นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฎิบัติการ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในปี 2559 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งใน 21 โครงการใหม่ในปีหน้าเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดจากปีนี้จำนวน 6 โครงการ มูลค่าราว 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 45% โครการคอนโดมิเนียม 25% และโครงการของบริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส 30% โดยเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวมาจากปี 2558 จำนวน 6 โครงการ อย่างไรก็ตามในปีหน้าบริษัทตั้งมียอดขายที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท เติบโต 35-40%
ในส่วนของรายได้ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 37,000 ล้านบาท โดยจะมียอดรับรู้รายได้เข้ามาในปี 2559 จำนวน 10,400 ล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอนที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 2561 อีกทั้งยังมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายในสต๊อกอีกราว 8,000 ล้านบาท ที่จะขายและสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันทีในปีหน้า นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10% จากปีนี่ที่คาดว่าอยู่ที่ 9-10%
ทั้งนี้บริษัทยังมีการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนกับบีทีเอสเข้ามาไนช่วงปลายปี 2559 ประมาณ 500 ล้านบาท จากการทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมเดอะไลน์ สุขุมวิท 71 และตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไปจะมีการทยอยโอนโครงการคอนมิเนียมอื่นๆในบริษัทร่วมทุนเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะมีการบันทึกส่วนแบ่งกำไรเข้ามาเป็นกำไรในงบกำไรขาดทุนของบริษัททันที และส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15%
อย่างไรก็ตามในปีหน้าบริษัทได้ตั้งงบซื้อที่ดินตั้งไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ลดลงจากปีนี้ที่ใช้ไป 9,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ซื่อที่ดินไปมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงหลังๆบริษัทจะเริ่มชะลอการซื้อที่ดินลดลง อีกทั้งโครงการใหม่ 21 โครงการในปีหน้าบริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาพร้อมหมดแล้ว อีกทั้งวางงบก่อสร้างในปีหน้า 1.8-2 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในปี 2558 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 37,000 บาท เติบโต 25 % จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 29,500 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้เล็กน้อย แต่นับเป็นรายได้ที่สูงที่สุดที่บริษัทเคยทำได้ โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายรวมกับการที่บริษัทเริ่มมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส (BTS) ซึ่งนับเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ
ทั้งนี้รายได้ที่ดีในปีนี้เติบโตโดดเด่นจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่ทยอยโอนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 42 โครงการ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 14 โครงการและต่างจังหวัด 28 โครงการ