รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.153 – รีวิวช็อปเฮ้าส์ Chic District ราม 53

27 สิงหาคม 2015

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 870 ... สวัสดีค่ะแฟนๆ Think of Living ทุกท่าน นานๆทีจะมีโครงการอาคารพาณิชย์มาให้เรารีวิวกันสักที วันนี้เราจะพาไปดูโครงการ Chic District ราม 53 Shop House Office ที่เป็นลักษณะอาคารพาณิชย์  4 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ตัวอาคารอยู่ในโครงการ Marche ราม 53 ซึ่งเป็น Community Mall ขนาดใหญ่ ซึ่งจริงๆโครงการนี้เปิดตัวมานานพอสมควรแล้วค่ะ เริ่มแรกจะเป็นอาคารพาณิชย์และคอนโด แต่ตอนนี้ตัวคอนโดได้ยกเลิกไปแล้วและถูกแทนที่ด้วย Marche Market พร้อม Food Container ที่เป็นพื้นที่ให้เช่าขนาดใหญ่ กลายเป็น Big Project ที่เป็นอาณาจักรการค้าขายแห่งใหม่ในย่านนี้ไปเลย ว่าแล้วหน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไร จะชิคแค่ไหน ไปดูพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ ^^

อ่านริวิวอาคารพาณิชย์โครงการ Chic District โดย (คลิกที่นี่)

อ่านรีวิวคอนโดโครงการ Chic District โดย (คลิกที่นี่)

Fact @ 7 July 2015

  • Chic District Ram 53 (ชิค ดิสทริคท์ ราม 53)
  • MJR Development Public Co., Ltd ในเครือ Major Development
  • Segment :  High Class (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • เนื้อที่โครงการ  9-3-00 ไร่
  •  Shop House Office 4 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ประมาณ 80 ยูนิต 
  •      Type A (Block A, B, F, G) ที่ดิน 21-31 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 270 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  •      Type B (Block D, E, J, K, L) ที่ดินเริ่มต้น 20 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 250 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 
  •      Type C (Block C)  ที่ดินเริ่มต้น 19 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 
  • พื้นที่ใช้สอย 235-270 ตารางเมตร
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน 19-31 ตารางวา
  • แล้วเสร็จเดือนสิงหาคม 2558
  • ราคาเริ่มต้น 9-12 ล้านบาทหรือ 473,684 บาท/ตารางวา
  • http://www.majordevelopment.co.th
  • โทร 02-530-0099

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

ในส่วนของทำเลที่ตั้ง Shop House Office จะตั้งอยู่ในทำเลเดียวกับคอนโดมิเนียมโครงการ Chic District ราม 53  ซึ่งปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนแปลงเป็น Marche Market and Food Container ที่เป็นเต้นท์ให้เช่าพื้นที่ไปแล้ว โดยในส่วนของทำเลเราเคยพาไปรีวิวมาแล้วครั้งนึงสามารถอ่านได้โดย อ่านรีวิว Shop House Office (คลิกที่นี่), อ่านรีวิวคอนโด (คลิกที่นี่)

พิกัด : 13.767627,100.619102

Screen Shot 2015-07-08 at 10.35.03 PM

Shop House Office ของโครงการ Chic District ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 53 ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ตรงข้ามกับ มหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ โดยเลี้ยวเข้าไปในซอยราม 53 แล้วข้ามคลองแสนแสบ รวมระยะทางจากปากซอยมาประมาณ 800 เมตร ก็ถึงตัวโครงการแล้วค่ะ โดยเมื่อก่อนที่ตั้งของโครงการจะเป็นสนามกอล์ฟกรีนฟิลด์แผนที่ Chic District กว้างๆ

ทำเลของโครงการ Chic District ราม 53 เป็นทำเลที่ค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งโรงเรียนวัดเทพลีลา โรงเรียนบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี) และโรงเรียนอีกหลายแห่งในซอยย่อยๆที่อยู่ละแวกใกล้เคียง  แน่นอนว่าเมื่อเป็นแหล่งการศึกษาจึงดึงดูดความเจริญและความคึกคัก ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่นักเรียนนักศึกษาหลายๆในด้าน ทั้งอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัย ที่คนจะเรียกกันว่า “หน้าราม” มีร้านค้ามากมาย ขายทั้งเสื้อผ้า ชุดนักศึกษาราคาสบายๆ ร้านทำผมราคาย่อมเยาว์ โดยเฉพาะสระไดร์นี่แค่ 39-50 บาทเท่านั้น หอพักก็มี อพาร์ทเม้นท์ก็มา ตำราเรียนเตรียมสอบก็เยอะโดยเฉพาะตำราวิชานิติศาสตร์ ที่เป็นคณะยอดนิยมของเด็กเรียนราม รวมทั้งร้านอาหารนี่เรียกได้ว่าเยอะมากกก ที่มากเป็นพิเศษคือร้านอาหารปักษ์ใต้ ขนมจีน เพราะเป็นที่รู้ๆกันว่า แหล่งรามนี่เป็นถิ่นคนใต้เลยนิ จึงไม่แปลกที่จะเห็นอาบังใส่ชุดอิสลามเดินโฉบเฉี่ยวไปมากันอยู่บ่อยๆ ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้ๆก็มีทั้ง Tha mall, Major Cimeplex, Major Hollywood และ Big C ค่ะ

ใกล้ๆมหาวิทยาลัยรามคำแหง จะเป็นสนามราชมังคลากีฬาสถาน และอินดอร์สเตเดียมหัวหมาก ใกล้ๆกันมีสวนสุขภาพ ซึ่งโซนนี้จะมีสนามกีฬา มีสวนให้วิ่งออกกำลังกายค่อนข้างคึกคัก  ซึ่งในช่วงมีฤดูกาลกีฬาใหญ่ๆ บริเวณนี้คนจะเยอะมากกกเป็นพิเศษ เพราะเป็นสถานที่ที่มีการจัดงานแข่งขันกีฬาระดับชาติบ่อยครั้ง ทำให้การจราจรบนถนนรามคำแหงรถรถติดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ อาจต้องตรวจสอบการจราจรดีๆนะคะ หากอยู่ที่โครงการก็สามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางออกลาดพร้าวหรือออกเลียบทางด่วนรามอินทราได้

ซึ่งหากโฟกัสที่ตัวทำเลซอยรามคำแหง 53 แล้ว ตั้งแต่ต้นซอยมาก็มีร้านอาหารราคาย่อมเยาว์ให้เลือกเยอะทีเดียว ก่อนจะมาถึงโครงการจะผ่านคลองแสนแสบที่ขึ้นชื่อมาจากวรรณกรรมเรื่องขวัญเรียม และเรื่องกลิ่นที่ค่อนข้างตลบอบอวลถ้าได้ลองเดินเล่นๆเลียบคลอง พอข้ามคลองมาส่วนใหญ่จะเป็นอพาร์ทเม้นต์และอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านซักอบรีด ร้านสะดวกซื้อ มินิมาร์ท ร้านขายอาหารมาเรื่อยๆเลย หิวตรงไหนก็แวะตรงนั้น

กรณีเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โครงการสามารถเข้า-ออกหลักๆได้ 3 ทาง คือ

จากถนนลาดพร้าว เข้าซอยลาดพร้าว 112 แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเอี่ยมสมบูรณ์ เลี้ยวซ้ายอีกที เพื่อเข้าซอยรามคำแหง 53 รวมระยะทางทั้งสิ้น 1.5 กิโลเมตร

จากถนนเลียบทางด่วน เอกมัย-รามอินทรา เข้าซอยอินทราภรณ์ ซอยเดียวกับ Town in Town  ซึ่งจะเชื่อมต่อกับซอยเอี่ยมสมบูรณ์ จากนั้นให้เลี้ยวขวา เพื่อเข้าซอยรามคำแหง 53 รวมระยะทางทั้งสิ้น 2 กิโลเมตร

จากถนนรามคำแหง เข้าซอยรามคำแหง 53 ตรงข้าม ม.รามคำแหง ข้ามคลองแสนแสบ ก่อนถึงโครงการ รวมระยะทางทั้งสิ้น 800 เมตร

ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ : ในซอยมีจุดสแตนบายของพี่วินคอยรับคอยส่งอยู่เป็นระยะๆ ค่าบริการจากหน้าปากซอยรามคำแหง 53 มาโครงการประมาณ 8 บาท, รถกระป๊อที่วิ่งเข้า-ออกซอยอยู่เรื่อยๆ, รถแท๊กซี่, เรือด่วนคลองแสนแสบ ส่วนถ้าออกจากซอยไปขึ้นหน้ารามก็มี รถเมล์สาย 36 ก ,58 ,71 รวมทั้งรถตู้ที่วิ่งผ่านหน้าราม

แผนที่ไปแอร์พอตลิงค์

เส้นทางด้วยรถไฟฟ้าในปัจจุบันที่ใกล้ที่สุดคือ การเดินทางจาก Airport rail link ถึงโครงการ รวมระยะทาง 3.9 กิโลเมตรค่ะ

เส้นทางในอนาคต : ในอนาคตถนนใกล้เคียงกับโครงการจะมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้ได้ใช้กันในปี พ.ศ. 2563 (หรือนานกว่านั้น) โดยรถไฟฟ้าสายอนาคตนี้มี 2 สาย คือ  รถไฟฟ้าสายสีส้ม บางกะปิ – บางลำพู และสายสีเหลืองลาดพร้าว – ศรีนครินทร์

การเดินทางในวันนี้เราจะ โดยสตาร์ทกันที่ Big C รามคำแหง เดินเล่นหน้ารามไปเรื่อยๆจนถึงซอยรามคำแหง 53 ไปดูบรรยากาศภายในซอย ผ่านคลองแสนแสบ แล้วเดินไปเรื่อยๆจนถึงโครงการค่ะ

chic district 1

เรามาเริ่มกันที่หน้า Big C รามคำแหงค่ะ บริเวณข้างๆ Big C นี่ก็มีเพิงร้านขายอาหารและขายเสื้อผ้า ในเวลา 11 โมงกว่าๆชองวันอังคารแบบนี้ ก็มีคนเดินไปมาเรื่อยๆ

chic district 2

เข้ามาดูบรรยากาศในบิ๊กซีนิดหน่อย ก็จะมีร้านอาหารตามมาตรฐานห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่โถงชั้นล่าง และตามล็อกที่ว่างจะมีการให้เช่าพื้นที่ล็อกเล็กๆขายสินค้าราคาไม่แพง โดยเฉพาะเสื้อผ้า

chic district 3

ฝั่งตรงข้ามบิ๊กซีก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ซะเป็นส่วนใหญ่

chic district 4

เลยจะบิ๊กซีไปนิดหน่อยจะเป็นทางสามแยกที่ห้ามกลับรถนะคะ หากต้องการกลับรถสามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยรามคำแหง 24 ได้ ซึ่งซอยนี้สามารถไป ABAC หรือมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ บรรยากาศในซอยจึงค่อนข้างคึกคัก

chic district 5

เราเดินไปกันต่อ จะเห็นว่าทางเดินฟุตบาทค่อนข้างกว้าง ร้านค้าตามทางเดินก็เปิดทำการกันแล้ว มีทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้า ร้านขายของกิ๊ฟช็อปราคาไม่แพง

chic district 6

เดินไปเรื่อยๆจะเจอทางแยกเลี้ยวซ้ายไปซอยรามคำแหง 29 ซึ่งสามารถไปยังท่าเรือราม 29 ได้

chic district 7

บรรยากาศในซอยรามคำแหง 29 ซึ่งเป็นทางไปท่าเรือค่อนข้างคึกคักค่ะ มีทั้งอพาร์ทเม้นต์ อาคารพาณิชย์ และของขายเพียบบบบโดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ สำหรับคุณผู้หญิงนี่กว่าจะถึงท่าเรือนี่คงใช้เวลานานทีเดียว #เดินช็อปเพลินๆยาววๆไปป อิอิ

chic district 8

ออกมาจากหน้าซอยรามคำแหง 29 ก็ยังเจอร้านรองเท้า แล้วราคาคือแบบ 99 บาททท! 120 บาทท! 139 บาทท! ราคาช่างดึงดูดให้เข้าไปหลงอยู่ในดงรองเท้าเสียนี่กระะไร

chic district 9

หลังจากออกมาจากดงรองเท้า เราก็เดินไปตามฟุตบาทกันต่อ นอกจากร้านค้าที่ตั้งเป็นแผงขายของแล้ว ยังมีร้าน “ปังเว้ยเฮ้ย” ฉบับรถเข็น ราคา 25 บาท ใหม่สดทุกวันนะจ้ะ

