แสนสิริตอกย้ำความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ เผยมีที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ – พร้อมโอน มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ปิคแคมป์ก่อสร้าง 30 วัน ไม่กระทบ  มั่นใจผลงานตามเป้า จากยอดรับรู้รายได้ในครึ่งปีแรกและแบคล็อกที่ Secure เป้ารายได้ในปีนี้ไปแล้วถึง 78% เหลือที่ต้องทำอีกเพียง 22% ในครึ่งปีหลัง ก็จะทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลประกาศมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด– 19 ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นนั้น แสนสิริพร้อมปฏิบัติตามมาตรการรัฐ โดยให้ความร่วมมือปิดแคมป์งานก่อสร้าง 30 วัน รวมทั้งออกแนวทางส่งเสริมด้านความปลอดภัยในแคมป์ก่อสร้างอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยผลักดันการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด – 19 ให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อ

ทั้งนี้ สำหรับแสนสิริ ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง เนื่องจากบริษัทมีการวางแผนการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ (Speed to Market) รองรับทุกสถานการณ์ไว้แล้ว โดยล่าสุดแสนสิริมีที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ – พร้อมโอน #ของดีมีน้อย รองรับความต้องการลูกค้าได้ทันที ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท อาทิ คอนโดมิเนียมโครงการ XT ห้วยขวาง, XT เอกมัย, โอกะ เฮาส์, เดอะ เบส สะพานใหม่ KHUN by YOO inspired by Starck, เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต, ดีคอนโด บลิส ศรีราชา และลา ฮาบานา หัวหิน นอกจากนี้ยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิต และ เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา ในช่วงครึ่งปีหลัง

รวมถึงยังมีบ้านเดี่ยวแบรนด์คณาสิริ – สราญสิริ – บุราสิริ และเศรษฐสิริ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ อณาสิริ รวมถึงโครงการทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส หลากหลายระดับราคา ตอบรับความต้องการในทุกเซกเมนต์ให้เลือกถึงกว่า 57 โครงการ

“แสนสิริไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง สามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา รวมทั้งยังมีที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่ – พร้อมโอน รองรับความต้องการของลูกค้าได้ทันที รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการโอน และรับรู้รายได้ ในไตรมาส 2 เนื่องจากที่อยู่อาศัยที่ต้องส่งมอบได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งคาดการณ์ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบต่อภาพรวมในปีนี้ เนื่องจากแสนสิริได้เตรียมทำแผน catch up งานก่อสร้างหลังกลับมาเริ่มก่อสร้างได้ไว้เรียบร้อยแล้ว มั่นใจในผลการดำเนินงาน ที่จะทำได้ตามเป้าหมาย จากการที่บริษัทมียอดรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกและแบคล็อกที่ Secure เป้ารายได้ในปีนี้ไปแล้วถึง 78% เหลือที่ต้องทำอีกเพียง 22% ในครึ่งปีหลัง รวมถึงยอดโอนในช่วงครึ่งปีแรกที่ทำไปได้แล้วถึง 14,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดโอนที่วางไว้ในปีนี้ 31,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ และตอกย้ำความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริได้เป็นอย่างดี” นายเศรษฐา กล่าว

นอกจากนี้ แสนสิริยังมีจุดแข็งจากการมี การก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยระบบพรีคาสต์อยู่ในมือ ภายใต้กำลังการผลิตถึง 1.2 ล้านตารางเมตร รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ถึง 3,500 ยูนิตต่อปี ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยในโรงงานแห่งใหม่ ทำให้ลดแรงงานในงานก่อสร้าง แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ลดระยะเวลาในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย เช่น งานโครงสร้างได้แล้วเสร็จในระยะเวลาเพียง 3 – 7 วัน นอกจากนี้ การก่อสร้างด้วยระบบพรีคาสต์ ยังทำให้เกิดการผลิตหรืองานก่อสร้างที่มี Volume สูง ช่วยส่งเสริม Supply Chain ในอุตสาหกรรมก่อสร้างได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ล่าสุด แสนสิริยังชูความพร้อมในการพัฒนาที่อยู่อาศัยด้วยเทคโนโลยี และกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสต์ที่สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็ว โดยงานโครงสร้างที่อยู่อาศัยด้วยระบบพรีคาสต์แล้วเสร็จรองรับไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2565 เรียบร้อยแล้วซึ่งจะทำให้แสนสิริสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งควบคุมต้นทุนทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้แสนสิริดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งได้ในทุกสภาวการณ์