหว่างเดินบนทางเท้าด้านข้างก็จะมีของกินขายอยู่เรื่อยๆ นะ บางร้านเราไปยังปิดอยู่หลายร้านเหมือนกัน น่าจะเปิดกันช่วงเย็นๆ ถึงดึก

ระหว่างทางเดินก็เจอกับรถแดงที่วิ่งในซอยลาซาลนี้ด้วยค่ะ

ก่อนจะถึงหน้าปากซอยลาซาล 8 ฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารตามสั่งอยู่นะ วันไหนอยู่คอนโดแล้วไม่อยากซื้อของกินเข้าห้องก็เดินออกมาฝากท้องได้นะคะ

หน้าปากซอยลาซาล 8 ฝั่งตรงข้ามเป็นวินมอเตอร์ไซค์เรียกไปออกหน้าปากซอยได้ค่ะ

เข้ามาภายในซอยลาซาล 8 กันแล้ว ในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นคอนโดไม่ก็อพาร์ทเมนท์นะคะ บรรยากาศจะสงบหน่อย ส่วนด้านข้างช่วงต้นซอยเลยมีร้านอาหารข้างทางเปิดอยู่ด้วย

เราตรงมาอีกหน่อยก็เห็นพื้นที่จอดรถให้เช่า ซึ่งจากที่สอบถามคุณลุงคนเฝ้าที่ตรงนี้บอกว่าคิดอัตราค่าเช่าที่จอดรถรายเดือนอยู่ที่ 2,000 บาท มีมัดจำอีก 500 บาท โดยสามารถเปิด-ปิดรั้วประตูเองได้เพราะมีรีโมทไว้ให้ด้วย อันนี้เราให้ข้อมูลเป็นไอเดียนะคะ เผื่อใครที่มีรถยนต์หลายคันและที่จอดรถโครงการมีไม่มากพอก็มีตัวเลือกในการจอดรถใกล้ๆ โครงการแบบเป็นสัดส่วนไม่ต้องจอดริมถนน

จากนั้นเราตรงมาอีกหน่อยจะเห็นทางแยก ฝั่งซ้ายเป็นทางลัดไปออกซอยแบริ่งได้ ส่วนที่ตั้งโครงการจะตรงเข้าไปสุดซอยค่ะ

ตอนนี้ที่ดินโครงการยังอยู่ในระหว่างการเคลียร์พื้นที่อยู่นะคะ หากใครเข้าไปดูที่ดินเองให้สังเกตว่าจะมีป้ายโครงการแขวนไว้อยู่ค่ะ

เราลองมามองบรรยากาศและสภาพแวดล้อมโครงการจาก Google แบบดาวเทียมกันบ้างจะได้เห็นอาคารข้างเคียงได้ชัดเจน ซึ่งโดยรอบแล้วตัวโครงการเองอยู่ท่ามกลางบ้านพักอาศัยเป็นหลักนะคะ ในแง่ความสงบเหมาะกับเป็นพื้นที่พักอาศัยถือว่าโอเคอยู่นะ เพราะแม้ว่าด้านหน้าโครงการฝั่งตรงข้ามมีโรงงานอยู่ แต่จากที่ไปสำรวจแล้วเป็นโรงงานขนาดเล็ก+โกดัง ไม่ค่อยมีเสียงดังมากนักค่ะ

ในแง่ของวิวภายนอกโครงการทิศที่โปร่งโล่งก็จะมีทิศเหนือ ตะวันตก และทิศใต้ ส่วนทิศตะวันออกควรเลือกห้องชั้น 4 ขึ้นไปจะเลยหลังคาตึกแถวแล้วจะได้วิวระยะไกลค่ะ

สำหรับใครที่จะเข้ามาดู Sale Gallery ตอนนี้ที่ตั้งจะอยู่ในซอยแบริ่ง ฝั่งตรงข้ามกับซอยแบริ่ง 8 นะคะ

บรรยากาศภายใน Sale Gallery มีครบทั้ง Model และห้องตัวอย่างให้ดูด้วยค่ะ โดยทางโครงการได้เริ่มเปิด Pre-Sale กันแล้วช่วงวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Mega บางนา
  • BITEC บางนา
  • Dadfa Lasalle
  • Summer Lasalle
  • Lasalle Avenue
  • Central Plaza Bangna
  • Bangkok Mall
  • โรงเรียนบางกอกพัฒนา
  • โรงเรียนลาซาล Sence Andrew International School
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์
  • โรงพยาบาลศิครินทร์
  • สนามกอล์ฟราชนาวี บางนา


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ D Mark Condo @ ลาซาล รูปแบบเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้นที่มีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 99 ยูนิตบนเนื้อที่ดินประมาณ 341 ตร.วา สไตล์การออกแบบจะเป็นแนว Modern แฝงความ Tropical นิดหน่อยด้วยโทนสีเน้นไปทาง Monotone และตกแต่งด้านหน้าอาคารด้วย Facade สีไม้

เรามาดู Perspective ด้านหน้าอาคารกันหน่อย เราค่อนข้างชอบส่วนนี้นะคะ เพราะว่าด้านหน้านี้เป็นส่วนที่ติดกับถนนอาจจะมีความคึกคักไม่เป็นส่วนตัว ทางโครงการจึงออกแบบให้เป็นด้านทึบไป และมีช่องเปิดเฉพาะส่วนโถงทางเดินในแต่ละชั้นแทน ส่วนห้องพักอาศัยในทิศหน้าอาคารนี้จะขยับไปอยู่โซนด้านหลังเพื่อให้มีระยะห่างระหว่างถนนและห้องพักอาศัยมากขึ้น