chic district 13

ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้คือ ร้านขายชุดนักศึกษา ที่มีเยอะมากๆ และราคาไม่แพง ราคาเสื้อก็มีตั้งแต่ 149-159  บาทเป็นต้นไป ถัดไปเรื่อยๆก็มีร้านขายเครื่องสำอางค์ ร้านขายเสื้อผ้าอื่นๆ

chic district 14

มองกลับไปยังฝั่งตรงข้ามซะหน่อย ตรงข้ามนี้ก็เป็นส่วนของมหาวิทยาลัยรามคำแหงยาวเลยค่ะ จะเห็นว่ามีรถเมล์วิ่งผ่านตลอด

chic district 15

ตรงนี้ก็เป็นป้ายรถเมล์ มีทั้งนักศึกษา คนธรรมดามารอรถเรื่อยๆค่ะ ข้างหน้ามีป้ายบอกทางตรงไปสามารถไปบางกระปิ, ศรีนครินทร์ได้ ส่วนหากเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนรามอืนทราได้

chic district 16

ซ้ายมือมีร้านขายเสื้อผ้า ขายแว่น แถมมีรับบริการดูดวงด้วยแน่ะ

chic district 17

ถัดไปตรงหน้าซอยรามคำแหง 35 จะเป็น Major Hollywood เอาเกร็ดเล็กมาๆฝาก ใครสงสัยว่าต่างกับ Major cineplex อย่างไร คำตอบก็คือ Major Cineplex เป็นของ EGV ส่วน Major Hollywood เป็นของ Century ส่วนเจ้าของก็เป็นญาติกันหมดเลยค่ะคือตระกูล พูลวรรักษ์ ตัว Major Hollywood อาจจะมีที่เดินรอดูหนังไม่เยอะเท่า Major Cineplex เท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่ารอบๆบริเวณนี้ก็มีที่เดินให้ช็อปไม่น้อยเลย

chic district 18

ตรงฟุตบาทใต้สะพานลอยหน้า Major Hollywood จะมีคุณป้าตั้งโต๊ะเล็กๆขายพระขายพวกมาลัยอยู่แถวนี้เป็นจุดๆ

chic district 20

เดินมาเรื่อยๆเข้าโซนใจกลางหน้าราม คนก็ยิ่งคึกคัก ข้างๆน้านี่เค้ามุงอะไรกันน้า

chic district 21

เข้าไปมุงดูตามประสาเผือกๆมันๆ555  คือคุณพี่ชาวต่างชาติสองคนนี้กำลังซื้อเครื่องประดับ ร้านนี้ขายเครื่องประดับที่เป็นเครื่องเงินทั้งร้าน แถมรับเจาะตั้งแต่ หู จมูก ปาก คาง ลิ้น คิ้ว สะดือ ฯลฯ วัยรุ่นน่าจะชอบนะ

chic district 22

เดินมาเรื่อยๆเราเจอป้ายบอกทางเลี้ยวซ้าย สามารถไปสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลางและวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือ สภาวิศวกรได้ด้วย

chic district 26

เดินมาอีกหน่อยเราจะเจอแยกวัดเทพลีลาค่ะ จากตรงนี้สามารถเลี้ยวซ้ายไปถนนเลียบทางด่วนรามอินทราได้ ซึ่งสถานีตำรวจและสภาวิศกร ก็สามารถเลี้ยวไปได้ทางนี้นั่นเอง

chic district 27

เนื่องจากเราเดินมา จึงต้องเลี้ยวซ้ายมาตามแนวฟุตบาทและขึ้นสะพานลอยเพื่อความปลอดภัยในชีวิตนะคะ ซี่งสะพานลอยนี้จะพาเราไปลงข้างโรงเรียนวัดเทพลีลา เดี๋ยวไปดูวิวจากข้างบนสะพานลอยกันดีกว่าค่ะ

chic district 28

ตอนนี้อยู่กลางสะพานลอยเราหันหน้าไปทางฝั่งถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ทางซ้ายมือจะเป็นแก๊งค์พี่วินเล็กๆ ส่วนขวามือเป็นโรงเรียนเทพลีลา ส่วนตรงไปเราจะเห็นทางขึ้นเนินเล็กๆนั้นคือ สะพานข้ามคลองแสนแสบค่ะ

chic district 29

ส่วนมองกลับมาทางฝั่งแยกวัดเทพลีลา ก็จะเป็นประมาณนี้ มองตรงไปเราจะเห็นตึกของมหาวิทยาลัยรามคำแหงเด่นชัดมาก การจราจรในช่วงกลางวันแบบนี้เคลื่อนตัวไปได้สบายๆ รถโล่งๆนะคะ จะมาติดขัดอีกทีช่วงเย็นๆ นักเรียนเลิกเรียนและคนทำงานกลับบ้าน

chic district 30

เดี๋ยวพาเดินลงจากสะพานลอย เดินเลียบทางเดินข้างโรงเรียนวัดเทพลีลาไป ซึ่งฟุตบาททางเดินตรงนี้มีรั้วกั้นไว้ด้วยเพื่อบังคับคนเดินถนน และเด็กนักเรียนให้ขึ้นสะพานลอยป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งเราเคยผ่านทางนี้ในช่วงค่ำๆจะมีโต๊ะดูดวง ซึ่งคนมาต่อแถวกันเยอะมากเลยยหละ

chic district 31

เราเลี้ยววาร์ปป มาเดินหน้ารามกันต่อ จะเจอหน้าโรงเรียนวัดเทพลีลา

chic district 32

หน้าโรงดรียนมีตู้ ATM ธนาคารกสิกรไทย และล็อกขายของที่จะเปิดขายในช่วงเย็นๆถึงมืดๆนะคะ

chic district 34

เดินมาอีกหน่อยเราจะเจอซอยรามคำแหง 41 ซึ่งซอยนี้สามารถไปวัดเทพลีลา และยังสามารถไปท่าเรือวัดเทพลีลาได้ด้วย หน้าซอยของกินและผลไม้ขายเยอะมาก ราคาเบาๆ อย่างเงาะโลละ 15 บาท ลองกอง โลละ  18 บาทเท่านั้น

chic district 35

ข้างร้านผลไม้ก็มีร้านขายยำมะม่วง ยำกระท้อนด้วย คนรอเยอะเลย มะม่วงลูกใหญ๊ ใหญ่ ดูจากที่แขวนไว้ข้างบนเพดานสิ 😀

chic district 36

เดินมาอีกหน่อยตรงทางขึ้น-ลงสะพานลอย จะเจอ 7 eleven ที่ข้างหน้ามีของใช้ในบ้านราคาไม่แพงวางขายเต็มเลย ทางขวามือมีป้ายเตือน “ปิดการจราจร สะพานข้ามคลองเจ้าคุณสิงห์ สามแยกโรงเรียนบดินทรเดชา ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – พฤศจิกายน 2558” ใครจะผ่านทางนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางนะคะ

chic district 37

โดยสะพานลอยนี้จะเป็นสะพานลอยที่เด็กรามใช้ขึ้น-ลงกันเยอะ เพราะอยู่ใกล้ๆกับประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัย

chic district 38

เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านขายคู่มือ ตำราเรียนเตรียมสอบ แนวข้อสอบ เยอะมากกเลย

chic district 39

ถัดมาเป็นร้านทำผม ราคาเบาๆ สระไดร์ 39-40 บาทเองนะจ้ะ ข้างๆกันก็เป็นชมรมลูกพ่อขุนประยุกต์ ขาย Sheet แนวข้อสอบอีกเช่นกัน

chic district 44

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นประตูใหญ่ ทางเข้า-ออก มหาลัย ซึ่งตรงกับทางกลับรถด้วย บริเวณนี้จึงมีรถติดขัดอยู่เป็นช่วงๆ

chic district 48

เดินต่อมาถึงหน้าซอยรามคำแหง  43/1 จะมีร้านทำผมที่โดดเด่นมากด้วยป้ายโฆษณาสีเหลือง ตอนแรกเรานึกว่าซุ้มสอยดาว ราคายืด ดัด ทำสี  399 บาท ราคาเดียวนะจ้ะ ไม่แพงเลย

chic district 49

ถัดมาเจอซอยรามคำแหง 43/2 จะเป็นทางเข้าไปในซุ้มใต้หลังคา มีร้านขายของไปตลอดทางเดิน รวมทั้งมีห้องน้ำสาธารณะและอาหารตามสั่ง ด้านในซอยจะมีห้องพัก อพาร์ทเมนต์ให้เช่าด้วย

chic district 50

ฟุตบาทตามทางจะเริ่มกว้างขึ้น และจากตรงนี้เราจะเห็นนักศึกษาเยอะขึ้นด้วย

chic district 52

มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นหอนาฬิกาหน้าราม ซึ่งเป็นประตูทางเข้าใหญ่ของมหาวิทยาลัย ข้างหน้าเราจะเห็นว่ามีวินรถตู้เยอะมาก รวมทั้งรถเมล์ แท๊กซี่มารอรับคนเรื่อยๆ

chic district 53

จากตรงนี้เราจะเห็นร้านขายกาแฟ ร้านขายขนมเป็นซุ้มเล็กๆ ด้านหน้าเป็น 7 eleven และส่วนของวัฒนาเรสซิเด้นท์ บริการห้องพักรายวันและรายเดือน

chic district 54

ซึ่งข้างๆ 7eleven จะมีซอยทางเข้าใต้หลังคาที่เป็นของวัฒนามาร์ท(อาณาจักรเดียวกับวัฒนาเรสซิเด้นท์) ทางซ้ายมือเราจะเห็นทั้งตู้กดน้ำ ตู้เอทีเอ็มยกมาแทบทุกธนาคาร

chic district 57

เดินตามอาบังไปเรื่อยๆนะคะ ตรงนี้ก็ยังคงมีร้านขายเสื้อผ้า ชุดนักศึกษา และของกินรถเข็นอยู่เรื่อยๆ

chic district 59

เจอร้านเทพคลีนนิ่ง ร้านตัดชุดครุยรับปริญญา ร้านดังแถวท่าพระจันทร์มาเปิดที่นี่ด้วย

chic district 60

ธนาคารออมสินก็มีมาเปิดให้ใช้บริการ สาขานี้เป็นสาขาหัวหมาก ดีไซน์ย้อนยุคดีนะน่าจะเปิดมานานแล้ว chic district 67

หน้าสะพานลอยข้ามไปมหาวิทยาลัย มีร้าน Watsons ให้เลือกซื้อของด้วย

chic district 68

ใกล้ๆกันเป็นร้านขายคู่มือสอบ ชมรมพ่อขุนประยุกต์อีกหนึ่งร้าน แถวนี้ค่อนข้างคึกคักร้านรถเข็นขายของเยอะ ข้างหน้ามีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปศูนย์ฝึกอาชีพ รามคำแหง 53 และมัสยิดยามีอุ้ลอิสลาม

chic district 69

เดินมาอีกไม่กี่ก้าวก็เป็น 7eleven และเราก็ถีงหน้าซอยรามคำแหง 53 กันแล้วหละค่ะ ^^ หน้าซอยมีร้านของขายเยอะเลยโดยเฉพาะหมวกที่ช่างเหมาะกับแดดเมืองไทย เราชอบแผงหมวกที่ติดกับเสาไฟฟ้า อินดี้ดี555

chic district 70

หน้าปากซอยรามคำแหง 53 อีกด้านจะเป็นห้างทองเยาวราช ร้านสีแดงๆทองๆตามสไตล์

chic district 71

เราเลี้ยวเข้ามาในซอยรามคำแหง 53 จะเห็นว่าถนนไม่ใหญ่มาก เป็นถนน 2 เลนส์วิ่งสวนกัน อาคารส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ และตึกแถวเก่า มีร้านขายอาหาร ร้านขายยา 24 ชั่วโมง ในซอยจะมีรถแท๊กซี่เข้าออกเรื่อยๆ รวมทั้งรถกระป๊อวิ่งรับส่งคน

chic district 74

มีร้านขายข้าวแกงให้เลือกเยอะเลย อย่างร้านน้องตาลร้านนี้ ข้าวราดแกง 1 อย่าง ราคา 25 บาท ราด 2 อย่าง 30 บาท ส่วนถ้าเป็นกับข้าวใส่ถุง ถุงละ 25 บาทเท่านั้นค่ะ ราคาสบายๆ

chic district 79

ถัดไปมีร้านเค้กด้วย หน้าร้านมีขนมให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ

chic district 80

ส่วนนี้ก็อีกทางเลือกหนึ่ง ร้านข้างแกงปักษ์ใต้ ของคนอิสลาม อร่อยได้ไม่มีหมู

chic district 76

เยื้องกันๆมีพี่วินมอร์เตอร์ไซค์คอยให้บริการ จากวินนี้ไปถึงโครงการ 8  บาทค่ะ

chic district 83

ร้านตัดผมท่านชายก็มีนะคะ อย่างร้านนี้ “นครศรีบาร์เบอร์” ปักษ์ใต้บ้านเรา ตัดผมท่านชาย ราคาไม่แพง ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 30 บาท เปิดบริการทุกวัน

chic district 84

ถัดไปเราจะเห็นสะพานข้ามคลองแสนแสบ ซึ่งมีป้ายบอกทางไปทะลุซอยลาดพร้าว 112  ได้

chic district 85

ตรงทางขึ้นสะพานข้ามคลองแสนแสบนี้จะมีมัสยิดยามีอุ้ลอิสลาม เนื่องจากแถวนี้คนใต้และคนอิสลามเยอะ

chic district 86

จากสะพานจะมีบันไดทางลงเพื่อให้เดินไปข้างล่างได้ด้วย

chic district 87

ซึ่งเมื่อเดินลงไปข้างล่างจะเป็นทางเดินเลียบคลองเพื่อไปที่ท่าเรือได้เลยค่ะ บริเวณเลียบคลองนี้ก็จะเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่

chic district 90

เราเดินมาจนถึงทางลงสะพาน เห็นป้ายโครงการ Chic District ราม 53 ตรงนี้ด้วยหละ ^^ บรรยากาศเมื่อลงสะพานมาก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น บ้านคน และอพาร์ทเม้นต์ ตามภาพเลยค่ะ

chic district 93

มี Family Mart ให้ซื้อของได้ 24 ชั่วโมง

chic district 95

ถัดไปเล็กน้อยมีศูนย์อาหารเล็กๆที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย

chic district 96

ถัดไปก็ยังคงเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ขายเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ฝั่งตรงข้ามมีแก๊งค์พี่วินให้บริการด้วย

ChicDistrict_Ram53_11 copy

เดินมาอีกนิดจะเจอกับโครงการ Nirvana Park รามคำแหง 53 อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น

chic district 99

ซึ่งใต้อาคารพาณิชย์ตรงนี้ก็ยังคงมีร้านจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ร้านซักรีด รวมทั้งมีที่ทำการไปรษณีย์ไว้ให้บริการด้วย

chic district 100

ซึ่งฝั่งตรงข้ามอาคารพาณิชย์ของ Nirvana Park จะเป็นวัลย์ลดาอพาร์ทเมนต์ บริการห้องพักรายเดือน และมองตรงไปเราก็จะเจอกับโครงการ Chic District ราม 53 แล้วค่ะ

chic district 101

ด้านตรงข้ามทางเข้าโครงการจะอยู่ติดกับวัลย์ลดาอพาร์ทเมนต์เช่นกัน  เดี๋ยวเราจะพาไปดูในโครงการกันต่อนะคะ 😀

แผนที่ซูม Chic district

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านซักอบรีดที่คอยอำนวยความสะดวกให้คนที่พักอาศัยในย่านนี้ ด้วยความที่ซอยนี้สามารถใช้เป็นทางลัดจากถนนรามคำแหงๆทะลุถนนลาดพร้าวและเลียบทางด่วนรามอินทราได้ จึงทำให้มีปริมาณรถมากและการจราจรค่อนข้างตัดขัดมากเป็นช่วงๆของวัน โดยอาคารทางด้านทิศเหนือ ติดกับหมู่บ้านพิชัยวิลล่า เป็นตึกแถว 3 ชั้น

ทิศตะวันตก ติดถนนซอยรามคำแหง 53 ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหาร ตึกแถว Apartment หอพักต่างๆ ซึ่งมีร้านค้า ร้านซักอบรีดอำนวยความสะดวก รวมทั้งมีร้านสนุ๊กเกอร์ด้วย

ทิศใต้ จะติดกับ Marche Prime อาคาร A และ B เป็นอาคารร้านค้า (Retail Community) ของโครงการ Chic District รวมทั้ง Sport Club ที่เป็นศูนย์กีฬาออกกำลังกายด้วยค่ะ

ทิศตะวันออก ติดกับ Marche Market และ Food Container ที่เป็นพื้นที่เต้นท์ให้เช่าค้าขาย บรรยากาศด้านนี้ก็จะคึกคักมาก

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง~1.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนวัดเทพลีลา ~1.4กิโลเมตร
  • Major Hollywood ~1.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนบดินทร์เดชา~1.5 กิโลเมตร
  • Big C~1.7 กิโลเมตร
  • Major Cineplex ~1.9 กิโลเมตร
  • The Mall รามคำแหง ~2.1 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ~3.3กิโลเมตร
  • Foodland ~3.5  กิโลเมตร
  • The Scene~3.9กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลรามคำแหง ~4.7 กิโลเมตร
  • Cytal Desing Center~5.4กิโลเมตร
  • The Crytal Park~6.2 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ShopHouse

โครงการ Chic District ราม  53  เป็น Shop House Office ใน Community mall ขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ (ส่วนของ Chic District ประมาณ 9-3-00 ไร่ ไร่) โดย Concept คือต้องการให้โครงการนี้เป็นเมืองแห่งวิถีชีวิตใหม่ ผสมผสานระหว่าง ที่อยู่อาศัย ที่ทำงานและร้านค้าอย่างลงตัว

โดยโครงการ Chic District จะเป็น Shop House Office ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมพื้นที่เอนกประสงค์ดาดฟ้า จำนวนทั้งสิ้น 80 คูหา เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Marche ราม 53 ที่มีแหล่ง Shopping  Day to night Market, Food Container ศูนย์รวมอาหารหลากหลายชนิด, Marche Sport Club สำหรับออกกำลังกาย, ที่จอดรถกว่า 300 คัน และอาคารพาณิชย์ส่วนของโครงการ Marche ราม 53 จะเป็นพื้นที่ให้เช่า ส่วนพื้นที่โครงการ Chic District ราม 53 ของเราจะขายขาดค่ะ แยกส่วนกันชัดเจน แต่เวลาคนมาเดินในโครงการจะรู้สึกเหมือนเป็น Community Mall ขนาดใหญ่โครงการเดียวกัน

ซึ่งอย่างหนึ่งที่โครงการเห็นว่าในซอยรามคำแหง 53 นี้น่าลงทุน เพราะบริบทโดยรอบนั้นแวดล้อมไปด้วยกำลังซื้อมหาศาลตรงที่เป็นจุดเชื่อมต่อที่มาจากในเมือง รวมทั้งแหล่งครีเอทีฟย่านเอกมัย – รามอินทรา รามคำแหง และทาวน์อินทาวน์

Chic-copy

ลองยก Master Plan ทั้งโครงการ มาให้ดู จะเห็นว่าฟังก์ชั่นสีแดงคือส่วนของโครงการ Marche ราม 53 ทั้งหมด โดยโครงการจะมีส่วนของ อาคารพาณิชย์ให้เช่า, Retail Community (ร้านค้า) และ Sport Club ที่เป็นศูนย์กีฬา ให้เช่าสถานที่ออกกำลังกาย

ส่วนที่ 1 Marche Market and Food Comtainer เป็นลักษณะของเต้นท์ Semi-Outdoor ให้เช่าพื้นที่ขาย โดยประกอบด้วย Marche Market เป็นศูนย์รวมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ขนาดพื้นที่ 2.5 x 3 ตารางเมตร/ 2 x 2 ตารางเมตร และ Food Container ศูนย์อาหารกว่า 22 ร้านค้า รองรับกว่า  250 ที่นั่ง และกว่า 30 Take home

ส่วนที่ 2 Chic District ราม 53 เป็นส่วนของโครงการที่เราจะพาไปรีวิว ประกอบด้วย Shop House Office  จำนวน 10 Block

ส่วนที่ 3 Marche เป็น Shop House Office  เหมือนของโครงการ Chic District ที่เป็นพื้นที่ให้เช่า ราคาตารางเมตรละ  800 บาท/เดือน จำนวน 4 Block

ส่วนที่ 4 Marche Prime ที่เป็น Retail Community ที่มีทั้ง Supermarket ธนาคาร และร้านค้า

ส่วนที่ 5 Marche Sport Club ที่เป็นศูนย์ให้เช่าพื้นที่เล่นกีฬาขนาดใหญ๋

ในส่วนของรีวิวนี้เราจะเจาะลึกไปในส่วนของ Chic District ราม 53  ที่เป็น Shop House Office นะคะ

ผังโครงการ Chic

Shop House Office ในโครงการ  Chic District จะมีทั้งหมด 80 คูหา ขนาดเร่ิมต้นที่ 19-31 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 235-270  ตารางเมตร ลักษณะจะเป็นอาคารพาณิชย์ขนานกันไปนะคะ มี Block ที่อยู่ด้านหน้าติดถนน 3 Block และด้านหลังถัดเข้าไปข้างในอีก  7 Block วางตัวแบบขนานกัน พื้นที่ประมาณ 9-3-00 ไร่ จำนวน 80 คูหา และพื้นที่สวน ( Block สีฟ้าทั้งหมด จำนวนรวม  10  Block)โดย Shop House Office นี้ จะแบ่งเป็น 3  Type ค่ะ คือ

Type A ( Block A,B,F,G)  พื้นที่ประมาณ 21-31 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย  270  ตารางเมตร  จำนวน 32 คูหา

Type B (Block D,E,J,K,L) พื้นที่ประมาณ 20 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร  จำนวน 40 คูหา

Type C (Block C) พื้นที่ประมาณ 19 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย 235  ตารางเมตร  จำนวน 8 คูหา

ChicDistrict_Ram53_14

เรามาเริ่มกันที่มุมมองจากซอยรามคำแหง 53 มองไปที่หน้าโครงการนะคะ พื้นที่หน้าโครงการมีการทำศาลารอรถสำหรับคนที่มาเดินในโครงการให้ด้วย ด้านหน้าโครงการมีฟุตบาทให้คนเดินสบายๆ เนื่องจากว่าโครงการ Chic District อยู่ในโครงการ Marche ที่มองเผินๆดูเหมือนจะเป็นโครงการเดียวกันอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงจะพาไปดูรอบๆโครงการทั้งหมด จะได้เห็นโครงการในภาพรวมว่ามีอะไรบ้างนะคะ ไปกันเล้ยย ^^

ส่วนแรกที่เราจะเห็นก่อนเลยคือ ป้ายด้านหน้าโครงการ Marhe ราม 53 ข้างๆมีบันไดทางขึ้นเล็กเดินไปยังสวน ส่วนอาคารเด่นๆด้านหลังที่มีป้ายสีน้ำเงินติดว่า “พื้นที่ให้เช่า” นั้นเป็นส่วนของ Marche Prime A & B ที่เป็นพื้นที่ Luxurious Retail Mall ที่จะเป็นทั้ง Supermaket ธนาคาร ร้านค้า โดยในตอนนี้ยังเป็นส่วนของสำนักงานขายของโครงการอยู่นะคะ

ChicDistrict_Ram53_18

ทางเข้า-ออก หลักของโครงการจะมีป้อมยาม 1 ป้อม ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายและทางออกอยู่ด้านขวา

ChicDistrict_Ram53_24

อาคารแรกทางขวามือ คือ Marche Prime A ตึกแรกที่จะเห็นเด่นชัดมาก ปัจจุบันเป็นส่วนของสำนักงานขายซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูด้านในกันค่ะ ตามลูกศรไปเลย

ChicDistrict_Ram53_273

เข้ามาด้านในสำนักงานขาย ใช้สีโทนสีชาว พื้นไม้ลามิเนตสีอ่อน มีการใช้ไฟซ่อนในฝ้าหลุมสีเหลือง ส่งผลให้บรรยากาศภายในดูอบอุ่น ได้กลิ่นอาย Modern Vintage แบบชิคๆ เจ้าแกะทางซ้ายมือนั่นคือโซฟานั่งเล่นเก๋ๆ ส่วนทางขวามือเป็นเคาท์เตอร์ต้อนรับ ส่วนด้านหน้าเป็นโมเดลจำลองขนาดใหญ่ของทั้งโครงการ

