สุดสัปดาห์นี้ถ้าใครนั่งรถไฟฟ้าผ่านสยาม หรือแวะมาเดินเล่นที่พารากอน คงจะเห็นลูกบอลสีเงินเงา ดีไซน์ล้ำลอยอยู่หลายลูกกลางลานพาร์ค พารากอน งานนี้มีชื่อว่า ” AP WORLD “ ที่จัดขึ้นมาโดย AP Thailand ค่ะ เมื่อวันเปิดงานเราได้ไปเดินชมบรรยากาศงานมา งานนี้ AP ได้เอานวัตกรรมใหม่ๆมารวมกับงานออกแบบ ดีไซน์ออกมาสนุกสนานเลยนะคะ ที่เรามองว่างานจัดออกมาได้สนุกมันเป็นอย่างไรกันนะ?

ถ้าใครเป็นสายดีไซน์หรือคนที่ชอบเดินชม Exhibition หรือนิทรรศการอยู่แล้วคงเห็นว่าในสมัยนี้การจัดงานไม่ใช่เพียงแค่เอางานศิลปะหรืองาน Artwork มาแปะอยู่บนผนัง แต่เริ่มมีการคิดถึงเรื่องการปฏิสัมพันธ์ของคนดูกับตัวงานหรือการที่คนดูสามารถสัมผัส หรือเล่นกับตัวงานได้ ซึ่งในงาน AP WORLD ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ คนที่มาดู ไม่ใช่แค่มาเดินชมงานอย่างเดียว แต่ยังสามารถเล่นกับชิ้นงานต่างๆที่นำมาจัดแสดง และยังได้ค้นพบตัวตนของตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ เดี๋ยวลองไปชมงานพร้อมกันกับเราผ่านตัวหนังสือและรูปถ่ายด้านล่างนี้ได้เลย

งาน ” AP WORLD ” ที่จัดขึ้นมาในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายคือต้องการสื่อสารวิสัยทัศน์ของ AP ที่สร้างสรรค์ผลงานออกมาเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการออกแบบและนวัตกรรมต่างๆที่เลือกนำมาปรับใช้ รวมถึงบริการที่มอบให้กับผู้อาศัย ดังนั้นเราจะสามารถสัมผัสได้ถึงทั้ง ” การออกแบบ ” , ” นวัตกรรม ” และ ” การบริการ “ ภายใต้ Pavillion แห่งนี้ค่ะ 

ตัว Pavillion นี้ได้รับการออกแบบโดย Tetsuo Kondo สถาปนิกจากญี่ปุ่น (เคยร่วมงานกับ SANAA บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชื่อดังที่นักเรียนสถาปัตย์หลายคนคงรู้จักกันดี) เมื่อเราเห็น  Pavillion ที่ออกแบบมา เราอาจจะสงสัยว่า ทำไม? ต้องออกแบบมาหน้าตาเป็นแบบนี้ เรื่องนี้มีที่มาค่ะ ที่มาก็คือ จากโจทย์ของ AP ที่ต้องการพูดถึง 3 Themes คือ 1) GROW หรือความยั่งยืน Sustainability 2) FLOW หรือการแบ่งปัน Sharing Community และ 3) JOY หรือความอบอุ่น ความสุข สนุกสนาน วัสดุที่เลือกมาใช้กับ Pavillion นี้จึงจะเป็น Transparent tent หรือเต็นท์โปร่งใส กับ บอลลูนอลูมิเนียมมาใช้เป็นโครงสร้างหลักลอยตัวอยู่ภายในเต็นท์ใส ทำให้จากภายนอก สามารถมองเข้ามาเห็นภายในและจากภายในเต็นท์ ก็สามารถมองออกไปเห็นภายนอกได้เช่นกัน ถือว่าเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่หรือ Space รอบๆ Pavillion ให้ต่อเนื่องกัน ส่วนตัวบอลลูนที่ลอยอยู่ด้านบนนั้น ด้วย Texture หรือพื้นผิวที่เป็นอลูมิเนียมก็จะช่วยสะท้อนแสงแดดจากภายนอกหรืออากาศร้อนที่อยู่ด้านบนให้ออกไปได้ และด้วยขนาดของบอลลูนที่แตกต่างกันทำให้ภายใน Pavillion ได้ร่มเงาที่เหมือนร่มเงาของต้นไม้อีกด้วย ส่วนการออกแบบฟังก์ชันใช้สอยภายในก็จะเน้นพื้นที่ที่คนมางานสามารถนั่งเล่นร่วมกัน (Sharing Space) และมีการเลือกสีสันที่สร้างความสนุกสนานให้กับพื้นที่ภายใน เกริ่นกันมามากแล้ว เราลองเข้าไปชมภายในงานพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

