SC ASSET เราเชื่อว่าบ้านที่ดีต้องเป็นมากกว่าที่พักอาศัย และเป็นจุดเริ่มต้นความสุขในทุกๆ วัน ภายใต้สโลแกนที่ว่า “For Good Mornings ชีวิตที่ดี มาจากจุดเริ่มต้นที่ดี” จึงได้สร้างสรรค์เป็นแคมเปญ “Walk With Me มิตรภาพดีๆมีอยู่รอบรั้ว…แค่ออกเดิน” ตามแนวปรัชญาของแบรนด์ที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีรวมไปถึงสังคมที่อบอุ่นของเพื่อนบ้านรอบๆรั้ว
โฉมชฎา กุลดิลก ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราจัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องในทุกโครงการมามากกว่า 13 ปี ซึ่งการสร้างสังคมคุณภาพอันอบอุ่น เราเชื่อว่าสังคมจะอบอุ่นได้ ย่อมต้องมี “มิตรภาพ” จึงเป็นที่มาของ การสื่อสารแคมเปญ Walk With Me ที่เราอยากให้ทุกคนเชื่อว่าการก้าวเท้าออกเดินจากบ้านจะเป็นโอกาสให้ได้พบปะเพื่อนใหม่ เสริมสร้างสังคมเพื่อนบ้านอันอบอุ่นให้มีความสัมพันธ์และมิตรภาพที่แข็งแรง
สำหรับแคมเปญ Walk With Me เอสซี แอสเสทฯ ได้การสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาในรูปแบบมิวสิควีดิโออินเทอร์แอ็คทีฟ (Interactive Music VDO) ที่กำกับโดย “โคไซ เซกิเนะ” ผู้กำกับมือรางวัลชาวญี่ปุ่น และมีเพลงประกอบเพราะๆ จากฝีมือของ “เจ–มณฑล จิรา” และแฮนน่า เบ็งสัน นักร้องและโปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพที่ผู้ชมสามารถเลือกเรื่องราวได้เองถึง 12 รูปแบบ เป็นสื่อกลางในการเชิญชวนผู้ชม ทั้งลูกค้าและบุคคลทั่วไปให้เข้ามาร่วมกิจกรรม Walk With Me บนเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com
นอกจากนี้ยังเลือกรองเท้าเดิน adidas มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้เข้าร่วมแคมเปญร่วมสนุกลุ้นรับผ่านกิจกรรมในโซเชียลมีเดีย พร้อมชวนร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคมด้วยการแบ่งปันบริจาครองเท้าสภาพดีเพื่อบริจาคให้กับกับมูลนิธิ Second Chance ที่สำคัญยังได้ชวน ศราวุฒิ รัชนกูล พร้อมเหล่าเซเลบฯ รุ่นใหม่ ออกมาเดินสร้างมิตรภาพ พร้อมส่งต่อสิ่งดีๆให้สังคม” ในวันรับรองเท้า ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่าง ศราวุฒิ รัชนกูล ก็จูงมือเหล่าเซเลบฯ เพื่อนๆ มารับรองเท้า adidas พร้อมร่วมสร้างบรรยากาศอบอุ่นที่โครงการ BEATNIQ สุขุมวิท 32 คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดของ เอสซี แอสเสท เลยได้โอกาสถามมุมมองเรื่องมิตรภาพของคุณศราวุฒิและเพื่อนๆ ในฐานะตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสไปงานสังสรรค์และเข้าสังคมอยู่เป็นประจำ
