สวัสดีครับกันอีกครั้งนะครับเพื่อนๆ ชาว ThinkOfLiving.com คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าปัจจุบันเตาอบไมโครเวฟเป็นหนึ่งในเครื่องครัวที่ทุกครัวเรือนขาดเสียไม่ได้ เรานำไมโครเวฟมาใช้อุ่นอาหารที่แช่เย็นไว้ ละลายน้ำแข็ง หรือทำอาหารโดยการต้มได้ แต่เมื่อไหร่ที่นำไมโครเวฟไปอุ่นของแห้งๆ อย่างเนื้อ หรือขนมปังต่างๆ ถ้าทำไม่ถูกต้องจะเจอกับเนื้อแข็งแห้งๆ หรือขนมปังเหนียวๆ แข็งๆ ปาหัวหมาแตกได้เลย (ผมล้อเล่นนะครับ ไม่ได้ให้ปาจริงๆ) วันนี้ผมจะแนะนำให้รู้จักกับลูกเล่นใหม่ๆ ของเตาอบไมโครเวฟที่เค้าพัฒนาให้สามารถทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ในกล่องสี่เหลี่ยมกล่องเดียวครับ (ที่จริงก็มีมานานแล้วนะครับ แต่ว่าไม่เป็นที่นิยมกันซักเท่าไหร่เพราะราคาสูงกว่าแบบธรรมดาๆ ที่ใช้กันอยู่ + อาจจะปุ่มเยอะใช้งานยากด้วย) (คอลัมน์เจาะลึกเครื่องครัว)
ก่อนอื่น ขออนุญาติแนะนำให้รู้จักหลักการทำงานพื้นฐานก่อนนะครับ (ออกวิทยาศาสตร์นิดๆ นะครับ) คำว่าไมโครเวฟ (Microwave) หมายถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นในช่วงไมโครเวฟ (300MHz-300GHz) ครับ คลื่นไมโครเวฟจะสะท้อนกลับหมดเมื่อเจอกับโลหะ จะทะลุผ่านเมื่อเจอกับแก้วหรือพลาสติก แต่จะถูกดูดกลืนได้ดีในวัตถุที่มีความชื้น เช่น อาหารหรือของเหลวต่างๆ เมื่อพลังงานไมโครเวฟถูกดูดกลืนเข้าไปในอาหารจะทำให้โมเลกุลของน้ำเกิดการสั่นเสียดสีกันเกิดเป็นความร้อน จึงทำให้อาหารร้อนขึ้นได้นั่นเอง
เตาอบไมโครเวฟในท้องตลาดส่วนมากจะอาศัยคลื่นไมโครเวฟที่ความถี่ราวๆ 2,450MHz ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่าแมกนีตรอน (Magnetron) ส่งผ่านมาทางท่อนำคลื่น (Waveguide) ไปที่ใบพัดกวนคลื่น (Stirrer) ที่ทำหน้าที่กระจายคลื่นให้สม่ำเสมอทั่วถึงทั้งเตา (ตำแหน่งที่คลื่นออกมาอาจจะอยู่ด้านบนด้านล่างหรือด้านข้างก็ได้นะครับ) คลื่นไมโครเวฟเมื่อชนกับผนังเตาอบที่ทำจากโลหะหรือฝาหน้าที่เป็นลายมุ้งลวด (เรียกว่า Faraday Cage) ก็จะสะท้อนกลับไปมาอยู่ในเตาอบจนวิ่งผ่านอาหารก็จะถูกดูดกลืนจนเกิดเป็นความร้อนที่อาหาร โดยมีจานหมุนด้านล่างเพื่อเพิ่มการกระจายคลื่นให้สม่ำเสมอมากขึ้นอาหารจะได้ร้อนทั่วถึงครับ
รู้จักและเข้าใจแล้วนะครับ ว่าทำไมถึงเรียกกันว่าเตาอบไมโครเวฟ ทีนี้เรามารู้จักกับประเภทของเตาอบไมโครเวฟที่มีวางจำหน่ายกันในท้องตลาดกันครับ หลักๆ แบ่งได้เป็น 4 ชนิดด้วยกันครับ