โมเดลโครงการโดยรวม

โดยโมเดลของโครงการ จะทำให้เราเห็นภาพรวมของโครงการชัดๆนะคะ โดยรวมแล้วทั้งหมดจะเป็นโครงการ Marche ราม 53 โดยตึกแรกที่เราอยู่นี่คือตีก Marche Prime A อาคารถัดไปเป็น Marche Prime B ส่วนด้านหลังที่เป็นอาคารสีน้ำตาลคือ Sport Club เต้นท์ขนาดใหญ่ด้านหลังแบ่งเป็นส่วนของ Marche Market ที่เป็นศูนย์รวมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ มีสวนนั่งเล่นตรงกลาง และเต้นท์ใหญ่อีกด้านแบ่งเป็นส่วนของ Food Container เป็นศูนย์อาหารกว่า 22 ร้านค้า รองรับ 250 ที่นั่ง และกว่า 30 Take home

ส่วนของ Marche จะมี Shop House Office  ที่เป็นพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด 2 ล็อก ล็อกแรกสุดและท้ายสุดด้านหน้า ล็อกละ 8 คูหา รวมเป็น 16 คูหา ส่วน Shop House Office ที่เห็นเป็นสีม่วงทั้งหมดเป็นของโครงการ Chic District ทั้งหมดมี 10 ล็อก ล็อกละ 8  คูหา รวมเป็น 80 คูหา เดี๋ยวจะพาไปดูโมเดลแต่ละส่วนคร่าวๆก่อนไปดูของจริงกันนะคะ

ภาพโมเดลจำลองด้านหน้าโครงการฝั่งทางเข้า-ออกหลัก  ด้านขวามือเป็นสวนมีโต๊ะให้นั่งเล่นด้วย ถัดไปเป็นส่วนของ Marche Prime A & B ส่วนด้านซ้ายมือด้าหน้าเป็น Shop House Office ให้เช่าของโครงการ Marche

ChicDistrict_Ram53_275

ส่วนของ Shop House Office ด้านหน้าโครงการทั้งหมด (รวมของ Marche ด้วย) จะแบ่งเป็น  7 ล็อก รวมล็อกด้านหลังด้วยเป็น 14 ล็อก ล็อกละ 8 คูหา ยาวมากกทีเดียวค่ะ ภาพรวมของโครงการจึงค่อนข้างใหญ่ ด้านหน้าอาคารมีฟุตบาททางเดินให้ รวมทั้งปลูกต้นไม้สร้างความร่มรื่น

ChicDistrict_Ram53_284

ด้านหลังเป็น Marche Sport Club เป็นพื้นที่ให้เช่าทำสถานที่ออกกำลังกาย หน้าอาคารมีที่วนรถเข้า-ออก และที่จอดรถไว้รองรับ ด้านซ้ายมือเป็น Marche Market และ Food Container พื้นที่ให้เช่า

Shop House Office ด้านหลังนี้จะเป็นส่วน Chic District ทั้งหมด ถนนหน้าอาคารกว้าง 8 เมตร ฝั่งตรงข้ามเป็นเต้นท์ Marche Market และ Food Container ถนนโดยรอบเต้นท์กว้าง 8 เมตร เช่นกัน ทั้งสองส่วนนี้ถูกแบ่งพื้นที่ด้วยรั้วสูง 2 เมตร

ChicDistrict_Ram53_26

ออกมาจากสำนักงานขาย จะเห็นอาคารฝั่งตรงข้ามคือด้านข้างของ Shop House Office  โดยตึกทางซ้ายมือจะเป็น Shop House Office ให้เช่าของ Marche ซึ่งกำลังล้อมรั้วทำ True Coffee ส่วนอาคารทางขวามือคืออาคารด้านหลังจะเป็นของ Chic District นั่นเองค่ะ

ChicDistrict_Ram53_35

มองกลับไปในโครงการจะเห็นตึกของ Marche Prime ส่วนตรงไปสุดทางที่เป็นหลังคาสีน้ำตาลนั้นคือ Marche Sport Club

ChicDistrict_Ram53_28

จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาไปเดินกลับไปดูบรรยากาศด้านหน้าโครงการกันก่อน ผ่านหน้า Shop House Office ของ Marche ไปจนถึง Chic District แล้วค่อยเข้าไปดูข้างในกันนะคะ

ChicDistrict_Ram53_21

พอเราเดินมาถึงด้านหน้าโครงการจะเห็นว่า 2 คูหาแรกนี้เตรียมสร้าง True Coffee แล้วหละ ฟุตบาทด้าน หน้าค่อนข้างกว้างนะคะ เดินสบายๆ มีการปลูกต้นไม้ตามทางเดินให้ร่มเงา

ChicDistrict_Ram53_80

ผ่านตึกแถวล็อกแรก มาถึงล็อกที่ 2 จะเป็นส่วนของ Chic District แล้ว จะเห็นว่าฟุตบาทด้านหน้ากว้างขึ้นมาอีกเล็กน้อย

ChicDistrict_Ram53_89

ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นอพาร์ทเม้นต์ให้เช่า และอาคารพาณิชย์ซะเป็นส่วนใหญ่ ด้านหน้าเป็นป้อมยามอีกจุดของโครงการ

ด้านหน้าโครงการมีที่จอดรถให้ด้วย หน้ากว้างประมาณ 2.5 เมตร จอดได้พอดีๆ

ออกมายืนฝั่งตรงข้ามถนนให้เห็น Facade อาคารชัดๆ ตัวโครงการจะ Shop House Office ยาวๆไป แบบนี้เลยค่ะ

ระหว่างทางเดินไปเราจะเห็นซุ้มขายของที่เป็นพื้นที่ให้เช่าอยู่เป็นระยะๆ

รวมทั้งป้อมยามรักษาความปลอดภัยก็จะมีอยู่เป็นระยะๆเช่นกัน โดยในโครงการ Chic District ราม 53 จะมีทั้งหมด  2 จุด และของโครงการ Marche ราม 53  มีอีก 2 จุด รวมทั้งหมด 4 จุด

chic district 2

เรากลับมาที่ป้อมยามทางเข้าแรกกันนะคะ

chic district 1

เดี๋ยวเราจะพาเดินไปตามเส้นสีแดง แล้วเลี้ยวเข้าไปดูโครงการ ซึ่งทางเข้าจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

ประตูทางเข้าตรงนี้เป็นประตูบานเลื่อนเหล็กโปร่งทาสีดำ ถัดจากประตูไปจะเป็นรั้วเหล็กโปร่งเช่นกัน ที่พื้นมีการก่อฟุตบาทเป็นทางเดินให้และติดตั้งโคมไฟสไตล์วินเทจอยู่เป็นระยะๆ

เข้ามาด้านในโครงการปุ๊บก็จะเห็น Shop House Office ของ Chic District เรียงกันเป็นทิวแถวทั้งหมด 7 Block ถนนกว้าง 8 เมตร พื้นที่ด้านหน้าอาคารเป็นพื้นที่จอดรถ รวมทั้งพื้นที่ฝั่งตรงข้ามถนนก็มีที่จอดรถรองรับไว้ให้เพิ่มอีกด้วย

มองไปทางขวามือจะเจอส่วนของนิติบุคคลเป็นห้องเล็กๆ และมีสนามหญ้าโล่งสายตา

ChicDistrict_Ram53_71

เดินมาเรื่อยๆเราก็จะเห็น Shop House Office เป็นทิวแถว มีการเว้นระยะทุก  8 คูหา(1 Block)

ChicDistrict_Ram53_83

ช่องว่างระหว่างอาคารที่เป็นทางเดินจากหน้าโครงการเข้ามาได้

ChicDistrict_Ram53_74

ส่วนตรงนี้ก็เป็นช่องว่างระหว่างอาคารที่เป็นทางเข้า-ออก ของรถได้ค่ะ ด้านข้างอาคารมีฟุตบาทที่เป็นทางเท้าให้คนเดิน พร้อมประดับด้วยโคมไฟตามทาง

ChicDistrict_Ram53_42

เดินมาเรื่อยๆ จะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามอาคารทางด้านหลังนี้ ทางซ้ายมือนอกจากจะมีที่จอดรถแล้วด้านนอกรั้วยังมีเต้นท์ใหญ่ๆด้วย

ChicDistrict_Ram53_73

โดยจะมีประตูเปิดให้สามารถเดินไปยังเต้นท์ซึ่งเป็น Marche Market และ Food Container ได้ด้วย ในอนาคตจะเป็นพื้นที่ให้เช่าขายสินค้าและอาหารที่ค่อนข้างคึกคัก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จดีนะคะ

พื้นที่ตรงกลางที่ยังไม่สร้างเต้นท์ จะมีการจัดสวนสไตล์ฝรั่งเศส ไว้ให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ

ลองเอาโมเดลจำลองโครงการมาให้ดู หน้าตาเมื่อแล้วเสร็จก็จะ ได้ประมาณนี้ค่ะ เป็นสวนชิคๆที่มีหอนาฬิกาด้วย

เดินกลับเข้ามาที่หน้า Chic District มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะได้มุมมองประมาณนี้ค่ะ เห็นตัวตึก Marche Prime ทั้งตึก A และ B ยาวเลย หน้าตาอาคารก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันค่ะ เดี๋ยวจากตรงนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างกันแล้วนะคะ 😀

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนสาธารณะ 
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 9 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 8  เมตร

 


Product Walkthrough

Shop House Office แบ่งเป็น 3 Type 

1. Type A ( Block A,B,F,G)  พื้นที่ประมาณ 21-31 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย  270  ตารางเมตร  จำนวน 32 คูหา

2. Type B (Block D,E,J,K,L) พื้นที่ประมาณ 20 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร  จำนวน 40 คูหา

3. Type C (Block C) พื้นที่ประมาณ 19 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย 235  ตารางเมตร  จำนวน 8 คูหา

โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูเป็น Type A นะคะ ส่วน Type อื่นๆจะมีผังอาคารมาฝากกันเท่านั้น ใครสนใจสามารถเข้าไปขอดูกับทางโครงการได้เลยค่ะ

1112

Type A Block A,B,F,G เป็น Block ที่อยู่ด้านหลัง ไม่ได้ติดซอยรามคำแหง 53 พื้นที่ประมาณ 21-31 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย  270  ตารางเมตร  จำนวน 32 คูหา

111อาคาร Type A หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาด 5 x 13.5 เมตร  แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน พื้นมีการเล่นระดับทำให้ Space ที่ได้ค่อนข้างแตกต่างจากที่เห็นในโครงการทั่วไป เพิ่มลูกเล่นให้พื้นที่ได้เป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่หลังบ้านมีลานซักล้างให้ค่อนข้างกว้าง  สามารถต่อเติมเป็นห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้องสบายๆ โดยในชั้น 1 มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ดูจำนวน 2 แบบในแปลนนะคะ คือ

  1. Bistro & Cafe จัดวางเพื่อให้เป็นพื้นที่ร้านอาหาร ร้านเค้กหรือร้านกาแฟ มีเคาท์เตอร์ครัวและที่นั่งให้ด้านหน้า ส่วนพื้นที่ยกระดับด้านหลังจัดเป็นส่วนนั่งรับประทานอาหารและจิบกาแฟ
  2. Home office จัดวางเพื่อให้เป็นสำนักงาน ด้านหน้าเป็นส่วนของโซฟาต้อนรับ และโต๊ะประชุม ตรงโถงหน้าห้องน้ำเป็น Pantry เล็กๆเผื่อชงกาแฟหรือเตรียมของว่างเบาๆได้ ส่วนด้านหลังเป็นโต๊ะยาวนั่งทำงาน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เฟอร์นิเจอร์ต่างๆในแปลน เพียงแค่แสดงตำแหน่งการจัดวางเท่านั้นค่ะ บ้านจริงขายแบบบ้านเปล่าไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ให้ค่ะ จะเห็นว่าตำแหน่งของห้องน้ำ จะอยู่บริเวณกลางชั้นหนึ่งค่ะ เป็นแบบ Powder Room

ชั้น2

ชั้น 2 เป็นพื้นที่ห้อง Living Area และห้องรับประทานอาหาร มีห้องน้ำ 1 ห้อง ซึ่งห้องน้ำห้องนี้ มีส่วนอาบน้ำด้วยนะคะ

