“อิตัลไทย” ถูกก่อตั้งในปีพ.ศ. 2498 จากความร่วมมือระหว่างดร.ชัยยุทธ กรรณสูต และ Mr. Giorgio Berlingiere หุ้นส่วนวิศวกรชาวอิตาเลียน
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกินครึ่งศตวรรษ “อิตัลไทย” เติบโตขึ้นและกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ภายใต้การนำของทายาทรุ่นที่สาม “ยุทธชัย จรณะจิตต์”
คุณท็อป-ยุทธชัย จรณะจิตต์ เป็นลูกชายคนโตของ “อดิศร-นิจพร จรณะจิตต์” หลานตาของดร.ชัยยุทธ กรรณสูต ซึ่งหลังจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากสหรัฐฯ เขาต้องเข้ามารับช่วงธุรกิจต่อทันที เนื่องจากคุณพ่อเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก
ก้าวแรกในการทำงานของเขาเริ่มในวัย 24 นับว่าเป็นภาระที่หนักมากสำหรับเด็กหนุ่มคนนึง บวกกับการที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 10 ขวบ พื้นฐานภาษาไทยอยู่แค่ป.4 ทำให้เขาประสบปัญหาทั้งการสื่อสารและการปรับตัว
ด้วยความมุ่งมั่นและอุตสาหะ ทำให้คุณท็อปพาบริษัทมาจนถึงวันนี้ ณ วันที่มียอดหมุนเวียน 13,000-14,000 ล้านบาท ปัจจุบันเขานั่งเก้าอี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอิตัลไทย ดูแลธุรกิจที่มีตั้งแต่ “ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ” อย่างที่เขาให้คำจำกัดความไว้
ธุรกิจของกลุ่มอิตัลไทย แบ่งได้เป็น 4 สายงานหลัก ได้แก่กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล, กลุ่มธุรกิจการบริหารด้านวิศวกรรม, กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจร้านอาหารและร้านค้าปลีก ซึ่งภาพรวมทั้งหมด คุณท็อปจะเป็นผู้ขยายความให้เราฟังอีกที
วันนี้ ถือเป็นโชคดีของพวกเรา ที่ได้มานั่งคุยกับคุณท็อป ในแง่ของภาพรวมและทิศทางของบริษัท พร้อมทั้งถามถึงผลตอบรับที่ได้รับหลังจากลงมาชิมลาง Amari Phuket Reidence
– สวัสดีค่ะ คุณท็อป ความที่ “อิตัลไทย” เป็นองค์กรที่ค่อนข้างใหญ่ หลายคนอาจยังไม่ค่อยเห็นภาพที่ชัดเจนนัก อยากให้คุณท็อปช่วยเล่าให้ฟังคร่าวๆ หน่อยค่ะ
“อิตัลไทย” แบ่งกลุ่มธุรกิจได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ธุรกิจแรกของกลุ่มอิตัลไทย “อิตัลไทยอุตสาหกรรม” (Italthai Industrial Group: ITI) เราทำธุรกิจเทรดดิ้งเหมือน BJC หรือ Diethelm แต่เราก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Construction Development ซึ่งเราก็เป็นดีลเลอร์ให้กับรถแมคโครของ Volvo ในประเทศไทยและประเทศลาว แล้วก็มีรถยก รถเครน “Tadano” ซึ่งเราก็เป็น ดีลเลอร์มานาน หลักๆ จะเน้นไปทาง Mobile Crane และTruck Crane และภายในเทรดดิ้ง ก็มีเครื่องดื่มด้วย อาทิไวน์ น้ำแร่ ตอนนี้เรากำลัง restructure แผนกเครื่องดื่มอยู่ แล้วอีกประมาณ 1-2 ปี ก็จะแยกออกมาให้ชัดเจนขึ้น
