อสังหาฯ ชะลอตัว คอนโดใหม่ ราคาพุ่ง Plus Property จับตลาดรีเซล หวังกระตุ้นด้วยส่วนต่าง 30%

อสังหาฯ ฟุบ ” Plus Property” ชะลอเปิดคอนโดใหม่ มุ่งขยายตลาด “ห้องชุดรีเซล” ทั้งมือหนึ่ง มือสอง เน้นจุดขายถูกกว่าโครงการใหม่ 30% พร้อมโชว์ความสำเร็จยอดขายปี 54-56 ซึ่งเพิ่มถึง 44% ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอด 700 ยูนิต มูลค่า 3.8 พันล้านบาท และหวังเพิ่มรายได้จากธุรกิจรับบริหารอาคาร 50%

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Plus Propertyจำกัด ในเครือ บมจ. แสนสิริ เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทจะเน้นการดำเนินธุรกิจตัวแทน ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาฯ โดยหันมารุกตลาดห้องชุดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ที่เจ้าของนำมาฝากขาย หรือยูนิตรีเซลมากขึ้น เนื่องจากในปีนี้ผู้ประกอบการชะลอเปิดโครงการใหม่

ขณะเดียวกันได้ซัพพลายจากโครงการเดิมที่ลูกค้าซื้อเพื่อการลงทุนยังพอมีอยู่ในตลาด บริษัทจึงเห็นโอกาสในการนำห้องชุดรีเซลเข้ามาทำตลาด เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง “Real Demand” เพราะจุดขายของยูนิตรีเซลคือราคาถูกกว่าโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 30% น่าจะดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ได้

ส่วนกลยุทธ์การตลาด เน้นสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านเว็บไซต์ ป้ายโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ หนังสือพิมพ์ โบชัวร์ และการบอกต่อจากลูกค้าเก่า ฯลฯ โดยจะร่วมมือกับตัวแทนนายหน้าบ้านมือสองที่เป็นพันธมิตร นำเสนอห้องชุดในทำเลที่บริษัทไม่มีสินค้า

ทั้งนี้ตลาดห้องชุดรีเซลมีอัตราการเติบโตขึ้นทุกปี ปัจจบันบริษัทมีพอร์ตที่รับฝากขายประมาณ 8,000 ยูนิต ในจำนวนนี้ 2-3 พันยูนิต อยู่ในทำเลแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด โดยนับจากปี 2554-2556 บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 44% หรือกว่า 1,100 ล้านบาท เฉพาะปี 2556 ปิดการขายห้องชุดรีเซลได้ประมาณ 650 ยูนิต มูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท ส่วนปีนี้ประมาณการยอดขาย 700 ยุูนิต มูลค่ากว่า 3,800 ล้านบาท เติบโต 7%

นายภูมิภักดิ์กล่าวต่อว่า บริษัทวางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจบริหารอาคารจากปีที่ผ่านมา 45% เป็น 50% เนื่องจากปีนี้จะมีอาคารชุดทยอยสร้างเสร็จจำนวนมาก ปัจจุบันมีโครงการที่รับบริหารอาคาร 145 โครงการ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัย 120 โครงการและอาคารเชิงพาณิชย์ 25 โครงการ เช่น ออฟฟิศ คอมมิวนิตี้มอลล์ และคลังสินค้า ฯลฯ แนวทางคือจะขยายฐานลูกค้าโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีนโยบายแข่งขันราคา แต่เน้นรักษาคุณภาพการบริการเป็นหลัก

 ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