นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า 4 เดือนแรกของปี 2559 ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพและปริมณฑล มียอดโอนสูงถึง 190,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา 55% ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และเป็นปัจจัยบวกต่อสัมมากรด้วยเช่นกัน ส่งผลให้สัมมากร มียอดรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 1 กว่า 333 ล้านบาท โตขึ้น 106% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากบ้าน 60% และคอนโด 40%
นายกิตติพลกล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังว่าถึงแม้ตลาดมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากขาดปัจจัยบวกหรือลบที่ส่งผลกระทบใดๆต่อตลาดชัดเจนส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจและระมัดระวังการใช้จ่ายแต่กลับพบแนวโน้มที่ดีจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อบ้าน (Reject Rate) ในไตรมาส 1 ลดลงมาต่ำกว่า 10% จาก 18% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบวกชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของผู้บริโภคดีขึ้น ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่จะนำเสนอสินค้าคุณภาพในราคาคุ้มค่า พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค
“ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัว 3 โครงการใหม่ เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของทำเลที่ตั้ง ทีมงาน และเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์–แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวรังสิต คลอง7 มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา–วงแหวน มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิด Pre-Sale ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาให้กับผู้ที่สนใจ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ให้เลือกแปลงทำเลที่ดีที่สุดก่อนใคร พร้อมรับส่วนลดสูงสุดมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท”
โดยบริษัทฯ ได้เร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย พร้อมวางแผนออกบูธตามอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า แหล่งชุมชน ในละแวกใกล้เคียงโครงการเพื่อแนะนำโครงการใหม่และมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดกระตุ้นการตัดสินใจนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งปิดโครงการเดิม 2 โครงการ ภายในปีนี้ ได้แก่ โครงการสัมมากร รังสิต คลอง 2 และโครงการสัมมากร อควา ดิวินา ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดได้หมดภายในไตรมาส 3 นี้โดยในครึ่งปีแรกสามารถปิดโครงการสัมมากรนิมิตใหม่เรียบร้อยแล้วนายกิตติพลกล่าว