Chic 2

ชั้น 3 และชั้น 4 เป็นส่วนของที่อยู่อาศัยแล้วค่ะ โดยชั้น 3 มี 2 ห้องนอน กับ 1 ห้องน้ำที่เข้าออกได้ 2 ทาง คือ จากทางห้องนอนและโถงหน้าบันได ส่วนชั้น 4 ชั้นบนสุด มีอีก 1 ห้องนอน และด้านหลังมีส่วนที่เป็นระเบียงด้านนอกด้วย ขนาดใหญ่เป็นครึ่งนึงของชั้นเลยทีเดียว ชั้นนี้ไม่มีห้องน้ำนะคะ

section

จากแบบขยาย Section ของตัวอาคาร จะเห็นว่า Floor to Ceiling ด้านหน้าของแต่ละชั้นสูง 2.5-4 เมตร พื้นแต่ละชั้นมีการเล่นระดับ สร้าง Space ที่ค่อนข้างแตกต่างดี

ตัวอาคารของ Chic District ราม 53 ออกแบบตามสไตล์ Modern Vintage ได้ Inspiration มาจากอาคารใรฝรั่งเศส ใช้โทนสีครีม-น้ำตาล มีการตกแต่งอาคารด้วยป้าย Chic District สไตล์ Vintage ระเบียงโครงการเป็นแบบเหล็กโปร่งทาสีน้ำตาล และแบบเหล็กดัดโทรงโค้งสีฟ้าแล้วแต่คูหา เสาของอาคารในชั้น 1 มีการก่อปูนและเซาะร่อง พร้อมติดโคมไฟสีดำสไตล์วินเทจให้ด้วยค่ะ  ตัวอาคารก่อสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังภายนอกก่ออิฐฉาบปูนทาสีครีม พื้นที่ด้านหน้าโครงการเป็นถนนกว้าง 8 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่จอดรถ 5 เมตร โดยหน้า Shop House Office 1 คูหา จะสามารถจอดรถได้ 2 คัน

chic district 2

หน้าตาของตัวอาคารแปลงกลางด้านหน้า

chic district 3

หน้าตาของอาคารแปลงมุม ด้านซ้ายมือจากผนังอาคารจนถึงรั้ว มีความกว้าง 2 เมตร โดยอาคารหลังนี้จะเป็นบ้านตัวอย่างที่เราจะเข้าไปดูกันค่ะ ซึ่งโครงการจัดบ้านตัวอย่างให้เป็น Bistro & Cafe

chic district 4

ด้านหน้าอาคารสามารถจอดรถได้ 2 คัน มีการก่อปูนเป็นธรณีกันรถไหล

chic district 5

ถัดจากธรณีส่วนจอดรถจะมีร่องน้ำไหลกันไว้ให้เวลาฝนตก หน้าประตูทางเข้ามีฟุตบาทเล็กๆความกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร ถัดไปเป็นเฉลียงที่ยกระดับขึ้นไปอีกปูด้วยทรายล้าง สามารถวางชั้นวางรองที่และที่วางร่มในลักษณะแบบนี้ได้

chic district 7

มือจับสแตนเลส ค่อนข้างใหญ่ ลักษณะตามภาพเลยค่ะ

chic district 6  

ตรงประตูทางเข้า พื้นมีการยกระดับขึ้นเล็กน้อย ตรงธรณีไม่มีการยกแต่ปิดคิ้วด้วยวงกบอลูมิเนียมสีชา พื้นปูด้วยกระเบื้องลายไม้

ChicDistrict_Ram53_104

พอเข้ามาปุ๊บ เราจะเจอกับ Bistro & Cafe ขนาด 5 x 13.5 เมตร ฝ้าเพดานสูง 3.2 เมตร ด้านซ้ายมือสามารถทำเป็นเคาท์เตอร์ขายเบเกอรี่ กาแฟ หรือเป็น Pantry เล็กๆแบบนี้ ทางขวามือเป็นโต๊ะ-เก้าอี้รองรับลูกค้า ตรงกลางเป็นโถงต่อเนื่องไปถึงห้องด้านหลังที่มีการยกระดับพื้นให้สูงขึ้นดูมีลูกเล่น

ChicDistrict_Ram53_236

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการที่เป็นแปลงกลาง (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) บ้านของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆผนังก่ออิฐฉาบปูนทาสีรองพื้นสีขาว ฝ้าเพดานตรงนี้สูง 3.2 เมตร มีการเล่นระดับหมือนบ้านตัวอย่างทุกประการ แอบถามมาให้ว่าหากใครต้องการทำเคาท์เตอร์กาแฟแบบในห้องตัวอย่างนี้จะมีการเดินงานระบบเตรียมให้หรือไม่ ทางโครงการบอกไม่ได้เตรียมไว้ให้ต้องเดินงานระบบเองนะคะ

ซึ่งมองได้ 2 แง่นะ เพราะหากโครงการเดินท่องานระบบเตรียมไว้ให้แล้ว จะดูเป็นการ Fix ที่เกินไปเพราะแน่นอนว่าคนมาซื้อโครงการไม่ได้จะเปิดร้านกาแฟทุกร้านแน่ เพราะในกรณีของคนที่ไม่ได้ต้องการฟังก์ชั่นที่เป็นเคาท์เตอร์ครัวหรือ Pantry อยู่ตรงนี้ ก็จะทำให้สิ้นเปลืองการเดินงานระบบเปล่าๆและยังมีท่อยื่นดูไม่สวยงามอีก ดังนั้นบางทีการที่เราต้องการฟังก์ชั่นแล้วมาต่อเติมเพิ่มลดเองอาจจะดีกว่า

chic district 12

มองไปทางซ้ายมือ หากซื้อบ้านแปลงมุมก็จะได้หน้าต่างเต็มบานแบบโปร่งๆแบบนี้เลยค่ะ แสงเข้าค่อนข้างดีเลยหละ โดยรั้วที่ล้อมรอบจะเป็นรั้วโปร่ง จึงแนะนำให้ปลูกไม้พุ่มอย่างเช่น ต้นโมก ไล่ไปตามรั้วให้เป็นเสมือน Green Wall ที่นอกจากจะช่วยกั้นสายตาจากอะไรที่อยู่นอกรั้วแล้ว ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวแนวตั้งได้ เพราะหากพื้นที่ข้างนอกหน้าต่างจัดสวนสวยๆคงสบายตาไม่น้อย

chic district 11

ลองมองย้อนกลับไปหน้าห้อง จะได้มุมมองประมาณนี้ค่ะ หากจัดเคาท์เตอร์กาแฟและวางโต๊ะเก้าอี้ในลักษณะนี้ก็จะเหลือพื้นที่ทางเดินไม่กว้างไม่แคบจนเกินไป

chic district 14

ตรงพื้นที่โถงมีห้องน้ำใต้บันได และห้องเก็บของเล็กๆให้ 1 ห้องค่ะ โดยประตูห้องน้ำและห้องเก็บของใช้วัสดุเดียวกันคือ UPVC สีขาว ประตูค่อนข้างเล็ก

chic district 15

หน้าประตูห้องน้ำมีสวิตซ์ไฟให้ 1 ดวง และมือจับสแตนเลสแบบก้านโยก ด้านล่างมีช่องสำหรับให้ไขเหรียญเข้าไปได้เผื่อในกรณีที่มีอุบัติเหตุ เช่น คนล้มในห้องน้ำ จะได้เข้าไปช่วยได้ทันท่วงที

chic district 16

พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงเล็กน้อย พื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเทในที่ปูพื้นกระเบื้องเซรามิกสีครีม  ตรงธรณีประตูมีการปิดคิ้วเรียบร้อย

chic district 17

เนื่องจากชั้นนี้เป็นส่วน Public ภายบ้าน ห้องน้ำจึงเป็นแบบ Powder Room ไม่มีส่วนอาบน้ำให้ โดยประกอบด้วยส่วนของอ่างล้างหน้าและส่วนถ่ายชำระ ขนาดของห้องน้ำค่อนข้างเล็ก ฝ้าเพดานลาดเอียงเนื่องจากอยู่ใต้บันไดค่ะ

chic district 18

อ่างล้างหน้าทรงครึ่งวงกลมของ American Standard ขนาดไม่ใหญ่มาก

chic district 19

ก็อกน้ำของ American Standard มือจับเป็นสแตนเลสแบบก้านโยกหมุนได้ซ้ายขวา ต้องยกขึ้นแล้วหมุนๆ..น้ำก็จะไหลนะคะ

chic district 20

โถสุขภัณฑ์ของ American Standard เช่นกัน

chic district 21

ที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระค่อนข้างเล็กนิดนึง  เป็นสแตนเลสแบบนี้เลยค่ะ

chic district 22

มองไปที่ฝ้าเพดานจะเอียงเล็กน้อยเพราะอยู่ใต้บันได โครงการติดไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศค่ะ

chic district 23

ด้านข้างห้องน้ำเป็นประตูห้องเก็บของ

chic district 24

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) พื้นที่ด้านหน้าห้องเก็บของจะได้โล่งๆแบบนี้ แต่การวางโต๊ะกลางขวางประตูอย่างในห้องตัวอย่าง อาจจะทำให้การใช้งานห้องเก็บของลำบากนิดนึง ดังนั้นแนะนำให้วางชิดราวบันไดทางขึ้น หรือชิดผนังข้างประตูห้องน้ำก็จะทำให้ใช้งานฟังก์ชั่นโดยรวมสะดวกขึ้นนะคะ

ลูกบิดประตูห้องเก็บของได้ลักษณะนี้นะคะ

chic district 26

พื้นที่ด้านในก็ประมาณนี้ วางไม้ถูพื้นพิงผนังได้สบายๆ

chic district 27

ถัดจากส่วนโถงกลางจะเป็นบันไดทางขึ้นส่วนที่ 2 ขึ้นบันไดไป  3 ขั้น ความสูงที่ยกระดับขึ้นไปจึงประมาณ 54 เซนติเมตร ด้านข้างบันไดทางขึ้นทั้งสองข้างสามารถวางของได้เล็กน้อย

chic district 28

ซูมบันไดทางขึ้นให้ดูชัดๆ ตัวบันได 3 ขั้นแรกจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมทั้งลูกตั้งและลูกนอน จมูกบันไดมีการเซาะร่องกันลื่น ซึ่งข้อดีคือตรงจุดนี้เป็นบันไดของชั้น 1  ที่มีแนวโน้มว่าลูกค้าจะใส่รองเท้าเข้ามาในอาคาร ดังนั้นจึงสามารถดูแลทำความสะอาดง่ายดีค่ะ ส่วนบันไดทางขึ้นชั้น 2 จะเป็นพื้นไม้ลามิเนตที่การดูแลรักษาอาจจะยากกว่ากระเบื้องเล็กน้อย ก็แก้ไขได้โดยการถอดรองเท้าขึ้นบ้านตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไป ราวบันไดใช้ราวเหล็กโปร่งสีดำสไตล์คลาสสิค

chic district 2

ขึ้นบันไดมาจะเป็นชั้นยกระดับ ขนาด 4.8 x 5 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร ทางโครงการจัดให้เป็นชุดโซฟา และโต๊ะนั่งสำหรับทานเค้ก จิบกาแฟ มองตรงไปจะเห็นว่ามีประตูให้เปิดออกไปสู่ลานซักล้าง เป็นประตู UPVC สีขาว หน้าต่างกระจกบานเลื่อนให้มา 2 บาน ประกอบกับที่ผนังด้านข้างก็มีกระจกมาให้อีก 1 บาน แสงธรรมชาติจึงเข้าค่อนข้างดี

chic district 33

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการที่เป็นแปลงกลาง (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) จะเห็นว่าบ้านแปลงกลางมีหน้าต่างบานเลื่อนให้เพียง 1 บาน ปริมาณแสงธรรมชาติที่เข้ามาสู่ห้องจะไม่มากเหมือนห้องตัวอย่างที่เป็นห้องมุม และปริมาณไฟดาวน์ไลท์ที่มีให้ 4 ดวงก็ไม่ทำให้สว่างมากนัก ดังนั้นแนะนำให้หาโคมไฟ หรือแชนเดอเลียคลาสสิคสวยๆสักดวงมาติด ก็ช่วยเพิ่มแสงและบรรยากาศได้ดีทีเดียวนะคะ