เริ่มจากด้านหน้าทางเข้า-ออกโครงการ ใน Model ยังไม่ได้ติดตั้งรั้วไว้ให้ดูนะคะ แต่ของจริงการเข้า-ออกของที่นี่จะใช้เป็นระบบ Keycard Access ระยะใกล้ หรือการเอาบัตรขึ้นมาทาบกับเครื่องสแกนประตูรั้วถึงจะเปิดเข้า

ในส่วนการจัดฟังก์ชันในแต่ละชั้นจะมีความน่าสนใจที่ต่างกับโครงการขนาดเล็กทั่วไปอยู่ อย่างการนำ Lobby ขึ้นไว้ชั้น 2 แทนที่จะวาง Lobby ไว้ชั้นแรกเหมือนทั่วไปที่ได้ขนาดเล็กๆ หรือบางที่วาง Lobby ชั้นล่างเช่นกันมีขนาดใหญ่ แต่ก็จะไปกินพื้นที่จอดรถให้เหลือน้อยลงแทน ทำให้การเลือกวาง Lobby ไว้ชั้น 2 เรามองว่าค่อนข้างตอบโจทย์ในแง่ของการได้ขนาดใหญ่และไม่กินพื้นที่จอดรถ และได้ข้อดีเพิ่มอย่างความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงบรรยากาศดีกว่าเพราะ Lobby นี้ที่ติดกับสระว่ายน้ำด้วย

ส่วน Facilities หลักๆ ทั้งหมดก็จะอยู่ชั้น 2 เช่นกัน โดยขอแบ่งเป็น 2 โซน คือ Indoor และ Outdoor อย่าง Indoor ก็จะเป็น Lobby กับ Fitness ส่วน Outdoor คือ Co-Working Space (อยู่ในร่ม) ลักษณะจะคล้ายกับพื้นที่นั่งเล่นริมสระด้วย และทางโครงการจะวางเฟอร์นิเจอร์เช่น โต๊ะทำงานต่างๆ ไว้ให้เรานั่งทำงานได้ สุดท้ายคือสระว่ายน้ำค่ะ

สระว่ายน้ำแบบ Outdoor ขนาด 12.6 x 4.3 เมตร จัดเป็นขนาดที่สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้อยู่นะคะ ไม่เล็กไป ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวาง Day Bed และรอบข้างติดราวกันตกแบบกระจกมาให้ก็จะ Take View ภายนอกได้ดีมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้วิวระยะไกลขนาดนั้นนะคะ เพราะชั้น 2 นี้วิวก็จะอยู่ราวๆ ด้านบนหลังคาค่ะ

เรามาดูที่ Plan อาคารกันต่อนะคะ สำหรับชั้นล่างสุดของโครงการเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถเกือบทั้งหมดโดยมีช่องจอดทั้งหมดอยู่ที่ 41 คัน หากรวมซ้อนคันแล้วจะอยู่ราวๆ 50% ซึ่งถือว่าจำนวนจอดไม่น้อยไป อยู่ระดับมาตรฐานกับราคาโครงการนี้

ส่วนการขึ้นไปชั้นพักอาศัยจะมีจุดเดียวคือส่วนโถงลิฟต์เพื่อขึ้นตรงไปยัง Lobby ชั้น 2 ค่ะ

ชั้น 2 จะเป็นชั้นพักอาศัย และ Facilities โดยเมื่อขึ้นมาแล้วก็จะเจอกับ Lobby ก่อนเลย และหากลูกบ้านที่อยู่ในชั้นนี้ก็จะต้องเดินผ่าน Lobby เพื่อเข้าสู่โถงทางเดินนะคะ ในส่วนนี้เรามองว่าการออกแบบจะต้องค่อนข้างซีเรียสในเรื่องความปลอดภัยเพิ่มอีกหน่อย ควรมีการติดตั้งจุดสแกนบัตรอีกจุดตรงประตูทางเข้าโถงทางเดิน เพื่อให้ลูกบ้านในชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

สำหรับห้องพักอาศัยในชั้นนี้มีจุดเด่นและด้อยอยู่นะคะ ขึ้นอยู่ว่าเราพิจารณาอะไรเป็นหลัก จุดเด่นคือ ห้องพักอาศัยชั้นนี้ได้ Single Corridor ไม่มีห้องไหนเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม และใกล้ Facilities ด้วย ใช้งานก็สะดวก ส่วนข้อด้อยคือเรื่องวิว ชั้น 2 ที่ไม่ได้วิวในระยะไกล รวมไปถึงไม่มีห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำนะ ถ้าใครอยากได้ห้องวิวสระว่ายน้ำควรเลือกชั้น 3-4 ฝั่งหันเข้าหาสระว่ายน้ำจะได้วิวสระกำลังดีค่ะ

ชั้น Typical Floor Plan เริ่มตั้งแต่ชั้น 3-8 โดยจำนวนยูนิตต่อชั้นจะอยู่ที่ 15 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 49.5 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมาก

เรามาดูตำแหน่งห้องกัน หลักๆ เราขอแบ่งเป็น 2 โซน โดยแยกด้วยวิวนะคะ

  • โซนใน ได้วิวสระว่ายน้ำ : ห้องพักอาศัยจะมี 2 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกันนะคะ ห้องที่ได้วิวสระเด่นๆ และได้ความเป็นส่วนตัวด้วย เพราะมีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียวคือห้อง 10,11 (เส้นประสีเขียว) ส่วนห้อง 12-15 (เส้นประสีแดง) แปลนห้องจะลึกกว่า แต่หน้าแคบกว่าค่ะ
  • โซนนอก ได้วิวภายนอก : ห้องส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับห้องโซนในแล้วจะเป็นห้องหน้ากว้างกว่าพอสมควรเลย ดังนั้นข้อได้เปรียบคือเรื่องความโปร่งโล่งนะ และมีห้องใหญ่ขึ้นมาหน่อยสำหรับใครที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นก็จะเป็นห้อง 05-06 ส่วนห้องที่ตำแหน่งดีในด้านความเป็นส่วนตัวเลยคือห้อง 01 เพราะเป็นห้องเดียวที่ไม่มีผนังด้านในติดกับเพื่อนข้างห้องเลยค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนหย่อม
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 12.6 x 4.3 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • Co-Working Space
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 49.5 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 41 คัน คิดเป็นประมาณ 41% จอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 50%
  • พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card


Product Walkthrough

แบบห้องที่นี่มีหลาย Type นะคะ แต่ทั้งหมดจะเป็น 1 Bedroom ที่เน้นขนาดอยู่สบายๆ ไม่เล็กเกินไป โดยเริ่มตั้งแต่ 30 – 34 ตร.ม. ซึ่งก็จะเหมาะกับคนที่อยู่คนเดียวหรืออยู่ด้วยกัน 2 คนไม่เกินนี้กำลังดีค่ะ สำหรับจุดเด่นที่เป็นภาพรวมของ Product โครงการนี้มีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน คือ

ราคาแพกเกจกับขนาดห้องที่ได้ = เพราะส่วนใหญ่โครงการที่อยู่ติดถนนลาซาลเองเลย ซึ่งทำเลจะดีกว่าไม่ต้องเข้าซอยย่อยอีกที จะมีราคาแพกเกจที่เกาะกลุ่มกับโครงการอยู่ราวๆ 2 ล้านต้นๆ แต่ก็จะเป็นขนาดห้องที่เล็กกว่า เนื่องจากราคาต่อตารางเมตรที่สูงกว่านะคะ ดังนั้นใครที่งบเท่ากันแต่ให้ความสำคัญเรื่องขนาดห้องก็จะตอบโจทย์ค่ะ

ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ (Fully Furnished) = โครงการนี้มีรูปแบบการขายแบบ Fully Furnished และจัดว่าค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องงาน Built-in ตู้ต่างๆ ที่ให้มาขนาดใหญ่ และเกรดโอเคเลยเมื่อเทียบกับราคา

สำหรับห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดไว้จะมี 2 Type ด้วยกันนะคะ คือ Type A ขนาด 30.60-31.59 ตร.ม. โดยเป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการค่ะ การจัดแปลนของห้องนี้จุดเด่นคือห้องหน้ากว้าง ตรงบริเวณ Common Area และห้องนอน บวกกับระหว่างห้องนอนและ Common Area กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกด้วย จึงทำให้บรรยากาศด้านในโปร่งโล่งมากขึ้น แสงเข้าถึงทั่วทั้งห้อง

อีกประเด็นในแง่การจัดผังของแปลนนี้คือการจัดโซน Service ซึ่งประกอบด้วย ห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงซักล้างไว้ในโซนเดียวกันทั้งหมด ข้อดีคือ การใช้งานที่สะดวก เช่น ตำแหน่งครัว เป็นครัวปิดติดระเบียง สามารถระบายอากาศ ความชื้นต่างๆ ได้ดี เหมาะสมกับการทำอาหารจริงจัง

เรามาเริ่มดูกันตั้งแต่หน้าห้องเลย ประตูเป็น HDF ปิดผิวด้วยลามิเนต ขนาดของประตูให้มามาตรฐานนะคะ และมีให้ Digital Door Lock จาก Colt มาด้วยโดยสามารถเปิดประตูได้ 3 รูปแบบคือ Keycard, Password และกุญแจค่ะ

เข้ามาภายในห้องในส่วนนี้จะเห็นว่าบรรยากาศห้องโปร่งโล่งทีเดียวนะคะ เพราะความกว้างห้องส่วนนี้ได้มากถึง 3.2 ม. เลย ข้อดีนอกจากโปร่งโล่งแล้วก็จะเป็นเรื่องของความกว้างทางเดินที่เดินได้สบายๆ เลยค่ะ

พื้นที่ให้มาในส่วน Common Area และห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนตนะคะ

เราย้อนกลับมาดูรายละเอียดต่างๆ ในส่วนห้องนั่งเล่นกัน สำหรับขนาดของพื้นที่นั่งเล่นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.2 x 3.25 ม. ส่วนระยะทีวีจะอยู่ราวๆ 2.9 ม. ซึ่งระยะนี้สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายๆ โดยไซส์ทีวีที่เหมาะจะอยู่ที่ 50″

สำหรับโซนนี้จัดฟังก์ชันได้ 2 ฟังก์ชันหลักคือ พื้นที่นั่งเล่น (โซฟา) และพื้นที่รับประทานอาหาร (โต๊ะ+เก้าอี้)