เมื่อเข้ามาเราก็จะเจอกับจุดลงทะเบียนกันก่อนเลย วิธีการลงทะเบียนก็ง่ายมาก แค่สแกน QR Code ที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ กรอกข้อมูลส่วนตัวเล็กน้อยก็เสร็จสิ้นแล้วค่ะ

หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จเราก็จะได้ QR code มาแบบนี้ ยื่นให้พี่ๆน้องๆที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ก็จะได้รับ wristband มาผูกไว้ที่ข้อมือเลย

บรรยากาศภายใน Pavillion จะเน้นสีขาวดู Futuristic นิดๆ บวกกับบอลลูนอลูมิเนียมที่อยู่ด้านบนที่จะสะท้อนให้เราเห็นพื้นที่ส่วนต่างๆภายใน Pavillion ในมุมมองที่กว้างขึ้นค่ะ

ก่อนที่จะเข้าไปยังส่วนต่อไป เราจะเจอกับจอหน้าตาแบบนี้ ซึ่งด้านบนจอจะมี Sensor คอยจับภาพความเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ด้านหน้าจอ จุดต่างๆที่ปรากฏภายในจอจะเปลี่ยนไปตามท่าทางของคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า ตรงนี้เราสามารถเล่นสนุก Act หรือ Pose ท่าทางต่างๆได้ เมื่อท่าทางเราเปลี่ยนไป ภาพที่ปรากฎบนจอก็จะเปลี่ยนหรือขยับตามนั่นเองค่ะ

มาถึง Zone ต่อไปจะเป็น Zone ที่ให้เราค้นหาตัวตนค่ะ (Discover Your Living DNA) ห้องนี้จะใช้จอ LED ทั้งพื้นและผนัง ปรากฎวงกลมสีต่างๆที่เปรียบเหมือน DNA ของเรา

วิธีการก็ไม่ยาก แค่สแกน Code บน Wristband เรา แล้วก็ตอบคำถามไม่กี่ข้อ พอเสร็จข้อมูลจากตัวเครื่องก็จะส่งไปตามแท่งสีขาวข้างๆ ประมวลผลออกมาเป็น DNA ของเราบนผนัง LED ค่ะ

พอออกจากห้องก็ให้มารับ DNA Card ที่เคาน์เตอร์นี้

DNA Card ที่ได้ก็จะสามารถระบุได้ว่าคุณเป็นคนประเภทไหน ใน 3 Themes ของ AP WORLD เป็น GROWFLOW หรือ JOY คนแต่ละประเภทเป็นอย่างไร เหมือนเล่นเกมส์ทายนิสัยสนุกๆเลย

ของเราได้สีเขียวค่ะ Type GROW หรือยั่งยืนนั่นเองค่ะ

หลังจากที่เรารู้ว่าเราเป็นคนแบบไหนกันแล้ว ก็จะมีตัวอย่างโครงการของ AP ที่เหมาะกับคนแต่ละ Type มาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม 6 โครงการ แต่ละโครงการก็มีวิธี Present แตกต่างกัน เดี๋ยวเราลองไปดูกันทีละโครงการกันนะคะ