ธุรกิจที่สองคือ “ อิตัลไทยวิศวกรรม” หรือ (Italthai Engineering Group: ITE) ผู้รับเหมาทำงานระบบ ถนัดไปทางโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังลม ที่ลพบุรีและชัยภูมิ ตอนนี้เราร่วมกับ EGCO และ IRPC กลุ่มนี้โตค่อนข้างเร็ว ปัจจุบันเรากำลังพัฒนาทีมโยธาในการสร้างโรงงาน ก็ค่อนข้างไปได้ดี
ธุรกิจที่สาม คือ อุตสาหกรรมบริการและอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับการบริหารโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ ภายใต้แบรนด์ ONYX Hospitality Group ซึ่งเราตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลแบรนด์โรงแรมทั้งหมด ประมาณ 5 ปีที่แล้ว เรามีแค่ Amari แต่ตอนนี้เราสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาหลายแบรนด์ อาทิ Orental Residence Bangkok ครอบครัวเราเป็นเจ้าของ Mandarin Orental Bangkok ร่วมกับกลุ่มพาร์ทเนอร์ฮ่องกง เราก็เลยขอสิทธิ์ในการพัฒนา Orental Residence Bangkok ให้เป็นเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ขึ้นมา (บริเวณถ.วิทยุ) ซึ่งเรากำลังวางแผนจะสร้างที่ภูเก็ตด้วย
แบรนด์ที่สองคือ Amari Residence ที่แยกออกมาจาก Amari Resort ทางเราเลยต้องตั้ง Amari Estates ขึ้นมา เพื่อเป็นดีเวลลอปเปอร์ของ Amari Residence ทั้งหมด โครงการแรกเริ่มที่กรุงเทพ Amari Residence Bangkok โครงการที่สอง Amari Residence Huahin คอนโด 200 ห้อง ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงเดียวกับ Amari Huahin Hotel เป็นคอนโดแห่งแรกในเมืองไทยที่ไม่ได้ติดทะเล แต่ราคาสูงกว่าคอนโดที่ติดทะเล เริ่มต้นตร.มล่ะ 70,000 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท เหลืออยู่ประมาณไม่ถึง 20 ห้อง ความที่เราทำเป็น Fully Furnished ทำให้ดันราคาได้เยอะ
ภาพ: Amari Residence Huahin
ซึ่งผมก็ลงทุนสร้างโรงแรม 200 กว่าห้อง ลงไปเป็นพันล้าน โดยเรามองในระยะยาว ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของโรงแรม ซึ่งสำหรับคนทำอสังหาฯส่วนใหญ่คือ “ซื้อที่ให้ถูกที่สุด สร้างให้เร็วที่สุด แล้วก็ปล่อยให้เร็วที่สุด” แต่แนวคิดในการพัฒนาที่ดินของ Amari Estates ไม่เหมือนชาวบ้าน
หลังจากหัวหิน เราก็มาจับตลาดชาวต่างชาติที่ภูเก็ต เกิดเป็น Amari Residence Phuket ซึ่งเรามี Amari Phuket Hotel อยู่แล้ว ก็สร้างเพิ่มอีก 160-180 ห้อง โดยทางโรงแรมจะเป็นคนบริหารให้ และมีกำไรแบ่งชัดเจน ซึ่งเจ้าของมีสิทธิ์ในการถือครองเพียง 90 ปี ถ้าคุณอยู่ถึงคุณก็เห็น แต่ถ้าอยู่ไม่ถึงมันก็ตกทอดไปที่ลูกหลาน ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 170,000 บาท/ ตร.ม. เราตั้งเป้าไว้ว่าเราจะต้องทำให้ได้ถึง 200,000 บาท/ ตร.ม.
สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจคือ เราเป็นผู้บุกเบิกในการทำ Hotel Branded Residence เราไม่ได้ทำอสังหาฯ เฉยๆ ผมพยายามสร้างสินค้าที่ “พรีเมียม” เพื่อให้นักลงทุนเข้ามา มีผลตอบแทนในปีแรก คือเรากล้าทำราคาสูง แต่คนที่กล้ามาลงทุนกับเรา ผมก็กล้าที่จะให้ผลตอบแทนกับเขา นี่คือหัวใจหลักในการทำ “อสังหา” ของเรา เราทำสินค้าไม่เหมือนใคร ไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วรอขายเลหลัง เราเน้นที่คุณภาพ
จริงๆ แล้วผมเป็นคนทำโรงแรม แต่ผมพยายาม “Twist” ออกมาเพื่อที่จะสร้างความแตกต่าง ซึ่งเราสามารถเรียกกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการจะซื้อโรงแรมของเราในรูปของอสังหาฯ ซึ่งถ้าสังเกต “อิตัลไทย” จะเน้นการบริการ เวลาเราจะขายอะไร เราจะมีบริการพ่วงด้วยเสมอ ซึ่งอสังหาฯ จริงๆ คือการขายพื้นที่ คนล่ะเรื่องกับการทำโรงแรมเลย
– คุณท็อปมองว่า อสังหาฯ คือการขายพื้นที่เป็นตารางเมตร แต่สิ่งที่ทาง “อิตัลไทย” เน้นคือเลเยอร์ข้างบน ต้องการจะเพิ่มบริการให้สินค้าของเรา เพิ่มมูลค่าของแบรนด์ที่ทำให้สินค้ามี long term value และ sustainable
ถูกต้องครับ เพราะเราเป็น “นักลงทุนระยะยาว” เราไม่ได้หวังผลตอบแทนระยะสั้น ประเด็นที่ผมเน้นคือการสร้างแบรนด์ให้โรงแรม เสริมภาพลักษณ์ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามา ซึ่งในมุมมองของคนทำอสังหาฯ เขาจะไม่เข้าใจ สู้ทำตึกเดียว แล้วขายให้หมดภายในครั้งเดียวดีกว่า…และนี่คือกลุ่มโรงแรมและอสังหาฯ ที่เรากำลังทำอยู่
ธุรกิจกลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มรีเทล อย่างร้านชา TWG เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ปัจจุบันเรามี 3 สาขา และมีแผนจะเปิดสาขาที่ 4 ใน EmQuartier ซึ่งต่อไปเราก็คงพยายามดัน TWG ให้เข้าสู่โรงแรมมากขึ้น
นี่คือภาพรวมคร่าวๆ ของเราทั้งหมด ผมว่าเราต้องค่อยๆ สื่อสารกับทางภายนอกไป เพราะ “อิตัลไทย” จริงๆ แล้วกระจายมาก ตั้งแต่ “ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ”
Core Strength ของเราคือการพัฒนาคน สิ่งสำคัญตอนนี้เราพยายามจะสร้างกลุ่มคนของเราให้มีความสามารถที่จะรับ แล้วต้องสามารถเทียบได้ว่า เราอยู่ตรงไหน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ตรงไหน Product Competitive ขนาดไหน
– นี่อาจเป็นจุดยืนที่ทำให้แตกต่างจากผู้ประกอบการอสังหาฯ รายอื่นๆ
ครับ เพราะผมไม่ใช่นักพัฒนาอสังหาฯ ผมเป็นแค่คนที่ทำโรงแรม แล้วมาทำอสังหา เป็น Branded Hotel Residence สำหรับความต้องการของผมถ้าขายไม่ได้ราคาอย่าขาย คือเรารู้ว่าเรามีคุณค่า “สวยข้างใน” ผมว่าตรงนี้เป็นมุมมองที่แทบจะไม่เหมือนนักพัฒนาอสังหารายอื่นๆ เพราะทุกคนพยายามสร้างให้เยอะ
สำคัญที่สุดคือเราต้องรู้จักตัวเอง เราเริ่มจากคนทำโรงแรม 4 ดาว ตอนนี้เราเอื้อมไปทำ 5 ดาว หรือ 3 ดาว แล้วเราก็ยื่นมือไปทำเซอร์วิส อพารท์เมนต์ในเมืองจีนอีก สิ่งสำคัญคือเราถนัดตรงไหน คำว่า Specialization สำคัญมากสำหรับยุคนี้ คนที่ทำโรงแรมส่วนมากจะเป็น “Attention to Detail” อาจเรียกว่าเป็นกรรมก็ได้ (หัวเราะ)