1. เตาอบไมโครเวฟธรรมดา Solo Microwave Oven
คือเตาอบทั่วไปที่ใช้หลักการทำงานของคลื่นไมโครเวฟอย่างเดียวดังที่อธิบายไปข้างต้นแล้วครับ ใช้สำหรับอบอาหาร อุ่นอาหาร ละลายน้ำแข็ง และต้มครับ (อาจใช้ถ้วยที่ออกแบบสำหรับนึ่งในไมโครเวฟมาใช้นึ่งได้ หรือใช้ถ้วยใส่น้ำก็จะกันอาหารแห้งแข็งได้ครับ)
2. เตาอบไมโครเวฟแบบย่าง Grill Microwave Oven
เตาอบชนิดนี้จะมาพร้อมกับแท่งหรือขดลวดความร้อน (Heat Coil คล้ายๆ กับเตาอบไฟฟ้า) ที่ผนังด้านบนครับ (รุ่นแพงๆ หรือใหม่ๆ จะมีด้านล่างด้วย) ทำให้เตาชนิดนี้สามารถใช้ย่างเนื้อ ย่างผัก หรืออบขนม อบพิซซ่าได้ เหมือนเรามีเตาอบไฟฟ้าและเตาอบไมโครเวฟในกล่องเดียว ส่วนใหญ่จะแถมขาตั้งสำหรับย่างหรือถาดย่างมาให้ด้วย เวลาใช้งานจะต้องเลือกว่าจะใช้ไมโครเวฟอย่างเดียว หรือย่างอย่างเดียว แต่บางรุ่นก็อาจใช้ไมโครเวฟและย่างพร้อมกันได้ครับ ทำให้อุ่นอาหารที่อยากเพิ่มความกรอบบริเวณผิวๆ ได้ (อย่างเช่นการอบไก่หรือปลามั้งครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจ) หากต้องการใช้ขาตั้งหรือถาดย่างในโหมดไมโครเวฟ โดยปกติน่าจะใช้ไม่ได้นะครับ แต่บางรุ่นจะอนุญาติให้ใช้ได้ แนะนำให้อ่านคู่มือของแต่ละรุ่นดีกว่าครับ
3. เตาอบไมโครเวฟแบบอบลมร้อน ConvectionMicrowave Oven
เตาชนิดนี้จะเหมือนกับการนำเอาเตาอบลมร้อนที่นิยมใช้ในการอบขนม (Convection Oven) รวมร่างกับเตาอบไมโครเวฟครับ โดยการอบลมร้อนจะมีแหล่งกำเนิดความร้อนจากด้านหลัง (อาจเป็นขดลวดความร้อนหรือหลอดไฟที่ให้ความร้อนสูง) และมีพัดลมเป่าอากาศร้อนนี้ให้หมุนเวียนภายในเตาอบครับ สามารถตั้งอุณหภูมิในเตาได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถที่จะใช้อบขนมได้ดีมาก ในขณะเดียวกันก็ใช้ฟังก์ชั่นไมโครเวฟหรือย่างได้เหมือนกับเตาอบไมโครเวฟแบบย่างครับ แต่ว่าเตาอบชนิดนี้จะค่อนข้างราคาสูงนะครับเพราะว่าเตาจะมีขนาดใหญ่กว่าเตาอบไมโครเวฟทั่วไป (เพื่อเพิ่มช่องว่างให้อากาศถ่ายเทไปทั่วๆ ได้ครับ)
4. เตาอบไมโครเวฟแบบอบไอน้ำ Steam Microwave Oven
เตาชนิดนี้เพิ่งมีไม่กี่ปีที่ผ่านมาครับ เนื่องจากในประเทศตะวันตกมีการหันมาใช้เตาอบไอน้ำ (Steam Oven) เพื่อนึ่งผัก นึ่งปลากันมากขึ้นเนื่องจากการนึ่งจะรักษาวิตามินและเกลือแร่ให้อยู่กับอาหารได้ดีกว่าการต้มครับ (มีการศึกษาว่าผักบร็อคโครี่ที่นึ่งจะมีวิตามินซี 91% ในขณะที่บร็อคโครี่ต้มจะมีเพียง 46%) จึงมีการนำเตาอบไอน้ำนี้เข้าไปรวมกับเตาอบไมโครเวฟครับ ทำให้สามารถใช้นึ่งอาหารได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเปิดระบบไอน้ำสลับกับโหมดอื่นๆ (อุ่น ย่าง อบลมร้อน ถ้ามีนะครับ) ซึ่งไอน้ำจะช่วยให้อาหารที่ทำดูสด ใหม่ น่ารับประทาน ไม่แห้งจนเกินไปครับ
นอกจากนี้ ปัจจุบันไมโครเวฟใหม่ๆ จะมีการนำอินเวอร์เตอร์ (Inverter) เข้ามาช่วยในเรื่องของการหรี่ความแรงของเตาอบไมโครเวฟครับ แต่เดิมการทำอาหารที่ความร้อนระดับกลางและต่ำจะใช้การเปิดปิดของการให้พลังงาน (ภาพซ้าย) ทำให้ระดับความร้อนที่ให้ไม่คงที่ ติดๆ ดับๆ อุณหภูมิอาหารจึงแกว่งขึ้นๆ ลงๆ (เส้นแดงภาพซ้าย) เมื่อมีการนำอินเวอร์เตอร์มาใช้ทำให้สามารถปรับกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในการให้ความร้อนที่แต่ละระดับความร้อนที่ปรับ (ภาพขวา) ทำให้มีการให้ความร้อนที่ต่อเนื่องกว่า อุณหภูมิของอาหารก็จะราบรื่นต่อเนื่อง (เส้นแดงภาพขวา) ส่งผลให้คุณภาพอาหารที่ทำดีขึ้น พร้อมทั้งยังประหยัดพลังงานกว่าครับ ถ้าจำเป็นต้องเลือกซื้อเครื่องใหม่ก็เลือกที่มันมี Inverter ก็จะดีครับ อย่างน้อยก็ประหยัดค่าไฟกว่าในระยะยาวครับ (คล้ายๆ กับแอร์อินเวอร์เตอร์ครับ แต่แอร์จะประหยัดมากกว่ามาก)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ อ่านแล้วอยากเปลี่ยนเตาอบไมโครเวฟกันเหมือนผมรึเปล่าครับ เครื่องที่บ้านผมใช้มาสิบกว่าปีแล้วไม่พังซักที 5555 อย่างไรก็ตามนะครับ เลือกใช้เตาอบไมโครเวฟตามลักษณะการใช้งานครับ ถ้าหากไม่ได้คิดจะทำขนม ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เตาอบไมโครเวฟแบบลมร้อนนะครับ หรือถ้าหากห้องครัวมีบริเวณและพื้นที่เหลือ บางครั้งการเลือกซื้อเตาอบไฟฟ้า เตาอบลมร้อน หรือเตาอบไอน้ำมาใช้งานเฉพาะน่าจะเป็นไอเดียที่ประหยัดและใช้งานได้ดีกว่าก็ได้ครับ สุดท้ายครับเตาอบไมโครเวฟจะร้อนที่อาหาร ไม่ใช่ตัวเตาครับ ฉะนั้นเราจึงควรทำความสะอาดภายในเตาอบเป็นประจำ ดังที่ผมได้แนะนำในหัวข้อ แหล่งสะสมเชื้อโรคในห้องครัว เรื่องใกล้ตัวที่เรามองข้ามไป นะครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ พบกันโอกาสหน้า สวัสดีครับ
นาย Starfish
ผู้บริหาร บริษัท ลัคกี้เฟลม จำกัด
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.cabinetmagazine.org/, http://www.scientificamerican.com, http://www.businessinsider.com/, http://www.panasonic.co.nz/, http://www.dealsdirect.com.au/