โครงการแรกคือ The SONNE ศรีนครินทร์ – บางนา เป็น Duplex Home รองรับผู้อยู่อาศัยกันได้ 3 Generations

โครงการนี้จะใช้เทคนิคเอา Projector Mapping ไปยังโมเดลบ้าน 3 ชั้น เราจะเห็นถึงฟังก์ชันใช้สอยต่างๆที่มีในบ้าน รวมไปถึงภาพจำลองการใช้ชีวิตของคนภายในบ้านด้วย

โครงการต่อมาคือ The Address สยาม – ราชเทวี อีกหนึ่งโครงการ High Rise ใหม่ใจกลางเมือง

ห้องนี้จะใช้ Projector ฉายไปที่ผนัง 3 ด้าน ตัวภาพที่ฉายเหมือนกับเรากำลังขึ้นลิฟต์ขึ้นไปทีละชั้น และเห็นทัศนียภาพการตกแต่งภายในของแต่ละห้องภายในโครงการนี้ด้วยค่ะ

โครงการต่อมาเป็นบ้านเดี่ยว The City เอกมัย – ลาดพร้าว ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ Clubhouse 2 อาคาร

ห้องนี้จะมีโมเดล Clubhouse ของโครงการตั้งอยู่ พร้อมกับ Projector Mapping จากบนเพดานลงมายังโมเดล เห็นถึงกิจกรรมต่างๆที่สามารถเกิดขึ้นภายใน Clubhouse

Grande Pleno ราชพฤกษ์ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องของโครงการนี้จะมีจอให้เราถ่ายรูปหน้าตัวเองลงไป อย่าลืมลองเล่นกันนะคะ

ใบหน้าของเราจะไปรวมกับตัว Animation ที่จะปรากฎลงไปใน Model Mapping ของ Clubhouse ภายในโครงการ เข้าไปในห้องก็จะเห็นภาพตัวเราเล่นฟิตเนส หรือนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำได้ น่ารักดีค่ะ 🙂

นอกจากนี้ยังมี โมเดลสวนและ Clubhouse ที่มี Projector ฉายภาพคนที่กำลังเล่นกิจกรรมต่างๆลงบนสวนสาธารณะและ Clubhouse อีกด้วย

ส่วนโครงการ Centro สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวนยูนิตไม่มากได้ความเป็นส่วนตัว

ภายในจึงเป็นการจัดแสดง Model ของโครงการล้อไปกับภาพจาก Projector ที่ฉายลงบนผนัง เห็นถึงการจัดวาง Master plan ของโครงการ มีการวางตัวบ้านที่คำนึงถึง ทิศทาง แดด ลม ฝนในทุกฤดู

โครงการสุดท้ายคือ Life Sathorn Sierra คอนโด High Rise ที่มีส่วนกลางให้มาขนาดใหญ่จัดเต็ม

ภายในห้องนี้ก็จะใช้เทคนิค Projector Mapping ลงบนผนัง 3 ด้าน สื่อให้เห็นถึงธรรมชาติที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร้ขีดจำกัด เหมือนกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ

หลังจากลองดูโครงการที่เหมาะกับตัวคุณแล้ว ถ้าใครที่สนใจโครงการไหนหรืออยากรู้ข้อมูลโครงการเพิ่มเติมก็จะมีพื้นที่สำหรับขอคำแนะนำหรือขอข้อมูลโครงการของ AP ได้ค่ะ

ความสำเร็จที่ยั่งยืนสำหรับตัวบริษัทและผู้อยู่อาศัยจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยตัวคนเดียวหรือหน่วยงานเพียงหน่วยเดียว ดังนั้นในโซนถัดมาจึงเป็นการจัดให้เห็นถึง Ecosystem of AP World แสดงให้เห็นถึงแบรนด์ต่างๆของ AP ที่สร้างมาเพื่อกลุ่มคนที่หลากหลายความต้องการ

นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆภายใต้ AP ที่ช่วย Support ธุรกิจหลักอย่างอสังหาริมทรัพย์ด้วย บริษัทเหล่านี้ก็จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับบริษัท AP เอง ช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้กับลูกบ้านของ AP ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความต้องการแตกต่างกัน เปรียบเสมือน ECOSYSTEM หรือระบบนิเวศน์ มีทั้งตัวอสังหาริมทรัพย์ การบริการ และนวัตกรรมต่างๆอยู่ด้วยกัน

มาถึง Zone สุดท้ายแล้ว ส่วนนี้มีชื่อว่า ” The Picnic with HAY & AP “

โซนนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโซนที่ทุกคนที่มาร่วมงานสามารถมานั่งเล่น พูดคุยกัน Sharing หรือแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆได้ โดยพื้นที่บริเวณนี้จะมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่มีการเชื่อมโยงต่อกัน สีสันสดใส สนุกสนาน โดยเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมาจัดวางนั้นได้มีการ Collaborate กับ HAY ซึ่งเป็นแบรนด์ Product Design ชื่อดังจากเดนมาร์ก ของจาก Brand นี้ถือว่าเป็นของใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ใช้โชว์ได้ด้วย เราเองก็อยากได้หลายชิ้นเลย

ก่อนจะไปนั่งเล่นเราสามารถไปรับเมนูของว่างที่จัดไว้ตาม Theme ของเราได้ด้วยนะคะ เพียงแค่สแกน Code บน Wristband ที่อยู่บนข้อมือเราก็รับขนมและเครื่องดื่มกรุบกริบไปทานได้เลย

3 Themes 3 เมนู หน้าตาน่าถ่ายรูปมาก อาจจะไม่กล้าทานกันได้ เพราะสวยเกินไปนะคะ 🙂

ขนมต่างๆถูกจัดลงบนภาชนะที่สดใสเหมาะกับ Themes นั้นๆด้วย ได้รับขนมแล้วเอามาแป่งปันเพื่อนที่ได้ Theme สีอื่นๆข้างๆกันได้นะคะ

นอกจากพื้นที่นั่งพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์แล้ว ก็ยังมีเวทีสร้างแรงบันดาลใจ โดยจะจัดเป็น Session ที่มีชื่อว่า The Conversation จาก AP x The Standard มีการสัมภาษณ์บุคคลจากหลายวงการ ตาม Theme ของ AP หัวข้อ Grow, Joyful and Flow

ถือว่านั่งทานขนมไป ฟังเรื่องราวดีๆที่ทาง AP และ The Standard เลือกมาแบ่งปันกันในงานนี้ได้เลย

ใครที่สนใจมางาน AP WORLD นี้ ก็สามารถแวะมาเยี่ยมชมกันได้ ที่ลาน Parc Paragon ถึงวันที่ 7 สิงหาคม นี้นะคะ และใครที่อยากมาฟังบนสนทนาสร้างแรงบันดาลใจอย่าง The Conversation Session มีตารางการสัมภาษณ์ตามนี้ สามารถติดตามชม live สดได้ในเฟซบุ๊คของ The Standard ได้เลยค่ะ

วันจันทร์ที่  5 สิงหาคม 16.00 – 17.00 น.
Grow & Green Mindset กับ โตโน่-ภาคิน และ พริ้ง-นิภัทรา จาก SEAC

วันอังคารที่  6 สิงหาคม 16.00 – 17.00 น. 
Joyful Generation กับ สองพี่น้อง จูนจูน – พัชชา และ บาส – นัฐวุฒิ พูนพิริยะ และทีมงานจาก Claymore Innovation Lab

วันพุธที่  7 สิงหาคม 16.00 – 17.00 น. 
Living in the Flow กับ นิ้วกลม สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ และทีมงาน Vaari Digital Disruption

ใครว่างก็แวะไปเดินเล่นกันได้นะคะ


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving