ผลประกอบการแสนสิริ_4

แสนสิริเป็นอีกเจ้าที่เข้ามาอัพเดทยอดขายปี 2558 และเผยแผนธุกิจปี 2559 โดยคุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัดมหาชน

ผลประกอบการแสนสิริ_13

 

โดยในปี 2558 เปิดตัวไป 11 โครงการ แบ่งออกเป็น คอนโดมิเนียม 4 โครงการ แนวราบ 6 โครงการ และ Townhouse  1 โครงการ ซึ่งคอนโดมิเนียมในปี 2558 เป็นการเปิดตัว Segment ใหม่อย่าง The Monument สนามเป้าและ The Line 3 ทำเล จตุจักร-หมอชิต , สุขุมวิท 71 และ ราชเทวี ซึ่ง The Line เป็นโครงการที่ได้ทำการร่วมทุกับ BTS ซึ่งมีแผนการร่วมมือในระยะ 5 ปีพัฒนาคอนโดมิเนียมแนว BTS

ผลประกอบการแสนสิริ_17

ในปี 2558 มียอดพรีเซลประมาณ 28,512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดอยู่ที่ 8,800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 222%
ผลประกอบการแสนสิริ_18

ซึ่งยอด Presale สูงสุดอยู่ในช่วง Q2/2558 เป็นการเปิดตัวโครงการ The Monument และ The Line จตุจักร-หมอชิต

ผลประกอบการแสนสิริ_27

ในปี 2559 แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ 21 โครงการ มูลค่า 50,500 ล้านบาท โดยสูงขึ้นจากปี 2558 อยู่ 128% โดยแบ่งสัดส่วนเป็นในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 92% แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ บ้านเดี่ยว 7 โครงการ Townhouse  3 โครงการ และ8% ในต่างจังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ 2% , 4 ภูเก็ต 2 % และ อุดรธานี 4%

ผลประกอบการแสนสิริ_30

ทั้งนี้ Segment ของโครงการในปี 2559 จะอยู่ในช่วง Medium-end และ Hi-end ส่วนใหญ่ คือ

  • คอนโดมิเนียมระดับต่ำ 100,000 ต่อตารางเมตร 14% , 100,000-200,000 ต่อตารางเมตร 34% และ มากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร 52%
  • บ้านเดี่ยวระดับต่ำกว่า 5 ล้านบาท 13% , 5.1-10 ล้านบาท  56% และ บ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาท 32%
  • Townhouse 3.1-7 ล้านบาท 67% และมากกว่า 7 ล้านบาท 14%

โดยแสนสิริตั้งยอดขายรวมสำหรับปี 2559 ไว้ที่ 42,000 ล้านบาท เติบโดตจากปี 2558 ที่ได้ยอด Presale 28,512 ล้านบาทประมาณ 50% รวมทั้งประมาณการณ์รายได้ไว้ที่ 36,000 ล้านบาท

แนวทางในการพัฒนาปี 2559 เป็นการต่อยอดความสำเร็จสู่เชิงลึก เน้นตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน สานต่อความสำเร็จของโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องอีกจำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์สำหรับปี 2559 ดังนี้ 

ผลประกอบการแสนสิริ_46

  • บริหารแบรนด์ภายใต้แบรนด์แสนสิริอย่างมีคุณภาพ : จากการศึกษา portfolio ของแสนสิริ พบว่าไม่จำเป็นต้องมีการเปิดแบรนด์ใหม่ ทำให้ปรับลดค่าใช้จ่ายลงได้เป็นอย่างดี
  • เปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ในสัดส่วนที่มากขึ้น : โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับความต้องการคอนโดมิเนียมในระดับพรีเมี่ยมของกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งมีความต้องการซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง ลงทุนหรือเก็บเป็นสินทรัพย์
  • รุกตลาดลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง : ในปีนี้จะมีการเปิดตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มเติมจากที่บริษัทได้เริ่มต้นและประสบความสำเร็จในภูมิภาคใกล้เคียงมาแล้วอย่างในฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดระดับบนยังคงมีความต้องการและแข่งขันได้ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขาย 3,500 ล้านบาท

ผลประกอบการแสนสิริ_49

ในปีนี้ แสนสิริยังเตรียมเปิดตัว flagship project ซึ่งจะเป็นโครงการที่พรีเมี่ยมที่สุดและราคาต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในทันทีกับโครงการ 98 Wireless  บนถนนวิทยุ จำนวน 77 ยูนิต โดยได้มีการเปิดขายรอบลูกค้าพิเศษไปแล้ว 20 ยูนิต ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 550,000 บาทต่อตารางเมตร และราคาสูงสุด (ณ ปัจจุบัน) อยู่ที่ 630,000 บาทต่อตารางเมตร