รีวิวฉบับที่ 2145 … เสร็จไปอีกหนึ่งโครงการบนถนนลาดพร้าวจากเมเจอร์ฯ กับ MARU ลาดพร้าว 15 คอนโด High Rise 30 ชั้น ที่ห่างจาก MRT ลาดพร้าวเพียง 70 เมตร ภายในเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 332 ยูนิตเท่านั้น และยังคงมาพร้อมกับแนวคิด Pet Friendly เอาใจกลุ่มอยากเลี้ยงสัตว์ในคอนโดได้ด้วย แถมส่วนกลางทำเสร็จออกมาแล้วก็ดูดีเหมือนในภาพ Perspective ที่เคยเห็นกันมา ในราคาเริ่มต้น 3.78 ล้านบาท ลองเข้าไปชมกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

20 October 2020

  • Maru Ladprao 15 (มารุ ลาดพร้าว 15)
  • MJD Residences Company Limited (บริษัทในเครือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน))
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร
  • ที่ดินประมาณ 1-3-07 ไร่
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 332 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิต
  • ที่จอดรถ 158 ช่องจอด คิดเป็น 47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง :  2018
  • แล้วเสร็จ : 2020
  • Studio S 30.15 – 30.29 ตร.ม.
  • 1Bedroom smart – SS 30.15 – 30.29 ตร.ม.
  • 1Bedroom A 33.32 – 35.14 ตร.ม.
  • 2Bedroom 1 Bath – B 50.63 -54.06 ตร.ม.
  • 2Bedroom 2 Bath – C 56.61 – 60.40 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร (มีแบบสูงพิเศษ 3.50 เมตร ที่ชั้น 24)
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.78 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 126,000 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 140,000 บาท/ตร.ม.
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1266

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.807702, 100.571186
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ MARU ลาดพร้าว 15 ปัจจุบันก็สร้างเสร็จและเป็นที่สังเกตได้ง่ายนะครับ ตัวโครงการตั้งติดถนนลาดพร้าว อยู่ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 และ 17 ซึ่งจะมีระยะห่างจาก MRT ลาดพร้าว (ประตู 3) ประมาณ 70 เมตร เท่านั้น มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินได้สะดวกอย่างร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารให้เลือกค่อนข้างเยอะ ส่วนห่างออกไปหน่อยก็จะมี BigC Extra+Hompro(350ม.) 2.ยูเนียนมอลล์(1.1 กม.) 3.Central Plaza ลาดพร้าว(1.6 กม.) คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ

ถ้าใครสนใจอยากอ่านรายละเอียดของทำเลโครงการ ในรีวิวก่อนหน้าเราได้เขียนเกี่ยวกับทำเลโครงการนี้ไว้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว สนใจอ่านเพิ่ม คลิก > ทำเล Maru ลาดพร้าว 15

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

มาดูพื้นที่รอบๆโครงการในแนวราบบนถนนลาดพร้าวกันก่อน จะเป็นแนวอาคารตึกแถวซะส่วนใหญ่ เรียกว่าแทบทุกฝั่ง ทั้งฝั่งตรงข้าม และด้านข้างโครงการ 2 ฝั่งเลย ลองไปชมกันครับ

ทิศใต้ – ติดกับถนนลาดพร้าว ฝั่งตรงข้ามเป็นแนวตึกแถว 3-4 ชั้น เป็นฝั่งที่จะได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นมากที่สุด แต่ก็เป็นวิวที่คึกคักที่สุดเช่นกัน

ทิศตะวันออก – บริเวณที่ติดถนนลาดพร้าวจะเป็นตึกแถวยาว ส่วนด้านในจะมีอาคาร 7-8 ชั้นตั้งอยู่ ซึ่งห้องพักอาศัยของโครงการเราจะเริ่มที่ชั้น 7 ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกับวิวของห้องพักอาศัยนัก

ทิศเหนือ – เป็นฝั่งที่ค่อนข้างโล่ง เพราะจะเป็นฝั่งที่มองเข้าไปยังภายในซอย จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบซะส่วนใหญ่ครับ

ทิศตะวันตก – จะมีลักษณะคล้ายกับฝั่งทิศตะวันออก ที่บริเวณที่ติดถนนลาดพร้าวจะเป็นตึกแถวยาว ไปจนถึง MRT ลาดพร้าว ส่วนด้านในจะมีอาคาร 7-8 ชั้นตั้งอยู่ติดกับโครงการ

Image 1/10
ตรงข้ามพื้นที่โครงการจะเป็นแนวอาคารตึกแถว 4 ชั้น มีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อย่าง 7-Eleven ในระยะที่สามารถเดินได้ครับ มีสะพานลอยให้

ตรงข้ามพื้นที่โครงการจะเป็นแนวอาคารตึกแถว 4 ชั้น มีร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อย่าง 7-Eleven ในระยะที่สามารถเดินได้ครับ มีสะพานลอยให้

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ลองดูมุมมองรอบพื้นที่โครงการในแต่ละฝั่งจากชั้น 16 ของโครงการกันครับ เป็นชั้นที่อยู่กึ่งกลางอาคารพอดี จึงน่าจะช่วยให้พอเห็นภาพได้ง่ายหน่อย หลักๆแล้วก็ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด จะได้วิวค่อนข้างโล่ง และในแต่ละฝั่งก็มีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ลองไปชมแต่ละฝั่งกันครับ

  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ – เป็นฝั่งถนนลาดพร้าว จะมีอาคารสูงแค่ฝั่งตรงข้ามที่เป็น Life ลาดพร้าว 18 สูง 31 ชั้น
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – ฝั่งนี้จะไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้นัก จะมีอาคาร IDEO ลาดพร้าว 17 ให้เห็นไกลๆ 2 อาคาร ถ้าฝั่งตรงข้ามหน่อยจะเป็น Chapter One Midtown 37 ชั้น และ Whizdom Avenue 27 ชั้นครับ
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ฝั่งนี้ค่อนข้างโล่งเลยครับ แต่ไกลๆก็จะเห็น อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ที่สูงประมาณ 24 ชั้น
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ – เป็นอีกฝั่งที่โล่ง จะเห็น Big C และ อาคาร The Issara ลาดพร้าว ที่สูงที่สุดบนถนนเส้นนี้ที่ 47 ชั้น ในระยะไกล ก็สวยดีไปอีกแบบครับ

 

Image 1/5
มุมมองฝั่งทิศใต้จากชั้น 16 : จะมีอาคารสูงฝั่งตรงข้ามที่เป็นคอนโดลาดพร้าว 18 สูง 32 ชั้น ซึ่งก็ไม่ได้บังวิวนัก แต่อาจจะบีบมุมมองให้แคบลงไปนิดหน่อย

มุมมองฝั่งทิศใต้จากชั้น 16 : จะมีอาคารสูงฝั่งตรงข้ามที่เป็นคอนโดลาดพร้าว 18 สูง 32 ชั้น ซึ่งก็ไม่ได้บังวิวนัก แต่อาจจะบีบมุมมองให้แคบลงไปนิดหน่อย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • MRT ลาดพร้าว ทางออก 3 – 70 เมตร
  • Gourmet Market – 330 เมตร
  • บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า – 400 เมตร
  • สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก – 450 เมตร
  • Union Mall – 1.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น – 1.8 กิโลเมตร
  • Central ลาดพร้าว – 2.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนหอวัง – 2.5 กิโลเมตร
  • ตลาดนัดจตุจักร, สวนจตุจักร – 2.6 กิโลเมตร
  • สวนรถไฟ – 3.5 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

ตัวอาคารทำออกมาเป็นโทนสว่างที่ใช้สีขาว-เทา เป็นหลัก ดูคลีนๆสบายตา เหมือนกับในโมเดลที่เราเคยเห็นกันไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วเลย ตัวอาคารตกแต่งพื้นที่ภายในออกมาดู Modern น่าสนใจและน่าใช้งานในหลายๆส่วน และยังคงมาในแนวคิด Pet Friendly & Wellness Living คอนโดที่อนุญาตให้คุณเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจะจัดพื้นที่ให้สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ทำกิจกรรมร่วมกันกับเราได้ รวมไปถึงพื้นที่พักผ่อนในมุมต่างๆสำหรับลูกบ้านที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงก็จะได้ความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน โดยเงื่อนไขของการเลี้ยงสัตว์ของโครงการนี้คือ

  • สามารถเลี้ยงสัตว์เป็นขนาดเล็ก-กลาง จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
  • ลูกบ้าน 1 ห้องยูนิต สามารถเลี้ยงได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น
  • การพาสัตว์เลี้ยงขึ้นลงลิฟต์ จะต้องใช้ส่วนของ Service Lift เท่านั้น
  • ต้องพกอุปกรณ์ทำความสะอาดเวลาพาสัตว์เลี้ยงมาใช้ส่วนกลาง(ทำความสะอาดทันที)
  • สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปได้แค่เพียงชั้น 1 เท่านั้น
  • ก่อนเข้าต้องตรวจสุขภาพและลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงให้เรียบร้อย มีค่ามัดจำ 5,000 บาท
  • จะต้องเสียค่าส่วนกลางมากขึ้น 3,600 บาท/ปี

พื้นที่ชั้น 1 ก็จะจัดมาเป็นส่วนของพื้นที่ส่วนกลางลักษณะต้อนรับและพักผ่อนแบบที่เห็นในภาย โดยชั้นนี้จะเป็นชั้นเดียวที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงใช้งานร่วมกับเจ้าของได้ โดยจะมีให้ 2 พื้นที่เป็น Outdoor ทางฝั่งด้านหน้าและด้านหลังโครงการ ส่วนภายในโครงการจะเป็นพื้นที่ Lobby และ Co-Living Space 2 ชั้น ลองไปชมบรรยากาศกันครับ

ด้านหน้าเป็นป้อมรปภ.ที่ดูแลให้ตลอด 24 ชม. แยกทางเข้ารถและคนออกจากกันอย่างชัดเจน

ด้านข้างเป็นพื้นที่ทางเข้าสำหรับเดินเท้าครับ เข้าออกด้วยระบบ Keycard Access เช่นกัน

โดยทั้งทางเข้าของคนและรถที่แยกกันจะมีป้อม รปภ. คั่นอยู่ตรงกลาง สามารถดูแลได้ทั้ง 2 ฝั่งแบบชัดเจน

ปูพื้นด้วยกระเบื้องให้ที่ด้านหน้าทางเข้า จะเป็นส่วนของวงเวียน Drop Off ครับ

เข้ามาจะมีทางแยกไปยัง Drop Off และสวนด้านข้าง ลองไปชมสวนกันก่อนเลย

สวนส่วนหน้าโครงการนี้อนุญาตให้พาน้องหมาน้องแมวมาเดินเล่นพักผ่อนกันได้นะครับ โดยภายในจัดออกเป็นหลายจุด หลายมุม แยกความเป็นส่วนตัวได้ดีเลย

มีพื้นที่นั่งเล่นหลายมุม ทั้งแบบที่เป็นกลุ่มขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ใต้ร่มไม้บ้าง ใต้แนวระแนงบ้าง หลากหลายบรรยากาศดีครับ

ส่วนของ Drop Off ก็จะตกแต่งแนวอาคารด้วยระแนงไม้สไตล์ญี่ปุ่นครับ ดูเรียบร้อยสวยงามดี

ทางเข้าโครงการก็จะอยู่ตรงจุดนี้เลย แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปดูภายในอาคาร เราอ้อมไปดูพื้นที่รอบๆตัวอาคารกันให้ครบกันก่อนนะครับ

เดินมาด้านหลังยังคงเป็นพื้นแบบคอนกรีตพิมพ์ลายให้นะ ปกติโครงการทั่วไปจะไม่ค่อยทำพื้นแบบนี้ไว้ด้านในเพราะค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูง แต่จัดมาให้ก็ถือว่าดีเลย

ส่วนเข้าออกของโครงการจริงๆ จะอยู่ด้านในครับ เข้าออกด้วยระบบ Keycard แต่ต้องเปิดหน้าต่างลงมาทาบบัตรนะ ข้อดีของการเอารั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติมาไว้ตรงนี้คือด้านหน้าจะเข้าออกได้ค่อนข้างสะดวก Drop Off รับส่งแล้วก็วนออกไปเลย ไม่ต้องต่อคิวกันเข้า เพราะมี รปภ. ดูแลความปลอดภัยให้อยู่แล้ว

ด้านหลังจะมีพื้นที่จอดรถใต้อาคารให้อีกเล็กน้อย วนไปดูด้านหลังกัน ที่หัวมุมมีพื้นที่สวนสำหรับสัตว์เลี้ยงอีกจุดครับ จุดนี้จะออกแบบมาเพื่อน้องๆเลย

พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายจะมาจบตรงพื้นที่ขึ้นที่จอดรถบนอาคารครับ จะมี EV Charger มาให้ 2 ที่จอด ด้านหลังก็จะเป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารอีกนิดหน่อย

ด้านในจะมีมุมให้เลือกเยอะ เหมือนช่วงด้านหน้า แต่จะแตกต่างกว่าตรงที่ไม่ได้เป็นพื้นที่พักผ่อน แต่จัดเป็นพื้นที่กิจกรรมให้ทำร่วมกับน้องๆสัตว์เลี้ยงได้

มีพื้นที่เสาให้ออกกำลังกายสำหรับคน และพื้นที่นั่งเล่นให้เล่นกับน้องได้

มีลำธารน้ำให้ รวมถึงพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นในศาลา บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างร่มรื่นเลย

กลับเข้าไปภายในตัวอาคารครับ จะเป็นส่วนของพื้นที่ Lobby ที่ค่อนข้างกว้าง ไม่ได้พื้นที่รับรองให้มากนัก เพราะจะแยกไปยังส่วนด้านข้างที่แบ่งความเป็นส่วนตัวในการเข้าถึงด้วย Keycard ทำให้เป็นส่วนคัดกรองสำหรับลูกบ้านเท่านั้น

เข้ามาในส่วน Co-Living Space ด้านข้าง จะเป็นห้องที่มีความสูงแบบ Double Volume เป็นแนวกระจกเชื่อมต่อไปยังสวนด้านนอก พื้นที่นี้ออกแบบมาค่อนข้างสวยเลย แบ่งส่วนความเป็นส่วนตัวไว้ค่อนข้างดีด้วยพื้นที่ 2 ชั้น ทำให้มีมุมให้เลือกพักผ่อนที่หลากหลายด้วย