คุณพ่อผม(อดิศร จรณะจิตต์)เสีย ตั้งแต่ผมอายุ 24 ทำให้ผมต้องเข้ามาทำงานตรงนี้ แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ ปีนี้อายุ 36 แล้ว ที่ผ่านมาก็ learning by doing เรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราทำมา มันได้สอนเรา เรียนจากคนที่ทำงานด้วย จากสื่อที่เราสัมภาษณ์ และความผิดพลาดที่เราทำ
เอาง่ายๆ Macaroon ขั้นตอนการทำยากมาก คือเรามีปืนกล พ่นออกมาได้ วันล่ะ 5,000 ชิ้น แล้วแต่ละตัวก็มีชาผสมอยู่ ขายเม็ดล่ะ 50 บาท ตอนนี้กลายเป็นแฟชั่นไปเลย ใครๆก็ทำขาย ทำให้เราได้น้อยลง อย่าง Macaroon 3 เม็ดนี้ ก็คือผมเลยนะ อาจดู “Simple Round and Happy” แต่มันก็ “so Complicated Inside” มีรายละเอียดเยอะ
– ในฐานะที่ธุรกิจหลักของ “อิตัลไทย” คือการเทรดดิ้ง ช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน ทางบริษัทได้ลงทุนอะไรใน AEC บ้าง
ในกลุ่มอิตัลไทย ก็จะมีไปที่ลาว โดยเราเลือกรถเครนของ Volvo ไปเปิดโชว์รูมที่ลาวได้ 3 ปี แล้ว ตอนนี้เราก็มีสาขาอยู่ที่เวียงจันทน์ สิ้นปีจะเปิดสาขาย่อยที่ปักเซ่ เชื่อมกับอุบล ส่วนตัวผมมองว่า AEC เริ่มมาตั้งนานแล้ว เห็นได้ชัดๆ ก็ในอุตสากรรมก่อสร้าง แทบจะไม่มีคนงานไทยเลย
ถ้ามองในมุมของบริษัท ก็น่าจะส่งผลดี…เพราะว่าเราสามารถเปิดตลาดได้กว้างขึ้น และเราจะได้คนต่างชาติที่มีความสามารถในการทำงานเข้ามาอีกเยอะ อย่างตอนนี้เราพยายามมองหาวิศวกรที่เป็นคนพม่า อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
– มาถึงคำถามสุดท้ายของวันนี้ ก้าวต่อไปของ “อิตัลไทย” จะเป็นอย่างไร
สภาพปัจจุบันตอบค่อนข้างยาก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องอยู่ได้ สำหรับผมต้องการหาลูกค้า แต่วันนี้ที่มาคุยกับ Think of Living วันนี้ผมไม่ได้ต้องการขายของ แต่ผมอยากให้เข้าใจภาพของ “อิตัลไทย” ในมุมมองของ Branded Residence มันเป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะผมว่าปีนี้คนที่กล้าจะทำอสังหาฯอย่างผม น้อยมากเลยนะครับ ทุกคนพับโครงการหมดเลย แต่เราก็ต้องทำเพราะว่าเราต้องขายให้ได้ แต่ขายในราคาที่เราตั้งไว้ ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก
กว่าที่เราจะปั้นสินค้ามาได้ เราต้องพิจารณาว่าเราจะใส่องค์ประกอบอะไรบ้าง ให้ออกมาดีมีคุณภาพ แต่ถ้าเอาเงินมากำหนดตั้งแต่ต้น ทำให้เราตัน ไม่เกิด “Creativity” สำคัญที่สุดคือ เราต้องกล้าที่จะทำ เพราะอสังหาและการก่อสร้างค่อนข้างเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก…
แม้บทสัมภาษณ์ของวันนี้ จะค่อนข้างแตกต่างจากผู้ประกอบด้านอสังหาฯ คนอืนๆ แต่ก็ทำให้เราเห็น “อิตัลไทย” ที่ชัดขึ้น ร่วมทั้งรายละเอียดลึกๆ ของภาพที่ “คุณท็อป-ยุทธชัย จรณะจิตต์” เป็นผู้บรรยายให้เราฟัง และเราเชื่อว่าภายใต้บังเหียนของผู้ชายคนนี้ “อิตัลไทย” จะยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ…