อีกไม่นาน ใครที่ไปเดินห้างย่านราชประสงค์คงได้เห็นอะไรแปลกหูแปลกตากันอีกแล้ว เพราะล่าสุด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ได้ทยอยทำการปรับพื้นที่กว่า10,000 ตร.ม.ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับความเป็นช้อปปิ้งสตรีต รวมถึงปรับพื้นที่เช่าในส่วนของลูกค้าที่เซ้งห้องแล้วหมดสัญญาเช่าด้วย
ทั้งนี้นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินบัญชีและบริหารทรัพย์สิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า บริษัทเตรียมทยอยปรับพื้นที่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ครั้งใหญ่ เนื่องจากพื้นที่เช่าในส่วนของลูกห้องที่เป็นรูปแบบการเซ้งระยะยาว 20-30 ปี ซึ่งติดมาจากสัญญาเดิมกับศูนย์การค้าเวิลด์เทรดฯจะเริ่มทยอยหมดสัญญาลง ปัจจุบันยังมีประมาณ 10,000 ตร.ม. โดยบริษัทได้เริ่มนำพื้นที่ดังกล่าวมาปรับใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับศูนย์การค้าและแบรนด์สินค้าที่ต้องการจะเข้ามาเปิดบริการ
โดยจะเริ่มนำร่องที่โซนบี หรือพื้นที่ฝั่งด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 5 ซึ่งจะมีแบรนด์ใหม่เข้ามาเปิดเพื่อเพิ่มแม็กเนตใหม่ ๆ อาทิ เอช แอนด์ เอ็ม ที่จะเปิดบนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ของโลกเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ครบถ้วน เช่นเดียวกับอาคารใหม่ที่กำลังก่อสร้างด้านหน้าตึกออฟฟิศนั้นจะเปิดเป็นคอนเซ็ปต์ เป็นศูนย์รวมร้านอาหารแบรนด์ดังภายใต้ชื่อ “กรูฟ แอท เซ็นทรัลเวิลด์” (Groove @ CentralWorld) เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์ก ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากการทยอยรีโนเวตเซ็นทรัลเวิลด์ของซีพีเอ็นแล้ว ที่ผ่านมาผู้ประกอบการศูนย์การค้าในย่านราชประสงค์-เพลินจิต หลายแห่งได้เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการเตรียมจะลงทุน ทั้งในแง่ของการขยายพื้นที่เพิ่ม การรีโนเวต รวมถึงการเปิดศูนย์การค้าใหม่ โดยคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปลายปีไปจนถึงปีหน้า เพื่อเตรียมรับกับ AEC
เมื่อมีหลายเจ้าขยับตัวกันแบบนี้ ทำให้ศูนย์การค้าย่านใจกลางเมืองรายอื่นๆ ต้องเร่งชิงภาพความแตกต่างและความเหนือกว่าในหลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ แยกปทุมวัน-ราชประสงค์-เพลินจิต ต่อเนื่องไปบนถนนสุขุมวิทที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ต่างกำลังพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช็อปปิ้งของภูมิภาคเอเชีย เทียบเท่าย่านช็อปปิ้งระดับโลกอย่างถนนฌองเอลิเซ่ และเพลส เวนโดมของฝรั่งเศส, ฟิฟอเวนิว นิวยอร์ก, ชินจูกุ และกินซ่า ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงถนนออร์ชาร์ดของสิงคโปร์ ซึ่งประชาชนคนทั่วไปอย่างเราก็พลอยได้รับอานิสงฆ์ความทันสมัยนี้ รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายก็เรียกว่า เตรียมอ้าแขนรับลูกค้าต่างชาติที่จะทยอยเข้ามาลงทุนและท่องเที่่ยวในไทยและซื้อที่อยู่อาศัยหรือเช่าระยะยาวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ที่มาบางส่วนจาก : ประชาชาติธุรกิจ