ด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเป็นกลุ่มครับ มีตู้หยอดสำหรับซื้อน้ำและขนมได้ด้วย

ส่วนด้านบนจะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เลยจัดเป็นพื้นที่ลักษณะห้องประชุม จะนั่งทำการบ้าน งานกลุ่ม หรือคุยงานจริงจังก็ได้

มุมมองลงไปก็สวยงามเหมือนกัน เห็นความเขียวของภายนอก และพื้นที่ภายนอกฝั่งหน้าทางเข้าตัวอาคารด้วย

ออกมาที่ Lobby กันอีกที จะเป็นแนวทางเดินที่มีช่อง Mail Box ยาวตลอดแนว ส่วนนี้ผมชอบนะครับ ดูเรียบร้อยและได้ความเป็นส่วนตัวดี แต่ละแถมจะมีทั้งหมด 10 ห้องครับ

หน้าโถงลิฟต์จะมีตู้ Smart Locker สำหรับฝากพัสดุได้ในกรณีที่นิติบุคคลปิดทำการ

หน้าตาโถงลิฟต์ก็จะดูเรียบหรูประมาณนี้ครับ มีลิฟต์โดยสารให้ 3 ตัว อัตราส่วนการใช้งานจะอยู่ที่ 111:1 ถือว่าไม่มากไม่น้อยรอไม่นาน อย่าลืมนะครับใครจะพาน้องสัตว์เลี้ยงขึ้นลง ให้ไปใช้ที่ลิฟต์เซอร์วิสเอานะ

ภายในลิฟต์จะตกแต่งคล้ายๆกับกรอบอาคารส่วน Drop Off ครับ เป็นแนวระแนงไม้สไตล์ญี่ปุ่น มีที่กดลิฟต์สำหรับคนนั่งรถเข็นด้วย

ชั้นนี้จะเป็นชั้นแรกของห้องพักอาศัยครับ ที่จะมีทั้งหมด 16 ยูนิต มีความพิเศษอยู่ตรงที่มีห้อง ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 4 ยูนิต ที่จะมีพื้นที่หลังห้องเป็นสนามหญ้าให้ด้วย ส่วนทางฝั่งทิศตะวันตก จะมีสวนให้ ทำให้ห้อง 3 ห้องรอบๆ ตรงนั้นจะได้เป็น Garden View ด้วย

ส่วนวิเคราะห์ผัง Typical Floor Plan ผมจะแยกไว้อีกทีด้านล่างนะครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 7 จะมีพื้นที่สวนให้ใช้งานได้เล็กน้อย ตรงนี้จะมีห้องที่ได้ Garden View ด้วยครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 24 เป็นชั้น Main Facilities ของโครงการ อย่างสระว่ายน้ำแยกสระเด็ก และห้องออกกำลังกาย ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นวิวไปทางถนนรัชดาภิเษก ถ้าใครอยู่ในห้องฟิตเนสก็จะมองไปทางแยกรัชโยธินไกลๆ เห็นตึกช้างด้วย เป็นสระว่ายระบบเกลือ ขนาด 4-6 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร| ซ้ายมือเป็นพื้นที่ของสระน้ำอุ่นที่คงอุณหภูมิไว้ที่ 30 องศาตลอดเวลา (สูงสุด 38 องศา) เหมาะสำหรับหน้าหนาวแช่น้ำรับลมชมดาวกันไป ติดกันกับพื้นที่ริมสระน้ำอุ่น จะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่นแบบกลางแจ้งให้มานั่งเล่นพักผ่อนใต้ต้นไม้ริมสระได้ และถัดไปทางซ้ายที่เห็นห้องนั้นคือ Co-Creation Room จะเป็นห้องขนาดกลางที่จัด Pantry ครัวและโต๊ะตรงกลางห้องเอาไว้ให้เพื่อมาจัดเตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่มเบาๆให้ใช้กันได้ในห้องนี้ อีกทั้งจุดเด่นก็คือช่องแสงรอบด้านด้วย จะมานั่งทำงานก็ได้เหมือนกัน

มาต่อกันที่ชั้น 24 ซึ่งเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางหลัก โถงลิฟต์จะเป็นแบบ Semi-Outdoor ครับ เปิดออกมาก็ได้รับลมเย็นของชั้น 24 เลย จะมีการแยกส่วนพื้นที่ห้องพักอาศัยออกจากกันอย่างชัดเจน ความพิเศษของห้องพักอาศัยของชั้นนี้ที่นอกจากจะเข้าใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายแล้ว ยังได้ฝ้าเพดานภายในห้องที่ยกสูงถึง 3.5 เมตรเลย ใครชอบความโปร่งโล่ง ก็ลองเข้ามาดูกันได้ครับ

เดินออกมาส่วนแรกจะเจอกับสระว่ายน้ำ Half-Olympic Swimming Pool และพื้นที่ริมสระ ให้เดินไปยังส่วนต่างๆของชั้นนี้

เป็นสระที่มีขนาดความยาวอยู่ที่ 25 x 4-6 เมตร (ช่วงกว้างมีหลายระยะ) จัดเป็นระยะความยาวที่ว่ายออกกำลังกายได้เลย จุดเด่นคือมีทั้งส่วนที่อยู่ในร่มและภายนอก ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายช่วงเวลา จะว่ายรับลมดูวิวตึกสูงด้านนอกก็ได้ หรือในกรณีที่ช่วงกลางวันแดดแรง หรือมีฝนตกก็ยังสามารถใช้งานด้านในได้เช่นเดิม

ด้านบนมี Gimmic เล็กๆคือมีดวงจันทร์ที่จะสว่างไสวตอนกลางคืนคอยสร้างบรรยากาศในโซนนี้ (มองเห็นจากตึกอื่นๆในย่านนี้เลยนะ) พร้อมทั้งวัสดุปิดผิวฝ้าที่เขาใช้เป็นกระจกเงา ช่วยทำให้ดูโล่งและกว้างมากยิ่งขึ้น

ด้านข้างมีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนให้เยอะเลย

เลยมาหน่อยก็มีสระเด็กให้มาเล่นกันได้ใกล้ๆผู้ปกครอง ทั้งที่ว่ายอยู่ในน้ำและพื้นที่พักผ่อนด้านข้าง

ย้อนกลับมาอีกฝั่งด้านในอาคารครับ จะเป็นส่วนของห้องออกกำลังกาย ตรงนี้จะมีที่ล้างตัวให้ด้วย ซ่อนเข้ามุมได้ความเป็นส่วนตัวดี เดี๋ยวเราเดินไปดูส่วนของสระว่ายน้ำกันให้เสร็จก่อน จากนั้นค่อยกลับเข้าไปดูภายในอาคารนะ

ลองเดินไปดูส่วนนอกอาคารกันครับ ช่วงในสระจะเป็นพื้นที่โล่ง รับลมและวิวได้เยอะ พร้อมแนวต้นไม้คอยสร้างบรรยากาศด้านข้าง ส่วนอีกฝั่งจะมีห้องกระจกที่มีกิจกรรมภายในเช่นกัน

