การปรับอัตรา LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่1 เมษายน 2562 รวมถึงเรื่องเกณฑ์การปรับการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ปัญหาราคาที่ดินที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และการการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2562 นี่ ถือว่าเป็นปัจจัยที่จะเข้ามากระทบภาพรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในกลุ่มของคอนโดมิเนียมเป็นอย่างมาก พบว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2561 ที่กำลังจะผ่านไป ผู้ประกอบการชะลอตัวการเปิดขายในส่วนของโครงการใหม่ลงเป็นจำนวนมาก เน้นนำโครงการเก่าที่เหลือขายในส่วนที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จมาลดราคา ซึ่ง ผู้ประกอบการบางรายมีการลดราคามากกว่า 30% เพื่อเป็นการระบายสต็อคคงค้างก่อนที่การปรับอัตรา LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเริ่มประกาศใช้

จากแผนกวิจัย Colliers International Thailand พบว่า คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2562 เพียงแค่ 18 โครงการ 8,443 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 45,432 ล้านบาท และส่วนใหญ่เปิดในช่วงปลายเดือน มีนาคม ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าถึง 12,438 ยูนิต หรือคิดเป็น 59.6% และลดลงจาก ช่วงไตรสมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2561 ที่ประมาณ 5,607 ยูนิต หรือคิดเป็น 39.9% และมูลค่าการลงทุนที่ประมาณ 85,910 ล้าน ถึง 47.1% ซึ่งพบว่า ในช่วงเวลา 5 ปีในรัฐบาลของ คสช. มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครสูงถึง 245,236 ยูนิต หรือเฉลี่ยประมาณ ปีละ 49,000 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าในช่วง 5 ปีก่อนหน้า คือในช่วงปี พ.ศ. 2552-2556 ที่อยู่ที่ประมาณ 219,127 ยูนิต ที่เฉลี่ยประมาณ ปีละ 43,820 ยูนิต ซึ่งแผนกวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ทั้งปีประมาณ 55,000 ยูนิตซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าที่ประมาณ 16.6% และส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะเปิดพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป

อุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2558 – ไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2562 รายไตรมาส

คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2562  มีทั้งหมดประมาณ 18 โครงการ   8,443 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 45,432 ล้านบาท  ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าถึง  12,438 ยูนิต หรือคิดเป็น 59.6% และลดลงจาก ช่วงไตรสมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2561 ที่ประมาณ  5,607 ยูนิต หรือคิดเป็น 39.9% และมูลค่าการลงทุนที่ประมาณ 85,910 ล้าน ถึง 47.1% ซึ่งพบว่า ในช่วงเวลา 5 ปีในรัฐบาลของ คสช. มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครสูงถึง 245,236 ยูนิต หรือเฉลี่ยประมาณ ปีละ 49,000 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าในช่วง 5 ปีก่อนหน้า คือในช่วงปี พ.ศ. 2552-2556 ที่อยู่ที่ประมาณ 219,127 ยูนิต ที่เฉลี่ยประมาณ ปีละ 43,820 ยูนิต

คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่สะสมในแต่ละไตรมาสจำแนกตามพื้นที่ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2557 – ไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2562 รายไตรมาส

คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2562 ประมาณ 8,443 ยูนิต  พบว่า เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในกรุงเทพชั้นนอกถึง  5,529 ยูนิต หรือคิดเป็น 65.5% ของอุปทานที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด นอกจากนี่พบว่า กรุงเทพชั้นนอกยังคงเป็นพื้นที่ที่ผู้ประกอบการพัฒนาคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาดมากที่สุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมากถึง  196,118 ยูนิต หรือคิดเป็น 54.8% จากอุปทานเปิดขายใหม่ทั้งหมดประมาณ 358,114 ยูนิต รองลงมาคือ รอบเมืองด้านทิศเหนือ (รัชดาฯ, พหลโยธิน) ที่ประมาณ 48,811 ยูนิต หรือคิดเป็น  13.6% และ พื้นที่เมืองชั้นใน (สาทร, สีลม, สุขุมวิทตอนต้น) ประมาณ 42,117 ยูนิต หรือคิดเป็น  11.7%

ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในแต่ละไตรมาส จำแนกตามพื้นที่ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2557 – ไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2562 รายไตรมาส

จากข้อมูล พบว่า คอนโดมิเนียมในช่วงราคา 50,000 – 100,000 บาท / ตร.ม. เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการพัฒนามากที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่าน ซึ่งพัฒนาแล้วประมาณ 123,831 ยูนิต รองลงมาคือช่วงราคา 100,000 – 150,000 บาท / ตร.ม. ที่ 60,542 ยูนิต และช่วงราคา ≤ 50,000 อยู่ที่ประมาณ 25,579 ยูนิต แต่พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในช่วงระดับราคา 100,000 – 150,000 บาท / ตร.ม. เป็นช่วงระดับราคาที่มีการเติบโตมากที่สุด เนื่องจาก พบว่า ราคาที่ดินที่มีการปรับตัวเป็นอย่างมากในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาขายของโครงการขึ้นตามต้นทุนที่ดินที่ขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการปรับราคาของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่สูงถึง 10-15% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการปรับขึ้นโดยภาพรวมที่อยู่ที่ประมาณ 8-15% ต่อปี