ชุดโซฟาที่ได้เป็นโซฟา 2 ที่นั่งบุผ้า พร้อมโต๊ะกลางขนาดกำลังดีนะคะ สำหรับเราว่าไม่เล็กไป สามารถวางคอม หรือวางของกินเล่นได้ หรือถ้าใครรู้สึกว่าขนาดไม่พอจะเปลี่ยนโต๊ะเป็นขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้นะคะ เพราะมีพื้นที่เหลือด้านข้างและตรงทางเดินพอสมควรเลย

สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง จัดมากำลังดีนะ นั่งได้สบายๆ ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามได้ชุด Built-in เต็มชุด อย่างฝั่งขวามือเป็นตู้เก็บของสามารถวางของต่างๆ หรือจะใช้เป็นตู้วางรองเท้าก็ได้นะคะ แต่ถ้าสังเกตตรงชั้นวางรองเท้าจะไม่ได้เอียงๆ เหมือนชั้นวางรองเท้าทั่วไปนะคะ เราว่าถ้าใส่รองเท้าในกล่องพลาสติกก่อนวางบนชั้นวางทีวีจะเรียบร้อยกว่า

ถัดมาก่อนจะเข้าห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ซึ่งความพิเศษจากความหน้ากว้างของห้องทำให้สามารถทำประตูบานเลื่อนแบบบานเปิดคู่ได้ ทำให้ได้ความกว้างของช่องเปิดมากขึ้นกว่าประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่เรามักเห็นในโครงการอื่นๆ ส่วนใหญ่

ส่วนที่แอบเสียดายที่วางเครื่องปรับอากาศไว้บนประตู เพราะถ้าได้ประตูบานเลื่อนสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานจะช่วยให้บรรยากาศห้องโปร่งมาขึ้นอีกเยอะเลย

ภายในห้องนอนจัดว่าได้ค่อนข้างลึก ทำให้วางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมกับได้โต๊ะข้างเตียงอีก 2 ฝั่งพอดีๆ และมีทางเดินรอบเตียงให้เดินได้ง่าย ส่วนปลายเตียงจะไม่มีที่วางทีวีนะ เพราะออกแบบเป็นพื้นที่เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทั้งหมดอย่างตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

สิ่งที่ได้ตรงเตียงนอนจะเป็นส่วนฐานเตียง + หัวเตียง ขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่ง ซึ่งลูกค้าซื้อเพิ่มก็จะมีแค่ฟูกเตียงเท่านั้นค่ะ

โต๊ะข้างเตียงที่ให้มาค่อนข้างดีเลยนะคะ เพราะด้านบนใช้วางของต่างๆ ได้แล้วก็มีลิ้นชักเก็บ และช่องเก็บของด้านล่างได้อีกจุดด้วย

ใต้เตียงมี Details เป็นลิ้นชัก 2 อันไว้สำหรับเก็บของต่างๆ ได้

ด้านข้างเตียงเป็นชุดหน้าต่างขนาดโอเคเลยนะ เกือบสูงถึงผนังด้านบน และมีหน้าต่างบานกระทุ้งอีก 2 ฝั่งระบายอากาศได้ค่ะ

ปลายเตียงเป็นชุด Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งให้ อย่างโต๊ะเครื่องแป้งก็จะทำลิ้นชักไว้เก็บของได้ ขนาดความกว้างกำลังดี ไม่เล็กไป ที่เราบอกแบบนี้เพราะนิสัยสาวๆ มักจะมีเครื่องสำอางค์กันเยอะ เวลาจะใช้ก็ต้องมาเรียงเฉด เรียงของก่อนเลือกหยิบ อิอิ

ส่วนตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อนไม่กินพื้นที่ทางเดินดีนะคะ ด้านใน Built-in ชั้นเก็บของ ลิ้นชัก และราวแขวนเสื้อผ้าต่างๆ ให้เรียบร้อย

ถัดมาส่วนครัวตรงประตูนี้ทางโครงการไม่ได้ทำไว้ให้นะคะ แต่เราแนะนำว่าให้ติดตั้งประตูเพิ่ม จะเป็นแบบบานเลื่อนกระจกก็จะเหมาะสมสุด เพราะได้ทั้งครัวปิดทำอาหารหนักได้กลิ่นไม่ออก แสงธรรมชาติเข้ามาถึงส่วนพื้นที่นั่งเล่นได้ด้วย รวมไปถึงไม่กินพื้นที่ทางเดิน แต่ถ้าอยากได้พื้นที่เป็นสัดส่วนเลยจะใช้ประตูบานเปิดแบบทึบได้นะคะ เพราะพื้นที่ครัวค่อนข้างกว้างสามารถใช้บานเปิดได้อยู่ค่ะ

สำหรับพื้นที่ครัวจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ซึ่งการปูกระเบื้องแบบนี้ถือว่าเหมาะกับการใช้งานจริงนะคะ เพราะเวลาเราทำกับข้าวต่างๆ อาจจะมีหกเลอะเทอะบ้าง กระเบื้องจะทำความสะอาดและคงทนในการใช้งานมากกว่าลามิเนต

ขนาดพื้นที่โดยรวมของครัวค่อนข้างกว้างเลยนะคะ วัดแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 2.6 x 1.7 ม. ส่วนระยะความกว้างทางเดินอยู่ราวๆ 1.1 ม. เวลาเดินไปมาหรือใช้งานจริงๆ ค่อนข้างสะดวก

และในห้องครัวนี้ส่วนที่ได้คือเคาน์เตอร์ครัวพร้อมชั้น Built-in ด้านบน เดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดกัน

เริ่มจากส่วนเคาน์เตอร์ครัวกันก่อน ตรงผนังเคาน์เตอร์ทางโครงการให้มาเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ ถ้าให้เราแนะนำเพิ่มในการต่อเติมเล็กๆ น้อยๆ ตรงนี้ ก็จะให้กรุกระเบื้องหรือกระจกเพิ่มเพื่อทำเป็น Back splash จะดีมากๆ เวลาทำอาหารน้ำมันหรือเศษอาหารกระเด็นเข้าผนังจะได้ทำความสะอาดง่าย

ส่วนท็อปเคาน์เตอร์ให้เป็น Particle ปิดผิวลามิเนตกันน้ำ ในการใช้งานสามารถทนความชื้นได้ระดับนึงนะคะ แต่ไม่เหมาะกับการปล่อยน้ำขังทิ้งไว้นานๆ ส่วนด้านล่างทำลิ้นชัก ช่องเก็บของ และช่องสำหรับวางไมโครเวฟให้เรียบร้อย บานเปิดทั้งหมดด้านล่างกรุด้วยลามิเนตและให้ Soft Close มา โดยรวมแล้วเกรดโอเคเลย

Sink หลุมเดียวจาก EVE

ส่วน Hob & Hood จาก MEX หัวเตาได้มา 2 หัวเตานะคะ ส่วน Hood จะเป็นระบบหมุนเวียนทั่วไป

ตู้ Built-in ด้านบนบานเปิดจะเป็น Glossy นะคะ และเป็น Soft Close เช่นเดิม ภายในตู้ปิดผิวให้เป็นลามิเนต มีช่องเก็บของค่อนข้างเยอะเลยนะ

ถัดมาที่ส่วนระเบียงห้อง ตรงนี้กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน

พื้นที่ระเบียงขนาดทั้งหมดจะอยู่ที่ราวๆ 1.7 x 0.95 ม. แต่เมื่อวางเครื่องซักผ้า (ขนาดเครื่องซักผ้าในห้องตัวอย่างอยู่ที่ 7 กิโลกรัม) จะเหลือพื้นที่สำหรับซักล้างหรือตากเสื้อผ้าต่างๆ ประมาณ 0.95 x 0.9 ม.

ส่วนด้านข้างนอกจากวางเครื่องซักผ้าแล้วด้านบนจะเป็นที่วาง CDU แอร์นะคะ โดยทิศทางลมเป่ามาด้านข้างนะ อันนี้ถ้าอยากให้เป่าออกด้านนอกแค่ซื้อกริลล์มาเบี่ยงทิศทางลมได้นะ

เรามาดูภายในห้องน้ำกันต่อนะคะ สิ่งที่เราชอบตั้งแต่หน้าห้องน้ำคือการลดระดับพื้นให้แทนที่เป็นธรณียกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสำหรับเรารู้สึกสะดวกในการใช้งานมากกว่า ส่วนภายในแบ่งโซนเปียกและแห้งไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

ภายในห้องน้ำมีสิ่งที่ได้และไม่ได้ตามห้องตัวอย่างนะคะ สิ่งที่ไม่ได้มี 2 อย่างด้วยกันคือ ฉากกั้นกระจก และ Rain Shower ทั้งนี้เราแนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นกระจกเพิ่มเติมนะคะ เพราะในการใช้งานจริงค่อนข้างดีเลย ช่วยให้น้ำไม่กระเด็นออกมายังโซนแห้งได้ดี ราคาฉากกั้นแบบนี้ก็มีหลายระดับราคาอยู่นะ เริ่มต้นหลักพันต้นๆ ก็มีอยู่ค่ะ

ส่วนสุขภัณฑ์อื่นๆ ได้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ เช่น อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์จาก Cotto ด้านหลังมีให้ Low Wall สำหรับวางใช้ต่างๆ ได้

ในส่วนขนาดของพื้นที่อาบน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 0.7 x 0.6 ม. นะคะ เป็นขนาดที่เราสามารถเลือกฉากกั้นกระจกแบบบานเปิดได้อยู่นะ พอมีระยะเหลือเล็กน้อย ไม่ติดผนัง

ฝักบัวที่ได้จะเป็นฝักบัวสายอ่อน (Hand Shower) จาก Prima ค่ะ

สำหรับห้อง Type B เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.97-31.24 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับ Type A เลยนะคะ แต่ที่แตกต่างกันคือส่วน Layout Plan จากหน้ากว้างของ Type A มา Type B นี้จะเป็นแนวแคบลึกแทน ซึ่งหากพูดถึงความโปร่งโล่ง Type A จะได้เปรียบกว่านะ แต่ Type B นี้ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่เช่นกัน

  1. วิว = หากย้อนกลับไปดูตำแหน่งของที่ Typical Floor Plan จะเห็นว่าตำแหน่งห้อง Type นี้หันเข้าหาสระว่ายน้ำนะ ดังนั้นก็จะได้เปรียบในเรื่องของบรรยากาศและวิวภายนอกมากกว่า
  2. มีฟังก์ชัน + พื้นที่ใช้สอยบางโซนมากขึ้น = เช่น ในห้องนอนมีมุมนั่งทำงานติดหน้าต่างมาให้ด้วย หรือส่วนครัวที่ได้ชุด Built-in เพื่อเก็บของหรือสะสมของมากขึ้น รวมไปถึงมุมพื้นที่รับประทานอาหารที่สามารถปรับให้เป็นพื้นที่กินข้าว 4 ที่นั่งได้