เดินเลยห้องกระจกมากันก่อน ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้ง ส่วนตัวผมจัดว่าชอบเลย เพราะลมเย็นดีมากๆ และได้วิวค่อนข้างโล่ง เหมาะเป็นที่พักผ่อนของผู้ติดตาม หรือจะมานั่งเล่นเฉยๆก็ยังได้

ด้านในจะมีสระ Jacuzzi ที่ปรับอุณหภูมิภายในได้ให้มีความร้อนสูงสุดไม่เกิน 38 องศา

จากตรงนี้ก็มีทางขึ้นลงให้อีกทางด้วย ไม่ต้องอ้อมไปขึ้นลงที่ด้านใน

ย้อนกลับมาที่ห้องกระจกที่เราเดินผ่านมา จะมีห้อง Co-Creation Space สำหรับมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ ภายในมี Kitchen ให้ด้วย ถ้าใครอยากจัดงานปาร์ตี้ก็สามารถติดต่อนิติบุคคลของใช้งานห้องได้นะครับ ตรงนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเต็มอีกนิดหน่อย

ห้องออกกำลังกายมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยม ยกฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ปิดผิวด้วยกระจกเช่นเดิม จุดเด่นคือรับแสงได้ 3 ฝั่งเลย ทำให้ค่อนข้างโล่ง และได้วิว แถมยังช่วยให้คนที่ใช้งานได้ความเป็นส่วนตัวด้วย (เพราะเครื่องหันเข้าหน้าต่างหมด)

มีเครื่องออกกำลังกายครบทั้งแบบ Cardio และ Weight Training เลยครับ

ใช้งานรับวิวได้เต็มที่ แถมยังมีม่านมู่ลี่ไว้ให้ปิดได้สำหรับในกรณีช่วงที่ด้านไหนแดดแรงด้วย

ด้านในจะเป็นส่วนห้องน้ำแยกชายหญิงครับ

ภายในห้องขนาดไม่ได้ใหญ่นัก กำลังเหมาะกับการใช้งานพร้อมกันสัก 4-5 คน

มีห้องต่างๆแยกมาให้ครบ ด้านในสุดจะเป็นส่วนของห้อง Sauna

จะมีห้องอาบน้ำกับห้องน้ำอย่างละห้อง และมีล็อคเกอร์ให้มาด้วย

ห้อง Sauna เหมาะกับการใช้งานได้ทีละ 1-2 คนครับ

ด้านในจะมีห้อง Yoga อีกห้อง ที่มีอุปกรณ์ Yoga Fly ติดตั้งมาให้ด้วย ยังคงยกฝ้าพเดานขึ้นสูงและเปิดรับวิวภายนอกเช่นเดิม

ที่ชั้นนี้จะมีห้อง Laundry ให้ด้วย ภายในจะมีทั้งส่วนซักผ้า มีเตารีดแบบหยอดเหรียญให้ และตู้กดน้ำ มีแอร์ให้ด้วยนะครับ ไม่ต้องกลัวร้อน

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้นดาดฟ้า เป็นหนึ่งในส่วนที่ผมเองค่อนข้างประทับใจและชอบที่สุด เพราะมีโครงการไม่น้อยเลยที่มักจะใช้พื้นที่ชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่สีเขียว เพียงเพื่อให้ผ่านกฎหมายพื้นที่สีเขียวของอาคาร (30%ของพื้นที่ทั้งหมด) ทำให้อาจจะไม่ได้เหมาะกับการใช้งานจริง หรือไม่ได้ดูน่าใช้งานเท่าไหร่นัก หรือถึงขั้นไม่เปิดให้ขึ้นไปใช้งานเลยก็มี แต่ไม่ใช่กับที่นี่ครับ เพราะเขาออกแบบมาให้น่าสนใจและน่าใช้งานในแทบจะทุกจุดเลย อย่างแรกคือทั้งชั้นจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด แบ่งออกเป็นหลายๆส่วน หลายๆกิจกรรม ซึ่งไม่รบกวนกัน แถมยังมีชั้นบนอีกชั้นให้ขึ้นไปใช้งานได้ด้วย ลองเข้าไปชมกันเลยครับ

อย่างส่วนแรกนี้ก็เป็น BBQ Garden ออกแบบมาลักษณะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เป็น amphitheatre ให้มาหลายระดับ จะใช้งานเป็นกลุ่ม หรือแยกกันคนละส่วนก็ดูเหมาะสม

ด้านข้างมีพื้นที่นั่งเล่นลักษณะเก้าอี้แบบแขวนที่แยกออกเป็นอีก 2 จุด

ด้านในมีห้อง Music Box ซึ่งจะเปิดให้มาใช้งานกันได้ ไม่มีค่าบริการ ลักษณะการใช้งานภายในก็ใช้ได้ตั้งแต่ร้องคาราโอเกะ ไปจนถึงซ้อมดนตรี (แบบ Acoustic นะครับ) แต่ยังไงก็ตาม เราต้องแจ้งทางนิติบุคคลก่อนนะครับว่าจะเข้ามาใช้งาน

มีพื้นที่ส่วนและที่นั่งพักผ่อนในสวนให้อีกหลายจุดเลย รับวิวโดยรอบได้เยอะ

เดินมาอีกฝั่งจะมี Outdoor Theatre ให้ใช้งาน ทำออกมาค่อนข้างจริงจังเลย มีโปรเจคเตอร์ตัวใหญ่ พร้อมแนวที่นั่ง ตรงนี้ต้องแจ้งทางนิติบุคคลและจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อยนะครับ

เดินถัดมาก็มีส่วนของพื้นที่นั่งเล่นในสวนอีกจุด รอบนี้จะเป็นแบบ Sunken Seat ลดระดับลงได้ ให้รู้สึกเข้าใกล้กับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ถัดมาอีกจะมีโต๊ะพูลให้สามารถเล่นได้ตลอดเลย

ถัดมาจะเป็นส่วนของเด็กครับ โดยจะเป็นพื้นที่ Playground เล็กๆ

ด้านหลังมีพื้นที่นั่งเล่นสำหรับผู้ปกครองครับ

ขึ้นมาอีกชั้นด้านบนสุดของแนวอาคาร จะเป็น Stargazing Deck หรือพื้นที่พักผ่อนชมวิวดูดาวนั่นเอง ที่พื้นที่จะมี Gimmic เล็กๆ ทำแนวไฟเป็นจักราศีครับ เป็นกลุ่มดาวสิงโต

Typical Floor Plan (ชั้นที่มีห้องพักอาศัยเต็มจำนวน) ที่ชั้น 7-23 มีจำนวนยูนิต 16 ห้องต่อชั้น โดยห้องพักอาศัยจะหันออกไปทุกทิศทุกฝั่ง โอบล้อมคอร์ลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคารเลย ทำให้ไม่มีห้องไหนต้องเดินไกลเป็นพิเศษ แถมยังทำให้ได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor ด้วยในบางส่วน ผมแบ่งผังห้องหลักๆ เป็น 3 กลุ่ม แยกสีไว้ให้ สีเหลืองตามมุมเป็นแบบ 2 ห้องนอน (ซึ่งมีทั้ง 1 ห้องน้ำและ 2 ห้องน้ำ) ส่วนของสีเขียวจะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ที่มีแค่ 3 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น และที่เหลือ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. (สีฟ้า) ที่เป็นทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าจะมีจำนวนเยอะสุดถูกวางเอาไว้ฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตกครับ

ส่วนโถงลิฟต์ในแต่ละชั้นจะหน้าตาประมาณนี้ครับ ไม่ได้ดูดีเท่าข้างล่าง แต่ก็เรียบๆดูสะอาดดี

พื้นที่โถงทางเดินจะมีทั้งแบบ Single Corridor และ Double Corridor เลย ซึ่งก็จัดว่าดีนะครับ มีให้เลือกหลากหลายดี

ช่องแสงจะมีให้ที่มุมแนวทางเดิน ทำให้สว่างในช่วงกลางวัน

ที่ชั้น ที่ชั้น 10, 15 และ 20 จะมีมุม Pocket Terrace ให้ออกมานั่งเล่นกันได้ ทำให้จะเหลือเพียง 15 ยูนิต/ชั้น และทำให้ได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor เกือบจะทุกส่วน (ยกเว้นพวกห้องมุม)

Pocket Terrace ที่ว่าก็จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ จัดไว้ให้ออกมาพักผ่อนรับลมกันได้ แถมยังเป็นช่องลมให้กับโถงทางเดินในชั้นใกล้เคียงด้วยเช่นกัน

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

พื้นที่ส่วนกลางต่างๆจะแบ่งออกอยู่ในชั้นต่างๆตามภาพครับ

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.20 ม. และแบ่งสระเด็ก
  • Warm Water Pool สระน้ำอุ่นสามารถปรับอุณหภูมิได้ (สูงสุดที่ 38 องศา)
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว / Service Lift 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์ 111 : 1
  • ที่จอดรถ 158 ช่องจอด คิดเป็น 47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan

แบบห้อง

โดยปกติโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-In บางส่วน เช่น ตู้เก็บรองเท้าและเก็บของหน้าห้อง, ชุดครัวจาก Franke ทั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบดูดออกภายนอก เคาน์เตอร์เป็นหน้าบานกระจกและลามิเนต วัสดุปิดผิวท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ ได้ผนังด้านหลังเป็นกระเบื้อง, อุปกรณ์ห้องน้ำจาก Hafele ทั้งหมด มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้, พื้นภายในห้องจะเป็นลามิเนตสี Light Oak ผนังจะติด Wallpaper สีขาวมาให้ ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight ให้แอร์แบบ Wall Type ยี่ห้อ Trane ขนาดจะอยู่ที่ 9000, 12000 BTU. จำนวนตามขนาดห้อง, Digital Door Lock จาก Hafele ประตูและหน้าต่างจะเป็นกรอบบานอลูมิเนียม Anodize ใช้เป็นกระจกเขียวใสตัดแสงครับ ภายในห้องจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร

สำหรับใครที่ไม่อยากแต่งห้องเอง ก็มี Option สำหรับรูปแบบ Fully Furnished ด้วย จะได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจาก Modern Form ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ

ห้องพักอาศัยภายในโครงการนี้ จะมีหลักๆ 4 แบบ แต่ขนาดจะอยู่ที่ 30 – 60 ตร.ม. เท่านั้น ดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาด 30 – 35 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 1 Bathroom ขนาด 50 – 53.5 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom ขนาด 57 – 60 ตร.ม.

โดยสำหรับห้องตัวอย่างวันนี้เราจะพาไป 2 แบบล่างที่เป็นแบบ 2 ห้องนอนทั้ง 2 แบบนะครับ ส่วนใครอยากชมแบบ 1 ห้องนอน สามารถไปชมรีวิวตัวที่ก่อนตึกจะเสร็จได้เลย คลิก Maru ลาดพร้าว 15 

มาดูห้องแรกสำหรับวันนี้กันก่อนนะครับ จะเป็นห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 50 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจุดเด่นที่มีตำแหน่งอยู่มุมอาคารทำให้สามารถรับช่องแสงได้หลายฝั่ง มีวิวหลายด้าน แถมภายในห้องก็ออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัว ส่วนตัวผมชอบที่เขาแยก Common Area และ Living Area ออกจากกันได้ดี ได้ความเป็นส่วนตัว โดยในส่วนของ Common Area จะอยู่ทางฝั่งทางเข้าห้องเข้ามาครับ ประกอบไปด้วย ครัวเปิดที่ทำให้ห้องดูโล่งยิ่งขึ้น ตรงกลางเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ที่สามารถจัดได้ทั้งพื้นที่นั่งดูทีวีและพื้นที่รับประทานอาหารร่วมกันได้ ด้านข้างมีระเบียงยาวที่เป็นช่องแสงหลักของห้อง ส่วนด้านในก่อนจะเข้าไป Living Area ก็จะเป็นส่วนของห้องน้ำครับ ด้านในจะเป็น Living Area ที่ประกอบไปด้วยห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยห้องนอนหลักจะรับแสง 2 ฝั่ง เพราะอยู่มุมอาคารพอดี ทำให้ดูกว้างและโล่งยิ่งขึ้น ลองเข้าไปชมของจริงกันเลยครับ

เริ่มที่ประตูทางเข้าห้องจะได้เป็นบานไม้สีอ่อนหน่อย มาพร้อม Digital Door Lock จาก Hafele

เปิดประตูเข้ามาภายในห้องนี้จะพบกับพื้นที่ห้องรับแขกก่อนเลย เป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ที่จะดูแลส่วนของ Common Area ทั้งหมดเลย ทั้งส่วนห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร ครัว ระเบียง และห้องน้ำ

ผนังห้องจะได้เป็น Wallpaper สีขาวแบบนี้ครับ

ด้านหน้าห้องจะได้ Built-in แบบนี้มาให้ หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ข้อดีคือมีพื้นที่เป็นเหมือน Foyer ของห้อง สำหรับใส่และถอดรองเท้า ไม่ต้องเข้าไปเลอะภายในห้อง มีพื้นที่วางของทั่วไปสำหรับใช้งานได้สะดวก เช่น พวกคีย์การ์ด กุญแจรถ ด้วยครับ

เปิดออกมาก็เก็บของได้ค่อนข้างหลากหลายเลยครับ

ส่วนของครัวก็ได้ตู้ Built-in มาให้ลักษณะเดียวกันเก็บข้าวของเครื่องใช้ได้เยอะ ได้กระจกด้านในมาด้วย สำหรับส่องเช็คสภาพเสริมความมั่นใจก่อนออกจากห้องกันหน่อย

หน้าบานชุดครัวจะได้เป็นทั้งบานไม้ทึบและกระจกขาวขุ่น ส่วนตัวชอบนะครับ ทำให้ดูมีหลากหลาย Textures และหาของง่ายดี ด้านล่างมีพื้นที่ให้ใส่เครื่องซักผ้าด้วย ไม่ต้องไปวางไว้ที่ระเบียง ทำให้ระเบียงใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

ส่วนท็อปครัวปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ อุปกรณ์ครัวจาก Franke ทั้งหมด ทั้งเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควันออกภายนอก และอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยวทรง 4 เหลี่ยม ผนังด้านหลังได้เป็นกระเบื้องผิวมัน ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ด้านข้างเหลือพื้นที่เตรียมอาหารให้พอสมควรเลย

พื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างกว้าง ตรงนี้เขาไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์มานะครับ ทำให้สามารถเลือกจัดเองได้หลากหลายเลย จะทำแบบห้องตัวอย่างก็ได้นะครับ เป็นพื้นที่โซฟาก่อน แล้วด้านหลังเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ข้อดีคือจะรับประทานอาหารดูทีวีไปด้วยได้ หรือจะนั่งทำงานก็ได้ แต่ระยะดูทีวีส่วนของโซฟาจะค่อนข้างชิดไปหน่อย ด้านในสุดจะเป็นแนวกระจกบานเลื่อนที่เปิดระบายอากาศรับลมได้ 2 บาน ทำหน้าที่เป็นช่องแสงหลักของห้อง

ระเบียงจะลดระดับลงไปเล็กน้อย ปูกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่ให้ ด้านในมีพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ทั้งหมดของห้องนี้ ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานประมาณ 2.85 x 0.8 (นับถึงแค่ Condensing Unit นะ)

หันกลับเข้ามาดูด้านใน จะเป็นแนวทางเดินเข้าไปยังส่วน Living Area ของห้อง ก่อนจะเข้าไปจะมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง (ซ้ายมือในรูป) ตั้งอยู่กลางห้องทำให้เข้าถึงได้ง่ายจากทุกจุดเลย

เป็นห้องน้ำขนาดค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้สบาย ตกแต่งด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่โทนสว่างและผนังลายหินอ่อน จะได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก Hafele ตามนี้ทั้งหมดเลย

โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวจาก Hafele ครับ ข้อดีคือมีไม่มีรอยต่อของตัวถังน้ำและส่วนที่นั่งเหมือนแบบ 2 ชิ้นทั่วไป จะช่วยลดพื้นที่ในการสะสมสิ่งสกปรก ทำความสะอาดได้ง่าย และดูสวยงามยิ่งขึ้น

อ่างล้างมือจะได้ของ Hafele เช่นกัน เป็นแบบเคาน์เตอร์ครับ ได้พื้นที่วางของรอบขอบอ่างและด้านล่าง มาพร้อมกระจกเงาสี่เหลี่ยมลายไม้เช่นเดียวกับเคาน์เตอร์มาให้เลย

ฉากกั้นอาบน้ำแบบบานสวิงจาก Hafele เช่นกัน ข้อดีคือไม่มีกรอบบานเยอะ ทำความสะอาดง่ายและไม่มีพื้นที่สะสมของสิ่งสกปรก ดูสวยงามด้วย

พื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกว้างประมาณ 1.35 x 0.95 เมตร เต้นไปด้วยอาบน้ำไปด้วยได้เลยล่ะครับ หรือจะวางชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเพิ่มก็ได้ ที่ผนังเขาก็เจาะช่องวางมาให้ด้วยนะครับ ส่วนอาบน้ำจะได้เป็น Hand Shower จาก Hafele เช่นกัน

มาดูสองห้องนอนด้านในกันต่อเลยครับ ไปดูฝั่งขวามือของห้องนอนหลักกันก่อนเลย

เปิดเข้ามาจะเป็นห้องนอนที่ค่อนข้างกว้างเลยครับ ข้อดีคือได้กระจกเข้ามุม ทำให้ห้องดูกว้างและรับแสงได้เยอะขึ้น มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้

จากขนาดพื้นที่สามารถวางเตียง King Size ได้เลย หรือจะวาง 5 ฟุต แล้วมีโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งก็ได้

ไฮไลท์ของห้องนี้ผมขอยกให้แนวกระจกเข้ามุมที่ให้มาค่อนข้างกว้าง รับวิวภายนอกได้เต็มที่ หรือจะเปิดรับลมระบายอากาศก็ดีเลย

ด้านในมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า แนวผนังก็วางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานเล็กๆได้

อีกห้องจะเป็นห้องนอนรอง ที่มีขนาดภายในห้องประมาณ 2.5 x 2.5 เมตร เหมาะกับการวางเตียง 3.5 ฟุต เพื่อมีพื้นที่อื่นๆเหลือไว้ใช้งานอีก หรือจริงๆสามารถทำเป็นห้องดูหนัง ห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายหรืออื่นๆได้ด้วยนะครับ

ด้านในมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้ ได้แอร์มาให้ด้วย

ห้องที่สองของวันนี้จะขยายใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็นห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 57 ตร.ม. ครับ เป็นห้องหน้ากว้างลักษณะ 4 เหลี่ยมผืนผ้าที่มีตำแหน่งอยู่มุมอาคารเช่นกัน ถ้าพูดง่ายๆก็คือโดยรวมแล้วลักษณะการจัดผังภายในห้องจะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลย แต่มีห้องน้ำในห้องนอนใหญ่เพิ่มขึ้นมา มีการแยก Common Area และ Living Area ออกจากกันอย่างชัดเจน ส่วนของห้องนั่งเล่นจะได้ขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้น สามารถจัดได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่วนห้องนอนหลักก็ได้พื้นที่ค่อนข้างเยอะครับ แถมยังเปิดช่องแสงมาให้เยอะเป็นพิเศษ ลองเข้าไปชมกันครับ

ห้องนี้เปิดประตูเข้ามาก็ยังคงจะเป็นพื้นที่ Common Area เช่นเดิมครับ เป็นส่วนของครัวเปิด พื้นที่รับประทานอาหาร และด้านในเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นและระเบียงเช่นเดิม

มาดูส่วนครัวที่อยู่หน้าห้องกันก่อนเลยครับ ฝั่งหน้าห้องของห้องนี้ก็ยังคงจะได้ Built-in ด้านข้างสำหรับเก็บรองเท้าและของมาให้เช่นเดิม

โดยจะเป็นตู้ขนาดใหญ่ที่ได้พื้นที่ภายในค่อนข้างเยอะ มีรูปแบบที่หลากหลาย ด้านล่างมีช่องให้ใส่รองเท้าที่ใช้บ่อยๆ เอาเข้าออกง่าย ส่วนตัวผมชอบหน้าบานที่เรียบและดูใช้งานง่ายดี

ส่วนครัวจะได้เป็นเคาน์เตอร์ยาวเช่นเดิม แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น หลักๆจะเหมือนห้องที่ผ่านมาทั้งหมดเลยครับ อุปกรณ์ครัวจาก Franke ทั้งหมด ทั้งเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควันออกภายนอก และอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยวทรง 4 เหลี่ยม ผนังด้านหลังได้เป็นกระเบื้องผิวมัน

ที่พิเศษหน่อยจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่ Built-in มาให้เลย เป็นแบบพับได้สำหรับ 2-4 ที่นั่ง แล้วแต่ลักษณะการใช้งาน หลากหลายดีครับ แต่ส่วนนี้ไม่ได้แถมเก้าอี้มาให้นะครับต้องหามาเอง

ด้านข้างมีพื้นที่ให้วางเครื่องซักผ้าอีกเช่นเคย ทำให้ไม่ต้องไปวางที่ระเบียง ได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มมากยิ่งขึ้น ตรงนี้ชอบเลยครับ ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าดี

ด้านในเป็นพื้นที่รับแขกและนั่งเล่น ขนาดค่อนข้างกว้าง ทำให้สามารถจัดได้หลากหลาย โดยในห้องตัวอย่างจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร เลย สามารถวางทีวีขนาดใหญ่แบบ 60 นิ้วขึ้นไปได้สบายๆ ส่วนพื้นที่โซฟาก็จะสามารถวางได้หลายชุด ทั้งแบบตัว L ที่มีโต๊ะกลาง หรือจะเอาโต๊ะกลางออกแล้ววางเป็น Sofabed เลยก็ยังได้ ด้านในสุดเป็นพื้นที่ระเบียงเช่นเดิมครับ

ระเบียงของห้องนี้จะมีลักษณะคล้ายๆกับห้องที่แล้วครับ แต่จะแคบกว่าเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ 2.4 x 0.8 เมตร แต่ก็จัดว่ามีพื้นที่ให้ใช้งานได้เยอะเลย

ส่วนต่อไปก็เชื่อมต่อเข้าไปภายในส่วนของ Living Area ที่คล้ายกับห้องก่อนหน้านี้เลย จะเป็นแนวทางเดินยาวเข้าไปด้านใน มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 0.95 เมตร ส่วนแรกที่เจอก่อนเลยคือห้องน้ำครับ

เป็นห้องน้ำลักษณะโดยรวมคล้ายๆเดิมครับ แตกต่างกันที่ขนาดและตำแหน่ง แต่ยังคงใช้งานได้สบาย ตกแต่งด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่โทนสว่างและผนังลายหินอ่อน จะได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก Hafele ตามนี้ทั้งหมดเช่นกันเลย

ได้โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวและอ่างล้างมือแบบมีเคาน์เตอร์ด้านล่างจาก Hafele เหมือนเดิม

ส่วนอาบน้ำก็ได้ฉากกั้นอาบน้ำให้เช่นเดิมครับ มีธรณีประตูให้

พื้นที่อาบน้ำภายในขนาดประมาณ 1.3 x 0.95 เมตร กว้างเช่นเดิม แล้วก็ให้ Hand Shower พร้อมเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เช่นเดิม

ห้องถัดมาเป็นห้องนอนเล็กก่อนครับ ขนาดพอๆกับของห้องที่แล้ว เหมาะกับการวางเตียง 3.5 ฟุต มีแนวกระจกบานใหญ่ซึ่งจะช่วยให้รับแสงได้เต็มที่

ที่ผนังก็มีพื้นที่ให้สามารถแขวนทีวีได้นะครับ

ด้านในมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าให้ ถ้าจัดตามห้องตัวอย่างก็เป็นห้องนอนรองที่อยู่ได้สบายเลย

เข้ามาต่อกันที่ห้องนอนใหญ่ จุดเด่นคือได้ช่องแสงถึง 2 ฝั่ง ทำให้ห้องดูกว้างและสว่างมากยิ่งขึ้น แถมยังมีผนังตรงกลางให้สำหรับแขวนทีวีได้ด้วย พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง นอกจากภายในห้องที่วางเตียงขนาดใหญ่ได้สบายๆแล้ว พื้นที่หน้าทางเข้าห้องก็ให้มาเยอะด้วย

มีทั้งส่วนที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าได้

และพื้นที่ทางเข้าห้องที่มีห้องน้ำภายในห้องมาให้ด้วย เป็นอีกจุดเด่นของห้องนี้เลยครับ

เป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ ที่จัดเรียงสุขภัณฑ์และอุปกรณ์มาแบบค่อนข้างคุ้นตากันอยู่แล้ว โดยลักษณะของวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆจะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมด (Hafele)

อ่างล้างมือแบบเคาน์เตอร์และโถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวจาก Hafele

ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นมาให้ และมีลักษณะภายในเหมือนเดิมเลย

ขนาดพื้นที่ประมาณ  1.2 x 0.95 เมตร เล็กลงมานิดหน่อย แต่ก็ยังจัดว่ากว้างอยู่ดี มีช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำและ Hand Shower มาให้

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

20 October 2020

  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.78 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood แบบต่อท่อออกภายนอก ของยี่ห้อ Franke
  • จอง 10,000-30,000 บาท
  • ทำสัญญา 40,000-70,000 บาท
  • ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตัวโครงการตั้งอยู่ในช่วงลาดพร้าวตอนต้นช่วงระหว่างห้าแยกลาดพร้าวกับแยกรัชดา–ลาดพร้าว และเป็นฝั่งเลขคี่ มีระยะห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวประมาณ 70 เมตร สามารถเดินได้สบายๆ อาหารการกินรอบๆโครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึงเลย ทั้งร้านตึกแถวริมสองฝั่งถนนลาดพร้าวมีร้านอาหารเยอะหลากหลาย มีห้าง 3 แหล่งหลักๆ ได้แก่ 1.BigC Extra+Hompro 2.ยูเนียนมอลล์ 3.Central Plaza ลาดพร้าว อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร, ตลาด อ.ต.ก. และที่แยกรัชดาลาดพร้าวจะมีสวนลุมไนท์ฯรัชดา + Gourmet Market ที่ใต้ดิน MRT ที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน ถือว่าอุดมสมบูรณ์ดี

การเดินทางโดยใช้รถ : จัดว่าสะดวกเลยครับ เพราะอยู่ใกล้กับแยกสำคัญทั้งสอง แต่ถ้าใครเคยผ่านไปมาตรงนี้ช่วงเลิกงานจะรู้เลยว่า “รถติดมาก” เพราะแยกใหญ่ทั้งสองเป็นจุดตัดเข้าออกเมืองย่านคนทำงานจำนวนมหาศาลนั่นเอง แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาเข้าและออกงาน การไปทั้งวิภาฯ เข้าเมือง รัชดา พระราม 9 นี่ถือว่าสะดวกมากๆ อีกทั้งฝั่งลาดพร้าวเลขคี่ จะไม่ได้มีซอยลัดเลาะได้เหมือนกับฝั่งเลขคู่เท่าไร ส่วนทางด่วนก็ต้องกลับรถมาที่ห้าแยกลาดพร้าวมาเข้าถนนวิภาวดีและไปขึ้นทางด่วนดินแดงหรือดอนเมืองโทลเวย์ได้ ที่จอดรถก็มีให้ถึง 47%(ไม่รวมซ้อนคัน) ถือว่าไม่มากไม่น้อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : จัดเป็นหนึ่งในเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ ด้วยระยะห่างไป MRT ลาดพร้าวเพียง 70 เมตร และในอนาคตจะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งจะเป็น Interchange วิ่งบนถนนลาดพร้าวด้วย ส่วนการเดินทางอื่นๆ สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถเมล์บนถนนลาดพร้าวได้เลย เพราะโครงการอยู่ถนนถนนใหญ่เลยครับ เรียกรถง่ายมากและไม่เปลี่ยว มีทางเดินเท้าหน้าโครงการกว้าง และมีสะพานลอยในระยะไม่กี่เมตร