หน้าต่างเป็นบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีชา กระจกใสเขียวตัดแสง

chic district 39

ด้านหลังเป็นส่วนซักล้างให้พื้นที่มาประมาณ 3 x 5 เมตร ค่อนข้างกว้างมากทีเดียวนะคะ สามารถกั้นห้องครัวเพิ่มข้างหลังได้สบาย พื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเทในที่ขัดมันเรียบ ส่วนรั้วก่ออิฐฉาบปูนทาสี ความสูงประมาณ 1.5 เมตร

chic district 40

ด้านข้างส่วนซักล้าง โครงการวางแท๊งค์น้ำและที่ปั๊มน้ำไว้ให้ด้วย เดินท่อเรียบร้อย

chic district 36

กลับเข้ามาในห้อง ผนังด้านที่ไม่มีช่องเปิดของจริงจะเป็นผนังปูนทาสีขาว  โครงการได้ติดวอลเปเปอร์ลายก่ออิฐทาสี ตกแต่งผนังด้วยกระจกเงารูปลักษณะคล้ายหน้าต่างโค้งช่วยให้ห้องดูกว้างและติดกรอบรูปสวยๆมาให้ดูเป็นไอเดีย สามารถนำไปประยุกต์แต่งห้องกันได้ตามใจชอบ

chic district 3

จากมุมห้องมองออกไปด้านหน้าอาคารจะเป็นมุมมองประมาณนี้ค่ะ แสงธรรมชาติเข้าดีมากๆเลยนะสำหรับแปลงมุมเพราะให้หน้าต่างมาค่อนข้างเยอะ ส่วนแปลงกลางก็จะเป็นผนังทึบๆไม่มีหน้าต่าง คงต้องใช้ไฟช่วยในเรื่องแสงสว่างเอา เดี๋ยวเราจะพาขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 กันต่อเลยนะคะ

chic district 42

บันไดขึ้นชั้น 2 จะเป็นพื้นไม้ลามิเนต สีอ่อน ราวเหล็กทาสีดำสไตล์คลาสสิค ซึ่งปกติบันไดของอาคารพาณิชย์หรือทาวน์โฮมที่เราเห็นทั่วไปจะค่อนข้างทึบแสง ต้องใช้ไฟช่วยแต่ละชั้นใช่ไหมคะ แต่ความพิเศษของโถงบันไดที่นี่คือการทำบันได 2 ชานพัก ทำให้ตรงกลางมีพื้นที่ว่างเล็กน้อย

chic district 43

จากช่องโถงบันไดลองมองขึ้นไป ก็จะเห็นว่าตรงกลางมีช่องว่างระหว่างราวบันได และมีหลังคา Sky Light เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้า รวมมทั้งมีการติดโคมไฟซาลาเปาที่ฝ้าเพดานใต้บันได ทำให้โถงบันไดของที่นี่ค่อนข้างโปร่งและ Space แตกต่างจากที่อื่น ได้กลิ่นอายของบ้านสไตล์วินเทจย้อนยุค

chic district 45

พอเราขึ้นมาถึงชั้น 2 มองลงไปจะเห็นบันไดที่มี 2 ชานพัก พื้นลูกตั้ง ลูกนอน ชานพัก รวมทั้งพื้นห้องในชั้น 2 ก็เป็นพื้นไม้ลามิเนตทั้งหมด ดู Smooth ดีค่ะ

chic district 47

ขึ้นมาที่ชั้น 2 เราจะเจอห้องนั่งเล่น ที่โครงการติดประตูกระจกบานเลื่อนไว้ให้กันตก หน้าห้องมีโคมไฟซาลาเปาติดอยู่เพิ่มความสว่างให้โถงหน้าห้องได้ดีค่ะ

chic district 48

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) จะเป็นห้องโล่งๆไม่มีกั้นห้องให้ค่ะ เนื่องจากการใช้งานของผู้ซื้อที่อาจมีการใช้งานฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน โครงการจึงเว้นไว้ให้จัดการพื้นที่ได้ตามใจชอบ ผนังห้องทารองพื้นสีขาว พื้นไม้ลามิเนตติดบัวพื้นให้ ฝ้าเพดานเป็นยิปซัมบอร์ดทาสีขาว ติดไฟดาวน์ไลท์มาให้ 4 ดวง ช่องเปิดมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนมาให้ 1 บาน

chic district 114

ลักษณะของหน้าต่างเป็นบานเลื่อนคู่ ส่วนบานขวามือสุดและด้านบนเป็นบาน Fix ด้านนอกไม่มีระเบียงแต่เป็นราวกันตกเหล็กโปร่งทาสีดำ สูง 0.9 เมตร

chic district 115

ซูม Detail ของราวกันตกใกล้ๆ จะเห็นว่าตัวราวเหล็กจะติดยัดกับคานแบบนี้เลยค่ะ ตรงพื้นมีรางเลื่อนของประตูถูกยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งห้องด้านนี้ของทุกชั้นจะมีบานประตู หน้าต่าง และรั้วเหล็กโปร่งแบบนี้ทั้งหมด

chic district 5

มาดูห้องตัวอย่างกันบ้าง ห้องนี้มีขนาด 4.5 x 5 เมตร โครงการได้จัดห้องนี้ให้เป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมโซฟา 2 ที่นั่ง และโซฟาฝั่งตรงข้ามได้อีกสบายๆ เพราะห้องค่อนข้างกว้าง ฝั่งตรงข้ามโครงการใช้ทีวีติดผนัง ซึ่งจริงๆจะวางทีวีตั้งโต๊ะก็ได้ไม่อึดอัดค่ะ ระยะดูทีวีประมาณ 3.70 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 60 นิ้ว ขึ้นไปได้สบายๆสายตา

chic district 50

 

ระยะมองจากโซฟา หากนั่งมองทีวีจะเป็นมุมมองประมาณนี้ค่ะ จะเห็นว่าด้วยระยะดูทีวี 3.7 เมตร ทำให้ทีวีที่โครงการติดตั้งมาให้ดูเล็กไปเลย

chic district 54

จากห้องนั่งเล่นมองออกไปด้านนอกก็จะได้มุมมองประมาณนี้ค่ะ การที่มีประตูกระจกกั้นทำให้รู้สึกปลอดภัยในขณะเดียวกันก็ไม่อึดอัด ฝั่งตรงข้ามจะมีบันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องถัดไป ซึ่งโครงการจัดไว้เป็นห้องรับประทานอาหาร

chic district 55

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) จะได้ Space ที่ต่อเนื่อง โล่งๆโปร่งๆแบบนี้

พอออกมาจากห้องนั่งเล่น เราจะเจอกับห้องน้ำ บานประตูใช้บาน UPVC  มีบัวและเกร็ดระบายอากาศ มือจับเป็นก้านโยกสแตนเลสและช่องไขเหรียญเข้าไปได้

  chic district 59

พื้นมีการลดระดับเล็กน้อยประมาณ 5 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีครีม

chic district 60

เข้ามาในห้องน้ำ ขนาด 1.6 x 3.9 เมตร เป็นห้องน้ำแบบแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน หลักๆก็มีอ่างล้างหน้า กระจกเงาติดผนังขอบเจียปลี โถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำให้

chic district 62

อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขนาดไม่ใหญ่มาก ของ American Standard

chic district 63

โถสุขภัณฑ์ของ American Standard มีสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้เหมือนกับห้องน้ำชั้น 1 ค่ะ ส่วนถังขยะที่ตั้งไว้ข้างๆนี้ไม่มีให้นะคะเป็น Prop เฉยๆ

chic district 65

จุดท่อระบายน้ำมีให้ 2 จุดทั้งส่วนเปียกและส่วนแห้งนะคะ เผื่อไว้ให้เวลาล้างห้องน้ำ เพราะทั้งส่วนเปียกส่วนแห้งมีการยกธรณีกั้นให้ค่อนข้างสูง การใช้งานท่อระบายน้ำจึงต้องแยกส่วนกันไปเลยจะสะดวกกว่า

chic district 66

ต่อไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาด 1 x 1.6 เมตร ที่เป็นส่วนเปียก โครงการยกธรณีสูงขึ้นมาประมาณ 10  เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ำไหลไปยังส่วนแห้ง แต่ในขณะที่เราอาบน้ำก็อาจมีน้ำกระเด็นออกไปข้างนอกอยู่ดี ดังนั้นจึงแนะนำให้กั้นห้องอาบน้ำ หรือไม่ก็หาผ้าม่านกันน้ำมาไว้นะคะ ไม่งั้นนึกถึงอาบน้ำเสร็จแล้วน้ำกระเด็นมาเปียกโถส้วมทำให้ต้องมาทำความสะอาดตลอดเวลา หรือเปียกพื้นข้างนอกแล้วเกิดลื่นล้มขึ้นมา จะเป็นอันตรายได้

chic district 67

ชุดฝักบัวเป็นสแตนเลสลักษณะนี้เลย มีที่วางสบู่พลาสติกให้ในชุด แต่อยู่ค่อนข้างสูงหน่อยนะ ถ้าเด็กเล็กอาบนี่คงยื่นหยิบลำบาก ที่สุดแล้วอาจจะต้องหาที่วางสบู่มาติดเพิ่ม

chic district 68

ฝักบัวขนาดพอดีมือ และก็อกน้ำแบบก้านโยก ของ American Standardchic district 69

ห้องน้ำนี้มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง และพัดลมดูดอากาศให้ 1 ตัวที่ฝ้าเพดานค่ะ

chic district 70

มองย้อนกลับไปตรงประตูทางเข้า ด้านหลังประตูมีที่ว่าง พอให้วางชั้นวางของใช้ในห้องน้ำได้เล็กน้อย

chic district 71

จากห้องน้ำ เราจะเดินขึ้นบันไดไปดูชั้น  2 ครึ่งกันค่ะ

chic district 72

ห้องนี้มีขนาด  4.8 x 5 เมตร โครงการจัดให้เป็นห้องรับประทานอาหารและห้องครัว สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด  6 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่เดินเหลือรอบห้องเลย

chic district 73

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) จะเป็นห้องโล่งๆ แปลงกลางมีหน้าต่างให้ 1 บาน เป็นบานเลื่อนคู่ ส่วนด้านขวามือสุดและหน้าต่างเล็กด้านบนเป็นบาน Fix ทั้งหมด ฝ้าเพดานเป็นยิปซัมบอร์ดเรียบติดไฟดาวน์ไลท์ให้  4 ดวง

ด้านหนึ่งของห้องโครงการติดตั้งชุดครัวมาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่าง ถ้าเป็นหลังมุมก็จะมีหน้าต่างให้อีก 1 บานในด้านนี้นะคะ

chic district 75

อีกด้านของห้องสามารถวางทีวีเล็กๆหรือตู้ใส่แก้วไวน์แบบห้องตัวอย่างได้ หากนั่งรับประทานอาหารก็จะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ

chic district 77

จากมุมห้อง มองออกไปด้านนอกก็จะได้มุมมองประมาณนี้ เห็นได้ชัดว่าห้องค่อนข้างกว้าง สามารถจัดฟังก์ชั่นเพิ่มได้ตามสบายค่ะ จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาขึ้นบันไดไปชั้น 3 กัน

chic district 78

บันไดจากชั้น 2 ขั้นไปชั้น 3 ก็จะเป็นลักษณะบันได 2 ชานพักวนขึ้นไปแบบนี้ค่ะ ปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้ทั้งหมดเหมือนส่วนอื่นๆ

chic district 81

ขึ้นมาที่ชั้น 3 เราจะเจอโถงที่มีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ส่วนถ้าแยกไปซ้ายขวาโคงการจัดให้เป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เดี๋วเราจะเริ่มไปดูที่ห้องนอนแรกทางซ้ายมือกันก่อนนะคะ

chic district 84

ห้องนอนขนาด 4.5 x 5  เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ และพื้นที่ปลายเตียงก็เหลือค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ตรงไปเราจะเห็นช่องเปิดประตูกระจกบานเลื่อนที่มีรั้วโปร่งกั้นด้านนอกให้เหมือนห้องชั้น 2

ChicDistrict_Ram53_152

พื้นที่หัวเตียงโครงการติดวอลเปเปอร์ลายคลาสสิคไว้ ซึ่งของจริงจะเป็นผนังทาสีขาว ข้างหัวเตียงสามารถนำโต๊ะมาวางได้ทั้งสองข้าง  ผนังด้านซ้ายมือโครงการวางตู้เสื้อผ้ามาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือพอให้เปิดตู้เสื้อผ้าแต่งตัวได้ไม่อึดอัด

chic district 85

ปลายเตียงสามารถวางโต๊ะเขียนหนังสือ และโต๊ะวางทีวีได้ค่ะ โดยถ้าเป็นแปลงมุมจะมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนให้แบบนี้ ส่วนแปลงกลางจะเป็นผนังทึบ จึงสามารถ Built-in โต๊ะหรือตู้ได้ตลอดแนวผนัง

chic district 9

มองย้อนหลับไปที่ประตูทางเข้า จะเห็นว่าข้างๆประตูทางเข้า จะเป็นประตูห้องน้ำที่มีวงกบประตูสีขาวหนาเด่นชัดมาก งั้นเดี๋ยวเราพาไปดูหน้าตาห้องน้ำในชั้นนี้กันต่อ

chic district 88

ห้องน้ำขนาด 1.6 x 3.9 เมตร ลักษณะการจัดฟังก์ชั่นเหมือนห้องน้ำชั้น 2 ทุกประการ โดยมีทั้งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งให้

chic district 89

มองกลับมาที่ประตูทางเข้า จะเห็นว่าทางเข้ามี 2 ทาง คือเข้าได้ทั้งจากโถงชั้น 3 และ ประตูห้องนอน

chic district 90

จากห้องน้ำเราจะพาไปดูห้องนอนอีกห้องกันต่อ ขึ้นบันไดกันไปอีก 5 ขั้นนะ

chic district 92

เข้ามาในห้องนอนขนาด 4.8 x 5 เมตรสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมโซฟาปลายเตียงได้สบายๆ พื้นที่เหลือรอบๆค่อนข้างเยอะ

chic district 93

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) จะเป็นห้องโล่งๆแบบนี้มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนมาให้ 1 บาน  มองออกไปด้านนอกจะเห็นหน้าต่างห้องของอาคารฝั่งตรงข้าม

ลองชะโงกหน้าออกมาดูก็จะเห็น ด้านหลังของอาคารอื่นๆเป็นแถวยาวแบบนี้ค่ะ จะเห็นว่าทุกอาคารมีบันไดหนีไฟ ส่วนแผ่นปูนที่ยื่นออกมาก็เพื่อวางคอมเพลสเซอร์แอร์และเผื่อพื้นที่เซอร์วิสให้ด้วย

chic district 97

พื้นที่หัวเตียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้งสองข้าง ส่วนผนังของจริงจะเป็นผนังทึบทาสีขาว โดยโครงการติดวอลเปเปอร์ลายดอกสวยหวานพร้อมกรอบรูปไว้ให้ดูเป็นไอเดียตกแต่งห้อง

chic district 13

พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือได้เต็มพื้นที่ผนังแบบนี้

chic district 12 

จากมุมห้องมองออกไปด้านนอกจะได้มุมมองประมาณนี้ค่ะ เดี๋ยวเราจะพาขึ้นบันไดไปดูที่ชั้น 4 กันต่อ

chic district 10

โถงบันไดขึ้นชั้น 4 จะมีคานที่เตี้ยมากเหมือนกัน เทียบสเกลกับพี่ผู้ชายในภาพสูงประมาณ 170 กว่าๆ ก็พอดีศีรษะแล้ว ดังนั้นเวลาเดินขึ้นลงต้องระวังนิดนึงนะคะ คนสูงๆนี่มีสิทธิ์หัวโขกได้

chic district 11

ซึ่งพอลองลงบันไดมา 1 Step ถ้าเทียบกันแล้วโถงขั้นชั้น 4 จะเตี้ยกว่าชั้นอื่นๆมากเลย

chic district 103

เราขึ้นบันไดไปกันต่อ สังเกตไหมคะว่าตรงนี้แสงเข้าดี๊ดี

chic district 104

เพราะพอเราเงยหน้าไปมองด้านบนจะเห็นว่าผลังคาเป็น Sky Light กระจกลามิเนต เวลาแตกจะเป็นใยแมงมุมไม่ตกลงมาบาดคนข้างล่าง จึงปลอดภัยในระดับหนึ่ง แสงของชั้นนี้จะสว่างๆกว่าชั้นอื่นเป็นพิเศษ เพราะใกล้ Sky Light ที่สุด แต่ก็ร้อนที่สุดไปด้วยนะคะ

chic district 105

ตัวลูกตั้งลูกนอนของบันไดและพื้นของชั้นต่างๆที่เราขึ้นมาจะปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตทั้งหมด แต่พอขึ้นมาที่พื้นชั้น 4 นี้จะปูพื้นด้วยกระเบื้องลายไม้ และปิดคิ้วเก็บงานด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ มีการเซาะร่องกันลื่นด้วย

chic district 15

โดยขึ้นมาที่ชั้น 4 เราจะเจอกับส่วนนั่งเล่นที่มีประตูกระจกบานเลื่อนสามารถออกไปยังดาดฟ้าได้ พื้นที่ตรงนี้โครงการจัดวางชั้นหนังสือและโซฟานั่งเล่นสไตล์ชิคๆมาให้ดูกันเป็นไอเดีย

chic district 16

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) ก็จะเป็นห้องโล่งๆแบบนี้ ฝ้าเพดานติดไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 ดวง ด้านขวามือที่เราเห็นเป็นประตูทางเข้าห้องนอนค่ะ

พอมองกลับไปที่โถงบันได จะเห็นเงาที่เกิดจากการตกกระทบของแสงแบบนี้

chic district 109

เรามาดูที่ห้องนอนห้องสุดท้ายของบ้านกัน ห้องมีขนาด 4.5 x 5 เมตร สามารถวางเตียงขนาด  5 ฟุตได้สบายๆ พื้นที่ห้วเตียงทั้งสองด้านสามารถ วางโต๊ะวางของได้

chic district 18

โดยผนังด้านซ้ายมือของห้อง โครงการวางตู้เสื้อผ้าชิดผนังไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งจากตู้เสื้อผ้าถึงเตียงก็มีระยะพอให้แต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สบายๆ

chic district 113

ห้องนี้มีประตูบานเลื่อนกระจก พร้อมรั้วโปร่งกั้นให้เหมือนห้องชั้น 3 แสงเข้าดีมากทีเดียว

chic district 19

พอเราลองชะโงกหน้าออกมาดูข้างนอกก็จะเห็นทัศนียภาพในโครงการด้านหลัง ทั้งนิติบุคคล, Marche Prime, Sport Club และเต้นท์ที่เป็นพื้นที่ให้เช่า

chic district 21

พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางโต๊ะวางทีวีและโต๊ะเขียนหนังสือแบบนี้ได้ค่ะ

chic district 112

ถ่ายมุมประตูทางออกห้องให้ดูนิดนึง ข้างๆประตูโซฟาที่แปลกดี มองกันออกไหมคะว่า Inspiration มาจากอะไรน้าา

chic district 119

ออกจากห้องนอนมา จะเห็นประตุทางออกไปดาดฟ้าเป็นประตูบานเลื่อนกระจกเต็มบาน

chic district 120

พื้นมีการยกธรณีประตู ประมาณ 10 เซนติเมตรเพื่อกันน้ำเข้ามาภายในchic district 22

พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้างประมาณ 4.8 x 5 เมตร รั้วระเบียงก่อปูนทาสีทูงประมาณ 1 เมตร โครงการจัดฟังก์ชั่นให้เป็นมุมนั่งเล่นสามารถจัดปาร์ตี้ ปิ้งย่างบาร์บีคิวกันบนนี้ได้ ที่พื้นปูหญ้าเทียมสร้างพื้นที่สีเขียวให้ดาดฟ้า

chic district 122

เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (บ้านของจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) จะเห็นว่าพื้นของชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นปูนขัดมันเรียบธรรมดา

   

ท่อระบายน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก การระบายน้ำการระบายน้ำอาจจะช้านิดนึง

chic district 126

จากชั้นด้านฟ้ามองไปยังคูหาอื่นๆจะได้มุมมองแบบนี้ หากมีหลังอื่นมาจัดปาร์ตี้ในชั้นดาดฟ้าก็อาจจะทำให้มีเพื่อนบ้านเพิ่มได้นะ เพราะเห็นถึงกันหมดเลย

chic district 127

มองลงไปด้านล่าง ก็จะเห็นตึกและลานซักล้างของคูหาตรงข้ามแบบนี้

chic district 128

มุมมองจากดาดฟ้ามองออกไปยังหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกของวัลย์ลดา อพาร์ทเม้นต์ 5 ชั้น

chic district 130

พอมองออกไปด้านข้างก็จะเป็นอาคารของ Marche Prime ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการแล้ว

chic district 23

มองกลับไปที่ประตูทางออกดาดฟ้าจะเป็นมุมมองประมาณนี้ค่ะ โดยโครงการจะมีเต้ารับแบบกันน้ำติดตั้งไว้ให้เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า และมีโคมไฟทรงวินเทจติดมาให้อีก 1 ดวง

Screen Shot 2556-09-03 at 2.46.01 PM

Type B  Block D,E,J,K,L คือ Block 3 block ที่อยู่ตรงกลางด้านหน้าติดซอยรามคำแหง 53  และ 2 Block ตรงกลาง ด้านหลังค่ะอาคารมีพื้นที่ประมาณ 20 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร  จำนวน 40 คูหา

อาคาร Type B หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาด 5 x 13 เมตร  แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน พื้นมีการเล่นระดับเหมือนกับ Type A ในชั้น 1 สามารถจัดพื้นที่ได้อเนกประสงค์ตามความต้องการ หรือจะจัดเป็นพื้นที่ร้านค้าตามแปลนของโครงการก็ได้ มีห้องน้ำ 1 ห้องอยู่ด้านซ้ายมือด้วย เป็นแบบ Power Room ขึ้นมาชั้น  2 เป็นส่วนของ ห้องรับประทานอาหาร และ ห้องนั่งเล่นค่ะ มีห้องน้ำ 1 ห้อง ซึ่งห้องนี้อาบน้ำได้ โดยรวมแล้วแปลนของชั้น  1  และชั้น 2 จะคล้ายๆ กับ Type A แต่เล็กกว่าค่ะ

2

ชั้น  3 ก็แปลนคล้าย Type A ค่ะ มี 2 ห้องนอน  1 ห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำ สามารถ เข้า-ออก ได้สองทาง คือ จากทางโถงบันได และจากห้อง Master Bedroom ค่ะ ส่วนชั้น 4 จะแตกต่างจาก Type A  อย่างเห็นได้ชัดนะคะ โดยระเบียงด้านนอกจะเล็กกว่า Type A เพราะเอาพื้นที่มาทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์แบบ Indoor แทน และมีห้องนอนให้ 1 ห้องค่ะ

sectio B

ภาพขยาย Section ของอาคารพาณิชย์ จะเห็นว่าพื้นมีการยกระดับในทุกๆชั้น Floor to Ceiling ด้านหน้าของแต่ละชั้นสูง 3.2 – 4.0 เมตร ส่วนด้านหลังสูงประมาณ 2.5 เมตรค่ะ โดยตัวฟังก์ชั่นไม่แตกต่างกับ Type แรกเท่าไหร่ แต่จะต่างกันที่พื้นที่เล็กกว่า Type แรก โดยเฉพาะระเบียงชั้นดาดฟ้าที่ค่อนข้างเล็กค่ะ

P

Type C   Block C เป็น Block ที่อยู่ด้านหลังค่ะ อาคารมีพื้นที่ประมาณ 19 ตารางวา พื่นที่ใช้สอย 235  ตารางเมตร  จำนวน 8 คูหา

1CCอาคาร Type C หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาด 5 x 12.35 เมตร  แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 2 คัน  แปลนชั้น 1 และชั้น  2 คล้ายกับ ทั้ง 2 Type  ที่ผ่านมาเพียงแต่พื้นที่เล็กกว่าค่ะ

2c

ชั้น 3  เหมือนกับ 2  Type ที่แล้ว ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ส่วนชั้น  4 แตกต่างตรงที่ ไม่มีระเบียงค่ะ พื้นที่ที่เป็นลานอเนกประสงค์ Indoor ก็จะมากขึ้นมาหน่อยค่ะ ชั้นนี้มีห้องนอนให้จำนวน 1 ห้อง

Section c

ภาพขยาย Section ของอาคารพาณิชย์ จะเห็นว่าพื้นมีการยกระดับในทุกๆชั้น Floor to Ceiling ด้านหน้าของแต่ละชั้นสูง 3.2 – 4.0 เมตร ส่วนด้านหลังสูงประมาณ 2.5 เมตรค่ะ โดยตัวฟังก์ชั่นไม่แตกต่างกับ Type B เท่าไหร่ แต่จะต่างกันที่พื้นที่เล็กกว่าและอาคาร Type นี้ไม่มีระเบียงดาดฟ้าค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 7 July 2015