เข้ามาภายในห้องเราจะเจอส่วน Common Area (พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร) ก่อน โดยความกว้างของพื้นที่นี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.3 ม. หน้าห้องอาจจะแคบกว่าห้องที่แล้วนะคะ แต่ความรู้สึกไม่ได้แคบมากนัก เนื่องจากว่าแสงสามารถเข้าถึงในส่วนนี้ได้ค่อนข้างดี

หันกลับมาดูรายละเอียดพื้นที่นั่งเล่นก่อนนะคะ เริ่มจากระยะทีวีตรงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2 ม. นะ ไซส์ทีวีที่เหมาะคือไซส์ 3.2″ ค่ะ ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาจะได้เหมือนห้องที่แล้วนะคะ

ส่วนชุด Built-in ที่เป็นชั้นวางทีวีพร้อมชั้นเก็บของด้านข้างจะได้เหมือนกับห้องที่แล้วเช่นกันค่ะ

ถัดมาด้านข้างชุดโซฟาจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เป็นมาตรฐานจะเหมือนในห้องตัวอย่างเลยคือโต๊ะและเก้าอี้ 2 ตัว ซึ่งจากที่เราดูแล้วพื้นที่ส่วนนี้เหลือค่อนข้างเยอะนะ และขนาดโต๊ะสั้นไปหน่อยสำหรับวางเก้าอี้ 2 ตัวแนวยาวได้ เราคิดว่าถ้าใครอยู่ด้วยกัน 2 คนและมีงบเหลือสำหรับซื้อชุดโต๊ะยาวขึ้นมาหน่อยให้พอดีกับพื้นที่ จะสามารถวางเก้าอี้นั่งได้ 2 คนสบายๆ เลยค่ะ

ถัดมาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ สำหรับประตูห้องนอนนี้กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน

รูปแบบการจัดภายในห้องที่มีลักษณะห้องตอนลึกของที่นี่คือวางตู้เสื้อผ้าไว้ด้านข้างเตียงนะคะ ดังนั้นส่วนปลายเตียงของห้องนี้เราจะสามารถแขวนทีวีได้ ซึ่งแตกต่างจากห้องที่แล้วที่ปลายเตียงใช้เป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

ส่วนขนาดเตียงได้ 5 ฟุตเช่นเดิมนะคะ สเป็คเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เหมือนห้องที่แล้ว พร้อมโต๊ะข้างเตียง 1 ด้าน

ส่วนมุม Highlight ของห้องนี้ก็จะเป็นพื้นที่ทำงานติดหน้าต่างนี่เองค่ะ ซึ่งตรงมุมนี้ทางโครงการจะให้โต๊ะทำงานแบบในห้องตัวอย่างมาด้วยนะคะ ขนาดเราว่ากำลังดีเลย จะใช้เป็นโต๊ะทำงานก็ได้ หรือเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ดี เพราะตำแหน่งโต๊ะอยู่ติดหน้าต่างเวลาแต่งหน้าใช้แสงจริงได้เลย สาวๆ น่าจะชอบเพราะแสงจริงทำให้เราแต่งหน้าไม่ลอยเนอะ

ถัดมาที่ส่วนครัวนี้ ทางโครงการจะไม่ได้ให้ประตูกั้นมาให้นะคะ แต่ลูกค้าสามารถติดตั้งเพิ่มเติมเองได้เลย โดยรูปแบบประตูที่เหมาะที่สุดก็จะเป็นประตูบานเลื่อนกระจก เลื่อนไปซ่อนด้านหลังผนังฝั่งขวามือของรูปได้ค่ะ

จุดเด่นของวัสดุที่เราพูดถึงไปก่อนหน้าคือชุด Built-in ห้องนี้นี่เองค่ะ เพราะได้ชั้นเก็บของที่เชื่อมกับชุดครัว รวมกันแล้วเป็นขนาดใหญ่เลยทีเดียวนะคะ ทำให้ห้องครัวมีพื้นที่เก็บของเยอะเลย

ด้านในชุด Built-in มีชั้นไว้สำหรับเก็บของได้หลากหลายดีนะ อันนี้ไม่จำเป็นต้องวางแต่ของใช้ในครัวก็ได้นะคะ จะเป็นของตั้งโชว์อื่นๆ ก็ได้เช่นกัน

ในส่วนชุดครัวจะได้สเป็คและขนาดที่เหมือนกับห้องครัว Type A เลยค่ะ

ส่วนด้านข้างเคาน์เตอร์ที่วางเครื่องซักผ้าอยู่นั้น จะเป็นพื้นที่ว่างนะ สามารถวางของอื่นๆ ได้ เช่น ถังขยะ หรือชั้นเก็บของเพิ่มเติมได้ ส่วนตำแหน่งเครื่องซักผ้าจะวางอยู่ด้านนอกระเบียงค่ะ

ส่วนระเบียงห้องนี้จะมีขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อยนะคะ โดยหากวางเครื่องซักผ้าไปแล้วจะเหลือพื้นที่ใช้งานอยู่ประมาณ 0.9 x 0.6 ม. นะ

ส่วนตำแหน่ง CDU แอร์ก็จะเหมือนห้องที่แล้ว คือวางหันเข้าระเบียงค่ะ ถ้าอยากให้ลมร้อนเป่าออกด้านนอกก็สามารถติดกริลล์เบี่ยงลมร้อนได้เช่นเดียวกัน

ปิดท้ายด้วยห้องน้ำของห้องนี้การจัดตำแหน่งต่างๆ จะเหมือนห้องที่แล้วนะคะ คือวางเรียงโซนแห้งเข้าไปโซนเปียกด้านใน แต่ไม่มีฉากกั้นกระจกแยกโซนทั้ง 2 ให้เช่นเดิมนะ แต่เพื่อการใช้งานแยกเป็นสัดส่วนแล้วเราแนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นเพิ่มกันนะ

เรามาดูพื้นที่อาบน้ำจะอยู่ราวๆ 0.8 x 1 ถือว่าขนาดกำลังดีนะ ไม่เล็กไป

สุดท้ายคือฝักบัวสายอ่อนจาก Prima เช่นเดิม พร้อมกับด้านข้างเจาะช่องสำหรับวางครีมแชมพูต่างๆ ได้ ซึ่งสามารถจุของได้ดีกว่าห้องที่แล้วนะที่ให้เป็นที่วางสบู่มาค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 July 2019

  • ราคาเริ่มต้น 1.98 ล้านบาท (ขนาด 30 ตร.ม.)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการต่อตารางเมตรอยู่ที่ 74,000 บาท (เนื่องจากเรายังไม่ได้ราคาแต่ละ Type ห้องมานะคะ หากคุณผู้อ่านสนใจจะซื้อห้องขนาดไหนให้เอาพื้นที่ใช้สอยลองคูณกับราคาเฉลี่ย/ตร.ม. 74,000 บาท ดูก่อนนะคะ เพื่อสำรวจราคาเบื้องต้นก่อนตัดสินใจค่ะ)

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อป Particle ปิดผิวลามิเนตกันน้ำ
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อง MEX
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 บาท
  • ดาวน์ 10-12% ผ่อนดาวน์ 7,000 บาท/งวด + บอลลูน 20,000 บาท/งวด (จำนวน 3 งวด)
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : โครงการ D Mark Condo @ ลาซาล ตั้งอยู่ในซอยลาซาล 8 บริเวณสุดซอย โดยลึกจากหน้าปากซอยที่ติดกับสุขุมวิทประมาณ 650 ม. ค่ะ ในส่วนบรรยากาศในทำเลนี้เรามองว่าเป็นบรรยากาศชุมชนดั้งเดิมที่เหมาะกับการอยู่อาศัยดี เพราะในแง่ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ จัดว่าครบนะ มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอดในซอย รวมไปถึงตลาดใกล้ๆ ให้ไปซื้อของกิน หรือของสดทำอาหารกันได้ และที่สำคัญในแง่ค่าครองชีพก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญเหมือนกันที่เราต้องดูว่าตัวเราเองเหมาะสมกับทำเลนั้นๆ ด้วยไหม ซึ่งหากดูจากระดับราคาโครงการนี้แล้ว กลุ่มคนซื้ออยู่น่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศที่ทำงานในเมือง เน้นการใช้ BTS เป็นหลัก หรือคนในย่านที่ต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยออกมาจากครอบครัวเดิม เรื่องของค่าครองชีพเรามองว่าทำเลนี้ค่อนข้างตอบโจทย์คนเหล่านี้ เพราะไม่แพงเกินไป เป็นราคาที่ซื้อกินได้ทุกวัน

การเดินทางโดยใช้รถ : โดยรวมเรามองว่าสะดวกนะคะ เพราะซอยลาซาลเองเป็นซอยหลักที่สามารถเชื่อมระหว่างถนนใหญ่อย่างสุขุมวิทและศรีนครินทร์ได้ รวมไปถึงการเชื่อมระหว่างซอยหลักอย่างลาซาล-แบริ่งเองก็ได้เช่นกัน และสิ่งสำคัญคืออยู่ไม่ไกลจากทางพิเศษ 3 จุดด้วยกัน ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร เพื่อวิ่งเข้าเมืองด้านใน หรือจะเป็นทางพิเศษบูรพาวิถี วิ่งไปทางสุวรรณภูมิ, ชลบุรี สุดท้ายคือถนนกาญจนาภิเษกหรือมอเตอร์เวย์ค่ะ

ส่วนเรื่องที่จอดรถโครงการก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มาคิดในแง่การเดินทางโดยใช้รถด้วยนะคะ ซึ่งจากที่โครงการให้มาอยู่ที่ 50% รวมซ้อนคัน เมื่อเทียบกับระดับราคาคอนโดแล้วก็ถือว่าให้มาไม่น้อยไปค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : สำหรับใครที่ไม่ได้ขับรถเอง การเดินทางด้วยรถสาธารณะจากตัวโครงการเองหรือการเข้าถึงโครงการเองเรามองว่าโอเคนะ แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ง่าย แต่ก็มีระยะราวๆ 650 ม. คือถ้าใครฟิตๆ ก็พอจะเดินได้อยู่ เพราะระหว่างทางมีร้านค้าร้านอาหาร และฟุตบาทตลอด ทำให้เดินได้ไม่ยาก และไม่เปลี่ยว แต่ถ้าใครเดินไม่ไหวสามารถต่อวินมอเตอร์ไซค์ได้ไม่ยากนะคะ เพราะหน้าปากซอยลาซาลก็มีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ให้นั่งเข้า และหน้าปากซอยลาซาล 8 เองฝั่งตรงข้ามก็มีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกไป BTS หรือหน้าปากซอยได้ สนนธิราคาราวๆ 10-15 บาท