วัสดุ : ปกติแล้วโครงการจะขายแบบ Fully Fitted แต่ก็มีรูปแบบ Fully Furnished ให้เลือกด้วย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-In บางส่วน เช่น ตู้เก็บรองเท้าและเก็บของหน้าห้อง, ชุดครัวจาก Franke ทั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบดูดออกภายนอก เคาน์เตอร์เป็นหน้าบานกระจกและลามิเนต วัสดุปิดผิวท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ ได้ผนังด้านหลังเป็นกระเบื้อง, อุปกรณ์ห้องน้ำจาก Hafele ทั้งหมด มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้, พื้นภายในห้องจะเป็นลามิเนตสี Light Oak ผนังจะติด Wallpaper สีขาวมาให้ ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight ให้แอร์แบบ Wall Type ยี่ห้อ Trane ขนาดจะอยู่ที่ 9000, 12000 BTU. จำนวนตามขนาดห้อง, Digital Door Lock จาก Hafele ประตูและหน้าต่างจะเป็นกรอบบานอลูมิเนียม Anodize ใช้เป็นกระจกเขียวใสตัดแสงครับ

การออกแบบ : ตัวโครงการมีแนวคิดที่ค่อนข้างเป็นจุดเด่นในย่านนี้อย่างการสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งในละแวกนี้ก็มีคอนโดลักษณะนี้ไม่เยอะ การจัดพื้นที่ส่วนกลางออกเป็นหลายจุดช่วยให้กระจายจำนวนผู้ใช้ในแต่ละที่ ทำให้ในแต่ละพื้นที่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ส่วนการวางผังก็จะวางห้องพักอาศัยล้อมรอบส่วนลิฟต์ไว้ ทำให้ได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor เป็นหลัก และห้องพักอาศัยจะได้วิวทั้ง 4 ด้านเลย

ห้องพักอาศัยมีให้เลือก 3 รูปแบบหลักๆ แต่แยกออกเป็นหลาย Type ห้องมากๆ เพราะในแต่ละตำแหน่งที่ต่างกันก็จะได้ผังคนละรูปแบบ มีทั้งแบบครัวปิด และครัวเปิดให้เลือก ภายในจัดสัดส่วนห้องได้ค่อนข้างดี แบ่งความเป็นส่วนตัวได้ชัดเจน พื้นที่ห้องกว้างจัดได้หลากหลาย มีรูปแบบการขายทั้ง Fully Fitted และ Fully Furnished ให้เลือกในราคาที่ต่างกัน จัดเป็นตัวเลือกเสริมที่ดีเลย

สาธารณูปโภค : ยังคง Concept ของเมเจอร์ ที่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาหลากหลายจุดกระจายอยู่ทั่วอาคาร ถึงแม้แต่ละจุดจะไม่ได้ใหญ่นัก แต่ส่วนตัวผมมองว่าเป็นมุมที่สามารถใช้งานได้จริง และแยกส่วนการใช้งานที่หลากหลายมาก ส่วนกลางจะกระจายไปตามชั้นต่าง ๆ เช่นชั้น 1, 2, 7, 10, 15, 20, 24 และ Rooftop เต็มไปหมด และดูสวยน่าใช้งานจริงๆแทบจะทุกจุดเลย แต่เดิมโครงการเคยบอกว่าจะมีร้านค้า 1 ร้าน แต่ปัจจุบันไม่ได้มีให้นะครับ

นอกจากนั้นยังมีจุดเด่นอีกอย่างในเรื่องของ Pet Friendly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก-กลางได้ แต่เดิมโครงการเคยบอกว่าสามารถพาน้องหมาน้องแมวไปได้ทุกชั้น แต่ปัจจุบันนิติบุคคลอนุญาตให้พาน้องๆไปได้แค่ที่ชั้น 1 ส่วนด้านหน้าและด้านหลังโครงการเท่านั้นนะครับ ตรงนี้สำหรับใครที่มีน้องๆอาจจะเสียประโยชน์ไปบ้าง แต่ในแง่ของคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงก็จัดว่าได้รับผลกระทบลดลงครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 140,000 บาท/ตร.ม., 20 October 2020

ในกรณีของคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนหลักลาดพร้าว อยู่ระหว่างแยกใหญ่สำคัญสองจุด เข้าออกเมืองสะดวก มีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – แม้การเดินทางจะสะดวกมาก แต่อยู่ฝั่งลาดพร้าวเลขคี่และใกล้สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวที่รถค่อนข้างติด
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ห่าง MRT ลาดพร้าว 70 ม. (อนาคตที่นี่เป็น Interchange สีเหลือง) อยู่ติดถนนใหญ่ที่เรียกรถสาธารณะง่าย ปลอดภัยไม่เข้าต้องซอย
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Fitted ได้ชุดตู้เก็บของและรองเท้า, ครัว FRANKE, พื้นลามิเนต, พื้นถึงฝ้าสูง 2.7 ม., ห้องน้ำ KOHLER
  • แบบ 8.25/10 – แบบห้องหลากหลายดี เริ่มที่สตูดิโอ 30 เน้นอยู่ไม่อึดอัด แบบห้องอื่น 1-2 จัดได้ลงตัวเกือบทุกแบบ
  • สาธารณูปโภค 8.25/10 – ให้พื้นที่ส่วนกลางมาหลากหลายจุด ถึงแม้แต่ละจุดจะไม่ได้ใหญ่ แต่มีมุมการใช้งานแยกส่วนและสวยน่าใช้ไม่มีร้านค้า
  • UPPER CLASS 
  • 8.01 / 10.00

ในกรณีของคนที่มีสัตว์เลี้ยง

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนหลักลาดพร้าว อยู่ระหว่างแยกใหญ่สำคัญสองจุด เข้าออกเมืองสะดวก มีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – แม้การเดินทางจะสะดวกมาก แต่อยู่ฝั่งลาดพร้าวเลขคี่และใกล้สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวที่รถค่อนข้างติด
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ห่าง MRT ลาดพร้าว 70 ม. (อนาคตที่นี่เป็น Interchange สีเหลือง) อยู่ติดถนนใหญ่ที่เรียกรถสาธารณะง่าย ปลอดภัยไม่เข้าต้องซอย
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Fitted ได้ชุดตู้เก็บของและรองเท้า, ครัว FRANKE, พื้นลามิเนต, สูง 2.7 ม., ห้องน้ำ KOHLER
  • แบบ 8.25/10 – แบบห้องหลากหลายดี เริ่มที่สตูดิโอ 30 เน้นอยู่ไม่อึดอัด แบบห้องอื่น 1-2 จัดได้ลงตัวเกือบทุกแบบเลย
  • สาธารณูปโภค 8/10 – มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบางอย่างสำหรับน้องหมาน้องแมว

  • UPPER CLASS
  • 7.98 / 10.00

BOTTOM LINE

MARU ลาดพร้าว 15 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอนโดใกล้รถไฟฟ้า MRT (แถมอนาคตได้ Interchange) เน้นความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย ชอบพื้นที่ส่วนกลางที่ดูหรูสวยงาม หลากหลายน่าใช้งาน และที่สำคัญเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยงหรืออยู่ในสังคมเพื่อนบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงใกล้ตัวเราได้ มีงบประมาณตั้งแต่ 4 – 9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 28,000 – 63,000 บาท


ติดตามพวกเราได้ที่
Websitewww.thinkofliving.com
Twitterwww.twitter.com/thinkofliving
YouTubewww.youtube.com/ThinkofLiving
Instagramwww.instagram.com/thinkofliving
FacebookThinkofLiving