ศราวุฒิ รัชนกูล ผู้บริหารคนเก่ง ทายาทรุ่นที่ 3 ของเจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ อีกทั้งยังเป็นลูกบ้านของทาง เอสซี แอสเสท บอกว่า “ถ้าต้องเปรียบเทียบให้ง่ายที่สุด ก็เหมือนสีทาบ้านที่ยังต้องมีสีทาภายในและสีทาภายนอกต่างชนิดกัน การอยู่ในบ้านกับคนในครอบครัว เราก็สามารถพบความสุขได้แบบหนึ่ง แต่เมื่อออกไปนอกบ้าน ได้พบปะผู้คน ได้สร้างมิตรภาพกับผู้คนในบ้านใกล้เรือนเคียง ก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งที่พวกเราสามารถพบได้ไม่ยากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นความหมายของการอยู่บ้านจึงไม่ใช่แค่การมีความสุขกับคนในครอบครัวอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงความสุขที่ทุกคนในสังคมแบ่งปันร่วมกันด้วยครับ”
ทางด้าน หญิง–ปรัชญมน บุรณศิริ เจ้าของร้านอาหาร Chant และทายาทเจ้าของธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์ดูแลมือและเท้าแบรนด์ OPI บอกว่า “สำหรับหญิง เวลาอยู่บ้าน หญิงจะมีความสุขกับการทำอาหารมากค่ะ แล้วคุณแม่ของหญิงก็เป็นคนชอบทำอาหารด้วย พอมีเวลาว่างก็จะเข้าครัวทำอาหารด้วยกันตลอด แต่ถ้าก้าวเท้าออกจากบ้าน หญิงจะเปลี่ยนเป็นคนแอคทีฟ ออกกำลังกายหลายประเภทตลอดเวลา ตั้งแต่วิ่ง โยคะ หรือพิลาทิส ซึ่งนอกเหนือจากการได้ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน หญิงคิดว่าการได้ออกจากบ้านไปวิ่ง ไปสูดอากาศธรรมชาติ และไปพบเจอผู้คนข้างนอกบ้าง น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มสมดุลให้กับชีวิตที่เร่งรีบได้ดีค่ะ”
ส่วน บดินทร์ พลางกูร สถาปนิกเจ้าของบริษัท Context Studio บอกว่า “การเป็นสถาปนิกทำให้ผมเป็นคนสนใจในรายละเอียดของเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว นอกเหนือจากพื้นที่การออกแบบข้างในบ้านแล้ว นอกบ้านก็สำคัญ ปัจจุบันลูกค้าและสถาปนิกเองให้ความสำคัญกับพื้นที่นอกบ้านไม่แพ้พื้นที่ในบ้าน เพราะคิดว่าเป็นที่ที่ได้นั่งพักผ่อน สูดอากาศ และพบปะกับผู้คน เพื่อนบ้านใหม่ๆ และทำให้เขาได้เห็นมุมมองของชีวิตที่กว้างขึ้นด้วยครับ”
ปิดท้ายที่ จอม–มนูญสินี ฟูตระกูล ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์และบุคลิกภาพจาก Mirror Merit และทายาทโรงแรมรอยัล คลิฟฟ์ พัทยา บอกว่า “การได้พบปะผู้คนที่หลากหลายเป็นเรื่องสำคัญนะคะ อย่างสำหรับจอมเอง ต้องขอบคุณงานของจอมที่ทำให้จอมได้พบปะกับผู้คนมากมายหลากหลายประเภท การที่ได้เจอผู้คนมากขึ้น สำหรับตัวเราถือเป็นโอกาสที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรื่องราว ประสบการณ์ต่างๆ ที่จอมสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจ และข้อคิดในการทำงานด้านภาพลักษณ์และบุคลิกภาพของเราได้ค่ะ”
นอกจากกิจกรรมรับรองเท้าแล้ว ผู้ที่มาในงานยังสามารถร่วมสร้างโอกาสดีๆ แก่สังคม โดยการนำรองเท้าที่ ไม่ได้ใช้แล้วมาบริจาคให้มูลนิธิ Second Chance ซึ่งจะเป็นตัวแทนส่งต่อให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนคลองเตยต่อไป ได้อีกด้วย นับว่าเป็นแคมเปญแห่งจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ไม่สิ้นสุดจริงๆ