บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยผลมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 (สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 9 เดือน มกราคม ถึง กันยายน 2560) อนุมัติจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น 0.25 บาท หรือคิดเป็น 53% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าเงินปันผลต่อหุ้นของปี 2559 ที่จ่าย 0.23 บาท พร้อมทั้งได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับดีเลิศประจำปี 2560 (5 ดาว) จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และบริษัทฯ ยังได้รับประกาศนียบัตรการเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2560 (9 เดือน) บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 9,352 ล้านบาท มีกำไรรวม จำนวน 1,086 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทั่วกรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จทั้งโครงการใหม่ที่เริ่มเปิดขาย และเริ่มโอนในปี 2560 รวมถึง โครงการเดิมที่ยังขาย และโอนได้อย่างต่อเนื่อง และค่าเช่าอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ที่มีอัตราการเช่าสูงกว่า 95%

โดยผลมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น 0.25 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 580 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าการจ่ายเงินปันผลของปี 2559 แม้จะเป็นเพียงผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาความโปร่งใสและธรรมาภิบาลให้เทียบเท่าองค์กรชั้นนำระดับประเทศ จนทำให้บริษัทได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดี จัดอยู่ในระดับดีเลิศประจำปี 2560 (5 ดาว) จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รวมทั้งสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย มีมติให้การรับรองให้บริษัทฯ เป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต สืบเนื่องจากการประกาศเจตนารมณ์ มีการดูแลกิจการที่ดี          วางนโยบายการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องปฏิบัติตาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อหลักธรรมาภิบาลของบริษัทฯ

ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่าบริษัทฯ ขอขอบคุณทางผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจมีมติอนุมัติผลการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2560 โดยได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทฯ คิดเป็นมูลค่า 0.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอันแสดงถึงศักยภาพทางการเงินอันแข็งแกร่งที่พร้อมเติบโตของบริษัทในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ตามพันธกิจการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกของประเทศไทยในแง่ของรายได้รวมภายในปี 2563”

สำหรับปี 2561 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่งการเพิ่มมูลค่า (Adding Value)” จากความมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ด้วยฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น จึงมีความมั่นใจกำหนดเป้าหมายรายได้ของปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 17,800 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 16,100 ล้านบาท โดยมีเป้ายอดขายที่ 26,600 ล้านบาท ผ่านโครงการที่เปิดขายรวม 79 โครงการแบ่งออกเป็น โครงการที่เปิดขายเดิมจำนวน 45 โครงการ และมีแผนงานเปิดโครงการในปี 2561 อีก 34 โครงการมูลค่า 39,600 ล้านบาท 2. รายได้จากการ ให้เช่า และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ 1,700 ล้านบาท จากการเช่าพื้นที่ของอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ หัวมุมถนนรัชดาพระราม 4 อาคารสำนักงาน และโรงแรมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดผู้เช่าแล้วกว่า 95% นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าบริหารจัดการอาคารสาทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเชอร์ ซึ่งบริษัทฯ เข้าไปเป็นผู้บริหารทรัพย์สินให้กับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (Golden Ventures REIT) นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งคาดว่าในปี 2561 งานก่อสร้างจะคืบหน้ากว่า 60%