วัสดุ : รูปแบบการขายของโครงการเป็น Fully Furnished คือได้เฟอร์นิเจอร์ครบ จะเข้าอยู่จริงก็เผื่อเงินซื้ออุปกรณ์หลักๆ ไม่มากแล้ว เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและฟูกเตียงนะคะ ส่วนเกรดของวัสดุที่ได้ถือว่าโอเค ตามระดับราคา สิ่งที่เราชอบเป็นพิเศษจะเป็นพวกชุด Built-in ที่ทำมาให้เยอะดี ส่วนที่เรามองว่าโครงการขาดไปและเป็นสิ่งที่น่าจะได้มาในมาตรฐานก็จะเป็นพวก ประตูครัว ที่ทำเป็นครัวปิดได้แต่ไม่ได้ให้มาลูกบ้านต้องทำเองเพิ่ม และฉากกั้นกระจกในห้องน้ำที่ถ้าได้คือจะดีมากค่ะ

การออกแบบ : ในเรื่องการออกแบบเราของแบ่งเป็น 2 ประเด็นใหญ่ๆ นะคะ คือ 1. ตัวโครงการ และ 2. ห้องพักอาศัย

  1. ตัวโครงการ : การออกแบบโดยรวมโอเค มาตรฐาน ความหนาแน่นต่างๆ ทั้งจำนวนยูนิตต่อชั้น และอัตราส่วนลิฟต์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่หนาแน่นไป ส่วนที่จะพูดถึงหลักๆ จะเป็นเรื่องจากจัดวางฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางได้น่าสนใจดี คือการดัน Lobby ไปไว้ชั้น 2 ติดกับโซน Facilities เลย ซึ่งถ้าถามความเห็นเรามันจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ ขึ้นอยู่กับว่าพิจารณาในแง่ไหน สำหรับข้อดีคือ ได้ Lobby ขนาดใหญ่ วิวสระว่ายน้ำ เพราะถ้าเทียบกับโครงการขนาดใกล้เคียงกัน ส่วนใหญ่มักเลือกวาง Lobby ไว้ด้านล่างขนาดก็จะเล็กหน่อย เนื่องจากจะได้ไม่ไปกินพื้นที่จอดรถชั้น Ground มากนัก ส่วนข้อเสียก็จะเป็นเรื่องความเป้นส่วนตัวและความปลอดภัย หากวางระบบการเข้า-ออกไม่ดี กรณีมี Visitor หรือแขกลูกบ้านมาการเข้าถึง Lobby เป็นเรื่องปกติ แต่ Lobby นี้อยู่ติดกับ Facilities และห้องพักอาศัยอาจทำให้ลูกบ้านรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวได้ ซึ่งถ้ามี Keycard ให้สแกนเข้าอีกต่อนึงจะแก้ปัญหาส่วนนี้ได้นะ
  2. ห้องพักอาศัย : โครงการนี้เน้นห้องพักอาศัยไซส์ไม่ใหญ่ เน้นอยู่กันห้องละ 1-2 คนกำลังดี การจัดผังห้องทั้งหมดจึงเป็น 1 Bedroom ขนาด 30-34 ตร.ม. ด้วยไซส์ประมาณนี้จะค่อนข้างอยู่สบายนะ ไม่เล็กจนเกินไป ซึ่ง Type ที่ทางโครงการทำออกมามีหลายแบบเหมือนกัน แต่การจัดวางด้านในใกล้เคียง ที่ต่างกันจริงๆ เป็นในแง่ของหน้ากว้าง-หน้าแคบ และวิวที่ได้ โดยจากที่เราไปดูห้องตัวอย่างมา ก็จะเห็นข้อดีที่ต่างกันไปนะคะ

ห้อง Type A : เด่นตรงห้องหน้ากว้าง บรรยากาศในห้องจะโปร่งโล่งมากทีเดียว
ห้อง Type B : จุดเด่นคือวิวสระว่ายน้ำ แต่รูปแบบจะเป็นห้องหน้าแคบ

สาธารณูปโภค : โดยรวมแล้วให้มาครบครันนะคะ สำหรับโครงการขนาดเล็กก็ถือว่าขนาดที่ได้กำลังดีไม่เล็กไป อย่างสระว่ายน้ำขนาด 12.6 x 4.3 ม. มี Fitness ให้ มี Lobby ให้ และ Co-Working Space ที่เป็นรูปแบบ Semi-Outdoor นะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 74,000 บาท/ตร.ม., 5 July 2019

  • ทำเล 7.75/10 – ความอุดมสมบูรณ์ครบ ทั้งร้านอาหารริมทางและตลาด
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ซอยลาซาลเชื่อมเข้าสุขุมวิทและศรีนครินทร์สะดวก ใกล้ทางด่วน และได้ที่จอดรถ 50% รวมซ้อน
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจาก BTS 650 ม. แต่เรียกวินมอเตอร์ไซค์ง่าย
  • วัสดุ 7/10 – ได้ Fully Furnished เกรดโอเค แต่น่าจะได้ประตู หรือฉากกั้นกระจกเพิ่ม
  • แบบ 7.5/10 – วางผังมาได้โอเค มีความน่าสนใจ ส่วนตัวห้องผังลงตัว
  • สาธารณูปโภค 7/10 – ได้ครบ ตามมาตรฐานทั่วไป

  • MAIN CLASS
  • 7.5 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ D Mark Condo @ ลาซาล เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านลาซาล-แบริ่ง ในราคาไม่แรง แต่เกาะรัศมีรถไฟฟ้าสายหลักวิ่งตรงไปในเมืองได้สะดวก ชอบโครงการขนาดเล็ก ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ และมี Facilities พื้นฐานให้ใช้ 


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving