กลุ่มเซ็นทรัล เปิดตัว “Central Embassy” ภายใต้แนวคิด “Infinites Possibilities: ทุกความเป็นไปได้เกิดขึ้นที่นี่” พร้อมผนึกกำลังอินเตอร์แบรนด์ชั้นนำและดีไซน์เนอร์ระดับโลกบินตรงมาฉลองเปิดตัว ร่วมเปิดนิยาม “New Luxury Retail” ครั้งแรกในเอเชีย
ชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโครงการ Central Embassy เปิดเผยว่าใช้เวลาเตรียมงาน Grand Opening ครั้งนี้กว่า 1 ปี เพื่อให้งานออกมาสอดคล้องกับนิยาม 4Is- Iconic, Inspiration, Influential, Individual พร้อมกันนี้ยังได้สัมผัสกับ 7 Facade Brands ที่มาเปิดตัว Iconic Store เต็มรูปแบบในเมืองไทยอย่าง Bottega Veneta, Chanel, Gucci, Hermes, Miu Miu, Prada, และ Ralph Lauren
บรรยากาศในงานเปิดตัว ค่อนข้างคึกคักค่ะ เพราะทางเซ็นทรัลได้เชิญแขก VIP ประมาณ 2,000 คน แน่นอนว่าทุกๆคนใส่ชุดสีดำมาแทบทั้งนั้น
สำหรับการเดินทางมาที่ Cemtral Embassy นั้น ก็ไม่ยากเลย สามารถเลือกใช้รถไฟฟ้าได้ถึงสองสถานีนะคะ คือสถานีเพลินจิต และสถานีชิดลม แนะนำว่าเดินจากเพลินจิตใกล้กว่า มี Skywalk เข้าห้างได้เลย ออกทางออกที่ 5 นะ เดินผ่านแยกเพลินจิตมาก็เข้าห้างได้แล้ว แต่ถ้าใครชอปปิ้งอยู่เซนทรัลชิดลมแล้วอยากมาต่อที่นี่ก็มีทางเชื่อมของห้างเข้ามาได้เหมือนกันค่ะ
ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลนั้น มีทางเข้าออก 2 ทางนะคะ คือจากทางถนนวิทยุ หรือถนนเพลินจิตก็ได้
Skywalk เดินจาก BTS เข้าตัวห้างได้เลย
สถาปนิกผู้ออกแบบก็ AMANDA LEVETE Architects มีผลงานระดับโลกมากมายเช่น Spencer Dock Bridge ใน Dublin, a subway station ในNaples เป็นต้น ต้องการสร้าง Landmark ใหม่ให้กรุงเทพฯ สื่อให้เห็นถึงความไม่สิ้นสุดของการพัฒนา และการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดยั้งของกลุ่มเซ็นทรัล โดยไอเดียมาจากสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ∞ ตัว Facade ภายนอกเนี่ยใช้วัสดุที่ดึงดูดใจโดยเลือกให้สามารถสะท้อนแสงแดดและมีความรู้สึกเคลื่อนไหวได้ แต่แดดเมืองไทยนี่แทบหลับตาเดินเลยนะ แสบตามาก แต่ตอนกลางคืนก็สวยงามดี
ภาพจากทีมงาน Inversre Lighting ผู้ออกแบบไฟทั้งภายในและภายนอกให้โครงการนี้ ซึ่งยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีนะ
ดูจากผังเอา แนวความคิดในการออกแบบมาจากสัญลักษณ์ ∞ (Infinity) นี่เอง นอกจากมองจากผังเห็นชัดๆแล้วยังมองจากตัวอาคารแบบ 3 มิติก็ได้อีกด้วย
บริเวณลาน Promotion ที่มีการจัดงานเปิดตัว ก็จัดได้ยิ่งใหญ่และมีการใช้ Media ให้น่าตื่นตาตื่นใจด้วย
ร่วมชมเพียบ
พื้นที่ต่างๆภายใน ลื่นไหลล้อกับภายนอก
บันไดเลื่อนภายในห้างจะมี 2 จุดค่ะ ตรงกลางและริมห้างใกล้ทางออกบีทีเอสเพลินจิต ห้างเดินไม่ยาก ไม่งง
ส่วนของโถงลิฟต์ยังไม่เรียบร้อยดี
ห้องน้ำก็สวยงามค่ะ เดี๋ยวจะเก็บบรรยากาศร้านต่างๆมาให้ดูนะคะ แต่โซน Hi-Fashion คนเยอะมาก เอาไว้เพื่อนๆมาเดินแล้วอัพเดทกันนะ
ตอนนี้ส่วนชั้นบนๆยังไม่เสร็จนะคะ ที่เปิดก็แค่ชั้น B5-ชั้น 6
ประกอบด้วยศูนย์การค้าที่มีร้านค้าระดับหกดาว โรงภาพยนตร์ คอนเวนชันฮอลล์ ศูนย์อาหารระดับพรีเมียม และโรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ โดยมีการแบ่งพื้นที่ดังนี้
- ชั้น บี 5-บี 1 ลานจอดรถ
- ชั้น แอลจี ศูนย์อาหารอีตไทย (Eathai) ตลาดอีตไทย โดย ท็อปส์ (Talad Eathai by Tops) อิษยา คุกกิ้ง สตูดิโอ และร้านบีทูเอส
- ชั้น จี-1 ร้านจำหน่ายสินค้าลักชูรีระดับ 6 ดาว โดยฝั่งถนนเพลินจิต จะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าแบบไอคอนิกสโตร์ 2 ชั้น จำนวน 7 ร้าน โดยที่ชั้น 1 มีทางเชื่อมไปยังอาคารเวฟเพลส และสถานีเพลินจิตของรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิทด้วย
- ชั้น 2 ร้านจำหน่ายสินค้า และทางเชื่อมไปยังเซ็นทรัลชิดลม
- ชั้น 3 ร้านจำหน่ายสินค้าแฟชั่น
- ชั้น 4 ธนาคาร ร้านจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยี ความงาม และของตกแต่งบ้าน
- ชั้น 5 ร้านอาหาร
- ชั้น 6
- ฝั่งตะวันตก (เซ็นทรัลชิดลม) โรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนส์ โดย เอไอเอส โรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอลชั้นหนึ่ง จำนวน 5 โรง (ร่วมทุนกับบริษัทในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และกลุ่มนักลงทุนจากแคนาดา) ได้ข่าวมาว่าตั๋วหนังใบละ 1000-1500 บาท
- ฝั่งตะวันออก (อาคารเวฟเพลส) ทางเชื่อมไปล็อบบี้ โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้า – 4 ทุ่มนะคะ 🙂