  • แปลงมุม ด้านหลัง หมายเลขห้อง G1-A อาคาร G  Type A 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดที่ดิน 21.80 ตารางวา พื้นที่ 270 ตารางเมตร ราคา 12 ล้านบาท หรือประมาณ 550,458 บาท/ตารางวา
  • แปลงกลาง ด้านหน้า หมายเลขห้อง L7-B อาคาร L Type B 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดที่ดิน 20.10 ตารางวา พื้นที่ 250 ตารางเมตร ราคา 11 ล้านบาท หรือประมาณ 547,263 บาท/ตารางวา
  • แปลงมุม ด้านหลัง หมายเลขห้อง C1-C อาคาร C Type C 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดที่ดิน 19.80 ตารางวา พื้นที่ 235 ตารางเมตร ราคา 10 ล้านบาท หรือประมาณ 505,050 บาท/ตารางวา

  • จอง 100,000 บาท,และทำสัญญา 1,000,000 บาท (หักเงินจอง)
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง 2,000 บาท/เดือน ชำระล่วงหน้า 18 เดือน
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของโครงการ Chic District ราม 53 อยู่ในซอยรามคำแหง 53 เป็นทำเลที่ค่อนข้างคึกคักเนื่องจากอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งเป็นแหล่งการศึกษา มีของกินของขายเพียบแถมยังราคาไม่แพง ร้านทำผมโดยเฉพาะสระไดร์ 39 บาทหน้ารามนี่ หาได้ยากยิ่งนักในไทยแลนด์ นอกจากนี้บนเส้นถนนรามคำแหงยังมีห้างให้ไปช็อปปิ้งหลากหลายทั้ง The mall, Major Cineplex, Major Hollywood, Big C สามารถไปช็อปปิ้งซื้อของได้สบายๆ ส่วนถ้าแยกไปทางซอยอินทราภรณ์จะสามารถไปทะลุทาน์อินทาวน์ซึ่งค่อนข้างมีออฟฟิศ สำนักงานเยอะ หากมีการติดต่อค้าขายกันก็เดินทางไปมาสะดวก รวมทั้งย่านนั้นก็ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และยังไปทะลุถนนเลียบทางด่วนรามอินทราได้ด้วย ส่วนหากไปทางซอยลาดพร้าว 112 จะไปทะลุถนนลาดพร้าว ที่มีห้างที่ใกล้ที่สุด คือ Blg C ลาดพร้าว และ Omni Community Mall เป็นแหล่งช็อปปิ้งเล็กๆ โดยรวมแล้วทำเลโดยรอบค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ดี

บริบทโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ 3-5 ชั้น, อพาร์ทเม้นต์ความสูงไม่เกิน 8 ชั้นและบ้านพักอาศัย ซะเป็นส่วนใหญ่ ทัศนียภาพภายในซอยจึงเป็นอพาร์ทเม้นท์, อาคารพาณิชย์สูงชลูดทั้งสองข้างทาง ซึ่งโครงการของเราเองก็ไม่ได้เตี้ยและไม่ได้สูงไปกว่าอาคารรอบๆสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นมุมมองเมื่ออยู่ในอาคารก็จะมองออกมาแบบเห็นตึกด้วยกันเอง เพราะสูงพอๆกัน วิวโดยรอบไม่ได้มีมุมมองพิเศษอะไรเท่าใดนัก เนื่องจากเป็นแหล่งที่พักอาศัยที่ค่อนข้างหนาแน่น ซึ่งพลอยทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานมากมายทั้งร้านซักอบรีด ร้านอาหาร ไปรษณีย์ ร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน ร้านสะดวกซื้อ ราคาเบาๆ

การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถใช้เส้นทางหลักๆได้ 3 เส้นทาง คือจากทางถนนรามคำแหงเข้าซอยรามคำแหง 53 มายังโครงการ ปกติเส้นนี้รถจะติดมากในช่วงเช้าและเย็น ส่วนตอนกลางวันก็เคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ยกเว้นว่าสนามราชมังคลากีฬาสถานหรืออินดอร์สเตเดียมหัวหมากจะมีงานแข่งขันกีฬาระดับชาติ การจราจรบนถนนรามคำแหงก็จะ #ติดหนักมากก ไปตลอดทั้งวันเหมือนกัน สามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางซอยลาดพร้าว 112 เพื่อไปทะลุถนนลาดพร้าว หรือใช้ซอยอินทราภรณ์ ไปทะลุทาวน์อินทาวน์ก็จะสามารถไปถนนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราได้

ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธาณะ ถ้าจากในซอยก็สามารถใช้บริการพี่วิน รถกกระป๊อ และแท๊กซี่ที่วิ่งผ่านไปมา แล้วมาขึ้นรถโดยสารหรือรถตู้ที่หน้ารามได้ มีให้เลือกเยอะมากเลยค่ะ รวมทั้งการใช้เรือโดยสารที่วิ่งในคลองแสนแสบก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

อาคารก่อสร้างด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่ออิฐฉาบปูน ที่จอดรถรวมในโครงการตลอดแนวตึก วัสดุของโครงการขายทั้งแบบ Bare Shell และขายแบบบ้านเปล่าที่มีวัสดุปิดผิวให้ โดยเทียบกับบ้านที่มีวัสดุปิดผิวและสุขภัณฑ์ให้ถือว่าให้มากลางๆ พื้นห้องชั้น 1 และชั้น 4 ปูด้วยกระเบื้องลายไม้ ส่วนพื้นบันไดและพื้นห้องชั้น 2 และชั้น 3 ปูด้วยไม้ลามิเนต สุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ของ American Standard , Sky Light ใช้กระจกลามิเนต ที่แตกเป็นเมล็ดข้าวโพดค่อนข้างปลอดภัยในระดับหนึ่ง

ตัวอาคารออกแบบมาในสไตล์ฝรั่งเศส วินเทจย้อนยุคแบบชิคๆ ตัวอาคารมีการใช้ Element บางอย่างเพื่อสื่อถึงความวินเทจ เก๋ๆอย่างเช่น การใช้โลโก้ Chic District แบบวินเทจมาตกแต่งเป็นส่วนหนึ่งของรูปด้านอาคาร, การใช้ราวบันไดที่เป็นราวเหล็กโปร่งธรรมดา และราวเหล็กดัดสีฟ้า ที่เพิ่มความเก๋ไก๋ให้อาคารไม่ดูหน้าเบื่อ รวมทั้งลายปูนปั้นด้านบนอาคารทำให้ดูมีลูกเล่น

ส่วนการออกแบบ Space ภายในอาคาร มีการออกแบบพื้นที่ให้น่าสนใจในหลายๆส่วน เริ่มจากการเล่นระดับพื้นที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยมีความต่อเนื่องกันอย่างไม่หน้าเบื่อ เช่นในพื้นที่ชั้น 1 สามารถจัดด้านหน้าให้เป็นร้านกาแฟ มีเคาท์เตอร์และที่นั่งเล็กๆ ส่วนพื้นที่ยกระดับด้านหลังก็จัดให้เป็นที่นั่งจิบกาแฟ โดยคนที่นั่งอยู่ด้านในจะรู้สึกถึงความ Private ไปโดยปริยาย เนื่องจากการแตกต่างกันของระดับพื้นที่ หรือหากทำเป็นร้านขายเสื้อผ้า ก็ช่วยให้ร้านมีโซนพื้นที่ดูหลากหลายไม่น่าเบื่อ จึงเหมาะกับการค้าขายที่ต้องการพื้นที่ที่ไม่น่าเบื่อ แต่ไม่เหมาะอาคารสำนักงานหรือใช้เป็นบ้านที่มีผู้สูงอายุและเด็กน้อย เนื่องจากการยกระดับพื้นที่ที่มีบันไดค่อนข้างเยอะ ผู้สูงอายุและเด็กน้อยอาจขึ้นลงไม่สะดวกนัก

ต่อมาเป็นบันไดที่มีการใช้ชานพัก 2 ช่วง ทำให้ เกิดโถงช่องบันไดเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบกับการทำหลังคา Sky Light ด้านบน ทำให้แสงธรรมชาติส่องลงมาระหว่างโถงช่องบันได ค่อนข้างโปร่งและแสงเข้าได้ดีให้พื้นที่ที่แตกต่างจากบันไดของอาคารพาณิชย์ทั่วไปค่ะ ส่วนการจัดวางพื้นที่ของอาคารที่ขนาดของแต่ละห้องมีขนาดไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้การปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นสามารถทำได้ง่าย

สาธารณูปโภคของโครงการ Chic District ราม 53 เนื่องจากเราเป็น Shop House Officeในโครงการ Marche ราม 53 ที่เป็น Community Mall ขนาดใหญ่ มีฟังก์ชั่นหลากหลายทั้ง ​Retail Community, Sport Club, Marche Market and Food Container ที่เป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ให้เช่าพื้นที่ รวมทั้งที่จอดรถโดยรวมกว่า 300 คัน ซึ่งด้วยบริบทโดยรอบโครงการที่ใหญ่ขนาดนี้ สามารถเรียกลูกค้าให้เราได้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว ค่อนข้างจะเข้าทางจุดประสงค์หลักของ Shop House Office หรืออาคารพาณิชย์ลักษณะนี้ นอกจากนี้ยังมี รปภ.รักษาความปลอดภัยที่หน้าโครงการและ CCTV 9 จุด ถือว่าไม่เยอะมากกับโครงการใหญ่ขนาดนี้ แต่ถ้าเทียบกับค่าส่วนกลาง 2000 บาท/เดือน กับสิ่งที่ได้รับก็ถือวาคุ้มค่าที่จะจ่ายนะคะ

สรุปแล้ว หากมองในแง่ของนักลงทุน คนที่หาอาคารเพื่อทำธุรกิจสักที่ ย่อมต้องการสิ่งสำคัญอยู่ไม่กี่อย่างเช่น ทำเล ความคุ้มทุน การเข้าถึง หากพิจารณาถึงบริบทของพื้นที่โดยรวมแล้ว โครงการ Chic District ราม 53 ค่อนข้างเป็นทำเลที่คึกคัก ใกล้แหล่งการศึกษา ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย แต่กำลังซื้อต่อหัวต่อคนก็ไม่ได้แพงมากนัก  แต่หากมองจากวงกว้างออกไปหน่อยแต่เข้าถึงโครงการได้ไม่ยาก อย่างคนที่มาจากเลียบทางด่วนรามอินทรา ทาวน์อินทาวน์ และย่านลาดพร้าว ที่น่าจะมีกำลังซื้อมากขึ้นมาหน่อย ทำเลตรงจุดนี้ก็น่าสนใจตรงที่สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งสองส่วน การเข้าถึงก็ง่ายเพราะเข้าถึงได้หลายทางทั้งจากรถยนต์ส่วนตัวและมีรถสาธารณะวิ่งผ่านเข้า-ออก ตลอด

ส่วนในแง่ของความคุ้มทุน หากเราอยู่ในโครงการที่มีการบริหารจัดการทั้งในส่วนของสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดูแลความปลอดภัย และช่วยดึงคนเข้ามาในโครงการได้มากๆ เช่นการมีตลาด ศูนย์กีฬา และศูนย์รวมอาหาร หากไม่ติดเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูงและรถติด ก็ถือเป็นโครงการหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนนะคะ

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 9-12 ล้านบาท,  7 July 2015

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7/10 – อยู่ในซอยรามคำแหง 53 สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง แต่รถค่อนข้างติด
  • ความปลอดภัย 7/10 – CCTV 9 ตัวรปภ.หน้าหมู่บ้าน
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – แบบสวยสไตล์คลาสสิค มีพื้นที่เล่นระดับ สามารถจัดพื้นที่ได้หลากหลาย
  • วัสดุ 7/10 – มาตรฐานของระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 -มีการปลูกต้นไม้ตามทางเดิน และสวนหย่อมในหลายๆจุด บรรยากาศร่มรื่น พื้นที่สีเขียวออกแบบมาค่อนข้างดี แต่ราคาสูง
  • 7.17 / 10.00

BOTTOM LINE

Chic District ราม 53 เหมาะกับคนที่ต้องการหาพื้นที่สำหรับประกอบธุรกิจในย่านรามคำแหง-ลาดพร้าว-ทาวน์อินทาวน์-เลียบทางด่วนรามอินทรา  ต้องการพื้นที่สำหรับทำร้านค้า หรือเปิดเป็นออฟฟิศ ลงทุนธุรกิจในทำเลที่ต้องการความคึกคัก เพราะในโครงการเป็น Community Mall ที่มีสินค้าและบริการค่อนข้างหลากหลาย  จึงเป็นตัวช่วยดึงดูดคนมาให้ส่วนหนึ่ง เดินทางโดยใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะบ้าง และมีงบประมาณ 9-12 ล้าน หรือคิดเป็นเงินประมาณ 63,000-84,000 บาท/เดือน

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )